10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

[Nevercry.boy]

อีกเรื่องนึง เรื่องนี้ผมว่าสำคัญ

การเดินทางไกลบางคนเรียกการวิ่งมาราธอน

เมื่อเราวิ่งข้ามภูเขามาหลายลูก
อีกลูกนึง สุดแสนจะเหนื่อยล้า ขาไม่มีกำลัง
เราไม่ไหวแล้วเห็นกรรมการยืนอยู่ เข้าไปถามกรรมการ
กรรมการบอกว่า เส้นชัยอยู่หลังภูเขาลูกนี้
หา! หลังภูเขาลูกนี้

พยายามเบิ่งตามองก็ไม่เห็นเพราะภูเขามันบังอยู่
หลังภูเขาลูกนี้แล้วมันจะยังมีภูเขาอีกกี่ลูก
กรรมการบอกไม่ทราบครับ

คนวิ่งมาพร้อมเราไปไหนแล้วบ้างก็ไม่รู้
บางคนอยู่ข้างหน้า บางคนอยู่ข้างหลัง

เจ็บขา แผลสดของเรายังอยู่เพราะล้มกลิ้งตอนผ่านเส้นทางก่อน
ข้างทางมีคนยืนเชียร์

บ้างก็อ้างว่าเข้าเส้นชัยไปแล้วหลายคน
หลายคนก็เลิกให้เราเห็น ๆ บางคนหยุดกินน้ำ
บางคนบอกวิ่งไปทำไมทำไรโง่ ๆ บางคนวางแผนจะไปต่อ

เลิกเหอะสมองบอก มันเหนื่อย มีวิธีที่ง่ายกว่านี้มั๊ย
มีนะ หลายคนบอก บางคนบอกเจอทางลัด เราเห็นเค้าเดินไป

ก้มหน้าวิ่งต่อ ได้ยินเสียงว่า "เฮ้ยเอ็งจะไปทำไมวะ"
โธ่ ไอ้แก่ เอ็งมันโลภ จะตายก่อนถึงเส้นชัย

จริงอายุมันเพิ่มขึ้น
ค่อย ๆ วิ่ง ไม่ไวเท่าตอนออกสต้าร์ท

เรารู้ว่ามีวันนั้นวันที่เราจะเข้าเส้นชัย
...กว่าจะถึงเส้นชัยของเรา

นั่นแหละนักลงทุน

[imerlot]

มันไม่สำคัญหรอกว่า
เราจะเหนื่อยล้า หมดหวัง
แค่ไหน

ขอเพียงแต่ว่า เรา on the right track or not

if we not the right track
we will reach the destination someday
sooner or later
so my friend
just RUN
.......

[imerlot]

And there has never been a master plan. Anyone who wanted to do it, we fired because it takes on a life of its own and doesn’t cover new reality. We want people taking into account new information.

It wasn’t just Berkshire Hathaway that had this attitude about master plans. The modern Johns Hopkins [hospital and medical school] was created by Sir William Osler. He built it following what Carlyle said: “Our main business is not to see what lies dimly in the distance but to do what lies clearly at hand.”

Look at the guy who took over the company that became IBM. At the time, it had three equal sized business: [a division that made] scales, like those a butcher uses; one that made time clocks (they bought this for a block of shares, making an obscure family very rich); and the Hollerith Machine Company, which became IBM. He didn’t know this would be the winner, but when it took off, he had the good sense to focus on it. It was enlightened opportunism, not some master plan.

I happen to think great cities develop the way IBM or Berkshire did. I think master plans do more harm than good. Anyway, we don’t allow them at Berkshire, so you don’t have to worry about them.

..


http://variantperceptions.wordpress.com ... anmaestro/

[imerlot]

อ. Imerot สรุปแบบนี้ได้ไหม

พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน กระทบกับ consumer monopoly ทำให้ moat เปลี่ยน ลูกค้าไปใช้สินค้าอื่นทดแทน แม้ความต้องการพื้นฐานยังคงอยู่ เช่น ถ่ายรูปแบบฟิลม์ เปลี่ยนเป็น digital มากขึ้น segment ตลาดฟิมล์จึงเล็กลงเรื่อย ๆ

เมื่อ Segmentation ของลูกค้าเล็กลงเรื่อย ๆ แม้ว่าความสามารถในการแข่งขันของบริษัทเราจะไม่เปลี่ยนใน segment ดังกล่าว และเรายังมีอำนาจผูกขาดใน segment ดังกล่าวด้วย แต่เพราะตลาดมันเล็กลงเรื่อย ๆ จนไม่คุ้มกับการประกอบธุรกิจ

ดังนั้น พฤติกรรมผู้บริโภคในสินค้าจึงสำคัญมาก และเป็นตัวสะท้อนว่า runway ธุรกิจจะเปลี่ยนหรือไม่ในระยะยาว
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคจึงเป็นภัยร้ายแรงของธุรกิจที่มีอยู่เดิม ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุด

สรุปได้ดีครับ..10/10 อีกแล้วครับ
...
ดูเหมือนจะ เป็น คีย์ แอดแวนเตจ พ๊อยท ของ k chaitorn
..
....







"I would not be spending time on anything that is in an industry subject to quick change, or a business that is subject to quick change."
มอนิส แพบไบร์

[Nevercry.boy]

มันไม่สำคัญหรอกว่า
เราจะเหนื่อยล้า หมดหวัง
แค่ไหน

ขอเพียงแต่ว่า เรา on the right track or not

if we not the right track
we will reach the destination someday
sooner or later
so my friend
just RUN
.......

ได้อ่านข้อความนี้แล้วผมน้ำตาซึม
ขอบพระคุณอย่างสูงนะครับ

[chaitorn]

มันไม่สำคัญหรอกว่า
เราจะเหนื่อยล้า หมดหวัง
แค่ไหน

ขอเพียงแต่ว่า เรา on the right track or not

if we not the right track
we will reach the destination someday
sooner or later
so my friend
just RUN
.......

ได้อ่านข้อความนี้แล้วผมน้ำตาซึม
ขอบพระคุณอย่างสูงนะครับ

มันมีประโยคอยู่ 2 ประโยค ความหมายตามนี้

How I see the difference between "Do Right Things" and "Do Things Rightly" is as follows. It's simple:

Anytime when a person wants to do anything it will have two effects Good and Bad. The person who is doing it will of course want good results for him/her regardless of the effects it could have on anyone else.

Do Right Things mean always think of doing what is right. For example a person wants money and he worked whole day in the office to earn the money he/she needs.

Now the same scenario is considered for Do Things Rightly. For example a person wants money and he/she walks around the whole day to pick pocket someone but he/she has to do it right - in a way that the person he/she is stealing from does not notice.

จุดเริ่มจึงสำคัญ นักลงทุนต้อง Do Right Things เลือกติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกต้อง สำคัญเป็นลำดับแรก
แล้วก็ Do Things Rightly แล้วเราจึงต้องติดกระดุมเม็ดถัดไปทีละเม็ดต่อไป ตาม milestone อย่าลังเล อย่าข้ามขั้นตอน เพราะจะไม่สมบูรณ์ตามแผนที่ควรจะเป็น

เมื่อทำ 2 อย่างถูกต้องแล้ว ภูเขาอีกหลายภูเขาก็ไม่หวั่น ใครจะแช่งจะเชียร์รอบข้างตามโลกธรรม8 ก็ไม่สนใจ มีสติและสมาธิตั้งมั่น และใช้ปัญญาพิจารณาทบทวนและปรับแต่งเส้นทางเดินให้ก้าวเดินไปตรงมั่นในทิศทางที่ถูกต้องต่อไป

สุดท้ายปลายทางที่ไกล ๆ แม้วันนี้ยังไม่เห็นชัด ๆ

แต่ความสำเร็จกำลังรอเราอยู่ตรงนั้นอย่างแน่นอน

เป็นกำลังใจด้วยครับ พี่ NB

[Nevercry.boy]

ขอบพระคุณอย่างสูงครับ

มันคือแก่นในการดำเนินชีวิตและการงานทีเดียวครับ

ผมโอเคครับไปกันอีกยาว

[chaitorn]

พี่ NB

กระทู้นี้ยังจบไม่ได้ หากขาด

AMEX

และ

เวล ฟาเกอร์

Coke และ tesco ผ่านไประดับหนึ่งแล้ว ไม่ทราบว่ากระทู้ที่พี่ NB ตั้งไว้ อ. Imelot จะมีเพิ่มตรงนี้หรือไม่ครับ ตอนนี้ไป 2 big จาก 4 big ใน port แล้วครับ

[Nevercry.boy]

ใช่ครับผมจะมาต่อเรื่อง aMEX.

ถ้าจำไม่ผิด ผมกับ อ.imerlot. เคยถกกันเรื่องเวลฟาเกอร์

[imerlot]

if we not the right track
แก้สะกดผิด
if we on the right track
.....

ลุงบัฟ ซื้อ well fargo (ปี 1990) ก่อน amex (ปี 1993-94) ประมาณ 2-3ปี

amex ซื้อครั้งแรก ช่วงยังเป็น partner กลางปี 60s
แต่ปิด partner ไปแล้ว

....
ช่วง 1988 เป็น ต้นมาเป็นช่วง เรแกน เทอม2 เศรษฐกิจ บูม ดอกเบี้ยลง หลัง black monday 1987
...

My American Express history includes a couple of episodes: In
the mid-1960's, just after the stock was battered by the company's
infamous salad-oil scandal, we put about 40% of Buffett Partnership
Ltd.'s capital into the stock - the largest investment the
partnership had ever made. I should add that this commitment gave
us over 5% ownership in Amex at a cost of $13 million. As I write
this, we own just under 10%, which has cost us $1.36 billion.
(Amex earned $12.5 million in 1964 and $1.4 billion in 1994.)
http://www.berkshirehathaway.com/letters/1994.html

---
(Amex earned $12.5 million in 1964 and $1.4 billion in 1994.)
ช่วง 64-94
เท่ากับ 30ปี โตแค่ 112x ช่วง 60s-90s

net income ปี 2013 ล่าสุด $5.359Billion
เท่ากับ จาก 1994-2013=19ปี โต 3.82x
http://ir.americanexpress.com/Interacti ... 656045.pdf

-----------------------
ตอนปี84
ผมเคยทำเคส amex จบ ป.ตรี
เขามี Float เยอะจาก Travel Check กับ มี บ. ประกัน Fired Man Fund
สมัยนั้นเดินทางไปต่าง ประเทศ ก็จะซื้อ Travel Check ส่วนใหญ่
ของ Amex นี่ เมืองเล็กแค่ไหน แบงค์เล็กแค่ไหนก็รับ
ปี 1991 ผมไปทำธุรกิจ ซื้อของที่ ไต้หวันแย่งกับคนอื่นเขา
ก็มัดจำด้วย travel Amex ก่อนเลย แล้วค่อยเปิด LC ตามมา
..
sample
image from wiki


...

ลองคิดดู สมมติ ถ้า เอา
amex + wfc + geico มารวมกันได้
มันจะมี source of fund ที่ ต่ำและใหญ่ขนาดไหน

..

*****
http://secure.cmax.americanexpress.com/ ... tory_3.pdf

..

ส่วนธุรกิจ credit card นั้น คนที่ถือ amex จ่ายหนักกว่า
แบบว่าไปเที่ยว อลาสก้า เรือจอดให้ ซื้อ cartier ซัก usd$20,000 ได้สบาย
มักเป็นลูกค้า วงเงินไม่จำกัด
market share ดูที่ใช้ ไม่ใช่ จำนวนบัตร issue..
http://www.cardhub.com/edu/market-share ... d-network/

..

แต่อดีตกับอนาคตนั้นไม่ได้เหมือนกันเสมอไป
ทั้งอุตสาหกรรม กำลังเริ่มแปลงพฤติกรรมผู้ใช้
payment system ใหม่ๆ มี มากขึ้น paypal bitcoin
โลกอยู่กับ internet on-line banking มากขึ้น
หรือน่ากลัวกว่านั้น ถ้า mobile payment เกิดสำเร็จขึ้นมา
...

คู่แข่งเกิดง่ายขึ้น
..



source;
http://www.nerdwallet.com/blog/credit-c ... tatistics/

ที่ BI นี้ พูดถึง การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และ disruptive technology ที่กำลังเกิดขึ้น
http://www.businessinsider.com/new-cred ... ion-2014-5



..ตามที่ขอมา
เอาไว้แกล้มกาแฟ เช้า แล้วกัน
...
ส่วน wfc
คุณ NB เคยเปิด หัวไว้แล้ว
ทำ link ไว้ให้เผื่อใครยังไม่เคย อ่าน
Post subject: ถ้าพูดถึง well Fargo
http://203.150.20.122/~thaivi/board/vie ... =1&t=55969

...

สรุปว่า ต้องถามว่าเดิมมันเป็น first class service company
แต่ service เหล่านี้ มัน กำลังเกิด เทคโนใหม่ มากมาย และผู้บริโภคดูเหมือน อาจจะเปลี่ยน พฤติกรรม ได้ กับ เทคโน
ในโลก 3G 4G 5G ในอีก 20ปีข้างหน้า runway จึง ไม่โรยด้วยดอกกุหลาบ
....

มุมมองของลุงบัฟ
ใน บทความนี้ ลุงบอกว่า จาก interband มูลค่า ของ brandของ Amex และ cashflow
ลุงเชื่อว่า ผู้บริหารเอเมก สามารถทำให้ บัตรเคดิต นี้ special และถึงแม้นว่าจะไม่โตมากและ ส่วนแบ่งตลาดลด แต่จะ
เป็น บ ที่ กำไรดีอย่างยิ่ง

why-warren-buffetts-betting-big-on-american-express 2012
http://thetaoofwealth.files.wordpress.c ... xpress.pdf

..
เอา interbrand มาไว้ด้วย
http://www.interbrand.com/en/best-globa ... canExpress
ไว้ต้องแวะดู บ่อยๆแล้ว

[imerlot]

เมื่อกี้ดู interbrand 2013
http://www.interbrand.com/en/best-globa ... -View.aspx
อันดับ 23 amex
อันดับ 22 pepsi
แต่
อันดับ 21 h&m
...

้้h&m brand จริงๆ
ดู ad
[youtube]vPcjTefW_Ao[/youtube]

...
ไม่แรงได้ไง ทุ่มขนาดนี้
..

[Nevercry.boy]

อั๊ย หย่ะ

................

Why Warren Buffett Invested in American Express (NYSE: AXP)

Why did Warren Buffett invest in American Express (NYSE: AXP)? In the mid-1960s, Buffett bought 5% of American Express with 40% of Buffett Partnership capital (approximately $13 million). The Warren Buffett American Express investment has generated spectacular returns for the Oracle of Omaha.

Founded in 1850 as a joint stock association and incorporated in 1965 as a New York corporation, American Express is a multinational financial services corporation best known for its credit card.

American Express has four major operating segments:

U.S. Card Services – American Express has two major U.S. banking subsidiaries (Centurion Bank and AEBFSB). Its card business targets a premium customer case and strives to increase average spending per card instead of growth in mere number of cards. Its consumer travel business provides travel services and complements its core card business.

International Card Services – this operating segment issues and manages the company’s charge and credit cards around the world.

Global Commercial Services – this operating segment offers a comprehensive range of corporate card programs and business-to-business payment solutions.

Global Network Merchant Services – this operating segment focuses on broadening the company’s merchant base. It offers point-of-sale, servicing and settlement and fraud prevention services.

American Express’s Competitive Advantage

American Express’s competitive advantage stems from two key areas: its ‘spend-centric’ business model, and its brand.

AMEX’s Spend-centric business model

The company focuses on generating revenues primarily by increasing spending on its cards – finance charges and fees provide only asecondary source of income.
As American Express notes in its annual report, “average spending on our cards… is significantly higher on a per-card basis for us versus our competitors”. This means that American Express is more valuable to merchants, as it has a following of loyal customers that drive higher sales.

This generates a virtuous cycle that perpetuates the company’s competitive advantage: higher average spending per card allows American Express to earn premium discount rates, which combined with higher spending customers increases revenues for the company; the company can then invest in more attractive rewards and incentives for its customers, to generate an even stronger following.

Warren Buffett Liked the AMEX Brand

Few brand names are as globally recognized as the American Express brand name. Many published studies have rated the American Express brand as one of the world’s most valuable brands.

In 2011, Interbrand ranked American Express the 22nd most valuable brand in the world and estimated its brand value to be $14.97 billion. Similarly, Fortune ranked American Express among one of the 20 most admired companies in the world.
Warren Buffett’s Investment in American Express

The Warren Buffett American Express investment has paid off many times over, but when Buffett bought American Express, it was battered by an infamous salad-oil scandal, because of which American Express was held liable for $60 million in damages. Although this scandal had nothing to do with the business economics of American Express, Wall Street bailed for the exits. Buffett correctly recognized that the competitive advantage of American Express’s consumer monopolies was still very much intact and had nothing to do with the scandal. Indeed, the American Express credit card is honored in more than 180 countries around the world. The competitive advantages described above and the franchise value of the company was not impacted by the salad-oil scandal in any tangible way.

Thus, he proceeded to acquire 5% of American Express with 40% of his partnership’s capital at a cost of only $13 million.This investment has produced spectacular returns in hindsight.

source: http://www.iwarrenbuffettquotes.com/war ... anexpress/

[imerlot]

ถ้าไปดู
interbarnd ปี 2003 เทียบ กับ 2013
(เสียดาย 1993 ไม่มีให้ดู)

2003
อันดับ 1 = coke
อันดับ 15=amex

2013
อันดับ 3=coke
อัยดับ 23=amex

[Nevercry.boy]

...

ลองคิดดู สมมติ ถ้า เอา
amex + wfc + geico มารวมกันได้
มันจะมี source of fund ที่ ต่ำและใหญ่ขนาดไหน

..

พอร์ทในฝันของผมเลย

[imerlot]

ลืม
link
ให้
2003
http://www.interbrand.com/en/best-globa ... -2003.aspx

[Nevercry.boy]

ฝาก

http://www.fool.com/investing/general/2 ... g-buy.aspx

[imerlot]

เวบ gurufocus นี้
ผมได้แนะนำไว้หลายครั้งแล้ว
แต่ข้อมูลบางส่วน เป็น premium
สมาชิกจ่ายเงิน
(ไม่รู้เขามีแบบ จ่ายเงินเป็นสมาชิกกลุ่มแบบ รร อะไรนี้เปล่า ถ้าสมาชิก VI เข้าถึงได้ จะยกระดับมาก)

....
ต่อ amex (AXP) ชนกับ v (visa inc.)


source:
http://www.gurufocus.com/compare.php?ti ... it=Compare

อธิบาย:
1. ดูผิวจาก ก่อนหน้า หรือแหล่ง อื่น เหมือน market share "v" จะมากว่า ส่วน "axp" น้อยกว่า
แต่พอกลับเป็น รายได้ revenue ทำไมไม่รู้ v แค่ $11,778 แต่ axp $32,974
อาจเป็นได้ ว่า share เขาคิดที่จำนวนบัตร ไม่ได้คิดที่ dollar

หรือ closed loop ของ axp ทำให้ ได้เงินเป็น % ของสินค้าสุทธิแล้วสูงกว่า; ส่วน v ยอดเงินรูดผ่านบัตรอาจจะสูงกว่า axp
แต่พอตัด ให้ bankบัตร สุทธิ ถึง v อาจจะเหลือน้อยลง (หรือ อาจจะไม่ใช่ เลย หรือ ผมใส่ code v ผิดพลาดอะไรซักอย่าง แต่ check กับ morningstar ก็ใกล้เคียงกัน http://financials.morningstar.com/incom ... ture=en-US)
...

2. v มี net margin ถึง 42% จากรายได้ $11,778 ข้างต้น
แต่ axp มี net margin แค่ 16.25% รายได้ $32,974

3. 5y revenue growth v=28.8 axp=9.5
5y earning growth v=27.0 axp=27.8

4. net income 2013 v=$4980 axp=$5359
....

source:
http://www.gurufocus.com/chart/axp#&ser ... og=0&per=0


....
superinvestor of Graham n Dodgville
เขาฝีมือลึก..ไม่มีตื้นๆ

...
เพียงแต่ ลุงบัฟ เขาไม่บอก หรอก
ต้องไปอ่าน security analysis ซัก 4 รอบ
แล้วใช้เวลาซัก 40ปี ..ทดลองใช้
..





หรือ ทั้งหมดผมเอาข้อมูลมาผิดก็เป็นได้
โปรด ระวัง อย่าด่วน สรุป

...
ถ้่าผิดพลาด ก็ขออภัยไว้ ล่วงหน้า
...
ทำไว้ เพื่อ ศึกษา
เข้าใจ วิธี คิด ของ ลุงบัฟ มากขึ้น
..

[imerlot]

http://www.forbes.com/sites/gurufocus/2 ... reholders/

Another Buffett favorite is American Express Company (AXP). To create an entire value chain, American Express segmented its credit card and lending business into three businesses:
U.S. card services, international card and global commercial services, and global network and merchant services.

As owner of the entire value chain, AXP has created a profitable niche for itself in the financial service markets, offering a great potential for profits.

With a closed looped of its own related products and services and marketing, AXP pricing has a built-in competitive advantage.

[imerlot]

closed loop
explain:

https://secure.cmax.americanexpress.com ... etwork.pdf

..

..

[imerlot]

recheck
v & axp
revenue
at
https://finance.yahoo.com/q/co?s=AXP+Competitors

[imerlot]

ลงซ้ำ
คีย์
วารีเอเบิ้ล
ของกิจการ
คืออะไร
หาเจอไหม? หาเจอแล้วเข้าใจไหม?

If the numbers indicate that, then I conduct a thorough analysis of the business to make sure I understand the key drivers. {ตัวแปลหลักคืออะไร?หรือตัวเร่งก็ได้}
With most businesses, two or three variables control 80% to 90% of the outcome. {ไม่เกิน 2-3 ตัวแปร}
I want to make sure that I understand the right variables with a good sense of how they are likely to play out

[imerlot]

more
on
closed loop
How American Express Gains A Competitive Advantage From Its Closed-Loop Network

http://www.forbes.com/sites/greatspecul ... p-network/

Visa V -0.61% has more than 2 billion cards in use worldwide and processes more than 60 billion transactions per year, while AmEx has just 107 million cards in force and processes just 6 billion transactions per year. Despite this disparity, American Express AXP +0.43% has annual gross revenues of $33 billion while Visa earns just $14 billion per year.

....
ข้อเสีย คือ v ไม่มี credit risk
axp มี แต่แก้ไ้ด้ ด้วยกลุ่มลูกค้า รวยๆ

Visa charges data processing fees and service fees from its financial clients and is not involved in the lending process. Thus, it is not exposed to any credit risk and earns revenue on the volume of transactions carried out through its cards.

What About Credit Risk?

By focusing on affluent customers, American Express is also able to mitigate the credit risk associated with issuing loans to cardholders.

[chaitorn]

ดูเหมือน axp วางกลยุทธ์ แบบ apple คือ Ios รวมศูนย์หมด control หมด

แต่ v ทำแบบ open source เปิดโอกาสให้ partner ในแต่ละที่แต่ละประเทศเป็นอิสระในการดูแลสมาชิกและร้านค้าภายใต้กติกาที่เป็นระบบมาตรฐานตรงกลางเหมืิินระบบ android หรือ window

ซึ่งวันนี้ทั้ง 2 ระบบ ก็แข่งขันกันได้ ยังไม่มีการแพ้ชนะเด็ดขาด
แต่แน่นอน การรวมศูนย์อย่างใกล้ชิด ทำให้ได้ข้อมูลจำนวนมากเพื่อไว้ใช้ตัดสินใจในการวางแผนิย่างบูรณาการเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบมาตรฐานเดียวกันได้ง่าย และควบควมการปฏิบัติการใกล้ชิด และสามารถวางกลยุทํ์การตลาดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและมูลค่าใหม่ ๆ ได้ตลอดเวลา

และที่สำคัญความเห็นผมมันเหมือนกับว่าการถือบัตร amex มันจะคล้ายกับบัตรประชาชน หรือ passport ประจำตัวที่จำเป็น หากทำประวัติเสียแล้วถูกยกเลิกไปแล้วก็จะไม่สามารถทำบัตรใหม่ได้ง่าย เพราะเมื่ิเรารวมศูนย์หมดเราก็มีข้อมูลหมด คนจึงไม่อยากเสียเครดิตง่าย ๆ ครับ

[imerlot]

wfc
ผม
โยงไป
Post subject: ถ้าพูดถึง well Fargo
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=55969
เพราะมัน
มีข้อมูล ต่อเนื่องเก่า
model อะไร
update ..
ไปดู แล้ว ค่อยกลับ มาสรุปที่นี้กัน
...

[imerlot]

สรุป คร่าวๆก่อนว่า
โมเดลไม่หมือนกัน แถมตัวแปรเยอะ
การ report ก็ไม่ เหมือนกัน
ยากที่ จะเปรียบเทียบได้

ดังนั้นตัด การเปรียบเทียบ
กลับไปดู จุดแข่ง
ของ WFC
.....
เนื้อๆ 6ปี
..

wfc-6y-.JPG

...
1.) 5-6ปี รายได้ 2x จาก 41,877 เป้น 83,780
โดยที่ non-interest income โต 5y compound 20% จาก 16,734 เป็น 40,980
(ไม่ลืมว่าปี 2008เป็น sub-prime ฐานต่ำ แต่ก็=ฟื้นแล้ว)

2.) net income โตจาก 2,655 มาเป็น 21,878 เกือบ 10x โดย 5y compound =52%

***3.) Balance Sheet ด้านสินทรัพย์ มีสัดส่วนของ Investment Security ถึง $264,353
(เทียบกับ port ของ brk.a=117,505; wfcมีportใหญ่กว่าเกือบ2x)



...
ซ.ต.พ.
..
ดีกว่า
..

[imerlot]

รูปไม่มา
เอาใหม่



...

[imerlot]

ดูเหมือน axp วางกลยุทธ์ แบบ apple คือ Ios รวมศูนย์หมด control หมด

แต่ v ทำแบบ open source เปิดโอกาสให้ partner ในแต่ละที่แต่ละประเทศเป็นอิสระในการดูแลสมาชิกและร้านค้าภายใต้กติกาที่เป็นระบบมาตรฐานตรงกลางเหมืิินระบบ android หรือ window

ซึ่งวันนี้ทั้ง 2 ระบบ ก็แข่งขันกันได้ ยังไม่มีการแพ้ชนะเด็ดขาด
แต่แน่นอน การรวมศูนย์อย่างใกล้ชิด ทำให้ได้ข้อมูลจำนวนมากเพื่อไว้ใช้ตัดสินใจในการวางแผนิย่างบูรณาการเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบมาตรฐานเดียวกันได้ง่าย และควบควมการปฏิบัติการใกล้ชิด และสามารถวางกลยุทํ์การตลาดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและมูลค่าใหม่ ๆ ได้ตลอดเวลา

และที่สำคัญความเห็นผมมันเหมือนกับว่าการถือบัตร amex มันจะคล้ายกับบัตรประชาชน หรือ passport ประจำตัวที่จำเป็น หากทำประวัติเสียแล้วถูกยกเลิกไปแล้วก็จะไม่สามารถทำบัตรใหม่ได้ง่าย เพราะเมื่ิเรารวมศูนย์หมดเราก็มีข้อมูลหมด คนจึงไม่อยากเสียเครดิตง่าย ๆ ครับ

เห็นภาพ
apple คือ Ios
ชอบมาก สรุปได้ดีมาก

ช่วยสรุป wfc อีกตัว ครับ k. chaitorn

[chaitorn]

ในธุรกรรมของธนาคาร

แบบดั้งเดิม จะเป็นธุรกรรม หาเงินฝาก แล้วไปปล่อยกู้ ความเสี่ยงหลัก ๆ จึงมาจากด้าน asset ที่ปล่อยกู้เป็นหลักใหญ่ ๆ ระเบิดเวลา ก็คือ npl ที่มีมาก จนไปสู่ความสูญเสียขนาดใหญ่ได้

แบบกลาง ๆ ก็คือ นอกจากการปล่อยกู้แล้ว เราพยายามทำเป็น universal bank คือมีธุรกรรมที่หลากหลายและกระจายความเสี่ยงด้าน asset ออกไปให้มากขึ้น รายได้ดอกเบี้ยและไม่ใช่ดอกเบี้ยจะเริ่มสมดุลย์ตรงกลางให้มากที่สุด ก็จะมีการกระจายที่มาของรายได้ที่มาจากธุรกรรมที่หลากหลายขึ้นนอกเหนือไปจากรายได้ดอกเบี้ย

ส่วนแบบ modern มาก ๆ จะเกือบไม่มีธุรกรรมปล่อยกู้ทางตรงเลย แต่เป็นธุรกรรมที่จับ matching ระหว่างคนต้องการเงินกู้ กับ คนที่ต้องการปล่อยกู้ ทำให้ที่มารายได้จะมาจาก non interest income ทั้งหมด แต่บางแห่งไปทำธุรกรรมที่ซับซ้อนขึ้น แถมไปลงทุนในธุรกรรมดังกล่าวอีกด้วย จึงเกิดปัญหาช่วง subprime ที่ผ่านมา

ผมคิดว่า หาก model ของประกันภัยที่บัฟเฟทไปลงทุน ที่เน้นหาเงินทุน float ต้นทุนต่ำความเสี่ยงต่ำ ไปหาผลตอบแทนการลงทุนที่ค่อนข่างแน่นอนทั้งพันธบัตรและหุ้นทุนอีกด้านให้มากขึ้นซึ่งบัฟเฟทชำนาญมาก ก็เหมือนเกือบทำ arbitrage เงินที่ได้ผลตอบแทนค่อนข้างแน่นอนมากนั้นเอง เรียกชื่อใหม่ว่า ประกันเพื่อการลงทุน

ก็เพียงปรับmodel ของ wfc ใหม่ คือหา float จากธุรกรรมเงินฝากต้นทุนต่ำและปล่อยสินเชื่อและบริการบางส่วนที่มีความเสี่ยงต่ำตามธุรกรรมธนาคารปกติ แล้วไปเน้นเงิน float ที่มาจากเงินฝากต้นทุนต่ำเพื่อไปหาผลตอบแทนการลงทุนที่ค่อนข้างแน่นอนทั้งพันธบัตรและหุ้นทุน
เราอาจเรียกชื่อใหม่ของ model wfc คือ ธนาคารเพื่อการลงทุน ซึ่งมีนิยามที่ต่างกับ investment bank ทั่วไป

ลองไปดูแนวโน้มที่มาของรายได้ที่มาจากดอกเบี้ย ของ wfc ซึ่งมาจากการให้สินเชื่อแทบจะไม่โตมาก แต่รายได้จากเงินลงทุนในหลักทรัพย์โตสูงมาก สูงขึ้น จาก port การลงทุนที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งผมว่ามันเป็นเอกลักษณ์พิเศษของ wfc ซึ่งบัฟเฟทคุ้นเคยกับธุรกรรมประกันภัยเพื่อการลงทุนมาก่อน ทำให้บัฟเฟทมีความเข้าใจในธุรกิจ wfc เข้าใจความเสี่ยง และยังรู้ว่าจะหาผลตอบแทนที่แน่นอนในระยะยาวได้สม่ำเสมอแน่นอนได้อย่างไรอีกด้วย

สรุปคือ wfc model สั้น ๆ คือ ธนาคารเพื่อการลงทุนครับ

[chaitorn]

อยากสอบถาม อ. Imerlot กับ พี่ NB คือ
ในจดหมายุึงผู้ถือหุ้นปี 2553 นั้น มีคำพูดที่สะดุดตาผม ซึ่งยังไม่ชัดแจ้ง แต่เชื่อลึก ๆ ว่าเป็นคำพูดที่สำคัญมาก และเป็นปรัชญาในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตแข็งแกร่งโดยมีความเสี่ยงที่ต่ำด้วย คำพูดนี้คือ

นานมาแล้ว Charlie ได้พูดถึงจุดมุ่งหมายที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาว่า “ทั้งหมดที่ผมอยากจะรู้ก็คือที่ไหนที่ผมจะไปแล้วตาย ผมก็จะไม่ไปที่แห่งนั้น” นั่นเป็นวิสัยทัศน์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Jacobi นักคณิตศาสตร์ชาวปรัสเซียนผู้มีชื่อเสียง ผู้ที่ให้ข้อคิดไว้ว่า “Invert, always invert”

คำถาม เรารู้ได้อย่างไร ด้วยวิธีการอย่างไรครับ เพราะหากเราเข้าใจปรัชญานี้ิอย่างถ่องแท้ จะเป็นภูมิต้านทานการลงทุนให้กับเราเป็นอย่างดีครับ

[Nevercry.boy]

อยากสอบถาม อ. Imerlot กับ พี่ NB คือ
ในจดหมายุึงผู้ถือหุ้นปี 2553 นั้น มีคำพูดที่สะดุดตาผม ซึ่งยังไม่ชัดแจ้ง แต่เชื่อลึก ๆ ว่าเป็นคำพูดที่สำคัญมาก และเป็นปรัชญาในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตแข็งแกร่งโดยมีความเสี่ยงที่ต่ำด้วย คำพูดนี้คือ

นานมาแล้ว Charlie ได้พูดถึงจุดมุ่งหมายที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาว่า “ทั้งหมดที่ผมอยากจะรู้ก็คือที่ไหนที่ผมจะไปแล้วตาย ผมก็จะไม่ไปที่แห่งนั้น” นั่นเป็นวิสัยทัศน์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Jacobi นักคณิตศาสตร์ชาวปรัสเซียนผู้มีชื่อเสียง ผู้ที่ให้ข้อคิดไว้ว่า “Invert, always invert”

คำถาม เรารู้ได้อย่างไร ด้วยวิธีการอย่างไรครับ เพราะหากเราเข้าใจปรัชญานี้ิอย่างถ่องแท้ จะเป็นภูมิต้านทานการลงทุนให้กับเราเป็นอย่างดีครับ

มี link ไปฉบับเต็มมั๊ยครับ รบกวนด้วยครับ