10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
imerlot
Verified User
โพสต์: 2690
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 241

โพสต์

เขียน เรื่อง
auto industry ทำไม
ใน เทป ที่ terry ลุงบัฟ ก็พูดถึง auto ก่อน

ลองมาดูกันต่อ
ในปัจจุบัน
ไปดู Interbrand sector auto..ดู capture มาให้
http://www.interbrand.com/en/best-globa ... harts.aspx

..


:D
ลองนับดู มีกี่ บ.
นับได้ 14
..
การแข่งขันสูงไหม?
probability of failure สูงไหม?

...
ยังไม่ มีข้อสรุป
..
imerlot
Verified User
โพสต์: 2690
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 242

โพสต์

ดูต่อ
2 sectors
media
beverage

...
media


..
beverage

...
ทำไมมีแค่ 2-3
ไม่ยักมี 14
งง
imerlot
Verified User
โพสต์: 2690
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 243

โพสต์

มาดูบทความ
ของ
คนนี้
สมัย พาร์เนอร์ชิพ ลุงบัฟไปซื้อ ดิสนีย์ แล้ว ขายไป
source:
http://www.joshuakennon.com/warren-buff ... y-mistake/
Warren Buffett’s $12 Billion Disney Mistake
June 6, 2014 By Joshua Kennon
....
He used $4 million of his partnership capital to buy a 5% ownership stake. His thinking was that the firm had 200+ films in the vault that could be brought out over and over for future profits, they had 300 acres in Orange county where the Anaheim park attracted 9 million customers a year, there was a brilliant executive at the helm who had a lot of his own money invested in the place; a good recipe when combined with a dirt cheap price and a huge margin of safety.

A year later, Buffett sold the stake for $6 million. At the time, he felt good about it. In his mid-to-late 30′s, he’d made his partners the inflation-adjusted equivalent of $14.1 million in roughly twelve months with a single decision. However, in retrospect, it was one of the worst mistakes of his long and illustrious career.
..
Warren’s original thesis turned out to be correct. The Disney company did have a special sort of business model that allowed it to continually profit from old intellectual property over and over, again, just like The Coca-Cola Company has return on capital advantages that make it mint money. As I’ve mentioned in the past, Buffett’s business partner, Charlie Munger, refers to Disney as an oil company that pumps money out of the ground, then puts it back for a generation to return to it when the time is right. The trick is to make sure you aren’t overpaying for the stock.
..
How bad was Buffett’s mistake? Updating the calculation with a few, quick, back-of-the-envelope adjustments, it looks like the position would be worth somewhere between $7 to $12 billion today, including dividends and spin-offs. That assumes none of the funds were reinvested
...
จริงหรือเปล่า ไม่รู้
มีข้อคิด ดีๆในนี้ มากมาย
..


:D
imerlot
Verified User
โพสต์: 2690
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 244

โพสต์

กลับมาเข้าเรื่อง
long lasting company
เห็นไหม ว่า บ. 100ปี
อย่าง studebaker ยังไปได้..ความเก๋าไม่ได้ รับประกันความสำเร็จ
.....

ต่อ
ลองไปดู
..
http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_oldest_companies
Statistics

According to a report published by the Bank of Korea on May 14, 2008 investigating 41 countries,

there were 5,586 companies older than 200 years.

From these
3,146 are located in Japan,
837 in Germany,
22 in the Netherlands
nd 196 in France.[1]

89.4% of the companies with more than 100 years of history are businesses employing fewer than 300 people.[1][2] A nationwide Japanese survey counted more than 21,000 companies older than 100 years as from September 30, 2009.[3]. However, Beretta, a world famous gun company founded in 1526 in Bologna-Italy, is the oldest operating company in the world to this very day.
.....

อายุมากว่า 200ปี
ลองดู ทำไม beverage กับ hotel เยอะจัง
...
imerlot
Verified User
โพสต์: 2690
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 245

โพสต์

แปลว่า
มีบาง sector อยู่ยั้ง ยั้งยืนกว่า งั้นซิ
...

และบาง sector แข่งขัน กัน บัลลัยไปเลย
..

วันนี้ เห็นแวบๆ คนแข่งร้อง เพลง ผู้ชนะได้ไป 10ล้าน
ผู้แพ้ยังได้ 5แสน
..
สนามแข่งร้อง เพลง ยัง ยากง่ายไม่เท่ากัน และผลตอบแทนไม่เท่ากัน
..
dumb test model
เล่นเฉพาะในเกมที่เราจะมีโอกาส ชนะสูงสุด
...
http://www.interbrand.com/en/best-globa ... harts.aspx

แสดงว่า
สรุปได้ไหมว่า
sector ไหน มี 10+ เลี่ยงเลย
5+ หนาวๆ
2-3 ดูดี ตามไปดูต่อ


:D :D :D

...
.......
imerlot
Verified User
โพสต์: 2690
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 246

โพสต์

บ. บางครั้งประสบปัญหาในการแข่งขัน
หรือ อุตาหกรรม กำลัง เปลี่ยน
หรือ ผู้บริโภค กำลังเปลี่ยนพฤติกรรม...
industry become untable...??

เราสามารถติดตามดูได้ที่ไหน? อย่างไร?

ต.ย.
http://fortune.com/2013/05/06/20-compan ... -the-most/


เราสามารถตามเข้า ไปดูว่าควันแท้ ควันเทียม
แล้วกลับมา สะท้อน ว่าในบ้านเรา ใครอยู่ใน sector เดียวกัน
เจอปัญหา แบบเดียวกันไหม
....
รู้สึกว่า ไม่กี่วันนี้ dow เพิ่งทำ record high
และวันจันทร์ นี้ หุ้น 7:1 ของ apple เข้า คงน่าตื่นตาไม่ น้อย
..
แต่ 20 บ. ที่ fortune ยกมานั้น เขา have a bad year
หรือ กำลัง deteriorate seriously...? ต้องดูให้ดี
แล้วจะได้มีมุม มาย้อนดู เข้าใจ
ของใน ประเทศ

...
imerlot
Verified User
โพสต์: 2690
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 247

โพสต์

อ้าว ขอโทษ
มันของปี 2013 นี่นา ไม่เป็นไรใกล้เคียงแล้วกัน
ส่วน บ200ปี มันก็ ไม่ใช่ berverage
แต่เป็น brewvery


....
imerlot
Verified User
โพสต์: 2690
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 248

โพสต์

มาใหม่
อันนี้ของปีื2014 แล้วครับ
20 companies that loss the most 2014




....
http://fortune.com/2014/06/02/500-least ... ign=buffer



..
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2547
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 249

โพสต์

อยากเรียนถาม อ. Imerlot ดังนี้

การศึกษาบริษัทท่ี่เติบโตยั่งยืนนั้น นอกจากข้อมูลบริษัทเดิมที่เป็นพื้นฐานในการคาดคะเนการเติบโตในอนาคตแล้ว เราสามารถใช้ความรู้นี้ในการมองบริษัทที่เพิ่งเริ่มต้น และประวัติดำเนินงานน้อย แต่มีโอกาสเป็นผู้ชนะในระยะยาวต่อไปได้อีกนาน เช่น กรณี apple เรามีข้อสังเกตที่พอระบุสัญญาณต้น ๆ อะไรได้บ้างที่บริษัทใหม่ ๆ นี้จะเป็นผู้ชนะต่อไป เพื่อเป็นการค้นหาผู้ชนะกับ mega trend ในครั้งหน้าครับ
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2547
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 250

โพสต์

เป็นคำถามที่สืบเนื่องจากได้ดู vdo tape ชุดนี้ครับ ของ อ.ดร.นิเวศน์ ที่ให้สัมภาษณ์ในรายการไว้

Mega trend
[youtube]UOW5lTj6SXM[/youtube]
หุ้นผู้ชนะ
[youtube]28cUJgS1s40[/youtube]

ที่มา

Mega trend
http://www.youtube.com/watch?v=UOW5lTj6 ... ata_player

หุ้นผู้ชนะ
http://www.youtube.com/watch?v=28cUJgS1 ... ata_player
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2547
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 251

โพสต์

อีก 1 บทความของอาจารย์ ดร.นิเวศน์ ครับ
ซึ่งยอกถึงคุณลักษณะของหุ้นผู้ชนะ
หุ้นผู้บริโภค

ช่วงสิบปีที่ผ่านมานั้น หุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปลี่ยนแปลงไปมากในด้านของ “คุณภาพ” ของกิจการ

ก่อนหน้านั้นดูเหมือนบริษัทขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ของไทย ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทผลิตและขายสินค้าเป็นโภคภัณฑ์เป็นหลัก

บริษัทขายสินค้ามี “ยี่ห้อ” หรือบริษัทขายสินค้าเป็นที่ต้องการผู้บริโภค ที่มีกำไรต่อยอดขายหรือมีมาร์จินสูง ถือเป็นกิจการมี “คุณภาพสูง” นั้น มักเป็นบริษัทขนาดเล็ก สัดส่วน Market Cap. หรือมูลค่าตลาดบริษัทมี “คุณภาพดี” เหล่านั้นมีน้อยมาก

แต่เดี๋ยวนี้ “หุ้นผู้บริโภค” มีมูลค่าตลาดของหุ้นใหญ่ขึ้นมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบริษัทเหล่านั้นยอดขายและกำไรขยายตัวสูงกว่าหุ้นโภคภัณฑ์ แต่ที่อาจจะสำคัญยิ่งกว่าคือราคาหุ้นของบริษัทเหล่านั้น “แพง” ขึ้นมาก นั่นคือค่า PE ของหุ้นผู้บริโภคสูงขึ้นมาก เมื่อเทียบกับหุ้นโภคภัณฑ์ที่ยังมีค่า PE ในระดับ 10 เท่าบวก-ลบ ในขณะที่หุ้นผู้บริโภคจำนวนมากมีค่า PE ในระดับอาจจะ 20 เท่าบวก-ลบ และมีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

หุ้น “ผู้บริโภค” ที่กำลังพูดถึงนั้น ไม่ใช่หุ้นตามกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการจัดโดยตลาดหลักทรัพย์ แต่เป็นหุ้นบริษัทที่ขายสินค้าให้แก่ผู้บริโภคที่เป็นบุคคลธรรมดาที่ซื้อสินค้าหรือบริการด้วยตนเอง บริษัทนั้นเป็นคนทำการตลาดเพื่อเชิญชวนให้คนมาซื้อสินค้า บริษัทเป็นคนตั้งราคาขายสินค้าเอง ยอดขายและกำไรบริษัทขึ้นอยู่กับนโยบายและกลยุทธ์ต่างๆ ที่บริษัทใช้แข่งขันกับคู่แข่ง หรือต่อรองกับหน่วยงานควบคุมของรัฐ

ในกรณีที่เป็นบริษัทที่อิงอยู่กับสัมปทานหรือกฎระเบียบต่างๆ ดังนั้นหุ้นผู้บริโภคจึงมีกระจายกันไปในหลายๆ กลุ่มอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอะไร ถ้าเขาขายให้คนซื้อที่มีเป็นพัน หมื่น แสน หรือเป็นล้าน ๆ คน สินค้าของเขามียี่ห้อที่คนรับรู้ และเขาเป็นคนทำการตลาดและกำหนดราคาเองได้ แบบนี้ก็เข้าข่ายที่เขาจะเป็น “หุ้นผู้บริโภค”

หุ้นผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่ ที่เริ่มปรากฏมากขึ้นในระยะหลังประมาณ 10 ปีมานี้ มักจะเป็นบริษัทที่เป็น “ผู้ชนะ” ในธุรกิจหรืออุตสาหกรรมของตนเอง พวกเขามักเป็นคนที่ขายสินค้าโดยตรงต่อผู้บริโภค ไม่ได้ขายผ่านผู้อื่นมากนัก ความหมายคือพวกเขามักมี “หน้าร้าน” ที่ได้สัมผัสกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด

ที่สำคัญมากอีกข้อหนึ่งก็คือ สินค้าหรือบริการของพวกเขานั้น มักเป็นสินค้า “สมัยใหม่” หรือเป็นสินค้าที่คนรุ่นใหม่ใช้กันมากขึ้น พูดง่าย ๆ เป็นสินค้าที่อยู่ใน “เมกาเทรนด์” ลองมาดูกันว่ามีบริษัทไหนบ้าง ไล่กันไปทีละกลุ่มอุตสาหกรรม

กลุ่มแรกคือหุ้นในกลุ่มอาหาร จะพบว่าหุ้นผู้บริโภคขนาดใหญ่ตาม Market Cap. ก็คือ หุ้น CPF ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมากเมื่อเทียบกับ 10 ปีก่อนคิดเป็นมูลค่าตลาด 2 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม สินค้าส่วนใหญ่ของ CPF นั้น จริง ๆ แล้วน่าจะเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ แต่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมากนั้น น่าจะเกี่ยวข้องกับการที่บริษัทถือหุ้นจำนวนมากใน CPALL ซึ่งเป็นหุ้นผู้บริโภคที่เติบโตขึ้นมาก

หุ้นตัวที่สองคือหุ้น M เครือข่ายร้านภัตตาคารซึ่งเพิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดที่มีมูลค่าตลาดกว่า 4 หมื่นล้านบาทกลายเป็นหุ้นใหญ่อันดับ 4 ในกลุ่ม หุ้นตัวที่สามคือหุ้น MINT ซึ่งทำโรงแรมและร้านอาหาร ที่มีมูลค่าตลาดเกือบหนึ่งแสนล้านบาท เช่นเดียวกับ CENTEL ที่มีมูลค่าตลาดประมาณ 5 หมื่นล้านบาท และนี่คือหุ้นที่ทำให้มูลค่าหุ้นในกลุ่มอาหารโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

หุ้นกลุ่มที่สองคือกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่อาจจะถือว่าอยู่ในหุ้นกลุ่มผู้บริโภคเช่นกัน เนื่องจากรับเงินฝากและให้สินเชื่อแก่บุคคลธรรมดาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม การหาผู้ชนะในกลุ่มแบงก์เป็นเรื่องยาก และธุรกิจนี้ยังมีปัจจัยหลายอย่าง ในการที่จะประสบความสำเร็จ เช่นเรื่องภาวะหนี้เสียและอื่นๆ ทำให้มูลค่าตลาดของแบงก์เองนั้นโตขึ้นไม่ได้มาก เมื่อเทียบกับตลาดโดยรวม พูดง่ายๆเดิมเมื่อ 10 ปีก่อนแบงก์เองใหญ่มากอยู่แล้ว สำหรับผมแล้วกลุ่มแบงก์ยังไม่อาจจะพูดได้เต็มที่ว่าเป็นหุ้นผู้บริโภค

หุ้นสถาบันการเงิน ที่เป็นหุ้นผู้บริโภคที่น่าสนใจมาก เนื่องจากเพิ่งจะเติบโตขึ้นมาไม่นานก็คือ หุ้นในกลุ่มประกันชีวิตที่มีหุ้น BLA และ SCBLIF ที่มีมูลค่าตลาด ประมาณ 7 หมื่นล้านบาททั้งคู่ จากที่ในอดีตนั้น หุ้นในกลุ่มนี้แทบไม่มีใครสนใจและ Market Cap. น้อยมาก ข้อสังเกตเพิ่มเติมคือทั้งสองบริษัทนั้น มีลูกค้าที่อิงอยู่กับธนาคารขนาดใหญ่ ซึ่งน่าจะเป็นส่วนสำคัญในการแข่งขัน และทำให้ประสบความสำเร็จ เป็น “ผู้ชนะ”

กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่คิดว่าเป็นหุ้นผู้บริโภคเติบโตขึ้นมากช่วง 10 ปีนี้ มีหลายบริษัทซึ่งน่าจะรวมถึงบริษัทที่พัฒนาห้างอย่าง CPN ซึ่งเติบโตขึ้นมากลายเป็นบริษัทขนาด 2 แสนล้านบาท และบริษัทสร้างบ้านขายที่เติบโตขึ้นมาก ซึ่งรวมถึง LH ที่มีขนาด 1 แสนล้านบาท PS ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท และบริษัทที่มีขนาดประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท ซึ่งรวมถึงหุ้น BLAND LPN MBK QH SIRI SPALI

หุ้นกลุ่มพาณิชย์ น่าจะถือเป็นหุ้นกลุ่มผู้บริโภคที่ตรงมากที่สุดกลุ่มหนึ่ง และน่าจะเป็นกลุ่มที่มีมูลค่าตลาดเพิ่มมากที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น ๆ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ช่วงก่อนนั้นกลุ่มพาณิชย์แทบจะไม่มีหุ้นที่มี Market Cap. ขนาดใหญ่เลย แต่ปัจจุบันนั้น หุ้นหลายตัวกลายเป็นหุ้นขนาดใหญ่ บางตัวติดอันดับหนึ่งในสิบของหุ้นใหญ่ที่สุดในตลาด

ประกอบไปด้วย หุ้น CPALL ซึ่งมีมูลค่าถึงประมาณ 3 แสน 5หมื่นล้านบาท หุ้น BIGC และหุ้น MAKRO ที่ต่างก็มีมูลค่าตลาดประมาณ 1 แสน 5 หมื่นล้านบาท หุ้น HMPRO ที่มีมูลค่าประมาณ 1 แสนล้านบาท และหุ้น ROBINS ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 6 หมื่นล้านบาท

ในกลุ่มหุ้นบันเทิง ซึ่งเป็นหุ้นผู้บริโภคที่เป็นผู้ชนะ และมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากคือ หุ้น BEC ซึ่งคือทีวีช่อง 3 มีมูลค่าตลาดสูงขึ้นมากถึงประมาณแสนล้านบาท นอกจากนั้นยังมีหุ้น VGI ที่ขายโฆษณาที่เพิ่งเข้าตลาดไม่นาน มีมูลค่าสูงขึ้นถึงเกือบ 4 หมื่นล้านบาท

หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ที่ในอดีตไม่ใคร่จะมีค่ามากนักในตลาดหุ้น แต่ด้วยการเติบโตของหุ้นผู้บริโภคก็ทำให้หุ้นของเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ BGH เติบโตขึ้นมหาศาล มีมูลค่าตลาดถึง 2 แสนล้านบาท เช่นเดียวกัน โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ BH ก็เติบโตมีมูลค่าประมาณ 6.5 หมื่นล้านบาท

หุ้นกลุ่มขนส่ง ซึ่งในอดีตมีเพียง THAI เท่านั้นที่มีมูลค่าตลาดสูง ในปัจจุบันกลับกลายเป็นหุ้น AOT และหุ้นของ BTS ที่เป็นหุ้นผู้บริโภคที่มีมูลค่าสูงมากคือประมาณ 2 แสน 6 หมื่นล้านบาท และ 1 แสนล้านบาทตามลำดับ

หุ้นกลุ่มสื่อสาร ที่เป็นหุ้นผู้บริโภคและมีขนาดเพิ่มขึ้นโดยเปรียบเทียบนั้น รวมถึงหุ้นที่มีขนาดใหญ่มากอยู่แล้วอย่าง ADVANC ที่มีขนาดประมาณ 6 แสน 7 หมื่นล้านบาท หุ้น DTAC และ INTUCH หุ้นละ 2 แสน 5 หมื่นล้านบาท TRUE แสนสองหมื่นล้านบาท และ JAS 5.6 หมื่นล้านบาท

หุ้นผู้บริโภคที่รวมเฉพาะในรายการที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น มี Market Cap. ถึงประมาณ 4 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของตลาดหุ้นทั้งหมด และนั่นคือตัวเลขที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ตลาดหุ้นไทยกำลังเคลื่อนไปสู่การเป็นตลาดหุ้นที่มีหุ้นมีคุณภาพมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น ค่า PE ของตลาดหุ้นไทยควรต้องสูงขึ้นกว่าอดีตที่ผ่านมา ที่อยู่ระดับ PE 10 เท่า
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
kraikria
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1172
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 252

โพสต์

รายนี้เค้าไม่อยู่นิ่ง เป็นอีกเหตุผลที่เค้าเป็นผู้ชนะระยะยาว

Coca Cola 2nd Lives

[youtube]rWgCQgzJOU4
[/youtube]
ไม่ควรลงทุนอะไร ถ้าไม่รู้สึกสบายใจในสิ่งนั้น
kraikria
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1172
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 253

โพสต์

[youtube]rWgCQgzJOU4[/youtube]
ไม่ควรลงทุนอะไร ถ้าไม่รู้สึกสบายใจในสิ่งนั้น
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2547
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 254

โพสต์

สุดยอดครับ อ. Imerlot

ขอผมบ้างครับ
lqT_dPApj9U
ที่มา

http://www.youtube.com/watch?v=lqT_dPAp ... ata_player
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2547
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 255

โพสต์

[youtube]lqT_dPApj9U[/youtube]
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
kraikria
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1172
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 256

โพสต์

imerlot เขียน:แปลว่า
มีบาง sector อยู่ยั้ง ยั้งยืนกว่า งั้นซิ
...

และบาง sector แข่งขัน กัน บัลลัยไปเลย
..

วันนี้ เห็นแวบๆ คนแข่งร้อง เพลง ผู้ชนะได้ไป 10ล้าน
ผู้แพ้ยังได้ 5แสน
..
สนามแข่งร้อง เพลง ยัง ยากง่ายไม่เท่ากัน และผลตอบแทนไม่เท่ากัน
..
dumb test model
เล่นเฉพาะในเกมที่เราจะมีโอกาส ชนะสูงสุด
...
http://www.interbrand.com/en/best-globa ... harts.aspx
http://www.interbrand.com by sector.png

แสดงว่า
สรุปได้ไหมว่า
sector ไหน มี 10+ เลี่ยงเลย
5+ หนาวๆ
2-3 ดูดี ตามไปดูต่อ


:D :D :D

...
.......
ขอตั้งข้อสังเกตนิดนึงครับ อ.Imerlot...จากที่เห็นการแบ่ง Industry อาจจะเป็นแบบคร่าวๆมาก การแข่งขันโดยตรงของ Automotive ที่สินค้าเป็นคู่แข่งกันจริงๆ กับ Technology ที่หลายๆรายไม่ได้แข่งกันโดยตรงนัก (เช่น Microsoft เน้น OS และ Office, Apple ที่มีรายได้จาก iPhone กับ iPad เป็นส่วนใหญ่ หรือ Google ที่เน้น Search Engine พวกเค้าเหล่านั้นไม่ได้แข่งกันตรงๆ) ...ดังนั้นการมี Brand ดังๆหลายๆ Brand (10+) ใน Automotive กับ Technology อาจจะเทียบกันไม่ได้

รบกวนขอ Comment ด้วยครับ
ไม่ควรลงทุนอะไร ถ้าไม่รู้สึกสบายใจในสิ่งนั้น
imerlot
Verified User
โพสต์: 2690
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 257

โพสต์

คำถามนี้..ของ k. chaitorn มันอยู่ใน ตะกร้า too difficult สำหรับผม
แต่เ็ป็นคำถามที่ดี จะลองตอบดู {ถูกหรือไม่ ไม่ว่ากัน}

.....
"การศึกษาบริษัทที่เติบโตยั่งยืนนั้น
นอกจากข้อมูลบริษัทเดิมที่เป็นพื้นฐานในการคาดคะเนการเติบโตในอนาคตแล้ว
เราสามารถใช้ความรู้นี้ในการมองบริษัทที่เพิ่งเริ่มต้น
และประวัติดำเนินงานน้อย แต่มีโอกาสเป็นผู้ชนะในระยะยาวต่อไปได้อีกนาน"
"เช่น กรณี apple เรามีข้อสังเกตที่พอระบุสัญญาณต้น ๆ
อะไรได้บ้างที่บริษัทใหม่ ๆ นี้จะเป็นผู้ชนะต่อไป
เพื่อเป็นการค้นหาผู้ชนะกับ mega trend ในครั้งหน้าครับ"

...
อันที่เป็น apple เพราะว่า
tech company มันเป็น "riding on the edge of technology model"
แปลว่าโต้คลื่นไปกับขอบสุดของการพัฒนาเทคโน แปลง่ายๆว่า ต้อง ใหม่กว่า ดีกว่า จ๊าบกว่า
customer switching สูง หรือ stickyness มีน้อย หลายปีก่อนBBสุดฮิต แป็บเดียวก็หายหมด
สมมติ apple หยุดแค่ iphone5s ไป 2 ปีไม่ออกรุ่น ใหม่เลย
ส่วน samsung ในอีก 2 ปี ออกไปถึงรุ่น 14 ยังงี้
พอช้า แล้ว จะกลับมามันยาก แบบ เข็นครกขึ้นเขา ดังนั้น ต้องนำหน้าตลอด
..

ปี2008 เป็น Gamechanger ของ Apple และก็เป็นปี PEAK สุด ของ nokia
จุดที่ เป็น
คีย์ วารีเอเบิ้ล สำคัญสุดคราวนี้ ก็คือ app store

Apple and the App Store
http://en.wikipedia.org/wiki/App_store
In 2007, Apple Computer launched the iPhone, the company's first ever smartphone. When the device launched, the device did not provide any support for third-party software: Apple's CEO Steve Jobs believed that web apps served over the internet could provide adequate functionality required for most users. Soon after its release, however, developers had managed to "jailbreak" the iPhone and begin coding third-party apps for the device, distributed through package managers such as Installer.app (which itself was based on APT) and Cydia.[8]

With the release of iPhone OS 2.0 in July 2008, Apple launched the App Store; officially introducing third-party app development and distribution to the platform. The service allows users to purchase and download new apps for their device through either the App Store on the device, or through the iTunes Store on the iTunes desktop software. Apple asserts a large number of restrictions on app developers: all apps are subject to a review by Apple staff when submitted and can be rejected if they do not pass Apple's technological and content guidelines. Additionally, Apple takes a 30% commission on revenues for paid apps sold through the store


มันเป็น model ใหม่ ที่มีประโยชน์ เช่นไม่มี virus อีกแล้ว
ในเครื่อง ก็ เป็น close loop จะ copy program อะไรลงไปเอง ไม่ได้เลย.
...............

nokia เอง ปี 2007-2008 พลาดไป(inertia model) ตอนนั้น nokia ใหญกว่า apple มาก
เกมส์นี้ แสดงให้ถึงคำว่า "เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก แต่เป็นปลาเร็วกินปลาช้า"
แล้วพลาดอีก ไปใช้ software ของ microsoft ยุค 3G ของ nokia มาสายไปปล่อย
โอกาสใน apple samsung ไปได้ หลายๆปี ถ้าตอนนั้น nokia รีบปรับ model มาใช้ android แบบ samsung
apple อาจจะลำบากกว่านี้ เพราะต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่ง ยักษ์ 2 รายคือ samsung กับ nokia
...

การทำนาย อนาคต ของ บ. เทคโน จึงเป็นไปได้ ยาก
เพราะ
1. model มันไม่ stable การเปลี่ยนแปลง เกินขึ้นได้เร็ว เมื่อไหร่ คู่แข่ง ออกอะไร เหนือกว่าเรา เราก็ไป
(google มาหลัง yahoo แปะเดียวแซง yahoo ไปได้ แต่ถ้าสมมติ yahoo ไปซื้อ flipboard + twitter แล้ว
เอามาทำโมเดลใหม่ ก็น่าคิดคือ การเกิดใหม่ มีได้ตลอด
2. switching สูงและเร็ว พฤติกรรมลูกค้า พร้อมเปลี่ยน ทำให้ เป็นการ"สร้างประสาทบนพื้นทราย" market share หรือ brand
ไม่มีความหมาย ถ้า เทคโน ไม่จ๊าบ
3. leading cost อยาก nokai dell ไม่ได้ ช่วยอะไร เมื่อ gamechange
..............
ลองไปดูตัวเลขอดีตกัน
compare apple - nokia 2007-2012
...............
ปี2007 ยอดขาย nokia peak ที่ 51,138 ส่วน netincome กับ FCF peak ที่ ประมาณ 7พัน
ปี2008 ยอดขายลดลง เล็กน้อยเหลือ 50,830 ส่วน netincome กับ FCF ลดลงเกือบครึ่งเหลือ 3พันกว่า

..
ส่วน apple ปี 2007-2008 free cash flow เพิ่มจาก 4พัน ไป 8พัน เกือบ 2x
...




------------
compare



:D

***
ถ้าจะจำได้ 2008 เกิด subprime
ทั่วโลก -40% แล้วดู กำไร apple ปี 2008
...

ภาพเก่าๆ q4-2007
รูปภาพ

...
โต triple digit growth ใน very bad year
...
ราคาหุ้น 2008-2009
รูปภาพ

...

ราคาวันนี้ หลังจาก split 7:1 แล้ว

:D :D :D
2008-2014 6ปี 7x

....

(ถ้าข้อมูล ผิดพลาดใดๆ ขออภัยด้วย
โปรด check แหล่งต้นทางซ้ำ)
...

ย้อนไปดูแล้ว ประวัติศาสตร์ อาจะไม่เป็นอย่างนี้ ก็ได้ ถ้า
nokia แค่ใช้กลยุทธ์เดียวกับ samsung
...

.จึง ยากที่จะทำนาย ..อนาคตได้
...
uncontrol key variable มีมาก
ถ้าจะซื้อ ก็ ดู 3 ปี แล้ว share
....
key word>มี "Comparative key drivers (ยอดขาย growth, marketshare growth, FCF growth, net income growth)
Compare to key competitor/ compare to market" เหนือกว่า ก็ซื้อเลย



:D :D :D
kraikria
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1172
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 258

โพสต์

Wells Fargo

ถึงแม้เราจะเป็นอันดับ 20 กว่าในแง่ Asset แต่เราเป็นอันดับ 1 ในโลกถ้าเทียบ Mkt Cap นะครับ

http://www.relbanks.com/worlds-top-banks/market-cap
ไม่ควรลงทุนอะไร ถ้าไม่รู้สึกสบายใจในสิ่งนั้น
imerlot
Verified User
โพสต์: 2690
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 259

โพสต์

ส่วนเรื่อง Sector
auto/media/beverage
คือ เราจะลองทำ
Cross Industry Analysis model ดู
ต.ย.
เอา เบอร์1 ของทั้งหมด มาเทียบกัน
จะได้

..




:8)
imerlot
Verified User
โพสต์: 2690
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 260

โพสต์

kraikria เขียน:Wells Fargo

ถึงแม้เราจะเป็นอันดับ 20 กว่าในแง่ Asset แต่เราเป็นอันดับ 1 ในโลกถ้าเทียบ Mkt Cap นะครับ

http://www.relbanks.com/worlds-top-banks/market-cap
----
รูปภาพ

ใน assset 1,527,015
เป็น loan แค่ 825,799
แต่ เป็น Investment securities 264,353
และำ กำไร growth มาจากส่วน หลัง

2.) net income โตจาก 2,655 มาเป็น 21,878 เกือบ 10x โดย 5y compound =52%

กำไร loan ไม่ growth แล้ว
asset size ของ Well Fargo จึงไม่สำคัญอีกต่อไป
...
+
1.) 5-6ปี รายได้ 2x จาก 41,877 เป้น 83,780
โดยที่ non-interest income โต 5y compound 20% จาก 16,734 เป็น 40,980
(ไม่ลืมว่าปี 2008เป็น sub-prime ฐานต่ำ แต่ก็=ฟื้นแล้ว)
...
imerlot
Verified User
โพสต์: 2690
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 261

โพสต์

ส่วน
market cap
แสดงว่า ตอนนี้หุ้น WFC อาจจะราคาสูงไป
ใน
annaul meeting 2014
ลุงบัฟจึงตอบไปว่า
source:
berkshire-hathaway-2014-annual-meeting-notes
http://www.gurufocus.com/news/258073/be ... ting-notes

http://www.scribd.com/document_download ... urce=embed

...

ผมเดาว่า
ลุงคงคิดในใจ
ตอนนี้ มันแพงโขแล้ว
ตอบไป เดี๋ยวคนก็ไปแย่งกันซื้ออีก
ไม่ตอบ ดีกว่า
555
(อาจจะไม่ใช่นะครับ)


...
imerlot
Verified User
โพสต์: 2690
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 262

โพสต์

ส่วน
ตอนปี 2009
หลัง subprime
ใครจะไปกล้าซื้อ bank
..
imerlot
Verified User
โพสต์: 2690
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 263

โพสต์

imerlot
Verified User
โพสต์: 2690
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 264

โพสต์

kraikria เขียน: ขอตั้งข้อสังเกตนิดนึงครับ อ.Imerlot...จากที่เห็นการแบ่ง Industry อาจจะเป็นแบบคร่าวๆมาก การแข่งขันโดยตรงของ Automotive ที่สินค้าเป็นคู่แข่งกันจริงๆ กับ Technology ที่หลายๆรายไม่ได้แข่งกันโดยตรงนัก (เช่น Microsoft เน้น OS และ Office, Apple ที่มีรายได้จาก iPhone กับ iPad เป็นส่วนใหญ่ หรือ Google ที่เน้น Search Engine พวกเค้าเหล่านั้นไม่ได้แข่งกันตรงๆ) ...ดังนั้นการมี Brand ดังๆหลายๆ Brand (10+) ใน Automotive กับ Technology อาจจะเทียบกันไม่ได้

รบกวนขอ Comment ด้วยครับ
roughly right ดีกว่า preceisely wrong ครับ ว่างั้น
ตอบแบบเข้าข้าง ตัวเอง
ข้อสังเกตุ ของคุณkraikria ไม่ผิดครับ
บ้างครัง วิเคระห์ทำโมเดล ผมลงละเอียดเกินไป แล้ว จับประเด็นสำคัญ
คีย์ วารีเอเบิ้ลไม่ได้ อ่านบทความของคุณ มอนิชแล้วตาสว่าง
ถ้าเราจับคีย์วารีเอเบิ้ล อยู่ เวลามันควันในโรงละคร เราจะรู้ว่าควันจริงควันหลอก
เราก็นั่งใจเย็นซื้อได้ แต่ถ้าเราจับไม่อยู่ แต่ละ indicatior อาจทำให้ เราเป็นกระต่ายวิ่งชนปังตอได้
..
ในการวิเคาระห์ บางครั้งยังหยาบๆก็ ok
..
ประเด็น ของเรื่อง sector คือ
portfolio ของเราจะมี บ. long lasting มากๆ ผู้ชนะมาก
แต่ละ sector มี probabilities ของ การชนะแพ้ ไม่เหมือนกัน ใช่หรือไม่
sector อย่าง auto โอกาส lasting มีน้อยกว่า media ใช้หรือไม่ (เพราะการแข่งขันที่สูงกว่า)

ส่วน sector techno
ถึง แม้น number1 เ่ช่น google ebay facebook amazon อาจจะ อยู่คนละ sub sector ไม่ได้ direct compete กัน
แต่ มี characteristic บางอย่างเหมือนกัน เช่น ในวิเคราะห์ apple nokia นั้นคือ riding at the edge of technology model/sudden shift/ no stickyness ทำให้ ความ lasting ของ sector นี้ ก็ยังน่าเป็น่วง แบบว่าเหมาเข่งแล้วกัน. ซึ่งไม่แน่ สุดท้าย google หรือ amazon อาจจะมี model พิเศษเฉพาะที่ ไม่มีใครมาทดแทนได้ หรือ นิวเอนทรีได้ นั้นยัง พิสูจได้ยาก อย่างที่จีน พอ google ถอยก็มีตัวแทน Baidu ขึ้นมาได้..high tech จึงยังวัดยาก.

ในบาง sector อย่าง ของ disney ทำไม ไม่มีหน้าใหม่?
จีนจะทำแบบ disney ได้ไหม? (ส่วนจีนทำไม ไม่ copy Coke k. chaitorn ตอบไว้ดีแล้ว)
.....

ยังหาไล่ล่า..ข้อสรุปอยู่ครับ...
...
imerlot
Verified User
โพสต์: 2690
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 265

โพสต์

...
ถ้าทุกท่านจะ กรุณาผม
เรียก k. imerlot ก็พอครับ
เรียก อจ. อ่านแล้ว กาแฟหก ..ทุกที..

....
kraikria
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1172
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 266

โพสต์

imerlot เขียน:
kraikria เขียน:Wells Fargo

ถึงแม้เราจะเป็นอันดับ 20 กว่าในแง่ Asset แต่เราเป็นอันดับ 1 ในโลกถ้าเทียบ Mkt Cap นะครับ

http://www.relbanks.com/worlds-top-banks/market-cap
----
รูปภาพ

ใน assset 1,527,015
เป็น loan แค่ 825,799
แต่ เป็น Investment securities 264,353
และำ กำไร growth มาจากส่วน หลัง



2.) net income โตจาก 2,655 มาเป็น 21,878 เกือบ 10x โดย 5y compound =52%

กำไร loan ไม่ growth แล้ว
asset size ของ Well Fargo จึงไม่สำคัญอีกต่อไป
...
+
1.) 5-6ปี รายได้ 2x จาก 41,877 เป้น 83,780
โดยที่ non-interest income โต 5y compound 20% จาก 16,734 เป็น 40,980
(ไม่ลืมว่าปี 2008เป็น sub-prime ฐานต่ำ แต่ก็=ฟื้นแล้ว)
...
จากที่ดูแล้ว รายได้ของ Investment Securities อยู่ใน Interest Income และในปี 2013 ก็น้อยกว่า 2012 ในขณะที่ Inerest Income จาก Loan ประมาณ 4 เท่าของ Investment Securities ดังนั้นถ้าดูจาก Port แล้ว Loan ให้ผลตอบแทนมากกว่านะครับ รบกวนขอ Comment ด้วยครับ อ.Imerlot

ส่วนรายได้ Non-Interest Income สูงมากๆทีเดียว แม้ 2013 จะน้อยกว่า 2012 แต่ก็น่าประทับใจมาก โดยรายได้มาจาก Trust and Investment Fee มากที่สุด

Cost-to-Income อยู่ที่ประมาณ 58% ผมไม่ทราบเหมือนกันว่า ส่วนใหญ่แล้ว Bank ใน USA ตัวเลขนี้เป็นอย่างไร
แนบไฟล์

ไม่ควรลงทุนอะไร ถ้าไม่รู้สึกสบายใจในสิ่งนั้น
kraikria
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1172
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 267

โพสต์

imerlot เขียน:...
ถ้าทุกท่านจะ กรุณาผม
เรียก k. imerlot ก็พอครับ
เรียก อจ. อ่านแล้ว กาแฟหก ..ทุกที..

....
ผมนับถือ อ.Imerlot เป็นอาจารย์จริงๆครับ แต่ถ้าอาจารย์บอกว่าไม่ต้องเรียก งั้นผมเรียก K.Imerlot ครับ ด้วยความนับถือครับ
ไม่ควรลงทุนอะไร ถ้าไม่รู้สึกสบายใจในสิ่งนั้น
imerlot
Verified User
โพสต์: 2690
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 268

โพสต์

table 7
รูปภาพ
imerlot
Verified User
โพสต์: 2690
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 269

โพสต์

ตารางอันแรก
ผม crop มา ข้างบน จะได้หา ง่ายครับ
6ปี
interest income
vs
non-interest income
non-interest income
ถ้าดู2012-2013 จะลดลง จาก 42,856ไป 40,980
แต่ ดู 6ปี จะเห็นว่า Compound Growth rate ช่องขวาสุด 20%
...
imerlot
Verified User
โพสต์: 2690
ผู้ติดตาม: 0

Re: 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock

โพสต์ที่ 270

โพสต์

รูปภาพ

ส่วน interest income ปี 2008 เป็น subprime ยกเว้นไป
ปี 2009 peak ที่ 46,324 และไม่เคยสูงกว่านี้อีกเลย
....