ผนึกกลต.สอบปั่นหุ้น'เอบีซี'
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
ผนึกกลต.สอบปั่นหุ้น'เอบีซี'
โพสต์ที่ 1
ผนึกกลต.สอบปั่นหุ้น'เอบีซี'
ตลาดหลักทรัพย์ประสานก.ล.ต.สอบปั่นหุ้น"เอบีซี"
หลังราคาหุ้นชนซิลลิ่ง6วันติดพร้อมสั่งแขวน"เอสพี"เตือนสติ
ตลาดหลักทรัพย์ ประสาน ก.ล.ต. สอบปั่นหุ้น "เอบีซี" หลังราคาหุ้นชนซิลลิ่ง 6 วันติด พร้อมสั่งแขวน "เอสพี" เตือนสตินักลงทุน ด้าน "เกศรา" ชี้เพื่อป้องกันความเสียหายแก่นักลงทุน ด้านผู้บริหารเก็บตัวเงียบ แจ้งห้องค้ายังไม่มีพัฒนาการใดๆ พร้อมยืนยันไม่ทราบสาเหตุหุ้นวิ่งแรง ขณะที่มาร์เก็ตแคปหุ้นใหญ่ "ปรเมษฐ์" พุ่งแตะ 8.5 พันล้านบาท จากเงินที่ใช้เทคโอเวอร์ 224 ล้านบาท ด้านโบรกเกอร์เผย ตลท. รุดขอข้อมูลเทรดหุ้น
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า วานนี้ (25 ส.ค.) เวลา 9.30 น. ตลาดหลักทรัพย์ได้ขึ้นเครื่องหมายห้ามการซื้อขายชั่วคราว(เอสพี) ในหุ้น บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ABC เนื่องจากพบว่า สภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทผิดไปจากสภาพปกติ และ ตลาดหลักทรัพย์ อยู่ระหว่างตรวจสอบถามข้อมูลจากบริษัท หลังพบว่าราคาหุ้นของบริษัทได้ปรับเพิ่มขึ้นร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในช่วง 6 วันทําการที่ผ่านมา 15-22 ส.ค.2557 ราคาหุ้นได้ปรับเพิ่มขึ้นชนเพดานสูงสุด (ซิลลิ่ง) ติดต่อกัน โดยราคาหุ้นของเอบีซีได้ปรับขึ้นจาก 18.20 บาท มาปิดที่ 63.50 บาทในวันที่ 21 ส.ค.2557 มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ก่อนจะทำการแตกพาร์จาก 1 บาทเหลือ 0.10 บาท โดยมีผลในวันที่ 22 ส.ค.2557 ขณะที่ราคาหุ้นในวันดังกล่าวปิดที่ 8.20 บาท (พาร์ 0.10 บาท) โดยตลอดระยะเวลา 6 วันทำการ ราคาหุ้นเอบีซีได้ปรับเพิ่มขึ้นราว 351% ด้วยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 118 ล้านบาท แม้ว่าในช่วงดังกล่าวหลักทรัพย์ เอบีซี เข้าข่ายตามเกณฑ์ แคชบาลานซ์ หรือ เป็นหลักทรัพย์ที่มีสภาพการซื้อขายผิดปกติ และผู้ที่จะลงทุนในหลักทรัพย์ดังกล่าวต้องวางเงินสดเป็นประกันเต็มจํานวนก่อนการซื้อหลักทรัพย์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในด้านการชําระราคา
รายงานข่าวระบุด้วยว่า ในวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ได้สอบถามถึงพัฒนาการที่สําคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อสภาพการซื้อขาย โดยบริษัทได้ชี้แจงว่ายังไม่มีพัฒนาการใดๆ ต่อมาในวันที่ 21 ส.ค.2557 ราคาหุ้นเอบีซี ยังคงปรับตัวสูงชนซิลลิ่ง โดยปิดที่ราคา 63.50 บาท ราคาพาร์ 1 บาท ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น ตลาดหลักทรัพย์ จึงแจ้งนักลงทุน ให้ใช้ความระมัดระวังในการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าว
อย่างไรก็ตามสภาพการซื้อขายเอบีซี ในวันที่ 22 ส.ค.2557 ยังคงปรับตัวสูงผิดปกติอย่างมาก โดยเพิ่มขึ้นจากราคา 6.35 บาท ราคาพาร์ 0.10 บาท มาปิดที่ราคา 8.20 บาท เพิ่มขึ้น 29.13% ขณะที่มูลค่าตามบัญชี ของบริษัทเท่ากับหุ้นละ 0.12 บาท ปรับเทียบกับ ราคาพาร์ ที่ 0.10 บาท เท่านั้น ในขณะที่ราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น(พี/อี) ของบริษัทสูงถึง 68 เท่า
ดังนั้น เพื่อให้ผู้ลงทุนได้มีข้อมูลและเวลาในการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานของบริษัทอย่างละเอียดรอบคอบทั้งในประเด็นของลักษณะการประกอบธุรกิจ ฐานะการเงินและผลการดําเนินงาน ข้อมูลทางการเงินอื่นๆ เช่น มูลค่าตามบัญชีของบริษัท เพื่อเปรียบเทียบกับราคาหลักทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างมากดังกล่าวของบริษัท รวมทั้งได้ศึกษาถึงข้อมูลเพิ่มเติมที่บริษัทจะได้ชี้แจงผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ถึงพัฒนาการใดๆ ที่อาจส่งผลต่อราคาและปริมาณการซื้อขายที่ผิดปกติตามที่ตลาดหลักทรัพย์ได้สอบถาม ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ เอบีซี เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับนักลงทุนเอง ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงหยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ เอบีซี เป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.2557 เป็นต้นไป
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลท.ได้ขึ้นเครื่องหมายเอสพีในหุ้นเอบีซี เพื่อให้นักลงทุนได้หยุดการซื้อขายเพื่อพิจารณาการลงทุนในหุ้นดังกล่าว โดยที่ผ่านมาราคามีความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติจึงอยากให้นักลงทุนหยุดตั้งสติเพื่อป้องกันความเสียหาย
"เราได้ขึ้นเครื่องหมาย เอสพี กับหุ้นดังกล่าว เพื่อให้นักลงทุนได้หยุดในการพิจารณาว่าเหมาะสมในการลงทุนหรือไม่ เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดกับนักลงทุนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต"
เขากล่าวว่า การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่ผิดปกตินั้น ทางตลท.ได้ทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) อย่างใกล้ชิด โดยที่ผ่านมาทาง ตลท. ได้ทำหนังสือสอบถามถึงความเคลื่อนไหวของบริษัท แต่ทางบริษัทไม่ได้มีการตอบในประเด็นดังกล่าว ทำให้ต้องขึ้นเครื่องหมายเอสพีไว้ก่อน
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อนายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไบร์ท จํากัด แต่ไม่สามารถติดต่อได้ และ เมื่อเวลา 13.15 น.บริษัท ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า บริษัทไม่มีพัฒนาการที่สำคัญและไม่ทราบสาเหตุอื่นที่ได้ส่งผลกระทบต่อการซื้อขาย
สำหรับ นายปรเมษฐ์ ได้ใช้เงินในการซื้อหุ้นเอบีซีจากผู้ถือหุ้นเดิม ผ่านการทำบิ๊กล็อตและเทนเดอร์ออฟเฟอร์รวมเป็นเงินประมาณ 224 ล้านบาท และปัจจุบันเขาถือหุ้นเอบีซี รวมประมาณ 104 ล้านหุ้น พาร์ 1 บาท ขณะที่ราคาปิดของหุ้น เอบีซี ณ วันที่ 22 ส.ค.อยู่ที่ 8.2 บาท ราคาพาร์ที่ 0.10 บาท แต่หากเทียบพาร์ที่ 1 บาท ราคาหุ้นดังกล่าวจะอยู่ที่ประมาณ 82 บาท เท่ากับว่า นายปรเมษฐ์ มีมูลค่าหุ้นที่ถือครองตามราคาตลาดอยู่ที่ประมาณ 8,500 ล้านบาท
แหล่งข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า ยืนยันว่ากรณีหุ้นเอบีซี มีการซื้อขายผิดจากสภาพปกติและมีแนวโน้มที่มีเจตนาสร้างราคาหุ้น ซึ่งตลาดหลักทรัพย์อยู่ระหว่างการตรวจสอบหาหลักฐานเอาผิด ทั้งนี้การที่ราคาหุ้นเอบีซี สามารถปรับตัวขึ้น ชนซิลลิ่งได้ต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจำนวนหุ้นที่ซื้อขายในปัจจุบันมีน้อย การสร้างราคาจึงทำได้ง่ายและใช้เวลาไม่นาน ขณะเดียวกัน มีนักลงทุนรายย่อยที่เข้ามาผสมโรงโดยการซื้อขายแบบเก็งกำไรต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
"การซื้อขายหุ้นเอบีซีถือว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายการสร้างราคาหุ้น โดยราคาเพิ่มขึ้นอย่างหวือหวา และอยู่ระหว่างการขอข้อมูลตรวจสอบการซื้อขายดังกล่าว"
แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวคาดว่า ตลท.น่าจะมีการส่งหนังสือเพื่อขอข้อมูลการซื้อขายไปยังบริษัทหลักทรัพย์ที่อาจมีการซื้อขายที่ผิดปกติ ซึ่งในส่วนของบริษัทหลักทรัพย์ทั่วไปจะไม่ได้รับหนังสือดังกล่าว ทั้งนี้ในด้านการลงทุนนั้น ยอมรับว่ามีนักลงทุนได้สอบถามการลงทุนในหุ้นดังกล่าวเข้ามา ซึ่งทางบล.ไม่แนะนำให้ลงทุน เพราะถือว่ามีความเสี่ยงกับนักลงทุน เนื่องจากราคาปรับตัวขึ้นแรงเกินไป
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์รายหนึ่ง เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหุ้นในปัจจุบันถือว่าราคาหุ้นไม่ได้อยู่ในระดับที่ถูก และหลายหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้นไปมาก ในขณะที่ปัจจัยที่จะขับเคลื่อนตลาดนั้นเริ่มน้อยลง ทำให้นักลงทุนบางส่วนหันไปลงทุนในหุ้น ที่มีราคาต่ำกกว่า 10 บาท กันมากขึ้น ซึ่งหุ้นเล่านี้เล่นกับข่าวและไม่ได้อ้างอิงกันพื้นฐาน
"หุ้นต่ำ 10 บาท หรือหุ้นต่ำบาท กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง หลังตลาดหุ้นกลับมาเป็นขาขึ้น เพราะหุ้นเหล่านี้ราคาวิ่งขึ้นเร็วกว่าปกติ และมีกำไรที่มากในระยะเวลาสั้น ทำให้นักลงทุนที่ชอบเสี่ยงเข้ามาลงทุนกัน ทั้งๆที่บางรายไม่ทราบด้วยซ้ำว่าทำธุรกิจอะไร ซึ่งในรายของบริษัทที่เป็นข่าวนั้น ก็เชื่อว่านักวิเคราะห์หลายคนก็ไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเขาทำธุรกิจอะไร"
ทั้งนี้ หุ้นที่มีการเก็งกำไรสูงนั้น ส่วนใหญ่จะซื้อขายตามข่าว ซึ่งหากมีข่าวเข้ามากระทบบริษัท ราคาหุ้นพร้อมที่จะวิ่งทันที ส่วนความเสี่ยงนั้นคือ หากผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามที่คาดหวังราคาหุ้นอาจปรับตัวร่วงลงแรงได้เช่นกัน ซึ่งหุ้นเหล่านี้ต้องยอมรับว่า มีสภาพคล่องที่น้อยมาก ในช่วงที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นอาจมีปริมาณการซื้อขายให้นักลงทุนสามารถเข้าทำการซื้อขายได้ง่าย แต่หากราคาหุ้นถูกทิ้งลงมา สภาพคล่องจะหาไปและทำให้นักลงทุนอาจขาดทุนหนักได้
ตลาดหลักทรัพย์ประสานก.ล.ต.สอบปั่นหุ้น"เอบีซี"
หลังราคาหุ้นชนซิลลิ่ง6วันติดพร้อมสั่งแขวน"เอสพี"เตือนสติ
ตลาดหลักทรัพย์ ประสาน ก.ล.ต. สอบปั่นหุ้น "เอบีซี" หลังราคาหุ้นชนซิลลิ่ง 6 วันติด พร้อมสั่งแขวน "เอสพี" เตือนสตินักลงทุน ด้าน "เกศรา" ชี้เพื่อป้องกันความเสียหายแก่นักลงทุน ด้านผู้บริหารเก็บตัวเงียบ แจ้งห้องค้ายังไม่มีพัฒนาการใดๆ พร้อมยืนยันไม่ทราบสาเหตุหุ้นวิ่งแรง ขณะที่มาร์เก็ตแคปหุ้นใหญ่ "ปรเมษฐ์" พุ่งแตะ 8.5 พันล้านบาท จากเงินที่ใช้เทคโอเวอร์ 224 ล้านบาท ด้านโบรกเกอร์เผย ตลท. รุดขอข้อมูลเทรดหุ้น
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า วานนี้ (25 ส.ค.) เวลา 9.30 น. ตลาดหลักทรัพย์ได้ขึ้นเครื่องหมายห้ามการซื้อขายชั่วคราว(เอสพี) ในหุ้น บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ABC เนื่องจากพบว่า สภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทผิดไปจากสภาพปกติ และ ตลาดหลักทรัพย์ อยู่ระหว่างตรวจสอบถามข้อมูลจากบริษัท หลังพบว่าราคาหุ้นของบริษัทได้ปรับเพิ่มขึ้นร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในช่วง 6 วันทําการที่ผ่านมา 15-22 ส.ค.2557 ราคาหุ้นได้ปรับเพิ่มขึ้นชนเพดานสูงสุด (ซิลลิ่ง) ติดต่อกัน โดยราคาหุ้นของเอบีซีได้ปรับขึ้นจาก 18.20 บาท มาปิดที่ 63.50 บาทในวันที่ 21 ส.ค.2557 มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ก่อนจะทำการแตกพาร์จาก 1 บาทเหลือ 0.10 บาท โดยมีผลในวันที่ 22 ส.ค.2557 ขณะที่ราคาหุ้นในวันดังกล่าวปิดที่ 8.20 บาท (พาร์ 0.10 บาท) โดยตลอดระยะเวลา 6 วันทำการ ราคาหุ้นเอบีซีได้ปรับเพิ่มขึ้นราว 351% ด้วยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 118 ล้านบาท แม้ว่าในช่วงดังกล่าวหลักทรัพย์ เอบีซี เข้าข่ายตามเกณฑ์ แคชบาลานซ์ หรือ เป็นหลักทรัพย์ที่มีสภาพการซื้อขายผิดปกติ และผู้ที่จะลงทุนในหลักทรัพย์ดังกล่าวต้องวางเงินสดเป็นประกันเต็มจํานวนก่อนการซื้อหลักทรัพย์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในด้านการชําระราคา
รายงานข่าวระบุด้วยว่า ในวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ได้สอบถามถึงพัฒนาการที่สําคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อสภาพการซื้อขาย โดยบริษัทได้ชี้แจงว่ายังไม่มีพัฒนาการใดๆ ต่อมาในวันที่ 21 ส.ค.2557 ราคาหุ้นเอบีซี ยังคงปรับตัวสูงชนซิลลิ่ง โดยปิดที่ราคา 63.50 บาท ราคาพาร์ 1 บาท ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น ตลาดหลักทรัพย์ จึงแจ้งนักลงทุน ให้ใช้ความระมัดระวังในการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าว
อย่างไรก็ตามสภาพการซื้อขายเอบีซี ในวันที่ 22 ส.ค.2557 ยังคงปรับตัวสูงผิดปกติอย่างมาก โดยเพิ่มขึ้นจากราคา 6.35 บาท ราคาพาร์ 0.10 บาท มาปิดที่ราคา 8.20 บาท เพิ่มขึ้น 29.13% ขณะที่มูลค่าตามบัญชี ของบริษัทเท่ากับหุ้นละ 0.12 บาท ปรับเทียบกับ ราคาพาร์ ที่ 0.10 บาท เท่านั้น ในขณะที่ราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น(พี/อี) ของบริษัทสูงถึง 68 เท่า
ดังนั้น เพื่อให้ผู้ลงทุนได้มีข้อมูลและเวลาในการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานของบริษัทอย่างละเอียดรอบคอบทั้งในประเด็นของลักษณะการประกอบธุรกิจ ฐานะการเงินและผลการดําเนินงาน ข้อมูลทางการเงินอื่นๆ เช่น มูลค่าตามบัญชีของบริษัท เพื่อเปรียบเทียบกับราคาหลักทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างมากดังกล่าวของบริษัท รวมทั้งได้ศึกษาถึงข้อมูลเพิ่มเติมที่บริษัทจะได้ชี้แจงผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ถึงพัฒนาการใดๆ ที่อาจส่งผลต่อราคาและปริมาณการซื้อขายที่ผิดปกติตามที่ตลาดหลักทรัพย์ได้สอบถาม ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ เอบีซี เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับนักลงทุนเอง ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงหยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ เอบีซี เป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.2557 เป็นต้นไป
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลท.ได้ขึ้นเครื่องหมายเอสพีในหุ้นเอบีซี เพื่อให้นักลงทุนได้หยุดการซื้อขายเพื่อพิจารณาการลงทุนในหุ้นดังกล่าว โดยที่ผ่านมาราคามีความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติจึงอยากให้นักลงทุนหยุดตั้งสติเพื่อป้องกันความเสียหาย
"เราได้ขึ้นเครื่องหมาย เอสพี กับหุ้นดังกล่าว เพื่อให้นักลงทุนได้หยุดในการพิจารณาว่าเหมาะสมในการลงทุนหรือไม่ เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดกับนักลงทุนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต"
เขากล่าวว่า การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่ผิดปกตินั้น ทางตลท.ได้ทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) อย่างใกล้ชิด โดยที่ผ่านมาทาง ตลท. ได้ทำหนังสือสอบถามถึงความเคลื่อนไหวของบริษัท แต่ทางบริษัทไม่ได้มีการตอบในประเด็นดังกล่าว ทำให้ต้องขึ้นเครื่องหมายเอสพีไว้ก่อน
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อนายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไบร์ท จํากัด แต่ไม่สามารถติดต่อได้ และ เมื่อเวลา 13.15 น.บริษัท ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า บริษัทไม่มีพัฒนาการที่สำคัญและไม่ทราบสาเหตุอื่นที่ได้ส่งผลกระทบต่อการซื้อขาย
สำหรับ นายปรเมษฐ์ ได้ใช้เงินในการซื้อหุ้นเอบีซีจากผู้ถือหุ้นเดิม ผ่านการทำบิ๊กล็อตและเทนเดอร์ออฟเฟอร์รวมเป็นเงินประมาณ 224 ล้านบาท และปัจจุบันเขาถือหุ้นเอบีซี รวมประมาณ 104 ล้านหุ้น พาร์ 1 บาท ขณะที่ราคาปิดของหุ้น เอบีซี ณ วันที่ 22 ส.ค.อยู่ที่ 8.2 บาท ราคาพาร์ที่ 0.10 บาท แต่หากเทียบพาร์ที่ 1 บาท ราคาหุ้นดังกล่าวจะอยู่ที่ประมาณ 82 บาท เท่ากับว่า นายปรเมษฐ์ มีมูลค่าหุ้นที่ถือครองตามราคาตลาดอยู่ที่ประมาณ 8,500 ล้านบาท
แหล่งข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า ยืนยันว่ากรณีหุ้นเอบีซี มีการซื้อขายผิดจากสภาพปกติและมีแนวโน้มที่มีเจตนาสร้างราคาหุ้น ซึ่งตลาดหลักทรัพย์อยู่ระหว่างการตรวจสอบหาหลักฐานเอาผิด ทั้งนี้การที่ราคาหุ้นเอบีซี สามารถปรับตัวขึ้น ชนซิลลิ่งได้ต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจำนวนหุ้นที่ซื้อขายในปัจจุบันมีน้อย การสร้างราคาจึงทำได้ง่ายและใช้เวลาไม่นาน ขณะเดียวกัน มีนักลงทุนรายย่อยที่เข้ามาผสมโรงโดยการซื้อขายแบบเก็งกำไรต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
"การซื้อขายหุ้นเอบีซีถือว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายการสร้างราคาหุ้น โดยราคาเพิ่มขึ้นอย่างหวือหวา และอยู่ระหว่างการขอข้อมูลตรวจสอบการซื้อขายดังกล่าว"
แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวคาดว่า ตลท.น่าจะมีการส่งหนังสือเพื่อขอข้อมูลการซื้อขายไปยังบริษัทหลักทรัพย์ที่อาจมีการซื้อขายที่ผิดปกติ ซึ่งในส่วนของบริษัทหลักทรัพย์ทั่วไปจะไม่ได้รับหนังสือดังกล่าว ทั้งนี้ในด้านการลงทุนนั้น ยอมรับว่ามีนักลงทุนได้สอบถามการลงทุนในหุ้นดังกล่าวเข้ามา ซึ่งทางบล.ไม่แนะนำให้ลงทุน เพราะถือว่ามีความเสี่ยงกับนักลงทุน เนื่องจากราคาปรับตัวขึ้นแรงเกินไป
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์รายหนึ่ง เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหุ้นในปัจจุบันถือว่าราคาหุ้นไม่ได้อยู่ในระดับที่ถูก และหลายหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้นไปมาก ในขณะที่ปัจจัยที่จะขับเคลื่อนตลาดนั้นเริ่มน้อยลง ทำให้นักลงทุนบางส่วนหันไปลงทุนในหุ้น ที่มีราคาต่ำกกว่า 10 บาท กันมากขึ้น ซึ่งหุ้นเล่านี้เล่นกับข่าวและไม่ได้อ้างอิงกันพื้นฐาน
"หุ้นต่ำ 10 บาท หรือหุ้นต่ำบาท กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง หลังตลาดหุ้นกลับมาเป็นขาขึ้น เพราะหุ้นเหล่านี้ราคาวิ่งขึ้นเร็วกว่าปกติ และมีกำไรที่มากในระยะเวลาสั้น ทำให้นักลงทุนที่ชอบเสี่ยงเข้ามาลงทุนกัน ทั้งๆที่บางรายไม่ทราบด้วยซ้ำว่าทำธุรกิจอะไร ซึ่งในรายของบริษัทที่เป็นข่าวนั้น ก็เชื่อว่านักวิเคราะห์หลายคนก็ไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเขาทำธุรกิจอะไร"
ทั้งนี้ หุ้นที่มีการเก็งกำไรสูงนั้น ส่วนใหญ่จะซื้อขายตามข่าว ซึ่งหากมีข่าวเข้ามากระทบบริษัท ราคาหุ้นพร้อมที่จะวิ่งทันที ส่วนความเสี่ยงนั้นคือ หากผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามที่คาดหวังราคาหุ้นอาจปรับตัวร่วงลงแรงได้เช่นกัน ซึ่งหุ้นเหล่านี้ต้องยอมรับว่า มีสภาพคล่องที่น้อยมาก ในช่วงที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นอาจมีปริมาณการซื้อขายให้นักลงทุนสามารถเข้าทำการซื้อขายได้ง่าย แต่หากราคาหุ้นถูกทิ้งลงมา สภาพคล่องจะหาไปและทำให้นักลงทุนอาจขาดทุนหนักได้
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ผนึกกลต.สอบปั่นหุ้น'เอบีซี'
โพสต์ที่ 4
ตลท.รอ ABC ชี้แจงหุ้นขึ้นแรงผิดปกติ
วันพุธ, 27 สิงหาคม 2557
ตลท. สอบความเคลื่อนไหวหุ้น ABC หลังสงสัยราคาพุ่ง
ขณะที่ผลประกอบการแย่ สินทรัพย์ต่ำ
เผยรอดูเหตุผลที่บริษัทชี้แจงก่อนพิจารณาปลด SP
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท.เข้าตรวจสอบความเคลื่อนไหวหุ้น บมจ.แอสเซท ไบร์ท(ABC) หลังจากพบว่าราคาเคลื่อนไหวผิดปกติ ขณะที่ผลประกอบการออกมาไม่ดี และสินทรัพย์อยู่ในระดับต่ำ โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอการชี้แจงเพิ่มเติมจากทางบริษัท ก่อนจะพิจารณาว่าจะปลดเคลื่อนหมาย SP หรือไม่
"หุ้น ABC เป็น 1 ในหุ้นที่เห็นการซื้อขายที่ผิดปกติ ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์ฯยังรอคำชี้แจงอยู่ว่าเพราะเหตุใดหุ้นดังกล่าวราคาถึงขึ้นผิดปกติ โดยบริษัทดังกล่าวมีสินทรัพย์ต่ำและผลประกอบการก็ปรับลดลง แต่หุ้นยังมีการขยับราคาขึ้นได้"นางเกศรา กล่าว
"ขณะนี้ตลาดฯยังไม่ได้รับคำชี้แจงจาก ABC ว่าสาเหตุใดที่ราคาหุ้นปรับขึ้นแรงผิดปกติเนื่องจากเมื่อดูผลประกอบการแล้วมีการปรับลดลง ขณะที่สินทรัพย์ก็ไม่ได้มีมากนักด้วย ซึ่งหากได้รับคำชี้แจงตามความเป็นจริง และมีความเหมาะสม ก็จะมีการปลดเครื่องหมาย SP ออก"นางเกศรา กล่าว
สำหรับมาตรการของ ตลท.ในการจัดการกับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงผิดปกติ ขณะนี้ยังไม่มีมาตการพิเศษเพิ่มเติม โดยยังเน้นการใช้มาตรการเดิมที่มีอยู่ โดยเฉพาะการขอให้บริษัทจดทะเบียนที่ ตลท.เห็นว่ามีการซื้อขายหุ้นที่ผิดปกติชี้แจงสาเหตุและผลประกอบการ เพื่อแสดงรายละเอียดที่เป็นจริงต่อ ตลท.รวมไปถึงต้องชี้แจงด้วยว่าราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับผลประกอบการหรือไม่
นางเกศรา ยังกล่าวถึงการจัดงาน Thailand Focus 2014 ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติเป็นอย่างดี โดยตัวเลขผู้เข้าร่วมงานอยู่ใกล้เคียงกับปีก่อน ซึ่งมีนักลงทุนสถาบันเข้าร่วมกว่า 120 สถาบัน และมีบริษัทจดทะเบียนเข้าร่วม 60 บริษัท โดยคิดเป็นมูลค่าการลงทุนราว 2.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ
ทั้งนี้ แม้ว่าประเทศไทยยังอยู่ภายใต้กฏอัยการศึก แต่ยังได้รับการตอบรับและความเชื่อมั่นใจจากนักลงทุนต่างชาติ เชื่อว่าเป็นผลจากความชัดเจนของการเดินหน้าทำตามแผนโรดแมพของทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการผลักดันการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของทางภาครัฐ
หุ้น ABC ล่าสุดยังคงถูกขึ้น SP และยืนอยู่ที่ 8.20 บาท
วันพุธ, 27 สิงหาคม 2557
ตลท. สอบความเคลื่อนไหวหุ้น ABC หลังสงสัยราคาพุ่ง
ขณะที่ผลประกอบการแย่ สินทรัพย์ต่ำ
เผยรอดูเหตุผลที่บริษัทชี้แจงก่อนพิจารณาปลด SP
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท.เข้าตรวจสอบความเคลื่อนไหวหุ้น บมจ.แอสเซท ไบร์ท(ABC) หลังจากพบว่าราคาเคลื่อนไหวผิดปกติ ขณะที่ผลประกอบการออกมาไม่ดี และสินทรัพย์อยู่ในระดับต่ำ โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอการชี้แจงเพิ่มเติมจากทางบริษัท ก่อนจะพิจารณาว่าจะปลดเคลื่อนหมาย SP หรือไม่
"หุ้น ABC เป็น 1 ในหุ้นที่เห็นการซื้อขายที่ผิดปกติ ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์ฯยังรอคำชี้แจงอยู่ว่าเพราะเหตุใดหุ้นดังกล่าวราคาถึงขึ้นผิดปกติ โดยบริษัทดังกล่าวมีสินทรัพย์ต่ำและผลประกอบการก็ปรับลดลง แต่หุ้นยังมีการขยับราคาขึ้นได้"นางเกศรา กล่าว
"ขณะนี้ตลาดฯยังไม่ได้รับคำชี้แจงจาก ABC ว่าสาเหตุใดที่ราคาหุ้นปรับขึ้นแรงผิดปกติเนื่องจากเมื่อดูผลประกอบการแล้วมีการปรับลดลง ขณะที่สินทรัพย์ก็ไม่ได้มีมากนักด้วย ซึ่งหากได้รับคำชี้แจงตามความเป็นจริง และมีความเหมาะสม ก็จะมีการปลดเครื่องหมาย SP ออก"นางเกศรา กล่าว
สำหรับมาตรการของ ตลท.ในการจัดการกับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงผิดปกติ ขณะนี้ยังไม่มีมาตการพิเศษเพิ่มเติม โดยยังเน้นการใช้มาตรการเดิมที่มีอยู่ โดยเฉพาะการขอให้บริษัทจดทะเบียนที่ ตลท.เห็นว่ามีการซื้อขายหุ้นที่ผิดปกติชี้แจงสาเหตุและผลประกอบการ เพื่อแสดงรายละเอียดที่เป็นจริงต่อ ตลท.รวมไปถึงต้องชี้แจงด้วยว่าราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับผลประกอบการหรือไม่
นางเกศรา ยังกล่าวถึงการจัดงาน Thailand Focus 2014 ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติเป็นอย่างดี โดยตัวเลขผู้เข้าร่วมงานอยู่ใกล้เคียงกับปีก่อน ซึ่งมีนักลงทุนสถาบันเข้าร่วมกว่า 120 สถาบัน และมีบริษัทจดทะเบียนเข้าร่วม 60 บริษัท โดยคิดเป็นมูลค่าการลงทุนราว 2.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ
ทั้งนี้ แม้ว่าประเทศไทยยังอยู่ภายใต้กฏอัยการศึก แต่ยังได้รับการตอบรับและความเชื่อมั่นใจจากนักลงทุนต่างชาติ เชื่อว่าเป็นผลจากความชัดเจนของการเดินหน้าทำตามแผนโรดแมพของทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการผลักดันการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของทางภาครัฐ
หุ้น ABC ล่าสุดยังคงถูกขึ้น SP และยืนอยู่ที่ 8.20 บาท
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ผนึกกลต.สอบปั่นหุ้น'เอบีซี'
โพสต์ที่ 5
ABC ตอบ SET ถี่ยิบตามที่ต้องการ
หลังโดนจี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงบการเงินของบริษัทฯ ในงวดไตรมาสที่ 2 ของปี 2557
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(28ส.ค.57)----บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน)ABC เปิดเผยว่า
ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้บริษัทฯ ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงบการเงินของบริษัทฯ
ในงวดไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 นั้น บริษัทฯ ขอชี้แจงข้อมูลดังนี้
1.คำถาม สาเหตุที่บริษัทมีรายได้จากการขายในไตรมาสที่ 2 และงวด 6 เดือนปี 2557
ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนอย่างมีสาระสำคัญหากไม่รวมรายการกำไรจากการขาย
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขายจะส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ
จำนวน 43.35 และ 10.71 ล้านบาทตามลำดับ
คำตอบ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายในไตรมาสที่ 2 และงวด 6 เดือน ของปี 2557 ลดลงอย่างมีสาระสำคัญจากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในปี 2556 บริษัทฯ ยังคงทำธุรกิจด้านสิ่งทอโดยมีรายได้หลักจากการผลิตถุงเท้า ขณะที่ในปี 2557 บริษัทฯ หยุดดำเนินธุรกิจดังกล่าว
และเริ่มต้นธุรกิจใหม่ คือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2556ดังนั้นโครงสร้างรายได้ของบริษัทฯ ในปี 2557 จึงมีการเปลี่ยนแปลง โดยบริษัทฯมีรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพียงแหล่งเดียว แต่เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ
และการเมืองที่ไม่แน่นอนจึงส่งผลให้ลูกค้าชะลอการสั่งซื้ออสังหาริมทรัพย์ ดังนั้นยอดขายของบริษัทฯเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจึงลดลง
2.คำถาม อธิบายลักษณะการประกอบธุรกิจของบริษัทในปัจจุบันให้ชัดเจน โดยกล่าวถึงลำดับเหตุการณ์ที่สำคัญที่กระทบต่อการประกอบธุรกิจของบริษัทในระยะที่ผ่านมาลักษณะการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันข้อมูลโครงการ มูลค่าโครงการ ความคืบหน้าในการดำเนินโครงการดังกล่าว
คำตอบ บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) เดิมชื่อ บริษัท บางกอกไนล่อน จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายถุงเท้า บริษัทฯ มีผลขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ด้วยสาเหตุจากค่าใช้จ่ายในการผลิตและค่าใช้จ่ายในการขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับการแข่งขันที่รุนแรง จึงส่งผลให้บริษัทฯหยุดการผลิตชั่วคราวเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2555 และประกาศเลิกจ้างพนักงานตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2556 ต่อมานายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ได้ซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯจากผู้ถือหุ้นเดิมผ่านกระดานซื้อขายหลักทรัพย์รายใหญ่ (Big Lot) รวมทั้งสิ้น 9,031,057 หุ้น ในราคาหุ้นละ 19.40 บาท (มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ 10 บาทต่อหุ้น) หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 68.57ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯ และนายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ได้จัดทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ส่วนที่เหลือทั้งหมดของบริษัทฯ จากผู้ถือหุ้นระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม - 5พฤศจิกายน 2556 ในราคาหุ้นละ 19.40 บาท เป็นผลให้นายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ถือหุ้นรวมทั้งสิ้นจำนวน11,541,640 หุ้น (มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ 10 บาทต่อหุ้น) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 87.64ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯ ต่อมานายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ได้มีการจำหน่ายหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯระหว่างวันที่ 11 มิถุนายน - 8 กรกฎาคม 2557 จำนวน 10,465,900 หุ้น ในราคาเฉลี่ยระหว่าง 3.84 - 18.98บาท ต่อหุ้น (มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ 1 บาทต่อหุ้น) ตามที่ได้แจ้งข้อมูลในแบบฟอร์ม 59-2
ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์
ปัจุบันนายปรเมษฐ์รังรองธานินทร์ได้ถือหุ้นบริษัทฯ รวมทั้งสิ้นจำนวน 104,950,500 หุ้น (มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ 1 บาทต่อหุ้น)คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 79.69 ของบริษัทฯ ได้เปลี่ยนแปลงการประกอบธุรกิจของบริษัทฯจากเดิมประกอบธุรกิจสิ่งทอ มาเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยได้ลงทุนซื้อห้องชุดโครงการอาคารชุดบ้านนวธารา รีเวอร์ไลฟ์ ตั้งอยู่ซอยประเสริฐมนูญกิจ 33ถนนประเสริฐมนูญกิจ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ จำนวน 19 ยูนิต มูลค่ารวม 29.23 ล้านบาทเพื่อทำให้บริษัทฯ มีรายได้เข้ามาในระยะสั้น และระยะกลาง ส่งผลให้บริษัทฯทะยอยรับรู้รายได้เมื่อมีการขาย และโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด (รายละเอียดโครงการบ้านนวธารา รีเวอร์ไลฟ์ดูได้จากเอกสารแนบ)
ปัจจุบันบริษัทฯ ได้โอนห้องชุดให้กับลูกค้าแล้วทั้งหมดจำนวน 7 ยูนิต มูลค่าประมาณ 18 ล้านบาท
และที่รอโอนกรรมสิทธิให้กับผู้ซื้ออีกจำนวน 5 ยูนิต โดยคาดว่าจะทะยอยโอนกรรมสิทธิให้ลูกค้าได้ภายในปี
2557 คงเหลือที่อยู่ระหว่างการจำหน่ายจำนวน 7 ยูนิต คาดว่าจะจำหน่ายได้หมดภายในปี 2557
นอกจากนั้นบริษัทฯ ได้ลงทุนซื้อห้องชุดโครงการบ้านสาทร เจ้าพระยา ตั้งอยู่ที่ซอยเจริญนคร 15A
ถนนเจริญนคร แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ จำนวน 9 ยูนิต เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 มูลค่าประมาณ
104.66 ล้านบาท(รายละเอียดโครงการบ้านสาทร เจ้าพระยา ดูได้จากเอกสารแนบ)
ปัจจุบันได้โอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกค้าแล้วจำนวน 1 ยูนิต ในราคาประมาณ 13 ล้านบาท คงเหลือ 8 ยูนิต
และคาดว่าจะจัดจำหน่ายได้หมดภายในปี 2558
นอกจากนั้นบริษัทฯ อยู่ระหว่างการวางแผนที่จะเปิดธุรกิจใหม่ด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งจะเริ่มได้ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2557 (รายละเอียดอธิบายในข้อ 4)
3.คำถาม ที่มาของรายการกำไรจากการขายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขายจำนวน 201.36 ล้านบาท
โดยกล่าวถึง ลักษณะรายการ ข้อมูลของสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขาย ชื่อผู้ซื้อ มูลค่าสินทรัพย์
เกณฑ์การกำหนดราคา เหตุผลที่ขายและวันที่ขายสินทรัพย์ดังกล่าว
คำตอบ บริษัทฯ มีกำไรจากการขายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขายจำนวน 201.36 ล้านบาท
จากการที่บริษัทฯ ได้ทำการขายที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้างโรงงาน ตั้งอยู่ที่เลขที่ 7 ซอยลาดปลาเค้า 71
แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ 16-1-17 ไร่ มูลค่า 220 ล้านบาท ให้กับบริษัท บีเอ็นซี
เรียลเอสเตท จำกัด เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2557 โดยบริษัทฯ กำหนดราคาจากการเจรจาต่อรองกับผู้ซื้อ
ซึ่งอ้างอิงจากราคาประเมินจากผู้ประเมินราคาอิสระ 3 ราย (รายละเอียดของผู้ประเมินราคาทรัพย์สิน
ดูได้จากเอกสารแนบ)
ซึ่งสาเหตุที่บริษัทฯ ขายสินทรัพย์ดังกล่าวเนื่องจากบริษัทฯ เลิกผลิตสินค้าตั้งแต่ปี 2556
จึงไม่ได้ใช้ประโยชน์จากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว บริษัทฯ
ได้นำเงินจากการจำหน่ายทรัพย์สินไปชำระหนี้สถาบันการเงินจำนวน 30 ล้านบาท ชำระคืนเงินกู้ยืมกรรมการจำนวน
33 ล้านบาท ซึ้อห้องชุดโครงการบ้านสาทร เจ้าพระยาจำนวน 105 ล้านบาท และที่เหลือเป็นเงินทุนหมุนเวียน
โดยบริษัทฯ ได้ปฎิบัติตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 20/2551
เรื่องหลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญที่เข้าข่ายเป็นการได้มา หรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน
และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เรื่องการเปิดเผยข้อมูลและการปฎิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ พ.ศ.
2547 และได้รับมติอนุมัติให้ทำรายการจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 51 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2557
4.คำถาม อธิบายความคืบหน้าในการประกอบธุรกิจด้านธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ตามที่บริษัทเปิดเผยไว้ในงบการเงินและวันที่คาดว่าจะเริ่มธุรกิจใหม่ดังกล่าว
คำตอบ บริษัทฯ ได้มีการแถลงเกี่ยวกับธุรกิจ และแนวทางการทำธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของบริษัทฯ
ต่อผู้ถือหุ้นในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2557 ที่โรงแรมแกรนด์
เซ็นเตอร์พอยท์ และได้มีการให้ข่าวเกี่ยวกับแนวคิดทางธุรกิจในหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ กรุงเทพธุรกิจ
ฐานเศรษฐกิจ ทันหุ้น และโพสต์ทูเดย์ในสัปดาห์ต่อมา โดยรูปแบบของธุรกิจจะเป็นห้างสรรพสินค้าออนไลน์
ที่สามารถโอนคะแนนสะสมจากบัตรเครดิตของสถาบันการเงินต่างๆ มารวมกันในบัตร abcpoint
ที่เดียวเพื่อใช้แลกซื้อสินค้าและบริการ เช่น บัตรชมคอนเสิร์ต ตั๋วเครื่องบิน สินค้า IT
และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น โดยทำรายการผ่าน www.abcpoint.com
โดยมีจุดเด่นที่สามารถเพิ่มศักยภาพให้แก่ผู้บริโภคในการรวบรวมคะแนนจากบัตรเครดิตต่างๆ
เพื่อสร้างมูลค่าได้ ทั้งนี้บริษัทฯ จะได้รับเงินสดจากสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ
เมื่อลูกค้าได้ทำการโอนคะแนนบัตรเครดิตมาที่บริษัทฯ และบริษัทฯ
จะรับรู้รายได้ต่อเมื่อลูกค้าใช้คะแนนของบริษัทฯ แลกซื้อสินค้า และบริการต่อไป
ในระยะ 3-4 เดือนที่ผ่านมา บริษัทได้ทำการพัฒนาความพร้อมของการดำเนินงานทางด้านต่างๆ ดังต่อไปนี้
- ความพร้อมทางอิเล็กทรอนิกส์
บริษัทได้ทำการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์เพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้ได้อย่างเต
มประสิทธิภาพ
- ความพร้อมทางการรวมกลุ่มพันธมิตรบัตรเครดิต บริษัทได้ดำเนินการขอความร่วมมือจากสถาบันการเงินต่างๆ
โดยมีบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
ได้ให้ความร่วมมือกับทางบริษัท ส่วนธนาคารอื่นยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ
- ความพร้อมทางการตลาด บริษัทฯ ได้ติดต่อกับผู้ประกอบการสินค้าและบริการต่างๆ
รวมถึงความพร้อมในการทำสัมมนากับคู่ค้าที่ต้องการฝากขายสินค้าบน www.abcpoint.com ในวันที่ 16 กันยายน
2557 ที่สยามภาวลัย สยามพารากอน
5.คำถาม อธิบายเหตุผลที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารในงบการเงินงวด 6 เดือนปี 2557 จำนวน 15.62 ล้านบาท
ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 9.54 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 63.80%
ในขณะที่มีรายได้จากการขายลดลงจาก 55.63 ล้านบาทเหลือเพียง 7.05 ล้านบาทหรือลดลง 87.33%
คำตอบ บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการบริหารสำหรับงวด 6 เดือน ของปี 2557 สูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน
โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 63.80 ในขณะที่มีรายได้จากการขายลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 87.33
ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงธุรกิจจากสิ่งทอเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จึงทำให้มีค่าใช้จ่ายต่างๆ
เพิ่มขึ้น เนื่องจากการที่บริษัทฯ จัดโครงสร้างองค์กรและแผนการดำเนินธุรกิจใหม่
ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการบริหารงานรวมถึงค่าใช้จ่ายที่ปรึกษาหลายด้านโดยเฉพาะที่ปรึกษาทางการเงิน เช่น
ที่ปรึกษาการเงินอิสระในการให้ความเห็นของการได้มาหรือจำหน่ายไปของสินทรัพย์ และที่ปรึกษาด้านการตลาด
เพื่อทำธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านสารสนเทศ
ในขณะที่รายได้จากการขายซึ่งมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มดำเนินการได้เมื่อปลายปี 2556 และบริษัทฯ
ได้ลงทุนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มในเดือนพฤษภาคม 2557
ทำให้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ยังเติบโตไม่มากในงวด 6 เดือนแรก
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ กำลังดำเนินการด้านการตลาดเพื่อเร่งยอดขายในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่อไป
( ธนัสสรณ์ เปี่ยมสมบูรณ์ เรียบเรียง ;โทร 02-664-4451-2 อีเมล์: [email protected] )
ที่มา: หุ้นอินไซด์
วันที่ : 28 สิงหาคม พ.ศ. 2557
หลังโดนจี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงบการเงินของบริษัทฯ ในงวดไตรมาสที่ 2 ของปี 2557
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(28ส.ค.57)----บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน)ABC เปิดเผยว่า
ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้บริษัทฯ ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงบการเงินของบริษัทฯ
ในงวดไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 นั้น บริษัทฯ ขอชี้แจงข้อมูลดังนี้
1.คำถาม สาเหตุที่บริษัทมีรายได้จากการขายในไตรมาสที่ 2 และงวด 6 เดือนปี 2557
ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนอย่างมีสาระสำคัญหากไม่รวมรายการกำไรจากการขาย
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขายจะส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ
จำนวน 43.35 และ 10.71 ล้านบาทตามลำดับ
คำตอบ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายในไตรมาสที่ 2 และงวด 6 เดือน ของปี 2557 ลดลงอย่างมีสาระสำคัญจากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในปี 2556 บริษัทฯ ยังคงทำธุรกิจด้านสิ่งทอโดยมีรายได้หลักจากการผลิตถุงเท้า ขณะที่ในปี 2557 บริษัทฯ หยุดดำเนินธุรกิจดังกล่าว
และเริ่มต้นธุรกิจใหม่ คือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2556ดังนั้นโครงสร้างรายได้ของบริษัทฯ ในปี 2557 จึงมีการเปลี่ยนแปลง โดยบริษัทฯมีรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพียงแหล่งเดียว แต่เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ
และการเมืองที่ไม่แน่นอนจึงส่งผลให้ลูกค้าชะลอการสั่งซื้ออสังหาริมทรัพย์ ดังนั้นยอดขายของบริษัทฯเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจึงลดลง
2.คำถาม อธิบายลักษณะการประกอบธุรกิจของบริษัทในปัจจุบันให้ชัดเจน โดยกล่าวถึงลำดับเหตุการณ์ที่สำคัญที่กระทบต่อการประกอบธุรกิจของบริษัทในระยะที่ผ่านมาลักษณะการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันข้อมูลโครงการ มูลค่าโครงการ ความคืบหน้าในการดำเนินโครงการดังกล่าว
คำตอบ บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) เดิมชื่อ บริษัท บางกอกไนล่อน จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายถุงเท้า บริษัทฯ มีผลขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ด้วยสาเหตุจากค่าใช้จ่ายในการผลิตและค่าใช้จ่ายในการขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับการแข่งขันที่รุนแรง จึงส่งผลให้บริษัทฯหยุดการผลิตชั่วคราวเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2555 และประกาศเลิกจ้างพนักงานตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2556 ต่อมานายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ได้ซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯจากผู้ถือหุ้นเดิมผ่านกระดานซื้อขายหลักทรัพย์รายใหญ่ (Big Lot) รวมทั้งสิ้น 9,031,057 หุ้น ในราคาหุ้นละ 19.40 บาท (มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ 10 บาทต่อหุ้น) หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 68.57ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯ และนายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ได้จัดทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ส่วนที่เหลือทั้งหมดของบริษัทฯ จากผู้ถือหุ้นระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม - 5พฤศจิกายน 2556 ในราคาหุ้นละ 19.40 บาท เป็นผลให้นายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ถือหุ้นรวมทั้งสิ้นจำนวน11,541,640 หุ้น (มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ 10 บาทต่อหุ้น) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 87.64ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯ ต่อมานายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ได้มีการจำหน่ายหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯระหว่างวันที่ 11 มิถุนายน - 8 กรกฎาคม 2557 จำนวน 10,465,900 หุ้น ในราคาเฉลี่ยระหว่าง 3.84 - 18.98บาท ต่อหุ้น (มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ 1 บาทต่อหุ้น) ตามที่ได้แจ้งข้อมูลในแบบฟอร์ม 59-2
ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์
ปัจุบันนายปรเมษฐ์รังรองธานินทร์ได้ถือหุ้นบริษัทฯ รวมทั้งสิ้นจำนวน 104,950,500 หุ้น (มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ 1 บาทต่อหุ้น)คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 79.69 ของบริษัทฯ ได้เปลี่ยนแปลงการประกอบธุรกิจของบริษัทฯจากเดิมประกอบธุรกิจสิ่งทอ มาเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยได้ลงทุนซื้อห้องชุดโครงการอาคารชุดบ้านนวธารา รีเวอร์ไลฟ์ ตั้งอยู่ซอยประเสริฐมนูญกิจ 33ถนนประเสริฐมนูญกิจ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ จำนวน 19 ยูนิต มูลค่ารวม 29.23 ล้านบาทเพื่อทำให้บริษัทฯ มีรายได้เข้ามาในระยะสั้น และระยะกลาง ส่งผลให้บริษัทฯทะยอยรับรู้รายได้เมื่อมีการขาย และโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด (รายละเอียดโครงการบ้านนวธารา รีเวอร์ไลฟ์ดูได้จากเอกสารแนบ)
ปัจจุบันบริษัทฯ ได้โอนห้องชุดให้กับลูกค้าแล้วทั้งหมดจำนวน 7 ยูนิต มูลค่าประมาณ 18 ล้านบาท
และที่รอโอนกรรมสิทธิให้กับผู้ซื้ออีกจำนวน 5 ยูนิต โดยคาดว่าจะทะยอยโอนกรรมสิทธิให้ลูกค้าได้ภายในปี
2557 คงเหลือที่อยู่ระหว่างการจำหน่ายจำนวน 7 ยูนิต คาดว่าจะจำหน่ายได้หมดภายในปี 2557
นอกจากนั้นบริษัทฯ ได้ลงทุนซื้อห้องชุดโครงการบ้านสาทร เจ้าพระยา ตั้งอยู่ที่ซอยเจริญนคร 15A
ถนนเจริญนคร แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ จำนวน 9 ยูนิต เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 มูลค่าประมาณ
104.66 ล้านบาท(รายละเอียดโครงการบ้านสาทร เจ้าพระยา ดูได้จากเอกสารแนบ)
ปัจจุบันได้โอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกค้าแล้วจำนวน 1 ยูนิต ในราคาประมาณ 13 ล้านบาท คงเหลือ 8 ยูนิต
และคาดว่าจะจัดจำหน่ายได้หมดภายในปี 2558
นอกจากนั้นบริษัทฯ อยู่ระหว่างการวางแผนที่จะเปิดธุรกิจใหม่ด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งจะเริ่มได้ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2557 (รายละเอียดอธิบายในข้อ 4)
3.คำถาม ที่มาของรายการกำไรจากการขายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขายจำนวน 201.36 ล้านบาท
โดยกล่าวถึง ลักษณะรายการ ข้อมูลของสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขาย ชื่อผู้ซื้อ มูลค่าสินทรัพย์
เกณฑ์การกำหนดราคา เหตุผลที่ขายและวันที่ขายสินทรัพย์ดังกล่าว
คำตอบ บริษัทฯ มีกำไรจากการขายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขายจำนวน 201.36 ล้านบาท
จากการที่บริษัทฯ ได้ทำการขายที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้างโรงงาน ตั้งอยู่ที่เลขที่ 7 ซอยลาดปลาเค้า 71
แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ 16-1-17 ไร่ มูลค่า 220 ล้านบาท ให้กับบริษัท บีเอ็นซี
เรียลเอสเตท จำกัด เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2557 โดยบริษัทฯ กำหนดราคาจากการเจรจาต่อรองกับผู้ซื้อ
ซึ่งอ้างอิงจากราคาประเมินจากผู้ประเมินราคาอิสระ 3 ราย (รายละเอียดของผู้ประเมินราคาทรัพย์สิน
ดูได้จากเอกสารแนบ)
ซึ่งสาเหตุที่บริษัทฯ ขายสินทรัพย์ดังกล่าวเนื่องจากบริษัทฯ เลิกผลิตสินค้าตั้งแต่ปี 2556
จึงไม่ได้ใช้ประโยชน์จากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว บริษัทฯ
ได้นำเงินจากการจำหน่ายทรัพย์สินไปชำระหนี้สถาบันการเงินจำนวน 30 ล้านบาท ชำระคืนเงินกู้ยืมกรรมการจำนวน
33 ล้านบาท ซึ้อห้องชุดโครงการบ้านสาทร เจ้าพระยาจำนวน 105 ล้านบาท และที่เหลือเป็นเงินทุนหมุนเวียน
โดยบริษัทฯ ได้ปฎิบัติตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 20/2551
เรื่องหลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญที่เข้าข่ายเป็นการได้มา หรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน
และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เรื่องการเปิดเผยข้อมูลและการปฎิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ พ.ศ.
2547 และได้รับมติอนุมัติให้ทำรายการจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 51 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2557
4.คำถาม อธิบายความคืบหน้าในการประกอบธุรกิจด้านธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ตามที่บริษัทเปิดเผยไว้ในงบการเงินและวันที่คาดว่าจะเริ่มธุรกิจใหม่ดังกล่าว
คำตอบ บริษัทฯ ได้มีการแถลงเกี่ยวกับธุรกิจ และแนวทางการทำธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของบริษัทฯ
ต่อผู้ถือหุ้นในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2557 ที่โรงแรมแกรนด์
เซ็นเตอร์พอยท์ และได้มีการให้ข่าวเกี่ยวกับแนวคิดทางธุรกิจในหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ กรุงเทพธุรกิจ
ฐานเศรษฐกิจ ทันหุ้น และโพสต์ทูเดย์ในสัปดาห์ต่อมา โดยรูปแบบของธุรกิจจะเป็นห้างสรรพสินค้าออนไลน์
ที่สามารถโอนคะแนนสะสมจากบัตรเครดิตของสถาบันการเงินต่างๆ มารวมกันในบัตร abcpoint
ที่เดียวเพื่อใช้แลกซื้อสินค้าและบริการ เช่น บัตรชมคอนเสิร์ต ตั๋วเครื่องบิน สินค้า IT
และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น โดยทำรายการผ่าน www.abcpoint.com
โดยมีจุดเด่นที่สามารถเพิ่มศักยภาพให้แก่ผู้บริโภคในการรวบรวมคะแนนจากบัตรเครดิตต่างๆ
เพื่อสร้างมูลค่าได้ ทั้งนี้บริษัทฯ จะได้รับเงินสดจากสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ
เมื่อลูกค้าได้ทำการโอนคะแนนบัตรเครดิตมาที่บริษัทฯ และบริษัทฯ
จะรับรู้รายได้ต่อเมื่อลูกค้าใช้คะแนนของบริษัทฯ แลกซื้อสินค้า และบริการต่อไป
ในระยะ 3-4 เดือนที่ผ่านมา บริษัทได้ทำการพัฒนาความพร้อมของการดำเนินงานทางด้านต่างๆ ดังต่อไปนี้
- ความพร้อมทางอิเล็กทรอนิกส์
บริษัทได้ทำการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์เพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้ได้อย่างเต
มประสิทธิภาพ
- ความพร้อมทางการรวมกลุ่มพันธมิตรบัตรเครดิต บริษัทได้ดำเนินการขอความร่วมมือจากสถาบันการเงินต่างๆ
โดยมีบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
ได้ให้ความร่วมมือกับทางบริษัท ส่วนธนาคารอื่นยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ
- ความพร้อมทางการตลาด บริษัทฯ ได้ติดต่อกับผู้ประกอบการสินค้าและบริการต่างๆ
รวมถึงความพร้อมในการทำสัมมนากับคู่ค้าที่ต้องการฝากขายสินค้าบน www.abcpoint.com ในวันที่ 16 กันยายน
2557 ที่สยามภาวลัย สยามพารากอน
5.คำถาม อธิบายเหตุผลที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารในงบการเงินงวด 6 เดือนปี 2557 จำนวน 15.62 ล้านบาท
ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 9.54 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 63.80%
ในขณะที่มีรายได้จากการขายลดลงจาก 55.63 ล้านบาทเหลือเพียง 7.05 ล้านบาทหรือลดลง 87.33%
คำตอบ บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการบริหารสำหรับงวด 6 เดือน ของปี 2557 สูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน
โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 63.80 ในขณะที่มีรายได้จากการขายลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 87.33
ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงธุรกิจจากสิ่งทอเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จึงทำให้มีค่าใช้จ่ายต่างๆ
เพิ่มขึ้น เนื่องจากการที่บริษัทฯ จัดโครงสร้างองค์กรและแผนการดำเนินธุรกิจใหม่
ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการบริหารงานรวมถึงค่าใช้จ่ายที่ปรึกษาหลายด้านโดยเฉพาะที่ปรึกษาทางการเงิน เช่น
ที่ปรึกษาการเงินอิสระในการให้ความเห็นของการได้มาหรือจำหน่ายไปของสินทรัพย์ และที่ปรึกษาด้านการตลาด
เพื่อทำธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านสารสนเทศ
ในขณะที่รายได้จากการขายซึ่งมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มดำเนินการได้เมื่อปลายปี 2556 และบริษัทฯ
ได้ลงทุนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มในเดือนพฤษภาคม 2557
ทำให้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ยังเติบโตไม่มากในงวด 6 เดือนแรก
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ กำลังดำเนินการด้านการตลาดเพื่อเร่งยอดขายในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่อไป
( ธนัสสรณ์ เปี่ยมสมบูรณ์ เรียบเรียง ;โทร 02-664-4451-2 อีเมล์: [email protected] )
ที่มา: หุ้นอินไซด์
วันที่ : 28 สิงหาคม พ.ศ. 2557
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ผนึกกลต.สอบปั่นหุ้น'เอบีซี'
โพสต์ที่ 6
***ตลท.ปลด SP หุ้น ABC เช้าพรุ่งนี้
วันพฤหัสบดี, 28 สิงหาคม 2557
ตลท.ปลด SP หุ้น ABC รอบเช้าพรุ่งนี้ หลังชี้แจงข้อมูลอย่างเพียงพอ
พร้อมเตือนนักลงทุนตัดสินใจซื้อขายอย่างระมัดระวัง
ตลาดหลักทรัพย์ปลดเครื่องหมาย SP หลักทรัพย์ บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) "ABC" พร้อมให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการตัดสินใจซื้อขายเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดกับผู้ลงทุนเอง
ทั้งนี้ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้หยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) "ABC" ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2557เป็นต้นมาเพื่อให้ผู้ลงทุนได้มีข้อมูลและเวลาในการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานของบริษัทอย่างละเอียดรอบคอบ พร้อมทั้งให้ ABC ชี้แจงข้อมูลที่สำคัญอื่นๆ เพิ่มเติม
เนื่องจากสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทมีความผิดปกติอย่างมากโดยเฉพาะในช่วง 6วันทำการตั้งแต่วันที่ 15 - 22 สิงหาคม 2557 โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 18.20 บาทมาปิดที่ 63.50 บาท(par 1 บาท) ในวันที่ 21 สิงหาคม 2557 และปิดที่ 8.20 บาท (par 0.10 บาท) ในวันที่ 22 สิงหาคม 2557 หรือเพิ่มขึ้น 351% ด้วยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 118 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น (book value per share) ของบริษัทเท่ากับหุ้นละ 0.12 บาท (par ที่ 0.10 บาท) เท่านั้น (ข้อมูลจากงบการเงินล่าสุด ณ
30 มิถุนายน 2557)
บัดนี้ ABC ได้ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามาในระบบ SETSMART แล้วว่า บริษัทไม่มีพัฒนาการที่สำคัญ และไม่ทราบสาเหตุอื่นใดที่อาจส่งผลกระทบต่อการซื้อขาย (รายละเอียดปรากฏในวันที่ 25 สิงหาคม 2557 เวลา 13.15 น.) และชี้แจงเกี่ยวกับ (1) ประเด็นฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทงวดไตรมาส 2 ปี 2557 ถึงสาเหตุที่รายได้จากการขายลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น และที่มาของกำไรจากการขายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขาย (2) ลักษณะการประกอบธุรกิจในปัจจุบัน (3)ความคืบหน้าในการประกอบธุรกิจด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (รายละเอียดปรากฏในวันที่ 28 สิงหาคม 2557 เวลา14.01 น.)
ตลาดหลักทรัพย์ฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ลงทุนน่าจะมีข้อมูลและระยะเวลาที่เพียงพอแล้วในการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานของบริษัทเกี่ยวกับลักษณะการประกอบธุรกิจ ฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน และข้อมูลเพิ่มเติมที่บริษัทชี้แจงเกี่ยวกับงบการเงินไตรมาส 2 ปี2557 รวมทั้งข้อมูลอื่นที่บริษัทได้ชี้แจงผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงอนุญาตให้หลักทรัพย์ ABC สามารถซื้อขายได้ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2557
ทั้งนี้ขอให้ผู้ลงทุนใช้ความระมัดระวังและความรอบคอบอย่างมากในการซื้อขายหลักทรัพย์ โดยควรพิจารณาข้อมูลที่บริษัทได้ชี้แจงผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ และข้อมูลพื้นฐานที่แสดงถึงฐานะการดำเนินการที่แท้จริงของบริษัทเทียบกับราคาหลักทรัพย์ ABC ก่อนการตัดสินใจซื้อขายเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นของผู้ลงทุนเอง
ทั้งนี้ปัจจุบัน ABC ยังคงเข้าข่ายเป็นหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายผิดปกติตามเกณฑ์ cash balance ซึ่งต้องวางเงินสดเป็นประกันล่วงหน้าเต็มจำนวนก่อนการซื้อหลักทรัพย์
วันพฤหัสบดี, 28 สิงหาคม 2557
ตลท.ปลด SP หุ้น ABC รอบเช้าพรุ่งนี้ หลังชี้แจงข้อมูลอย่างเพียงพอ
พร้อมเตือนนักลงทุนตัดสินใจซื้อขายอย่างระมัดระวัง
ตลาดหลักทรัพย์ปลดเครื่องหมาย SP หลักทรัพย์ บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) "ABC" พร้อมให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการตัดสินใจซื้อขายเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดกับผู้ลงทุนเอง
ทั้งนี้ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้หยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) "ABC" ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2557เป็นต้นมาเพื่อให้ผู้ลงทุนได้มีข้อมูลและเวลาในการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานของบริษัทอย่างละเอียดรอบคอบ พร้อมทั้งให้ ABC ชี้แจงข้อมูลที่สำคัญอื่นๆ เพิ่มเติม
เนื่องจากสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทมีความผิดปกติอย่างมากโดยเฉพาะในช่วง 6วันทำการตั้งแต่วันที่ 15 - 22 สิงหาคม 2557 โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 18.20 บาทมาปิดที่ 63.50 บาท(par 1 บาท) ในวันที่ 21 สิงหาคม 2557 และปิดที่ 8.20 บาท (par 0.10 บาท) ในวันที่ 22 สิงหาคม 2557 หรือเพิ่มขึ้น 351% ด้วยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 118 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น (book value per share) ของบริษัทเท่ากับหุ้นละ 0.12 บาท (par ที่ 0.10 บาท) เท่านั้น (ข้อมูลจากงบการเงินล่าสุด ณ
30 มิถุนายน 2557)
บัดนี้ ABC ได้ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามาในระบบ SETSMART แล้วว่า บริษัทไม่มีพัฒนาการที่สำคัญ และไม่ทราบสาเหตุอื่นใดที่อาจส่งผลกระทบต่อการซื้อขาย (รายละเอียดปรากฏในวันที่ 25 สิงหาคม 2557 เวลา 13.15 น.) และชี้แจงเกี่ยวกับ (1) ประเด็นฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทงวดไตรมาส 2 ปี 2557 ถึงสาเหตุที่รายได้จากการขายลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น และที่มาของกำไรจากการขายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขาย (2) ลักษณะการประกอบธุรกิจในปัจจุบัน (3)ความคืบหน้าในการประกอบธุรกิจด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (รายละเอียดปรากฏในวันที่ 28 สิงหาคม 2557 เวลา14.01 น.)
ตลาดหลักทรัพย์ฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ลงทุนน่าจะมีข้อมูลและระยะเวลาที่เพียงพอแล้วในการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานของบริษัทเกี่ยวกับลักษณะการประกอบธุรกิจ ฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน และข้อมูลเพิ่มเติมที่บริษัทชี้แจงเกี่ยวกับงบการเงินไตรมาส 2 ปี2557 รวมทั้งข้อมูลอื่นที่บริษัทได้ชี้แจงผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงอนุญาตให้หลักทรัพย์ ABC สามารถซื้อขายได้ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2557
ทั้งนี้ขอให้ผู้ลงทุนใช้ความระมัดระวังและความรอบคอบอย่างมากในการซื้อขายหลักทรัพย์ โดยควรพิจารณาข้อมูลที่บริษัทได้ชี้แจงผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ และข้อมูลพื้นฐานที่แสดงถึงฐานะการดำเนินการที่แท้จริงของบริษัทเทียบกับราคาหลักทรัพย์ ABC ก่อนการตัดสินใจซื้อขายเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นของผู้ลงทุนเอง
ทั้งนี้ปัจจุบัน ABC ยังคงเข้าข่ายเป็นหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายผิดปกติตามเกณฑ์ cash balance ซึ่งต้องวางเงินสดเป็นประกันล่วงหน้าเต็มจำนวนก่อนการซื้อหลักทรัพย์
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ผนึกกลต.สอบปั่นหุ้น'เอบีซี'
โพสต์ที่ 7
ABC เปิดตัวธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิคส์ 16 ก.ย. นี้
วันศุกร์, 29 สิงหาคม 2557
ABC เดินหน้าลุยธุรกิจอสังหา หลังเคลียร์ข้อมูลตลท.ชัดเจนได้ปลด SP แล้ว
พร้อมจับมือกับพันธมิตรค่ายบัตรเครดิตเปิดตัวธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ 16 ก.ย.
นาย ปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แอสเซทไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ABC เปิดเผยว่าจากรายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ฯได้แจ้งว่าได้พิจารณาข้อมูลของ บริษัทฯ เอบีซี แล้วเห็นว่าผู้ลงทุนน่าจะมีข้อมูลและระยะเวลาที่เพียงพอแล้วในการศึกษา และวิเคราะห์ข้อมูล ของบริษัทฯ เกี่ยวกับลักษณะการประกอบธุรกิจ ฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน และข้อมูลเพิ่มเติมที่บริษัทฯ ชี้แจงเกี่ยวกับงบการเงินไตรมาส 2 ปีนี้ 2557 รวมทั้งข้อมูลอื่นที่บริษัทฯ ได้ชี้แจงผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงอนุญาตให้หุ้น เอบีซีซื้อขายได้ตั้งแต่วันนี้ (29 สิงหาคม 2557)
นาย ปรเมษฐ์ กล่าวว่า ทางบริษัทฯได้มีการชี้แจงกับตลาดหลักทรัพย์ ฯ ถึงรายได้จากการขายในไตรมาสที่2 และงวด6 เดือนของปี 2557 ลดลงอย่างมีสาระสำคัญจากงวดเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากในปี 2556 บริษัทฯ ยังคงทำธุรกิจด้านสิ่งทอ โดยมีรายได้หลักจากการผลิตถุงเท้า ขณะในปี 2557 บริษัทฯ หยุดดำเนินธุรกิจดังกล่าวและเริ่มต้นธุรกิจใหม่ คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ฯ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ เดือน ตุลาคม 2556 ดังนั้นโครงสร้างรายได้ของบริษัทฯ ในปี2557 จึงมีการเปลี่ยนแปลงโดยบริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ฯ เพียงอย่างเดียว แต่เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ และการเมืองที่ไม่แน่นอนจึงส่งผลให้ลูกค้าชะลอการสั่งซื้ออสังหาริมทรัพย์ ฯดังนั้นยอดขายของบริษัทฯ เมื่อเปรียบเทียบช่วงเดียวกันของเดือนก่อนจึงลดลง
สำหรับลักษณะการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ เดิมชื่อบริษัท บางกอกไนล่อน จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายถุงเท้า บริษัทฯมีผลขาดทุนอย่างต่อเนื่องด้วยสาเหตุจากค่าใช้จ่ายในการผลิตและค่าใช้จ่ายในการขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับการแข่งขันที่รุณแรงจึงส่งผลให้บริษัทฯ หยุดการผลิตชั่วคราว เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2555
ลำดับต่อมา นาย ปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ได้ซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ จากผู้ถือหุ้นเดิมผ่านกระดานซื้อขายหลักทรัพย์ฯ ใหญ่ (Big Lot) รวมทั้งสิ้น 9,031,057 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 68.57 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯ โดยใน นาย ปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ได้จัดทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ส่วนที่เหลือทั้งหมดของบริษัทฯ จากผู้ถือหุ้น ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม ถึง 5 พฤศจิกายน 2556 เป็นผลให้นาย ปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 11,541,644 หุ้น (มูลค่าที่ตราไว้ หรือ พาร์ 10 บาทต่อหุ้น ) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 87.64 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯ ปัจจุบันนาย ปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ อย่างไรก็ตามปัจจุบัน นาย ปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ถือหุ้นรวมทั้งสิ้น จำนวน 104,950,500 หุ้น (มูลที่ค่าที่ตราไว้ หรือ พาร์ 1 บาทต่อหุ้น) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 79.69 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯ
นาย ปรเมษฐ์ กล่าวว่า บริษัทฯ ได้เปลี่ยนแปลงการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ จากเดิมประกอบธุรกิจสิ่งทอ มาเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ฯ โดยได้ลงทุนซื้อห้องชุดโครงการอาคารชุดบ้านนวธารา รีเวอร์ไลฟ์ ตั้งอยู่ซอยประเสริฐมนูญกิจ 33 ถนนประเสริฐมนูญกิจ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ จำนวน 19 ยูนิต มูลค่ารวม 29.23 ล้านบาท เพื่อทำให้บริษัทฯ มีรายได้เข้ามาในระยะสั้น และระยะกลาง ส่งผลให้บริษัทฯ ทะยอยรับรู้รายได้เมื่อมีการขาย และโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด
“ปัจจุบันบริษัทฯ ได้โอนห้องชุดให้กับลูกค้าแล้วทั้งหมดจำนวน 7 ยูนิต และที่รอโอนกรรมสิทธิให้กับผู้ซื้ออีกจำนวน 5 ยูนิต โดยคาดว่าจะทะยอยโอนกรรมสิทธิให้ลูกค้าได้ภายในปี 2557 คงเหลือที่อยู่ระหว่างการจำหน่ายจำนวน 7 ยูนิต คาดว่าจะจำหน่ายได้หมดภายในปี 2557” นาย ปรเมษฐ์ กล่าวนอกจากนั้นบริษัทฯ ได้ลงทุนซื้อห้องชุดโครงการบ้านสาทร เจ้าพระยา ตั้งอยู่ที่ซอยเจริญนคร 15A ถนนเจริญนคร แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ จำนวน 9 ยูนิต เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 มูลค่าประมาณ 104.66 ล้านบาทปัจจุบันได้โอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกค้าแล้วจำนวน 1 ยูนิต คงเหลือ 8 ยูนิต และคาดว่าจะจัดจำหน่ายได้หมดภายในปี 2558” นาย ปรเมษฐ์ กล่าว
นายปรเมษฐ์ กล่าวว่านอกจากนั้นบริษัทฯ อยู่ระหว่างการวางแผนที่จะเปิดธุรกิจใหม่ด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะเริ่มได้ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2557 บริษัทฯ ได้มีการแถลงเกี่ยวกับธุรกิจ และแนวทางการทำธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของบริษัทฯ ต่อผู้ถือหุ้นในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2557 ที่โรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์พอยท์ โดยรูปแบบของธุรกิจจะเป็นห้างสรรพสินค้าออนไลน์ ที่สามารถโอนคะแนนสะสมจากบัตรเครดิตของสถาบันการเงินต่างๆ มารวมกันในบัตร abcpoint ที่เดียวเพื่อใช้แลกซื้อสินค้าและบริการ เช่น บัตรชมคอนเสิร์ต ตั๋วเครื่องบิน สินค้า IT และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น โดยทำรายการผ่าน http://www.abcpoint.com โดยมีจุดเด่นที่สามารถเพิ่มศักยภาพให้แก่ผู้บริโภคในการรวบรวมคะแนนจากบัตรเครดิตต่างๆ เพื่อสร้างมูลค่าได้
ในระยะ 3-4 เดือนที่ผ่านมา บริษัทได้ทำการพัฒนาความพร้อมของการดำเนินงานทางด้านต่างๆ ดังต่อไปนี้โดยธุรกิจทางอิเล็กทรอนิกส์ บริษัทได้ทำการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์เพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนั้นยังเตรียมความพร้อมทางการรวมกลุ่มพันธมิตรบัตรเครดิต บริษัทได้ดำเนินการขอความร่วมมือจากสถาบันการเงินต่างๆ โดยมีบริษัทฯ บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้ให้ความร่วมมือกับทางบริษัท
ส่วนธนาคารอื่นยังอยู่ระหว่างการดำเนินการและอีกทั้งการเตรียมความพร้อมทางการตลาด บริษัทฯ ได้ติดต่อกับผู้ประกอบการสินค้าและบริการต่างๆ รวมถึงความพร้อมในการทำสัมมนากับคู่ค้าที่ต้องการฝากขายสินค้าบน http://www.abcpoint.com ในวันที่ 16 กันยายน 2557 ที่สยามภาวลัย สยามพารากอน
วันศุกร์, 29 สิงหาคม 2557
ABC เดินหน้าลุยธุรกิจอสังหา หลังเคลียร์ข้อมูลตลท.ชัดเจนได้ปลด SP แล้ว
พร้อมจับมือกับพันธมิตรค่ายบัตรเครดิตเปิดตัวธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ 16 ก.ย.
นาย ปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แอสเซทไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ABC เปิดเผยว่าจากรายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ฯได้แจ้งว่าได้พิจารณาข้อมูลของ บริษัทฯ เอบีซี แล้วเห็นว่าผู้ลงทุนน่าจะมีข้อมูลและระยะเวลาที่เพียงพอแล้วในการศึกษา และวิเคราะห์ข้อมูล ของบริษัทฯ เกี่ยวกับลักษณะการประกอบธุรกิจ ฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน และข้อมูลเพิ่มเติมที่บริษัทฯ ชี้แจงเกี่ยวกับงบการเงินไตรมาส 2 ปีนี้ 2557 รวมทั้งข้อมูลอื่นที่บริษัทฯ ได้ชี้แจงผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงอนุญาตให้หุ้น เอบีซีซื้อขายได้ตั้งแต่วันนี้ (29 สิงหาคม 2557)
นาย ปรเมษฐ์ กล่าวว่า ทางบริษัทฯได้มีการชี้แจงกับตลาดหลักทรัพย์ ฯ ถึงรายได้จากการขายในไตรมาสที่2 และงวด6 เดือนของปี 2557 ลดลงอย่างมีสาระสำคัญจากงวดเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากในปี 2556 บริษัทฯ ยังคงทำธุรกิจด้านสิ่งทอ โดยมีรายได้หลักจากการผลิตถุงเท้า ขณะในปี 2557 บริษัทฯ หยุดดำเนินธุรกิจดังกล่าวและเริ่มต้นธุรกิจใหม่ คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ฯ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ เดือน ตุลาคม 2556 ดังนั้นโครงสร้างรายได้ของบริษัทฯ ในปี2557 จึงมีการเปลี่ยนแปลงโดยบริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ฯ เพียงอย่างเดียว แต่เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ และการเมืองที่ไม่แน่นอนจึงส่งผลให้ลูกค้าชะลอการสั่งซื้ออสังหาริมทรัพย์ ฯดังนั้นยอดขายของบริษัทฯ เมื่อเปรียบเทียบช่วงเดียวกันของเดือนก่อนจึงลดลง
สำหรับลักษณะการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ เดิมชื่อบริษัท บางกอกไนล่อน จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายถุงเท้า บริษัทฯมีผลขาดทุนอย่างต่อเนื่องด้วยสาเหตุจากค่าใช้จ่ายในการผลิตและค่าใช้จ่ายในการขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับการแข่งขันที่รุณแรงจึงส่งผลให้บริษัทฯ หยุดการผลิตชั่วคราว เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2555
ลำดับต่อมา นาย ปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ได้ซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ จากผู้ถือหุ้นเดิมผ่านกระดานซื้อขายหลักทรัพย์ฯ ใหญ่ (Big Lot) รวมทั้งสิ้น 9,031,057 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 68.57 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯ โดยใน นาย ปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ได้จัดทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ส่วนที่เหลือทั้งหมดของบริษัทฯ จากผู้ถือหุ้น ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม ถึง 5 พฤศจิกายน 2556 เป็นผลให้นาย ปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 11,541,644 หุ้น (มูลค่าที่ตราไว้ หรือ พาร์ 10 บาทต่อหุ้น ) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 87.64 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯ ปัจจุบันนาย ปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ อย่างไรก็ตามปัจจุบัน นาย ปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ถือหุ้นรวมทั้งสิ้น จำนวน 104,950,500 หุ้น (มูลที่ค่าที่ตราไว้ หรือ พาร์ 1 บาทต่อหุ้น) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 79.69 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯ
นาย ปรเมษฐ์ กล่าวว่า บริษัทฯ ได้เปลี่ยนแปลงการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ จากเดิมประกอบธุรกิจสิ่งทอ มาเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ฯ โดยได้ลงทุนซื้อห้องชุดโครงการอาคารชุดบ้านนวธารา รีเวอร์ไลฟ์ ตั้งอยู่ซอยประเสริฐมนูญกิจ 33 ถนนประเสริฐมนูญกิจ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ จำนวน 19 ยูนิต มูลค่ารวม 29.23 ล้านบาท เพื่อทำให้บริษัทฯ มีรายได้เข้ามาในระยะสั้น และระยะกลาง ส่งผลให้บริษัทฯ ทะยอยรับรู้รายได้เมื่อมีการขาย และโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด
“ปัจจุบันบริษัทฯ ได้โอนห้องชุดให้กับลูกค้าแล้วทั้งหมดจำนวน 7 ยูนิต และที่รอโอนกรรมสิทธิให้กับผู้ซื้ออีกจำนวน 5 ยูนิต โดยคาดว่าจะทะยอยโอนกรรมสิทธิให้ลูกค้าได้ภายในปี 2557 คงเหลือที่อยู่ระหว่างการจำหน่ายจำนวน 7 ยูนิต คาดว่าจะจำหน่ายได้หมดภายในปี 2557” นาย ปรเมษฐ์ กล่าวนอกจากนั้นบริษัทฯ ได้ลงทุนซื้อห้องชุดโครงการบ้านสาทร เจ้าพระยา ตั้งอยู่ที่ซอยเจริญนคร 15A ถนนเจริญนคร แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ จำนวน 9 ยูนิต เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 มูลค่าประมาณ 104.66 ล้านบาทปัจจุบันได้โอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกค้าแล้วจำนวน 1 ยูนิต คงเหลือ 8 ยูนิต และคาดว่าจะจัดจำหน่ายได้หมดภายในปี 2558” นาย ปรเมษฐ์ กล่าว
นายปรเมษฐ์ กล่าวว่านอกจากนั้นบริษัทฯ อยู่ระหว่างการวางแผนที่จะเปิดธุรกิจใหม่ด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะเริ่มได้ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2557 บริษัทฯ ได้มีการแถลงเกี่ยวกับธุรกิจ และแนวทางการทำธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของบริษัทฯ ต่อผู้ถือหุ้นในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2557 ที่โรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์พอยท์ โดยรูปแบบของธุรกิจจะเป็นห้างสรรพสินค้าออนไลน์ ที่สามารถโอนคะแนนสะสมจากบัตรเครดิตของสถาบันการเงินต่างๆ มารวมกันในบัตร abcpoint ที่เดียวเพื่อใช้แลกซื้อสินค้าและบริการ เช่น บัตรชมคอนเสิร์ต ตั๋วเครื่องบิน สินค้า IT และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น โดยทำรายการผ่าน http://www.abcpoint.com โดยมีจุดเด่นที่สามารถเพิ่มศักยภาพให้แก่ผู้บริโภคในการรวบรวมคะแนนจากบัตรเครดิตต่างๆ เพื่อสร้างมูลค่าได้
ในระยะ 3-4 เดือนที่ผ่านมา บริษัทได้ทำการพัฒนาความพร้อมของการดำเนินงานทางด้านต่างๆ ดังต่อไปนี้โดยธุรกิจทางอิเล็กทรอนิกส์ บริษัทได้ทำการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์เพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนั้นยังเตรียมความพร้อมทางการรวมกลุ่มพันธมิตรบัตรเครดิต บริษัทได้ดำเนินการขอความร่วมมือจากสถาบันการเงินต่างๆ โดยมีบริษัทฯ บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้ให้ความร่วมมือกับทางบริษัท
ส่วนธนาคารอื่นยังอยู่ระหว่างการดำเนินการและอีกทั้งการเตรียมความพร้อมทางการตลาด บริษัทฯ ได้ติดต่อกับผู้ประกอบการสินค้าและบริการต่างๆ รวมถึงความพร้อมในการทำสัมมนากับคู่ค้าที่ต้องการฝากขายสินค้าบน http://www.abcpoint.com ในวันที่ 16 กันยายน 2557 ที่สยามภาวลัย สยามพารากอน