Sharing is Megatrend/วีระพงษ์ ธัม

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1827
ผู้ติดตาม: 1

Sharing is Megatrend/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

    หนึ่งธุรกิจที่เป็น Megatrend ใหม่ในโลกยุคนี้ที่คนไทยพูดถึงกันไม่บ่อยนัก คือธุรกิจ “แบ่งปัน” ทรัพยากรด้วยกัน ตั้งแต่มนุษย์มีอารยธรรม มนุษย์ก็ได้เรียนรู้ถึงประโยชน์ของการใช้ทรัพยากรร่วมกัน เรามีบ่อน้ำอยู่กลางหมู่บ้าน มีโรงอาบน้ำที่ใช้ด้วยกัน มีการแบ่งกันทำอาชีพตามความถนัด มีจุดนัดพบเพื่อแลกเปลี่ยนทรัพยากรอย่างจตุรัสหรือลานของประชาชน พอมายุคที่เศรษฐกิจโลกดีขึ้น ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้สินค้าราคาถูกลงอย่างรวดเร็ว เราก็เอาทุกอย่างเข้ามาอยู่ในบ้านตัวเอง จนกระทั่งเราก็มาถึงจุดหนึ่งที่มนุษย์เริ่มมองไปไกลกว่ารุ่นตัวเอง มองไปถึงอนาคต มองเรื่องการเติบโตอย่างยั่งยืน เหตุผลหลักคือโลกมีทรัพยากรจำกัด แต่มนุษย์มีความต้องการไม่จำกัด ทำให้แนวคิด Collaborative Consumption หรือการบริโภคทรัพยากรด้วยกันเกิดขึ้น

    เรื่องนี้เริ่มพูดคุยและพัฒนาอย่างจริงจังตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 21 ยุคที่อินเตอร์เน็ตและดิจิตอลเข้ามาในชีวิต เป็นความคิดที่ TIMES magazine ยกขึ้นมาเป็นหนึ่งในสิบความคิดที่เปลี่ยนโลก แนวคิดหลักของ Collaborative Consumption คือ ทรัพยากรบางอย่างเราไม่ได้ใช้ตลอดเวลา หลาย ๆ อย่างมีเวลาว่าง หรือ Idle Time จำนวนมาก ทรัพยากรเหล่านี้แทนที่จะทิ้งไว้เฉย ๆ ก็หา “วิธีการจัดการ” เพื่อแบ่งปันไปสู่ผู้ที่ต้องการใช้ มาถึงวันนี้ Sharing Business ขยายตัว พร้อม ๆ กับโอกาสใหม่ ๆ จำนวนมาก และถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Digital Economy

    ตัวอย่างของ Sharing Business มีมากมาย ผมจะลองยกตัวอย่างบางส่วนเช่นในธุรกิจโรงแรม ในอดีตเราพึ่งพิงการให้ “ดาว” สำหรับการเลือกพักโรงแรมต่าง ๆ จน Tripadvisor เริ่มเป็นศูนย์กลางการแบ่งปัน “ข้อมูล” มีการให้คะแนนกันโดยใช้ประสบการณ์ผู้พักจริง ๆ จนเริ่มขยายผลมาเป็นธุรกิจการจองโรงแรมโดยใช้ข้อมูลเหล่านี้เป็น “มูลค่าเพิ่ม” ของธุรกิจ หลังจากนั้นก็เกิดธุรกิจแบ่งปัน “ที่พัก” อย่าง Airbnb ใครมีห้องว่าง ๆ ก็สามารถหาประโยชน์จากการปล่อยเช่าได้ หรือแบ่งปันที่พักเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อนใหม่ผ่าน Couchsurfing หาคนมาแชร์ที่พักด้วย Easyroommate หรือแม้กระทั่งแบ่งปันหนังสือหรือ Textbook ด้วยกันผ่าน

    นอกจากนั้นยังมีการแบ่งปันสิ่งของอื่น ๆ ที่เป็น “ทรัพยากรการผลิต” เช่นแบ่งปัน “ที่ทำงาน” จนเกิดแนวคิด Co-Working Space ขึ้นมากมาย อาจจะเป็นรูปแบบจริงจังเหมือน Office อย่าง Regus จนกระทั่งเป็นบ้าน เป็นร้านกาแฟ นอกจากที่ทำงาน แบ่งปันพื้นที่ขายของ (e-commerce) อย่าง Alibaba หรือ eBay แบ่งปันพาหนะ ตั้งแต่จักรยานยนต์ จนไปถึงรถยนต์ส่วนตัวที่แทนที่จะจอดเฉย ๆ ก็มาสร้างธุรกิจอย่าง Uber (ที่จริงอีกมุมหนึ่งบริษัทอย่าง Uber ก็แชร์เวลาจากคนขับ เป็น “พนักงานบริษัท” Uber ชั่วคราวด้วย) ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าใครไม่มี “ทุน” ทำธุรกิจ ก็สามารถเข้าไปหาทุนได้ด้วยตัวเองผ่าน Crowdfunding อย่าง Kickstarter ได้ การแลกเปลี่ยนทำให้โลกหมุนเร็วมาก เพราะคนที่ส่งสารและรับสารเข้าถึงกันอย่างรวดเร็วจนเกิด Feedback Loop ที่เร็วกว่าเดิมหลายร้อยเท่าตัว การพัฒนาแนวคิดต่าง ๆ ในยุคนี้จึงมีข้อจำกัดลดลงอย่างมาก

    สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เอื้อประโยชน์ให้วงการ Freelance เติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะข้อจำกัดในการทำงานลดลง ข้อจำกัดในการใช้ทุนในการทำธุรกิจลดลง คนไม่กี่คนก็สามารถผลิตสินค้าหรือบริการที่ยอดเยี่ยมได้ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องทำงานภายใต้บริษัทใหญ่ ๆ ที่มีพนักงานหลายร้อยหลายพันคน และด้วย Ecosystem แบบ Sharing Business นี่เองที่ทำให้ธุรกิจ STARTUPS เติบโตอย่างก้าวกระโดด อันที่จริงสิ่งมหัศจรรย์ของโลกก็เริ่มต้นแบบนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ Steve Jobs สร้าง APPLE จากโรงรถ แต่ธุรกิจกว่าจะเติบโตต้องใช้เวลายาวนานมาก แตกต่างจาก Startups ใหม่อย่าง Xiaomi ในยุคนี้ที่ใช้เวลา 5 ปีก็มียอดขาย 15 Billions และคาดว่ามีมูลค่าตลาดถึง 46 Billion USD

    Airbnb กำลังทำ IPO เข้าตลาดหุ้นด้วยมูลค่าการตลาด 25.5 Billion USD (สูงกว่าเครือข่ายโรงแรมอย่าง Hyatt เสียอีก) หรือ Uber กำลัง IPO ด้วยการคาดหมายมูลค่าสูงถึง 50 Billion USD ไม่มีใครตอบได้ว่านี่คือฟองสบู่หรือไม่ แต่นี่คือเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ถัดจาก Dotcom ที่เติบโตเร็วมาก ในประเทศไทย ก็มีคนรุ่นใหม่ริเริ่มสร้างธุรกิจเหล่านี้ นี่คือโอกาสใหม่ซึ่งควรได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรมจากภาครัฐ การสร้างกฎระเบียบที่เอื้อ เพราะสิ่งนี้เป็น Cluster ธุรกิจใหม่ที่จะเข้ามาทดแทนธุรกิจดั้งเดิม และเราก็หวังว่ามันจะเป็นฐานในการสร้างความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม เพื่อเพิ่มมูลค่าสิ่งที่เรามีอยู่ ใครจะไปรู้ว่า สิ่งที่ประเทศไทยจะ “แบ่งปัน” ให้โลกในอนาคต อาจจะต่อยอดไปไกลกว่าที่เราเคยทำอยู่มากมายก็เป็นได้
[/size]
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11444
ผู้ติดตาม: 1

Re: Sharing is Megatrend/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 2

โพสต์

การทำธุรกิจนี้อาจจะผิดกฎหมายได้ เช่น การนำห้องคอนโดมีเนียมที่ว่างอยู่มาปล่อยให้เช่ารายวัน รายสัปดาห์ อีกทั้งยังทำให้มีช่องโหว่ต่างๆเพราะไม่อยู่ในกฎระเบียบต่างๆที่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมต้องปฎิบัติตาม เพื่อนร่วมอาคารก็อาจจะไม่พอใจนัก
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
yoko
Verified User
โพสต์: 4395
ผู้ติดตาม: 0

Re: Sharing is Megatrend/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 3

โพสต์

รบควรแก้ไขกมให้ทันเหตุการณ์
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11444
ผู้ติดตาม: 1

Re: Sharing is Megatrend/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ถ้าทำถูกต้องตามมาตรฐาน เจ้าของห้องก็คงต้องยุ่งยากวุ่นวายและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มจนไม่อยากอยู่ในระบบ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
ลูกหิน
Verified User
โพสต์: 1217
ผู้ติดตาม: 0

Re: Sharing is Megatrend/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
rattypor
Verified User
โพสต์: 82
ผู้ติดตาม: 0

Re: Sharing is Megatrend/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 6

โพสต์

พออ่านบทความพี่วีระพงษ์จบ ผมลองเข้าไปใช้ AIRBNB website แล้ว
ตกใจกับ innovation พอสมควร
โรงแรมน่าจะเสีย market share ไปบางส่วน
แต่ผมยังไม่ได้ลองจองดูนะครับ แค่ดูคร่าวๆ
ไม่ทราบว่าในเรื่องความปลอดภัยของผู้เช่าทาง AIRBNB มีวิธีการ screen ผู้ให้เช่ายังไงบ้างครับ เพราะถ้าเป็น โรงแรมน่าจะมีความปลอดภัยในการพักมากกว่า
sandymini
Verified User
โพสต์: 78
ผู้ติดตาม: 0

Re: Sharing is Megatrend/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ผมเคยใช้บริการairbnb ครับระบบค่อนข้างดีเลยมีstuff คอยsupport การจองนั้นเราต้องยืนยันตัวตนก่อนจองโดยใช้บัตรประชาชน หรือpassport. โดยมีทั้งการช่วยเหลือจากผู้ให้เช่าและstuff ของairbnb ครับโดยส่วนมากคนจะเช่าairbnb เพราะห้องพักขนาดใหญ่กว่าสะดวกกว่าในราคาใกล้เคียงกันส่วนความน่าเชื่อถือของผู้ให้เข้าพักต้องเช็ครีวิวเอาครับ =)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Alpha69
Verified User
โพสต์: 16
ผู้ติดตาม: 0

Re: Sharing is Megatrend/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 8

โพสต์

เคยใช้ airbnb ด้วยอีกเสียงค่ะ ส่วนตัวค่อนข้างพอใจ และคงเป็นตัวเลือกหนึ่งในการเดืนทางครั้งหน้า :)
so simple
Verified User
โพสต์: 334
ผู้ติดตาม: 0

Re: Sharing is Megatrend/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 9

โพสต์

เคยเห็นคนใช้ airbnb ระดับไฮโซ เมืองไทย สามารถไปพักที่ปราสาทริม Lake ที่สวยงามได้
ในราคาเท่ากับโรงแรมระดับหรูหรา
ใช้ครับโรงแรมคงสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้ Airbnb ไปบ้าง
แต่เรื่อง security นี่ ก็ต้องดูเหมือนกันครับ โรงแรมก็ยังคงให้ความมั่นใจได้ในเรื่อง
ตรงนี้ แต่ airbnb ก็พยายามปรับปรุงแก้ไขจุดอ่อนตรงนี้
แต่ airbnb มาแรงจริงๆ :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
draco
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 230
ผู้ติดตาม: 0

Re: Sharing is Megatrend/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 10

โพสต์

มีการทำสถิติว่า แขกต่างประเทศที่เข้าพักกับ air bnb จะอยู่ในประเทศนานกว่าแขกที่เข้าพักกับโรงแรมทั่วไปเกือบสองเท่า ทำให้หลายประเทศเริ่มที่จะเห็นความสำคัญในการแก้กฎหมายเพื่ออำนวยต่อ sharing economy ในอนาคต แม้แต่ที่อังกฤษ ก็ได้เชิญ air bnb เข้าไปพูดคุยเพื่อแก้กฎหมายให้ทันต่อกระแสของ sharing economy

การเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของคนพักอาศัยในคอนโด น่าจะเป็นเรื่องของความรู้สึกมากกว่า เพราะจริงๆในคอนโดก็มีคนแปลกหน้าพักอาศัยอยู่แล้ว และยังมีผู้เช่ารายเดือน รายปีอยู่ด้วย เหมือนเวลาเราไปพักโรงแรม มีคนแปลกหน้าเต็มไปหมด แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกไม่ปลอดภัยเหมือนกับเวลามีแขกมาพักรายวันในคอนโด คุณภาพของแขกที่มาพักก็จะขึ้นอยู่กับราคาที่แขกต้องจ่าย คอนดูที่ราคาถูก กับคอนโดที่ราคาแพง ก็จะได้แขกที่มาพักต่างกัน ซึ่งก็เช่นเดียวกับเพื่อนบ้านก็ย่อมต่างกัน

sharing economy กับ crowd sourcing เป็นเรื่องเดียวกัน แนวโน้มของ sharing economy จะทำให้คนทั่วไปสามารถทำธุรกิจได้โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของทุนขนาดใหญ่ เช่นคนที่มีคอนโดห้องเดียว หรือมีบ้านของตัวเอง ก็สามารถทำธุรกิจโรงแรมได้ โดยไม่จำเป็นต้องสร้างโรงแรมใหญ่โตเหมือนสมัยก่อน

ถ้าไปอยู่ในชุมชนของ crowd sourcing จะตื่นตัวกันมากครับ และจะเห็นข้อดีของ sharing economy มากกว่ากลัวมันครับ
so simple
Verified User
โพสต์: 334
ผู้ติดตาม: 0

Re: Sharing is Megatrend/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 11

โพสต์

เคยฟังมาว่า เคยมีคดีข่มขืนในอิตาลี นะครับ ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า สำหรับคนที่
ไปเช่าบ้านอยู่ airbnb คงพยายามแก้ไขปัญหาตรงนี้ ดังนั้นถ้าสาวๆ ไปกันเอง
ก็น่าเป็นห่วงเหมือนกันครับ ไม่ควรไปคนเดียวเท่าไหร่ แต่ถ้ามีเพื่อนผู้ชายหรือ
สามีไปเยอะก็คงไม่มีปัญหา ต้องดูดีๆ เหมือนกัน
so simple
Verified User
โพสต์: 334
ผู้ติดตาม: 0

Re: Sharing is Megatrend/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ว่าแต่ว่าอยากเห็น Startup ของคนไทยทำไป go inter เข้าตลาดหุ้นเมืองนอกได้จริงๆ
ขึ้นอยู่กับความสามารถและศักยภาพของเด็กไทยในอนาคตแล้วล่ะ :mrgreen:

ตอนนี้ก็เห็นมี Grab Taxi นะครับ มีคนไทยคนหนึ่งเป็น Partner อยู่ น่าเสียดายไม่ใช่หุ้น
ใหญ่ หุ้นใหญ่น่าจะเป็นเด็กมาเลย์สองคนที่จบ Harvard ดันมาเหยียบจมูกทำธุรกิจเรียก
รถ Taxi ในไทยซะได้ ล่าสุดมูลค่าระดมทุนน่าจะเกิน 1 Billion แล้วมั้ง Ffpได้รับเงินทุนอุดหนุนจาก ขาใหญ่ Softbank จากญี่ปุ่น
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11444
ผู้ติดตาม: 1

Re: Sharing is Megatrend/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 13

โพสต์

แขกที่มาพักโรงแรมที่มีมาตรฐานก็คงมีการเก็บประวัติข้อมูลผู้มาพัก

ผู้เช่ารายวันย่อมมีพฤติกรรมที่แตกต่างจากผู้เช่ารายปี การใช้สาธารณูปโภคส่วนกลางก็คงแตกต่างกัน

และการที่ซื้อคอนโดเพื่ออยู่อาศัยคงไม่มีใครอยากได้บรรยากาศแบบโรงแรมที่มีคนพักเข้าๆออกๆอยู่ตลอดเวลา

ถ้ามองในแง่ธุรกิจ ลงทุนซื้อคอนโดเพื่อปล่อยเช่า การให้เช่ารายวันได้ย่อมเพิ่มโอกาสทางธุรกิจมากขึ้น แต่สำหรับคนซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองคงไม่ชอบ การอยู่คอนโดเป็นการอยู่อาศัยร่วมกันของคนจำนวนมากคงต้องคำนึงถึงความรู้สึกผู้อยู่อาศัยร่วมด้วย
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
W_Buffet
Verified User
โพสต์: 10
ผู้ติดตาม: 0

Re: Sharing is Megatrend/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 14

โพสต์

Trillions Thank for sharing
:D :D
6 Dimensions
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 641
ผู้ติดตาม: 0

Re: Sharing is Megatrend/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 15

โพสต์

http://m.matichon.co.th/readnews.php?newsid=1442196912

"คอนโด" แหกกฎ-หารายได้ปล่อยเช่ารายวันรับทัวร์จีน

เจ้าของห้องหัวใสนำคอนโดฯ 1-2 ห้องนอน ปล่อยเช่ารายวัน เจาะลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำเลดีติดรถไฟฟ้า บี้ราคาแข่งโรงแรมคืนละ 900-16,000 บาท ระบาดทั่วกรุงโซนเพลินจิต เอกมัย พระราม 9 รัชดาฯ บางนา พระโขนง สมาคมโรงแรมจวกแหลก การค้าไม่เป็นธรรม-ผิดกฎหมายเพียบ

ภาวะบูมของตลาดคอนโดมิเนียมทำให้มีการก่อสร้างและโอนปีละ 6-8 หมื่นยูนิตติดต่อกันหลายปี ทำเลใกล้สถานีรถไฟฟ้า การเดินทางสะดวกสบาย มีระบบรักษาความปลอดภัยภายในโครงการ ทำให้เกิดกระแสลงทุนซื้อห้องชุดเพื่อปล่อยเช่ามากขึ้น ล่าสุด มีปรากฏการณ์นำคอนโดฯปล่อยเช่ารายวัน เนื่องจากสาเหตุหลัก ๆ คือภาวะเศรษฐกิจไม่เป็นใจ หาผู้เช่าแบบรายเดือนยากขึ้น จึงนิยมนำมาปล่อยเช่ารายวัน รวมทั้งกฎหมายไทยอนุญาตให้ชาวต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ห้องชุดได้สัดส่วน 49% กลายเป็นแรงจูงใจที่คนต่างชาติบางรายซื้อห้องชุดลงทุนเพื่อปล่อยเช่ารายวันโดยเฉพาะ

คอนโดฯรายวันผุดทั่วกรุง

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" สำรวจเว็บไซต์ airbnb.com และ agoda.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์นายหน้าเพื่อจองห้องพักโรงแรมและที่พักให้เช่า พบว่ามีการนำห้องชุดใน กทม.เสนอให้เช่ารายวันทั้งรูปแบบ 1-2 ห้องนอน โดยเจ้าของห้องชุดได้รับค่าเช่า 900-16,000 บาท/คืน

ทำเลยอดนิยม อาทิ ย่านพระโขนง-บางนา เสนออัตราค่าเช่าห้องชุด 1 ห้องนอน 900-3,400 บาท/คืน ห้องชุด 2 ห้องนอน 4,200-5,100 บาท/คืน รองลงมาทำเลเพลินจิต-เอกมัย ห้องชุด 1 ห้องนอน ค่าเช่า 1,700-4,800 บาท/คืน แบบ 2 ห้องนอน 2,400-7,800 บาท/คืน ถัดมาทำเลรัชดาฯ-พระราม 9 ห้องชุด 1 ห้องนอน 1,100-4,000 บาท/คืน แบบ 2 ห้องนอน 3,300-4,500 บาท/คืน
LOTTO

ทำเลสะพานตากสิน-ธนบุรี-วงเวียนใหญ่ ห้องชุด 1 ห้องนอน ค่าเช่า 2,100-5,400 บาท/คืน แบบ 2 ห้องนอน 16,000 บาท/คืนโดยระบุว่าเป็นห้องชุดวิวแม่น้ำเจ้าพระยา และทำเลสาทร-สีลม ห้องชุด 1 ห้องนอน ค่าเช่า 1,500-3,800 บาท/คืน แบบ 2 ห้องนอน 3,900 บาท/คืน

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า การลงโฆษณาในเว็บไซต์ส่วนใหญ่เจ้าของห้องจะไม่เปิดเผยข้อมูลว่าเป็นคอนโดมิเนียมอาคารใด แต่ก็มีบางส่วนที่เปิดเผยรายละเอียดชัดเจน อาทิ ห้องชุดในโครงการที่พัฒนาโดยบริษัทบิ๊กแบรนด์ อาทิ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค, เอพี (ไทยแลนด์), อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์, แสนสิริ, พฤกษา เรียลเอสเตท, ศุภาลัย, โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์ และเอสซี แอสเสทฯ นอกจากนั้นเป็นรายกลาง เช่น เฟรเกรนท์, ไซมิส แอสเสท และรายเล็กอีกจำนวนมาก

ข้อสังเกตคือเจ้าของห้องชุดบางรายเป็นชาวต่างประเทศ ไม่ใช่คนไทย โดยเฉพาะผู้เช่าที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน จะมองหาห้องเช่ารายวันที่เจ้าของห้องชุดเป็นคนสัญชาติเดียวกัน

เสี่ย-ซ้อแห่เหมาซื้อยกชั้น

นายสุรเชษฐ์ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนา บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กรณีการนำห้องชุดในคอนโดมิเนียมปล่อยเช่ารายวันให้กับนักท่องเที่ยวมีมานานแล้วในจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยวหลัก ล่าสุดพบในกรุงเทพฯ ตั้งแต่ 3-4 ปีที่แล้ว แบ่งตามลักษณะการปล่อยเช่า 3 ประเภท คือ 1) เจ้าของห้อง 1-2 ยูนิตปล่อยเช่าเองผ่านเว็บไซต์นายหน้า 2) นักลงทุนรายย่อยซื้อห้องชุด 10-20 ยูนิต หรือเหมายกฟลอร์เพื่อปล่อยเช่า 3) ผู้พัฒนาโครงการแบ่งพื้นที่โครงการส่วนหนึ่งเพื่อบริหารเป็นโรงแรมโดยการปล่อยเช่ารายวันมักจะเป็นการแก้ปัญหาของนักลงทุนปล่อยเช่าระหว่างที่ยังหาผู้เช่ารายปีหรือรายเดือนไม่ได้ การนำปล่อยเช่ารายวันเฉลี่ยมีค่าเช่า 2,000 บาท/คืน แม้จะไม่มีผู้เข้าพักทุกวันแต่ดีกว่าปล่อยห้องว่าง ทำให้เสียโอกาสด้านรายได้

อย่างไรก็ตาม มองว่าการทำธุรกิจลักษณะคอนโดฯกึ่งโรงแรม หากเจ้าของร่วมไม่ได้รับทราบเงื่อนไขตั้งแต่ก่อนลงทุนซื้อ เมื่อมีบุคคลแปลกหน้าเข้าพักจำนวนมากและใช้พื้นที่ส่วนกลาง เช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส จะเป็นการรบกวนเจ้าของร่วมรายอื่นเพราะคอนโดฯถือเป็นที่พักอาศัย ควรมีความเป็นส่วนตัว ดังนั้นกระแสการปล่อยเช่ารายวันที่เริ่มได้รับความนิยมจึงไม่น่าส่งผลทางบวกต่อการลงนอสังหาริมทรัพย์ส่วนกรณีที่ผู้พัฒนาโครงการนำคอนโดฯบริหารเป็นโรงแรม จะระบุเงื่อนไขและแผนธุรกิจให้ลูกค้ารับทราบตั้งแต่แรก เพราะเป็นการซื้อเพื่อลงทุน มีการการันตีรายได้ต่อเดือน และให้สิทธิลูกค้าเข้าพักฟรีเป็นจำนวนคืนต่อปี จึงไม่เกิดปัญหาภายหลัง

แหล่งข่าวจากวงการพัฒนาที่ดินกล่าวว่า กระแสการปล่อยเช่าคอนโดฯ ระยะสั้น 1 วัน-2 สัปดาห์ ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะมองว่าห้องชุดมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่าโรงแรม โดยมีครัว โต๊ะทานอาหาร ห้องนั่งเล่น คล้ายอยู่บ้าน มีพื้นที่ส่วนกลาง เช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส เหมือนโรงแรม รวมถึงห้องชุดไม่ได้จำกัดจำนวนผู้เข้าพัก นักท่องเที่ยวอาจเลือกพักห้องชุด 1 ห้องนอน แต่พัก 3-4 คน ค่าเช่า 1,500-2,000 บาท/คืน ถือว่าราคาคุ้มค่ากว่าเลือกพักในโรงแรม

สมาคมโรงแรมจวกแหลก

นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า การนำคอนโดฯมาปล่อยเช่ารายวันแข่งกับโรงแรมนั้น เป็นปัญหาที่มีมานานแล้ว เกิดจากนายหน้าบุคคลธรรมดาเสนอตัวกับเจ้าของห้องชุด เพื่อขอรับบริหารจัดการปล่อยเช่ารายวันแทนเจ้าของห้อง ทั้งในรูปแบบนำไปขายต่อ รวมถึงการดูแลห้องพัก รักษาความสะอาดอย่างเป็นระบบ โดยส่วนใหญ่เจ้าของห้องชุดไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะปล่อยขายรายวันเอง

สาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งที่นำคอนโดฯปล่อยเช่ารายวัน เนื่องจากปัจจุบันไม่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และมีแรงจูงใจสามารถสร้างรายได้สูงกว่าให้เช่าเป็นรายเดือน โดยมีการเปิดขายห้องชุดหลายระดับราคา ตกแต่งอย่างดีเหมือนอยู่ในโรงแรมจริง ๆ เพื่อยกระดับราคาขายให้สูงขึ้น

ทั้งนี้ การปล่อยขายห้องชุดรายวันจะมีความผิดทางกฎหมายหลายข้อ ไม่ใช่แค่ พ.ร.บ.การโรงแรม แต่ยังฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร เพราะมีการใช้อาคารผิดประเภท นำอาคารชุดมาเสนอขายเป็นรายวัน รวมถึงความผิดจากการไม่รายงานรายได้ที่แท้จริงตอนยื่นเสียภาษีเงินได้

"การปล่อยขายห้องชุดรายวันเข้าลักษณะการประกอบกิจการโรงแรมแบบผิดกฎหมาย สมาคมกำลังจะหยิบเรื่องนี้มาเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเจ้าของห้องชุดรายอื่นที่เป็นผู้เข้าพักอาศัยจริง ขณะนี้มีการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเอาผิดต่อไป"

ชี้ลามปัญหา "ความมั่นคง"

นายสุรพงษ์กล่าวด้วยว่า สถานการณ์ปัจจุบัน ในพื้นที่กรุงเทพฯมีโรงแรมจดทะเบียนถูกต้องกว่า 400 แห่ง รวม 5.8 หมื่นห้องพัก เมื่อรวมโรงแรมทั้งถูกและผิดกฎหมายพบว่ามีมากกว่า 1.7 พันแห่ง ไม่ต่ำกว่า 1 แสนห้องพัก ดังนั้นแนวโน้มที่มีจำนวนโรงแรมผิดกฎหมายขยายตัวอย่างมาก ส่งผลให้ปริมาณห้องพักล้นตลาด ผู้ประกอบการโรงแรมไม่สามารถปรับเพิ่มราคาขายได้ ทั้งที่จ่ายต้นทุนและภาษีสูงกว่าอพาร์ตเมนต์และอาคารชุดที่เปิดขายรายวัน"

นายกสมาคมทีเอชเอกล่าวด้วยว่า ยังมีประเด็นเรื่องความมั่นคงเข้ามาเกี่ยวข้อง หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ประกาศขอความร่วมมือผู้ประกอบการโรงแรม อพาร์ตเมนต์ หอพัก ที่มีคนต่างชาติเข้าพักอาศัย ให้แจ้งตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) หรือสถานีตำรวจภายใน 24 ชั่วโมง ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 สมาคมได้ประสานงานให้สมาชิกโรงแรมให้ความร่วมมืออย่างเคร่งครัด โดยส่งข้อมูลให้ ตม.ทุกวัน รวมทั้งมีโทษปรับทุกรายการหากฝ่าฝืน

"ปัญหาชาวต่างชาติที่เข้ามาในไทยและไม่ได้มีการรายงานให้ ตม. ทราบ มักจะเกิดจากกิจการโรงแรมผิดกฎหมาย ซึ่งผู้ประกอบการจะไม่ให้ความร่วมมือในการส่งรายชื่อชาวต่างชาติเพราะอาจถูกนำไปใช้เป็นหลักฐานยืนยันความผิดในการปล่อยเช่ารายวันอย่างผิดกฎหมายได้" นายสุรพงษ์กล่าว
Risk Management = Risk Measurement + Risk Controlling+ Risk Taking

--------------------
โพสต์โพสต์