สถานการณ์รถยนต์

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4366
ผู้ติดตาม: 1

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 151

โพสต์

leaderinshadow เขียน:ตอนนี้ผมมองว่าอุปสรรคใหญ่สุดของการเกิดรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเราคือ ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าครับ
ถ้าเรามีปัญหาในการขึ้นโรงไฟฟ้าใหม่ หรือ ปัญหาที่แก๊สในอ่าวไทยใกล้หมด ซึ่งปัจจุบันมีเหลือให้ใช้อีกไม่เกิน 10 ปี ถ้าไม่มีการประมูล หรือขุดพบเพิ่ม สถานการณ์ด้านความมั่งคงด้านพลังงานไฟฟ้าตอนนี้ เราค่อนข้างมีปัญหามากๆ
ทำไมบางข่าวถึงมีการออกมาบอกว่าแผนการผลิตไฟฟ้าของรัฐมันมีปริมาณไฟฟ้าสำรองมากเกินความจำเป็นล่ะครับ อ่านเจอแล้วผมก็ยังงงๆ อยู่เลย

อีกเรื่อง ระหว่างรถยนต์พลังงานไฟฟ้ากับรถยนต์พลังงานไฮโดรเจน สุดท้ายเราจะไปทางไหนกันครับ?
ภาพประจำตัวสมาชิก
leaderinshadow
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1765
ผู้ติดตาม: 0

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 152

โพสต์

เพราะเศรษฐกิจ เราแย่กว่าที่คิดไว้ครับ กลายเป็นโรงไฟฟ้าที่กำลังเสร็จตามแผนเดิมต้องกลายเป็นสำรอง เพราะไม่มีคนใช้
แถมตอนนี้เลยต้องพยายามเลื่อนโรงไฟฟ้าที่กำลังจะเสร็จออกไป โดยภาครัฐต้องจ่ายค่าชดเชย
แต่ภาพใหญ่ ความมั่นคงพลังงานเรายังมีปัญหาไม่เปลี่ยนแปลงครับ เพราะปัจจุบันเราใช้ไฟฟ้าจากแก๊ส 60-70%
ซึ่งแหล่งแก๊สในอ่าวไทย ก็กำลังจะหมดในอีกไม่กี่ปี หมดเมื่อไหร่ เราอาจจะต้องนำเข้าแทน ถึงตอนนั้นมีการประมาณการณ์กันว่า ค่าไฟจะขึ้นทันทีประมาณ 40% ครับ ถ้าค่าไฟขึ้น ต้นทุนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าก็เพิ่มขึ้นแน่นอน


อีกเรื่อง ระหว่างรถยนต์พลังงานไฟฟ้ากับรถยนต์พลังงานไฮโดรเจน สุดท้ายเราจะไปทางไหนกันครับ?
ตอบตามตรง อันนี้ผมก็ไม่ทราบครับ แต่ถ้าเป็นญี่ปุ่น เค้ามองว่าพลังงานไฮโดรเจน มีโอกาสมากกว่าในระยะยาว
ส่วนรถยนต์ไฟฟ้า ก็มีโอกาส แต่ความหวังอาจจะไม่เท่าพลังงานไฮโดรเจน แต่ก็มีช่วงเปลี่ยนผ่าน เค้าเลยทำพวกไฮบริดครับ ระหว่างที่กำลังรอให้เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าพัฒนา

แต่เทรนที่แน่นอนชัวร์ๆ คือ เทคโนโลยีการประหยัดพลังงานครับ ไม่ว่าจะเป็นรถใช้น้ำมัน Bio fuel ไฟฟ้า เซลเชื้อเพลิง หรือแหล่งพลังงานอะไร สุดท้ายก็ต้องออกแบบมาให้ประหยัดพลังงานที่สุดครับ
syj
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4254
ผู้ติดตาม: 1

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 153

โพสต์

ข่าวในประเทศ – สถาบันยานยนต์ ฟันธงยอดผลิตรถยนต์รวมของไทยปีนี้ถึง 2.15 ล้านคันซึ่งเป็นภาวะชะลอตัว แต่คาดปีหน้าสถานการณ์ดีขึ้นจากโครงการอีโคคาร์เฟส2 พร้อมหนุนงาน “แมนูแฟกเจอริ่ง เอ็กซ์โป 2015” โชว์เทคโนโลยีการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ระหว่างวันที่ 24 – 27 มิถุนายนนี้ ที่ไบเทค บางนา

นายวิชัย จิราธิยุต ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ เปิดเผยถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในปัจจุบันว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีการเติบโตต่อเนื่องมาโดยตลอด จนปัจจุบันไทยมีความสามารถในการผลิตรถยนต์ประมาณ 2.8 ล้านคันต่อปี แต่เพราะตลาดมีการชะลอตัว จึงทำให้ไทยไม่สามารถใช้กำลังการผลิตได้เต็มที่ โดยคาดว่าในปีนี้ ไทยจะมียอดการผลิตประมาณ 2.15 ล้านคัน อย่างไรก็ตามเชื่อว่า ไทยจะกลับมามียอดการผลิตเพิ่มขึ้นในปีหน้า จากโครงการอีโคคาร์ระยะที่ 2 รวมถึงการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ ที่คิดจากการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในปี 2559 และการเปิดเผยข้อมูลรถให้กับประชาชน (ECO STICKER) ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในไตรมาสแรกปีหน้า ขณะเดียวกันการก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนภายในสิ้นปีนี้ จะส่งผลทำให้มีการเปิดการค้าเสรีเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นแรงจูงใจให้มีนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในภูมิภาคนี้มากขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีไทยเป็นฐานการผลิตหลัก

ในส่วนของผลกระทบจากเออีซีที่มีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทย นายวิชัยกล่าวว่า การเกิดเออีซีจะทำให้หลายๆ มิติเปลี่ยนไป เช่น ตลาดใหญ่ขึ้น และผู้บริโภคก็เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 600 ล้านคน แต่ก็จะมีคู่ค้าเพิ่มขึ้นจากอีก 9 ประเทศในอาเซียน ส่งผลให้มีการแข่งขันในด้านการพัฒนาคุณภาพของสินค้า เนื่องจากการกีดกันทางภาษีมีแนวโน้มลดลงจนเป็นศูนย์ ดังนั้น ประเทศที่มีความได้เปรียบด้านเทคโนโลยีจึงมีโอกาสสูงกว่า

โดยในปี 2557 ทวีปอาเซียนมีปริมาณการผลิตรถยนต์ ทั้งสิ้น 3,984,877 คัน โดยประเทศที่มีความสามารถในการผลิตรถยนต์หรือจักรยานยนต์ได้ในประเทศตนเองมีอยู่ 5 ประเทศ คือ กลุ่ม ASEAN 5 ประกอบด้วย ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ตามลำดับ ด้วยจุดแข็งประเทศไทย คือ 1.ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์มีความชำนาญในการผลิตสูง แรงงานมีประสบการณ์และมีความชำนาญเป็นอย่างดี 2. มีอุตสาหกรรมสนับสนุนที่เข้มแข็ง มีเครือข่ายผู้ผลิตต้นน้ำขนาดกลางและขนาดเล็กจำนวนมาก 3. ชิ้นส่วนยานยนต์ไทยมีคุณภาพมาตรฐานระดับโลก 4. ผู้ผลิตรถยนต์ เช่น ญี่ปุ่น มีฐานการผลิตขนาดใหญ่และมีการลงทุนโครงการใหญ่จำนวนมากในไทย

http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrvie ... 0000059742
// Stay Hungry, Stay Foolish.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
ภาพประจำตัวสมาชิก
leaderinshadow
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1765
ผู้ติดตาม: 0

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 154

โพสต์

มอเตอร์ เอ็กซ์โป กำลังซื้อ ‘รถยนต์’จะกลับมา
วันศุกร์ที่ 05 มิถุนายน 2015 เวลา 10:52 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ

http://www.thanonline.com/index.php?opt ... Itemid=452
มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 32
มอเตอร์ เอ็กซ์โป กำลังซื้อ ‘รถยนต์’จะกลับมา


หนึ่งในผู้จัดอีเวนต์ยานยนต์ชั้นนำในบ้านเราต้องยกให้ ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ เจ้าของงาน มหกรรมยานยนต์ หรือ ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งที่ 32 งานใหญ่ที่จัดขึ้นเป็นประจำในช่วงปลายปี โดยปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-13 ธันวาคม 2558 ณ ชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี และแม้ว่างานจะจัดขึ้นในช่วงปลายปีแต่ทีมผู้จัดก็มีความคืบหน้ามานำเสนออย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เปิดขายพื้นที่ให้กับผู้เข้าร่วมงาน รวมไปถึงแสดงทรรศนะเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปีนี้ว่าจะไปในทิศทางไหน

++กระแสการตอบรับของค่ายรถ

การจัดงานในปีนี้ ใช้พื้นที่รวมทั้งสิ้น 8 หมื่นตารางเมตร โดยแบ่งออกเป็น ภายในชาเลนเจอร์ 6 หมื่นตารางเมตร และด้านนอกอาคาร 2 หมื่นตารางเมตร ที่รองรับการจัดแสดงเครื่องเสียงรวมถึงกิจกรรมอื่นๆ และเมื่อวันที่ 3 – 4 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้ทำการเปิดขายพื้นที่ ผลปรากฏว่าค่ายรถ – ค่ายจักรยานยนต์ และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องต่างๆให้การตอบรับเป็นอย่างดี โดยคาดว่าค่ายรถที่จะเข้าร่วมในปีนี้จะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาที่มี 41 ราย และมีรายใหม่เข้าร่วมประมาณ 2 แบรนด์

++งบประมาณในการจัดงาน

สำหรับงบลงทุนในปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาเล็กน้อย โดยใช้ประมาณ 180–200 ล้านบาท ขณะที่ไฮไลต์เกี่ยวกับรถรุ่นใหม่นั้นมีอย่างแน่นอน แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ นอกจากนั้นแล้วยังมีความพิเศษ กล่าวคือเพิ่มงาน AAITF Bangkok 2015 (Automotive Aftermarket Industry and Tuning Trade Fair for Southeast Asia) ซึ่งจับมือกับทาซัส ผู้จัดจากอังกฤษ ที่ประสบความสำเร็จในการจัดงานเกี่ยวกับอาฟเตอร์มาร์เก็ต ล่าสุดคือจัดที่ประเทศจีน และการจัดขึ้นที่ไทยในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก ซึ่งจะจัดขึ้นภายในงานมหกรรมยานยนต์ ระหว่างวันที่ 9-11 ธันวาคม บนพื้นที่ของฮอลล์ 9 เมืองทองธานี โดยจัดแสดงสินค้า อะไหล่ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักรกล และเปิดโอกาสให้มีการจับคู่ธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ ตัวแทนจำหน่าย ผู้นำเข้า ผู้ค้าส่ง และค้าปลีก ในกลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้เจรจาธุรกิจกัน ถือเป็นงานลักษณะ B2B โดยผู้เข้าร่วมงาน 70% จะเป็นผู้ประกอบการที่มาจากจีน, ยุโรป , อาเซียน และอีก 30 % เป็นผู้ประกอบการในไทย

++เป้าหมายการจัดงานในปีนี้

ยอดจองรถยนต์ภายในงานคาดว่าจะอยู่ที่ 5 หมื่นคัน หรือคิดเป็นมูลค่าเงินสะพัดภายในงานประมาณ 5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มียอดจอง 4.2 หมื่นคัน ขณะที่ผู้เข้าชมงานจะอยู่ที่ 1.55 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ที่มีจำนวน 1.38 ล้านคน โดยปัจจัยที่จะมีส่วนผลักดันเป้าหมายในครั้งนี้มาจากการปรับตัวที่ดีขึ้นของตลาดรถยนต์ ที่ประมาณการว่าอัตราการเติบโตจะลงลงเหลือ 10 % จากปัจจุบันที่ลดลง 15 % นอกจากนั้นแล้วการจัดแคมเปญในช่วงปลายปีก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภค

อีกหนึ่งปัจจัยคือ การประกาศใช้โครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ในวันที่ 1 มกราคม 2559 แม้ในเบื้องต้นจะยังมองไม่เห็นผลกระทบกับตลาด เพราะรัฐบาลยังไม่ได้กำหนดชัดเจนว่าจะมีการคิดในรูปแบบไหน โดยรถบางรุ่นได้เปรียบ – บางรุ่นเสียเปรียบ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับรัฐว่าจะใช้เกณฑ์แบบไหน แต่เบื้องต้นที่มีการประเมินมีอยู่ 3 แบบ คือ จัดเก็บจากหน้าโรงงานผลิต ซึ่งจะทำให้ผู้ผลิตรถยนต์มีการวางแผนการผลิตได้ โดยในรูปแบบนี้รัฐบาลอาจจะเสียประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี เพราะผู้ผลิตที่มีกำลังการผลิตเหลือจะเร่งผลิตรถออกมาสต๊อกก่อนเพื่อให้ได้ราคาเดิมก่อนจะปรับขึ้น แบบที่ 2 คือ จัดเก็บในวันทำสัญญา กล่าวคือทำสัญญาการซื้อขายก่อนวันที่ 1 มกราคม 2559 แต่วิธีนี้มีช่องโหว่คืออาจจะมีการทำย้อนหลังได้ และแบบที่ 3 คือ จัดเก็บในวันโอนรถ กล่าวคือโอนก่อนวันที่ 31 ธันวาคม 2558 วิธีนี้รัฐต้องเตรียมความพร้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับกับการจดทะเบียนของลูกค้าจำนวนมากที่จะแห่ไปจด
++วิเคราะห์ตลาดรถยนต์ปีนี้

เดิมทีคาดการณ์กันว่าตลาดรถยนต์ปีนี้น่าจะถึง 9 แสนคัน แต่ผ่านไปไตรมาสแรกก็เริ่มประเมินใหม่ โดยมองว่าน่าจะอยู่ที่ 8 แสนคัน ส่วนยอดผลิตก็น่าจะอยู่ที่ 2 ล้านคัน ขณะที่ภาพรวมตลาดในกลุ่มเอ ลบขึ้นไปหรือเซ็กเมนต์บนนั้นยังคงขายได้ ด้านกลุ่มกลาง และล่าง โดยเฉพาะกลุ่มอีโคคาร์ ยังได้รับผลกระทบ สืบเนื่องมาจากรถคันแรก แต่อย่างไรก็ตามก็มองว่าในกลุ่มนี้ก็จะเริ่มฟื้นตัว เพราะรถคันแรกมีอายุ 3- 4 ปีแล้วบางส่วนผ่อนใกล้หมด ก็จะมีกำลังซื้อกลับมา นอกจากนั้นแล้วกลุ่มนักศึกษาที่จบและกำลังเริ่มทำงานก็จะมีการซื้อรถรุ่นใหม่ขับ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,059 วันที่ 7 - 10 มิถุนายน พ.ศ. 2558
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 155

โพสต์

คำถามที่น่าคิด สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์คือ
ตอนนี้ตลาดอยู่ในช่วงที่เรียกว่า ซื้อเพื่อทดแทนของเดิมหรือยัง
ยังมีครอบครัวของประชาชนชาวไทยอีกมากไหมที่ยังไม่มีรถยนต์ ส่วนตัวเป็นของตัวเอง

ถ้าหากเข้าสู่ตลาดซื้อเพื่อทดแทนแล้ว
คำถามต่อมาคือ รถยนต์คันเดิม มีอาการการใช้งานนานแค่ไหน
ครอบครัวนั้น ซื้อรถยนต์คันใหม่เพื่อทดแทนของเดิม หรือมีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้ซื้อรถยนต์ใหม่

แล้วคำถามต่อไป ในต่างประเทศ มีประเทศไหนที่ก้าวหน้าไปกว่าเราในเรื่องของอุตสาหกรรมรถยนต์
ที่เป็นตลาดซื้อเพื่อทดแทนของเดิม แล้วบางละ
:)
:)
ภาพประจำตัวสมาชิก
leaderinshadow
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1765
ผู้ติดตาม: 0

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 156

โพสต์

ออสเตียเลีย เป็นตัวอย่างได้ครับ
อัตราการมีรถยนต์ต่อประชากรอยู่ที่ประมาณ 1 ต่อ 2
มีค่าเฉลี่ยการเปลี่ยนรถ อยู่ที่ 10 ปี โดยประมาณ
ตลาดไม่โต แต่มีการซื้อรถทดแทนของเก่าตลอด

ปัจจัยสำคัญคือสภาพเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่น (ทำให้เปลี่ยนรถเร็วกว่าปกติ) รถรุ่นใหม่ เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ประหยัดพลังงานกว่า หรือมีประสิทธิภาพสูงกว่า
นโยบายการส่งเสริมจากภาครัฐ เช่นรถเก่าแลกรถใหม่ หรือ อื่นๆ

ส่วนของประเทศไทย ล่าสุดยอดรถจดทะเบียนอยู่ที่ 35 ล้านคันครับ แต่ๆ เป็นรถจักรยานยนต์ 20 ล้านคัน
ที่เหลือเป็นรถยนต์ประมาณ 15 ล้านคัน
http://vigportal.mot.go.th/portal/site/ ... index3URL/

ส่วนประชากรประเทศไทยอยู่ที่ 65 ล้านคน
อัตราส่วน รถยนต์ต่อประชากร ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1 ต่อ 4.3
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 157

โพสต์

ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้นำเสนอ ดัชนีราคารถยนต์มือสอง ข้อมูลจาก บริษัท สหการประมูล (AUCT) และ มาจากสมาคมประกันวินาศภัยไทย
ในบทความของ ธปท นั้น มีการวิเคราะห์ผลกระทบไปยัง การเติบโตของ พอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ด้วย

https://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndP ... _06_58.pdf

สิ่งหนึ่งที่ผมยอมรับว่าผมมองไม่ถึง คือ การที่ราคาของรถยนต์ที่ประชาชนทั่วไปผ่อนไปนั้น
เมื่อราคาลดลง ประชาชนยอมที่ให้สถาบันการเงินยึดรถยนต์ แล้วไปขายทอดตลาดต่อไป
ประชาชนก็จ่ายส่วนต่างนิดหน่อย เพื่อตัดการผ่อนรถยนต์ไป เนี่ยเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้
หนี้ครัวเรือนพุ่งสูงขึ้นไปด้วย

ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง
ราคาบ้านและที่ดินที่สูงขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป ประชาชนชอบ Refinance สินเชื่อบ้านและที่อยู่อาศัย
จากสถานบันการเงิน A ไปยัง สถาบันการเงิน B ซึ่งการ Refinance นั้นราคาที่ดินได้ปรับเพิ่มขึ้น
สิ่งนี้ทำให้สถาบันการเงินสามารถขยายวงเงินสินเชื่อให้แก่ผู้มาขอสินเชื่อได้
หากราคาที่ดินร่วงลงเมื่อไร มันจะเกิดวงจรเหมือนกับ อุตสาหกรรมรถยนต์ที่เกิดหรือเปล่า
เป็นเรื่องที่น่าคิด แต่ทว่า เราได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับ พญาอินทรีย์แล้ว หวังว่า ไม่เจริญตามรอยไปละกัน
:)
:)
ภาพประจำตัวสมาชิก
neuhiran
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 817
ผู้ติดตาม: 1

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 158

โพสต์

leaderinshadow เขียน:ออสเตียเลีย เป็นตัวอย่างได้ครับ
อัตราการมีรถยนต์ต่อประชากรอยู่ที่ประมาณ 1 ต่อ 2
มีค่าเฉลี่ยการเปลี่ยนรถ อยู่ที่ 10 ปี โดยประมาณ
ตลาดไม่โต แต่มีการซื้อรถทดแทนของเก่าตลอด

ปัจจัยสำคัญคือสภาพเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่น (ทำให้เปลี่ยนรถเร็วกว่าปกติ) รถรุ่นใหม่ เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ประหยัดพลังงานกว่า หรือมีประสิทธิภาพสูงกว่า
นโยบายการส่งเสริมจากภาครัฐ เช่นรถเก่าแลกรถใหม่ หรือ อื่นๆ

ส่วนของประเทศไทย ล่าสุดยอดรถจดทะเบียนอยู่ที่ 35 ล้านคันครับ แต่ๆ เป็นรถจักรยานยนต์ 20 ล้านคัน
ที่เหลือเป็นรถยนต์ประมาณ 15 ล้านคัน
http://vigportal.mot.go.th/portal/site/ ... index3URL/

ส่วนประชากรประเทศไทยอยู่ที่ 65 ล้านคน
อัตราส่วน รถยนต์ต่อประชากร ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1 ต่อ 4.3

เมื่อเทียบราคารถกับรายได้แล้ว ผมคิดว่ารถยนต์ใน ออสเตรเลีย นั้นราคาไม่แพงเลยครับ
และเมื่อเทียบราคารถยนต์ใน ออสเตรเลียกับรถในเมืองไทย ราคารถยนต์ในออสเตรเลียถูกกว่าในเมืองไทยมาก
สรุปก็คือ ประชากรมีรายได้มากกว่า และสามารซื้อสินค้าได้ในราคาที่ถูกกว่า จะเปลี่ยนหรือซื้อทดแทน บ่อยหน่อยก็คงไม่ต้องคิดมากหรอกครับ
เมืองไทยน่ะ รถเป็นสินค้าที่มีราคาแพงนะครับ แต่ที่เมืองนอกนั้นหลายๆประเทศที่ผมไปมา ราคารถถูกกว่าในบ้านเรามากจริงๆ

จนบางครั้งผมยังเผลอคิดไปเลยว่า นี่มันกรรมอะไรของพวกเราหนอ สินค้าที่ผลิตที่บ้านเราเองแท้ๆราคากลับแพงกว่าที่ขายปลายทางซะอีก
แล้วพวกเราต้องทนมาซื้อของแพงๆ ออฟชั่นไม่ครบมาใช้ คิดแล้วฟุ้งซ่านครับ
:D
ภาพประจำตัวสมาชิก
leaderinshadow
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1765
ผู้ติดตาม: 0

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 159

โพสต์

ที่ราคารถบ้านเราแพงกว่าเพราะตัวภาษีสรรพสามิตครับ
ไม่ใช่แค่รถนะครับ น้ำมันก็ด้วย เติมน้ำมันทีเหมือนเติมภาษี
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 160

โพสต์

ทำไมตลาดรถยนต์ในประเทศ ไม่ฟื้น
คำตอบง่ายๆๆ ย้อนไปดูมาตรการรถยนต์คันแรก ที่ให้ผู้ซื้อขอคืนภาษีสรรพามิต ได้หลังจากเป็นเจ้าของ 1 ปี เงื่อนไข
ผู้ซื้อซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์นั้น ถือครองรถยนต์ 5 ปี
เนี่ยก็ปีที่ 3-4 เองของโครงการนี้ ซึ่งการเปลี่ยนรถยนต์นั้น เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
หากมีการแก้ไขมาตราการนี้ ทำให้ปริมาณรถยนต์มือสองเพิ่มขึ้นอีกครั้ง นั้นคือ ราคารถยนต์มือสองจะอยู่ในภาวะผิดปกติอีกครั้งหนึ่ง แต่ตลาดรถยนต์มือหนึ่งกลับมาฟื้นคืนได้ นั้นคือยอดจำหน่ายรถยนต์ภายในประเทศกลับมาได้นั้นเอง

มันก็น่าคิด ว่า ต้นทางคือ มติคณะรัฐมนตรี ทางแก้ไขคือ ออกมติคณะรัฐมนตรีแก้ไข มติเดิมที่ออกไป
มันก็จบปัญหาเรื่องนี้
:)
:)
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4366
ผู้ติดตาม: 1

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 161

โพสต์

แปลว่าปัญหายอดขายรถยนต์ในประเทศอยู่ที่มีเงินแต่ใช้ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าไม่มีเงินจะใช้ อย่างนั้นถูกต้องมั้ยครับ?
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 162

โพสต์

ดำ เขียน:แปลว่าปัญหายอดขายรถยนต์ในประเทศอยู่ที่มีเงินแต่ใช้ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าไม่มีเงินจะใช้ อย่างนั้นถูกต้องมั้ยครับ?
ยอดขายรถยนต์ในประเทศไม่ฟื้นเพราะ
1. ยอดขายรถยนต์ในปี 2555-2556 นั้น กวาดเอายอดของคนที่ต้องการรถยนต์มา 5 ปีเลย
เพราะ เงื่อนไขของโครงการคือถือครอง 5 ปี ไม่ขาย ไม่งั้นไม่ได้เงินภาษีสรรพามิตคืน
,เป็นบุคคลธรรมที่ไม่เคยซื้อรถยนต์เลย ,ราคารถุยนต์ไม่เกิน 1 ล้านบาท ,กระบอกสูบสำหรับเบนซินไม่เกิน 1,500 CC
,กระบอกสูบสำหรับกระบะ อันนี้จำไม่ได้ว่าเท่าไร
2. ตลาดรถยนต์ภายในประเทศนั้น ซื้อโดยใช้การเช่าซื้อ กับสถาบันการเงิน(ธนาคารพาณิชย์,สถานบันการเงินพวกลิสซิ่งต่างๆ) ดังนั้น ในปี 2555-2556 ยอดหนี้สินในเรื่องเช่าซื้อเพิ่มสูงขึ้น
3. ยอดหนี้สินครัวเรือนย้อนไปปี 2555-2556 ก็เพิ่มขึ้น จากนโยบายรถยนต์คันแรก ,บ้านหลังแรก ,กู้เพื่อซ่อมแซมบ้านจากมหาอุทกภัย

โดยทั่วไป การซื้อขายรถยนต์สำหรับผู้ที่มีรถยนต์อยู่แล้ว คือการขายรถยนต์คันที่มีอยู่ เป็นเงินดาว์นรถยนต์คันที่จะซื้อต่อไป เมื่อ ติดภาระในข้อ 1 มันก็ทำให้ไม่สามารถซื้อคันต่อไปได้ สำหรับการซื้อทดแทน นั้นเอง

ส่งที่ส่งออกมารถยนต์เพิ่มขึ้นในปี 2556-2557 นั้น สังเกตไหมว่าเป็นรถยนต์ประเภทกระบะ ,รถยนต์นั่ง
ซึ่งผมก็สงสัยว่า เป็นรถยนต์ในโครงการรถยนต์คันแรกที่ประชาชนทิ้งใบจองหรือเปล่า เพราะช่วงนั้นมีข่าวว่า
ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไม่มีที่จอดรถสำหรับรอส่งมอบ
ถ้าหากใช่ตามที่ผมคิดคือ การระบายสต๊อกสินค้าที่ส่งไม่ได้ ไปยังประเทศอื่นๆ โดยบริษัทแม่เป็นตัวช่วยส่งผ่าน
เพื่อมิให้มีปัญหาเรื่อง Stock
เมื่อใดมีปัญหาเรื่อง Stock นั้นคือ เงินมันไปจมกับสินค้าคงเหลือ ซึ่งรถยนต์นั้นเป็นสินค้าคงเหลือที่เสื่อมสภาพในระยะ 2-3 ปี Model ที่ผลิตนั้นจะมีการปรับปรุงหรือเปลี่ยนให้ดีขึ้น (Minor Change หรือ major change) สิ่งที่ทำให้เกิด คือ ความต้องการของลูกค้า/การเปลี่ยนแปลงในด้านการประหยัดเชื้อเพลิง เป็นหลัก

:)
:)
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4366
ผู้ติดตาม: 1

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 163

โพสต์

ส.อ.ท.เผยยอดส่งออกรถยนต์ มิ.ย.58 ลดลง 26.14% มาที่ 76,774 คัน

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่าภาวะการส่งออกรถยนต์ในเดือน มิ.ย.58 ว่า ส่งออกได้ 76,774 คัน ลดลง 26.14% จากเดือน มิ.ย.57 เนื่องจากยังผลิตรถกระบะรุนใหม่เพื่อส่งออกได้ไม่เต็มที่ โดยมีมูลค่าการส่งออก 35,150.22 ล้านบาท ลดลง 29.21% จากเดือน มิ.ย.57

ขณะที่การส่งออกรถยนต์ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-มิ.ย.58) มียอดส่งออกรวม 576,073 คัน เท่ากับ 98.88% ของการผลิตเพื่อส่งออก โดยส่งออกเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 2.86% คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 264,686.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.03% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

http://www.kaohoon.com/online/content/view/13869/
doang
Verified User
โพสต์: 1154
ผู้ติดตาม: 1

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 164

โพสต์

ส.อ.ท.หั่นเป้ายอดผลิตรถปีนี้เหลือ2.05ล้านคัน
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 21 กรกฎาคม 2558, 12:33

ส.อ.ท. ปรับลดเป้ายอดผลิตรถยนต์ปีนี้เหลือ 2.05 ล้านคัน จากเดิม 2.15 ล้านคัน หลังยอดขายเดือนมิ.ย.ลดลง 18.4% จากปีก่อน

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่าคาดการณ์ยอดการผลิตรถยนต์ในปีนี้ เป็น 2.05 ล้านคัน จากเดิมคาดทำได้ 2.15 ล้านคัน

หลังยอดขายรถยนต์ภายในประเทศทั้งระบบในเดือน มิ.ย.58 อยู่ที่ 60,217 คัน ลดลง 18.4% จาก ช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 5.75% จากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ยอดขายรถยนต์ทั้งระบบเมื่อเดือน พ.ค. อยู่ที่ 56,939 คัน ลดลง 18.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ในประเทศปรับลดลงมาตั้งแต่เดือนพ.ค.56 หลังการ ส่งมอบรถยนต์ในโครงการคืนภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์คันแรก หมดลง รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และปัญหาการเมืองในประเทศ กระทบต่อ ยอดขายรถยนต์ให้ลดลงมาต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ส.อ.ท.ยังปรับลดคาดการณ์ยอดขายรถยนต์ในประเทศในปี 58 ลง เหลือ 8.5 แสนคัน จากเดิมคาดไว้ 9.5 แสนคัน และคงคาดการณ์การส่งออก รถยนต์ในปีนี้ไว้ที่ 1.2 ล้านคัน

สำหรับ ภาวะการส่งออกรถยนต์ในเดือน มิ.ย.58 ว่า ส่งออกได้ 76,774 คัน ลดลง 26.14% จากเดือน มิ.ย.57 เนื่องจากยังผลิตรถกระบะรุนใหม่เพื่อส่งออกได้ไม่เต็มที่ โดยมีมูลค่าการส่งออก 35,150.22 ล้านบาท ลดลง 29.21% จากเดือน มิ.ย.57

ขณะที่การส่งออกรถยนต์ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-มิ.ย.58) มียอดส่งออกรวม 576,073 คัน เท่ากับ 98.88% ของการผลิตเพื่อส่งออก โดยส่งออกเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 2.86% คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 264,686.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.03% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

website reference
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/657407
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4366
ผู้ติดตาม: 1

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 165

โพสต์

miracle เขียน:ทำไมตลาดรถยนต์ในประเทศ ไม่ฟื้น
คำตอบง่ายๆๆ ย้อนไปดูมาตรการรถยนต์คันแรก ที่ให้ผู้ซื้อขอคืนภาษีสรรพามิต ได้หลังจากเป็นเจ้าของ 1 ปี เงื่อนไข
ผู้ซื้อซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์นั้น ถือครองรถยนต์ 5 ปี
เนี่ยก็ปีที่ 3-4 เองของโครงการนี้ ซึ่งการเปลี่ยนรถยนต์นั้น เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
หากมีการแก้ไขมาตราการนี้ ทำให้ปริมาณรถยนต์มือสองเพิ่มขึ้นอีกครั้ง นั้นคือ ราคารถยนต์มือสองจะอยู่ในภาวะผิดปกติอีกครั้งหนึ่ง แต่ตลาดรถยนต์มือหนึ่งกลับมาฟื้นคืนได้ นั้นคือยอดจำหน่ายรถยนต์ภายในประเทศกลับมาได้นั้นเอง

มันก็น่าคิด ว่า ต้นทางคือ มติคณะรัฐมนตรี ทางแก้ไขคือ ออกมติคณะรัฐมนตรีแก้ไข มติเดิมที่ออกไป
มันก็จบปัญหาเรื่องนี้
:)
วันนี้ประชาชาติธุรกิจพาดหัวประเด็นนี้แล้วครับ ′สมหมาย′ รับลูกปลดล็อกรถคันแรก 3ปีขายได้-ค่ายรถเฮ! ลุ้นตลาดฟื้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4366
ผู้ติดตาม: 1

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 166

โพสต์

"สมหมาย"รับลูกปลดล็อกรถคันแรก 3ปีขายได้-ค่ายรถเฮ!ลุ้นตลาดฟื้น
http://www.prachachat.net/news_detail.p ... 1437626811
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 167

โพสต์

ปีหน้าใช้ ภาษีใหม่สำหรับรถยนต์
เรียกได้ว่าเปลี่ยนหน้าตาภาษีการขายรถยนต์ ในรอบสามสิบ-สี่สิบปีเลยทีเดียว
ภาษีตัวนี้เน้นไปที่ การกำหนดอัตราการปล่อยก๊าซ จากเครื่องยนต์ที่ต้องได้มาตราฐาน
งานนี้กระทบกับผู้ผลิตเครื่องยนต์เป็นหลักเลยว่า สามารถผลิตรถยนต์ที่มาตราฐานสูง เพื่อที่ให้ได้ภาษีที่ลดลง

น่าคิดละเนี่ย ที่ปลดล๊อค สร้าง Demand เพื่อ ระบายรถหรือเปล่า
:)
:)
ภาพประจำตัวสมาชิก
gappom
Verified User
โพสต์: 147
ผู้ติดตาม: 0

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 168

โพสต์

ความเห็นส่วนตัวนะครับ

1.ยอดการผลิตรายเดือนต่ำที่สุดได้ผ่านไปแล้ว
เนื่องจากผู้ผลิตรายใหญ่ได้เปลี่ยน model รถยนต์ ทำให้ยอดการผลิตรวมในเดือนเมษายน 58
เป็นเดือนที่มีการ ผลิตต่ำที่สุด เมื่อเทียบระหว่างปี 2556-2557-2558
(ไม่นับปัจจัย น้ำท่วมไทย ภาค2 tsunami japan ภาค 2 และภัยอื่นที่อยู่นอกเหนือการคาดการณ์)
http://www.motortrivia.com/thailand-mon ... sales.html
แต่ภาพใหญ่อาจจะไม่ได้สะท้อนภาพเล็กกับทุกบริษัท จับตางบการเงินงวด 6 เดือน 2558
บริษัทไหนกำไร แสดงว่าไม่ได้พึงพาลูกค้ารายหลักเพียงไม่กี่เจ้า หรือไม่ ก็เก่งมากจนสามารถ
แย่ง part มาผลิตได้เพิ่มขึ้น (ใครหาเจอ กระซิบบอกผมด้วยนะ)

2.ยังไม่มีปัจจัยมากระตุ้นให้ตลาดฟื้นตัว จากแนวโน้มคาดการณ์ของหลายๆ แหล่งข่าว ต่างมองไปในทิศทางเดียวกัน
คือ อุตสาหกรรมยานยนต์ยังไม่ฟื้น ซึ่งปัจจัยที่จะมาช่วยปลุกตลาดยังไม่แน่ชัดว่าจะได้ผล อย่าง โปรโมชั่น (หั่นราคา
แจก แถม แข่งกันเยอะ สุดท้ายยอดขายก็ยังไม่ฟื้น) ปลดล๊อกรถยนต์คันแรก (เศรษฐกิจอย่างนี้ คนอยากขายรถ
แต่น่าจะไม่อยากซื้อ) และ มาตรการภาษี (ราคาน่าจะเพิ่มขึ้น) ซึ่งยังไม่มีปัจจัยใด ส่งผลด้านบวกทำให้ตลาดกลับมา
ความน่าสนใจของกลุ่มนี้ จึงยังน้อย

หลายๆตัวที่เคยดูในกลุ่มนี้ก็จัดเป็นหุ้นวัฏจักร ตอนนี้ก็น่าจะอยู่ในช่วงตกต่ำ down side ก็ต่ำด้วย
รอแต่เพียงปัจจัยบวกของแต่ละตัว ซึ่งก็ยังหาไม่เจอ แต่ตอนหาเจอนี้ เราก็อาจจะเจอพร้อมๆ กับ นลท. ท่านอื่นๆ ก็เป็นได้
ภาพประจำตัวสมาชิก
gappom
Verified User
โพสต์: 147
ผู้ติดตาม: 0

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 169

โพสต์

ภาษีใหม่ยังคงเป็นปัจจัยลบที่รออยู่ข้างหน้า
แต่ product champion อย่างกระบะ และ eco-car
จะได้รับการสนับสนุนมากกว่ารถยนต์ประเภทอื่นๆ
รอดูว่าผลบวกที่เกิดขึ้น จะชดเชยผลลบได้หรือไม่

http://www.asnbroker.co.th/news.php?id=712
แนบไฟล์

ภาพประจำตัวสมาชิก
kongkiti
Verified User
โพสต์: 5830
ผู้ติดตาม: 0

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 170

โพสต์

ตะลึง! รายงานแรงงาน มิ.ย.58 อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า “เลิกจ้าง” พุ่งเพิ่ม 301.38% “สิ่งทอ” ลอยแพทะลัก 135%
https://www.hereandthere.today/?p=2358
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee

FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
ภาพประจำตัวสมาชิก
leaderinshadow
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1765
ผู้ติดตาม: 0

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 171

โพสต์

ส.อ.ท.ลดเป้าผลิตรถเหลือ 2.05 ล้านคัน

ส.อ.ท.ปรับลดเป้าผลิตรถยนต์ ปี 2558 จาก 2.15 ล้านคัน เหลือ 2.05 ล้านคัน แม้ยอดส่งออกยังคงเดิม แต่ยอดในประเทศฟุบ จาก 9.5 แสนคันเหลือ 8.5 แสนคัน ชี้ครึ่งปีแรก ส่งออกเพิ่มขึ้น 2.86% สวนทางเศรษฐกิจซบ โกยเงินกว่า 2.6 แสนล้านบาท

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.ได้ปรับลดตัวเลขประมาณการการผลิตรถยนต์ใหม่ จากเดิมปีละ 2.15 ล้านคัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อส่งออก 1.2 ล้านคัน และผลิตเพื่อขายในประเทศ 9.5 แสนคัน ลดลงเหลือผลิตรวม 2.05 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 9.04% ผลิตเพื่อส่งออกคงเป้าเดิม 1.2 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 6.94% แต่ผลิตขายในประเทศลดลงเหลือเหลือแค่ 8.5 แสนคัน เพิ่มขึ้น 12.16%

ส่วนรถจักรยานยนต์ ประมาณการผลิตในปี 2558 ได้คงเป้าการผลิตเดิมที่ 2 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 8.54% แยกเป็นการผลิตเพื่อการส่งออก 4 แสนคัน เพิ่มขึ้น 38.64% และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 1.6 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 2.95% ส.อ.ท. รายงานว่า เดือนมกราคม - มิถุนายน 2558 ไทยส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 576,073 คัน เพิ่มขึ้น 2.86% มีมูลค่าการส่งออก 264,686.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.03% เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 14,131.75 ล้านบาท ลดลง 9.54% ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 97,715.70 ล้านบาทลดลง 4.25% อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 10,849.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.72% รวมส่งออก เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ รถยนต์เดือนมกราคม - มิถุนายน 2558 มีมูลค่า 387,383.05 ล้านบาท ลดลง 1.39%

รถจักรยานยนต์ เดือนมกราคม - มิถุนายน 2558 ส่งออก 498,281 คัน (รวม CBU + CKD) เพิ่มขึ้น 13.98% โดยมีมูลค่า 25,307.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.33% ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 1,782.26 ล้านบาท ลดลง 34.62% อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 641.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.82% รวมการส่งออกรถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์เดือนมกราคม - มิถุนายน 2558 มีมูลค่าทั้งสิ้น 27,730.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.59%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,074
วันที่ 30 กรกฎาคม - 1 สิงหาคม พ.ศ. 2558


http://203.155.18.81/index.php?option=c ... Itemid=452
ภาพประจำตัวสมาชิก
leaderinshadow
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1765
ผู้ติดตาม: 0

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 172

โพสต์

โตโยต้ายํ้ามั่นใจอุตฯรถยนต์

โตโยต้าไม่หวั่นแม้ยอดขายในประเทศตก เดินหน้าหนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ด้วยการผุด TMAP-EM หวังยกระดับการผลิตและส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยี

นายเคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด เปิดเผยว่า ประเทศไทยถือเป็นฐานการผลิตที่สำคัญแห่งหนึ่งของโตโยต้า ดังนั้นบริษัทจึงมีแผนงานลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการก่อตั้ง TMAP-EM เพื่อจะยกระดับและส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยีและผลักดันให้ไทยเป็นสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคแห่งนี้

สำหรับ TMAP-EM มีสำนักงานใหญ่ที่บางบ่อ สมุทรปราการ และมีศูนย์พัฒนาทักษะการผลิตภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก ที่โรงงานบ้านโพธิ์ และศูนย์อะไหล่โตโยต้า ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ที่โรงงานบ้านโพธิ์ ฉะเชิงเทรา โดยมีการลงทุนไปแล้วทั้งสิ้น 1.3 พันล้านบาท มีขอบข่ายงานอาทิ การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ สนับสนุนการผลิตและงานด้านวิศวกรรม บริหารการจัดการด้านชิ้นส่วนและกระบวนการผลิต และอื่นๆโดยมีพนักงาน 2,550 คน

"ไทยมีบทบาทที่สำคัญกับโตโยต้า และการก่อตั้ง TMAP-EM ก็เกิดขึ้นหลังจากโครงการไอเอ็มวีประสบความสำเร็จ รวมไปถึงการสร้างโรงงานบ้านโพธิ์ การขยายไลน์การผลิตที่โรงงาน เกตเวย์ ฉะเชิงเทรา และในอดีตที่ผ่านมารถยนต์ทุกรุ่นก็ผ่านการพัฒนาและสนับสนุนจาก TMAP-EM เช่นเดียวกัน"

นายเคียวอิจิกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับตลาดที่ TMAP-EM จะดูแลมีจำนวนกว่า 40 ประเทศ ตั้งแต่เอเชีย - แปซิฟิก และตะวันออกกลาง แต่ด้วยศักยภาพการผลิตของโรงงานโตโยต้าในไทยนั้นสามารถส่งออกได้มากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงาน 6 เดือนที่ผ่านมาของโตโยต้าในอาเซียนนั้น พบว่า ฟิลิปปินส์ ทำยอดขายเป็นสถิติใหม่ ด้วยจำนวน 1.2 แสนคัน เช่นเดียวกับเวียดนาม ทำยอดขายได้ 5 หมื่นคัน ส่วนกัมพูชา เมียนมา และลาวก็มียอดขายเพิ่มขึ้น เฉพาะลาวทำได้ 1.3 หมื่นคัน ด้านอินโดนีเซีย และมาเลเซีย มียอดขายอยู่ในอัตราเทียบเท่ากับปีที่ผ่านมา ส่วนตลาดที่หดตัวมีเพียงประเทศไทย ที่โตโยต้ามีตัวเลขการขายลดลง 24.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

"แม้ว่ายอดขายรถยนต์ของโตโยต้าในไทยจะชะลอตัวลง แต่ในแง่ของกำลังการผลิตนั้นบริษัทเพิ่งจะมีการเพิ่มพนักงานเพื่อรองรับกับรถรุ่นใหม่อย่างโตโยต้า รีโว่ โดยเพิ่มขึ้นมาอีก 1 พันอัตราและหากตลาดฟื้นกลับมาและมีความต้องการเพิ่มขึ้น บริษัทก็พร้อมจะเพิ่มการผลิตอีก 1 กะ ปัจจุบันโตโยต้ามีกำลังการผลิตรวมทั้งหมด 7.7 แสนคัน"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,075 วันที่ 2 - 5 สิงหาคม พ.ศ. 2558

http://203.155.18.81/index.php?option=c ... Itemid=452
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 173

โพสต์

ตลาด รถ SUV กำลังเดือดเลย
พี่ฟอจูนเนอร์ ,ปาเจโร่ เปิดตัว
แถมภาษีใหม่ด้วย งานนี้มีสนุกละตลาดนี้
:)
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 174

โพสต์

บทความ
หตุใดยอดขายรถยนต์ในภาคใต้ยังคงหดตัวสูง?
https://www.bot.or.th/Thai/MonetaryPoli ... osales.pdf
:)
doang
Verified User
โพสต์: 1154
ผู้ติดตาม: 1

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 175

โพสต์

ยอดประกอบรถสำเร็จรูปปีนี้ไม่ถึง 2 ล้านคันครับ คาดว่าสภาอุตสาหกรรมน่าจะมีการปรับเป้าลงอีกนะครับ
แนบไฟล์

ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4366
ผู้ติดตาม: 1

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 176

โพสต์

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในเดือนก.ค. ส่งออกรถยนต์ 102,359 คัน เพิ่มขึ้น 11.52% จากเดือน ก.ค.57 เนื่องจากมีการส่งออกรถกระบะรุ่นใหม่และการส่งออกรถอีโคคาร์ยังเติบโตดี โดยมีมูลค่าการส่งออก 49,458.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากเดือน ก.ค.57

ขณะที่การส่งออกรถยนต์ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ก.ค.58) มียอดส่งออกรวม 678,432 คัน เท่ากับ 99.27% ของการผลิตเพื่อส่งออก โดยส่งออกเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.08% คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 314,122.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.86% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
AleAle
Verified User
โพสต์: 2141
ผู้ติดตาม: 0

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 177

โพสต์

ฟื้นกำลังซื้อรถใหม่! “ขุนคลังคนใหม่”จี้สรรพสามิตปลดล็อกสิทธิ"รถคันแรก"
วันที่ 02 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 09:23:22 น

"อภิศักดิ์"เร่งรัดกรมสรรพสามิต สรุปปลดล็อกโครงการรถยนต์คันแรก ลดถือครองเหลือ 3 ปี จากเดิม 5 ปี หวังกระตุ้นยอดขายรถยนต์ใหม่ปลายปี ลุ้นผล ก.ย.นี้ มีรถได้ประโยชน์ 7 แสนคัน และเพิ่มขายรถใหม่อีก 10% ด้านสรรพสามิตยืนยันชง ครม.ขอมติปิดโครงการ

แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการรถยนต์เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เรียกผู้ประกอบการรถยนต์ทุกค่าย หารือถึงแนวทางการปลดล็อกโครงการรถยนต์คันแรก จากข้อกำหนดเดิมที่ให้ถือครอง 5 ปี จึงขายได้ ซึ่งเอกชนเสนอให้ปลดล็อกการถือครองสิทธิเหลือ 3 ปี เพื่อกระตุ้นยอดขายรถยนต์ใหม่

เนื่องจากปีนี้ ยอดขายรถยนต์ในประเทศตกต่ำมากและมียอดขายเพียง 7 แสนคัน จากปกติเคยขายได้ 1 ล้านคัน หากลดถือครองเหลือ 3 ปี จะมีรถยนต์ 6-7 แสนคันได้รับประโยชน์ และทำให้ผู้ที่ถือครองขายรถเก่ามาซื้อรถยนต์ใหม่ประมาณ 10% หรืออีก 6-7 หมื่นคัน จะช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์ในประเทศช่วงปลายปีนี้ได้มาก

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ทวงถามเรื่องปลดล็อกรถยนต์ให้เหลือ 3 ปี กับกรมสรรพสามิตว่ากรมดำเนินการไปถึงไหนแล้ว ทำให้กรมสรรพสามิตต้องเรียกหารือผู้ประกอบการรถยนต์โดยด่วน คาดเสนอให้นายอภิศักดิ์พิจารณาเดือนกันยายนนี้ พร้อมกันนี้นายอภิศักดิ์ยังให้กรมสรรพสามิตดูเรื่องรถยนต์มือ 2 ว่าจะดำเนินการอย่างไร และส่งออกได้หรือไม่

นายสมชายกล่าวว่า จะสรุปผลเสียและผลดีการปลดล็อกรถยนต์คันแรกไปยังกระทรวงการคลังตัดสินใจ ซึ่งผู้ประกอบการไม่ขัดข้องลดถือครอง 3 ปี หรือคงไว้ 5 ปี ส่วนการปิดโครงการรถยนต์คันแรก กรมยืนยันและส่งเรื่องไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอให้มีมติปิดโครงการรถยนต์คันแรก เนื่องจากมีการปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ คาดจะมีการพิจารณาใน ครม.เร็วๆ นี้ โดยกรมกำหนดให้มารับรถยนต์ถึง 30 กันยายน 2558 และหลังจากนั้นต้องถือครองรถยนต์ 1 ปี เพื่อรับเงินคืนภายในวันที่ 30 กันยายน 2559

โดยในปีงบ 2559 กรมได้ของบเพื่อคืนเงินให้ผู้ใช้รถยนต์คันแรกเพียง 2 ล้านบาทเท่านั้น ล่าสุดมีผู้ที่ขอใช้สิทธิในโครงการแต่ไม่มารับรถยนต์คันแรก 1 แสนราย จากใช้สิทธิ 1.259 ล้านราย เป็นเงินต้องคืน 9.28 หมื่นล้านบาท โดยมีการรับรถยนต์แล้ว 1.12 ล้านราย และคืนเงินแล้ว 1.1 ล้านราย เป็นเงินกว่า 8.1 หมื่นล้านบาท

นายสมชายกล่าวว่า โครงการรถยนต์คันแรกเริ่ม 16 กันยายน 2554 โดยจะคืนเงินภาษีของรถยนต์ให้คันละไม่เกิน 1 แสนบาท ช่วงแรกได้รับความสนใจจากประชาชนค่อนข้างมากจนผลิตรถยนต์ไม่ทันกับความต้องการ จึงเสนอ ครม.ลักษณะปลายเปิด คือไม่กำหนดเวลารับรถยนต์ แต่ช่วงนี้กรมเห็นว่าโครงการผ่านมาเกือบ 4 ปีแล้ว รถยนต์ที่จองซื้อไว้ตกรุ่นแล้ว ผู้ที่ไม่มารับรถยนต์น่าจะเปลี่ยนใจแล้ว และแต่ละเดือนมีผู้ขอใช้สิทธิไม่กี่ราย กรมเห็นว่าควรเสนอ ครม.ให้ปิดโครงการได้แล้ว
http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... 1441160273
หมูน้อย
Verified User
โพสต์: 153
ผู้ติดตาม: 0

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 178

โพสต์

ความเห็นส่วนตัวนะครับ (อาจจะไม่เกี่ยวกับการวิเคราะห์เศรษฐกิจสักเท่าไหร่)

ดูเหมือนว่าเศรษฐกิจบ้านเรามักจะถูกกระตุ้นโดยรถยนต์ใหม่อยู่บ่อยครั้ง แน่นอนครับเศรษฐกิจดีขึ้นจริง (หรือเปล่า) และอื่นๆ ล่ะ ??

จะมีผลกระทบอะไร ตามมาบ้าง ณ ตอนนี้สิ่งที่ผมประสบพบเจอหลังจากนโยบายรถคันแรกก็มีมากมายเช่นกัน คือ

1.เข้าซอยบ้านลำบากมากขึ้น เพราะจอดรถกันหน้าบ้านตัวเองแต่บางบ้านไม่มีที่จอด หรือปรับปรุงเป็นห้องไปแล้ว เลยจอดรถไม่ได้

2.รถติดมากขึ้นกว่าเดิม เช่น ช่วงโรงเรียนปิดเทอม ก็ไม่ได้ทำให้รถน้อยลง ออกไปทำงานเร็วขึ้นกว่าเดิม

3.ปัญหาหนี้เสียของ ลีสซิ่ง ที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น และตลาดรถมือสองที่ค่อนข้างล้นตลาด และอื่นๆ

โดยส่วนตัวแล้วอยากให้กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวิธีอื่นๆ ก่อนได้ไหม ถ้าคิดไม่ออกจริงๆ ขอหนทางนี้ เป็นหนทางสุดท้ายที่จะนำมาใช้

ได้หรือเปล่า ?
มงคลชีวิต 38 ประการ

คือ บทมงคลสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสตอบปัญหาเทวดาที่ถามว่า คุณธรรมอันใดที่ทำให้ชีวิตประสบความเจริญ หรือ มี "มงคลชีวิต" ซึ่งมี ทั้งหมด ๓๘ ประการ
ภาพประจำตัวสมาชิก
leaderinshadow
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1765
ผู้ติดตาม: 0

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 179

โพสต์

เจาะข่าวเด่น มุมมองอุตฯ ยานยนต์ต่อความเชื่อมั่นประเทศไทย (2 ต.ค.58)

ภาพประจำตัวสมาชิก
leaderinshadow
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1765
ผู้ติดตาม: 0

Re: สถานการณ์รถยนต์

โพสต์ที่ 180

โพสต์

เจาะข่าวเด่น มุมมองอุตฯ ยานยนต์ต่อความเชื่อมั่นประเทศไทย ตอน2 (5 ต.ค. 58)