สัญญาณแห่งดอย/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1827
ผู้ติดตาม: 1

สัญญาณแห่งดอย/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เมื่อดัชนีหุ้นขึ้นมาสูงมากติดต่อกันหลายปีเป็นตลาดหุ้น “กระทิงดุ” คำถามที่ตามมาก็คือ ตลาดหุ้นขึ้นมาถึง “ดอย” หรือยัง? เพราะถ้ามันใกล้หรือถึงจุดสูงสุดแล้ว สิ่งที่หลายคนโดยเฉพาะนักลงทุนที่เล่นหุ้นระยะสั้นหรือระยะกลางจะทำก็คือ ขายหุ้นทิ้งเสียเก็บเงินสดไว้รอช้อนหุ้นที่จะตกลงมาแรง ๆ หรือไม่ก็หันไปลงทุนอย่างอื่นที่จะได้ผลตอบแทนดีกว่า การที่จะวิเคราะห์ได้ว่าตลาดหุ้นใกล้ถึง Peak หรือจุดสูงสุดและกำลังปรับตัวลงมากลายเป็นตลาด “หมี” หรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก เพราะตลาดหุ้นนั้น ในระยะสั้น “คาดการณ์ไม่ได้” อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตของผู้เชี่ยวชาญและนักลงทุนที่คร่ำหวอดในตลาดหุ้นมายาวนานนั้น ตลาดกระทิงที่ใกล้ถึงจุดสิ้นสุดนั้น มักจะมีอาการหรือสัญญาณหลาย ๆ อย่างประกอบกันพอสรุปได้ดังต่อไปนี้

ข้อแรกก็คือ ค่า PE หรือราคาหุ้นต่อกำไรของบริษัทของตลาดและหุ้นโดยทั่วไปมักจะอยู่ในระดับสูงใกล้กับระดับสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ค่า PB หรือราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชีของตลาดและหุ้นโดยทั่วไปนั้นอยู่ในระดับสูง ส่วนอัตราเงินปันผลเมื่อเทียบกับราคาหุ้นหรือ Dividend Yield นั้นจะค่อนข้างต่ำ ดูจากตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ผมคิดว่าค่า PE ของตลาดหุ้นน่าจะใกล้ระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์เช่นเดียวกับค่า PB อย่างไรก็ตาม ปันผลนั้นยังค่อนข้างจะพอใช้ได้ที่ประมาณ 2.5%-3% ในความเห็นของผมนั้น ตัวเลขชุดนี้ยังไม่ชัดเจนว่าหุ้นน่าจะถึงยอดดอยแล้ว เหตุผลก็คือ อัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดของเราในช่วงนี้ต่ำเป็นประวัติการณ์ เงินฝากอยู่ในระดับไม่เกิน 2%-3% ดังนั้น ค่า PE ระดับ 17-18 เท่าและปันผลจากการลงทุนในหุ้นยังให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าพอสมควร

ข้อสองคือ หุ้นที่เข้าข่ายที่จะเป็นหุ้น “Value” นั้นหาได้ยากขึ้นมาก หุ้นดี ๆ ราคาก็ค่อนข้างแพงเป็นส่วนใหญ่ ส่วนหุ้นพื้น ๆ นั้น ราคาก็ไม่ถูก จริงอยู่ เราอาจจะพอลงทุนได้ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มี “Margin of Safety” เหลือเพียงพอสำหรับ “VI พันธุ์แท้” ที่เน้นลงทุนระยะยาวจริง ๆ ในข้อนี้ผมเองคิดว่าตลาดหุ้นไทยในเวลานี้ก็เข้าข่ายแล้ว

ข้อสามที่อาจจะบ่งบอกว่าหุ้นใกล้ถึงดอยก็คือ อัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดกำลังขึ้น หรือสภาพคล่องทางการเงินเริ่มลดลง หรือในภาษาทางเศรษฐศาสตร์ก็คือ Money Supply กำลังหดตัว ซึ่งในตลาดของไทยนั้น ดูเหมือนว่าอัตราดอกเบี้ยของเรายังไม่มีท่าทีว่าจะขึ้น ว่าที่จริงอาจจะมีแนวโน้มที่จะลดลงด้วยซ้ำถ้าดูจากการลงมติของคณะกรรมการนโยบายการเงินครั้งล่าสุดที่มีกรรมการ 2 เสียงลงมติให้ลดดอกเบี้ยในขณะที่เสียงส่วนใหญ่ยังให้คงไว้ อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าเรื่องนี้มีโอกาสเปลี่ยนได้เร็ว และอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐเองที่มีอิทธิพลต่อตลาดเงินโลกก็มีท่าทีว่าภายในปีหน้าก็จะปรับเพิ่มขึ้น ดังนั้น สัญญาณข้อนี้จริง ๆ ยังไม่น่าไว้วางใจ

ข้อสี่คือเรื่องหุ้น IPO นี่เป็นสัญญาณที่แรงมากในตลาดหุ้นไทย นั่นก็คือ ในช่วงที่ตลาดหุ้นใกล้ถึงจุดสุดยอดนั้น จะมีหุ้น IPO ออกขายมากมายและราคาหุ้นที่เข้าตลาดในวันแรก ๆ ก็จะปรับตัวสูงขึ้นมาก และนี่ก็เป็นข้อที่ผมรู้สึกกังวลว่า ตลาดหุ้นไทยนั้นอาจจะใกล้ Peak

ข้อห้าเป็นเรื่องของการวิเคราะห์ทางเทคนิคซึ่งผมเองก็ไม่ได้ศึกษา แต่มีคนเคยศึกษาหรือให้ข้อสังเกตว่า ถ้าหุ้นกว่า 75% ในตลาดหลักทรัพย์นั้นมีราคาสูงกว่าแนวโน้มระยะยาวของมันมาระยะหนึ่งซึ่งอาจจะหลายปีแล้ว ต่อมาจำนวนมันลดต่ำลงกว่า 75% นี่ก็อาจเป็นสัญญาณว่า หุ้นถึงดอยแล้ว ผมเองไม่ทราบว่ามีใครศึกษาเรื่องแบบนี้ในตลาดหุ้นไทยหรือไม่ ความเชื่อของผมก็คือ หุ้นไทยในช่วงเร็ว ๆ นี้นั้น กว่า 75% มีราคาสูงกว่าแนวโน้มระยะยาวเพราะราคาหุ้นได้สูงขึ้นมามาก สิ่งที่ไม่รู้ก็คือ ขณะนี้มันลดลงมาต่ำกว่า 75% หรือไม่

ข้อหก คือสัญญาณที่ ปีเตอร์ ลินช์ เรียกว่า ทฤษฎี “งานเลี้ยงค็อกเทล” นี่คือเหตุการณ์ที่คนทั่วไปที่ไม่ใช่นักลงทุนมืออาชีพหันมาสนใจการลงทุนหรือเล่นหุ้น ช่วงแรก ๆ ก็อาจจะสนใจไม่มาก แต่เมื่อหุ้นปรับตัวขึ้นเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว การทำเงินจากการเล่นหุ้นดูเหมือนจะง่ายมาก คนก็สนใจหุ้นมากขึ้นจนถึงจุดหนึ่งที่คนที่ไม่ควรสนใจลงทุนในหุ้นเลยเช่นช่างทำผมหรือคนขับแท็กซี่หันมาสนใจเรื่องหุ้น ถ้าเกิดอาการแบบนี้ ก็อาจจะเป็นสัญญาณว่าหุ้นกำลังถึงยอดดอยและใกล้จะลง จากการสังเกตของผม ผมคิดว่าช่วงนี้ในตลาดหุ้นไทยมีคนกลุ่มใหม่ ๆ เข้ามาสนใจลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่น่าจะค่อนข้างมีฐานะและ/หรือมีการศึกษาพอสมควร ส่วนในคนทั่วไปนั้นผมก็คิดว่ามีความสนใจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ผมไม่รู้ว่ามากเท่าไร โดยรวมแล้ว น่าจะเป็นช่วงที่มีความตื่นตัวในหุ้นมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ผมเคยเจอมา ดังนั้น ผมคิดว่าอาการนี้น่าจะ “ก้ำกึ่ง” สำหรับตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้

ข้อเจ็ด คือเรื่อง “การสนองตอบต่อข่าวสารของหุ้น” ความหมายก็คือ ในช่วงที่หุ้นยังเป็น “ขาขึ้น” หรืออยู่ในภาวะกระทิงอยู่นั้น ข่าวสารที่ดี ๆ เช่น บริษัทประกาศผลประกอบการที่ดี ราคาหุ้นก็จะ “วิ่ง” รับกับข่าวชิ้นนั้น บางทีวิ่งมากกว่าข่าวดีด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่จะสิ้นสุดยุคกระทิง ข่าวดีที่ประกาศออกมานั้นกลับไม่ได้ได้รับการตอบรับที่ดีเท่า บางครั้งประกาศข่าวดีแต่ราคาหุ้นกลับลง ดูเหมือนว่าหุ้นนั้นรับข่าวดีไปหมดแล้ว ไม่มีเงินเหลือที่จะซื้อหุ้นอีกต่อไป คนรอแต่จะขายหุ้น สำหรับในข้อนี้ ผมเองคิดว่าตลาดหุ้นไทยยังไม่เห็น ผมยังรู้สึกว่าข่าวดีนั้นยังได้รับการตอบรับที่ดี บางทีหุ้นยังขึ้นมากกว่าข่าวโดยเฉพาะหุ้นเก็งกำไรตัวเล็ก ๆ ที่ราคายังขึ้นมากมายรับข่าวดีเล็ก ๆ ที่อาจจะไม่ผลอะไรกับบริษัทจริง ๆ

ข้อแปดคือเรื่อง “การเปลี่ยนกลุ่มหุ้นชั้นนำในตลาด” ความหมายของเรื่องนี้ก็คือ ในแต่ละช่วงเวลานั้น จะมีหุ้นบางกลุ่มเป็นหุ้นกลุ่มชั้นนำในตลาดเช่น ถ้าย้อนหลังไปหลายสิบปี ในช่วงนั้น หุ้นกลุ่มแบงค์เคยเป็นหุ้นกลุ่มนำ ต่อมาอสังหาริมทรัพย์ก็เคยเป็นกลุ่มที่ทุกคนสนใจเล่นและมีขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มไฟแน้นซ์ ต่อมาก็หุ้นสื่อสารและกลุ่มพลังงานที่โดดเด่นมาจนถึงล่าสุด คำถามก็คือ ตอนนี้เรากำลังมีการ “เปลี่ยนกลุ่ม” หรือไม่โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน? ที่อาจจะมีปัญหาราคาน้ำมันตกต่ำ ในเรื่องนี้ผมเองก็วิเคราะห์ไม่ออก แต่การเปลี่ยนกลุ่มหุ้นชั้นนำในตลาดหุ้นที่พัฒนาแล้วนั้น หลายครั้งสอดคล้องกับการกลับตัวของทิศทางดัชนีตลาดหุ้น

ข้อเก้าก็คือ เรื่องของข่าวสารข้อมูลตลาดหุ้นและการลงทุนทางสื่อมวลชนด้านต่าง ๆ ในช่วงใกล้ถึงจุดสูงสุดของตลาดหุ้นนั้น ข่าวและคอมเม้นท์จะมีมากมายในสื่อซึ่งถ้ามากถึงจุดหนึ่งก็จะออกทางสื่อมวลชน “กระแสหลัก” สำหรับในข้อนี้ผมคิดว่า “ข่าวหุ้น” ของไทยนั้น มีค่อนข้างมากและกว้างขวาง การจัดสัมมนาและมหกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับหุ้นได้รับการต้อนรับมากขึ้นเรื่อย ๆ บ่อยครั้งสื่อกระแสหลักก็นำเรื่องเกี่ยวกับตลาดหุ้นไปออก ข้อนี้ผมคิดว่าตลาดหุ้นไทยมีอาการระดับ 8-9 จากคะแนนเต็ม 10

สุดท้ายคือคำพูดหรือความรู้สึกของคนที่มีเงินและเป็นนักลงทุน ในช่วงที่เศรษฐกิจและตลาดหุ้นแย่ที่สุดอย่างช่วงปีวิกฤติ 2540 นั้น ทุกคนบอกว่า “Cash is King” แต่ในช่วงที่หุ้นจะถึง “ดอย” นั้น คำพูดจะเปลี่ยนเป็น “Cash is Trash” หรือเงินก็คือ “ขยะ” และสำหรับผมที่ช่วงนี้ผมมีเงินสดที่ได้จากการขายหุ้นไปบางส่วนนั้น ผมรู้สึกอยู่บ้างเหมือนกันว่าเงินสดที่ถืออยู่นั้นได้ดอกเบี้ยต่ำเหลือเกิน ดูคล้ายกับขยะอะไรอย่างนั้น และทั้งหมดก็คือสัญญาณบางส่วนที่เมื่อนำมาประมวลว่าหุ้นไทยตอนนี้อยู่ที่ระดับไหน ข้อสรุปของผมก็คือ มันยังผสมผสานระหว่างใช่กับไม่ใช่ดอย นักลงทุนแต่ละคนจะต้องตัดสินใจเองว่าจะทำอย่างไรกับพอร์ตของตน
ลูกหิน
Verified User
โพสต์: 1217
ผู้ติดตาม: 0

Re: สัญญาณแห่งดอย/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
jupiterwin
Verified User
โพสต์: 176
ผู้ติดตาม: 0

Re: สัญญาณแห่งดอย/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณครับ
worrapong.n
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 38
ผู้ติดตาม: 0

Re: สัญญาณแห่งดอย/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบคุณครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
nACrophiles_117
Verified User
โพสต์: 1362
ผู้ติดตาม: 0

Re: สัญญาณแห่งดอย/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ตอนนี้ละครแม่บ้านหลังข่าวช่องสามเรื่องหนึ่ง ตัวเอกเป็นนักลงทุน มีบทไปเป็นคนบรรยายงานสัมมนาหุ้นด้วยนะครับ :mrgreen: :mrgreen:
labor omnia vincit
ภาพประจำตัวสมาชิก
Rocker
Verified User
โพสต์: 4886
ผู้ติดตาม: 0

Re: สัญญาณแห่งดอย/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 6

โพสต์

nACrophiles_117 เขียน:ตอนนี้ละครแม่บ้านหลังข่าวช่องสามเรื่องหนึ่ง ตัวเอกเป็นนักลงทุน มีบทไปเป็นคนบรรยายงานสัมมนาหุ้นด้วยนะครับ :mrgreen: :mrgreen:
พระเอก เรื่อง 3 ใบเถา หลุย สก๊อต ก็เล่น เป็น Broker ที่ประสบความสำเร็จ และ เป็นนักลงทุน มาช้อนซื้อหุ้น บริษัทพ่อแฟน ที่ถูกต่างชาติเทขาย ด้วย

สังเกตุ หลายรายการทีวี และ ละคร มักมี หุ้นเข้ามาเกี่ยว ในแง่ ความสำเร็จ ใช้ชีวิตแบบ เศรษฐี ในแบบ ของคนส่วนใหญ่

หากมองอีกด้านในแง่ดี อาชืพ นักลงทุน สังคมไทยอาจ ให้การยอมรับ มากขึ้นก็ได้ครับ เพราะสร้างเนื้อสร้างตัวได้
jonny11
Verified User
โพสต์: 572
ผู้ติดตาม: 0

Re: สัญญาณแห่งดอย/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ละครสะท้อนสังคม. อีกหน่อยคงมีบทแนวนักลงทุนโดดตึกตายเพราะเจ๊งหุ้นล่ะมั้ง
yogototo
Verified User
โพสต์: 9
ผู้ติดตาม: 0

Re: สัญญาณแห่งดอย/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ขอบคุณครับ :o
nutsopon
Verified User
โพสต์: 243
ผู้ติดตาม: 1

Re: สัญญาณแห่งดอย/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ขอบคุณอาจารย์ครับ
โพสต์โพสต์