พบ vim ดร.วิศวเยอรมัน พุธนี้ สึ่ทุ่มครึ่ง tnn2
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1575
- ผู้ติดตาม: 0
พบ vim ดร.วิศวเยอรมัน พุธนี้ สึ่ทุ่มครึ่ง tnn2
โพสต์ที่ 1
พบชีวิตและชีวิตการลงทุนของ ดร.หนุ่ม จากเยอรมัน
vim แห่งไทยวีไอ
TNN2 พุธ 15 มค 57 22.30 น.
ฉายซ้ำ พฤหัส 9 น.
และตามด้วย youtube ครับ
vim แห่งไทยวีไอ
TNN2 พุธ 15 มค 57 22.30 น.
ฉายซ้ำ พฤหัส 9 น.
และตามด้วย youtube ครับ
ดู clip รายการ money talk ย้อนหลังได้ที่
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พบ vim ดร.วิศวเยอรมัน พุธนี้ สึ่ทุ่มครึ่ง tnn2
โพสต์ที่ 2
ปูเสื่อคนแรกเลยครับผมแต่คงไม่ได้ดู live นะครับ
ยังไงขอ link ด้วยครับ
ยังไงขอ link ด้วยครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พบ vim ดร.วิศวเยอรมัน พุธนี้ สึ่ทุ่มครึ่ง tnn2
โพสต์ที่ 11
รอชมครับ
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
Re: พบ vim ดร.วิศวเยอรมัน พุธนี้ สึ่ทุ่มครึ่ง tnn2
โพสต์ที่ 14
รอชมทางเน็ตครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- sorawut
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2494
- ผู้ติดตาม: 2
Re: พบ vim ดร.วิศวเยอรมัน พุธนี้ สึ่ทุ่มครึ่ง tnn2
โพสต์ที่ 15
ย้อนหลังครับ
[youtube]R5mVRDlKnOM[/youtube]
[youtube]R5mVRDlKnOM[/youtube]
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
- vim
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2770
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พบ vim ดร.วิศวเยอรมัน พุธนี้ สึ่ทุ่มครึ่ง tnn2
โพสต์ที่ 18
พึ่งได้ดูเหมือนกันครับ ผมนี่ทั้งพูดทั้งเขียนไม่ค่อยรู้เรื่องจริงๆ
มีประเด็นหนึ่งเรื่องลงทุนในยุโรปที่อยากเสริมครับ เข้าใจว่าบางท่านอาจจะไม่ค่อยคุ้น คือการลงทุนในยุโรปนั้น ประเทศหนึ่งๆก็จะมีตลาดหุ้นหลายแห่ง แต่ละตลาดหุ้นก็จะมีหลักทรัพย์ที่มาจดทะเบียนไม่เหมือนกัน ที่สำคัญคือหุ้นที่มาจดทะเบียนสามารถเป็นบริษัทต่างชาติได้ด้วย
ทำให้บริษัทในยุโรปแต่ละบริษัท ก็จดทะเบียนให้ซื้อขายได้ในหลายๆประเทศ บริษัทอเมริกา ญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งจีนและชาติอื่นๆก็มาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยุโรปได้
นักลงทุนในเยอรมัน เลยมักจะไม่ได้ลงทุนแค่ในเยอรมันครับ เพราะซื้อขายที่อื่นง่ายพอๆกันและสินค้าต่างชาติเป็นอะไรที่คนเยอรมันคุ้นเคย
พอเป็นเช่นนี้แล้ว นักลงทุนแต่ละคนก็ต้องเลือกลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่ตัวเองได้ประโยชน์สูงสุด ภาษีระหว่างประเทศจึงมีบทบาทค่อนข้างมากในการลงทุน ภาษีบางกรณีลดหย่อนได้ บางกรณีลดหย่อนไม่ได้ บางกรณีเคยลดหย่อนได้ก็ลดหย่อนไม่ได้แล้ว เปลี่ยนทุกๆปี โดยเฉพาะในเยอรมันที่กฎหมายภาษีค่อนข้างซับซ้อน ผู้คนในเยอรมันเลยนิยมลงทุนผ่านกองทุนรวมกันมากกว่าหุ้นครับ เพราะกองทุนจะเป็นคนจัดการเรื่องภาษีให้คุ้มค่าที่สุด
มีประเด็นหนึ่งเรื่องลงทุนในยุโรปที่อยากเสริมครับ เข้าใจว่าบางท่านอาจจะไม่ค่อยคุ้น คือการลงทุนในยุโรปนั้น ประเทศหนึ่งๆก็จะมีตลาดหุ้นหลายแห่ง แต่ละตลาดหุ้นก็จะมีหลักทรัพย์ที่มาจดทะเบียนไม่เหมือนกัน ที่สำคัญคือหุ้นที่มาจดทะเบียนสามารถเป็นบริษัทต่างชาติได้ด้วย
ทำให้บริษัทในยุโรปแต่ละบริษัท ก็จดทะเบียนให้ซื้อขายได้ในหลายๆประเทศ บริษัทอเมริกา ญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งจีนและชาติอื่นๆก็มาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยุโรปได้
นักลงทุนในเยอรมัน เลยมักจะไม่ได้ลงทุนแค่ในเยอรมันครับ เพราะซื้อขายที่อื่นง่ายพอๆกันและสินค้าต่างชาติเป็นอะไรที่คนเยอรมันคุ้นเคย
พอเป็นเช่นนี้แล้ว นักลงทุนแต่ละคนก็ต้องเลือกลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่ตัวเองได้ประโยชน์สูงสุด ภาษีระหว่างประเทศจึงมีบทบาทค่อนข้างมากในการลงทุน ภาษีบางกรณีลดหย่อนได้ บางกรณีลดหย่อนไม่ได้ บางกรณีเคยลดหย่อนได้ก็ลดหย่อนไม่ได้แล้ว เปลี่ยนทุกๆปี โดยเฉพาะในเยอรมันที่กฎหมายภาษีค่อนข้างซับซ้อน ผู้คนในเยอรมันเลยนิยมลงทุนผ่านกองทุนรวมกันมากกว่าหุ้นครับ เพราะกองทุนจะเป็นคนจัดการเรื่องภาษีให้คุ้มค่าที่สุด
Vi IMrovised
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พบ vim ดร.วิศวเยอรมัน พุธนี้ สึ่ทุ่มครึ่ง tnn2
โพสต์ที่ 19
ทำไมจะพูดไม่รู้เรื่องครับ พูดดีทีเดียว จริงๆ อยากให้คุณ vim พึ่งรู้ว่ามาจาก word processor จริงอยากให้คุณวิมขยายความเรื่องการเลือกหุ้นอีก เข้าใจว่าเวลาจำกัด เท่าที่สังเกต ในร้อยคนร้อยหุ้น คุณวิมสนใจหุ้นเทินอะราวไม่น้อยเหมือนกัน
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- vim
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2770
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พบ vim ดร.วิศวเยอรมัน พุธนี้ สึ่ทุ่มครึ่ง tnn2
โพสต์ที่ 20
ขอบคุณครับพี่ NB ด้านการลงทุนผมนั้นไม่ค่อยโชคโชนเท่าไหรครับ เพราะผมนั้นลงทุนมาได้ไม่นานมาก การลงทุนปัจจุบันยังเป็นการลองผิดลองถูกมาตลอด
ตั้งแต่ช่วงแรกๆของการลงทุนนั้นผมลงทุนในใจธุรกิจที่ราคาถูกเมื่อเทียบกับมูลค่าทางบัญชี (P/B < 1) และมีปันผลสูง (DY > 5%) ถ้าเป็นไปได้ก็ควรเป็นบริษัทที่มีระยะเวลาคืนทุนสั้นกว่าสิบปี (P/E < 10, ROE > 10%) ซึ่งสมัยนั้นพอนำหุ้นทั้งหมดในตลาดมากรองก็จะได้หุ้นที่น่าสนใจอยู่หลายตัวครับ
ต่อมาสักพักผมเริ่มเห็นว่าหุ้นส่วนใหญ่ที่เข้าข่ายนี้ มักจะเป็นหุ้นโรงงานบ้าง หุ้นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บ้าง หุ้นธุรกิจการเงินบ้าง หุ้นโภคภัณท์บ้าง ซึ่งธุรกิจพวกนี้มักมีความอ่อนไหว โรงงานที่ทำเงินได้ดีก็อาจเจอปัญหาถ้าลูกค้าเลิกสั่งซื้อ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็มีความเสี่ยงถ้าสร้างเสร็จแล้วไม่มีคนซื้อ เลวร้ายกว่านั้นคือถ้าลูกค้าทิ้งเงินดาวน์ระหว่างก่อสร้าง ทำให้บริษัทไม่มีเงินพอที่จะสร้างให้เสร็จ ส่วนธุรกิจการเงินนั้นก็มีความเสี่ยงแฝงไว้เต็มไปหมดเพราะนักลงทุนนั้นมักไม่ค่อยรู้ว่าบริษัทนำเงินไปลงทุนอะไรไว้บ้าง ขณะที่มี leverage สูง ถ้าผิดพลาดอะไรมาก็เจ๊งได้ง่ายๆ ปันผลที่เราได้ในวันนี้ วันหน้าเราอาจจะได้น้อยลง มูลค่าในอนาคตนั้นมันลดลงเรื่อยๆ
ขณะที่เมื่อเทียบกับบางธุรกิจนั้น แม้ว่าวันนี้รายได้จะน้อย แต่ธุรกิจนั้นมีความได้เปรียบบางประการอยู่ ถ้ามองไปยาวๆแล้วธุรกิจพวกนี้น่าจะมีรายได้สูงขึ้น มีกำไรมากขึ้น และแน่นอนว่าปันผลก็น่าจะเพิ่มขึ้นตาม
ตอนนั้นผมเลยคิดได้ว่า Value Investment นั้นมองได้สองมุม คือเป็นทั้งการลงทุนเน้นมูลค่า และการลงทุนเน้นคุณค่า ที่ผ่านมาผมให้ความสำคัญกับมูลค่ามากเกินไป ไม่ได้มองที่คุณค่าที่ได้จากหุ้นนั้น
ผมจึงเปลี่ยนมาถือหุ้นโดยการมองที่ตัวธุรกิจมากขึ้น มองไปอีกห้าปีสิบปีว่าบริษัทไหนนั้นจะยิ่งใหญ่ขึ้นมาก แล้วก็ซื้อบริษัทนั้น แต่บริษัทพวกนี้มักซื้อขายกันในราคาที่ไม่ถูกนัก เช่นบริษัทค้าปลีก โรงพยาบาล พลังงานทางเลือก โดยส่วนตัวผมคิดว่าการที่ซื้อหุ้นคุณค่าที่ราคาสูงเกินไปนั้นอาจไม่ใช่การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดี บางทีอาจจะต้องรอจังหวะซื้อและระหว่างนั้นก็ไปศึกษาหุ้นตัวอื่น
พอศึกษาไปๆมาๆ ผมก็ไปพบว่าบางบริษัทนั้นคุณภาพก็ไม่ได้ดีมากมาย บางบริษัทถึงขั้นเละ กำไรปัจจุบันนั้นก็ไม่ได้สูงอะไร แต่ว่าลึกๆแล้วบริษัทมีศักยภาพสูงมาก เช่นที่ดินของบริษัทอยู่ในทำเลที่ราคาสูงมากแต่ผู้บริหารไม่ยอมขายทำกำไร หรือบริษัทโรงงานมีความสามารถในการผลิตสินค้าแต่ด้วยเหตุบางอย่างทำให้โรงงานใช้งานไม่ได้ บริษัทต่างประเทศมีเทคโนโลยีที่สามารถผลิตสินค้าได้ต้นทุนถูกกว่าคู่แข่งเป็นสิบเท่าแต่ยังไม่มีเงินทุนผลิต บริษัทอนิเมชันของโลกที่มัวแต่ไปโฟกัสธุรกิจถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์โดยไม่สนใจธุรกิจดั้งเดิม บริษัทประกันชีวิตที่ขาดทุนจากเงินลงทุนในพันธบัตรประเทศในยุโรปทำให้ฐานะทางการเงินอ่อนแอลงจนราคาซื้อขายนั้นต่ำกว่า Embedded Value และอีกหลายๆบริษัทที่ไม่ได้ดีพร้อมแต่มีคุณค่าแฝงอยู่ในราคาที่ล่อตาล่อใจ
บริษัทพวกนี้อาจไม่ได้ดีเลิศ แต่ราคาตลาดนั้นดูเหมือนจะต่ำกว่าราคาที่ควรจะเป็นเพราะการบริหารผิดพลาด หุ้นพวกนี้ถ้าเป็นสมัยก่อนผมจะไม่มองเลย เพราะไม่ค่อยมีปันผล แต่ภายหลังผมมาพบว่าบางทีมันให้ผลตอบแทนในระยะสั้นๆที่สูงมาก ถ้าเราซื้อได้ในจังหวะที่ดี
ซึ่งตรงนี้น่าจะเหมือนกับหุ้น Turnaround ที่พี่ NB พูดถึงครับ บางทีผมมองว่ามันคล้ายๆกับหุ้น Assets Play ในมุมที่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ทำให้มูลค่าบริษัทสูงขึ้น แต่สัดส่วนการลงทุนของผมในหุ้นพวกนี้น้อยมากครับ กลัวว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย ที่ผ่านมามีแค่สามสี่ครั้งที่กล้าลงทุนจริงๆ ซึ่งมีทั้งกำไรและขาดทุนครับ
ส่วนที่เคยขาดทุนนั้นเป็นบริษัทโรงงานในไทย บริษัทเคยอยู่ในหมวดธุรกิจหนึ่งซึ่งมีมาร์จินสูงมาก แต่ด้วยการที่ลูกค้าเริ่มสั่งสินค้าลดลงทำให้บริษัทต้องหันไปบุกตลาดอื่นที่ตัวเองไม่ถนัด ถ้าดูตัวเลขขนาดตลาดและปริมาณยอดขายแล้วดูน่าสนใจมาก แต่สุดท้ายกำไรกลับไม่ได้อย่างที่คาดเพราะธุรกิจใหม่นั้นมีการแข่งขันสูงมาก แทนที่ยอดขายเพิ่มแล้วกำไรจะเพิ่มกลับเป็นขาดทุน ผมผิดพลาดที่ซื้อหุ้นบริษัทนี้ทั้งๆที่ความรู้ในธุรกิจของบริษัทยังไม่ดีพอ มัวแต่ไปดูข้อมูลตัวเลขทางบัญชีแบบครึ่งๆกลางๆเลยเจ็บตัวครับ
ที่เคยกำไรมากๆนั้นเป็นธุรกิจโรงงานที่อเมริกาครับ ธุรกิจเดิมของบริษัทนั้นผลิตแผง PV พลังงานแสงอาทิตย์ ตอนนั้นบริษัทมีตัวเลขทางบัญชีเน่ามากเพราะสู้ราคากับบริษัทในจีนไม่ไหว แต่ผุ้บริหารนั้นเก่งมากที่พลิกบริษัทมาพัฒนาการผลิตวัตถุดิบที่เรียกว่าแซฟไฟร์ (Sapphire) ซึ่งวัตถุดิบนี้เป็นสิ่งที่เทคโนโลยีในอนาคตต้องใช้ครับ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นกระจกบนนาฬิกาข้อมือราคาแพงและโทรศัพท์มือถือในอนาคต หรือแม้กระทั่งเป็นฐานรองหลองไฟ LED ซึ่งผมบังเอิญทำงานเกี่ยวกับตรงนี้พอดีจึงมองเห็นความแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์ครับ ถ้าไม่ได้ทำงานตรงนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมั่นใจถึงขนาดจะซื้อหุ้นของบริษัทไหม
จากสองกรณีนี้ ทำให้ระยะหลังผมมักทิ้งข้อมูลบัญชีไปเลย เพราะว่าตัวเลขในบัญชีมันจะมาช้ากว่าทิศทางของธุรกิจ ถ้าธุรกิจมันดีขึ้นตัวเลขมันก็จะดีขึ้น ไม่ใช่ตัวเลขดีแล้วธุรกิจถึงจะดี นอกจากนั้นความสามารถทางตัวเลขทางบัญชีของผมนั้นอ่อนด้อยมากครับ
ผมบ่นมายาวเลย สรุปทั้งผมที่ผมเขียนมา เป็นแผนภูมิสั้นๆคือ
มูลค่า \ คุณค่า ............ แย่หรือกลางๆ ............. ดีมาก
แพง .................................ไม่ซื้อ ...................รอจังหวะ
ถูก ............................... ดูรายกรณี ................. ซื้อ
สั้นๆแค่นี้แหละครับ
ตั้งแต่ช่วงแรกๆของการลงทุนนั้นผมลงทุนในใจธุรกิจที่ราคาถูกเมื่อเทียบกับมูลค่าทางบัญชี (P/B < 1) และมีปันผลสูง (DY > 5%) ถ้าเป็นไปได้ก็ควรเป็นบริษัทที่มีระยะเวลาคืนทุนสั้นกว่าสิบปี (P/E < 10, ROE > 10%) ซึ่งสมัยนั้นพอนำหุ้นทั้งหมดในตลาดมากรองก็จะได้หุ้นที่น่าสนใจอยู่หลายตัวครับ
ต่อมาสักพักผมเริ่มเห็นว่าหุ้นส่วนใหญ่ที่เข้าข่ายนี้ มักจะเป็นหุ้นโรงงานบ้าง หุ้นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บ้าง หุ้นธุรกิจการเงินบ้าง หุ้นโภคภัณท์บ้าง ซึ่งธุรกิจพวกนี้มักมีความอ่อนไหว โรงงานที่ทำเงินได้ดีก็อาจเจอปัญหาถ้าลูกค้าเลิกสั่งซื้อ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็มีความเสี่ยงถ้าสร้างเสร็จแล้วไม่มีคนซื้อ เลวร้ายกว่านั้นคือถ้าลูกค้าทิ้งเงินดาวน์ระหว่างก่อสร้าง ทำให้บริษัทไม่มีเงินพอที่จะสร้างให้เสร็จ ส่วนธุรกิจการเงินนั้นก็มีความเสี่ยงแฝงไว้เต็มไปหมดเพราะนักลงทุนนั้นมักไม่ค่อยรู้ว่าบริษัทนำเงินไปลงทุนอะไรไว้บ้าง ขณะที่มี leverage สูง ถ้าผิดพลาดอะไรมาก็เจ๊งได้ง่ายๆ ปันผลที่เราได้ในวันนี้ วันหน้าเราอาจจะได้น้อยลง มูลค่าในอนาคตนั้นมันลดลงเรื่อยๆ
ขณะที่เมื่อเทียบกับบางธุรกิจนั้น แม้ว่าวันนี้รายได้จะน้อย แต่ธุรกิจนั้นมีความได้เปรียบบางประการอยู่ ถ้ามองไปยาวๆแล้วธุรกิจพวกนี้น่าจะมีรายได้สูงขึ้น มีกำไรมากขึ้น และแน่นอนว่าปันผลก็น่าจะเพิ่มขึ้นตาม
ตอนนั้นผมเลยคิดได้ว่า Value Investment นั้นมองได้สองมุม คือเป็นทั้งการลงทุนเน้นมูลค่า และการลงทุนเน้นคุณค่า ที่ผ่านมาผมให้ความสำคัญกับมูลค่ามากเกินไป ไม่ได้มองที่คุณค่าที่ได้จากหุ้นนั้น
ผมจึงเปลี่ยนมาถือหุ้นโดยการมองที่ตัวธุรกิจมากขึ้น มองไปอีกห้าปีสิบปีว่าบริษัทไหนนั้นจะยิ่งใหญ่ขึ้นมาก แล้วก็ซื้อบริษัทนั้น แต่บริษัทพวกนี้มักซื้อขายกันในราคาที่ไม่ถูกนัก เช่นบริษัทค้าปลีก โรงพยาบาล พลังงานทางเลือก โดยส่วนตัวผมคิดว่าการที่ซื้อหุ้นคุณค่าที่ราคาสูงเกินไปนั้นอาจไม่ใช่การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดี บางทีอาจจะต้องรอจังหวะซื้อและระหว่างนั้นก็ไปศึกษาหุ้นตัวอื่น
พอศึกษาไปๆมาๆ ผมก็ไปพบว่าบางบริษัทนั้นคุณภาพก็ไม่ได้ดีมากมาย บางบริษัทถึงขั้นเละ กำไรปัจจุบันนั้นก็ไม่ได้สูงอะไร แต่ว่าลึกๆแล้วบริษัทมีศักยภาพสูงมาก เช่นที่ดินของบริษัทอยู่ในทำเลที่ราคาสูงมากแต่ผู้บริหารไม่ยอมขายทำกำไร หรือบริษัทโรงงานมีความสามารถในการผลิตสินค้าแต่ด้วยเหตุบางอย่างทำให้โรงงานใช้งานไม่ได้ บริษัทต่างประเทศมีเทคโนโลยีที่สามารถผลิตสินค้าได้ต้นทุนถูกกว่าคู่แข่งเป็นสิบเท่าแต่ยังไม่มีเงินทุนผลิต บริษัทอนิเมชันของโลกที่มัวแต่ไปโฟกัสธุรกิจถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์โดยไม่สนใจธุรกิจดั้งเดิม บริษัทประกันชีวิตที่ขาดทุนจากเงินลงทุนในพันธบัตรประเทศในยุโรปทำให้ฐานะทางการเงินอ่อนแอลงจนราคาซื้อขายนั้นต่ำกว่า Embedded Value และอีกหลายๆบริษัทที่ไม่ได้ดีพร้อมแต่มีคุณค่าแฝงอยู่ในราคาที่ล่อตาล่อใจ
บริษัทพวกนี้อาจไม่ได้ดีเลิศ แต่ราคาตลาดนั้นดูเหมือนจะต่ำกว่าราคาที่ควรจะเป็นเพราะการบริหารผิดพลาด หุ้นพวกนี้ถ้าเป็นสมัยก่อนผมจะไม่มองเลย เพราะไม่ค่อยมีปันผล แต่ภายหลังผมมาพบว่าบางทีมันให้ผลตอบแทนในระยะสั้นๆที่สูงมาก ถ้าเราซื้อได้ในจังหวะที่ดี
ซึ่งตรงนี้น่าจะเหมือนกับหุ้น Turnaround ที่พี่ NB พูดถึงครับ บางทีผมมองว่ามันคล้ายๆกับหุ้น Assets Play ในมุมที่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ทำให้มูลค่าบริษัทสูงขึ้น แต่สัดส่วนการลงทุนของผมในหุ้นพวกนี้น้อยมากครับ กลัวว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย ที่ผ่านมามีแค่สามสี่ครั้งที่กล้าลงทุนจริงๆ ซึ่งมีทั้งกำไรและขาดทุนครับ
ส่วนที่เคยขาดทุนนั้นเป็นบริษัทโรงงานในไทย บริษัทเคยอยู่ในหมวดธุรกิจหนึ่งซึ่งมีมาร์จินสูงมาก แต่ด้วยการที่ลูกค้าเริ่มสั่งสินค้าลดลงทำให้บริษัทต้องหันไปบุกตลาดอื่นที่ตัวเองไม่ถนัด ถ้าดูตัวเลขขนาดตลาดและปริมาณยอดขายแล้วดูน่าสนใจมาก แต่สุดท้ายกำไรกลับไม่ได้อย่างที่คาดเพราะธุรกิจใหม่นั้นมีการแข่งขันสูงมาก แทนที่ยอดขายเพิ่มแล้วกำไรจะเพิ่มกลับเป็นขาดทุน ผมผิดพลาดที่ซื้อหุ้นบริษัทนี้ทั้งๆที่ความรู้ในธุรกิจของบริษัทยังไม่ดีพอ มัวแต่ไปดูข้อมูลตัวเลขทางบัญชีแบบครึ่งๆกลางๆเลยเจ็บตัวครับ
ที่เคยกำไรมากๆนั้นเป็นธุรกิจโรงงานที่อเมริกาครับ ธุรกิจเดิมของบริษัทนั้นผลิตแผง PV พลังงานแสงอาทิตย์ ตอนนั้นบริษัทมีตัวเลขทางบัญชีเน่ามากเพราะสู้ราคากับบริษัทในจีนไม่ไหว แต่ผุ้บริหารนั้นเก่งมากที่พลิกบริษัทมาพัฒนาการผลิตวัตถุดิบที่เรียกว่าแซฟไฟร์ (Sapphire) ซึ่งวัตถุดิบนี้เป็นสิ่งที่เทคโนโลยีในอนาคตต้องใช้ครับ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นกระจกบนนาฬิกาข้อมือราคาแพงและโทรศัพท์มือถือในอนาคต หรือแม้กระทั่งเป็นฐานรองหลองไฟ LED ซึ่งผมบังเอิญทำงานเกี่ยวกับตรงนี้พอดีจึงมองเห็นความแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์ครับ ถ้าไม่ได้ทำงานตรงนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมั่นใจถึงขนาดจะซื้อหุ้นของบริษัทไหม
จากสองกรณีนี้ ทำให้ระยะหลังผมมักทิ้งข้อมูลบัญชีไปเลย เพราะว่าตัวเลขในบัญชีมันจะมาช้ากว่าทิศทางของธุรกิจ ถ้าธุรกิจมันดีขึ้นตัวเลขมันก็จะดีขึ้น ไม่ใช่ตัวเลขดีแล้วธุรกิจถึงจะดี นอกจากนั้นความสามารถทางตัวเลขทางบัญชีของผมนั้นอ่อนด้อยมากครับ
ผมบ่นมายาวเลย สรุปทั้งผมที่ผมเขียนมา เป็นแผนภูมิสั้นๆคือ
มูลค่า \ คุณค่า ............ แย่หรือกลางๆ ............. ดีมาก
แพง .................................ไม่ซื้อ ...................รอจังหวะ
ถูก ............................... ดูรายกรณี ................. ซื้อ
สั้นๆแค่นี้แหละครับ
Vi IMrovised
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พบ vim ดร.วิศวเยอรมัน พุธนี้ สึ่ทุ่มครึ่ง tnn2
โพสต์ที่ 21
vim เขียน:
จากสองกรณีนี้ ทำให้ระยะหลังผมมักทิ้งข้อมูลบัญชีไปเลย เพราะว่าตัวเลขในบัญชีมันจะมาช้ากว่าทิศทางของธุรกิจ ถ้าธุรกิจมันดีขึ้นตัวเลขมันก็จะดีขึ้น ไม่ใช่ตัวเลขดีแล้วธุรกิจถึงจะดี นอกจากนั้นความสามารถทางตัวเลขทางบัญชีของผมนั้นอ่อนด้อยมากครับ
โอ้แรงครับ แต่ก็ทำให้เห็นมุมมองอีกแบบ ขอบคุณมากครับ ดร.วิม
ปล. ผมใส่ชื่อ ดร.วิม ไว้เป็นอีกชื่อที่พี่จะลอกหุ้นแล้วนะครับ ไปไหนไปด้วย ยกเว้น ดอยไม่ไปนะครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- vim
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2770
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พบ vim ดร.วิศวเยอรมัน พุธนี้ สึ่ทุ่มครึ่ง tnn2
โพสต์ที่ 22
ผมแอบลอกจากพี่ประจำครับ ลอกกันไปลอกกันมาก็ได้ตัวเดิมๆแหละครับNevercry.boy เขียน: ปล. ผมใส่ชื่อ ดร.วิม ไว้เป็นอีกชื่อที่พี่จะลอกหุ้นแล้วนะครับ ไปไหนไปด้วย ยกเว้น ดอยไม่ไปนะครับ
Vi IMrovised