โค้ด: เลือกทั้งหมด
จากชีวิตคนทำงานกินเงินเดือนธรรมดาจนสามารถมีอิสรภาพทางการเงินอยู่ได้โดยไม่ต้องทำงานอีกต่อไปนั้นมีตัวอย่างอีกมากที่เกิดขึ้นจริง ส่วนใหญ่จะมาจากการเก็บหอมรอมริบและนำเงินเก็บที่มีไปลงทุนในสิ่งที่มีความรู้ ครั้งนี้จะกล่าวถึงนักลงทุนสาวท่านหนึ่งที่เติบโตมาจากต่างจังหวัด เข้ามาเรียนหนังสือในกรุงเทพในช่วงมัธยมขณะที่พ่อแม่ยังทำงานอยู่ต่างจังหวัด การเรียนในกรุงเทพนั้นเป็นสิ่งที่ต้องดิ้นรนขวนขวายด้วยตนเองเพราะไม่มีพี่น้องให้คำปรึกษาแต่อย่างใด หลังจากเรียนจบมัธยมด้วยความกตัญญูจึงไปสอบเป็นพยาบาลทั้งๆที่ในใจอยากเรียนด้านวิทยาศาตร์มากกว่า แต่ด้วยที่บ้านอยากให้ทำอาชีพพยาบาลเพราะจะได้ดูแลพ่อแม่ตอนแก่เฒ่าจึงยอมทนเรียนพยาบาลจนจบ
หลังจากเรียนจบได้เข้าทำงานในโรงพยาบาลของรัฐ เนื่องจากค่านิยมของคนต่างจังหวัดสมัยก่อนต้องการให้ลูกหลานเข้ารับราชการเพราะจะได้มีสวัสดิการรักษาพยาบาลให้กับพ่อแม่และคนในครอบครัวอีกด้วย เงินเดือนราชการเริ่มต้นไม่กี่พันบาทแต่ก็ยอมทนเพื่อบุพการี หลังจากเริ่มงานพยาบาลไปสักพักพบว่างานพยาบาลอาจจะไม่ใช่หนทางที่ตนเองต้องการเพราะในหน่วยงานที่ทำงานนั้นเต็มไปด้วยความฉ้อฉลและคอรัปชั่น จึงขอย้ายหน่วยงานไปทำงานในหน่วยราชการอื่นอย่างเทศบาลเมือง ระหว่างที่ทำงานไปนั้นเธอใช้ชีวิตอย่างสมถะ ไม่ได้หลงไหลไปกับความฟุ้งเฟ้ออย่างเพื่อนพนักงานคนอื่นๆ เงินเดือนส่วนใหญ่ก็ส่งให้พ่อแม่และเก็บหอมรอมริบไว้ทุกๆเดือนถึงแม้เงินเดือนจะไม่ได้มากมายอะไรนัก
หลังจากย้ายที่ทำงานไปทำงานในเทศบาลเมืองก็ยังหนีความฉ้อฉลในวงราชการไม่ได้เหมือนเดิม ทำให้ตัดสินใจยื่นใบลาออกจากราชการ แต่หัวหน้าทัดทานไว้และบอกว่าอีกไม่กี่ปีก็ได้อายุราชการที่จะได้สิทธิรับบำนาญแล้ว ทนต่อไปอีกหน่อย จึงขอย้ายไปทำงานในโรงพยาบาลสังกัดรัฐอีกแห่งหนึ่งแต่ทำด้านธุรการแทนโดยไม่ได้เข้าเวรประจำ ระหว่างนี้เงินเดือนที่ได้รับก็มากขึ้นตามอายุงาน แต่ถ้าเทียบกับเอกชนก็ถือว่าน้อยมากเพราะได้รับเงินเดือนเพียงไม่กี่หมื่นบาทต่อเดือนเมื่อเทียบกับอายุงานกว่าสิบปี
เมื่อเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งเพียงไม่กี่แสนบาทจึงมองหาหนทางในการลงทุน ช่วงนั้นเป็นช่วงหลังวิกฤติซัพไพร์ม ตลาดหุ้นตกต่ำไปทั่วโลก นักลงทุนต่างหนีหายจากตลาดหลักทรัพย์ มูลค่าการซื้อขายวันหนึ่งไม่กี่พันล้านบาท เธอได้เข้าไปในเวปไซค์ไทยวีไอและเริ่มศึกษาการลงทุนแบบเน้นคุณค่าซึ่งพบว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก จากนั้นจึงไปซื้อหนังสือเกี่ยวกับวีไอมาอ่านซึ่งขณะนั้นมีหนังสือแปลออกมาเป็นภาษาไทยจำนวนมาก และเริ่มนำเงินเก็บเข้ามาลงทุนตลาดหลักทรัพย์
ในช่วงแรกๆนั้น
ครอบครัวยังเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจในการลงทุนหุ้น แต่ด้วยทัศนคติที่ต่างกันในการลงทุน เพราะอีกฝ่ายมองว่าเวลาหุ้นราคาลดลงจะขาดทุนต้องรีบขายเพื่อออกจากตลาดไป ขณะที่เธอมองว่าเวลาราคาหุ้นลดลงกลับเป็นโอกาสในการลงทุน วันหนึ่งเธอตัดสินใจซื้อหุ้นธนาคารเพราะมีข่าวว่าจะมีปันผลและธุรกิจยังไปได้ดี แต่ปรากฏว่าดัชนีตลาดหุ้นตกลงอย่างมากทำให้หุ้นธนาคารนั้นลดลงจนขาดทุนไปเป็นเงินหลายแสนบาทรวมทั้งมีแรงกดดันจากคนรอบข้างให้รีบขายหุ้นนั้นออกไปเพื่อจะไม่ให้ขาดทุนมากยิ่งขึ้น แต่เธอกลับทำในสิ่งตรงกันข้ามคือซื้อหุ้นนั้นมากขึ้น พอเวลาผ่านไปตลาดหุ้นเริ่มกลับมาคึกคัก ราคาหุ้นธนาคารนั้นปรับตัวสูงขึ้นจนสามารถทำกำไรได้เป็นล้านบาท
ในช่วงเวลาที่ทำงานนั้น เธอได้ลงทุนไปด้วย ตลาดหุ้นเริ่มกลับมาขึ้นหลังจากวิกฤติซัพไพร์ม ดัชนีจาก 400 จุดปรับตัวมาเป็น 1,500-1,600 จุดในปัจจุบัน หุ้นที่เธอลงทุนมีราคาเพิ่มขึ้นมากรวมถึงปันผลที่ได้รับในแต่ละปีมากกว่าเงินเดือนที่ได้จากอาชีพราชการ จนวันหนึ่งเมื่อถึงอายุราชการที่สามารถมีบำนาญได้จึงตัดสินใจลาออกและเป็นนักลงทุนเต็มตัว
จะเห็นว่าถึงแม้จะมีอาชีพรับราชการเงินเดือนน้อยนิด แต่ด้วยความมุ่งมั่นและอดออมรวมถึงการแสวงหาความรู้ในการลงทุนก็สามารถลงทุนจนเปลี่ยนชีวิตได้เช่นกัน