โรคระบาดในตลาดหุ้น/ประภาคาร ภราดรภิบาล

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1827
ผู้ติดตาม: 1

โรคระบาดในตลาดหุ้น/ประภาคาร ภราดรภิบาล

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

    ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังหวาดวิตกกับโรคระบาดจากเชื้ออีโบล่า คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ครับว่าในตลาดหุ้นก็มีโรคระบาดที่น่ากลัวเช่นเดียวกัน ผู้ที่บอกว่าในตลาดหุ้นมีโรคระบาดนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” นั่นเอง

    “บัฟเฟตต์” กล่าวว่า “ในแวดวงของการลงทุนมีโรคระบาดที่ร้ายแรง 2 ชนิด ได้แก่ โรคของความกลัว และโรคของความโลภ เกิดขึ้นอยู่เสมอๆ ช่วงเวลาในการระบาดของโรคดังกล่าวนั้นคาดเดาได้ยาก และความผันผวนของตลาดที่เกิดจากการระบาดของโรคดังกล่าวก็ไม่อาจคาดเดาได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาและระดับความรุนแรง”

    ที่เราได้เห็นตลาดหุ้นมีความผันผวนขึ้นลงอยู่ตลอดนั้น ล้วนมาจากแรงขับเคลื่อนของความโลภและความกลัวของนักลงทุนในตลาดหุ้น

    เมื่อนักลงทุนมองว่าตลาดหุ้นสดใส เข้ามาไล่ซื้อหุ้นกันอย่างคึกคัก มองไปทางไหนก็เห็นแต่ข่าวดี มีแต่คนได้กำไร ส่งผลทางจิตวิทยาให้นักลงทุนคนอื่นๆ ในตลาดหุ้นเกิดความโลภ อยากได้กำไรเหมือนเขาบ้าง จึงเข้ามาซื้อหุ้นตามๆ กันมากขึ้น แม้แต่คนที่ไม่เคยสนใจหุ้นก็ยังหันมาเปิดพอร์ตซื้อหุ้น ยิ่งแย่งกันซื้อ ก็ยิ่งผลักดันให้ราคาหุ้นพุ่งทะยานสูงขึ้นไปอีก นี่คือโรคระบาดที่เกิดจากความโลภ 

    แต่เมื่อนักลงทุนมองว่าตลาดหุ้นแย่ เทขายหุ้นออกมาเรื่อยๆ ทำให้ราคาหุ้นตกต่ำลง ก็จะส่งผลให้นักลงทุนคนอื่นๆ ในตลาดหุ้นเกิดความหวาดวิตก กลัวว่าทุนจะหาย กำไรจะหด หรืออาจถึงขั้นขาดทุนหนัก จึงพากันเทขายหุ้นทิ้งตามๆ กันไป ก็ยิ่งเป็นการกดดันให้ราคาหุ้นตกต่ำลงไปอีก นี่คือโรคระบาดที่เกิดจากความกลัว  

    วิธีการรับมือกับโรคระบาดในตลาดหุ้นของ “บัฟเฟตต์” ก็คือ “เราไม่พยายามคาดเดาถึงการมาหรือการไปของโรคระบาดชนิดใดชนิดหนึ่ง เป้าหมายของเราคือ เราพยายามที่จะกลัวในขณะที่คนอื่นกำลังโลภ และโลภในขณะที่คนอื่นกำลังกลัว”

    ยามที่ตลาดหุ้นพุ่งทะยานแบบรั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ผู้คนในตลาดหุ้นกำลังคึกคักด้วยความโลภ “บัฟเฟตต์” บอกว่า “ผมรู้สึกเหมือนกับคนที่มีพลังทางเพศสูงที่อยู่ในทะเลทราย ผมหาอะไรที่น่าซื้อไม่ได้เลย”

    แต่ในช่วงที่ตลาดหุ้นเงียบเหงาหรือตกต่ำ ผู้คนในตลาดหุ้นถูกความกลัวเข้าครอบงำ “บัฟเฟตต์” บอกว่า “ผมรู้สึกเหมือนกับคนที่มีพลังทางเพศสูงที่อยู่ในฮาเร็ม นี่เป็นช่วงเวลาที่น่าลงทุน”

    “บัฟเฟตต์” ให้คำแนะนำในการสร้างภูมิคุ้มกันโรคระบาดในตลาดหุ้นว่า “คุณควรจะมีความรอบรู้ในเรื่องของการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งภาษาของธุรกิจ (ซึ่งก็คือบัญชี) มีความกระตือรือร้นในการหาความรู้ และมีสภาวะทางอารมณ์ที่ดี ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมากกว่าระดับไอคิว สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีความคิดที่เป็นอิสระ และสามารถหลีกห่างจากโรคทางอารมณ์นานาชนิดของผู้คนจำนวนมากซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดการลงทุนอยู่เสมอมา” 
[/size]
tongzig
Verified User
โพสต์: 3
ผู้ติดตาม: 0

Re: โรคระบาดในตลาดหุ้น/ประภาคาร ภราดรภิบาล

โพสต์ที่ 2

โพสต์

thx kub
ลูกหิน
Verified User
โพสต์: 1217
ผู้ติดตาม: 0

Re: โรคระบาดในตลาดหุ้น/ประภาคาร ภราดรภิบาล

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
sombat_21
Verified User
โพสต์: 3
ผู้ติดตาม: 0

Re: โรคระบาดในตลาดหุ้น/ประภาคาร ภราดรภิบาล

โพสต์ที่ 4

โพสต์

Thai VI Article เขียน:

โค้ด: เลือกทั้งหมด

    ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังหวาดวิตกกับโรคระบาดจากเชื้ออีโบล่า คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ครับว่าในตลาดหุ้นก็มีโรคระบาดที่น่ากลัวเช่นเดียวกัน ผู้ที่บอกว่าในตลาดหุ้นมีโรคระบาดนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” นั่นเอง

    “บัฟเฟตต์” กล่าวว่า “ในแวดวงของการลงทุนมีโรคระบาดที่ร้ายแรง 2 ชนิด ได้แก่ โรคของความกลัว และโรคของความโลภ เกิดขึ้นอยู่เสมอๆ ช่วงเวลาในการระบาดของโรคดังกล่าวนั้นคาดเดาได้ยาก และความผันผวนของตลาดที่เกิดจากการระบาดของโรคดังกล่าวก็ไม่อาจคาดเดาได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาและระดับความรุนแรง”

    ที่เราได้เห็นตลาดหุ้นมีความผันผวนขึ้นลงอยู่ตลอดนั้น ล้วนมาจากแรงขับเคลื่อนของความโลภและความกลัวของนักลงทุนในตลาดหุ้น

    เมื่อนักลงทุนมองว่าตลาดหุ้นสดใส เข้ามาไล่ซื้อหุ้นกันอย่างคึกคัก มองไปทางไหนก็เห็นแต่ข่าวดี มีแต่คนได้กำไร ส่งผลทางจิตวิทยาให้นักลงทุนคนอื่นๆ ในตลาดหุ้นเกิดความโลภ อยากได้กำไรเหมือนเขาบ้าง จึงเข้ามาซื้อหุ้นตามๆ กันมากขึ้น แม้แต่คนที่ไม่เคยสนใจหุ้นก็ยังหันมาเปิดพอร์ตซื้อหุ้น ยิ่งแย่งกันซื้อ ก็ยิ่งผลักดันให้ราคาหุ้นพุ่งทะยานสูงขึ้นไปอีก นี่คือโรคระบาดที่เกิดจากความโลภ 

    แต่เมื่อนักลงทุนมองว่าตลาดหุ้นแย่ เทขายหุ้นออกมาเรื่อยๆ ทำให้ราคาหุ้นตกต่ำลง ก็จะส่งผลให้นักลงทุนคนอื่นๆ ในตลาดหุ้นเกิดความหวาดวิตก กลัวว่าทุนจะหาย กำไรจะหด หรืออาจถึงขั้นขาดทุนหนัก จึงพากันเทขายหุ้นทิ้งตามๆ กันไป ก็ยิ่งเป็นการกดดันให้ราคาหุ้นตกต่ำลงไปอีก นี่คือโรคระบาดที่เกิดจากความกลัว  

    วิธีการรับมือกับโรคระบาดในตลาดหุ้นของ “บัฟเฟตต์” ก็คือ “เราไม่พยายามคาดเดาถึงการมาหรือการไปของโรคระบาดชนิดใดชนิดหนึ่ง เป้าหมายของเราคือ เราพยายามที่จะกลัวในขณะที่คนอื่นกำลังโลภ และโลภในขณะที่คนอื่นกำลังกลัว”

    ยามที่ตลาดหุ้นพุ่งทะยานแบบรั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ผู้คนในตลาดหุ้นกำลังคึกคักด้วยความโลภ “บัฟเฟตต์” บอกว่า “ผมรู้สึกเหมือนกับคนที่มีพลังทางเพศสูงที่อยู่ในทะเลทราย ผมหาอะไรที่น่าซื้อไม่ได้เลย”

    แต่ในช่วงที่ตลาดหุ้นเงียบเหงาหรือตกต่ำ ผู้คนในตลาดหุ้นถูกความกลัวเข้าครอบงำ “บัฟเฟตต์” บอกว่า “ผมรู้สึกเหมือนกับคนที่มีพลังทางเพศสูงที่อยู่ในฮาเร็ม นี่เป็นช่วงเวลาที่น่าลงทุน”

    “บัฟเฟตต์” ให้คำแนะนำในการสร้างภูมิคุ้มกันโรคระบาดในตลาดหุ้นว่า “คุณควรจะมีความรอบรู้ในเรื่องของการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งภาษาของธุรกิจ (ซึ่งก็คือบัญชี) มีความกระตือรือร้นในการหาความรู้ และมีสภาวะทางอารมณ์ที่ดี ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมากกว่าระดับไอคิว สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีความคิดที่เป็นอิสระ และสามารถหลีกห่างจากโรคทางอารมณ์นานาชนิดของผู้คนจำนวนมากซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดการลงทุนอยู่เสมอมา” 
[/size]
โพสต์โพสต์