(Jul 27) การเงินโลกป่วน!เมื่อสหรัฐไล่ล่าภาษี : ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2557 ใครที่ต้องการจะฝากเงิน หรือซื้อกองทุนรวม จะเข้าไปใช้บริการสาขาของธนาคารแห่งใดก็ตาม พนักงานธนาคารจะถามคุณคำแรกว่า “เคยมีบัญชีกับธนาคารเราไหมคะ” ถ้าคุณตอบว่ามีพนักงานจะขอบัตรประชาชนคุณเพื่อตรวจ สอบข้อมูลและให้บริการตามที่คุณต้องการ ได้เลย
แต่หากคุณตอบว่าไม่มี คุณจะต้องกรอกแบบฟอร์มเปิดบัญชีใหม่ ที่จะทำให้คุณงง เพราะจะต้องตอบในใบคำขอเปิดบัญชีว่า“คุณเป็นพลเมืองอเมริกันหรือไม่”
แบบฟอร์มดังกล่าวทำให้หลายคนเกิดความสงสัยว่า ทำไมจะต้องให้ข้อมูลนี้ด้วย เพราะการเปิดบัญชีเงินฝากที่ผ่านมาไม่เคยต้องตอบคำถามเหล่านี้ และเราอยู่ในประเทศไทยทำไมจะต้องมาตอบคำถามว่าเป็นพลเมืองอเมริกันหรือไม่ มีกรีนการ์ดหรือไม่ มีถิ่นที่อยู่ในอเมริกาหรือไม่ ตลอดจนมีธุรกรรมการเงินต่างๆ นานา เกี่ยวข้องกับสหรัฐหรือไม่ เป็นต้น
ลูกค้าบางคนไม่พอใจที่จะต้องตอบคำถามเหล่านี้ ก็ปฏิเสธไม่ตอบคำถาม ทางพนักงานธนาคารก็ขอสงวนสิทธิไม่เปิดบัญชีให้ ทำให้เกิดความไม่พอใจในบริการ แต่เมื่อไปที่ธนาคารอื่นก็เจอปัญหาเดียวกัน ทางระบายออกของลูกค้าที่ถูกปฏิเสธการเปิดบัญชีเงินฝาก คือ ตั้งกระทู้ถามทางโซเชียลมีเดีย ก่นด่าธนาคารพาณิชย์ หรือสอบถามผู้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เหตุที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องยากที่คนทั่วไปที่ไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับต่างประเทศจะทำความเข้าใจ เพราะเป็นข้อตกลงที่รัฐบาลไทยไปรับที่จะปฏิบัติตามกฎหมายภาษีสรรพากรฉบับใหม่ของสหรัฐ ที่เรียกว่า แฟตก้า (Foreign Account Tax Compliance Act : FATCA) ที่สหรัฐออกมาป้องกันการเลี่ยงการจ่ายภาษีของอเมริกันชนทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่มีสถานะเป็นบุคคลอเมริกัน (US Person) เป็นการหลีกเลี่ยงภาษีที่ผ่าน การเปิดบัญชีหรือลงทุนกับสถาบันการเงินนอกประเทศสหรัฐ
คำถามที่ตามมา คือ นี่ไม่ใช่กฎหมายของไทย แล้วทำไมคนไทยต้องทำตาม คำตอบคือ FATCA กำหนดให้สถาบันการเงินและธนาคารพาณิชย์ที่อยู่นอกสหรัฐ ต้องรายงานรายได้และธุรกรรมการเงินของลูกค้าที่มีสัญชาติอเมริกันให้กับกรมสรรพากรสหรัฐ
แถมยังต้องเซ็นยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลการเงินต่างๆ ทั้งจำนวนเงินและความเคลื่อนไหวทางบัญชี ข้อมูลส่วนตัว เลขประจำตัวผู้เสียภาษี ฯลฯ ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ของ FATCA รวมทั้งต้องยินยอมหักเงินจากบัญชี ต้องยินยอมให้ยุติความสัมพันธ์ทางการเงินได้โดยฝ่ายเดียว ฯลฯ ทั้งหมดเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีของสหรัฐ
ทั้งนี้ ข้อมูลที่กรอกทั้งหมดจะถูกส่งไปยังกรมสรรพากรสหรัฐ (Internal Revenue Service หรือ IRS) เพื่อประโยชน์ของสหรัฐในการตรวจสอบภาษีของชาวอเมริกันและบริษัทอเมริกันที่มีรายได้จากนอกสหรัฐ ว่าเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ หรือจะนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นหรือไม่ก็ไม่อาจรู้ได้
การที่ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินไทยต้องปฏิบัติตาม เพราะเงื่อนไขในกฎหมายนี้ระบุว่า หากประเทศใดไม่ยอมรับกฎหมายนี้ ไม่ปฏิบัติตาม สหรัฐจะหักภาษี ณ ที่จ่ายภาษี 30% จากรายได้ทั้งหมดที่เกิดจากการทำธุรกรรมในสหรัฐ
และยังมีผลไปถึงนักลงทุนไทยที่ลงทุนผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ที่มีการลงทุนในสหรัฐ ทั้งทางตรงหรือทางอ้อม จะถูกสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการตามกฎหมายนี้หักภาษี ณ ที่จ่าย 30% ด้วย และสุดท้ายสถาบันการเงินไทยอาจถูกปฏิเสธการทำธุรกรรมจากสถาบันการเงินในสหรัฐและประเทศอื่นที่ยอมปฏิบัติตามกฎหมายสหรัฐอีกด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อการค้า การลงทุนระหว่างประเทศ การส่งออก รวมไปถึงผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อระบบการเงินของประเทศอีกด้วย
โดยหลายประเทศในโลกที่ได้ลงนามใน ข้อตกลงกับสหรัฐเช่นเดียวกับไทย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย สิงคโปร์ มาเลเซีย
บุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า กฎหมายการให้ข้อมูลทางการเงินของผู้ถือสัญชาติอเมริกัน แก่สรรพากรสหรัฐ (FATCA) เป็นสิ่งจำเป็น ที่สถาบันการเงิน ทั้งธนาคาร บริษัทประกัน หรือบริษัทหลักทรัพย์ ต้องปฏิบัติตาม เพื่อ ผลประโยชน์ของคนไทยและผู้ประกอบการไทย เพราะการค้าระหว่างประเทศมีการ ใช้เงินสกุลเหรียญสหรัฐถึง 80% ของการค้าโลก
ดังนั้น หากสถาบันการเงินใดไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย FATCA เมื่อถึงเวลาทำธุรกรรมต่างๆ เช่น การรับ-จ่าย-โอนเงินระหว่างประเทศ กับธนาคารที่เป็นสมาชิก FATCA สถาบันการเงินนั้นก็จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 30% ซึ่งเป็นอัตราค่าใช้จ่ายที่สูงมาก โดยเฉพาะภาคธุรกิจที่ต้องมีภาระต้นทุนเพิ่ม และทำให้ทำธุรกิจไม่ได้ สถาบันการเงินไทยจึงจำเป็นต้องอำนวยความสะดวกในเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้กระทบแก่คนไทยที่จำเป็นต้องทำธุรกรรมกับสหรัฐ
อย่างไรก็ดี การขอความร่วมมือจากประชาชนทั่วไปที่จะเปิดบัญชีเงินฝากให้ข้อมูลว่าเป็นคนสัญชาติอเมริกัน หรือมีความสัมพันธ์กับคนสัญชาติอเมริกัน ไม่ใช่การขอเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลทางการเงินของผู้เปิดบัญชีคนไทย จึงยืนยันว่า การกรอกแบบฟอร์มเพิ่มเติมนี้ ไม่ส่งผลกระทบใดๆ กับคนไทย
“ทางสมาคมธนาคารไทยจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายนี้ แต่ก็เข้าใจด้วยว่า 99% ของผู้เปิดบัญชีเงินฝากเป็นคนไทย จึงพยายามทำแบบฟอร์มขอข้อมูลที่ง่ายที่สุด และให้กระทบกับประชาชนทั่วไปน้อยที่สุด ด้วยการใช้วิธีทำเครื่องหมายถูก ว่าเป็นชาวอเมริกันหรือไม่ หรือเกี่ยวข้องหรือไม่ เท่านั้นเอง”บุญทักษ์ กล่าว
สำหรับความกังวลใจของลูกค้าที่เกรงว่าการลงนามเปิดเผยข้อมูลแล้วจะทำให้ข้อมูลทางการเงินของเรารั่วไหล ทางสหรัฐสามารถเข้ามาดูข้อมูลการเงินของคนไทย ทั้งหมดได้
สมาคมธนาคารไทยยืนยันว่าทำไม่ได้ เพราะธนาคารพาณิชย์ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ธนาคารพาณิชย์ ที่ห้ามเปิดเผยข้อมูลลูกค้า หากทางการสหรัฐสงสัยรายการของลูกค้ารายใด จะต้องส่งรายชื่อมากระทรวงการคลัง เพื่อส่งต่อให้ธนาคารพาณิชย์ส่งข้อมูลให้เพื่อส่งมอบกลับไปยังสหรัฐ ไม่ใช่จะเข้ามาดูข้อมูลการเงินของคนไทยทุกคน
ขณะนี้เว็บไซต์ของสถาบันการเงินจะติดประกาศแจ้งให้ลูกค้าทราบเกี่ยวกับข้อปฏิบัติของ FATCA โดยระบุว่า เนื่องจากธนาคาร มีการทำธุรกรรมกับสถาบันการเงินและธนาคารพาณิชย์ทั่วโลกเป็นจำนวนมาก การให้ความร่วมมือจึงเป็นการป้องกันไม่ให้ถูกดำเนินมาตรการหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือ ถูกปฏิเสธการทำธุรกรรมทางการเงินจากสถาบันการเงินอื่นทั่วโลกที่ให้ความร่วมมือ จะส่งผลกระทบกับการทำธุรกรรมของลูกค้าได้ เพื่อประชาสัมพันธ์อีกทางหนึ่งเพื่ออธิบายว่าทำไมการเปิดบัญชีเงินฝากจึงได้วุ่นวายไม่เหมือนเดิม
โดย...ชีวรัตน์ กิจนภาธรพงษ์, พรสวรรค์ นันทะ
การเงินโลกป่วน!เมื่อสหรัฐไล่ล่าภาษี :FATCAมีผลต่อVI อย่างไร?
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเงินโลกป่วน!เมื่อสหรัฐไล่ล่าภาษี :FATCAมีผลต่อVI อย่า
โพสต์ที่ 2
ขอถามความเห็นนักลงทุนว่ามันจะมีผลขนาดนั้นเลยหรือ !?
Somkiat Osotsapa
เตือนด้วยรักและห่วงใย ภาษีอเมริกาอันตรายสูงสุด
คณะกรรมาธิการภาษีของอเมริกาตั้งเป้าว่า การเก็บภาษี FATCO โดยให้สถาบันการเงินในประเทศต่างๆเก็บข้อมูลให้ จะเพิ่มรายได้จากภาษีให้รัฐบาลอเมริกาได้ราว แปดแสนล้านเหรียญต่อปี ตลอดสิบปีข้างหน้า
ลองพลิกไปดูงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐ จะขาดดุลอยู่ราวๆนี้แหละ
ทำให้งบการคลังสมดุลได้ แต่ก็ยังใช้หนี้เดิมไม่ได้ เขาเอาจริงแน่
ต้องหาเงินจากชาวโลกไปเลี้ยงแก๊ง 330000 แก๊ง เลี้ยงคนที่ต้องสนับสนุนสแตมป์อาหารคนละร้อยกว่าเหรียญ 55 ล้านคนเป็นเงินปีละ แปดหมื่นล้านเหรียญ เลี้ยงสมาชิกแก๊งราวสองล้านคน เลี้ยงผู้อพยพที่เข้ามาปีละร่วมล้านคน ส่วนใหญ่จากละตินอเมริกาหนีแก๊งยาเสพติดกันมา งบทหาร6% ของ GDP คนไร้ที่อยู่ 5%ของประชาชน 318 ล้านคน
โคตรจะประชานิยม ฐานเสียงโอบามามาจากละติน
เขาจะเก็บเงินจากใครบ้าง จะบอกในสิ่งที่เขาไม่ได้บอกครับ
หนื่ง จัดเก็บจากคนอเมริกันที่อยู่นอกประเทศ ราว7.6 ล้านคน ในเมืองไทยราวสามหมื่น ไม่รวมพวกข้าราชการ ทหาร ในส่วนนี้มีรายละเอียดมาก ไว้จะเขียนเตือนคนไทย
หวังว่าจะได้รายได้ภาษีส่วนนี้เพิ่ม792 ล้านเหรียญ
สอง เก็บค่าปรับจากสถาบันการเงิน เช่น ธนาคาร บริษัทประกัน กองทุน เฮดจ์ฟันด์ ทรัสท์ บริษัทหลักทรัพย์ที่เข้าร่วมcompliance เซ็นต์สัญญากับสรรพากรสหรัฐไว้แล้ว
มีตัวอย่างของสถาบันการเงินยักษ์ของโลก เช่น paribus ของฝรั่งเศส โกลด์แมน แซค ไอเอ็นจี HSBC เยอะแยะที่ต้องไปขอประนีประนอมจ่ายให้อเมริกาไปร่วมหนื่งแสนล้านเหรียญต่อปี ก็มันพลาดกันได้นี่นา เจ้าหน้าที่สาขา บกพร่อง ทุจริตเป็นโดน
ตอนนี้มีสถาบันการเงินมาลงทะเบียนแล้ว 77000แห่ง มีที่ให้ปรับอีกเยอะ กฏมันหยุมหยิมมาก บังคับให้เดินไต่ลวด พลาดแล้วปรับ โจรมาก
สาม เก็บภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากสถาบันการเงินที่ไม่ได้รับรอง FATCA 30% ซื่งก็มีเยอะนะครับ ในประเทศเล็กๆ คงได้เงินโขอยู่
ถ้าทำผ่านสถาบันการเงินที่เข้า FATCA ก็คงจะหักจากที่เข้าร่วมก่อน แล้วไปไล่เบี้ยกันเอง
สี่ การยืดเงินในบัญชี ห้ามเลื่อนย้ายเงินในบัญชีของผู้ที่สรรพากรสหรัฐมีประวัติว่าไม่ได้ยื่นภาษี หรือดูยอดเงินในบัญชีแล้วเขาหาว่า จ่ายภาษีน้อยไป
คนที่เรียกว่าอเมริกันทั้งโดยการเกิด การแต่งงานมีบัญชีคู่กัน แต่งงานแล้วหย่า กลับประเทศแต่ยังมีกรีนคาร์ด พาสปอร์ตอยู่ บริษัทที่อเมริกันถือหุ้น หรือจ้างงาน มีหุ้น บอนด์ ประกันชีวิต มีบำเหน็จบำนาญโดนหมด
ต้องหาเงินไปจ่าย เขาก็ให้ธนาคาร กองทุนช่วยทำให้ ถ้ามีเพนชั่นในอเมริกาโดนยืดหมด ยืดข้ามประเทศได้เลย
งานนี้เรียกว่าปล้นทั่วโลก ใครแต่งงานกับอเมริกันมีมรดก สินเดิมโดนด้วย
ห้า อเมริกาเล็งพวกที่ไปลงทุนในกองทุนต่างๆ tax haven แบบสิงคโปร์ เงินฝากในประเทศต่างๆมูลค่า 32 ล้านล้านเหรียญ เรียกว่าเป็นการไล่ยืดทรัพย์ครั้งใหญ่ของโลก แม้หลายคนจะไม่เคยไปอเมริกาเลยก็มี ไม่รู้ว่าเป็นอเมริกันก็มี
กะจะเก็บจากตรงนี้เยอะ. เช่น xx่า เทอเนอร์เป็นต้น
คนอเมริกันในต่างประเทศ 7.6 ล้านคน ที่ยื่นภาษีอยู่ที่สามแสนกว่า เรื่องนี้เรื่องใหญ่ครับ เพราะจะมีคนอเมริกันโดนยืดทรัพย์มาก สะเทือนเศรษฐกิจของประเทศที่โดนยืดแน่นอน
ทูตคิตตี้ดูกรอกรายงานให้ดีนะครับ
หก บุคคลสองสัญชาติ นักธุรกิจข้ามชาติต่างๆ ที่เข้าไปลงทุนในอเมริกา ค้าขายกับอเมริกา มักจะได้สัญชาติ หรือมีบ้านก็ได้ มีกรีนคาร์ดต่างๆ
พวกนี้คือเจ้าของ wealth ของประเทศที่สำคัญ เมื่อเขาถือว่าเป็นคนอเมริกัน ทรัพย์สินที่สร้างขื้น เงินบริษัท หุ้นบริษัทถือว่าเป็นฐานภาษีหมด แม้จะทำมาหากินในไทยก็เถอะ
ผมคิดว่าเจ้าของธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ล้วนมีพาสสปอร์ตอเมริกา ระวังครับ โดนเข้าไป หุ้นจะร่วง สะเทือนทั้งประเทศ
ทั้งโลกมีมูลค่าเท่าใด จะเก็บภาษีได้เยอะมาก
ต้องเสียภาษีสองประเทศทีเดียว
เจ็ด นอกจากนั้น อเมริกายังเล็งเก็บภาษีจากผู้ได้ประโยชน์จากการลงทุน ค้าขายกับอเมริกาด้วย ซื้อหุ้น บอนด์ กองทุนคิดให้ดี ตรงนี้ฐานภาษีเยอะเหมือนกัน
นี่คือที่มาของรายได้ที่อเมริกาหวังไว้ปีละ แปดแสนล้านเหรียญ คนทั้งโลกต้องจ่าย
โดยทั่วไป หลักการเก็บภาษีของทุกประเทศ จะยืดหลักจัดเก็บจากผู้มีฐานที่อยู่ที่ทำงานในประเทศนั้น มีอเมริกาและประเทศในอาฟริกาหนื่งประเทศ ชื่อ อีทรีย เท่านั้นที่ยืดหลักสัญชาติ โคตรจะไดโนเสาร์เลย
แต่ตอนนี้อเมริกาเลือดเข้าตาไล่เก็บโดยยืดหลักสัญชาติ หลักนักธุรกิจที่หลอกไปมีกรีนคาร์ด พาสสปอร์ต ปล้นทรัพย์สินชาติอื่น เก็บค่าปรับ ค่าต๋ง ค่าส่วย ค่าเดินผ่านทาง เอาหมด
ใครค้างชำระภาษีอย่าเข้าอเมริกาครับ มาจับตัวถืงสนามบินเลย
อ้อ รัฐบาลที่จะเข้ามาต้องแก้กฏหมายให้เป็นตามแนวของเค้านะครับ กฏหมายธนาคาร กฏหมายบริษัทหลักทรัพย์ กองทุน เยอะแยะ
พวกธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงินต่อไปต้องมีประกาศFATCA ด้วย ไม่งั้น สถาบันการเงินไม่กล้าทำธุรกิจด้วย กลัวโดนปรับ จ่ายค่าปรับเสร็จ โดนคนฝากเงินผ้องเรียกเงินอีก
ตอนนี้ มันยุ่งจริงๆ
ผมมีทางออก มีข้อมูล นั่งอ่านว่าชาติต่างๆทำอย่างไร นั่งคิดว่าไทยควรทำอย่างไร เสียค่ากาแฟคาปูไป 160
ไว้จะเขียนเล่าให้ฟังครับ วันนี้ได้ใช้วิชาภาษี วิชาการคลังกระท่อนกระแท่นที่เรียนมานิดหน่อย 55
ช่วยๆกันหน่อยครับ
ช่วยกันหาเงินไปเลี้ยงแก๊ง 330000 แก๊งในอเมริกา
เลี้ยงคนที่ต้องสนับสนุนสแตมป์อาหารคนละร้อยกว่าเหรียญ 55 ล้านคนรวมปีละแปดหมื่นล้านเหรียญ
เลี้ยง สมาชิกแก๊งราวสองล้านคน
เลี้ยงผู้อพยพที่เข้ามาปีละร่วมล้านคน ส่วนใหญ่จากละตินอเมริกาหนีแก๊งยาเสพติดกันมา
ไปช่วยจ่ายงบทหาร6% ของ GDP
ไปช่วยคนไร้ที่อยู่ 5%ของประชาชน 318 ล้านคน
ไปช่วยผู้นำประชาธิปไตยของโลกกันเถอะ
Somkiat Osotsapa
เตือนด้วยรักและห่วงใย ภาษีอเมริกาอันตรายสูงสุด
คณะกรรมาธิการภาษีของอเมริกาตั้งเป้าว่า การเก็บภาษี FATCO โดยให้สถาบันการเงินในประเทศต่างๆเก็บข้อมูลให้ จะเพิ่มรายได้จากภาษีให้รัฐบาลอเมริกาได้ราว แปดแสนล้านเหรียญต่อปี ตลอดสิบปีข้างหน้า
ลองพลิกไปดูงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐ จะขาดดุลอยู่ราวๆนี้แหละ
ทำให้งบการคลังสมดุลได้ แต่ก็ยังใช้หนี้เดิมไม่ได้ เขาเอาจริงแน่
ต้องหาเงินจากชาวโลกไปเลี้ยงแก๊ง 330000 แก๊ง เลี้ยงคนที่ต้องสนับสนุนสแตมป์อาหารคนละร้อยกว่าเหรียญ 55 ล้านคนเป็นเงินปีละ แปดหมื่นล้านเหรียญ เลี้ยงสมาชิกแก๊งราวสองล้านคน เลี้ยงผู้อพยพที่เข้ามาปีละร่วมล้านคน ส่วนใหญ่จากละตินอเมริกาหนีแก๊งยาเสพติดกันมา งบทหาร6% ของ GDP คนไร้ที่อยู่ 5%ของประชาชน 318 ล้านคน
โคตรจะประชานิยม ฐานเสียงโอบามามาจากละติน
เขาจะเก็บเงินจากใครบ้าง จะบอกในสิ่งที่เขาไม่ได้บอกครับ
หนื่ง จัดเก็บจากคนอเมริกันที่อยู่นอกประเทศ ราว7.6 ล้านคน ในเมืองไทยราวสามหมื่น ไม่รวมพวกข้าราชการ ทหาร ในส่วนนี้มีรายละเอียดมาก ไว้จะเขียนเตือนคนไทย
หวังว่าจะได้รายได้ภาษีส่วนนี้เพิ่ม792 ล้านเหรียญ
สอง เก็บค่าปรับจากสถาบันการเงิน เช่น ธนาคาร บริษัทประกัน กองทุน เฮดจ์ฟันด์ ทรัสท์ บริษัทหลักทรัพย์ที่เข้าร่วมcompliance เซ็นต์สัญญากับสรรพากรสหรัฐไว้แล้ว
มีตัวอย่างของสถาบันการเงินยักษ์ของโลก เช่น paribus ของฝรั่งเศส โกลด์แมน แซค ไอเอ็นจี HSBC เยอะแยะที่ต้องไปขอประนีประนอมจ่ายให้อเมริกาไปร่วมหนื่งแสนล้านเหรียญต่อปี ก็มันพลาดกันได้นี่นา เจ้าหน้าที่สาขา บกพร่อง ทุจริตเป็นโดน
ตอนนี้มีสถาบันการเงินมาลงทะเบียนแล้ว 77000แห่ง มีที่ให้ปรับอีกเยอะ กฏมันหยุมหยิมมาก บังคับให้เดินไต่ลวด พลาดแล้วปรับ โจรมาก
สาม เก็บภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากสถาบันการเงินที่ไม่ได้รับรอง FATCA 30% ซื่งก็มีเยอะนะครับ ในประเทศเล็กๆ คงได้เงินโขอยู่
ถ้าทำผ่านสถาบันการเงินที่เข้า FATCA ก็คงจะหักจากที่เข้าร่วมก่อน แล้วไปไล่เบี้ยกันเอง
สี่ การยืดเงินในบัญชี ห้ามเลื่อนย้ายเงินในบัญชีของผู้ที่สรรพากรสหรัฐมีประวัติว่าไม่ได้ยื่นภาษี หรือดูยอดเงินในบัญชีแล้วเขาหาว่า จ่ายภาษีน้อยไป
คนที่เรียกว่าอเมริกันทั้งโดยการเกิด การแต่งงานมีบัญชีคู่กัน แต่งงานแล้วหย่า กลับประเทศแต่ยังมีกรีนคาร์ด พาสปอร์ตอยู่ บริษัทที่อเมริกันถือหุ้น หรือจ้างงาน มีหุ้น บอนด์ ประกันชีวิต มีบำเหน็จบำนาญโดนหมด
ต้องหาเงินไปจ่าย เขาก็ให้ธนาคาร กองทุนช่วยทำให้ ถ้ามีเพนชั่นในอเมริกาโดนยืดหมด ยืดข้ามประเทศได้เลย
งานนี้เรียกว่าปล้นทั่วโลก ใครแต่งงานกับอเมริกันมีมรดก สินเดิมโดนด้วย
ห้า อเมริกาเล็งพวกที่ไปลงทุนในกองทุนต่างๆ tax haven แบบสิงคโปร์ เงินฝากในประเทศต่างๆมูลค่า 32 ล้านล้านเหรียญ เรียกว่าเป็นการไล่ยืดทรัพย์ครั้งใหญ่ของโลก แม้หลายคนจะไม่เคยไปอเมริกาเลยก็มี ไม่รู้ว่าเป็นอเมริกันก็มี
กะจะเก็บจากตรงนี้เยอะ. เช่น xx่า เทอเนอร์เป็นต้น
คนอเมริกันในต่างประเทศ 7.6 ล้านคน ที่ยื่นภาษีอยู่ที่สามแสนกว่า เรื่องนี้เรื่องใหญ่ครับ เพราะจะมีคนอเมริกันโดนยืดทรัพย์มาก สะเทือนเศรษฐกิจของประเทศที่โดนยืดแน่นอน
ทูตคิตตี้ดูกรอกรายงานให้ดีนะครับ
หก บุคคลสองสัญชาติ นักธุรกิจข้ามชาติต่างๆ ที่เข้าไปลงทุนในอเมริกา ค้าขายกับอเมริกา มักจะได้สัญชาติ หรือมีบ้านก็ได้ มีกรีนคาร์ดต่างๆ
พวกนี้คือเจ้าของ wealth ของประเทศที่สำคัญ เมื่อเขาถือว่าเป็นคนอเมริกัน ทรัพย์สินที่สร้างขื้น เงินบริษัท หุ้นบริษัทถือว่าเป็นฐานภาษีหมด แม้จะทำมาหากินในไทยก็เถอะ
ผมคิดว่าเจ้าของธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ล้วนมีพาสสปอร์ตอเมริกา ระวังครับ โดนเข้าไป หุ้นจะร่วง สะเทือนทั้งประเทศ
ทั้งโลกมีมูลค่าเท่าใด จะเก็บภาษีได้เยอะมาก
ต้องเสียภาษีสองประเทศทีเดียว
เจ็ด นอกจากนั้น อเมริกายังเล็งเก็บภาษีจากผู้ได้ประโยชน์จากการลงทุน ค้าขายกับอเมริกาด้วย ซื้อหุ้น บอนด์ กองทุนคิดให้ดี ตรงนี้ฐานภาษีเยอะเหมือนกัน
นี่คือที่มาของรายได้ที่อเมริกาหวังไว้ปีละ แปดแสนล้านเหรียญ คนทั้งโลกต้องจ่าย
โดยทั่วไป หลักการเก็บภาษีของทุกประเทศ จะยืดหลักจัดเก็บจากผู้มีฐานที่อยู่ที่ทำงานในประเทศนั้น มีอเมริกาและประเทศในอาฟริกาหนื่งประเทศ ชื่อ อีทรีย เท่านั้นที่ยืดหลักสัญชาติ โคตรจะไดโนเสาร์เลย
แต่ตอนนี้อเมริกาเลือดเข้าตาไล่เก็บโดยยืดหลักสัญชาติ หลักนักธุรกิจที่หลอกไปมีกรีนคาร์ด พาสสปอร์ต ปล้นทรัพย์สินชาติอื่น เก็บค่าปรับ ค่าต๋ง ค่าส่วย ค่าเดินผ่านทาง เอาหมด
ใครค้างชำระภาษีอย่าเข้าอเมริกาครับ มาจับตัวถืงสนามบินเลย
อ้อ รัฐบาลที่จะเข้ามาต้องแก้กฏหมายให้เป็นตามแนวของเค้านะครับ กฏหมายธนาคาร กฏหมายบริษัทหลักทรัพย์ กองทุน เยอะแยะ
พวกธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงินต่อไปต้องมีประกาศFATCA ด้วย ไม่งั้น สถาบันการเงินไม่กล้าทำธุรกิจด้วย กลัวโดนปรับ จ่ายค่าปรับเสร็จ โดนคนฝากเงินผ้องเรียกเงินอีก
ตอนนี้ มันยุ่งจริงๆ
ผมมีทางออก มีข้อมูล นั่งอ่านว่าชาติต่างๆทำอย่างไร นั่งคิดว่าไทยควรทำอย่างไร เสียค่ากาแฟคาปูไป 160
ไว้จะเขียนเล่าให้ฟังครับ วันนี้ได้ใช้วิชาภาษี วิชาการคลังกระท่อนกระแท่นที่เรียนมานิดหน่อย 55
ช่วยๆกันหน่อยครับ
ช่วยกันหาเงินไปเลี้ยงแก๊ง 330000 แก๊งในอเมริกา
เลี้ยงคนที่ต้องสนับสนุนสแตมป์อาหารคนละร้อยกว่าเหรียญ 55 ล้านคนรวมปีละแปดหมื่นล้านเหรียญ
เลี้ยง สมาชิกแก๊งราวสองล้านคน
เลี้ยงผู้อพยพที่เข้ามาปีละร่วมล้านคน ส่วนใหญ่จากละตินอเมริกาหนีแก๊งยาเสพติดกันมา
ไปช่วยจ่ายงบทหาร6% ของ GDP
ไปช่วยคนไร้ที่อยู่ 5%ของประชาชน 318 ล้านคน
ไปช่วยผู้นำประชาธิปไตยของโลกกันเถอะ
low risk High return!