เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ
- คนขายของ
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 792
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ
โพสต์ที่ 1
เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / โดย คนขายของ
การลงทุนในหุ้นสามารถสร้างความมั่งคั่งได้จริงหรือ? เป็นคำถามที่หลายๆคนคงสงสัย โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในเวลานี้ที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนอย่างมาก ผมเชื่อว่าคนที่มีฐานะปานกลางในสังคมไทย ส่วนใหญ่น่าจะเคยมีประสบการณ์การลงทุนในหุ้น แต่มีหลายคนเลิกสนใจการลงทุนเมื่อเจอวิกฤตตลาดหุ้น จนมูลค่าของพอร์ตลดลงอย่างน่าใจหาย ทำให้หลายคนขายหุ้นล้างพอร์ตไม่หันหน้ากลับมาลงทุนอีก หลายคนลงทุนในหุ้นเหมือนเป็นรายได้เสริม ซื้อๆขายๆในระยะสั้น ได้เงินมาเลี้ยงเพื่อนบ้าง ซื้อมือถือใหม่บ้าง แต่ไม่กล้าที่จะลงทุนแบบมีนัยยะสำคัญ มีบางคนอ้างว่านักลงทุนที่ประสบความสำเร็จนั้นส่วนใหญ่มีการศึกษาสูง เป็นคนเคยทำงานในแวดวงการเงินบ้าง รู้ข้อมูลวงในบ้าง จึงประสบความ สำเร็จ คนธรรมดาไม่ได้เรียนสูงและทำงานเป็นลูกจ้างคงไม่มีวัน ในบทความนี้ผมของยกเรื่องจริง ของชายธรรมดา นามว่า Ronald Read มาเล่าสู่กันฟัง
Ronald Read หลังจากรับใช้ชาติด้วยการไปรบในสงครามโลกครั้งที่สอง เขากลับมาทำงานเป็น เด็กปั๊มที่รัฐ Vermont จนเกษียณ หลังเกษียณเขาทนอยู่เฉยๆไม่ได้ เลยไปสมัครเป็นพนักงาน ทำความสะอาดที่ห้างสรรพสินค้า JC Penny ชายผู้ใช้ชีวิตธรรมดา ขับรถโตโยต้ามือสองคันเล็กๆ ใส่เสื้อผ้าเก่าๆ กลายเป็นข่าวใหญ่ในอเมริกาเมื่อเขาเสียชีวิตลงในปีที่แล้ว พร้อมพินัยกรรมบริจาคเงิน ราว 4.5 ล้านเหรียญให้กับโรงพยาบาล และ อีก 1.5 ล้านเหรียญให้กับห้องสมุด จากสินทรัพย์รวม ที่เขามีอยู่ทั้งหมดราว 8 ล้านเหรียญ ผู้คนต่างสงสัยว่าเขามีเงินขนาดนี้ได้อย่างไร? แม้แต่เพื่อนและ ญาติต่างก็งงไปตามๆกัน หลังจากเซฟที่เก็บสินทรัพย์ถูกไข ความลับก็ถูกเฉลยหลังจากที่ทุกคนพบว่า Ronald Read มีใบหุ้นของบริษัทชั้นนำของอเมริกามัดรวมกันอยู่หนาราว 5 นิ้ว
หุ้นหลักๆ ที่ Read ถือในพอร์ตเช่น ธนาคาร Well-Fargo, P&G, Colgate-Palmolive, American Express และ ผู้ผลิตเนยถั่ว J.M. Smucker หุ้นที่เขาถือมีลักษณะใกล้เคียงกันคือ เป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของเขา และเขาถือหุ้นเหล่านั้นมายาวนาน การที่เขาถือเป็น ใบหุ้นแสดงว่า หากเขาต้องการขายหุ้น เขาต้องคิดมาอย่างดีแล้ว เพราะกระบวนการทางด้านเอกสาร จะยุ่งยากกว่าการฝากหุ้นไว้กับโบรกเกอร์ ดังนั้นการขายหุ้นออกไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ จึงเป็นไป ได้ยาก นอกจากนั้นมีการวิเคราะห์ว่า หุ้นที่เขาถือนั้นส่วนใหญ่ให้เงินปันผล และเขาก็จะเอาเงินปันผลที่ได้รับนั้นกลับไปซื้อหุ้นเพิ่มอีกทำให้ผลตอบแทนที่ได้ทบต้นเร็วขึ้นไปอีก
หลังกลายเป็นข่าวใหญ่ มีการศึกษาชีวิตเขาอย่างละเอียดและพบว่า การเลือกหุ้นของ Read นั้นไม่ได้ เลือกแบบเสี่ยงดวงหรือตามแห่ แต่เขามีการศึกษาเรื่องการลงทุนมาอย่างดี เขาอ่านหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal และ วารสารการลงทุน Barron เป็นประจำ นอกจากนั้นเขายังชอบไปค้นคว้าหาความรู้เรื่องการลงทุนเพิ่มเติมจากการอ่านหนังสือของห้องสมุด นอกจากนั้นเขายังปรึกษาเรื่องการลงทุนกับเพื่อนบ้านของเขาซึ่งทำงานเป็นที่ปรึกษาทางการเงินอยู่ที่ธนาคาร Well-Fargo
Chris Hogan ผู้เชี่ยวชาญทางการเงินส่วนบุคคลได้ตอบ CNBC ว่าคนธรรมดาสามารถบรรลุ เป้าหมายทางการออมได้หากเขามุ่งมั่นเอาจริง และใช้ชีวิตไม่ฟุ้งเฟ้อ หากออมเดือนละ 300 เหรียญ (ราวๆ 10,500 บาทต่อเดือน) แล้วนำไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนทบต้น 8% ในเวลา 65 ปี ทุกคนก็สามารถมีเงิน 8 ล้านเหรียญเหมือน Ronald Readได้ เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า การเริ่มออม ตั้งแต่อายุยังน้อย, การทำผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอ และ การมีอายุยืนยาวจะเป็นตัวช่วยการสร้าง ความมั่งคั่งได้อย่างดี
ในระบบธุรกิจทั่วไป คนออมเงินเอาเงินไปฝากธนาคารได้ผลตอบแทนราวๆ 2% ธนาคารเอาเงิน ไปปล่อยกู้ให้กับเจ้าของธุรกิจได้ดอกเบี้ย 6%-8% นั่นหมายความว่าการทำธุรกิจนั้นควรจะได้ ผลตอบแทนมากกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ มิฉะนั้นคงไม่มีใครมากู้ธนาคาร แต่เราต้องรู้จักเลือกธุรกิจให้ดี เพราะบางธุรกิจก็ไปไม่รอด จึงไม่น่าแปลกใจว่า Ronald Read สามารถสร้างความมั่งคั่งได้ แม้เขาจะไม่ได้เรียนสูง ไม่มีข้อมูลวงใน ไม่มีเส้นสายใดๆ จุดสำคัญในการลงทุนสำหรับบุคคลทั่วไป คือต้องแยกให้ออกว่า ธุรกิจไหนเหมาะสำหรับการลงทุนในระยะยาว? บริษัทที่มีความสามารถ ในการแข่งขันมีลักษณะเป็นอย่างไร? เมื่อท่านเลือกได้ดีแล้ว ใล่เงินออมลงไปพอสมควรแล้ว ที่เหลือก็แค่รอให้เครื่องจักรแห่งความมั่งคั่งเขาเดินเครื่องต่อไปเอง
การลงทุนในหุ้นสามารถสร้างความมั่งคั่งได้จริงหรือ? เป็นคำถามที่หลายๆคนคงสงสัย โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในเวลานี้ที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนอย่างมาก ผมเชื่อว่าคนที่มีฐานะปานกลางในสังคมไทย ส่วนใหญ่น่าจะเคยมีประสบการณ์การลงทุนในหุ้น แต่มีหลายคนเลิกสนใจการลงทุนเมื่อเจอวิกฤตตลาดหุ้น จนมูลค่าของพอร์ตลดลงอย่างน่าใจหาย ทำให้หลายคนขายหุ้นล้างพอร์ตไม่หันหน้ากลับมาลงทุนอีก หลายคนลงทุนในหุ้นเหมือนเป็นรายได้เสริม ซื้อๆขายๆในระยะสั้น ได้เงินมาเลี้ยงเพื่อนบ้าง ซื้อมือถือใหม่บ้าง แต่ไม่กล้าที่จะลงทุนแบบมีนัยยะสำคัญ มีบางคนอ้างว่านักลงทุนที่ประสบความสำเร็จนั้นส่วนใหญ่มีการศึกษาสูง เป็นคนเคยทำงานในแวดวงการเงินบ้าง รู้ข้อมูลวงในบ้าง จึงประสบความ สำเร็จ คนธรรมดาไม่ได้เรียนสูงและทำงานเป็นลูกจ้างคงไม่มีวัน ในบทความนี้ผมของยกเรื่องจริง ของชายธรรมดา นามว่า Ronald Read มาเล่าสู่กันฟัง
Ronald Read หลังจากรับใช้ชาติด้วยการไปรบในสงครามโลกครั้งที่สอง เขากลับมาทำงานเป็น เด็กปั๊มที่รัฐ Vermont จนเกษียณ หลังเกษียณเขาทนอยู่เฉยๆไม่ได้ เลยไปสมัครเป็นพนักงาน ทำความสะอาดที่ห้างสรรพสินค้า JC Penny ชายผู้ใช้ชีวิตธรรมดา ขับรถโตโยต้ามือสองคันเล็กๆ ใส่เสื้อผ้าเก่าๆ กลายเป็นข่าวใหญ่ในอเมริกาเมื่อเขาเสียชีวิตลงในปีที่แล้ว พร้อมพินัยกรรมบริจาคเงิน ราว 4.5 ล้านเหรียญให้กับโรงพยาบาล และ อีก 1.5 ล้านเหรียญให้กับห้องสมุด จากสินทรัพย์รวม ที่เขามีอยู่ทั้งหมดราว 8 ล้านเหรียญ ผู้คนต่างสงสัยว่าเขามีเงินขนาดนี้ได้อย่างไร? แม้แต่เพื่อนและ ญาติต่างก็งงไปตามๆกัน หลังจากเซฟที่เก็บสินทรัพย์ถูกไข ความลับก็ถูกเฉลยหลังจากที่ทุกคนพบว่า Ronald Read มีใบหุ้นของบริษัทชั้นนำของอเมริกามัดรวมกันอยู่หนาราว 5 นิ้ว
หุ้นหลักๆ ที่ Read ถือในพอร์ตเช่น ธนาคาร Well-Fargo, P&G, Colgate-Palmolive, American Express และ ผู้ผลิตเนยถั่ว J.M. Smucker หุ้นที่เขาถือมีลักษณะใกล้เคียงกันคือ เป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของเขา และเขาถือหุ้นเหล่านั้นมายาวนาน การที่เขาถือเป็น ใบหุ้นแสดงว่า หากเขาต้องการขายหุ้น เขาต้องคิดมาอย่างดีแล้ว เพราะกระบวนการทางด้านเอกสาร จะยุ่งยากกว่าการฝากหุ้นไว้กับโบรกเกอร์ ดังนั้นการขายหุ้นออกไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ จึงเป็นไป ได้ยาก นอกจากนั้นมีการวิเคราะห์ว่า หุ้นที่เขาถือนั้นส่วนใหญ่ให้เงินปันผล และเขาก็จะเอาเงินปันผลที่ได้รับนั้นกลับไปซื้อหุ้นเพิ่มอีกทำให้ผลตอบแทนที่ได้ทบต้นเร็วขึ้นไปอีก
หลังกลายเป็นข่าวใหญ่ มีการศึกษาชีวิตเขาอย่างละเอียดและพบว่า การเลือกหุ้นของ Read นั้นไม่ได้ เลือกแบบเสี่ยงดวงหรือตามแห่ แต่เขามีการศึกษาเรื่องการลงทุนมาอย่างดี เขาอ่านหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal และ วารสารการลงทุน Barron เป็นประจำ นอกจากนั้นเขายังชอบไปค้นคว้าหาความรู้เรื่องการลงทุนเพิ่มเติมจากการอ่านหนังสือของห้องสมุด นอกจากนั้นเขายังปรึกษาเรื่องการลงทุนกับเพื่อนบ้านของเขาซึ่งทำงานเป็นที่ปรึกษาทางการเงินอยู่ที่ธนาคาร Well-Fargo
Chris Hogan ผู้เชี่ยวชาญทางการเงินส่วนบุคคลได้ตอบ CNBC ว่าคนธรรมดาสามารถบรรลุ เป้าหมายทางการออมได้หากเขามุ่งมั่นเอาจริง และใช้ชีวิตไม่ฟุ้งเฟ้อ หากออมเดือนละ 300 เหรียญ (ราวๆ 10,500 บาทต่อเดือน) แล้วนำไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนทบต้น 8% ในเวลา 65 ปี ทุกคนก็สามารถมีเงิน 8 ล้านเหรียญเหมือน Ronald Readได้ เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า การเริ่มออม ตั้งแต่อายุยังน้อย, การทำผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอ และ การมีอายุยืนยาวจะเป็นตัวช่วยการสร้าง ความมั่งคั่งได้อย่างดี
ในระบบธุรกิจทั่วไป คนออมเงินเอาเงินไปฝากธนาคารได้ผลตอบแทนราวๆ 2% ธนาคารเอาเงิน ไปปล่อยกู้ให้กับเจ้าของธุรกิจได้ดอกเบี้ย 6%-8% นั่นหมายความว่าการทำธุรกิจนั้นควรจะได้ ผลตอบแทนมากกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ มิฉะนั้นคงไม่มีใครมากู้ธนาคาร แต่เราต้องรู้จักเลือกธุรกิจให้ดี เพราะบางธุรกิจก็ไปไม่รอด จึงไม่น่าแปลกใจว่า Ronald Read สามารถสร้างความมั่งคั่งได้ แม้เขาจะไม่ได้เรียนสูง ไม่มีข้อมูลวงใน ไม่มีเส้นสายใดๆ จุดสำคัญในการลงทุนสำหรับบุคคลทั่วไป คือต้องแยกให้ออกว่า ธุรกิจไหนเหมาะสำหรับการลงทุนในระยะยาว? บริษัทที่มีความสามารถ ในการแข่งขันมีลักษณะเป็นอย่างไร? เมื่อท่านเลือกได้ดีแล้ว ใล่เงินออมลงไปพอสมควรแล้ว ที่เหลือก็แค่รอให้เครื่องจักรแห่งความมั่งคั่งเขาเดินเครื่องต่อไปเอง
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
- pacabee
- Verified User
- โพสต์: 381
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ
โพสต์ที่ 2
อ่านแล้วทำให้ผมนึกถึง คุณยาย Grace Groner ที่เป็นพนักงาน Abbott ซื้อหุ้นตั้งแต่ยังสาวลงทุนไม่ถึง $200 และไม่เคยขายเลย จนเวลาล่วงเลยผ่านไปจนเธอเสียชีวิต หุ้นที่เธอถือนั้นมีมูลค่ารวมราวๆ $7,000,000 ครับ
อ้างอิงตามนี้ http://www.investinganswers.com/educati ... llion-3874
อ้างอิงตามนี้ http://www.investinganswers.com/educati ... llion-3874
Invest or Don't. There is no try.
- neuhiran
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 817
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ
โพสต์ที่ 5
nuk เขียน:ขอบคุณมากครับ
อ่านบทความนี้แล้ว ทำให้ผมรู้สึกว่า ผมรู้จักตลาดหุ้นช้าไป
ไม่มีอะไรช้าไปหรือเร็วไปหรอกครับ ผมเจอหลายๆคนที่เจอตลาดหุ้นทีหลังผม แต่รวยกว่าผมก็เยอะแยะไป
ขอให้ประสพความสำเร็จในการลงทุนนะครับ
- shumbrotta
- Verified User
- โพสต์: 290
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ
โพสต์ที่ 7
ขอบคุณครับ
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ
โพสต์ที่ 9
เป็นบทความที่ดี และแสดงให้เห็นว่าผู้เขียนบทความมีความขยันและไม่หยุดค้นคว้าอยู่ตลอดเวลา น่าชื่นชมมากครับ
ปล. ถ้าผมตายไปและมีใครไปเปิดสมบัติ จะเจอใบหุ้นที่คนอื่นเค้ารู้จักบ้างมั๊ยหนอ
ปล. ถ้าผมตายไปและมีใครไปเปิดสมบัติ จะเจอใบหุ้นที่คนอื่นเค้ารู้จักบ้างมั๊ยหนอ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 315
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ
โพสต์ที่ 11
ขอบคุณมากครัช พี่ชาย
-----------------------------------------
เกิดเหตุอะไร อย่าตื่นใจ ไปตามเขา
ปัญญาเรา มีหน้าที่ พิพากษา
ต้องดูน้ำ ดูลม ระดมมา
พิจารณา เชิงชั้น หมั่นตริตรอง
-----------------------------------------
ท่านพุทธทาสภิกขุ
เกิดเหตุอะไร อย่าตื่นใจ ไปตามเขา
ปัญญาเรา มีหน้าที่ พิพากษา
ต้องดูน้ำ ดูลม ระดมมา
พิจารณา เชิงชั้น หมั่นตริตรอง
-----------------------------------------
ท่านพุทธทาสภิกขุ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4254
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ
โพสต์ที่ 12
ผมว่าอาจเจอใบโอนหุ้นไปให้ แคดดี้สาวกับมาร์สาว แบบไม่รู้ไปได้ไง มากกว่าครับ 555+Nevercry.boy เขียน:เป็นบทความที่ดี และแสดงให้เห็นว่าผู้เขียนบทความมีความขยันและไม่หยุดค้นคว้าอยู่ตลอดเวลา น่าชื่นชมมากครับ
ปล. ถ้าผมตายไปและมีใครไปเปิดสมบัติ จะเจอใบหุ้นที่คนอื่นเค้ารู้จักบ้างมั๊ยหนอ
// Stay Hungry, Stay Foolish.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
-
- Verified User
- โพสต์: 494
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ
โพสต์ที่ 13
คุณยาย Grace Groner กะ คุณตา Ronald Read ใช้ชีวิตแบบคนจนๆทั่วไป มีความสุขกับเงินที่เก็บสะสมไว้ พอตายก็ บริจาด
คล้ายๆปู่ย่า ตายาย จนๆ ของไทย ขายหรือยกที่ดินเป็นล้านๆ ให้วัด
คล้ายๆปู่ย่า ตายาย จนๆ ของไทย ขายหรือยกที่ดินเป็นล้านๆ ให้วัด
“Survival of the fittest”
“รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม ปันผลเพิ่ม”
“รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม ปันผลเพิ่ม”
-
- Verified User
- โพสต์: 10
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ
โพสต์ที่ 14
ขอบคุณมากๆเลยครับ สำหรับบทความนี้ สิ่งหนึ่งที่ผมได้คือการเห็นคุณค่าของมัน และเชื่อมั่นในคุณค่าว่าสักวันจะสร้างค่าให้กับบางสิ่งๆๆ และผลสุดท้ายก็คือ การได้รับสิ่งตอบแทนจากสิ่งที่ๆเขาและเธอเชื่อนั่นเองซึ่งสร้างคุณค่าให้ได้อย่างยั่งยืน
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 78
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ
โพสต์ที่ 15
เรื่องราวเช่นนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจาก ประเทศสหรัฐที่เศรษฐกิจ เติบโตดี ในระยะยาว ที่ผ่านมา รวมถึงสามารถรักษาการเติบโตโดยขยายการขายออกไปนอกประเทศ ลักษณะเช่นนี้ ไม่ได้มีทุกประเทศ.
เรื่องเล่าเช่นนี้ อาจหาได้ยากในประเทศส่วนใหญ่ซึ่งไม่สามารถรักษาระดับการเติบโตที่ต่อเนื่องยาวนาน
เรื่องเล่าเช่นนี้ อาจหาได้ยากในประเทศส่วนใหญ่ซึ่งไม่สามารถรักษาระดับการเติบโตที่ต่อเนื่องยาวนาน
-
- Verified User
- โพสต์: 19
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ
โพสต์ที่ 16
ขอบคุณครับ
วิธีคิดผ่าน วิธีการมาเอง
-
- Verified User
- โพสต์: 152
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เรื่องจริงไม่อิงนิยาย / คนขายของ
โพสต์ที่ 17
เห็นด้วยกับท่าน salty หลายคนมักอ้างตลาดหุ้นอเมริกาsalty เขียน:เรื่องราวเช่นนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจาก ประเทศสหรัฐที่เศรษฐกิจ เติบโตดี ในระยะยาว ที่ผ่านมา รวมถึงสามารถรักษาการเติบโตโดยขยายการขายออกไปนอกประเทศ ลักษณะเช่นนี้ ไม่ได้มีทุกประเทศ.
เรื่องเล่าเช่นนี้ อาจหาได้ยากในประเทศส่วนใหญ่ซึ่งไม่สามารถรักษาระดับการเติบโตที่ต่อเนื่องยาวนาน
แล้วก็เทียบดื้อๆว่า ตลาดไทยก็คงเป็นแบบเดียวกัน
ปัจจุบันมนุษย์เงินเดือนแทบทุกคนจะซื้อกองทุนหุ้นเพื่อลดภาษี
พร้อมกับมีความเชื่อว่า ระยะยาวแล้วยังไงก็ไม่ขาดทุน เพราะบริษัทส่วนใหญ่จะโตไปเรื่อยๆ
โตขึ้นไปเรื่อยๆนั่นก็จริง แต่จะหวังแบบนักลงทุนรุ่นแรกๆหลังวิกฤตที่ได้กันเป็นเด้งๆ อันนี้ไม่น่าจะจริง
เราจะรวยแร้วววววววววว