Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
-
- Verified User
- โพสต์: 1976
- ผู้ติดตาม: 0
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
โพสต์ที่ 1
เพื่อนๆคิดว่าไงครับ
ในส่วนตัวก็เห็นพิมพ์การตูนขาย ก็น่าจะทรงๆ
วิทยุน่าจะฟื้นกว่าแต่ก่อนหลังจากย้ายคลื่น พร้อมบวกกับกระแสบอลโลกนิดหน่อย
และเดือนหน้าที่ผลการฟ้องร้องค่าชดใช้คืน อีก 47 ล้านน่าจะออกมาให้เห็นชัดเจนขึ้น
เผอิญวันนั้นไปสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ดูๆแล้วบู้ทของ smm คนเยอะดีแต่
ไม่รู้ว่าความแข็งแกร่งของการตลาดของ Smm เป็นไงบ้างครับ ว่าอยู่ตำแหน่งไหนอย่างไร เพื่อนๆไหนรู้ช่วยสงเคราะห์ให้หน่อยละกัน
[/img]
ในส่วนตัวก็เห็นพิมพ์การตูนขาย ก็น่าจะทรงๆ
วิทยุน่าจะฟื้นกว่าแต่ก่อนหลังจากย้ายคลื่น พร้อมบวกกับกระแสบอลโลกนิดหน่อย
และเดือนหน้าที่ผลการฟ้องร้องค่าชดใช้คืน อีก 47 ล้านน่าจะออกมาให้เห็นชัดเจนขึ้น
เผอิญวันนั้นไปสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ดูๆแล้วบู้ทของ smm คนเยอะดีแต่
ไม่รู้ว่าความแข็งแกร่งของการตลาดของ Smm เป็นไงบ้างครับ ว่าอยู่ตำแหน่งไหนอย่างไร เพื่อนๆไหนรู้ช่วยสงเคราะห์ให้หน่อยละกัน
[/img]
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
โพสต์ที่ 2
ดูกันต่อไป
แต่หลายคนในเว๊ปนี้เจ็บตัวเพราะตัวนี้ครับ
อมโรคครับ
ปีที่แล้ว ปิดนิตยสารไปมาก
วิทยุเป็นตัวที่มีปัญหา
การ์ตูนก็ออกไม่ต่อเนื่อง เรื่องไหนดีก็ไม่เอาลิขสิทธิ์มาทำต่อ (ไม่เหมือนวิบูลย์กิจที่ได้พุงปลาไป)
ส่วนเรื่องหนังสือ จ้างเขาพิมพ์ซักงั้น ไม่มีโรงพิมพ์เป็นของตัวเอง เหมือนบ้างเจ้า เหมือนมันขาดอะไรไปบ้างอย่าง และส่งงานให้แก่โรงพิมพ์โรงนี้โรงเดียวด้วย (งงไหมล่ะ) ซึ่งถ้าเป็นความเป็นจริงน่าจะให้หลายโรงพิมพ์ให้การพิมพ์หนังสือให้
ผมรอที่ ต่ำกว่า 1.3-1.5 แล้วจะพิจารณากันใหม่ครับ
Q1ผมว่ามันไม่ฟื้นไข้ ต้องรอไปก่อน
Qที่คาดว่าน่าจะกำไรดีที่สุดคือQ3
แต่ปีที่แล้วQ4เป็นQที่ขาดทุนที่สุดเนื่องจากวิทยุ
ดูตัวนี้ดูดีๆๆครับ
แต่หลายคนในเว๊ปนี้เจ็บตัวเพราะตัวนี้ครับ
อมโรคครับ
ปีที่แล้ว ปิดนิตยสารไปมาก
วิทยุเป็นตัวที่มีปัญหา
การ์ตูนก็ออกไม่ต่อเนื่อง เรื่องไหนดีก็ไม่เอาลิขสิทธิ์มาทำต่อ (ไม่เหมือนวิบูลย์กิจที่ได้พุงปลาไป)
ส่วนเรื่องหนังสือ จ้างเขาพิมพ์ซักงั้น ไม่มีโรงพิมพ์เป็นของตัวเอง เหมือนบ้างเจ้า เหมือนมันขาดอะไรไปบ้างอย่าง และส่งงานให้แก่โรงพิมพ์โรงนี้โรงเดียวด้วย (งงไหมล่ะ) ซึ่งถ้าเป็นความเป็นจริงน่าจะให้หลายโรงพิมพ์ให้การพิมพ์หนังสือให้
ผมรอที่ ต่ำกว่า 1.3-1.5 แล้วจะพิจารณากันใหม่ครับ
Q1ผมว่ามันไม่ฟื้นไข้ ต้องรอไปก่อน
Qที่คาดว่าน่าจะกำไรดีที่สุดคือQ3
แต่ปีที่แล้วQ4เป็นQที่ขาดทุนที่สุดเนื่องจากวิทยุ
ดูตัวนี้ดูดีๆๆครับ
- Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 1
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
โพสต์ที่ 3
ผมเป็นคนหนึ่งที่เจ็บตัวกับตัวนี้ไปครับ หลังงบปีออกก็ไม่ได้ติดตามอีกแต่จากเท่าที่อ่านมา ให้ระวังลูกหนี้มากๆ ครับ กะสาขาที่เล่นเปิดเพิ่มมาเท่าตัวว่าจะทำเงินหรือดูดเงินออกครับ
และจากที่ผมสังเกตดูนะครับ หลังจากที่ได้เน้นออกหนังสือจำนวนหลายพันปกไปในปีที่แล้ว ในปีนี้หนังสือที่เปิดไปแล้วดูไม่ค่อยทำเงินหลายเล่มเหมือนกันนะครับ
ขอคิดที่ผมได้จากหุ้นตัวนี้ก็คือ
จงหาข้อมูลให้ได้เพียงพอก่อนตัดสินใจลงทุนครับ
และจากที่ผมสังเกตดูนะครับ หลังจากที่ได้เน้นออกหนังสือจำนวนหลายพันปกไปในปีที่แล้ว ในปีนี้หนังสือที่เปิดไปแล้วดูไม่ค่อยทำเงินหลายเล่มเหมือนกันนะครับ
ขอคิดที่ผมได้จากหุ้นตัวนี้ก็คือ
จงหาข้อมูลให้ได้เพียงพอก่อนตัดสินใจลงทุนครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
โพสต์ที่ 4
หุ้นตัวนี้ ปีที่แล้วทำเอาหลายคนในห้องนี้เจ็บตัวค่อนข้างมาก ราคาดิ่งเหวจากราคาประมาณเกือบ 3 บาท ตอนนี้เหลือเพียง 1.62 บาทต่อหุ้น
ข้อเสียของหุ้นตัวนี้คือ ยอดขายเพิ่มขึ้น แต่กำไรหดลง หนี้ค้างชำระก็สูงขึ้นมาก
สินค้าคงเหลือที่สูง เพราะมีหนังสือที่ออกจำนวนมาก
ช่วงนี้มีค่าใช้จ่ายในการบริหารงานที่สูงอันเกิดจากมีการลงทุนขยายงานเปิดสาขาร้านขายหนังสือจำนวนมากปีที่แล้วมี 20 กว่าแห่ง คาดว่าจะขยายเพิ่มอีก 5 แห่ง
รวมถึงมีการขยายงานด้านวิทยุกีฬาซึ่งจะลองรับฟุตบอลโลก จึงต้องดูว่างานด้านวิทยุที่ปีที่แล้วทำเอากำไรหดลงมาก การขยายสาขาจำนวนมากทำเอาค่าใช้จ่ายบริหารที่สูงมาก
สภาพคล่องที่แย่ลงเนื่องจากมีการจ่ายปันผลในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจำนวนมาก ในขณะที่ธุรกิจมีการขยายงานมากขึ้น และสภาพคล่องแย่ลงซ้ำเติมจากการที่ไปจ่ายค่ามัดจำวิทยุให้กับคู่กรณ๊กว่า 23 ล้านบาท คือ ช่อง FM101 แต่ไม่ได้ใช้สถานีเพราะคู่กรณ๊ที่ถูกฟ้องอยู่ไม่สามารถส่งมอบสถานีให้ และยังมีข้อสงสัยในเรื่องธรรมภิบาลของบริษัทบางประการที่ทำให้นักลงทุนในห้องนี้ยังไม่แน่ใจ
สำหรับข้อดีของหุ้นตัวนี้ อยู่ที่จุดแข็งที่ทำหนังสือการตูญ และหนังสือกำลังภายใน โดยมีส่วนแบ่งการตลาดค่อนข้างสูง
ทำธุรกิจวิทยุด้านกีฬาที่ยังมีคู่แข่งขันน้อยราย และปีนี้จะมีรายการถ่ายทอดฟุตบอลโลกอีกด้วย
ทำนิตยสารครอบครับหัวนอกเพิ่มเติม
ปีนี้จะมีรายรับจากหนังสือนิยายดังเรื่องแดจึงกึมกว่า 20 ล้านบาทที่จะมา Book ในไตรมาสนี้ตามที่ผู้บริหารให้สัมภาษณ์ไว้
สำหรับปีนี้ต้องดูผลประกอบการว่าจะพลิกฟื้นตัวหรือไม่ รวมถึงการแก้ไขปัญหาหนี้ค้างชำระที่สูง สภาพคล่องที่แย่ลง การแก้ไขปัญหาสินค้าคงเหลือ รวมถึงปีนี้ธุรกิจค่าเช่าจะลดลงประมาณ 10 กว่าล้านบาท เนื่องจากผู้เช่า 2 รายคือ กิเลนและ Sport เลิกเช่าสถานที่ไปแล้ว ทำให้บริษัทต้องหาผู้เช่ารายใหม่มาเช่าพื้นที่ นอกจากนี้บริษัทยังถือหุ้น Sport ในราคาค่อนข้างต่ำ ในอนาคตหากบริษัทจำหน่ายหุ้น Sport ทั้งหุ้นสาม้ญและWarrant ก็น่าจะทำให้มีกำไรและสภาพคล่องดีขึ้น รวมถึงจะเป็นการแก้ไขเรื่องธรรมมาภิบาลที่ต้องมีการปรับปรุงให้ดีขึ้นอีกด้วย (ในอดีตบริษัทมีการทำรายการระหว่างกันกับบริษัทอื่นที่ทำให้หลายคนในห้องนี้กังขาพอควรลองไปดูข้อมูลในอดีตที่ในห้องนี้เคยตั้งกระทู้ไว้ )
ผมได้เก็บข่าวที่ผู้บริหารให้สัมภาษณ์ไว้เดือนกุมภาพันธ์ ตามข่าวนี้นะครับ มาช่วยกันติดตามผลว่า ที่ให้สัมภาษณ์ไว้กับผลงานที่ออกมาจะเป็นอย่างไร ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจนะครับ
สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย" ปัจจัยเชิงบวกหนุนเติบโตระยะยาว ผู้บริหาร "วิฑูร นิรันตราย" มั่นใจไตรมาส 1/49 รับรู้รายได้พุ่ง ตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้ 900 ล้านบาท โตเพิ่ม 15% ลั่นธุรกิจสิ่งพิมพ์ "พ็อกเก็ตบุ๊คส์" ปีนี้ก้าวขึ้นอันดับ 1 ส่วนธุรกิจวิทยุจะเป็นปีทอง
นายวิฑูร นิรันตราย กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ SMM เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้ารายได้รวมประมาณ 800-900 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 15% เมื่อเทียบกับปี 2548 คาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 600 ล้านบาท สำหรับแนวโน้มไตรมาส 1/2549 ก็มั่นใจว่ารายได้จะออกมาดีกว่าไตรมาส 4/2548 เนื่องจากบริษัทรับรู้รายได้จากพ็อกเก็ตบุ๊คส์ เรื่อง "แดจังกึม" ประมาณ 20-30 ล้านบาท
สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2549 บริษัทมีแผนจะออกหนังสือแปลอีกหลายเรื่อง ซึ่งเป็นที่นิยม และได้รับการยอมรับจากผู้อ่านอีกหลายเรื่อง อาทิ 50 ปีกิมย้ง เรื่องเทพมารสะท้านภพ เรื่องเจาะเวลาหาจิ้นซี รวมถึงพ็อกเก็ตบุ๊คส์เรื่องแดจังกึม เรื่อง 8 เทพอสูร ส่วนนิตยสารนั้น ทางบริษัทจะออกใหม่ ชื่อ Health Club ซึ่งเป็นนิตยสารที่มีแนวคล้ายกับนิตยสารสลิมมิ่ง เหมาะกับผู้หญิงที่มีอายุ 30 ปีที่ชอบดูแลสุขภาพร่างกาย ดังนั้นหนังสือที่จะออกในปีนี้ จึงถือว่าเป็นหนังสือที่ดีและมีคุณภาพ เชื่อว่าจะได้รับกระแสการตอบรับจากผู้อ่านเป็นอย่างดี เชื่อว่าหนังสือที่ออกมาในปีนี้จะสามารถก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งได้อย่างแน่นอน ส่วนธุรกิจด้านวิทยุนั้น ปีนี้ถือว่าได้เป็นปีทองของบริษัท เนื่องจากบริษัทได้คลื่นวิทยุ 105 มาบริหารเอง โดยได้ช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่มถึง 9 โมงเช้า ถือว่าได้เป็นเวลาที่ดี เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวนั้นเหมาะที่จะทำคลื่นที่เกี่ยวกีฬา และในปีนี้จะมีการแข่งขันบอลโลก จะส่งผลให้มีเม็ดเงินจากการโฆษณาไหลเข้ามาค่อนข้างมาก ขณะเดียวกัน บริษัทกำลังดำเนินการในเรื่องของการหาคลื่น 24 ชั่วโมงมาบริหาร ถ้าหากบริษัทได้คลื่นวิทยุ 24 ชั่วโมงเข้ามา ก็จะทำให้บริษัทมีรายได้จากธุรกิจวิทยุประมาณ 100 ล้านบาท แต่ในเบื้องต้นบริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากวิทยุประมาณ 60-70 ล้านบาท
นายวิฑูร กล่าวต่อว่า สำหรับร้านหนังสือ Book Smileนั้น ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มอีกประมาณ 3-5 สาขา ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการหาทำเล คาดว่าจะใช้เม็ดเงินในการลงทุนต่อสาขาๆละประมาณ 2 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีร้าน Book Smile ประมาณ 20 สาขา ส่วนกลยุทธ์ของการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทจะเน้นในเรื่องของการสร้างแบรนด์ และคุณภาพของหนังสือ เพื่อให้เป็นที่รู้จักและให้เป็นที่ยอมรับกับกลุ่มลูกค้าให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกันบริษัทก็จะพยายามที่จะลดต้นทุนหรือความเสี่ยงในเรื่องของสต็อกสินค้าให้เพิ่มขึ้น
นายวิฑูร กล่าวถึงแนวโน้มในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น บริษัทได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็ไม่ได้มากนัก เนื่องจากบริษัทมีภาระเงินที่อยู่ในระดับต่ำ ดังนั้นผลกระทบในเรื่องดังกล่าวจึงไม่มากนัก ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่รับมือได้ ส่วนแนวโน้มของธุรกิจสิ่งพิมพ์ในปีนี้ มองว่ายังคงมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง ทั้งนี้มองว่าภาพรวมของธุรกิจสิ่งพิมพ์จะมีอัตราการเติบโตประมาณ 10%
ข้อเสียของหุ้นตัวนี้คือ ยอดขายเพิ่มขึ้น แต่กำไรหดลง หนี้ค้างชำระก็สูงขึ้นมาก
สินค้าคงเหลือที่สูง เพราะมีหนังสือที่ออกจำนวนมาก
ช่วงนี้มีค่าใช้จ่ายในการบริหารงานที่สูงอันเกิดจากมีการลงทุนขยายงานเปิดสาขาร้านขายหนังสือจำนวนมากปีที่แล้วมี 20 กว่าแห่ง คาดว่าจะขยายเพิ่มอีก 5 แห่ง
รวมถึงมีการขยายงานด้านวิทยุกีฬาซึ่งจะลองรับฟุตบอลโลก จึงต้องดูว่างานด้านวิทยุที่ปีที่แล้วทำเอากำไรหดลงมาก การขยายสาขาจำนวนมากทำเอาค่าใช้จ่ายบริหารที่สูงมาก
สภาพคล่องที่แย่ลงเนื่องจากมีการจ่ายปันผลในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจำนวนมาก ในขณะที่ธุรกิจมีการขยายงานมากขึ้น และสภาพคล่องแย่ลงซ้ำเติมจากการที่ไปจ่ายค่ามัดจำวิทยุให้กับคู่กรณ๊กว่า 23 ล้านบาท คือ ช่อง FM101 แต่ไม่ได้ใช้สถานีเพราะคู่กรณ๊ที่ถูกฟ้องอยู่ไม่สามารถส่งมอบสถานีให้ และยังมีข้อสงสัยในเรื่องธรรมภิบาลของบริษัทบางประการที่ทำให้นักลงทุนในห้องนี้ยังไม่แน่ใจ
สำหรับข้อดีของหุ้นตัวนี้ อยู่ที่จุดแข็งที่ทำหนังสือการตูญ และหนังสือกำลังภายใน โดยมีส่วนแบ่งการตลาดค่อนข้างสูง
ทำธุรกิจวิทยุด้านกีฬาที่ยังมีคู่แข่งขันน้อยราย และปีนี้จะมีรายการถ่ายทอดฟุตบอลโลกอีกด้วย
ทำนิตยสารครอบครับหัวนอกเพิ่มเติม
ปีนี้จะมีรายรับจากหนังสือนิยายดังเรื่องแดจึงกึมกว่า 20 ล้านบาทที่จะมา Book ในไตรมาสนี้ตามที่ผู้บริหารให้สัมภาษณ์ไว้
สำหรับปีนี้ต้องดูผลประกอบการว่าจะพลิกฟื้นตัวหรือไม่ รวมถึงการแก้ไขปัญหาหนี้ค้างชำระที่สูง สภาพคล่องที่แย่ลง การแก้ไขปัญหาสินค้าคงเหลือ รวมถึงปีนี้ธุรกิจค่าเช่าจะลดลงประมาณ 10 กว่าล้านบาท เนื่องจากผู้เช่า 2 รายคือ กิเลนและ Sport เลิกเช่าสถานที่ไปแล้ว ทำให้บริษัทต้องหาผู้เช่ารายใหม่มาเช่าพื้นที่ นอกจากนี้บริษัทยังถือหุ้น Sport ในราคาค่อนข้างต่ำ ในอนาคตหากบริษัทจำหน่ายหุ้น Sport ทั้งหุ้นสาม้ญและWarrant ก็น่าจะทำให้มีกำไรและสภาพคล่องดีขึ้น รวมถึงจะเป็นการแก้ไขเรื่องธรรมมาภิบาลที่ต้องมีการปรับปรุงให้ดีขึ้นอีกด้วย (ในอดีตบริษัทมีการทำรายการระหว่างกันกับบริษัทอื่นที่ทำให้หลายคนในห้องนี้กังขาพอควรลองไปดูข้อมูลในอดีตที่ในห้องนี้เคยตั้งกระทู้ไว้ )
ผมได้เก็บข่าวที่ผู้บริหารให้สัมภาษณ์ไว้เดือนกุมภาพันธ์ ตามข่าวนี้นะครับ มาช่วยกันติดตามผลว่า ที่ให้สัมภาษณ์ไว้กับผลงานที่ออกมาจะเป็นอย่างไร ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจนะครับ
สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย" ปัจจัยเชิงบวกหนุนเติบโตระยะยาว ผู้บริหาร "วิฑูร นิรันตราย" มั่นใจไตรมาส 1/49 รับรู้รายได้พุ่ง ตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้ 900 ล้านบาท โตเพิ่ม 15% ลั่นธุรกิจสิ่งพิมพ์ "พ็อกเก็ตบุ๊คส์" ปีนี้ก้าวขึ้นอันดับ 1 ส่วนธุรกิจวิทยุจะเป็นปีทอง
นายวิฑูร นิรันตราย กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ SMM เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้ารายได้รวมประมาณ 800-900 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 15% เมื่อเทียบกับปี 2548 คาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 600 ล้านบาท สำหรับแนวโน้มไตรมาส 1/2549 ก็มั่นใจว่ารายได้จะออกมาดีกว่าไตรมาส 4/2548 เนื่องจากบริษัทรับรู้รายได้จากพ็อกเก็ตบุ๊คส์ เรื่อง "แดจังกึม" ประมาณ 20-30 ล้านบาท
สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2549 บริษัทมีแผนจะออกหนังสือแปลอีกหลายเรื่อง ซึ่งเป็นที่นิยม และได้รับการยอมรับจากผู้อ่านอีกหลายเรื่อง อาทิ 50 ปีกิมย้ง เรื่องเทพมารสะท้านภพ เรื่องเจาะเวลาหาจิ้นซี รวมถึงพ็อกเก็ตบุ๊คส์เรื่องแดจังกึม เรื่อง 8 เทพอสูร ส่วนนิตยสารนั้น ทางบริษัทจะออกใหม่ ชื่อ Health Club ซึ่งเป็นนิตยสารที่มีแนวคล้ายกับนิตยสารสลิมมิ่ง เหมาะกับผู้หญิงที่มีอายุ 30 ปีที่ชอบดูแลสุขภาพร่างกาย ดังนั้นหนังสือที่จะออกในปีนี้ จึงถือว่าเป็นหนังสือที่ดีและมีคุณภาพ เชื่อว่าจะได้รับกระแสการตอบรับจากผู้อ่านเป็นอย่างดี เชื่อว่าหนังสือที่ออกมาในปีนี้จะสามารถก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งได้อย่างแน่นอน ส่วนธุรกิจด้านวิทยุนั้น ปีนี้ถือว่าได้เป็นปีทองของบริษัท เนื่องจากบริษัทได้คลื่นวิทยุ 105 มาบริหารเอง โดยได้ช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่มถึง 9 โมงเช้า ถือว่าได้เป็นเวลาที่ดี เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวนั้นเหมาะที่จะทำคลื่นที่เกี่ยวกีฬา และในปีนี้จะมีการแข่งขันบอลโลก จะส่งผลให้มีเม็ดเงินจากการโฆษณาไหลเข้ามาค่อนข้างมาก ขณะเดียวกัน บริษัทกำลังดำเนินการในเรื่องของการหาคลื่น 24 ชั่วโมงมาบริหาร ถ้าหากบริษัทได้คลื่นวิทยุ 24 ชั่วโมงเข้ามา ก็จะทำให้บริษัทมีรายได้จากธุรกิจวิทยุประมาณ 100 ล้านบาท แต่ในเบื้องต้นบริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากวิทยุประมาณ 60-70 ล้านบาท
นายวิฑูร กล่าวต่อว่า สำหรับร้านหนังสือ Book Smileนั้น ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มอีกประมาณ 3-5 สาขา ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการหาทำเล คาดว่าจะใช้เม็ดเงินในการลงทุนต่อสาขาๆละประมาณ 2 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีร้าน Book Smile ประมาณ 20 สาขา ส่วนกลยุทธ์ของการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทจะเน้นในเรื่องของการสร้างแบรนด์ และคุณภาพของหนังสือ เพื่อให้เป็นที่รู้จักและให้เป็นที่ยอมรับกับกลุ่มลูกค้าให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกันบริษัทก็จะพยายามที่จะลดต้นทุนหรือความเสี่ยงในเรื่องของสต็อกสินค้าให้เพิ่มขึ้น
นายวิฑูร กล่าวถึงแนวโน้มในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น บริษัทได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็ไม่ได้มากนัก เนื่องจากบริษัทมีภาระเงินที่อยู่ในระดับต่ำ ดังนั้นผลกระทบในเรื่องดังกล่าวจึงไม่มากนัก ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่รับมือได้ ส่วนแนวโน้มของธุรกิจสิ่งพิมพ์ในปีนี้ มองว่ายังคงมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง ทั้งนี้มองว่าภาพรวมของธุรกิจสิ่งพิมพ์จะมีอัตราการเติบโตประมาณ 10%
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
โพสต์ที่ 5
ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งเท่าที่ผมอ่านข้อมูลของหุ้นตัวนี้คือ
ผู้บริหารพยายามให้ข่าวที่ดีเท่านั้น แต่พยายามหลบซ่อนข่าวที่ไม่ดีไว้ ให้ผู้ถือหุ้นไปหาอ่านหรือวิเคราะห์กันเอง
ตัวอย่างเช่น เมื่อไตรมาส 4 ปีที่แล้ว นักวิเคราะห์ของ Kest ได้วิเคราะห์ผลการดำเนินงานไตรมาส 4 จะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมโกดัง ซึ่งจะทำให้สินค้าคงเหลือเสียหาย หลายล้านบาท แต่บริษัทก็ไม่ได้ให้ข้อมูลกับนักลงทุนแม้ว่าจะเป็นข้อมูลที่มีนัยสำคัญในการประเมินผลการดำเนินงานของบริษัท
ผู้บริหารอาจจะคิดถึงภาพพจน์บริษัทมากเกินไปก็ได้ อยากให้ผู้ลงทุนทราบแต่ข้อมูลด้านดี ๆ เพราะคิดว่าการปิดข่าวไว้จะช่วยทำให้สถานการณ์ราคาหุ้นของบริษัทดีขึ้น แต่การกลับกัน ยิ่งปิดข่าวมากเท่าไร ก็ทำให้มีการลือในทางที่ไม่ดีมากขึ้น และตั้งแต่บริษัทเข้าตลาดมา ราคาก็สะท้อนผลการดำเนินงานที่แย่ลงและต่ำกว่าราคา IPO ตรงนี้ผมคิดว่าบริษัทควรปรับปรุงในเรื่องการให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับนักลงทุนให้มากกว่านี้ ทั้งข้อมูลด้านดีและไม่ดี โดยเฉพาะข้อมูลที่ไม่ดี ควรที่จะชี้ให้เห็นว่าบริษัทจะดำเนินการแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นได้อย่างไร
ตัวอย่างข้อมูลที่มีสาระสำคัญกับผลการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งผมต้องตามเก็บจากสื่อมวลชนครับซึ่งมาจากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย ผู้บริหาร สปอร์ต เรดิโอ สุดทน ฟ้องทั้งอาญาและแพ่งเจ้าพ่อคลื่นวิทยุ อิทธิวัฒน์ หรือ ปิติพัฒน์ เพียรเลิศ ที่เสนอให้จัดรายการคลื่นฮ็อตของ บก.สูงสุด เอฟเอ็ม 101 ช่วงปลายปีที่แล้วด้วยเงินสดก้อนโตกว่า 20 ล้าน แต่เคลียร์คลื่นให้ไม่ได้ เจ้าตัวดิ้นแต่งตั้งทนายขอเลื่อนคดีอาญา ศาลเลื่อนนัดไต่สวนมูลฟ้อง 22 พฤษภาคมนี้ ยันเป้าหมายรายได้วิทยุเดิม 100 ล้านบาท หลังได้ช่วงเวลาคลื่น 105 วิสดอมเรดิโอแทน
นายปราชญ์ ไชยคำ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ว่าบริษัทฯจะได้รับผลกระทบจากกรณีที่ไม่ได้ทำวิทยุคลื่น 101 เอฟเอ็ม ตามที่ได้มีการเจรจาและตกลงกันไว้กับทางบริษัท บรอดคาสติ้ง เน็ตเวอร์ค จำกัดก็ตาม เพราะได้เกิดการผิดสัญญาจากคู่กรณี ทำให้แผนการดำเนินงานต้องมีการปรับเปลี่ยนโดยเฉพาะแผนการทำตลาดในช่วงฟุตบอลโลกปีนี้ แต่ทั้งนี้ยังยืนยันตามเป้าหมายยอดขายเดิมที่ตั้งไว้ประมาณ 100 ล้านบาท
โดยบริษัทฯได้เข้าบริหารคลื่นวิทยุ 105 วิสดอมเรดิโอของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยแทน ในช่วงเวลา 20.30-09.00 น.ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ และช่วงเวลา 17.00-07.00 น. ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นรูปแบบสปอร์ตเรดิโอ จากเดิมที่คาดว่าจะได้ทั้ง 24 ชั่วโมงจากคลื่น 101
นอกจากนั้นทางฝ่ายบริหารบริษัทฯยังได้ให้ทีมงานฝ่ายขายและฝ่ายการตลาดไปจัดแผนการทำงานเพื่อไปให้ได้ถึงเป้าหมายด้วย ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ที่เป็นลูกค้ารายใหญ่กันมานานก็เข้าใจ ยังไม่มีการถอนโฆษณาออกจากเดิมที่ได้มีการเจรจากันไว้ และพร้อมที่จะนำเม็ดเงินมาลงโฆษณาในคลื่นที่ได้ใหม่แทน
สำหรับช่วงฟุตบอลโลกนี้บริษัทฯได้เตรียมแคมเปญต่างๆไว้แล้วโดยไม่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ และตั้งเป้าหมายลูกค้าประมาณ 6 ราย ซึ่งขณะนี้ได้แล้วคือ รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ส่วนที่เหลือคาดว่าจะสามารถสรุปได้ประมาณปลายเดือนนี้ นอกจากนั้นก็จะมีการทำโรดโชว์และจัดกิจกรรมต่างๆ
ฟ้องอิทธิวัฒน์เบี้ยวสัญญา
ทั้งนี้ นายปราชญ์ ไชยคำ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากบริษัทฯ ให้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอิทธิวัฒน์ หรือ ปิติพัฒน์ เพียรเลิศ มีฐานะเป็นกรรมการของบริษัท และ ฐานะนิติบุคคล ของบริษัท บรอดคาสติ้ง เน็ตเวอร์ค จำกัด เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ในข้อหาฉ้อโกง เนื่องจากจำเลยที่ 1 และ 2 อ้างว่าเป็นผู้มีสิทธิในการออกอากาศคลื่นวิทยุ เอฟเอ็ม 101 เมกกะเฮิร์ตซ์ กอง บก.ทหารสูงสุด และเสนอให้โจทก์ผลิตรายการข่าวสารและกีฬาออกอากาศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2549
จำเลยทั้งสองได้ทำบันทึกข้อตกลงให้กับโจทก์ในการออกอากาศที่คลื่นวิทยุ เอฟเอ็ม 101 เมกกะเฮิร์ตซ์ โดยเรียกเงินจำนวน 20,400,000 บาท พร้อมภาษีมูลค่าเพิ่ม 1,428,000 บาท และโจทก์ได้จ่ายเงินจำนวน 21,828,000 บาท โดยโอนให้จำเลยในวันที่ 2 ธันวาคม 2548 จำนวน 10,000,000 บาท และส่วนที่เหลือ 11,828,000 บาทได้โอนในวันที่ 16 ธันวาคม 2548
การยื่นฟ้องในคดีอาญา ศาลแขวงพระโขนงได้นัดไต่สวนมูลฟ้อง วันที่ 6 มีนาคม 2549 แต่จำเลยได้ให้ทนายไปขอเลื่อนคดีออกไป โดยจะขอเวลาในการหาเงินมาชำระให้กับโจทก์ ศาลจึงให้เลื่อนไปนัดไต่สวนมูลฟ้องใหม่ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2549 เวลา 9.00 น.
ส่วนการฟ้องคดีแพ่งนั้น นายปราชญ์ กล่าวอีกว่า ได้ยื่นฟ้องในข้อหาละเมิด ผิดสัญญาและเรียกค่าเสียหายต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยขอให้จำเลยชำระเงินที่รับไปแล้วรวมดอกเบี้ยจำนวน 22,088,141.92 บาท และเรียกค่าขาดประโยชน์อีกจำนวน 25,000,000 บาท รวมทั้งสิ้น 47,088.141.92 บาท
ผมไม่รู้จักคุณปิติพัฒน์ หรือคุณอิทธิวัฒน์ เป็นการส่วนตัว แต่ทราบว่า คุณปิติพัฒน์ เป็นผู้ทำธุรกิจเกี่ยวกับสถานีวิทยุ เมื่อมีการเจรจาและพูดคุยทางธุรกิจ ผมเห็นว่าเป็นเรื่องทางธุรกิจที่ต้องจ่ายเงินกันอยู่แล้ว เราก็จ่ายตามที่คุณปิติพัฒน์ แจ้งมา เมื่อคนทำธุรกิจรับเงินแล้ว และให้ความมั่นใจในการจัดหาคลื่นและส่งมอบคลื่นจะต้องทำให้ได้ แต่เมื่อไม่ได้คลื่น เราเสียหาย จึงต้องขอพึ่งบารมีศาล ยื่นฟ้องอาญา และ แพ่ง ไม่แน่ว่าจะมีอีกกี่รายที่โดนในลักษณะเดียวกันนี้ นายปราชญ์กล่าว
ผู้บริหารพยายามให้ข่าวที่ดีเท่านั้น แต่พยายามหลบซ่อนข่าวที่ไม่ดีไว้ ให้ผู้ถือหุ้นไปหาอ่านหรือวิเคราะห์กันเอง
ตัวอย่างเช่น เมื่อไตรมาส 4 ปีที่แล้ว นักวิเคราะห์ของ Kest ได้วิเคราะห์ผลการดำเนินงานไตรมาส 4 จะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมโกดัง ซึ่งจะทำให้สินค้าคงเหลือเสียหาย หลายล้านบาท แต่บริษัทก็ไม่ได้ให้ข้อมูลกับนักลงทุนแม้ว่าจะเป็นข้อมูลที่มีนัยสำคัญในการประเมินผลการดำเนินงานของบริษัท
ผู้บริหารอาจจะคิดถึงภาพพจน์บริษัทมากเกินไปก็ได้ อยากให้ผู้ลงทุนทราบแต่ข้อมูลด้านดี ๆ เพราะคิดว่าการปิดข่าวไว้จะช่วยทำให้สถานการณ์ราคาหุ้นของบริษัทดีขึ้น แต่การกลับกัน ยิ่งปิดข่าวมากเท่าไร ก็ทำให้มีการลือในทางที่ไม่ดีมากขึ้น และตั้งแต่บริษัทเข้าตลาดมา ราคาก็สะท้อนผลการดำเนินงานที่แย่ลงและต่ำกว่าราคา IPO ตรงนี้ผมคิดว่าบริษัทควรปรับปรุงในเรื่องการให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับนักลงทุนให้มากกว่านี้ ทั้งข้อมูลด้านดีและไม่ดี โดยเฉพาะข้อมูลที่ไม่ดี ควรที่จะชี้ให้เห็นว่าบริษัทจะดำเนินการแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นได้อย่างไร
ตัวอย่างข้อมูลที่มีสาระสำคัญกับผลการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งผมต้องตามเก็บจากสื่อมวลชนครับซึ่งมาจากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย ผู้บริหาร สปอร์ต เรดิโอ สุดทน ฟ้องทั้งอาญาและแพ่งเจ้าพ่อคลื่นวิทยุ อิทธิวัฒน์ หรือ ปิติพัฒน์ เพียรเลิศ ที่เสนอให้จัดรายการคลื่นฮ็อตของ บก.สูงสุด เอฟเอ็ม 101 ช่วงปลายปีที่แล้วด้วยเงินสดก้อนโตกว่า 20 ล้าน แต่เคลียร์คลื่นให้ไม่ได้ เจ้าตัวดิ้นแต่งตั้งทนายขอเลื่อนคดีอาญา ศาลเลื่อนนัดไต่สวนมูลฟ้อง 22 พฤษภาคมนี้ ยันเป้าหมายรายได้วิทยุเดิม 100 ล้านบาท หลังได้ช่วงเวลาคลื่น 105 วิสดอมเรดิโอแทน
นายปราชญ์ ไชยคำ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ว่าบริษัทฯจะได้รับผลกระทบจากกรณีที่ไม่ได้ทำวิทยุคลื่น 101 เอฟเอ็ม ตามที่ได้มีการเจรจาและตกลงกันไว้กับทางบริษัท บรอดคาสติ้ง เน็ตเวอร์ค จำกัดก็ตาม เพราะได้เกิดการผิดสัญญาจากคู่กรณี ทำให้แผนการดำเนินงานต้องมีการปรับเปลี่ยนโดยเฉพาะแผนการทำตลาดในช่วงฟุตบอลโลกปีนี้ แต่ทั้งนี้ยังยืนยันตามเป้าหมายยอดขายเดิมที่ตั้งไว้ประมาณ 100 ล้านบาท
โดยบริษัทฯได้เข้าบริหารคลื่นวิทยุ 105 วิสดอมเรดิโอของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยแทน ในช่วงเวลา 20.30-09.00 น.ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ และช่วงเวลา 17.00-07.00 น. ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นรูปแบบสปอร์ตเรดิโอ จากเดิมที่คาดว่าจะได้ทั้ง 24 ชั่วโมงจากคลื่น 101
นอกจากนั้นทางฝ่ายบริหารบริษัทฯยังได้ให้ทีมงานฝ่ายขายและฝ่ายการตลาดไปจัดแผนการทำงานเพื่อไปให้ได้ถึงเป้าหมายด้วย ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ที่เป็นลูกค้ารายใหญ่กันมานานก็เข้าใจ ยังไม่มีการถอนโฆษณาออกจากเดิมที่ได้มีการเจรจากันไว้ และพร้อมที่จะนำเม็ดเงินมาลงโฆษณาในคลื่นที่ได้ใหม่แทน
สำหรับช่วงฟุตบอลโลกนี้บริษัทฯได้เตรียมแคมเปญต่างๆไว้แล้วโดยไม่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ และตั้งเป้าหมายลูกค้าประมาณ 6 ราย ซึ่งขณะนี้ได้แล้วคือ รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ส่วนที่เหลือคาดว่าจะสามารถสรุปได้ประมาณปลายเดือนนี้ นอกจากนั้นก็จะมีการทำโรดโชว์และจัดกิจกรรมต่างๆ
ฟ้องอิทธิวัฒน์เบี้ยวสัญญา
ทั้งนี้ นายปราชญ์ ไชยคำ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากบริษัทฯ ให้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอิทธิวัฒน์ หรือ ปิติพัฒน์ เพียรเลิศ มีฐานะเป็นกรรมการของบริษัท และ ฐานะนิติบุคคล ของบริษัท บรอดคาสติ้ง เน็ตเวอร์ค จำกัด เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ในข้อหาฉ้อโกง เนื่องจากจำเลยที่ 1 และ 2 อ้างว่าเป็นผู้มีสิทธิในการออกอากาศคลื่นวิทยุ เอฟเอ็ม 101 เมกกะเฮิร์ตซ์ กอง บก.ทหารสูงสุด และเสนอให้โจทก์ผลิตรายการข่าวสารและกีฬาออกอากาศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2549
จำเลยทั้งสองได้ทำบันทึกข้อตกลงให้กับโจทก์ในการออกอากาศที่คลื่นวิทยุ เอฟเอ็ม 101 เมกกะเฮิร์ตซ์ โดยเรียกเงินจำนวน 20,400,000 บาท พร้อมภาษีมูลค่าเพิ่ม 1,428,000 บาท และโจทก์ได้จ่ายเงินจำนวน 21,828,000 บาท โดยโอนให้จำเลยในวันที่ 2 ธันวาคม 2548 จำนวน 10,000,000 บาท และส่วนที่เหลือ 11,828,000 บาทได้โอนในวันที่ 16 ธันวาคม 2548
การยื่นฟ้องในคดีอาญา ศาลแขวงพระโขนงได้นัดไต่สวนมูลฟ้อง วันที่ 6 มีนาคม 2549 แต่จำเลยได้ให้ทนายไปขอเลื่อนคดีออกไป โดยจะขอเวลาในการหาเงินมาชำระให้กับโจทก์ ศาลจึงให้เลื่อนไปนัดไต่สวนมูลฟ้องใหม่ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2549 เวลา 9.00 น.
ส่วนการฟ้องคดีแพ่งนั้น นายปราชญ์ กล่าวอีกว่า ได้ยื่นฟ้องในข้อหาละเมิด ผิดสัญญาและเรียกค่าเสียหายต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยขอให้จำเลยชำระเงินที่รับไปแล้วรวมดอกเบี้ยจำนวน 22,088,141.92 บาท และเรียกค่าขาดประโยชน์อีกจำนวน 25,000,000 บาท รวมทั้งสิ้น 47,088.141.92 บาท
ผมไม่รู้จักคุณปิติพัฒน์ หรือคุณอิทธิวัฒน์ เป็นการส่วนตัว แต่ทราบว่า คุณปิติพัฒน์ เป็นผู้ทำธุรกิจเกี่ยวกับสถานีวิทยุ เมื่อมีการเจรจาและพูดคุยทางธุรกิจ ผมเห็นว่าเป็นเรื่องทางธุรกิจที่ต้องจ่ายเงินกันอยู่แล้ว เราก็จ่ายตามที่คุณปิติพัฒน์ แจ้งมา เมื่อคนทำธุรกิจรับเงินแล้ว และให้ความมั่นใจในการจัดหาคลื่นและส่งมอบคลื่นจะต้องทำให้ได้ แต่เมื่อไม่ได้คลื่น เราเสียหาย จึงต้องขอพึ่งบารมีศาล ยื่นฟ้องอาญา และ แพ่ง ไม่แน่ว่าจะมีอีกกี่รายที่โดนในลักษณะเดียวกันนี้ นายปราชญ์กล่าว
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
โพสต์ที่ 6
บ่นข้อด้อยมาก็มากแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องหนัก ๆ ทั้งนั้น ต้องรอแก้ไขในปีนี้ แต่ข่าวดีก็เยอะเหมือนกัน จึงต้องวิเคระห์กันให้ดี
เวลาศึกษาหุ้นที่เราสัมผัสได้ง่าย เป็นธุรกิจที่ไม่ยากและซับซ้อนเกินไป ทำให้เรามีโอกาสได้ศึกษาข้อมูลจากการสังเกตบางประการนะครับ ซึ่งข้อมูลนี้ผมได้ลองเข้าไปค้นข้อมูลใน web site ของบริษัท ก็เห็นว่า บริษัทได้มีความพยายามในการให้ขอมูลมากขึ้นเหมือนกัน มีการให้ข้อมูลกับผู้ถือหุ้นหลาย ๆ เรื่อง ทั้งประวัติบริษัท ผลงานที่ผ่านมาทั้งการเงินและไม่ใช่การเงิน โดยเฉพาะภาพกิจกรรมดำเนินงานต่าง ๆ Annual Report ล้าสุด ที่ผมค่อนข้างชอบมากคือ มีการเปิด Web Board ให้คนที่เป็นลูกค้าและคนที่สนใจได้เข้ามาแสดงความเห็นในสินค้าที่บริษัทให้บริการและจัดจำหน่าย ทำให้เห็นข้อบกพร่อง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือที่พิมพ์จำหน่าย มีปัญหาว่า บางเรื่องพิมพ์ไปแล้ว กว่าจะออกเล่มถัดมาต้องรอเป็นเวลานานมาก ๆ การจัดทำหนังสือยังมีข้อบกพร่องในเรื่องกระดาษที่พิมพ์ หมึกที่อยู่บนกระดาษจะติดมือผู้อ่าน การออกแบบหน้าปกให้ดูสวยงาม การบริการการจัดจำหน่ายที่มีปัญหาในการให้คำแนะนำกับผู้ซื้อ การ Vote หนังสือในลักษณะต่าง ๆ ผมคิดว่าข้อมูลตรงนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้บริหารของบริษัทในการปรับปรุงบริการและสินค้าให้ดีขึ้น และเห็นว่ามี Admin ของบริษัทที่มาคอยตอบปัญหาให้กับลูกค้าเหมือนกันครับ
นอกจากนี้เท่าที่ผมเคยไปดูผล Vote ของหนังสือการตูญ จากห้องพันธ์ทิพย์ในเดือนมีนาคม ไม่รู้ว่า Vote ทุกเดือนหรือไม่ ไม่ทราบ ก็พบว่าของบริษัทได้รับความนิยมพอ ๆ กับคู่แข่งขันที่สำคัญคือ วิบูลย์กิจ สลับกันแพ้และชนะในแต่ละเดือน แต่หนังสือกำลังภายในไม่ทราบ
และที่น่าสนใจคือ ในเรื่องสินค้าคงเหลือนั้น บริษัทได้พยายามแก้ไขใน 2 ประเด็น คือ เวลาออกหนังสือครบเล่มแล้ว ก็จะมีการรวบรวมหนังสือให้ครบชุดเพื่อออกจำหน่ายอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในงานหนังสือแห่งชาติที่ศูนย์ประชุมฯ ผมก็เห็นคนไปซื้อหนังสือชุดดังกล่าวจำนวนมากเหมือนกัน ชุดหนึ่งบางเรื่องก็เกือบ พันบาทขึ้นไป โดยเฉพาะผมเห็นคนไปแบกหนังสือการตูญค่อนข้างมากรวมถึงนิยายดังเรื่อง แดจึงกึมด้วย ทำให้แทนที่บริษัทจะทำลายสินค้าคงเหลือหรือชั่วกิโลขายเหมือนกับหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารที่เลยเวลาขายไปแล้ว การขายหนังสือพ้อคเก็ตบุคที่มีหลายตอน ก็มีจุดแข็งที่ทำให้แทนที่เราจะตัดหนังสือล้าสมัยทำลายเป็นสูญ ก็มารวบรวมเป็นชุดขายได้ราคาดีอีกด้วย โดยกลยุทธ์ที่ผมอ่านใน Web ที่น่าสนใจคือ เขาจะทำเป็นชุดแล้วแถมที่วางหนังสือรายไม้ เห็นว่าหลายคนเห็นของแถมรายไม้แล้ว บางครั้งซื้อหนังสือไปบางเล่มแล้ว แต่ไม่ครบชุด ก็เลยตัดสินใจซื้อครบชุดเพื่อต้องการของแถมใหม่ เป็นต้น สำหรับอีกประเด็นคือ การออกหนังสือพ้อคเก็ตบุค การตูญ และนิยายหลากหลายนั้น การออกหนังสือหลาย ๆ เล่ม ทำให้บริษัทต้อง Stock สินค้าจำนวนมาก บริษัทจึงเลือกหนังสือบางเล่มที่ได้รับความนิยมแล้วออกต่อเนื่อง สำหรับบางเรื่องก็อาจยกเลิกการผลิตไปหากไม่ได้รับความนิยม โดยลูกค้าสามารถติดตามได้ว่าหนังสือที่จะออกเล่มใหม่จะออกเมื่อไหร่ผ่านทาง Web site ทำให้ทราบกำหนดการออกหนังสือที่ชัดเจนขึ้น จะได้เตรียมสตางค์ไว้ซื้อได้ง่ายหน่อย
ส่วนเรื่องหนี้สินนั้น เท่าที่อ่านเจอข้อมูลก็พบว่า บริษัทจะจำหน่ายผ่านผู้ค้ารายใหญ่ เช่น Se-ed B2S เป็นส่วนใหญ่ สงสัยว่าที่มีปัญหามากน่าจะเป็นรายย่อย ๆ ร้านแผงหนังสือทั่วไป แต่อาจจะเก็บนานหน่อย ผมคิดว่าที่บริษัทพยายามเพิ่มช่องทางการขายของตนเองก็เพื่อแก้ไขปัญหาที่ไปขายผ่านแผงรายย่อยที่มีโอกาสหนี้เสียมาก จึงมาเปิดร้านเองขายเองดีกว่า เพราะจะแก้ไข 2 เรื่องคือ ส่วนลดก็จ่ายน้อยลงเพราะทำเอง แถมยังควบคุมเงินสดได้ดีขึ้น ทำให้ยอดค้างก็น้อยลง และยังสามารถมีข้อมุลสำรวจตลาดของคู่แข่งขันด้านสิ่งพิมพ์อื่น ๆ ด้วย เพราะนำสินค้าฝากขายของสำนักพิมพ์อื่นมาขายด้วย ผมไปเจอในบางสาขาเช่นที่สาขาอนุสาวรีย์ที่ติดกับ BTH หรือโรงหนังเซ้นจูรี่เก่านั้นเองครับ แต่มีข้อเสียก็คือต้องไปแบกรับสินค้าคงเหลือของบริษัทตามสาขาต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งต้องบริหาร Stock ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ต้องดูผลการบริหารในไตรมาสถัด ๆ ไปว่าจะดีขึ้นหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ผมเคยอ่านข้อมูลของ Se-ed ในช่วงต้น ๆ ของการขยายงาน ก็พบว่า Se-ed ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในการเปิดสาขามาก ทำให้กำไรลดลงมากเช่นกัน เพราะยอดขายแต่ละสาขาคงต้องใช้เวลาสักระยะจึงจะถึงจุดคุ้มทุน แต่หลังจากนั้นไม่นาน Se-ed ก็กลับมามีผลงานที่ดีขึ้น และจ่ายปันผลเป็นรายไตรมาสเหมือนเดิมในอัตราที่สูงด้วยครับ
เวลาศึกษาหุ้นที่เราสัมผัสได้ง่าย เป็นธุรกิจที่ไม่ยากและซับซ้อนเกินไป ทำให้เรามีโอกาสได้ศึกษาข้อมูลจากการสังเกตบางประการนะครับ ซึ่งข้อมูลนี้ผมได้ลองเข้าไปค้นข้อมูลใน web site ของบริษัท ก็เห็นว่า บริษัทได้มีความพยายามในการให้ขอมูลมากขึ้นเหมือนกัน มีการให้ข้อมูลกับผู้ถือหุ้นหลาย ๆ เรื่อง ทั้งประวัติบริษัท ผลงานที่ผ่านมาทั้งการเงินและไม่ใช่การเงิน โดยเฉพาะภาพกิจกรรมดำเนินงานต่าง ๆ Annual Report ล้าสุด ที่ผมค่อนข้างชอบมากคือ มีการเปิด Web Board ให้คนที่เป็นลูกค้าและคนที่สนใจได้เข้ามาแสดงความเห็นในสินค้าที่บริษัทให้บริการและจัดจำหน่าย ทำให้เห็นข้อบกพร่อง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือที่พิมพ์จำหน่าย มีปัญหาว่า บางเรื่องพิมพ์ไปแล้ว กว่าจะออกเล่มถัดมาต้องรอเป็นเวลานานมาก ๆ การจัดทำหนังสือยังมีข้อบกพร่องในเรื่องกระดาษที่พิมพ์ หมึกที่อยู่บนกระดาษจะติดมือผู้อ่าน การออกแบบหน้าปกให้ดูสวยงาม การบริการการจัดจำหน่ายที่มีปัญหาในการให้คำแนะนำกับผู้ซื้อ การ Vote หนังสือในลักษณะต่าง ๆ ผมคิดว่าข้อมูลตรงนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้บริหารของบริษัทในการปรับปรุงบริการและสินค้าให้ดีขึ้น และเห็นว่ามี Admin ของบริษัทที่มาคอยตอบปัญหาให้กับลูกค้าเหมือนกันครับ
นอกจากนี้เท่าที่ผมเคยไปดูผล Vote ของหนังสือการตูญ จากห้องพันธ์ทิพย์ในเดือนมีนาคม ไม่รู้ว่า Vote ทุกเดือนหรือไม่ ไม่ทราบ ก็พบว่าของบริษัทได้รับความนิยมพอ ๆ กับคู่แข่งขันที่สำคัญคือ วิบูลย์กิจ สลับกันแพ้และชนะในแต่ละเดือน แต่หนังสือกำลังภายในไม่ทราบ
และที่น่าสนใจคือ ในเรื่องสินค้าคงเหลือนั้น บริษัทได้พยายามแก้ไขใน 2 ประเด็น คือ เวลาออกหนังสือครบเล่มแล้ว ก็จะมีการรวบรวมหนังสือให้ครบชุดเพื่อออกจำหน่ายอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในงานหนังสือแห่งชาติที่ศูนย์ประชุมฯ ผมก็เห็นคนไปซื้อหนังสือชุดดังกล่าวจำนวนมากเหมือนกัน ชุดหนึ่งบางเรื่องก็เกือบ พันบาทขึ้นไป โดยเฉพาะผมเห็นคนไปแบกหนังสือการตูญค่อนข้างมากรวมถึงนิยายดังเรื่อง แดจึงกึมด้วย ทำให้แทนที่บริษัทจะทำลายสินค้าคงเหลือหรือชั่วกิโลขายเหมือนกับหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารที่เลยเวลาขายไปแล้ว การขายหนังสือพ้อคเก็ตบุคที่มีหลายตอน ก็มีจุดแข็งที่ทำให้แทนที่เราจะตัดหนังสือล้าสมัยทำลายเป็นสูญ ก็มารวบรวมเป็นชุดขายได้ราคาดีอีกด้วย โดยกลยุทธ์ที่ผมอ่านใน Web ที่น่าสนใจคือ เขาจะทำเป็นชุดแล้วแถมที่วางหนังสือรายไม้ เห็นว่าหลายคนเห็นของแถมรายไม้แล้ว บางครั้งซื้อหนังสือไปบางเล่มแล้ว แต่ไม่ครบชุด ก็เลยตัดสินใจซื้อครบชุดเพื่อต้องการของแถมใหม่ เป็นต้น สำหรับอีกประเด็นคือ การออกหนังสือพ้อคเก็ตบุค การตูญ และนิยายหลากหลายนั้น การออกหนังสือหลาย ๆ เล่ม ทำให้บริษัทต้อง Stock สินค้าจำนวนมาก บริษัทจึงเลือกหนังสือบางเล่มที่ได้รับความนิยมแล้วออกต่อเนื่อง สำหรับบางเรื่องก็อาจยกเลิกการผลิตไปหากไม่ได้รับความนิยม โดยลูกค้าสามารถติดตามได้ว่าหนังสือที่จะออกเล่มใหม่จะออกเมื่อไหร่ผ่านทาง Web site ทำให้ทราบกำหนดการออกหนังสือที่ชัดเจนขึ้น จะได้เตรียมสตางค์ไว้ซื้อได้ง่ายหน่อย
ส่วนเรื่องหนี้สินนั้น เท่าที่อ่านเจอข้อมูลก็พบว่า บริษัทจะจำหน่ายผ่านผู้ค้ารายใหญ่ เช่น Se-ed B2S เป็นส่วนใหญ่ สงสัยว่าที่มีปัญหามากน่าจะเป็นรายย่อย ๆ ร้านแผงหนังสือทั่วไป แต่อาจจะเก็บนานหน่อย ผมคิดว่าที่บริษัทพยายามเพิ่มช่องทางการขายของตนเองก็เพื่อแก้ไขปัญหาที่ไปขายผ่านแผงรายย่อยที่มีโอกาสหนี้เสียมาก จึงมาเปิดร้านเองขายเองดีกว่า เพราะจะแก้ไข 2 เรื่องคือ ส่วนลดก็จ่ายน้อยลงเพราะทำเอง แถมยังควบคุมเงินสดได้ดีขึ้น ทำให้ยอดค้างก็น้อยลง และยังสามารถมีข้อมุลสำรวจตลาดของคู่แข่งขันด้านสิ่งพิมพ์อื่น ๆ ด้วย เพราะนำสินค้าฝากขายของสำนักพิมพ์อื่นมาขายด้วย ผมไปเจอในบางสาขาเช่นที่สาขาอนุสาวรีย์ที่ติดกับ BTH หรือโรงหนังเซ้นจูรี่เก่านั้นเองครับ แต่มีข้อเสียก็คือต้องไปแบกรับสินค้าคงเหลือของบริษัทตามสาขาต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งต้องบริหาร Stock ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ต้องดูผลการบริหารในไตรมาสถัด ๆ ไปว่าจะดีขึ้นหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ผมเคยอ่านข้อมูลของ Se-ed ในช่วงต้น ๆ ของการขยายงาน ก็พบว่า Se-ed ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในการเปิดสาขามาก ทำให้กำไรลดลงมากเช่นกัน เพราะยอดขายแต่ละสาขาคงต้องใช้เวลาสักระยะจึงจะถึงจุดคุ้มทุน แต่หลังจากนั้นไม่นาน Se-ed ก็กลับมามีผลงานที่ดีขึ้น และจ่ายปันผลเป็นรายไตรมาสเหมือนเดิมในอัตราที่สูงด้วยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
โพสต์ที่ 7
[quote="thawattt"]บ่นข้อด้อยมาก็มากแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องหนัก ๆ ทั้งนั้น ต้องรอแก้ไขในปีนี้ แต่ข่าวดีก็เยอะเหมือนกัน จึงต้องวิเคระห์กันให้ดี
เวลาศึกษาหุ้นที่เราสัมผัสได้ง่าย เป็นธุรกิจที่ไม่ยากและซับซ้อนเกินไป ทำให้เรามีโอกาสได้ศึกษาข้อมูลจากการสังเกตบางประการนะครับ ซึ่งข้อมูลนี้ผมได้ลองเข้าไปค้นข้อมูลใน web site ของบริษัท ก็เห็นว่า บริษัทได้มีความพยายามในการให้ขอมูลมากขึ้นเหมือนกัน มีการให้ข้อมูลกับผู้ถือหุ้นหลาย ๆ เรื่อง ทั้งประวัติบริษัท ผลงานที่ผ่านมาทั้งการเงินและไม่ใช่การเงิน โดยเฉพาะภาพกิจกรรมดำเนินงานต่าง ๆ Annual Report ล้าสุด ที่ผมค่อนข้างชอบมากคือ มีการเปิด Web Board ให้คนที่เป็นลูกค้าและคนที่สนใจได้เข้ามาแสดงความเห็นในสินค้าที่บริษัทให้บริการและจัดจำหน่าย ทำให้เห็นข้อบกพร่อง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือที่พิมพ์จำหน่าย มีปัญหาว่า บางเรื่องพิมพ์ไปแล้ว กว่าจะออกเล่มถัดมาต้องรอเป็นเวลานานมาก ๆ การจัดทำหนังสือยังมีข้อบกพร่องในเรื่องกระดาษที่พิมพ์ หมึกที่อยู่บนกระดาษจะติดมือผู้อ่าน การออกแบบหน้าปกให้ดูสวยงาม การบริการการจัดจำหน่ายที่มีปัญหาในการให้คำแนะนำกับผู้ซื้อ การ Vote หนังสือในลักษณะต่าง ๆ ผมคิดว่าข้อมูลตรงนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้บริหารของบริษัทในการปรับปรุงบริการและสินค้าให้ดีขึ้น และเห็นว่ามี Admin ของบริษัทที่มาคอยตอบปัญหาให้กับลูกค้าเหมือนกันครับ
นอกจากนี้เท่าที่ผมเคยไปดูผล Vote ของหนังสือการตูญ จากห้องพันธ์ทิพย์ในเดือนมีนาคม ไม่รู้ว่า Vote ทุกเดือนหรือไม่ ไม่ทราบ
เวลาศึกษาหุ้นที่เราสัมผัสได้ง่าย เป็นธุรกิจที่ไม่ยากและซับซ้อนเกินไป ทำให้เรามีโอกาสได้ศึกษาข้อมูลจากการสังเกตบางประการนะครับ ซึ่งข้อมูลนี้ผมได้ลองเข้าไปค้นข้อมูลใน web site ของบริษัท ก็เห็นว่า บริษัทได้มีความพยายามในการให้ขอมูลมากขึ้นเหมือนกัน มีการให้ข้อมูลกับผู้ถือหุ้นหลาย ๆ เรื่อง ทั้งประวัติบริษัท ผลงานที่ผ่านมาทั้งการเงินและไม่ใช่การเงิน โดยเฉพาะภาพกิจกรรมดำเนินงานต่าง ๆ Annual Report ล้าสุด ที่ผมค่อนข้างชอบมากคือ มีการเปิด Web Board ให้คนที่เป็นลูกค้าและคนที่สนใจได้เข้ามาแสดงความเห็นในสินค้าที่บริษัทให้บริการและจัดจำหน่าย ทำให้เห็นข้อบกพร่อง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือที่พิมพ์จำหน่าย มีปัญหาว่า บางเรื่องพิมพ์ไปแล้ว กว่าจะออกเล่มถัดมาต้องรอเป็นเวลานานมาก ๆ การจัดทำหนังสือยังมีข้อบกพร่องในเรื่องกระดาษที่พิมพ์ หมึกที่อยู่บนกระดาษจะติดมือผู้อ่าน การออกแบบหน้าปกให้ดูสวยงาม การบริการการจัดจำหน่ายที่มีปัญหาในการให้คำแนะนำกับผู้ซื้อ การ Vote หนังสือในลักษณะต่าง ๆ ผมคิดว่าข้อมูลตรงนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้บริหารของบริษัทในการปรับปรุงบริการและสินค้าให้ดีขึ้น และเห็นว่ามี Admin ของบริษัทที่มาคอยตอบปัญหาให้กับลูกค้าเหมือนกันครับ
นอกจากนี้เท่าที่ผมเคยไปดูผล Vote ของหนังสือการตูญ จากห้องพันธ์ทิพย์ในเดือนมีนาคม ไม่รู้ว่า Vote ทุกเดือนหรือไม่ ไม่ทราบ
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
โพสต์ที่ 9
ผมชอบมาอ่านข้อมูลที่ Thaivi เป็นระยะ เพราะผมรู้สึกว่านักลงทุนที่นี่มีผู้รู้ที่เก่งทั้งการวิเคราะห์หุ้นพื้นฐานทั้งการเงินและไม่ใช่การเงินได้เป็นอย่างดี ความเห็นของผมนั้น การวิเคราะห์หุ้นพื้นฐานทั้งดีและไม่ดีนั้น ผมคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะทำให้มุมมองในการวิเคราะห์ของเรารอบคอบมากขึ้น มีเหตุผล รับฟังความเห็นได้ทั้งดีและไม่ดี
ปกติเวลามีใครวิเคราะห์หุ้นพื้นฐานที่ดีมาก ๆ ผมจะหาข้อเสียของมันและพยายามหาคำตอบ
แต่ถ้าใครวิเคราะห์หุ้นตัวนั้นไม่ดี เราก็ฟังข้อไม่ดีมาก็มากแล้ว ก็ลองวิเคราะห์ดูว่าหุ้นตัวไม่ดีนั้น เขามีข้อดีอะไรบ้างที่เขาพยายามจะทำเพื่อให้หุ้นของเขาดูดีขึ้นเป็นต้น แต่ข้อดีที่พยายามทำดีขึ้นมันสมเหตุสมผลหรือไม่ ตรงนี้เราก็ต้องวิเคราะห์ให้ดีด้วย เพราะพวกพื้นฐานไม่ดี ลูกเล่นก็เพิ่มขึ้นเป็นพิเศษครับ
ทำให้เรามีมุมมองทั้ง 2 ด้าน และใช้ข้อมูลวิเคราะห์เพื่อตัดสินใจ แต่ไม่ใช้อารมณ์หรือความรู้สึกส่วนตัวของเรามาวิเคราะห์เพื่อตัดสินใจลงทุนครับ การวิเคราะห์แล้วจะลงทุนหรือไม่ เราก็ชั่งใจของเราเอง หาบทเรียนของเรา ฝึกความชำนาญให้มากขึ้น โดยพยายามตัดสินใจลงทุนแต่ละครั้งให้มี Bias ส่วนตัวให้น้อยสุดครับ :lol:
ปกติเวลามีใครวิเคราะห์หุ้นพื้นฐานที่ดีมาก ๆ ผมจะหาข้อเสียของมันและพยายามหาคำตอบ
แต่ถ้าใครวิเคราะห์หุ้นตัวนั้นไม่ดี เราก็ฟังข้อไม่ดีมาก็มากแล้ว ก็ลองวิเคราะห์ดูว่าหุ้นตัวไม่ดีนั้น เขามีข้อดีอะไรบ้างที่เขาพยายามจะทำเพื่อให้หุ้นของเขาดูดีขึ้นเป็นต้น แต่ข้อดีที่พยายามทำดีขึ้นมันสมเหตุสมผลหรือไม่ ตรงนี้เราก็ต้องวิเคราะห์ให้ดีด้วย เพราะพวกพื้นฐานไม่ดี ลูกเล่นก็เพิ่มขึ้นเป็นพิเศษครับ
ทำให้เรามีมุมมองทั้ง 2 ด้าน และใช้ข้อมูลวิเคราะห์เพื่อตัดสินใจ แต่ไม่ใช้อารมณ์หรือความรู้สึกส่วนตัวของเรามาวิเคราะห์เพื่อตัดสินใจลงทุนครับ การวิเคราะห์แล้วจะลงทุนหรือไม่ เราก็ชั่งใจของเราเอง หาบทเรียนของเรา ฝึกความชำนาญให้มากขึ้น โดยพยายามตัดสินใจลงทุนแต่ละครั้งให้มี Bias ส่วนตัวให้น้อยสุดครับ :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
โพสต์ที่ 10
เจาะกันลึกๆๆในตัววิทยุที่เป็นปัญหานั้น
ตอนนี้ต้องหาคลื่นใหม่ทุกสองปีไม่ใช่หรือครับ
คนที่มีคลื่นวิทยุในมือมากที่สุดคือ อสมท ให้บริษัททั่วไปเช่า ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุด
ตัวนี้ล่ะบริษัทนี้ไม่ค่อยมี แถมรายการที่ทำเป็นรายการกีฬาด้วย ซึ่งเกี่ยวข้องกับตัวผู้จัดรายการซึ่งเมื่อก่อนนี้ได้คนจาก บริษัทอีกบริษัทหนึ่งที่เคยถือหุ้นตัวนี้อยู่
เรื่องนี้ใน56-1อธิบายไว้ชัดเจน
ส่วนเรื่องการฟ้องร้องไม่ทราบว่าไปถึงไหน เพราะในนั้นเขียนไว้ตอนนี้ต้องชี้ให้ศาลเห็นว่าทางบริษัทเสียผลประโยชน์ไปเท่าไร
ส่วนเรื่องการ์ตูน และ กำลังภายใน ต้องขอกล่าวเลยว่า บริษัทนี้ผูกติดกับโรงพิมพ์โรงเดียว ซึ่งทำให้อาจจะเกิดการทำหนังสือไม่ทัน หรือ เกิดอะไรอื่นๆๆได้ จุดนี้ต้องระวังไว้ด้วย
การ์ตูนนั้นต้องมีการ์ตูนที่มีความนิยมในมือ ไม่ใช่โยนหินถามทาง คนอ่านการ์ตูนมันจะเสียใจว่า ออกมาเล่มเดียวแล้วหายไปไหน ทำไมไม่ทำต่อ จุดนี้ทำให้คนอ่านเสียความรู้สึกของตัวบริษัทได้
นิตยสารนั้นปีนี้น่าจะเห็นลดน้อยลงเพราะมันปิดไปแล้วในปลายที่แล้วมาก ตอนนี้เดินสำรวจแผงขายหนังสือ คนขายบอกเลยว่า นิตยสารเยอะมาก เปิดตัวกันให้มาก ปิดตัวก็เพียบ คิดดูล่ะกัน ตลาดนี้เข้าง่ายออกก็ง่าย แต่ใครเป็นผู้นำจริงๆๆตลาดนี้ล่ะ
ตัวนี้จุดแข็งที่การ์ตูน+นิยายกำลังภายใน
จุดอ่อนแอ คือ วิทยุ+นิตยสาร
แล้วพี่ไม่ได้ดูบ้างหรือ ธรรมภิบาล บริษัทนี้เป็นไง
ต้องถามว่า ผู้บริหารให้ข่าวดีของบริษัทอื่นเดียวถูกต้องแล้วหรือครับ ข่าวร้ายไม่ให้ อันนี้คืออะไร เพราะในตลาดเห็นcaseแบบนี้เพียบเลย ให้แต่ข่าวดีตัวเองก็ปล่อยหุ้น ข่าวร้ายไม่ยอมออก ขยันออกข่าวอีกต่างหาก
ผมว่าผมของดูที่ยืนยันไว้ 1.3-1.5 บาทค่อยพิจารณากัน
เพราะหุ้นดีๆๆในตลาดที่ควรจะลงทุนยังมีอีกมากครับ
ตอนนี้ต้องหาคลื่นใหม่ทุกสองปีไม่ใช่หรือครับ
คนที่มีคลื่นวิทยุในมือมากที่สุดคือ อสมท ให้บริษัททั่วไปเช่า ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุด
ตัวนี้ล่ะบริษัทนี้ไม่ค่อยมี แถมรายการที่ทำเป็นรายการกีฬาด้วย ซึ่งเกี่ยวข้องกับตัวผู้จัดรายการซึ่งเมื่อก่อนนี้ได้คนจาก บริษัทอีกบริษัทหนึ่งที่เคยถือหุ้นตัวนี้อยู่
เรื่องนี้ใน56-1อธิบายไว้ชัดเจน
ส่วนเรื่องการฟ้องร้องไม่ทราบว่าไปถึงไหน เพราะในนั้นเขียนไว้ตอนนี้ต้องชี้ให้ศาลเห็นว่าทางบริษัทเสียผลประโยชน์ไปเท่าไร
ส่วนเรื่องการ์ตูน และ กำลังภายใน ต้องขอกล่าวเลยว่า บริษัทนี้ผูกติดกับโรงพิมพ์โรงเดียว ซึ่งทำให้อาจจะเกิดการทำหนังสือไม่ทัน หรือ เกิดอะไรอื่นๆๆได้ จุดนี้ต้องระวังไว้ด้วย
การ์ตูนนั้นต้องมีการ์ตูนที่มีความนิยมในมือ ไม่ใช่โยนหินถามทาง คนอ่านการ์ตูนมันจะเสียใจว่า ออกมาเล่มเดียวแล้วหายไปไหน ทำไมไม่ทำต่อ จุดนี้ทำให้คนอ่านเสียความรู้สึกของตัวบริษัทได้
นิตยสารนั้นปีนี้น่าจะเห็นลดน้อยลงเพราะมันปิดไปแล้วในปลายที่แล้วมาก ตอนนี้เดินสำรวจแผงขายหนังสือ คนขายบอกเลยว่า นิตยสารเยอะมาก เปิดตัวกันให้มาก ปิดตัวก็เพียบ คิดดูล่ะกัน ตลาดนี้เข้าง่ายออกก็ง่าย แต่ใครเป็นผู้นำจริงๆๆตลาดนี้ล่ะ
ตัวนี้จุดแข็งที่การ์ตูน+นิยายกำลังภายใน
จุดอ่อนแอ คือ วิทยุ+นิตยสาร
แล้วพี่ไม่ได้ดูบ้างหรือ ธรรมภิบาล บริษัทนี้เป็นไง
ต้องถามว่า ผู้บริหารให้ข่าวดีของบริษัทอื่นเดียวถูกต้องแล้วหรือครับ ข่าวร้ายไม่ให้ อันนี้คืออะไร เพราะในตลาดเห็นcaseแบบนี้เพียบเลย ให้แต่ข่าวดีตัวเองก็ปล่อยหุ้น ข่าวร้ายไม่ยอมออก ขยันออกข่าวอีกต่างหาก
ผมว่าผมของดูที่ยืนยันไว้ 1.3-1.5 บาทค่อยพิจารณากัน
เพราะหุ้นดีๆๆในตลาดที่ควรจะลงทุนยังมีอีกมากครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
โพสต์ที่ 11
ข้อมูลที่นำมาแลกเปลี่ยนนั้น ผมเขียนวิเคราะห์ไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า เป็นกรณีศึกษานะครับ อย่าเข้าใจผิดว่าจะไปชี้นำให้ลงทุนในหุ้นตัวนี้นะครับ
กรณีศึกษาเพื่อดูว่า การบริหารงานที่ดีและไม่ดีเป็นอย่างไร
ผมขอแสดงความเห็นตามที่คุณ Miracle พูดถึงบางประเด็นนะครับ
เรื่องวิทยุนั้น เราต้องไปดูเรื่องโครงสร้างรายได้ สัดส่วนนี้ยังค่อนข้างน้อยไม่ถึง 20% ผมไม่คิดว่าจะมีรายได้ตรงนี้ในระยะยาวเป็นกอบเป็นกำมากนัก แต่เผอิญปีนี้เป็นปีที่มีฟุตบอลโลก ดังนั้นจึงต้องดูอนาคตว่าจะหาผู้เป็น Sponsor ได้มากน้อยเพียงใด ตอนนี้มีอยู่ 1 แต่ยังขาดอยู่อีก 5 ตรงนี้คือความเสี่ยง สำหรับเรื่องการเช่าสถานีวิทยุ ตรงนี้เป็นความเสี่ยงจริง แต่เป็น Nature การทำธุรกิจนี้นะครับ ลองไปดูบริษัทอื่นก็ได้ ก็มีการเช่าระยะสั้นทั้งนั้น แม้แต่รายการทีวี ยิ่งแล้วกันใหญ่ ไม่มีหลักประกันเลย ถ้ารายการมี Rating น้อยลง มีโอกาสถูกถอดไปง่าย ๆ เหมือนกัน ดังนั้นจึงอยู่ที่คุณภาพของรายการว่าจะสามารถดึง Rating ได้มากน้อยเพียงใด
สำหรับเรื่องของคนกีฬานั้น ผมคิดว่าตรงนี้คือ conflict of interest เพราะต้องทำธุรกิจแข่งขันทางอ้อมกับ Sport ซึ่งเน้นด้านสิ่งพิมพ์กีฬาคือหนังสือพิมพ์กีฬา แต่ในรายงานแจ้งว่า มีการทำสัญญากัน 5 ปีที่จะร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ Sport แต่เดิม 2 บริษัทมีกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่กลุ่มเดียวกันและถือหุ้นไขว้กันอยู่ แต่ตอน Smm เข้าตลาด Sport ได้ขายหุ้นพร้อมกันไปกับตอนที่ขาย IPO SMMไปแล้วเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้จึงเหลือเพียง SMM ที่ถือหุ้น Sport อยู่ ประมาณ 10% กว่า ๆ และมี Warrant ด้วยจำนวนหนึ่งครับ
ในเรื่องฟ้องร้องวิทยุมีตามข่าวว่าไปแล้ว ลองอ่านดูรายละเอียดให้ดี ให้รายละเอียดไว้มาก ๆ แล้ว อยู่ระหว่างการดำเนินคดี ความคืบหน้าประมาณเดือน พฤษภาคม น่าจะทราบผลได้
เรื่องโรงพิมพ์ ตรงนี้เป็นความเสี่ยงจริง เพราะพิมพ์ที่โรงพิมพ์กิเลนเป็นส่วนใหญ่ เดิมที โรงพิมพ์กิเลนเคยเป็นผู้ถือหุ้น SMM แต่ได้ขายหุ้นออกไปทั้งหมดแล้ว ดังนั้นในอนาคตถ้าป้องกันความเสี่ยงตรงนี้ SMM มีทางเลือก 2 ทางคือ ต้องกระจายความเสี่ยงไปยังโรงพิมพ์อื่นบ้าง แต่ก็มีความเสี่ยงว่าคุณภาพการพิมพ์จะตรงกับความต้องการหรือไม่ และปัญหาอื่น ๆ ที่ตามมาเช่น การพิมพ์ให้ตรงเวลา ฐานะการเงินของโรงพิมพ์ สิ่งเหล่านี้เวลาหารายใหม่เข้ามา บริษัทก็มีความเสี่ยงเหล่านี้เพิ่มเติมเหมือนกัน การแก้ความเสี่ยงตัวหนึ่ง ก็ต้องระวังว่าจะไม่ไปสร้างความเสี่ยงใหม่ ๆ เพิ่มเติมขึ้นมา อีกทางหนึ่งคือ ไปตั้งโรงพิมพ์เอง ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชำนาญและเงินลงทุนที่ต้องลงทุนเพิ่มเติม โดยในขณะนี้ SMM เน้นลงทุนไปยัง Down Stream คือ เปิดร้านขายหนังสือของตนเอง แค่นี้สภาพคล่องก็แย่แล้ว แถมยังไปลงทุนในเรื่องวิทยุ และนิตรสารห้วนอกอีก กว่าจะคืนทุนคงต้องใช้เวลา จะเปิดศึกหลายด้านทำไมครับ ไว้ให้อนาคตการเงินเข้มแข็งขึ้น ก็ยังไม่สายที่จะขยายธุรกิจให้ครบวงจรทำ Upstream โรงเพิมพ์ในอนาคตครับ
ในเรื่องการตูญนั้น ลองไปอ่านดู Nature ธุรกิจนี้ก่อนนะครับ มันมีเรื่องแปลจำนวนมาก และมีค่าลิขสิทธิ์ที่ค่อนข้างสูง ถ้าพิมพ์มาแล้วขายไม่ได้ ได้ลูกค้าจำนวนน้อง แต่บริษัทอาจขาดทุนได้ ลองไปดู Annual Report และ 56-1 จะเห็นในเรื่องอัตราการคืนหนังสือบางส่วนถ้าจำไม่ผิดประมาณ 5% และตอนเข้าตลาด บริษัทมีทรัพย์สินด้อยค่าจำนวนหนึ่งที่ต้องตัดจ่ายออกไปเป็นจำนวนเงินที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น ตรงนี้ผมคิดว่า SMM เขาทำธุรกิจนี้มานาน บางเรื่องคิดว่าน่าจะฮิต แต่ไม่เป็นที่นิยม แต่บางเรื่องคิดว่าไม่น่าฮิต แต่กลับเป็นที่นิยมอย่างมาก ลองไปอ่านข้อมูล 56-1 ดูนะครับ SMM รู้ประเด็นนี้ทำให้ต้องสร้างความสมดุลย์ระหว่างเอาใจลูกค้าหลาย ๆ ประเภทแต่ธุรกิจอาจขาดทุนได้ หรือพยายามเลือกเรื่องที่มีคุณภาพมากขึ้น และพิมพ์ในปริมาณจำกัด ตอนนี้ผมอ่านข้อมูลก็พบว่ากำลังทดลองแนวทางนี้อยู่ ดังนั้นถ้าหนังสือเล่มใดเมื่อทำตลาดแล้วจำนวนหนึ่งไม่เป็นที่นิยมจึงต้องเลิกไปครับเพื่อลดปัญหาการด้อยค่าของสินค้าคงเหลือครับ
ในเรื่องธรรมาภิบาล ตรงนี้ผมเป็นห่วงมากที่สุดมากกว่า เพราะผู้รู้ในห้องนี้แสดงไว้มากแล้ว ไปค้นในกระทู้เก่า ๆ นะครับ ผมแสดงความเห็นไว้อย่างชัดเจน ผมคิดว่าเราคงต้องตามดูอีกสักระยะ ผมพยายามเอาข้อมูลที่ผู้บริหารสัมภาษณ์ไว้เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาพิสูจน์ต่อไปครับ ดังนั้นถ้าเราพิสูจน์ได้แน่นอนว่า บริษัทไม่มีธรรมาภิบาล หรือตั้งใจว่าจะทำให้เป็นบริษัทไม่มีธรรมาภิบาล แบบนี้ต่อให้ราคาถูกเท่าไหร่ก็ไม่ซื้อครับ เพราะหมดตัวเอาง่าย ๆ อย่าไปสนใจเลยครับ ดังนั้นตัวนี้สำคัญที่สุด จึงต้องติดตามดูให้ชัดเจนว่าเรื่องธรรมาภิบาลในหลาย ๆ เรื่อง ๆ ทำได้ดีขึ้นจนทำให้ผู้ลงทุนหายข้องใจหรือยัง ผมอยากให้ติดตามดูเพื่อเราจะได้เข้าใจแยกให้ออกระหว่างบริษัทใดที่มีธรรมาภิบาล หรือบริษัทใดที่ไม่มีธรรมาภิบาล ในขณะที่เรายังพิสูจน์ไม่ได้ชัดเจน ก็คงต้องติดตามดู และยังไม่ลงทุนครับ
ผมคิดว่าถ้าเราไม่มั่นใจในเรื่องธรรมาภิบาลของหุ้นที่เราลงทุน หรือมีข้อมูลใด ๆ ที่เราเชื่อว่ามีโอกาสที่บริษัทจะไม่มีธรรมาภิบาล เราต้องตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องยังไม่ลงทุนไม่ว่าราคาจะเป็นเท่าไรก็ตาม ลองไปดูหุ้นที่ไม่มีธรรมาภิบาลในอดีตก็ได้ โอกาสเจ๊งหรือล้มละลายมีโอกาสสูงอาจหมดตัวเหลือกระดาษเพียงแผ่นเดียว อดีตมันฟ้องมาหลายครั้งแล้วทั้งในและต่างประเทศครับ
เรามี Case ที่เกิดขึ้นที่ ญี่ปุ่นล่าสุดที่เป็น Case ของเด็กหนุ่มคนหนึ่งเป็นกรณีตัวอย่างนะครับ แต่ตรงนั้นเขาพยายามเพิมกำไรให้กับบริษัทแต่ไม่มี Cash Flow จริง คือมีกำไรแต่ไม่มีเงินสดเพียงพอที่จะจ่ายปันผลเพราะมีการสร้างลูกค้าเทียมขึ้นมา การลงทุนในสมัยนี้จึงต้องรอบคอบมากขึ้นนะครับ ต้องศึกษาและแยกให้ออกว่าบริษัทที่ดีเป็นอย่างไร และบริษัทที่แย่เป็นอย่างไร บางครั้งให้ระยะเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์นะครับ
กรณีศึกษาเพื่อดูว่า การบริหารงานที่ดีและไม่ดีเป็นอย่างไร
ผมขอแสดงความเห็นตามที่คุณ Miracle พูดถึงบางประเด็นนะครับ
เรื่องวิทยุนั้น เราต้องไปดูเรื่องโครงสร้างรายได้ สัดส่วนนี้ยังค่อนข้างน้อยไม่ถึง 20% ผมไม่คิดว่าจะมีรายได้ตรงนี้ในระยะยาวเป็นกอบเป็นกำมากนัก แต่เผอิญปีนี้เป็นปีที่มีฟุตบอลโลก ดังนั้นจึงต้องดูอนาคตว่าจะหาผู้เป็น Sponsor ได้มากน้อยเพียงใด ตอนนี้มีอยู่ 1 แต่ยังขาดอยู่อีก 5 ตรงนี้คือความเสี่ยง สำหรับเรื่องการเช่าสถานีวิทยุ ตรงนี้เป็นความเสี่ยงจริง แต่เป็น Nature การทำธุรกิจนี้นะครับ ลองไปดูบริษัทอื่นก็ได้ ก็มีการเช่าระยะสั้นทั้งนั้น แม้แต่รายการทีวี ยิ่งแล้วกันใหญ่ ไม่มีหลักประกันเลย ถ้ารายการมี Rating น้อยลง มีโอกาสถูกถอดไปง่าย ๆ เหมือนกัน ดังนั้นจึงอยู่ที่คุณภาพของรายการว่าจะสามารถดึง Rating ได้มากน้อยเพียงใด
สำหรับเรื่องของคนกีฬานั้น ผมคิดว่าตรงนี้คือ conflict of interest เพราะต้องทำธุรกิจแข่งขันทางอ้อมกับ Sport ซึ่งเน้นด้านสิ่งพิมพ์กีฬาคือหนังสือพิมพ์กีฬา แต่ในรายงานแจ้งว่า มีการทำสัญญากัน 5 ปีที่จะร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ Sport แต่เดิม 2 บริษัทมีกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่กลุ่มเดียวกันและถือหุ้นไขว้กันอยู่ แต่ตอน Smm เข้าตลาด Sport ได้ขายหุ้นพร้อมกันไปกับตอนที่ขาย IPO SMMไปแล้วเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้จึงเหลือเพียง SMM ที่ถือหุ้น Sport อยู่ ประมาณ 10% กว่า ๆ และมี Warrant ด้วยจำนวนหนึ่งครับ
ในเรื่องฟ้องร้องวิทยุมีตามข่าวว่าไปแล้ว ลองอ่านดูรายละเอียดให้ดี ให้รายละเอียดไว้มาก ๆ แล้ว อยู่ระหว่างการดำเนินคดี ความคืบหน้าประมาณเดือน พฤษภาคม น่าจะทราบผลได้
เรื่องโรงพิมพ์ ตรงนี้เป็นความเสี่ยงจริง เพราะพิมพ์ที่โรงพิมพ์กิเลนเป็นส่วนใหญ่ เดิมที โรงพิมพ์กิเลนเคยเป็นผู้ถือหุ้น SMM แต่ได้ขายหุ้นออกไปทั้งหมดแล้ว ดังนั้นในอนาคตถ้าป้องกันความเสี่ยงตรงนี้ SMM มีทางเลือก 2 ทางคือ ต้องกระจายความเสี่ยงไปยังโรงพิมพ์อื่นบ้าง แต่ก็มีความเสี่ยงว่าคุณภาพการพิมพ์จะตรงกับความต้องการหรือไม่ และปัญหาอื่น ๆ ที่ตามมาเช่น การพิมพ์ให้ตรงเวลา ฐานะการเงินของโรงพิมพ์ สิ่งเหล่านี้เวลาหารายใหม่เข้ามา บริษัทก็มีความเสี่ยงเหล่านี้เพิ่มเติมเหมือนกัน การแก้ความเสี่ยงตัวหนึ่ง ก็ต้องระวังว่าจะไม่ไปสร้างความเสี่ยงใหม่ ๆ เพิ่มเติมขึ้นมา อีกทางหนึ่งคือ ไปตั้งโรงพิมพ์เอง ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชำนาญและเงินลงทุนที่ต้องลงทุนเพิ่มเติม โดยในขณะนี้ SMM เน้นลงทุนไปยัง Down Stream คือ เปิดร้านขายหนังสือของตนเอง แค่นี้สภาพคล่องก็แย่แล้ว แถมยังไปลงทุนในเรื่องวิทยุ และนิตรสารห้วนอกอีก กว่าจะคืนทุนคงต้องใช้เวลา จะเปิดศึกหลายด้านทำไมครับ ไว้ให้อนาคตการเงินเข้มแข็งขึ้น ก็ยังไม่สายที่จะขยายธุรกิจให้ครบวงจรทำ Upstream โรงเพิมพ์ในอนาคตครับ
ในเรื่องการตูญนั้น ลองไปอ่านดู Nature ธุรกิจนี้ก่อนนะครับ มันมีเรื่องแปลจำนวนมาก และมีค่าลิขสิทธิ์ที่ค่อนข้างสูง ถ้าพิมพ์มาแล้วขายไม่ได้ ได้ลูกค้าจำนวนน้อง แต่บริษัทอาจขาดทุนได้ ลองไปดู Annual Report และ 56-1 จะเห็นในเรื่องอัตราการคืนหนังสือบางส่วนถ้าจำไม่ผิดประมาณ 5% และตอนเข้าตลาด บริษัทมีทรัพย์สินด้อยค่าจำนวนหนึ่งที่ต้องตัดจ่ายออกไปเป็นจำนวนเงินที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น ตรงนี้ผมคิดว่า SMM เขาทำธุรกิจนี้มานาน บางเรื่องคิดว่าน่าจะฮิต แต่ไม่เป็นที่นิยม แต่บางเรื่องคิดว่าไม่น่าฮิต แต่กลับเป็นที่นิยมอย่างมาก ลองไปอ่านข้อมูล 56-1 ดูนะครับ SMM รู้ประเด็นนี้ทำให้ต้องสร้างความสมดุลย์ระหว่างเอาใจลูกค้าหลาย ๆ ประเภทแต่ธุรกิจอาจขาดทุนได้ หรือพยายามเลือกเรื่องที่มีคุณภาพมากขึ้น และพิมพ์ในปริมาณจำกัด ตอนนี้ผมอ่านข้อมูลก็พบว่ากำลังทดลองแนวทางนี้อยู่ ดังนั้นถ้าหนังสือเล่มใดเมื่อทำตลาดแล้วจำนวนหนึ่งไม่เป็นที่นิยมจึงต้องเลิกไปครับเพื่อลดปัญหาการด้อยค่าของสินค้าคงเหลือครับ
ในเรื่องธรรมาภิบาล ตรงนี้ผมเป็นห่วงมากที่สุดมากกว่า เพราะผู้รู้ในห้องนี้แสดงไว้มากแล้ว ไปค้นในกระทู้เก่า ๆ นะครับ ผมแสดงความเห็นไว้อย่างชัดเจน ผมคิดว่าเราคงต้องตามดูอีกสักระยะ ผมพยายามเอาข้อมูลที่ผู้บริหารสัมภาษณ์ไว้เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาพิสูจน์ต่อไปครับ ดังนั้นถ้าเราพิสูจน์ได้แน่นอนว่า บริษัทไม่มีธรรมาภิบาล หรือตั้งใจว่าจะทำให้เป็นบริษัทไม่มีธรรมาภิบาล แบบนี้ต่อให้ราคาถูกเท่าไหร่ก็ไม่ซื้อครับ เพราะหมดตัวเอาง่าย ๆ อย่าไปสนใจเลยครับ ดังนั้นตัวนี้สำคัญที่สุด จึงต้องติดตามดูให้ชัดเจนว่าเรื่องธรรมาภิบาลในหลาย ๆ เรื่อง ๆ ทำได้ดีขึ้นจนทำให้ผู้ลงทุนหายข้องใจหรือยัง ผมอยากให้ติดตามดูเพื่อเราจะได้เข้าใจแยกให้ออกระหว่างบริษัทใดที่มีธรรมาภิบาล หรือบริษัทใดที่ไม่มีธรรมาภิบาล ในขณะที่เรายังพิสูจน์ไม่ได้ชัดเจน ก็คงต้องติดตามดู และยังไม่ลงทุนครับ
ผมคิดว่าถ้าเราไม่มั่นใจในเรื่องธรรมาภิบาลของหุ้นที่เราลงทุน หรือมีข้อมูลใด ๆ ที่เราเชื่อว่ามีโอกาสที่บริษัทจะไม่มีธรรมาภิบาล เราต้องตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องยังไม่ลงทุนไม่ว่าราคาจะเป็นเท่าไรก็ตาม ลองไปดูหุ้นที่ไม่มีธรรมาภิบาลในอดีตก็ได้ โอกาสเจ๊งหรือล้มละลายมีโอกาสสูงอาจหมดตัวเหลือกระดาษเพียงแผ่นเดียว อดีตมันฟ้องมาหลายครั้งแล้วทั้งในและต่างประเทศครับ
เรามี Case ที่เกิดขึ้นที่ ญี่ปุ่นล่าสุดที่เป็น Case ของเด็กหนุ่มคนหนึ่งเป็นกรณีตัวอย่างนะครับ แต่ตรงนั้นเขาพยายามเพิมกำไรให้กับบริษัทแต่ไม่มี Cash Flow จริง คือมีกำไรแต่ไม่มีเงินสดเพียงพอที่จะจ่ายปันผลเพราะมีการสร้างลูกค้าเทียมขึ้นมา การลงทุนในสมัยนี้จึงต้องรอบคอบมากขึ้นนะครับ ต้องศึกษาและแยกให้ออกว่าบริษัทที่ดีเป็นอย่างไร และบริษัทที่แย่เป็นอย่างไร บางครั้งให้ระยะเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์นะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
โพสต์ที่ 12
เรื่องการ์ตูนนั้นแนะนำไปอีกwebหนึ่งไปถามได้ครับ
www.dvddiary.com ครับ
คนในนั้นรักการ์ตูนกันมากครับ
smmมีข้อดีคือออกการ์ตูนเร็ว
แต่ว่าโยนหินถามทางอยู่ดี
ในเรื่องโรงพิมพ์ ดูจากโครงสร้างแล้ว ทำไมต้องใช้โรงพิมพ์โรงเดียว ทั้งในเรื่องการ์ตูนและนิตยสารรวมไปถึงนิยายด้วย จุดนี้น่าจะให้โรงพิมพ์อื่นพิมพ์ได้
ซึ่งตอนนี้มีประเด็นเพิ่มคือค่าเช่าที่ (เช่าตึก) มีการย้ายของofficeออกจากตึกที่smmเปิดให้เช่า
ประเด็นนี้ต้องcheckต่อไป
ส่วนเรื่องวิทยุถ้าดูจากงบดุลปีที่แล้ว(2548) จะเห็นว่าเป็นตัวที่ทำให้ขาดทุนมากที่สุด ซึ่งวิทยุมันturnoverสูง
ซึ่งวิทยุกีฬานั้นต้องมีผู้จัดรายการที่ดี คนจึงติดกัน ซึ่งคนเหล่านั้นคือนักพากย์กีฬา จุดนี้คือจุดตายครับ แต่ตัวนี้จะเด่นในช่วงบอลโลก เพราะsport radioแน่นอน
แต่ว่าปีที่แล้ว ที่มีข่าวน้ำท่วม แต่ผู้บริหารไม่ยอมออกมาบอกเรื่องวิทยุ มีแต่ข่าวดีอย่างเดียว และขยันออกข่าวดีอย่างนี้ไม่ค่อยดีน่า
www.dvddiary.com ครับ
คนในนั้นรักการ์ตูนกันมากครับ
smmมีข้อดีคือออกการ์ตูนเร็ว
แต่ว่าโยนหินถามทางอยู่ดี
ในเรื่องโรงพิมพ์ ดูจากโครงสร้างแล้ว ทำไมต้องใช้โรงพิมพ์โรงเดียว ทั้งในเรื่องการ์ตูนและนิตยสารรวมไปถึงนิยายด้วย จุดนี้น่าจะให้โรงพิมพ์อื่นพิมพ์ได้
ซึ่งตอนนี้มีประเด็นเพิ่มคือค่าเช่าที่ (เช่าตึก) มีการย้ายของofficeออกจากตึกที่smmเปิดให้เช่า
ประเด็นนี้ต้องcheckต่อไป
ส่วนเรื่องวิทยุถ้าดูจากงบดุลปีที่แล้ว(2548) จะเห็นว่าเป็นตัวที่ทำให้ขาดทุนมากที่สุด ซึ่งวิทยุมันturnoverสูง
ซึ่งวิทยุกีฬานั้นต้องมีผู้จัดรายการที่ดี คนจึงติดกัน ซึ่งคนเหล่านั้นคือนักพากย์กีฬา จุดนี้คือจุดตายครับ แต่ตัวนี้จะเด่นในช่วงบอลโลก เพราะsport radioแน่นอน
แต่ว่าปีที่แล้ว ที่มีข่าวน้ำท่วม แต่ผู้บริหารไม่ยอมออกมาบอกเรื่องวิทยุ มีแต่ข่าวดีอย่างเดียว และขยันออกข่าวดีอย่างนี้ไม่ค่อยดีน่า
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
โพสต์ที่ 13
เรื่องโรงพิมพ์ในระยะยาวผมเห็นด้วยนะครับว่าควรลงทุนทำโรงพิมพ์ในอนาคตเพื่อทำธุรกิจให้ครบวงจรมากขึ้น ทำให้สามารถกำหนดแผนงานการตลาดของการออกหนังสือได้ดีขึ้น แต่ถ้าไปจ้างโรงพิมพ์ที่อื่นทำด้วย Nature คือต้องวางมัดจำค่าหนังสือที่พิมพ์เพิ่มด้วยนะครับอย่าลืม แต่ถ้าเป็นรายเก่าผมคิดว่าเขาคุยกันได้ เพราะทำธุรกิจมานานแล้ว ค่ามัดจำก็คงไม่มากนัก อ่านดูรายงานก็คงมีข้อมูลตรงนี้นะครับ ผมจำไม่ค่อยได้ครับว่าจำนวนเท่าไหร่แต่มีแน่นอนครับ
แต่คุณ Miracle ลองไปดูงบดุลเพิ่มเติมนะครับ เงินสดตอนสิ้นปีเหลือเพียง 3 ล้านบาท แถมยังต้องไปกู้เงินจากกรรมการผู้จัดการอีก 7 ล้านบาทด้วย ถามว่าจะไปจ้างโรงพิมพ์ใหม่ ก็ต้องหาเงินไปวางมัดจำเพิ่ม แต่สภาพคล่องตอนนี้ของบริษัทไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากบริษัทไปพลาดวางมัดจำกว่า 20 ล้านบาทในการลงทุนเช่าสถานีแต่ไม่ได้ใช้ ทำให้สภาพคล่องแย่ลงอย่างมาก ตอนนี้ต้องแก้ไขปัญหานี้ในระยะสั้นก่อนนะครับ
แต่คุณ Miracle ลองไปดูงบดุลเพิ่มเติมนะครับ เงินสดตอนสิ้นปีเหลือเพียง 3 ล้านบาท แถมยังต้องไปกู้เงินจากกรรมการผู้จัดการอีก 7 ล้านบาทด้วย ถามว่าจะไปจ้างโรงพิมพ์ใหม่ ก็ต้องหาเงินไปวางมัดจำเพิ่ม แต่สภาพคล่องตอนนี้ของบริษัทไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากบริษัทไปพลาดวางมัดจำกว่า 20 ล้านบาทในการลงทุนเช่าสถานีแต่ไม่ได้ใช้ ทำให้สภาพคล่องแย่ลงอย่างมาก ตอนนี้ต้องแก้ไขปัญหานี้ในระยะสั้นก่อนนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 195
- ผู้ติดตาม: 0
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
โพสต์ที่ 14
ในฐานะนักอ่าน
ผมไม่ชอบหนังสือพอคเกตบุค ในเครือนี้
เพราะ 1. การแปลไม่ดี ไม่ละเอียด
2. แพงเกินเหตุ เมือ่เทียบกับคุณภาพ รูปเล่ม
หนังสือในเครือนี้ผมต้องหาที่ลองอ่านก่อน จะไม่เหมือน Aprint ที่หนังสือที่ออกมา ซื้อได้ไม่ต้องไปลองอ่าน
ผมไม่ชอบหนังสือพอคเกตบุค ในเครือนี้
เพราะ 1. การแปลไม่ดี ไม่ละเอียด
2. แพงเกินเหตุ เมือ่เทียบกับคุณภาพ รูปเล่ม
หนังสือในเครือนี้ผมต้องหาที่ลองอ่านก่อน จะไม่เหมือน Aprint ที่หนังสือที่ออกมา ซื้อได้ไม่ต้องไปลองอ่าน
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
โพสต์ที่ 16
ข้อมูลที่ผมPost จากความจำผิดพลาดนิดหน่อยครับ คือเงินสดคงเหลือสิ้นงวดที่ Post ไว้ 3 ล้านบาท ข้อเท็จจริงคือ 1.278 ลบ.ครับ
ไปดู Annual Report ที่เปรียบเทียบระหว่างปี ทำให้เห็นบางรายการที่มีนัยสำคัญที่ต้องวิเคราะห์กันต่อครับ
1. ยอดลูกหนี้สุทธิเพิ่มขึ้นมากจากเดิมปี 47 อยู่ที่ 201 ลบ. เพิ่มขึ้นเป็น 392 ลบ.ครับ เพิ่มขึ้นเกือบ 50% แสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมายอดขายเพิ่มจากการให้ยอดขายที่เป็นเงินเชื่อ ทำให้มีลูกหนี้เพิ่มขึ้น เมื่อไปดูการค้างชำระโดยดูคุณภาพของหนี้ผ่านจากการตั้งค่าใช้จ่ายหนี้สงสัยจะสูญจะสูงเพิ่มขึ้นจาก 4.3 ลบ.ในปี 2547 เป็น 13.85 ลบ.ในปี 2548 แสดงให้เห็นว่าคุณภาพหนี้ที่แย่ลงกว่าเดิม ดังนั้นการที่บริษัทเพิ่มช่องทางการจำหน่ายเองอาจเป็นการแก้ไขปัญหาเรื่องหนี้สงสัยจะสูญหรือไม่ในระยะยาว เพราะขายเองเป็นเงินสด นอกจากรายการนี้แล้วยังมีค่าใช้จ่ายการประมาณการหนังสือรับคืนปี 48 ประมาณไว้เป็นจำนวนเงินกว่า 16 ล้านบาท รายการนี้ผมเข้าใจว่า ถ้าบริหารให้ดีจะทำให้สามารถกลับรายการเป็นกำไรได้ กล่าวคือ ถ้าสามารถเลือกขายหนังสือที่ดีมีคุณภาพ ก็ทำให้รับคืนหนังสือน้อยลงต่ำกว่าประมาณการ ยิ่งตำกว่าเท่าไรก็ตาม ก็จะทำให้เป็นรายการกลับทางบัญชีจากค่าใช้จ่ายกลับเป็นกำไรในปีถัดไปได้เท่านั้นครับ
2. มีรายการลูกหนี้ที่สำคัญรายการหนึ่งที่อยู่ระหว่างการฟ้องร้อง บริษัทตั้งเป็นรายการลูกหนี้ไว้จำนวน 24 ล้านบาท (คือรายที่ฟ้องร้องลูกหนี้วิทยุ FM 101 )
3. รายการสินค้าคงเหลืออยู่ที่ประมาณ 134 ลบ.ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว
4. เมื่อบริษัทต้องการสภาพคล่อง ก็จะมีการขายตั๋วลูกหนี้ให้กับสถาบันการเงิน (เป็นสินเชื่อประเภทหนึ่ง) ปีที่แล้วขายเพิ่มขึ้นประมาณ 10 ล้านบาท โดยมียอดค้างที่เป็นเจ้าหนี้ตั๋วเงิน จำนวน 66.83 ล้านบาท
5. บริษัทมีค่าลิขสิทธิ์ค้างจ่ายที่เป็นรายการหนี้สินเพิ่มขึ้นจากเดิมปี 47 ประมาณ 20 ลบ. เพิ่มขึ้นเป็น 42 ลบ. ในปี 48 ตรงนี้ที่ผมวิเคราะห์ว่า บริษัทต้องคัดเลือกลิขสิทธิ์ที่จะมาพิมพ์หนังสือให้มากขึ้น เพราะมิฉะนั้นในอนาคตจะมีค่าใช้จ่ายลิขสิทธิ์ตัดจ่ายรายการนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งต้องดูว่าคุ้มกับที่จะจัดพิมพ์หนังสือหรือไม่ โดย 2 ปีที่ผ่านมามีการหักค่าใช้จ่ายลิขสิทธิตัดจ่ายประมาณปีละ 20 กว่าล้านบาทจำตัวเลขไม่ชัดเจน แต่ 2 ปี ใกล้เคียงกัน
6. บริษัทมีวงเงินเบิกเกินบัญชีอยู่ประมาณ 50 ลบ. เพิ่มขึ้นจากปี 47 ประมาณ 14 ลบ. (ถ้าจดมาไม่ผิดนะครับ) แต่สามารถไปลดหนี้เงินกู้ระยะยาวลงได้บ้าง ตอนที่มีการเพิ่มทุน ผมลืมจดรายการมาประกอบครับ
8. มีรายการหนึ่งที่น่าสนใจคือ รายการสินค้าคงเหลือ คือรายการค่าใช้จ่ายการทำลายสินค้าคงเหลือซึ่งสูงถึง 8.337 ลบ.ครับ ส่วนหนึ่งไม่รู้ว่าเกิดจากน้ำท่วมหรือไม่ยังไม่ได้อ่านรายละเอียด อีกส่วนหนึ่งอาจเกิดจากสินค้าคงเหลือที่ชำรุดมากไม่สามารถจำหน่ายได้แล้ว รายการนี้เมื่อปี 47 ไม่มีครับ ตรงนี้ทำให้ผมคิดว่าบริษัทต้องบริหารสินค้าคงเหลือให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ เพราะค่าใช้จ่ายรายการนี้ผมถือว่าเป็นรายการที่มีสาระสำคัญจริง ๆ ครับ
9. ยอดขายเพิ่มขึ้นจากการขายหนังสือเป็นส่วนใหญ่กว่า 80 กว่าเปอร์เซ้นต์ กำไรสุทธิลดลงจากเดิม 59 ลบ ลดลงเหลือ 43.29 ลบ. แต่กำไรต่อหุ้นลดจาก 0.35 บาทต่อหุ้นในปี 47 เหลือเพียง 0.19 บาทต่อหุ้นในปี 48 เหตุผลมาจากการเพิ่มทุน IPO กว่า 70 ล้านหุ้นในปี 48 ทำให้แก้กำไรจะลดลงไม่ถึง 50% แต่กำไรต่อหุ้นลดลงเกือบ 50% ครับ
ผมวิเคราะห์แบบเจาะบางประเด็นนะครับ ใครเป็นมือวิเคราะห์ก็ลองวิเคราะห์เจาะลึกเพิ่มขึ้นก็ดีนะครับ
ไปดู Annual Report ที่เปรียบเทียบระหว่างปี ทำให้เห็นบางรายการที่มีนัยสำคัญที่ต้องวิเคราะห์กันต่อครับ
1. ยอดลูกหนี้สุทธิเพิ่มขึ้นมากจากเดิมปี 47 อยู่ที่ 201 ลบ. เพิ่มขึ้นเป็น 392 ลบ.ครับ เพิ่มขึ้นเกือบ 50% แสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมายอดขายเพิ่มจากการให้ยอดขายที่เป็นเงินเชื่อ ทำให้มีลูกหนี้เพิ่มขึ้น เมื่อไปดูการค้างชำระโดยดูคุณภาพของหนี้ผ่านจากการตั้งค่าใช้จ่ายหนี้สงสัยจะสูญจะสูงเพิ่มขึ้นจาก 4.3 ลบ.ในปี 2547 เป็น 13.85 ลบ.ในปี 2548 แสดงให้เห็นว่าคุณภาพหนี้ที่แย่ลงกว่าเดิม ดังนั้นการที่บริษัทเพิ่มช่องทางการจำหน่ายเองอาจเป็นการแก้ไขปัญหาเรื่องหนี้สงสัยจะสูญหรือไม่ในระยะยาว เพราะขายเองเป็นเงินสด นอกจากรายการนี้แล้วยังมีค่าใช้จ่ายการประมาณการหนังสือรับคืนปี 48 ประมาณไว้เป็นจำนวนเงินกว่า 16 ล้านบาท รายการนี้ผมเข้าใจว่า ถ้าบริหารให้ดีจะทำให้สามารถกลับรายการเป็นกำไรได้ กล่าวคือ ถ้าสามารถเลือกขายหนังสือที่ดีมีคุณภาพ ก็ทำให้รับคืนหนังสือน้อยลงต่ำกว่าประมาณการ ยิ่งตำกว่าเท่าไรก็ตาม ก็จะทำให้เป็นรายการกลับทางบัญชีจากค่าใช้จ่ายกลับเป็นกำไรในปีถัดไปได้เท่านั้นครับ
2. มีรายการลูกหนี้ที่สำคัญรายการหนึ่งที่อยู่ระหว่างการฟ้องร้อง บริษัทตั้งเป็นรายการลูกหนี้ไว้จำนวน 24 ล้านบาท (คือรายที่ฟ้องร้องลูกหนี้วิทยุ FM 101 )
3. รายการสินค้าคงเหลืออยู่ที่ประมาณ 134 ลบ.ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว
4. เมื่อบริษัทต้องการสภาพคล่อง ก็จะมีการขายตั๋วลูกหนี้ให้กับสถาบันการเงิน (เป็นสินเชื่อประเภทหนึ่ง) ปีที่แล้วขายเพิ่มขึ้นประมาณ 10 ล้านบาท โดยมียอดค้างที่เป็นเจ้าหนี้ตั๋วเงิน จำนวน 66.83 ล้านบาท
5. บริษัทมีค่าลิขสิทธิ์ค้างจ่ายที่เป็นรายการหนี้สินเพิ่มขึ้นจากเดิมปี 47 ประมาณ 20 ลบ. เพิ่มขึ้นเป็น 42 ลบ. ในปี 48 ตรงนี้ที่ผมวิเคราะห์ว่า บริษัทต้องคัดเลือกลิขสิทธิ์ที่จะมาพิมพ์หนังสือให้มากขึ้น เพราะมิฉะนั้นในอนาคตจะมีค่าใช้จ่ายลิขสิทธิ์ตัดจ่ายรายการนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งต้องดูว่าคุ้มกับที่จะจัดพิมพ์หนังสือหรือไม่ โดย 2 ปีที่ผ่านมามีการหักค่าใช้จ่ายลิขสิทธิตัดจ่ายประมาณปีละ 20 กว่าล้านบาทจำตัวเลขไม่ชัดเจน แต่ 2 ปี ใกล้เคียงกัน
6. บริษัทมีวงเงินเบิกเกินบัญชีอยู่ประมาณ 50 ลบ. เพิ่มขึ้นจากปี 47 ประมาณ 14 ลบ. (ถ้าจดมาไม่ผิดนะครับ) แต่สามารถไปลดหนี้เงินกู้ระยะยาวลงได้บ้าง ตอนที่มีการเพิ่มทุน ผมลืมจดรายการมาประกอบครับ
8. มีรายการหนึ่งที่น่าสนใจคือ รายการสินค้าคงเหลือ คือรายการค่าใช้จ่ายการทำลายสินค้าคงเหลือซึ่งสูงถึง 8.337 ลบ.ครับ ส่วนหนึ่งไม่รู้ว่าเกิดจากน้ำท่วมหรือไม่ยังไม่ได้อ่านรายละเอียด อีกส่วนหนึ่งอาจเกิดจากสินค้าคงเหลือที่ชำรุดมากไม่สามารถจำหน่ายได้แล้ว รายการนี้เมื่อปี 47 ไม่มีครับ ตรงนี้ทำให้ผมคิดว่าบริษัทต้องบริหารสินค้าคงเหลือให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ เพราะค่าใช้จ่ายรายการนี้ผมถือว่าเป็นรายการที่มีสาระสำคัญจริง ๆ ครับ
9. ยอดขายเพิ่มขึ้นจากการขายหนังสือเป็นส่วนใหญ่กว่า 80 กว่าเปอร์เซ้นต์ กำไรสุทธิลดลงจากเดิม 59 ลบ ลดลงเหลือ 43.29 ลบ. แต่กำไรต่อหุ้นลดจาก 0.35 บาทต่อหุ้นในปี 47 เหลือเพียง 0.19 บาทต่อหุ้นในปี 48 เหตุผลมาจากการเพิ่มทุน IPO กว่า 70 ล้านหุ้นในปี 48 ทำให้แก้กำไรจะลดลงไม่ถึง 50% แต่กำไรต่อหุ้นลดลงเกือบ 50% ครับ
ผมวิเคราะห์แบบเจาะบางประเด็นนะครับ ใครเป็นมือวิเคราะห์ก็ลองวิเคราะห์เจาะลึกเพิ่มขึ้นก็ดีนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1976
- ผู้ติดตาม: 0
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
โพสต์ที่ 17
ข้อมูลน่าสนใจทั้งนั้นเลยครับ
ผมคงต้องพิจารณาให้ถึ่ถ้วนหน่อย
ส่วนราคาตอนนี้คงต้องแหย่ๆเข้าไปนิดหน่อย
ความเสี่ยงในการกลับตัวรายได้วิทยุน่าจะเห็น
การฟ้องร้องน่าจะชัดเจนขึ้น
ไงราคามีความเสี่ยง ไม่สูงและไม่ต่ำมาก
ผมคงต้องพิจารณาให้ถึ่ถ้วนหน่อย
ส่วนราคาตอนนี้คงต้องแหย่ๆเข้าไปนิดหน่อย
ความเสี่ยงในการกลับตัวรายได้วิทยุน่าจะเห็น
การฟ้องร้องน่าจะชัดเจนขึ้น
ไงราคามีความเสี่ยง ไม่สูงและไม่ต่ำมาก
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
โพสต์ที่ 18
ข้อมูลการเงินที่ผมติดคุณ Miracle ไว้คือการมัดจำค่าโรงพิมพ์ผมไปค้นดูแล้วประมาณ 8 ล้านบาทนะครับจากเดิมที่วางมัดจำในปี 47 ประมาณ 7 ล้านบาท ตรงนี้หละครับที่อยากชี้ให้เห็นว่า การพิมพ์ที่โรงพิมพ์กิเลน ขนาด Volumn ยอดขายเพิ่มขึ้นมากตามตัวเลขการเงินที่ปรากฏนะครับ แต่การวางมัดจำกลับเพิ่มขึ้นไม่มากครับ ใครอยากทราบรายละเอียดต้องเข้าไปดูในงบการเงินรายปีจะมีรายละเอียดที่อธิบายไว้อย่างชัดเจนครับ
สำหรับข้อมูลการเงินอื่น ๆ ที่น่าสนใจคือเงินกู้ระยะยาวนั้นปรับลดลงจากเดิมคือ 63 ล้านบาท เหลือ 37 ล้านบาท
ลิขสิทธิ์ค้างจ่ายผมไปค้นแล้วปี 48 อยู่ที่ 42 ล้านบาท แต่ปี 47 อยู่ที่ 20 ล้านบาทเองครับ เห็นได้ว่าหนี้ค่าลิขสิทธิ์ค้างจ้ายสูงเพิ่มขึ้นกว่า 100% เชียวนะครับ ไม่รู้ว่ารวมลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกด้วยรึเปล่าไม่แน่ใจครับ ดังนั้นรายการนี้ต้องดูให้ดี SMM จะบริหารลิขสิทธิ์อย่างไร เพราะถ้าบริหารไม่ดีก็อาจเป็นตัวบั่นทอนกำไรเอาง่าย ๆ เลยครับ
กำไรสะสมเพิ่มขึ้นไม่มาก ปี 47 อยู่ที่ 128 ล้านบาท ปี 48 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 132 ล้านบาท
แต่ส่วนเกินมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นมาก เพราะตอนเข้าตลาด ขาย IPO 70 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.65 บาทต่อหุ้น ทำให้มีส่วนเกินมูลค่าหุ้น 110 ล้านบาท และทำให้ส่วนเกินมูลค่าหุ้นในปี 47 ที่อยู่ที่ 22 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 132 ล้านบาทใกล้เคียงกับกำไรสะสมเลยครับ
สัดส่วนรายได้ปีที่ผ่านมา รายการหนังสือขายได้เพิ่มขึ้นมากเลยครับจาก 369 ล้านบาท เพิ่มเป็น 555 ล้านบาท
แต่วิทยุซิครับลดหวบจาก 82 ล้านบาท เหลือเพียง 49 ล้านบาทหรือลดไปกว่า 40% นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้โฆษณาในสื่อเพิ่มขึ้นจากเดิม 12 ล้านบาทเพิ่มเป็น 27 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 100 กว่า% โดยมีรายได้ค่าเช่า 17 ล้านบาทเท่ากันทั้ง 2 ปี แต่ปีนี้รายได้ตรงนี้คงลดหวบเพราะผู้เช่าเดิมเลิกสัญญาไปแล้วต้องไปหารายใหม่มาเพิ่มครับ
ดูข้อมูลการเงินของหุ้นตัวนี้ ผมก็ลองศึกษาดูในวันนี้เองหละครับ จากงบการเงินรายปีที่เขาแจ้งประกาศไว้ในsettrade.com ครับถึงได้เห็นรายละเอียดตามที่อธิบายให้ดูนะครับ คงวิเคราะห์ได้รายการใหญ่ ๆ นะครับ ลองไปวิเคราะห์ต่อยอดกันเองก็แล้วกันนะครับ ถ้ามาแสดงความเห็นเพิ่มจะได้เป็นประโยชน์มากขึ้นนะครับ ศึกษาแบบไม่ต้องลงทุนก็ได้ครับ ผมว่าได้ความรู้ในการวิเคราะห์ดีนะครับ
สำหรับข้อมูลการเงินอื่น ๆ ที่น่าสนใจคือเงินกู้ระยะยาวนั้นปรับลดลงจากเดิมคือ 63 ล้านบาท เหลือ 37 ล้านบาท
ลิขสิทธิ์ค้างจ่ายผมไปค้นแล้วปี 48 อยู่ที่ 42 ล้านบาท แต่ปี 47 อยู่ที่ 20 ล้านบาทเองครับ เห็นได้ว่าหนี้ค่าลิขสิทธิ์ค้างจ้ายสูงเพิ่มขึ้นกว่า 100% เชียวนะครับ ไม่รู้ว่ารวมลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกด้วยรึเปล่าไม่แน่ใจครับ ดังนั้นรายการนี้ต้องดูให้ดี SMM จะบริหารลิขสิทธิ์อย่างไร เพราะถ้าบริหารไม่ดีก็อาจเป็นตัวบั่นทอนกำไรเอาง่าย ๆ เลยครับ
กำไรสะสมเพิ่มขึ้นไม่มาก ปี 47 อยู่ที่ 128 ล้านบาท ปี 48 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 132 ล้านบาท
แต่ส่วนเกินมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นมาก เพราะตอนเข้าตลาด ขาย IPO 70 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.65 บาทต่อหุ้น ทำให้มีส่วนเกินมูลค่าหุ้น 110 ล้านบาท และทำให้ส่วนเกินมูลค่าหุ้นในปี 47 ที่อยู่ที่ 22 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 132 ล้านบาทใกล้เคียงกับกำไรสะสมเลยครับ
สัดส่วนรายได้ปีที่ผ่านมา รายการหนังสือขายได้เพิ่มขึ้นมากเลยครับจาก 369 ล้านบาท เพิ่มเป็น 555 ล้านบาท
แต่วิทยุซิครับลดหวบจาก 82 ล้านบาท เหลือเพียง 49 ล้านบาทหรือลดไปกว่า 40% นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้โฆษณาในสื่อเพิ่มขึ้นจากเดิม 12 ล้านบาทเพิ่มเป็น 27 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 100 กว่า% โดยมีรายได้ค่าเช่า 17 ล้านบาทเท่ากันทั้ง 2 ปี แต่ปีนี้รายได้ตรงนี้คงลดหวบเพราะผู้เช่าเดิมเลิกสัญญาไปแล้วต้องไปหารายใหม่มาเพิ่มครับ
ดูข้อมูลการเงินของหุ้นตัวนี้ ผมก็ลองศึกษาดูในวันนี้เองหละครับ จากงบการเงินรายปีที่เขาแจ้งประกาศไว้ในsettrade.com ครับถึงได้เห็นรายละเอียดตามที่อธิบายให้ดูนะครับ คงวิเคราะห์ได้รายการใหญ่ ๆ นะครับ ลองไปวิเคราะห์ต่อยอดกันเองก็แล้วกันนะครับ ถ้ามาแสดงความเห็นเพิ่มจะได้เป็นประโยชน์มากขึ้นนะครับ ศึกษาแบบไม่ต้องลงทุนก็ได้ครับ ผมว่าได้ความรู้ในการวิเคราะห์ดีนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 86
- ผู้ติดตาม: 0
ตอบด้วย....
โพสต์ที่ 19
....ถึงเจ้าภาพหุ้นตัวนี้...
.........อย่าคิดนะว่า.....ไม่มีคนจ้องอยู่...
.........จะกดราคาไปถึงไหนเหรอจ๊ะ......
.........ลงมาเลยผมรออยู่....................
.......................................................
....ถึงคนสนใจตัวนี้......
.........อย่างที่บอก....เจ้าภาพกดราคาอยู่
.........รอได้เลย......เสร็จจากตัวบอลโลก
.........เดี๋ยวก็หาเรื่องแจกอะไรสักอย่างเอง
............................................................
.........อย่าคิดนะว่า.....ไม่มีคนจ้องอยู่...
.........จะกดราคาไปถึงไหนเหรอจ๊ะ......
.........ลงมาเลยผมรออยู่....................
.......................................................
....ถึงคนสนใจตัวนี้......
.........อย่างที่บอก....เจ้าภาพกดราคาอยู่
.........รอได้เลย......เสร็จจากตัวบอลโลก
.........เดี๋ยวก็หาเรื่องแจกอะไรสักอย่างเอง
............................................................
oh....no
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
โพสต์ที่ 20
อีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผมสับสนพอสมควรคือเรื่องร้านที่ขายหนังสือ
คือ Smm มี Brand ที่ขายหนังสือ 2 Brand คือ Brand สยามอินเตอร์ Book friend ซึ่งตาม Annual Report มีอยู่ 30 สาขา
แต่ที่ผุ้บริหารให้สัมภาษณ์ไว้คือ Book Smile ซึ่งปัจจุบันมี 20 สาขา
ข้อมูลตรงนี้ผมเลยยังไม่มั่นใจว่า ตกลงมีกีสาขากันแน่ เป็นของ Book friend กี่สาขา และของ Book Smile กี่สาขา ใครทราบช่วย Update หน่อยนะครับ
นอกจากนี้สาขาที่เป็น Book Smile ผมเห็นบางสาขาไปเปิดติดกับร้าน 7-eleven ไม่รู้ว่ามี Contact กันรึเปล่า ใครทราบข้อมูลช่วย Update ให้ด้วยก็ดีครับ
คือ Smm มี Brand ที่ขายหนังสือ 2 Brand คือ Brand สยามอินเตอร์ Book friend ซึ่งตาม Annual Report มีอยู่ 30 สาขา
แต่ที่ผุ้บริหารให้สัมภาษณ์ไว้คือ Book Smile ซึ่งปัจจุบันมี 20 สาขา
ข้อมูลตรงนี้ผมเลยยังไม่มั่นใจว่า ตกลงมีกีสาขากันแน่ เป็นของ Book friend กี่สาขา และของ Book Smile กี่สาขา ใครทราบช่วย Update หน่อยนะครับ
นอกจากนี้สาขาที่เป็น Book Smile ผมเห็นบางสาขาไปเปิดติดกับร้าน 7-eleven ไม่รู้ว่ามี Contact กันรึเปล่า ใครทราบข้อมูลช่วย Update ให้ด้วยก็ดีครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
โพสต์ที่ 21
สำหรับคนที่สนใจวิเคราะห์เพิ่มเติมก็มาแลกเปลียนความรู้กันด้วยก็ดีนะครับ
แต่ใครจะลงทุน ในความเห็นเบื้องต้นผมคิดว่าน่าจะรอดูผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ซึ่งใกล้จะออกแล้ว เพื่อมาวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติม หรือ Update อีกครั้งน่าจะดีกว่านะครับ เพราะอีกไม่กี่วันเอง ตรงนั้นเราน่าจะเห็นอะไรชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อจะดูให้เห็นว่าสิ่งที่วิเคราะห์ไว้กล่าวคือที่เป็นจุดอ่อนมาก ๆ นั้น ฝ่ายบริหารได้แก้ไขจนกระทั่งเห็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นหรือยัง รวมถึงรายการความคืบหน้าในกรณีคดีเรื่องวิทยุ ซึ่งจะกระทบกับกระแสเงินสดอของบริษัทค่อนข้างมากนะครับ รวมถึงผลการดำเนินงานยอดขายของสาขาต่าง ๆ มียอดขายดีขึ้นหรือไม่อย่างไร การบริหารหนี้ การบริหารสินค้าคงคลัง สภาพคล่อง และผลประกอบการกำไร และอย่าลืมหลาย ๆ ท่านที่บอกในเรื่องธรรมาภิบาลให้ดีด้วยนะครับ เป็น VI ต้องศึกษาให้แน่ใจก่อนนะครับ ให้รอบคอบ การลงทุนไม่มีคำว่าสายเกินไปนะครับ อย่าเชื่อใครง่าย ๆ นะครับ
2. ใครต้องการ Load ข้อมูล Annual Report และงบการเงิน สามารถ Down Load จาก ข้อมูลของตลาดที่ Settrade.com ก็ได้ หรือจะศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมตาม Web site ของบริษัทข่างล่างนี้นะครับ
www.smm.co.th
แต่ใครจะลงทุน ในความเห็นเบื้องต้นผมคิดว่าน่าจะรอดูผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ซึ่งใกล้จะออกแล้ว เพื่อมาวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติม หรือ Update อีกครั้งน่าจะดีกว่านะครับ เพราะอีกไม่กี่วันเอง ตรงนั้นเราน่าจะเห็นอะไรชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อจะดูให้เห็นว่าสิ่งที่วิเคราะห์ไว้กล่าวคือที่เป็นจุดอ่อนมาก ๆ นั้น ฝ่ายบริหารได้แก้ไขจนกระทั่งเห็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นหรือยัง รวมถึงรายการความคืบหน้าในกรณีคดีเรื่องวิทยุ ซึ่งจะกระทบกับกระแสเงินสดอของบริษัทค่อนข้างมากนะครับ รวมถึงผลการดำเนินงานยอดขายของสาขาต่าง ๆ มียอดขายดีขึ้นหรือไม่อย่างไร การบริหารหนี้ การบริหารสินค้าคงคลัง สภาพคล่อง และผลประกอบการกำไร และอย่าลืมหลาย ๆ ท่านที่บอกในเรื่องธรรมาภิบาลให้ดีด้วยนะครับ เป็น VI ต้องศึกษาให้แน่ใจก่อนนะครับ ให้รอบคอบ การลงทุนไม่มีคำว่าสายเกินไปนะครับ อย่าเชื่อใครง่าย ๆ นะครับ
2. ใครต้องการ Load ข้อมูล Annual Report และงบการเงิน สามารถ Down Load จาก ข้อมูลของตลาดที่ Settrade.com ก็ได้ หรือจะศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมตาม Web site ของบริษัทข่างล่างนี้นะครับ
www.smm.co.th
- Willpower
- Verified User
- โพสต์: 87
- ผู้ติดตาม: 0
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
โพสต์ที่ 22
ขอบคุณ thawatt มากครับที่ช่วยวิเคราะห์
ผมก็คาดว่าต้องดูไตรมาส 1 ก่อน ถ้าเป็นอย่างเขาว่าควรจะได้อย่างน้อย
180-200 ล้าน เพราะให้ถือว่า การ์ตูน ยอดขายไม่เปลี่ยนมาก
เรื่อง book smile นี้เป็นของ 7 ครับเพียงแต่หนังสือที่ smm จะมีมากใน book smile ส่วน book friend คือร้านขายการ์ตูนหนะครับของ smm แต่เขาขายของทุกเครือครับ
1. ผมคิดว่า หนังสือการ์ตูนดูจากสภาพตลาดรวมก็ขยายตัวทุกปี แต่การขายผ่านเอเย่นต์หรือ ร้านค้าจะเป็นลักษณะฝากขายถ้าขายไม่หมดก็ต้องรับคืนมา
ทำให้กระแสเงินสด มันแย่หนะ ส่วนนิตยสารราคาจะเหลือศูนย์ ถ้าเล่มใหม่ออก โหดหวะ
2. หนังสือพ็อกเก็ตบุ๊ค ก็เช่นกัน ถ้าเล่าไหนขายได้ระเบิด แบบ แดจังกึม เทพมาร โดยธุรกิจหนังสือแล้ว ยิ่งพิมพ์มากต้นทุนจะยิ่งถูก เพราะหนังสือ เล่มแรกคือเล่มที่แพงที่สุด เพราะค่า plate หลายคนเคยสั่งพิมพ์หนังสือก็คงจะนึกภาพออก เพราะอย่าง แฮรี่พอร์ตเตอร์ ก็ทำให้ นานมีจากกำลังแย่เป็น รวย หรือ หนังสือหมอดูไพ่ยิปซีของ ขุนทอง ก็ทำให้บ้าน ณวรรณกรรม อยู่รอดมาแล้ว แต่ถ้าไม่ดัง ซักเล่ม ก็อีกเรื่อง นะ
ผมก็คาดว่าต้องดูไตรมาส 1 ก่อน ถ้าเป็นอย่างเขาว่าควรจะได้อย่างน้อย
180-200 ล้าน เพราะให้ถือว่า การ์ตูน ยอดขายไม่เปลี่ยนมาก
เรื่อง book smile นี้เป็นของ 7 ครับเพียงแต่หนังสือที่ smm จะมีมากใน book smile ส่วน book friend คือร้านขายการ์ตูนหนะครับของ smm แต่เขาขายของทุกเครือครับ
1. ผมคิดว่า หนังสือการ์ตูนดูจากสภาพตลาดรวมก็ขยายตัวทุกปี แต่การขายผ่านเอเย่นต์หรือ ร้านค้าจะเป็นลักษณะฝากขายถ้าขายไม่หมดก็ต้องรับคืนมา
ทำให้กระแสเงินสด มันแย่หนะ ส่วนนิตยสารราคาจะเหลือศูนย์ ถ้าเล่มใหม่ออก โหดหวะ
2. หนังสือพ็อกเก็ตบุ๊ค ก็เช่นกัน ถ้าเล่าไหนขายได้ระเบิด แบบ แดจังกึม เทพมาร โดยธุรกิจหนังสือแล้ว ยิ่งพิมพ์มากต้นทุนจะยิ่งถูก เพราะหนังสือ เล่มแรกคือเล่มที่แพงที่สุด เพราะค่า plate หลายคนเคยสั่งพิมพ์หนังสือก็คงจะนึกภาพออก เพราะอย่าง แฮรี่พอร์ตเตอร์ ก็ทำให้ นานมีจากกำลังแย่เป็น รวย หรือ หนังสือหมอดูไพ่ยิปซีของ ขุนทอง ก็ทำให้บ้าน ณวรรณกรรม อยู่รอดมาแล้ว แต่ถ้าไม่ดัง ซักเล่ม ก็อีกเรื่อง นะ
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
โพสต์ที่ 23
ขอบคุณครับ
พอดีเครื่องคอมที่บ้าน(ชื่อเครื่องว่าMYTHมันรวนแกะมาล้างแล้ว
bootไม่ติด เลยต้องมาโพสวันนี้)
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
มีข้อมูลมาเพิ่มเติมว่าทำเลของที่ตั้งร้านหนังสือการ์ตูนก็สำคัญ
smmมีการลดล้างสต๊อกทุกเดือนเลย
เป็นการลดราคาเพื่อทำให้หนังสือการ์ตูนระบายออกไปได้อีกทางหนึ่ง
จุดนี้ต้องพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียประกอบด้วย
ส่วนเรื่องนิยาย มีเรื่องเล่าของแดจังกึม ว่า ซื้อมาดองเหมือนช่องสาม
เพราะว่า ทั้งคู่ออกอาการเดียวกันคือ ไม่แน่ใจว่าจะดังแบบนี้
จุดนี้คือเห็นว่า ต้องทำความสัมพันธ์ของTV ที่ออกหนังชุดด้วยถ้ามีนิยายเกี่ยวกับเรื่องนั้นในมือ
พอดีเครื่องคอมที่บ้าน(ชื่อเครื่องว่าMYTHมันรวนแกะมาล้างแล้ว
bootไม่ติด เลยต้องมาโพสวันนี้)
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
มีข้อมูลมาเพิ่มเติมว่าทำเลของที่ตั้งร้านหนังสือการ์ตูนก็สำคัญ
smmมีการลดล้างสต๊อกทุกเดือนเลย
เป็นการลดราคาเพื่อทำให้หนังสือการ์ตูนระบายออกไปได้อีกทางหนึ่ง
จุดนี้ต้องพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียประกอบด้วย
ส่วนเรื่องนิยาย มีเรื่องเล่าของแดจังกึม ว่า ซื้อมาดองเหมือนช่องสาม
เพราะว่า ทั้งคู่ออกอาการเดียวกันคือ ไม่แน่ใจว่าจะดังแบบนี้
จุดนี้คือเห็นว่า ต้องทำความสัมพันธ์ของTV ที่ออกหนังชุดด้วยถ้ามีนิยายเกี่ยวกับเรื่องนั้นในมือ
- กระทิงแดง
- Verified User
- โพสต์: 952
- ผู้ติดตาม: 0
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
โพสต์ที่ 24
ผมในตอนแรกก็ชอบครับ พอประกาศงบประจำปี ที่เดียวร้อง จ๊ากเลยครับ
ก็เรื่อง Cash Flow กับค่าการบริหารครับ
นึกว่าเค้าจะพยายามแก้ 2 จุดนี้ กลับมีปัญหาเพิ่มอีก
เจ็บแล้ว ต้องจำ
ลูกผู้ชาย 10 ปี แก้แค้นยังไม่สายครับ
ก็เรื่อง Cash Flow กับค่าการบริหารครับ
นึกว่าเค้าจะพยายามแก้ 2 จุดนี้ กลับมีปัญหาเพิ่มอีก
เจ็บแล้ว ต้องจำ
ลูกผู้ชาย 10 ปี แก้แค้นยังไม่สายครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Smm ธุรกิจ การตูน นิยายจีน วิทยุ นิตยสาร
โพสต์ที่ 27
เอาข้อมูลความโหด :evil: ของเจ้ามือที่ทำหุ้นตัวนี้มาฝากนะครับ
ราคาสูงสดปี 05 อยู่ที่ 3.10 บาท ปี 06 อยู่ที่ 2.08 บาท
ราคาต่ำสุดจนถึงปัจจุบันทำ New Low แล้วครับ ปี 05 อยู่ที่ 1.64 แต่ปี 06 ต่ำลงมาอีกอยู่ที่ 1.60 บาทครับ
ราคาปิด ปี 05 อยู่ที่ 1.79 และปี 06 ปิดที่ New Low พอดี 1.60 บาทครับ
PE ปี 05 อยู่ที่ 6.19 เท่า ปี 06 ขึ้นมาแล้วพร้อมราคาที่ปรับลงด้วยอยู่ที่ 8.87 เท่า
P/Bv ปี 05 อยู่ที่ 0.84 เท่า แต่ปี06 อยู่ที่ 0.75 เท่า
BV ปี 05 อยู่ที่ 2.12 บาทต่อหุ้น ปี 06 ใกล้เคียงกันอยู่ที่ 2.13 บาทต่อหุ้น
แต่ตัวนี้ซิครับ ลดหวบ Dividend Yield จากปี 05 อยู่ที่ 8.38% ปีนี้อยู่ที่ 2.5%
Total Asset ปัจจุบันอยู่ที่ 798.91 ล้านบาท
Liability อยู่ที่ 286.92 ล้านบาท
ส่วนของผู้ถือหุ้น อยู่ที่ 511.99 ล้านบาท เทียบกับ Mktg Cap อยู่ที่ 384 ล้านบาท (ปี 05 อยู่ที่ 429.60 ล้านบาท ลดหวบตามผลงานที่แย่ลงจริง ๆ )
ROA อยู่ที่ 9.53% ROE 8.45% และมี%กำไรสุทธิอยู่ที่ 6.48
Free Float รายย่อย 54.96%
ผมไปดูที่ Smm แจ้งในตลาดว่าการเข้าร่วมประชุมมีสัดส่วนผู้มาเข้าประชุมสักกี่ % ปรากฏว่า การประชุมล่าสุดมาประชุมประมาณ 52% เท่านั้น ครับ
ราคาสูงสดปี 05 อยู่ที่ 3.10 บาท ปี 06 อยู่ที่ 2.08 บาท
ราคาต่ำสุดจนถึงปัจจุบันทำ New Low แล้วครับ ปี 05 อยู่ที่ 1.64 แต่ปี 06 ต่ำลงมาอีกอยู่ที่ 1.60 บาทครับ
ราคาปิด ปี 05 อยู่ที่ 1.79 และปี 06 ปิดที่ New Low พอดี 1.60 บาทครับ
PE ปี 05 อยู่ที่ 6.19 เท่า ปี 06 ขึ้นมาแล้วพร้อมราคาที่ปรับลงด้วยอยู่ที่ 8.87 เท่า
P/Bv ปี 05 อยู่ที่ 0.84 เท่า แต่ปี06 อยู่ที่ 0.75 เท่า
BV ปี 05 อยู่ที่ 2.12 บาทต่อหุ้น ปี 06 ใกล้เคียงกันอยู่ที่ 2.13 บาทต่อหุ้น
แต่ตัวนี้ซิครับ ลดหวบ Dividend Yield จากปี 05 อยู่ที่ 8.38% ปีนี้อยู่ที่ 2.5%
Total Asset ปัจจุบันอยู่ที่ 798.91 ล้านบาท
Liability อยู่ที่ 286.92 ล้านบาท
ส่วนของผู้ถือหุ้น อยู่ที่ 511.99 ล้านบาท เทียบกับ Mktg Cap อยู่ที่ 384 ล้านบาท (ปี 05 อยู่ที่ 429.60 ล้านบาท ลดหวบตามผลงานที่แย่ลงจริง ๆ )
ROA อยู่ที่ 9.53% ROE 8.45% และมี%กำไรสุทธิอยู่ที่ 6.48
Free Float รายย่อย 54.96%
ผมไปดูที่ Smm แจ้งในตลาดว่าการเข้าร่วมประชุมมีสัดส่วนผู้มาเข้าประชุมสักกี่ % ปรากฏว่า การประชุมล่าสุดมาประชุมประมาณ 52% เท่านั้น ครับ