โพสต์
โค้ด: เลือกทั้งหมด
วอร์เรน บัฟเฟตเขียนในจดหมายประจำปี 2013 ถึงผู้ถือหุ้นของบริษัทเบิร์คไชน์ แฮททาเวย์เกี่ยวกับแนวคิดการลงทุนของเขาไว้น่าสนใจดังนี้
“สำหรับการลงทุนของเงินส่วนตัวของผมนั้นผมจะลงทุนในสิ่งที่ผมได้พูดถึงเสมอ นั่นคือในพินัยกรรมของผม ผมบอกไว้ว่าให้นำเงินสดทั้งหมดที่มีเปิดเป็นกองทุนในชื่อภรรยาของผม (ผมกล่าวถึงเงินสดเพียงอย่างเดียวเพราะหุ้นบริษัทเบิร์คไชน์ในชื่อของผมนั้นจะถูกโอนให้กับมูลนิธิทั้งหมดภายในสิบปีนับจากที่ผมได้ลาโลกนี้ไป) กองทุนนี้ได้รับคำแนะนำจากผมง่ายๆว่าให้แบ่งเงิน 10 เปอร์เซนต์ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นและอีก 90 เปอร์เซนต์ลงทุนในกองทุนดัชนีเอสแอนด์พี 500 (S&P 500) (ผมแนะนำกองทุนของแวนการ์ด) ผมเชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานของกองทุนนี้จะสูงกว่ากองทุนอื่นๆไม่ว่าจะเป็นสถาบัน บริษัทประกันหรือกองทุนส่วนบุคคลที่คิดค่าธรรมเนียมแพงๆ
กลับมาพูดถึงเบน เกรแฮม ผมเรียนรู้การลงทุนโดยส่วนใหญ่จากหนังสือนักลงทุนผู้ชาญฉลาด (The Intelligent Investor) ของเบน หนังสือเล่มนี้ผมซื้อมาในปี 1949 และตั้งแต่นั้นมาฐานะทางการเงินของผมก็เปลี่ยนไปด้วยหนังสือเล่มนี้
ก่อนหน้าที่จะอ่านหนังสือของเบน ผมสนใจและศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุนในทุกศาตร์โดยอ่านเกี่ยวกับการลงทุนในหนังสือทุกชนิดที่ผมหาได้ ผมศึกษาการวิเคาระห์ทางเทคนิคและการใช้กราฟรวมถึงการหาปัจจัยในตลาดหุ้นเพื่อทำนายการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ผมนั่งในห้องค้าหุ้นตามสำนักงานของโบรกเกอร์ ดูราคาหุ้นในแต่ละนาทีและเฝ้าติดตามนักวิเคราะห์หุ้นอย่างใกล้ชิด สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นเรื่องสนุก แต่ผมไม่สามารถหาเหตุผลได้ว่าทำไมดูเหมือนผมจะไม่ได้ก้าวหน้าไปไหนเลยในการลงทุน
ในทางกลับกัน ความคิดของเบนได้อธิบายสิ่งต่างๆในการลงทุนได้อย่างง่ายๆและวิเศษมากโดยที่ไม่ต้องมีคำศัพท์หรือสูตรการคำนวณที่พิสดารโดยใช้ภาษากรีกและโรมันเหมือนสูตรอื่นๆ สำหรับผมจุดสำคัญคือบทที่ 8 และ 20 ในหนังสือเล่มนี้ที่เป็นสิ่งนำทางในการลงทุนของผมจวบจนปัจจุบันนี้
มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่สองสามอย่างในหนังสือเล่มนี้ ในฉบับพิมพ์ครั้งหลังมีบทความเกี่ยวกับการลงทุนที่ยอดเยี่ยมของเบนอยู่โดยไม่ได้เอ่ยถึงชื่อของหุ้นบริษัท เบนซื้อหุ้นบริษัทนี้ในปี 1948 ตอนที่เขากำลังเขียนต้นฉบับพิมพ์ครั้งแรก บริษัทนั้นคือบริษัทไกโค (Geico) ถ้าเบนไม่ได้กล่าวถึงความน่าสนใจของหุ้นบริษัทนี้ในตอนนั้น อนาคตของผมและของเบิร์คไชน์คงแตกต่างจากปัจจุบันอย่างมากในทุกวันนี้
ในฉบับพิมพ์ปี 1949 มีหุ้นบริษัทรถไฟบริษัทหนึ่งได้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นตัวอย่าง ตอนนั้นบริษัทรถไฟนั้นมีราคาหุ้นอยู่ที่หุ้นละ 17 เหรียญและมีกำไรต่อหุ้นหุ้นละ 10 เหรียญ ผมชื่นชมเบนอย่างมากที่ใช้ตัวอย่างจริงเพราะถ้าเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้นกับหุ้นที่เขาแนะนำเหล่านั้น เขาอาจจะเสียชื่อเสียงไปเลยก็เป็นไปได้ หุ้นบริษัทรถไฟนั้นมีราคาถูกมากเพราะกฏทางบัญชีในสมัยนั้นไม่อนุญาตให้บริษัทรถไฟนำกำไรจากบริษัทลูกเข้ามารวมในงบการเงินรวมของบริษัท
หุ้นบริษัทรถไฟที่ถูกกล่าวถึงในหนังสือของเบนคือบริษัทนอร์ทเทิร์นแปซิฟิค (Northern Pacific) และบริษัทลูกที่เบนกล่าวถึงคือบริษัทชิคาโกเบอร์ลิงตันควินซี่ (Chicago, Burlington & Quincy) บริษัททั้งหมดเหล่านี้ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทรถไฟบีเอ็นเอสเอฟ (BNSF – Burlington Northern Santa Fe) ที่บริษัทเบิร์คไชน์ถือหุ้นอยู่ร้อยเปอร์เซนต์ ตอนที่ผมอ่านหนังสือของเบน บริษัทนอร์ทเทิร์นแปซิฟิคมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 40 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบันบริษัทนี้รวมถึงบริษัทในเครือทั้งหมดทำรายได้เท่านั้นในเวลาเพียงแค่สี่วัน
ผมจำไม่ได้ว่าผมซื้อหนังสือเล่มนี้มาในราคาเท่าไหร่ แต่ไม่ว่าหนังสือจะมีราคาเท่าไหร่ก็ตาม มันก็เป็นไปตามหลักการของเบนที่ว่าราคาคือสิ่งที่คุณจ่าย มูลค่าคือสิ่งที่คุณได้รับ ถ้าพูดถึงการลงทุนของผมทั้งหมดแล้ว การซื้อหนังสือเล่มนี้ของเบนเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในชีวิต (ยกเว้นการแต่งงานทั้งสองครั้งของผม)
บันทึกไม่สำเร็จ