มาเชียร์ ktc ครับ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ภาพประจำตัวสมาชิก
Rocker
Verified User
โพสต์: 4886
ผู้ติดตาม: 0

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 61

โพสต์

Jeng เขียน:

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ผมมองว่าราคาที่มีmargin of safty กําลังดีอยู่ราวๆ17-18 บาท 
เหอๆ ว่าไปเรือย ไม่ทราบว่าคำนวณจากไร

ถ้าเดา

ผมวา margin of safty แถว ๆ 13 - 14 อัพไซ แจ๋วกว่า อีก

อิอิ
13-14 จะมีโอกาศได้เห็นเหรอครับพี่ขนาด 17-18ยังไม่รู้จะได้เห็นเลยเปล่า
เพราะผมเห็นแนวต้านที่ 23 เยอะมากๆครับ
แล้วถ้ามันลงมาน้อยกว่า20จริงคนที่ซื้อไว้ 20กว่าจะทําไงครับ
ซื้อเพิ่มเหรอครับแล้วถ้าไม่มีเงินซื้อเพิ่มหละครับจะทําไงครับ
คือผมสงสัยอะครับ
KTC ผมชอบมากตรงที่มันฉลาดจับลูกค้าแต่กลุ่มกับบัตร
แต่ละประเภทเลย
artvr4
Verified User
โพสต์: 767
ผู้ติดตาม: 0

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 62

โพสต์

KTC ผมชอบมากตรงที่มันฉลาดจับลูกค้าแต่กลุ่มกับบัตร
แต่ละประเภทเลย



นี่คือสิ่งที่KTC กำลังทำอยู่ครับ คือกะจะเอาให้คลุมไปทุกส่วน  เรื่องผู้บริหารKTB ผมไม่ค่อยจะทราบ แต่ว่า KTC นี่ ผู้บริหาร เชื่อมั่นในเรื่องธรรมาภิบาลได้ครับ ผมชอบ นโยบายครับครับ เติบโตแข็งแกร่ง  

 เสียดายว่าราคาหุ้น ไม่ค่อยไปไหนมากกว่าไม่เหมาะกับคน เล่นเกร็งกำไร
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14784
ผู้ติดตาม: 1

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 63

โพสต์

มีพี่คนนึง โมโห ktc มากเนื่องจากเดินบัญชี กับ ktb มาโดยตลอด แต่ขอบัตร ktc ktc ไม่อนุมัติ

ก็เลยไม่ยอมซื้อหุ้น ktc

ผมก็อธิบายว่า พี่คิดดูดิ ในเมื่อเราไม่ชอบ ktb แล้ว ktc บริหารอิสระขนาดนี้ พี่ว่าไม่ดีหรือ

แกก็เลย เออ ลองหาข้อมูลเพิ่ม และก็ได้ซื้อหุ้นไปแล้ว

ไม่ต้องคิดไรมาก กำไรไตรมาสนึง 2.55/4 เป็นอย่างน้อย ระหว่างเราคุยกันนี่

ktc ทำไตรมาสแรกไปได้อย่างน้อย .6375 บาทต่อหุ้น

ถ้าหาร 23.5 ที่ซื้อมาตอนนี้ ก็เท่ากับ 2.71 % ต่อไตรมาสแล้วครับ

เรื่องหนี้เสีย เป็นภาพหลอนในอดีตครับ ต้องตัดต้มยำกุ้งออกไป

ตอนต้ำยำกุ้ง ไม่ใช่แค่บัตรเครดิตมีปัญหา แต่มันมีปัญหาเป็นโดมิโนทั้งระบบครับ เจ๊งกันเป็นแถวๆ
uI7J3w
Verified User
โพสต์: 150
ผู้ติดตาม: 0

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 64

โพสต์

Jeng เขียน:มีพี่คนนึง โมโห ktc มากเนื่องจากเดินบัญชี กับ ktb มาโดยตลอด แต่ขอบัตร ktc ktc ไม่อนุมัติ

ก็เลยไม่ยอมซื้อหุ้น ktc

ผมก็อธิบายว่า พี่คิดดูดิ ในเมื่อเราไม่ชอบ ktb แล้ว ktc บริหารอิสระขนาดนี้ พี่ว่าไม่ดีหรือ

แกก็เลย เออ ลองหาข้อมูลเพิ่ม และก็ได้ซื้อหุ้นไปแล้ว

ไม่ต้องคิดไรมาก กำไรไตรมาสนึง 2.55/4 เป็นอย่างน้อย ระหว่างเราคุยกันนี่

ktc ทำไตรมาสแรกไปได้อย่างน้อย .6375 บาทต่อหุ้น

ถ้าหาร 23.5 ที่ซื้อมาตอนนี้ ก็เท่ากับ 2.71 % ต่อไตรมาสแล้วครับ

เรื่องหนี้เสีย เป็นภาพหลอนในอดีตครับ ต้องตัดต้มยำกุ้งออกไป

ตอนต้ำยำกุ้ง ไม่ใช่แค่บัตรเครดิตมีปัญหา แต่มันมีปัญหาเป็นโดมิโนทั้งระบบครับ เจ๊งกันเป็นแถวๆ

เหอๆๆ เห็นเหมือนกันครับ เห็ยบ่นๆอยู่ได้ 2-3 วัน หลังจากนั้นซื้อซะงั้น 555
:lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
david
Verified User
โพสต์: 852
ผู้ติดตาม: 0

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 65

โพสต์

Rocker เขียน:
KTC ผมชอบมากตรงที่มันฉลาดจับลูกค้าแต่กลุ่มกับบัตร
แต่ละประเภทเลย
Then,I may b the biggest KTC stockholder,5555555555.May I advertise my business here :)
เคทีซี หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำความเป็นองค์กรสุดยอด ครีเอทีฟ สร้างสีสันความแตกต่างให้แวดวงสถาบันการเงินไทย ในงานมหกรรมการเงิน มันนี่ เอ็กซ์โป 2006 เนรมิตอุโมงค์มหาสนุกบนพื้นที่ 168 ตรม. ด้วยคอนเซ็ปต์ KTC Envy Fun Zone ที่เปิดให้สมาชิกบัตรเครดิตและสินเชื่อเคทีซีทุกประเภท ได้ร่วมสนุกกับ 4 สถานีเกมตลอด 4 วันเต็ม ระหว่างวันที่ 11-14 พฤษภาคม นี้ ณ ห้องแพลนนารี ฮอลล์ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมลุ้นรางวัลใหญ่จากตู้ลม เดอะ ทวิสเตอร์ (The Twister) อาทิ ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ โทรศัพท์มือถือ Motorola V3i, iPOD, เครื่องเล่น DVD, เครื่องเล่น MP3 และลุ้นรับฟรีรถกระบะ Mazda BT-50 ตกแต่งสไตล์ California โดยพีท ทองเจือ นักแสดงและนักแข่งรถชื่อดัง จำนวน 1 คัน มูลค่า 900,000 บาท ในวันสุดท้ายของงาน และเตรียมพบกับหลากหลายผลิตภัณฑ์และบริการล่าสุดจาก เคทีซี
     
      พิเศษ! สำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี รับสิทธิ์เข้าร่วมประมูลเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ดังใหม่แกะกล่อง ในราคาที่น่าอิจฉา เริ่มต้นเพียง 999 บาท ในวันที่ 13 พฤษภาคม ดำเนินการประมูลโดยนักแสดงและพิธีกรอารมณ์ดี ธงชัย ประสงค์สันติ และดีเจ พีเค ปิยะวัฒน์ เข็มเพชร ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้
1.My Facebook page, https://www.facebook.com/pages/Kitichai ... 5514051589.
2.U may follow my stock comment via http://twitter.com/value_talk
3.กระทู้ที่โพสท์นี้เป็นความเห็นส่วนตัว การซื้อขายหุ้นขึ้นอยู่กับการใช้วิจารณญาณของแต่ละคน
jaychou
ผู้ติดตาม: 0

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 66

โพสต์

ใครรู้เรื่อง KTC ดีๆ ช่วยเขียนให้หน่อยครับ

http://www.thaivi.com/wiki/index.php?title=KTC
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 67

โพสต์

[quote="artvr4"]
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 68

โพสต์

ข้อดี ที่นึกออกแว๊บแรกเลยนะคะ

แกงค์ผู้บริหาร เวลาแอ๊คท่าถ่ายรูป แต่งตัวเท่ห์ ดูแปลกตา ไปจาก คนวงการธุรกิจการเงินทั่วไป
ดูเข้ากันกะ สีสรร และ รูปแบบที่แหวกแนว ของตัวบัตร
(ถ้าจำไม่ผิด เคยเจอสัมภาษณ์ว่า ทุกวันศุกร์ พนง.จะแต่งตัว ฟรีสไตล์...ไม่ทราบจิงป่ะนะคะ)

บ่งบอกชัดเจน ว่าเป็นคนอารมณ์ดี สนุก กล้า และทันสมัย มั่นใจตัวเองสูง

การเปลี่ยนรูปแบบ โดยเริ่มจากตัวผู้บริหารก่อน ลามไป พนง.
มันจะค่อยๆลาม ไปถึงลูกค้า
จนเปลี่ยนความเชื่อ ความรู้สึก ต่อการเข้าใจเดิมๆ ในการใช้บัตรเครดิต
ทำให้รู้สึกว่า บัตรเครดิต เป็นเรื่องง่ายๆ และใกล้ตัว เหมือนเพื่อน ที่ให้ความสะดวกสบาย
มากกว่าการเป็นแค่เรื่องที่ต้องชดใช้กรรมที่ทำลงไป ทุกๆรอบจ่ายเงินในแต่ละเดือน  :lol:  :lol:  :lol:
thawattt
Verified User
โพสต์: 1141
ผู้ติดตาม: 0

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 69

โพสต์

ธุรกิจบัตรเครดิต มีจุดสำคัญที่ต้องดูให้ดี

1.  ฐานลูกค้าครอบคลุมมากขนาดไหน
2.  เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เริ่มมีบัตรหลายใบ คำถามคือ บัตรของธนาคารใด Active มากที่สุด อันนี้หละครับที่จะเป็นตัวสร้างรายได้ ถ้ามีการใช้บัตรเกิดขึ้น หรือเกิด Transaction ให้มาก เพราะจะได้รายรับจากค่าธรรมเนียมร้านค้า
3. มีลักษณะเป็นสินเชื่อบุคคลได้ด้วย ดังนั้นตรงนี้ก็ต้องไปแข่งกับธุรกิจการเงินในระบบคือ ธนาคาร หรือธุรกิจอื่น ๆ เช่น เช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า อิออน ตลอดจนการเงินนอกระบบ
4.  ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและบริหาร ถ้ามีสาขามากก็ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อการบริการลูกค้าตรงนี้สูง
5. กรณีเป็นการให้สินเชื่อบุคคล ตรงนี้ในภาวะเศรษฐกิจที่ดี คนมีกำลังซื้อสูง ก็คงไม่เป็นปัญหามาก แต่ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี จะเกิดผลกระทบ 2 ทาง คือ ด้านรายได้คนไม่กล้าใช้บัตร สำหรับด้านค่าใช้จ่าย ถ้าคนถือบัตรตกงาน (ตอนนี้พวกบัตรเครดิตจะนิยมให้คนมีเงินเดือนประจำถือบัตรมากขึ้น ) คงต้องดูข้อมูลการว่างงานประกอบ ช่วงนี้จำนวนคนว่างงานไม่มากก็คงไม่มีปัญหามากนัก แต่ถ้าเริ่มมีสัญญาณตรงนี้เกิดขึ้นจะน่ากลัว เพราะรายได้สินเชื่อบุคคลที่เคยรับรู้สูง อาจต้องตั้งสำรองหนี้ค้างชำระเพิ่มขึ้น และเวลาหนี้เสียมันเพิ่มขึ้นในอดีตนั้น ทั้งระบบมันจะเพิ่มขึ้นเร็วมาก ดังนั้นระบบบริหารความเสี่ยงต้องดี การมองรายได้จากสินเชื่อจึงต้องคำนึงถึงความเสี่ยงจากหนี้เสียเป็นระยะด้วยครับ ผมเคยศึกษาหนี้ของธุรกิจเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าแห่งหนึ่งในตลาด พบว่าอัตราหนี้เสียขึ้นเร็วมาก จนทำให้ธุรกิจของเขาจากเดิมมีกำไรกลับมาขาดทุนทันทีครับ ตรงนี้จึงต้องติดตามคุณภาพหนี้อย่างใกล้ชิด
6. อีกประเด็นผมคิดว่าธุรกิจบัตรเครดิตในอนาคตจะหาลูกค้าที่จงรักภักดีได้ยากขึ้น เพราะลูกค้าทำบัตรได้ง่ายและสะดวก การแข่งขันจะดูว่าใครให้สิทธิประโยชน์มากกว่ากัน เช่น Double Point การเติมน้ำมันได้ส่วนลด เป็นต้น

เป็นข้อมูลประกอบนะครับ
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 70

โพสต์

มองในแง่มุมหนึ่งดีกว่า
บัตรเครดิตเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทางอ้อม
คือเอาเงินในอนาคตคือเดือนข้างหน้ามาใช้ในวันนี้
หลักการมันแค่นั้น

ถ้าใครใช้ประโยชน์เป็นดีครับ
ถ้าจะยกตัวอย่างคนก็เหมือนบริษัท
บริษัทก็ต้องสั่งซื้อสินค้าเข้ามาผลิต โดยที่สัญญาจะจ่ายสินค้าให้อีกกีวันก็ว่ากันไป(โดยส่วนใหญ่ในตลาดจะกำหนดไว้ เก้าสิบวัน)

จุดนี้ล่ะทำให้เกิดการเอาเงินไปหมุนก่อนเพื่อทำการต่อยอดธุรกิจได้
ในปี สองพันห้าร้อยสี่สิบ หรือต้มย้ำกุ้ง มันล้มกันเป็นโดมิโน เพราะว่า ฐานรากคือ ธนาคารล้ม มีปัญหาไม่สามารถปล่อยสินเชื่อได้ ทำให้ธุรกิจต่างๆๆขาดเงินในเมื่อ ไม่มีเครดิตในการซื้อสินค้ามาผลิต เท่ากับว่าธุรกิจมันตายทั้งเป็น
เห็นธุรกิจกำลังดีอยู่ตายต่อหน้าต่อตาไป (ไม่เอาพวกผู้บริหารที่พวกเราตีหน้ากันไว้ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวไม่ว่า ธุรกิจจะดีแค่ไหนก็ตาม)

by the way
ธุรกิจบัตรเครดิตตอนนี้ คู่แข่งที่น่ากลัวคือ บัตรสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งทางธปท ไม่ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยเรียกเก็บสูงที่สุดเท่าไร แต่บัตรเครดิตตั้งไว้ สิบแปดเปอร์เซ็นต์ต่อปี ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทนี้ ถ้าเปิดล็อกจุดนี้ได้ จะเหมือน เจ้าเสริมสุข

ตามมาด้วยว่า บริษัทใช้ฐานข้อมูลในมือ คือ ยอดการใช้จ่ายของลูกค้า กระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายตามโปรโมทชั่นแค่ไหน และจัดบ่อยแค่ไหน ในเมื่อลูกค้ามีการใช้ชีวิตที่ต่างกัน เช่น บ้างคนชอบซื้อของตกแต่งบ้าน ซื้อหนังสือ รับประทานอาหาร ชอบไปคาราโอเกะ พักผ่อนไปเที่ยว เป็นต้น จะตอบรับการใช้ชีิวิตผ่านบัตรอย่างไง จุดนี้ล่ะปีที่แล้ว บริษัทนี้จึงต้องทำCRM เพื่อเป็นการดูลูกค้าในการใช้จ่ายด้วย ถ้าทำสำเร็จจะเหมือนบัตรเครดิตที่USเลย

อีกส่วนที่น่าจำตาคือ ตลาดบัตรเครดิต ระดับบนสุด คือ พวกที่มีรายได้สูง (เจ็ดหมื่นบาทต่อเดือนขึ้นไป) กลุ่มนี้เป็นที่สำคัญ เพราะถ้าดูแลดี จะอยู่กับบริษัทนานกว่าระดับล่าง (ธุรกิจนี้บ้างส่วนขึ้นอยู่กับความพอใจของลูกค้า และบริการของบริษัทที่มีให้แก่ลูกค้าด้วย)

เรื่องสุดท้าย คือ การหาลูกค้าใหม่ และความอยู่รอดของลูกค้า (ความอยู่รอดของตัวลูกค้าคือ การที่เป็นสมาชิกบัตรได้ยาวนานขนาดไหน)
:)
uI7J3w
Verified User
โพสต์: 150
ผู้ติดตาม: 0

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 71

โพสต์

thawattt เขียน: 6. อีกประเด็นผมคิดว่าธุรกิจบัตรเครดิตในอนาคตจะหาลูกค้าที่จงรักภักดีได้ยากขึ้น เพราะลูกค้าทำบัตรได้ง่ายและสะดวก การแข่งขันจะดูว่าใครให้สิทธิประโยชน์มากกว่ากัน เช่น Double Point การเติมน้ำมันได้ส่วนลด เป็นต้น

จริงนอกจากสิทธิประโยชน์เนี่ยต้องดูที่เงื่อนไขด้วยครับ
เช่นได้ double poin จริงต้องเสียค่าสมาชิกรายปี เว้นแต่ว่า จะมีวงเงินการใช้บริการ บัตรไม่ต่ำกว่า เท่านั้นเท่านี้ ในกรณีอย่างนี้มีไม่น้อยที่จะ กลายเป็น ลูกค้าที่มีไม่ภักดีต่อบริษัทได้ครับ

ถ้าบางคนใช้ถึงก็คงไม่กระทบหรอกครับ แต่ สำหรับคนที่ไม่ค่อยใช่บริการ
อาจจะไม่พึงพอใจกับผลิตภัณฑ์ได้

อย่างที่ miracle บอกครับ การมีระบบ CRM ที่แข็งแกร่งจะช่วยให้รักษาลูกค้าไว้ได้อย่างมากครับ
artvr4
Verified User
โพสต์: 767
ผู้ติดตาม: 0

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 72

โพสต์

[quote="007-s"]ข้อดี ที่นึกออกแว๊บแรกเลยนะคะ

แกงค์ผู้บริหาร เวลาแอ๊คท่าถ่ายรูป แต่งตัวเท่ห์ ดูแปลกตา ไปจาก คนวงการธุรกิจการเงินทั่วไป
ดูเข้ากันกะ สีสรร และ รูปแบบที่แหวกแนว ของตัวบัตร
(ถ้าจำไม่ผิด เคยเจอสัมภาษณ์ว่า ทุกวันศุกร์ พนง.จะแต่งตัว ฟรีสไตล์...ไม่ทราบจิงป่ะนะคะ)

บ่งบอกชัดเจน ว่าเป็นคนอารมณ์ดี สนุก กล้า และทันสมัย มั่นใจตัวเองสูง

การเปลี่ยนรูปแบบ โดยเริ่มจากตัวผู้บริหารก่อน ลามไป พนง.
มันจะค่อยๆลาม ไปถึงลูกค้า
จนเปลี่ยนความเชื่อ ความรู้สึก ต่อการเข้าใจเดิมๆ ในการใช้บัตรเครดิต
ทำให้รู้สึกว่า บัตรเครดิต เป็นเรื่องง่ายๆ และใกล้ตัว เหมือนเพื่อน ที่ให้ความสะดวกสบาย
มากกว่าการเป็นแค่เรื่องที่ต้องชดใช้กรรมที่ทำลงไป ทุกๆรอบจ่ายเงินในแต่ละเดือน
booklover
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1063
ผู้ติดตาม: 0

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 73

โพสต์

เคยอ่านเจอในหนังสือธุรกิจสักเล่มครับว่ามีบริษัทหนึ่งใน

บราซิลไม่มีชุดพนักงานไม่มีโต๊ะประจำให้พนักงานไม่มีที่

กั้นระหว่างกันไม่มีคอมพิวเตอร์ส่วนตัวทุกคนมีอิสระที่จะ

คิดจะทำตรงไหนก็ได้ปรากฎว่าทำให้กำไรของบริษัทออก

มาดีมากๆจนเกิดเป็น case study เลยนะครับแต่จำไม่ได้

แล้วว่าอ่านเจอที่ไหนเห็นข่าวคร่าวๆว่า ktc กำลังทำ

คล้ายๆกันอยู่น่าสนใจดีครับ :D
uI7J3w
Verified User
โพสต์: 150
ผู้ติดตาม: 0

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 74

โพสต์

hansome เขียน:เคยอ่านเจอในหนังสือธุรกิจสักเล่มครับว่ามีบริษัทหนึ่งใน

บราซิลไม่มีชุดพนักงานไม่มีโต๊ะประจำให้พนักงานไม่มีที่

กั้นระหว่างกันไม่มีคอมพิวเตอร์ส่วนตัวทุกคนมีอิสระที่จะ

คิดจะทำตรงไหนก็ได้ปรากฎว่าทำให้กำไรของบริษัทออก

มาดีมากๆจนเกิดเป็น case study เลยนะครับแต่จำไม่ได้

แล้วว่าอ่านเจอที่ไหนเห็นข่าวคร่าวๆว่า ktc กำลังทำ

คล้ายๆกันอยู่น่าสนใจดีครับ :D
:bow:  :bow:  :bow:  :bow:  :bow:
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 75

โพสต์

อ่ะ มันน่าสนใจจริงๆ ตรงที่ผู้บริหาร โยนนโยบาย แหวก เปรี้ยงลงมากลางโต๊ะแบบนี้
ในเมืองไทย ไม่ค่อยเห็นบ่อยๆนะ แนวให้อิสระ กับ พนง.



หรือ ที่ชอบนี่ อาจจะเป็นนิสัย และความเชื่อส่วนตัว ของดิฉันก็ได้
ที่ว่า การทำอะไรก็ตาม ให้ทำด้วยความรัก ความสนุก ทำทุกเรื่องในชีวิต ให้ง่ายที่สุด เท่าที่จะทำได้ ,ถ้าไม่รัก ไม่สนุกแล้วก็ อย่าไปทำ มันเสียเวลาชีวิต
เพราะ ถ้าทำอะไรทั้งๆที่ฝืนๆไป จะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้ยาก

ไม่รู้ ktc จะทำได้ดีแค่ไหนนิ รอดูต่อไป  :D
nanchan
Verified User
โพสต์: 2938
ผู้ติดตาม: 0

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 76

โพสต์

*KTC คาดปี 49 ยอดบัตรเครดิตเพิ่มกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 2.5 แสนใบ/กำไรลดลง
Source - IQ Biz
Tuesday, 09 May 2006 16:54

นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC)  คาดว่าในปี 49 กำไรสุทธิของบริษัทจะไม่เติบโตและมีแนวโน้มลดลง จากการที่ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นเป็น 6% มากกว่าในปี 48
         ในปี 48 KTC มีกำไรสุทธิ 652.7 ล้านบาท
         รวมทั้งลูกค้าของบริษัทมีแนวโน้มจะค้างชำระเพิ่มมากขึ้น หรือ 0.2% ในช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ จะส่งผลให้ภายใน 6 เดือนข้างหน้าจะมียอดหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มสูงขึ้นได้  จากสิ้นปี 48 ที่มี NPL เพียง 1%
         อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น โดยในส่วนบัตรเครดิตมีการอนุมัติสินเชื่อไป 50% เท่านั้น และในส่วนสินเชื่อส่วนบุคคลอนุมัติไปเพียง 30%
         "ลูกค้าบัตร KTC มีการใช้จ่ายผ่านบัตรในระดับสูง เช่น น้ำมัน ดิสเคาน์สโตร์ และการรักษาพยาบาล ทำให้สินเชื่อต่อครัวเรือนมากขึ้น โดยลูกค้ามีการใช้จ่ายผ่านบัตรเฉลี่ย 5,000 บาทต่อเดือน และแนวโน้มจะมีการใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มมากขึ้นจากราคาสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งจะเข้าสู่ช่วงเปิดเทอม ซึ่งปกติช่วงนี้ยอดสินเชื่อจะสูงมากกว่าปกติ" นายนิวัตต์กล่าว
         ในปี 2549   นายนิวัตต์กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าเพิ่มจำนวนบัตรเครดิต KTC อีก 2.5 แสนใบ จากเมื่อสิ้นปี 48 มีจำนวนบัตรเครดิต KTC ประมาณ 1 ล้านใบ
         "ยอดบัตรเครดิตที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปี 49 อาจจะมากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ จากการทำการตลาดเข้าถึงกลุ่มลูกค้าว่ามีความนิยมในสินค้าใด และมีโปรโมชั่นร่วมกับพันธมิตรที่อยู่ในกลุ่มสินค้าที่น่าสนใจ จะทำให้ยอดบัตรสูงกว่าเป้าที่วางไว้" นายนิวัตต์ กล่าว

--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/เสาวลักษณ์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: [email protected]--
ภาพประจำตัวสมาชิก
david
Verified User
โพสต์: 852
ผู้ติดตาม: 0

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 77

โพสต์

007-s เขียน:ความเชื่อส่วนตัว ของดิฉันก็ได้
ที่ว่า การทำอะไรก็ตาม ให้ทำด้วยความรัก ความสนุก ทำทุกเรื่องในชีวิต ให้ง่ายที่สุด เท่าที่จะทำได้ ,ถ้าไม่รัก ไม่สนุกแล้วก็ อย่าไปทำ มันเสียเวลาชีวิต
เพราะ ถ้าทำอะไรทั้งๆที่ฝืนๆไป จะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้ยาก

:D
:cool:
1.My Facebook page, https://www.facebook.com/pages/Kitichai ... 5514051589.
2.U may follow my stock comment via http://twitter.com/value_talk
3.กระทู้ที่โพสท์นี้เป็นความเห็นส่วนตัว การซื้อขายหุ้นขึ้นอยู่กับการใช้วิจารณญาณของแต่ละคน
ภาพประจำตัวสมาชิก
gutenberg
Verified User
โพสต์: 50
ผู้ติดตาม: 0

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 78

โพสต์

hansome เขียน:เคยอ่านเจอในหนังสือธุรกิจสักเล่มครับว่ามีบริษัทหนึ่งใน

บราซิลไม่มีชุดพนักงานไม่มีโต๊ะประจำให้พนักงานไม่มีที่

กั้นระหว่างกันไม่มีคอมพิวเตอร์ส่วนตัวทุกคนมีอิสระที่จะ

คิดจะทำตรงไหนก็ได้ปรากฎว่าทำให้กำไรของบริษัทออก

มาดีมากๆจนเกิดเป็น case study เลยนะครับแต่จำไม่ได้

แล้วว่าอ่านเจอที่ไหน
หนังสือชื่อว่า Maverick : The Success Story Behind the World's Most Unusual Workplace โดย Ricardo Semler

มีขายที่ kinokuniya ครับ 484 บาท

http://bookweb.kinokuniya.co.jp/guest/c ... 67&AREA=07

สำหรับคนที่ถนัด amazon.com ก็ตามลิ้งค์ครับ

http://www.amazon.com/gp/product/044667 ... oding=UTF8
uI7J3w
Verified User
โพสต์: 150
ผู้ติดตาม: 0

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 79

โพสต์

เมื่อวานไปงาน money expo มาครับ

เจอเรื่องทะตึงอีกแล้ว KTC ออกบัตรพลาสติดใหม่ ชื่ KTC24

เป็นลักษณะบัตรส่วนลด








สงสัยงานนี้ KTC จะกลายเป็น thaiticketmaster ซะหล่ะมั้ง
uI7J3w
Verified User
โพสต์: 150
ผู้ติดตาม: 0

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 80

โพสต์

uI7J3w เขียน:เมื่อวานไปงาน money expo มาครับ

เจอเรื่องทะตึงอีกแล้ว KTC ออกบัตรพลาสติดใหม่ ชื่ KTC24

เป็นลักษณะบัตรส่วนลด








สงสัยงานนี้ KTC จะกลายเป็น thaiticketmaster ซะหล่ะมั้ง
http://www.ktc.co.th/24/

:twisted:  :twisted:  :twisted:  :twisted:  :twisted:  :twisted:  :twisted:  :twisted:  :twisted:  :twisted:  :twisted:
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14784
ผู้ติดตาม: 1

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 81

โพสต์

ขายดีก่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
Rocker
Verified User
โพสต์: 4886
ผู้ติดตาม: 0

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 82

โพสต์

Jeng เขียน:ขายดีก่า


:cheers:  :cheers:  :cool:  :cool:  :cheers:  :cheers:
phobenius
Verified User
โพสต์: 1976
ผู้ติดตาม: 0

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 83

โพสต์

เห็น ดร นิเวศน์ มีคอนเมนด้วยวันนี้ที่ money expo
ว่าคู่แข่งเยอะ
thawattt
Verified User
โพสต์: 1141
ผู้ติดตาม: 0

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 84

โพสต์

เห็นคนสนใจ KTC มาก เลยขอนำการให้สัมภาษณ์ของผู้บริหารมาฝากครับ

นิวัตต์ จิตตาลาน"ปั้นเคทีซีสู่ มาร์เก็ตติ้ง คอมพานี

8 พฤษภาคม 2549 08:33 น.
ดอกเบี้ยเพิ่มไม่ส่งผลสินเชื่อชะลอ

   ในช่วงภาวะเศรษฐกิจส่งสัญญาณชะลอตัว จากผลพวงราคาน้ำมันแพง พร้อมๆ กับ อัตราดอกเบี้ยที่ขึ้นไม่หยุด  การทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคอุปโภค ก็ต้องมีการปรับตัวให้สอดคล้องกับภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เช่นเดียวกับบริษัท บัตรกรุงไทย  หรือ ที่รู้จักในนามของ เคทีซี ภายใต้การนำของ นิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ฉายภาพให้เห็นว่าจากนี้ไป เคทีซี จะไปในทิศทางไหน และวางเป้าหมายของ เคทีซีไว้ว่าจะอยู่ตรงส่วนหนึ่งของธุรกิจ

นิวัตต์ บอกว่า เคทีซี เริ่มต้นมาจากการทำธุรกิจบัตรเครดิต โดยได้พยายามสร้างแบรนด์ เคทีซี ขึ้นมาให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เพื่อที่จะสามารถขยายธุรกิจไปได้อย่างต่อเนื่อง และหลังจากนั้นก็เริ่มมาเพิ่มธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเพื่อธุรกิจ และอีกหลายๆ อย่างที่กำลังตามมา โดยคำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก และให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์สูงสุด และใช้บริการ เคทีซี อย่างต่อเนื่อง

สิ่งที่เคทีซี ได้ดำเนินการมา ส่งผลให้ในปัจจุบัน มีลูกค้าใหม่เพิ่มเฉลี่ยวันละ 2,500 ราย ทั้งบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล และแน่นอนว่าในปีนี้ เคทีซี ได้วางยุทธศาสตร์เชิงรุก ด้วยการปรับตัวใหม่ เน้นขยายตัวสมาชิกให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ทั้ง สินเชื่อเอสเอ็มอี สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต เนื่องจากมีบุคลากรมากพอในการหาสมาชิก โดยได้เตรียมการเปิดตัวรูปแบบการหาสมาชิกครั้งยิ่งใหญ่ในงาน มันนี่เอ็กซ์โป ในเบื้องต้นเรียกว่า บัตรสมาชิก จับกลุ่มคอนซูเมอร์ทุกราย โดยวางแผนไว้ 3 ปี

"3 ปีจากนี้เป็นการสร้างคือ 1.สร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมาใหม่ 2.หาสมาชิกใหม่ เริ่มจากนอนไฟแนนซ์ ที่ไม่เกี่ยวกับสินเชื่อ บัตรเครดิต โดยจับทุกกลุ่ม ทุกอาชีพ 3.ขยายช่องทางจัดจำหน่าย เพิ่มเครือข่ายจากปัจจุบันที่มีตัวแทนจำหน่ายที่เป็นบุคคล 5,000 คน ในลักษณะฟรีแลนซ์ โดยวางเป้าหมายในปีนี้จะมีตัวแทนจำหน่ายเพิ่มเป็น 10,000 คน ในขณะเดียวกันก็มีการจัดบูธให้กับตัวแทนอีก 50 บูธ ทั้งนี้ยังไม่รวมสาขาของเคทีซีอีก"

ผลิตภัณฑ์หลักของเคทีซี ยังให้น้ำหนักกับ บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล แต่เนื่องจากการแข่งขันในปัจจุบัน ทำให้เคทีซี ไม่สามารถอยู่กับที่ได้ จึงได้เน้นสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้กับลูกค้ามากขึ้น ด้วยการจัด โปรโมชั่นให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ผู้บริโภค เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องลงทุนหนักสุดในช่วงนี้คือ ระบบไอที ที่มีความซับซ้อน ให้เป็นช่องทางจัดจำหน่ายให้ได้ เพราะไอที ถือว่าเป็นช่องทางที่ให้ความรู้เกี่ยวกับฐานข้อมูลของลูกค้า ซึ่งนำมาวิเคราะห์ลูกค้าได้ การจัดเก็บข้อมูลของลูกค้าในปัจจุบันถือว่ามีความสำคัญมาก

เพราะเราสามารถนำข้อมูลของลูกค้ามาใช้ประโยชน์ต่างๆ ได้มากมาย รวมทั้งยังช่วยเคทีซี ประหยัดค่าใช้จ่ายได้จำนวนมาก เราทำแผนมาตลอด เพราะได้วางตัวเองให้เป็นมาร์เก็ตติ้งคอมพานี หรือ คอนซูเมอร์ มาร์เก็ตติ้งคอมพานี เนื่องจากศักยภาพของเคทีซียังมีอยู่ ซึ่งไม่ต่างจากธนาคารที่มองตัวเองว่าเป็น ยูนิเวอร์เซลแบงก์ ในขณะที่พันธมิตรทางธุรกิจ ก็ให้การตอบรับที่ดีมาก โดยเฉพาะโรงพยาบาล ซึ่งในระยะเวลาอันใกล้นี้จะออกบัตรร่วมกับโรงพยาบาลขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ณ ตอนนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการอยู่ ในขณะที่ความคืบหน้าของระบบไอทีในปัจจุบัน ของเคทีซี หากเปรียบเทียบกับโรงเรียนก็เหมือนกับโรงเรียนอนุบาลอยู่ เพราะเป็นช่วงของการเริ่มต้น

"เคทีซีวางเป้าหมายจากนี้ไป 3 ปีข้างหน้าจะมีสมาชิก 5 ล้านคนที่ active จากปัจจุบันมีอยู่1.2 ล้านราย และเป็นมาร์เก็ตติ้งคอมพานีให้บริการกับกลุ่มลูกค้าทุกสาขาอาชีพแบบครบวงจร สมบูรณ์แบบ ทุกคนสามารถเป็นสมาชิก เคทีซีได้ แม้ว่าเป็นชาวไร่ ชาวนาก็เป็นสมาชิก เคทีซีได้ ช่วงนี้จึงเป็นช่วงเวลาของการสร้างฐานหาสมาชิก ในขณะที่รายได้ในอีก 3 ปีข้างหน้าจะมาจากค่าธรรมเนียม 60% ดอกเบี้ยรับ 40%"

นิวัตต์ บอกว่า การมีฐานข้อมูล พันธมิตรทางธุรกิจ และสินค้าที่มากพอ ทำให้สามารถขยายงานได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเช่นเดียวกับ ในปีนี้ที่ได้เริ่มขายประกันให้กับพันธมิตร ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่ดีมาก ทำให้เคทีซี ไม่จำเป็นต้องเปิดห้างสรรพสินค้าขึ้นมาเอง เพราะได้มองว่าในอนาคตบริษัท หรือ องค์กรไหนมีฐานสินค้ามาก มีความเข้าใจลูกค้าดีจะได้เปรียบ

"เคทีซี ถือว่าโชคดี ที่มีนักการตลาดจำนวนมาก และมีทุกด้าน ทั้งน้ำมัน เครื่องสำอาง อาหาร ท่องเที่ยว โรงแรม ทำให้สร้างรอยต่อของผลิตภัณฑ์ได้ เพราะเราเห็นว่า ณ วันนี้การใช้ประโยชน์จากการเงิน การขายบริการ จำเป็นต้องมีสายงาน มีการวิเคราะห์ มีอุปกรณ์ที่ดีพอ มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่พร้อม จึงมั่นใจว่าแผนที่วางไว้ 3 ปี สมาชิก 5 ล้านคน มีความเป็นไปได้จึงได้เสนอบอร์ดลงทุนระบบฐานข้อมูล 500 ล้านบาท ซึ่งนับมาตั้งแต่ปี ที่ผ่านมา โดยปีที่ผ่านมาใช้ไป 70 ล้านบาท แม้ว่าเคทีซี จะขยายงานออกไปจำนวนมาก แต่ภายในระยะเวลา 1ปี นับจากนี้ก็ไม่มีแผนการเพิ่มทุนอย่างแน่นอน

เขา บอกว่า อัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นนั้นไม่ได้ทำให้จำนวนลูกค้าลดลง เพราะลูกค้ามีความต้องการเพิ่ม เนื่องจากลูกค้ามีค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่รายได้เท่าเดิม จึงเป็นที่มาของนโยบายสินเชื่อที่ให้ลูกค้าสามารถชำระขั้นต่ำได้ เพราะราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น ในขณะที่ราคาน้ำตาลก็ได้ปรับตัวขึ้นเช่นกัน จึงมีความจำเป็นที่ต้องใช้สินเชื่อล่วงหน้า วงเงินสินเชื่อนั้นควรมีไว้ใช้สำหรับความจำเป็นในชีวิต ไม่ต้องตกอยู่ในวงจรการเงินนอกระบบ และสามารถทดแทนกับส่วนที่ขาดหายไปได้ และในช่วงนี้เคทีซี ได้เน้นให้ลูกค้ารู้จักความรับผิดชอบในการใช้เงิน โดยก่อนใช้เงินให้คิดก่อน

ปัจจัยหลายๆ อย่างที่กำลังรุมเร้าเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ ทั้งราคาน้ำมัน ดอกเบี้ยขึ้น ค่าครองชีพเพิ่ม ส่งผลให้ต้นทุนของผู้ประกอบการเพิ่มไปด้วยนั้น ทำให้ทุกบริษัทต้องปรับตัวเองอยู่ตลอดเวลา แม้เคทีซี เองก็ตาม จึงได้หันมาเพิ่มรายได้จากค่าธรรมเนียมด้วยการทำหน้าที่เป็นมาร์เก็ตติ้งคอมพานี เพราะเป้าหมายใน 3 ปีข้างหน้ารายได้จากค่าธรรมเนียมต้องเพิ่มเป็น 60% รายได้ดอกเบี้ยรับจะเหลือ 40% จากปัจจุบันรายได้ค่าธรรมเนียม 40% รายได้ดอกเบี้ยรับ 60% นับจากนี้เป็นเวลา 12 เดือนข้างหน้า ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นเกือบ 100% แน่นอน เพราะฉะนั้นเวลาต้นทุนขึ้นก็ต้องหันมาประหยัด และบุกแทน แต่ในความคิดแล้วเชื่อว่าบุกดีกว่าประหยัด แต่จากการประเมินภาพโดยรวมในปีนี้ ต้องยอมรับว่าความสามารถในการทำกำไรลดลงแน่นอน

"ความสามารถการทำกำไรปีนี้ลดลง ดอกเบี้ยอย่างนี้อย่างไรก็กำไรลดลง ธุรกิจของเราคือกู้เงินมาปล่อยกู้ พอมาเจอสภาพเศรษฐกิจ สภาพการเมือง แบบนี้ ทำให้คนเป็นหนี้มีการค้างชำระมากขึ้นแน่นอน เอ็นพีแอลในระบบเพิ่มขึ้นแน่นอน และมากขึ้นอย่างน่าเป็นห่วงด้วย แต่จะคุมอยู่หรือไม่ขึ้นกับการจัดการ เคทีซี จึงจำเป็นต้องตั้งทีมติดตามหนี้ขึ้นมาอีกอย่างน้อย 40-50% รองรับเรื่องนี้"

นิวัตต์ บอกว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการเติบโตจริงแต่มาจากด้านเอกชน ซึ่งเอกชนเองก็ต้องมีการจัดการที่ดี ซึ่งเคทีซี จับลูกค้ากลุ่มคอนซูเมอร์ จึงเห็นหลายสิ่งหลายอย่าง และกลุ่มลูกค้าคอนซูเมอร์ถือว่ามีการเบรกยากที่สุด จึงทำให้เกิดเอ็นพีแอล เพราะฉะนั้นต้องมีการกำกับการจากภาครัฐที่ดีพอสมควร ยอมรับว่าสถานการณ์อย่างนี้น่าเป็นห่วง เพราะฉะนั้นต้องหยุดรอยกระเพื่อมทางการเมืองให้ได้ จึงจะสามารถแก้ปัญหาได้

ท่ามกลางการภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ นิวัตต์ ในฐานะผู้นำเคทีซี ถึงกับยอมรับว่าต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาวะตลาด จึงได้เร่งขยายฐานสมาชิกให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 3 ปี 5 ล้านราย และวางเคทีซีเป็นมาร์เก็ตติ้งคอมพานี ที่ให้บริการแบบครบวงจร มีรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มเป็น 60% จากปัจจุบันอยู่ที่ 40%
ซึ่งเขายอมรับว่าท่ามกลางปัจจัยต่างๆ กว่าจะถึงวันนั้นเขาต้องฝ่าฟันอุปสรรคอีกหลายอย่าง และในปีนี้ก็ได้ออกมายอมรับว่าอัตราการทำกำไรลดลงแน่นอน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชมเชยที่ยอมรับความจริง แต่ในทางกลับกันเขาไม่ได้หยุดนิ่งพยายามทุกวิถีทางที่นำพาเคทีซีไปให้ถึงจุดหมายใน 3 ปีข้างหน้า เพราะฉะนั้นก็ต้องเฝ้ารอดูว่าในอนาคต ภาพเคทีซี จะออกมาเป็นอย่างไร มีรายได้จริงตามที่คาดหวังไว้หรือไม่ การสร้างผลกำไรเป็นอย่างไร
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14784
ผู้ติดตาม: 1

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 85

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ท่ามกลางการภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ นิวัตต์ ในฐานะผู้นำเคทีซี ถึงกับยอมรับว่าต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาวะตลาด จึงได้เร่งขยายฐานสมาชิกให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 3 ปี 5 ล้านราย และวางเคทีซีเป็นมาร์เก็ตติ้งคอมพานี ที่ให้บริการแบบครบวงจร มีรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มเป็น 60% จากปัจจุบันอยู่ที่ 40% 
แบบนี้เรียกพื้นฐานเปลี่ยนหรือไม่ครับ
thawattt
Verified User
โพสต์: 1141
ผู้ติดตาม: 0

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 86

โพสต์

อนาคตของ KTC ต้องไปลุ้นข้างหน้าว่าทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่ ถ้าทำได้ พื้นฐานก็เปลี่ยนไป แต่ถ้าไม่ได้พื้นฐานยังไม่เปลี่ยนครับ

แต่ข้อมูลพื้นฐาน ณ ปัจจุบันนี้ชัดเจนที่สุดซึ่งตรงกับที่ผู้บริหารกล่าวถึงคือ

ภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ กู้มาแล้วปล่อยต่อ จะคุมต้นทุน และหารายได้เพิ่มได้อย่างไร

การค้างชำระที่สูงขึ้น ไตรมาสถัด ๆ ไปจะทำอย่างไร แบบนี้มีโอกาสตั้งสำรองที่สูงขึ้นครับ

ความรู้สึกของผมคิดว่าบริษัทนี้อย่างไรเสีย ก็เป็นบริษัทที่รับผิดชอบต่อผู้ลงทุน กล่าวคือ กล้าที่จะให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงกับผู้ลงทุน แม้ว่าจะเป็นข่าวร้ายนะครับ แบบนี้ถ้าพื้นฐานปรับเปลี่ยนไปและทำได้ดีขึ้นอีกรอบ นักลงทุนก็น่าจะสบายใจขึ้นที่อยากจะถือหุ้นตัวนี้ อย่างน้อยไม่หมกเม็ดเหมือนบางบริษัทที่ผู้ลงทุนต้องไปลุ้นกันเองว่าข่าวจริง ข่าวปลอม ข่าวหลอกลวง เป็นต้นครับ อิ อิ :lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
david
Verified User
โพสต์: 852
ผู้ติดตาม: 0

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 87

โพสต์

thawattt เขียน:อนาคตของ KTC ต้องไปลุ้นข้างหน้าว่าทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่ ถ้าทำได้ พื้นฐานก็เปลี่ยนไป แต่ถ้าไม่ได้พื้นฐานยังไม่เปลี่ยนครับ

ความรู้สึกของผมคิดว่าบริษัทนี้อย่างไรเสีย ก็เป็นบริษัทที่รับผิดชอบต่อผู้ลงทุน กล่าวคือ กล้าที่จะให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงกับผู้ลงทุน แม้ว่าจะเป็นข่าวร้ายนะครับ แบบนี้ถ้าพื้นฐานปรับเปลี่ยนไปและทำได้ดีขึ้นอีกรอบ นักลงทุนก็น่าจะสบายใจขึ้นที่อยากจะถือหุ้นตัวนี้ อย่างน้อยไม่หมกเม็ดเหมือนบางบริษัทที่ผู้ลงทุนต้องไปลุ้นกันเองว่าข่าวจริง ข่าวปลอม ข่าวหลอกลวง เป็นต้นครับ อิ อิ :lol:
I have faith with the management team. :)
1.My Facebook page, https://www.facebook.com/pages/Kitichai ... 5514051589.
2.U may follow my stock comment via http://twitter.com/value_talk
3.กระทู้ที่โพสท์นี้เป็นความเห็นส่วนตัว การซื้อขายหุ้นขึ้นอยู่กับการใช้วิจารณญาณของแต่ละคน
i_sarut
Verified User
โพสต์: 1808
ผู้ติดตาม: 0

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 88

โพสต์

ขุดมาดู

KTC ยังน่าสนอยู่มั๊ยครับ

เห็นราคามันรูดปื้ดๆ ลงมายั่ว  :twisted:

KTC : บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

P/E (เท่า) 3.79  
P/BV (เท่า) 0.31  
มูลค่าหุ้นทางบัญชีต่อหุ้น(บาท) 23.52  
อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน(%) 16.55  
ราคาล่าสุด(บาท) 7.25
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet

สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย

http://www.sarut-homesite.net/
noooon010
Verified User
โพสต์: 2712
ผู้ติดตาม: 0

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 89

โพสต์

- เค้ามีวิธี mange NPL อย่างไรบ้างครับ
- economic crisis ที่เกิดขึ้นมีผลกระทบอย่างไรบ้าง แล้วเค้าจะทำอย่างไรครับ
- เงินที่ได้มา นำไปลงทุนกับตราสารที่มีความเสี่ยง(ที่จะขาดทุน)บ้างไหมครับ
- ถ้า p/bv = 0.01 พี่มีแนวทางการลงทุนอย่างไรครับ ขอบคุณครับ
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ

มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม


นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
ภาพประจำตัวสมาชิก
songwit
Verified User
โพสต์: 279
ผู้ติดตาม: 0

มาเชียร์ ktc ครับ

โพสต์ที่ 90

โพสต์

I_SARUT writed:
KTC : บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

P/E (เท่า) 3.79  
P/BV (เท่า) 0.31  
มูลค่าหุ้นทางบัญชีต่อหุ้น(บาท) 23.52  
อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน(%) 16.55  
ราคาล่าสุด(บาท) 7.25
E ปัจจุบัน = 7.25/3.79
              = 1.92

E ในปี52-53 น่าจะลดลงครึ่งหนึ่ง(เดา) = 0.95
P/E ในปี52-53 ณ ราคา 7.25 = 7.25/0.95 = 7.63

คำถามคือ คุณคิดอย่างไรกับราคาปัจจุบัน ?
ถ้า E ลดลง 50%?
ถ้า E ลดลง 30%?

แต่ที่รู้แน่ๆคือ ลดลงแน่นอน ฟันธง :wink: