Float มหัศจรรย์ความรวยของBuffett
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 411
- ผู้ติดตาม: 1
Float มหัศจรรย์ความรวยของBuffett
โพสต์ที่ 1
Floatคือเงินที่ลูกค้าประกันชำระค่าเบี้ยไว้
แต่บริษัทประกันยังไม่ได้จ่ายออกไปตามการเคลมของลูกค้า
เงินfloatนี้ บริษัทประกันสามารถนำไปใช้ลงทุนหาผลประโยชน์ได้โดยไม่ต้องเสียค่าดอกเบี้ย
เมื่อBuffettซื้อธุรกิจประกันครั้งแรกเมื่อปี1970 เงินfloatมีมูลค่าเพียง39ล้านเหรียญ
เงินfloatนี้เพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะBuffettซื้อธุรกิจประกันอย่างต่อเนื่อง
ปีล่าสุด2113 เงินfloatของกลุ่มบริษัทประกันBerkshireมีมูลค่า77,240ล้านเหรียญ
เงินเหล่านี้ไม่ใช่เงินของBirkshire และลงบัญชีเป็นหนี้สิน
แต่Buffettสามารถนำเงินนี้ไปใช้ลงทุนซื้อกิจการได้
เงินพวกนี้บางส่วนเป็นเงินระยะสั้นบางส่วนระยะยาว
Buffettทำผลตอบแทนเงินลงทุนได้เฉลี่ย20%ต่อปีตลอดชีวิตการลงทุน
เงิน7.7หมื่นล้านเหรียญของคนอื่น Buffettจะได้กำไร1.5หมื่นล้านต่อปีเข้ากระเป๋าBirkshire
นอกจากไม่เสียดอกเบี้ยแล้ว การที่บริษัทประกันทำกำไรได้ต่อเนื่อง
เท่ากับว่าBuffettเอาเงินคนอื่นมาใช้ฟรีโดยไม่เสียดอกเบี้ย
แล้วยังได้ค่าจ้างเก็บรักษาเงินอีกต่างหาก
จริงๆธุรกิจประกันของBirkshireไม่ได้ทำกำไรมากมายเท่าไรนัก
แต่Buffettทำกำไรได้มหาศาลจากการเอาfloatไปลงทุน
มากกว่ากำไรจากตัวธุรกิจประกันเองมากมายหลายเท่า
Buffettจึงซื้อธุรกิจประกันอย่างมากมายแม้ตัวธุรกิจไม่ค่อยได้กำไรมากนัก
แต่ก็เพื่อเพิ่มเงินfloatให้มากขึ้นอยู่ตลอดเวลา
Buffettเคยพูดว่าถือเงินสดอย่างน้อย2หมื่นล้านเหรียญตลอดเวลา
เพื่อรอคอยโอกาสในการลงทุนขนาดยักษ์ที่คุ้มค่า
ทุกครั้งที่เกิดวิกฤติBirkshireจึงเป็นกลุ่มที่มีเงินสดมากที่สุด
ในการฉกฉวยโอกาสจากของดีราคาถูกที่คนอื่นเร่ขายหนีตาย
อาจกล่าวได้ว่าfloatคือท่าไม้ตายของBuffett
ในการเป็นสุดยอดนักลงทุนของโลก
แต่บริษัทประกันยังไม่ได้จ่ายออกไปตามการเคลมของลูกค้า
เงินfloatนี้ บริษัทประกันสามารถนำไปใช้ลงทุนหาผลประโยชน์ได้โดยไม่ต้องเสียค่าดอกเบี้ย
เมื่อBuffettซื้อธุรกิจประกันครั้งแรกเมื่อปี1970 เงินfloatมีมูลค่าเพียง39ล้านเหรียญ
เงินfloatนี้เพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะBuffettซื้อธุรกิจประกันอย่างต่อเนื่อง
ปีล่าสุด2113 เงินfloatของกลุ่มบริษัทประกันBerkshireมีมูลค่า77,240ล้านเหรียญ
เงินเหล่านี้ไม่ใช่เงินของBirkshire และลงบัญชีเป็นหนี้สิน
แต่Buffettสามารถนำเงินนี้ไปใช้ลงทุนซื้อกิจการได้
เงินพวกนี้บางส่วนเป็นเงินระยะสั้นบางส่วนระยะยาว
Buffettทำผลตอบแทนเงินลงทุนได้เฉลี่ย20%ต่อปีตลอดชีวิตการลงทุน
เงิน7.7หมื่นล้านเหรียญของคนอื่น Buffettจะได้กำไร1.5หมื่นล้านต่อปีเข้ากระเป๋าBirkshire
นอกจากไม่เสียดอกเบี้ยแล้ว การที่บริษัทประกันทำกำไรได้ต่อเนื่อง
เท่ากับว่าBuffettเอาเงินคนอื่นมาใช้ฟรีโดยไม่เสียดอกเบี้ย
แล้วยังได้ค่าจ้างเก็บรักษาเงินอีกต่างหาก
จริงๆธุรกิจประกันของBirkshireไม่ได้ทำกำไรมากมายเท่าไรนัก
แต่Buffettทำกำไรได้มหาศาลจากการเอาfloatไปลงทุน
มากกว่ากำไรจากตัวธุรกิจประกันเองมากมายหลายเท่า
Buffettจึงซื้อธุรกิจประกันอย่างมากมายแม้ตัวธุรกิจไม่ค่อยได้กำไรมากนัก
แต่ก็เพื่อเพิ่มเงินfloatให้มากขึ้นอยู่ตลอดเวลา
Buffettเคยพูดว่าถือเงินสดอย่างน้อย2หมื่นล้านเหรียญตลอดเวลา
เพื่อรอคอยโอกาสในการลงทุนขนาดยักษ์ที่คุ้มค่า
ทุกครั้งที่เกิดวิกฤติBirkshireจึงเป็นกลุ่มที่มีเงินสดมากที่สุด
ในการฉกฉวยโอกาสจากของดีราคาถูกที่คนอื่นเร่ขายหนีตาย
อาจกล่าวได้ว่าfloatคือท่าไม้ตายของBuffett
ในการเป็นสุดยอดนักลงทุนของโลก
- newbie_12
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2912
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Float มหัศจรรย์ความรวยของBuffett
โพสต์ที่ 2
ในเมกามีกฏเหมือนไทยมั้ยครับ ในไทยถ้าจำไม่ผิด เงินที่เก็บจากลูกค้า เอาไปลงหุ้นได้ 10% ที่เหลือให้ลงในรูปแบบพันธบัตร
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
- vim
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2770
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Float มหัศจรรย์ความรวยของBuffett
โพสต์ที่ 4
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นบริษัทประกันบริษัทไหนก็ได้นะครับ บัฟเฟตต์พิจารณานอกเหนือไปจากนี้ด้วยครับ
ถ้าผมจำไม่ผิดไกโก้ (GEICO) นั้นบัฟเฟทต์ซื้อในสมัยที่เป็นบริษัทประกันลำดับ 6-7 ของตลาด ปัจจุบันขึ้นมาอยู่อันดับที่ 2 แล้ว ก็แสดงให้เห็นว่ามีอะไรที่ไกโก้ดีกว่าชาวบ้านอยู่ไม่น้อย
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ไกโก้เด่นกว่าคู่แข่ง คือต้นทุนที่ต่ำกว่า เพราะคู่แข่งนั้นขายประกันผ่านช่องทางตัวแทนประกันที่บริษัทต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้สูง แต่ไกโก้เน้นช่องทางอื่นๆเช่นขชายผ่านโทรศัพท์ ขายผ่านอินเตอร์เน็ต
การที่ต้นทนต่ำมากนี้เอง ทำให้บริษัทสามารถได้ผลตอบแทนหลังหักต้นทุนแล้วสูงมากขึ้นไปอีก
บริษัทประกันบางบริษัทที่นำ float ไปลงทุนได้ ROI สูงแต่ค่าใช้จ่ายก็สูงตามตัว บริษัทพวกนี้ผมไม่คิดว่าบัฟเฟตต์จะลงทุนครับ โดยความเห็นส่วนตัว
ถ้าผมจำไม่ผิดไกโก้ (GEICO) นั้นบัฟเฟทต์ซื้อในสมัยที่เป็นบริษัทประกันลำดับ 6-7 ของตลาด ปัจจุบันขึ้นมาอยู่อันดับที่ 2 แล้ว ก็แสดงให้เห็นว่ามีอะไรที่ไกโก้ดีกว่าชาวบ้านอยู่ไม่น้อย
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ไกโก้เด่นกว่าคู่แข่ง คือต้นทุนที่ต่ำกว่า เพราะคู่แข่งนั้นขายประกันผ่านช่องทางตัวแทนประกันที่บริษัทต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้สูง แต่ไกโก้เน้นช่องทางอื่นๆเช่นขชายผ่านโทรศัพท์ ขายผ่านอินเตอร์เน็ต
การที่ต้นทนต่ำมากนี้เอง ทำให้บริษัทสามารถได้ผลตอบแทนหลังหักต้นทุนแล้วสูงมากขึ้นไปอีก
บริษัทประกันบางบริษัทที่นำ float ไปลงทุนได้ ROI สูงแต่ค่าใช้จ่ายก็สูงตามตัว บริษัทพวกนี้ผมไม่คิดว่าบัฟเฟตต์จะลงทุนครับ โดยความเห็นส่วนตัว
Vi IMrovised
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Float มหัศจรรย์ความรวยของBuffett
โพสต์ที่ 5
ลงหุ้นได้ 30% ของสินทรัพย์ลงทุนครับ (+มีข้อยกเว้น)newbie_12 เขียน:ในเมกามีกฏเหมือนไทยมั้ยครับ ในไทยถ้าจำไม่ผิด เงินที่เก็บจากลูกค้า เอาไปลงหุ้นได้ 10% ที่เหลือให้ลงในรูปแบบพันธบัตร
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
-
- Verified User
- โพสต์: 258
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Float มหัศจรรย์ความรวยของBuffett
โพสต์ที่ 6
ขอเพิ่มเติมข้อมูลหน่อยนะครับ
ได้จากความจำนะครับ อาจไม่ครบถ้วน
บริษัทประกันโดยทั่วไปจะแบ่งเป็น ฝ่ายดำเนินการ (operation) ผู้รับผิดชอบสูงสุด คือ CEO
อีกฝ่ายคือ ฝ่ายลงทุน (Investment) ผู้รับผิดชอบสูงสุด คือ CIO
ธุรกิจประกันของ berkshire มีหลายส่วนนะครับ ถ้าเป็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับ GIECO
กลุ่มนี้จะเป็นยอดฝีมือ ชื่อ Ajit jan ครับ คนนี้เก่งมากครับ แกจะเป็นคนดูว่าแบบไหนควรรับประกัน
หรือไม่รับ ถ้ารับควรจะตั้งราคาเท่าไรทำนองนี้ครับ
บัพเฟตเคยเล่าหรือเขียนไว้ที่ไหนสักแห่ง บอกว่า ถ้าเผอิญมีคนจะจมน้ำอยู่สองคน
คือ เค้าเองกับ Ajit ให้รีบไปช่วย Ajit ก่อนเลยครับ
ส่วน GIECO ซึ่งเป็นบริษัทลูก มียอดฝีมืออีกคน ชื่อ Tony Nicely คนนี้ทำงานกับบริษัทมาตั้งแต่อายุ 20 (ถ้าจำไม่ผิดนะครับ)
สามารถทำให้ GIECO ไต่ระดับ mkt share จากระดับ 6-7 มาระดับ 2 ได้ครับ (ตามที่คุณ vim บอก)
ส่วนฝ่าย CIO เมื่อก่อนมียอดฝีมือด้าน investment คือ Lou Simpson ผลตอบแทน 15 ปีไม่แพ้ buffet นะครับ
แต่ตอนนี้เกษียนไปแล้วครับ
ทั้งหมดหาอ่านได้จากหนังสือ ซีอีโอ ของ วอเรน บัพเฟต (The Warren Buffett CEO)
ได้จากความจำนะครับ อาจไม่ครบถ้วน
บริษัทประกันโดยทั่วไปจะแบ่งเป็น ฝ่ายดำเนินการ (operation) ผู้รับผิดชอบสูงสุด คือ CEO
อีกฝ่ายคือ ฝ่ายลงทุน (Investment) ผู้รับผิดชอบสูงสุด คือ CIO
ธุรกิจประกันของ berkshire มีหลายส่วนนะครับ ถ้าเป็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับ GIECO
กลุ่มนี้จะเป็นยอดฝีมือ ชื่อ Ajit jan ครับ คนนี้เก่งมากครับ แกจะเป็นคนดูว่าแบบไหนควรรับประกัน
หรือไม่รับ ถ้ารับควรจะตั้งราคาเท่าไรทำนองนี้ครับ
บัพเฟตเคยเล่าหรือเขียนไว้ที่ไหนสักแห่ง บอกว่า ถ้าเผอิญมีคนจะจมน้ำอยู่สองคน
คือ เค้าเองกับ Ajit ให้รีบไปช่วย Ajit ก่อนเลยครับ
ส่วน GIECO ซึ่งเป็นบริษัทลูก มียอดฝีมืออีกคน ชื่อ Tony Nicely คนนี้ทำงานกับบริษัทมาตั้งแต่อายุ 20 (ถ้าจำไม่ผิดนะครับ)
สามารถทำให้ GIECO ไต่ระดับ mkt share จากระดับ 6-7 มาระดับ 2 ได้ครับ (ตามที่คุณ vim บอก)
ส่วนฝ่าย CIO เมื่อก่อนมียอดฝีมือด้าน investment คือ Lou Simpson ผลตอบแทน 15 ปีไม่แพ้ buffet นะครับ
แต่ตอนนี้เกษียนไปแล้วครับ
ทั้งหมดหาอ่านได้จากหนังสือ ซีอีโอ ของ วอเรน บัพเฟต (The Warren Buffett CEO)