โค้ด: เลือกทั้งหมด
ผมทิ้งท้ายบทความตอนที่แล้วด้วยถ้อยคำที่ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” กล่าวถึงการลงทุนของ “เซอร์ไอแซค นิวตัน” ไว้ว่า หากไม่เจ็บตัวจากการขาดทุนครั้งนั้น เซอร์ไอแซค นิวตัน อาจค้นพบกฎแห่งการเคลื่อนที่ ข้อที่ 4 เพิ่มขึ้นมาสำหรับนักลงทุนทั้งหลาย นั่นก็คือ “ยิ่งเคลื่อนที่มาก ผลตอบแทนยิ่งลดลง”
ตัวของ “บัฟเฟตต์” เองก็เป็นนักลงทุนที่มีการ “เคลื่อนที่” หรือ “เคลื่อนไหว” น้อยมากๆ เนื่องจากเขาเห็นว่า “ในช่วงชีวิตของการลงทุนนั้น มันเป็นการยากมากที่จะตัดสินใจได้ถูกต้องเป็นร้อยๆ ครั้ง” ดังนั้นเขาจึงไม่ลงทุนพร่ำเพรื่อ หรือซื้อขายหุ้นบ่อยๆ แต่จะอยู่นิ่งๆ เพื่อรอคอยโอกาสทองที่จะทำให้เขาได้ผลตอบแทนที่ดีจริงๆ เท่านั้น
“บัฟเฟตต์” แนะนำนักลงทุนว่า “วอลล์สตรีททำเงินจากการเคลื่อนไหว แต่คุณจะทำเงินได้ด้วยการไม่เคลื่อนไหว” เขาเปรียบเปรยการลงทุนกับกีฬาเบสบอลว่า การอยู่ในตลาดหุ้นนั้น คุณไม่จำเป็นที่จะต้องตีบอลทุกลูกที่ขว้างมา คุณสามารถที่จะยืนเฉยๆ เพื่อรอเวลา จนกว่าบอลจะถูกขว้างมาเข้าทางของคุณ นั่นแหละคุณจึงค่อยหวดมันให้เต็มแรง
เป็นที่รู้กันดีว่า ตลาดหุ้นนั้นมีความผันผวนขึ้นลงอยู่แทบตลอดเวลาที่เปิดทำการ การที่นักลงทุนจดจ่ออยู่กับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วแบบนาทีต่อนาทีของดัชนีตลาดหุ้น หรือเกาะติดอยู่กับหน้าจอแสดงราคาหุ้นมากเกินไป ยิ่งส่งผลทางจิตวิทยาต่อ “อารมณ์” และ “ความรู้สึก” ของนักลงทุน ทำให้หลายๆ คนเกิดอาการคันไม้คันมือ อดใจไม่ได้ ต้องเคลื่อนไหวไปกับมันด้วย ทั้งๆ ที่ควรจะอยู่นิ่งให้มากที่สุดเพื่อใช้ “ความคิด” และ “เหตุผล” ในการตัดสินใจลงทุน
“จิม โรเจอร์” เจ้าของฉายา “อินเดียน่า โจนส์แห่งวงการไฟแนนซ์” เคยสารภาพว่า “ผมทำผิดพลาดมาหลายครั้ง ผมจึงเรียนรู้ว่า ไม่ควรเคลื่อนไหว ถ้าคุณยังไม่เข้าใจในสิ่งที่จะทำ และยังเรียนรู้ด้วยว่า มันเป็นเรื่องดีที่จะอยู่ให้นิ่งๆ แล้วรอจนกระทั่งคุณได้ความคิดดีๆ และได้ราคาดีๆ ที่แม้ว่าคุณจะผิดพลาด ก็ไม่ทำให้คุณต้องเจ็บตัว” และยังกล่าวย้ำไว้ด้วยว่า “หนึ่งในกฎที่ดีที่สุดที่ควรเรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุน ก็คือ การไม่ต้องเคลื่อนไหว อยู่นิ่งๆ เอาไว้ จนกว่าจะมีอะไรบางอย่างที่น่าทำ”
“ปีเตอร์ ลินซ์” หนึ่งในสุดยอดผู้จัดการกองทุนระดับโลก กล่าวถึงความได้เปรียบประการหนึ่งของนักลงทุนรายย่อยว่า ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวบ่อยๆ เหมือนบรรดาผู้จัดการกองทุนทั้งหลายที่ต้องคอยรายงานผลการดำเนินงานทุกๆ ไตรมาส “ถ้าหากช่วงใดที่คุณไม่พบบริษัทที่น่าสนใจลงทุน คุณสามารถถือเงินสดไว้นิ่งๆ เพื่อรอคอยโอกาสดีๆ คุณไม่จำเป็นต้องไปแข่งขันกับคนอื่น”
“ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร” Value Investor เบอร์หนึ่งของเมืองไทย เคยกล่าวไว้ว่า “ถ้านักลงทุนไม่สามารถนั่งนิ่งๆ หรืออดทนเพียงพอแล้ว เขาก็จะต้องซื้อขายหุ้นอยู่เรื่อยๆ และนั่นก็คือ หนทางแห่งการล้มเหลวในตลาดหุ้นอย่างแน่นอน”
บิดาแห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่า “เบนจามิน เกรแฮม” ให้ข้อคิดเตือนใจนักลงทุนว่า “แม้ความกระตือรือร้นจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการประสบความสำเร็จในที่อื่นๆ แต่สำหรับในวอลล์สตรีท มันมักจะนำไปสู่ความเสียหาย”
ใช่แล้วครับ การประกอบกิจการงานอื่นๆ ด้วยความกระตือรือร้น มักจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดี แต่สำหรับในตลาดหุ้น การที่นักลงทุนแสดงความกระตือรือร้นด้วยการซื้อขายหุ้นบ่อยเกินไป ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับผลตอบแทนที่ดีเสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าไม่ได้ใช้ความคิดไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนการตัดสินใจลงทุน โอกาสที่จะเสียหายย่อมมีมากขึ้นตามไปด้วย