หุ้นโตไว ในประเทศโตช้า / คนขายของ
- คนขายของ
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 792
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นโตไว ในประเทศโตช้า / คนขายของ
โพสต์ที่ 1
หุ้นโตไว ในประเทศโตช้า / โดย คนขายของ
แนวทางการสร้างความมั่งคั่งด้วยการลงทุนในหุ้นแบบระยะยาว คือการถือหุ้นในระยะหลายๆปีเพื่อ สร้างอิสระภาพทางการเงินมักถูกตั้งข้อสังเกตุว่า กลยุทธ์การลงทุนแบบนี้ใช้ได้เฉพาะการลงทุนใน ประเทศที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องยาวนานอย่าง สหรัฐอเมริกา ซึ่งคนที่ลงทุนในหุ้น สมัยปี 1960 สามารถสร้างความมั่งคั่งได้อย่างมหาศาลถ้าถือหุ้นผ่านมาในระยะเวลามากกว่า 50 ปี แต่ยากที่จะนำมาใช้ลงทุนในประเทศที่ไม่ได้เป็น“อภิมหาอำนาจ” ทั้งนี้เพราะประเทศโดยส่วนมาก มักจะมี “ยุคทองทางเศรษฐกิจ” เกิดขึ้นแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นก็จะประสบวิกฤตไม่ สามารถกลับมารุ่งเรื่องได้อีก ทำให้การลงทุนในหุ้นแบบระยะยาวไม่น่าที่จะสามารถสร้างความมั่งคั่ง ได้จริงข้อสรุปดังกล่าวนี้จะเป็นจริงในทุกกรณีหรือไม่ เราจะลองมาดูกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นกัน
เป็นที่ทราบกันดีว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นนั้นรุ่งเรืองอย่างมากในช่วงปี 1970-1990 ดัชนีนิเกอิซึ่งอยู่ที่ราวๆ 2,000 จุดในปี 1970 ได้ทะยานขึ้นไป 19 เท่าเป็น 38,000 จุดในปี 1990 แต่หลังจากนั้น จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 25 ปี ดัชนีนิเกอิก็ไม่เคยขึ้นไปถึงจุดนั้นได้อีกเลย GDP ของญี่ปุ่นที่เคยโตสูงถึง 7% ในปี 1988 กลับลดลงมาเหลือแค่ 0-2% ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เมื่อพิจารณาจากตัวเลขเศรษฐกิจดังกล่าว แสดงว่าเราไม่ควรซื้อหุ้นญี่ปุ่นตั้งแต่หลังจากปี 1990 หรือไม่? จากการศึกษาราคาหุ้นของบริษัทญึ่ปนบางบริษัทกลับพบว่า ถึงแม้เศรษฐกิจโดยรวมจะไม่เป็นใจ ไหนจะมีเรื่อง สังคมผู้สูงอายุ และภัยธรรมชาติ มาเป็นอุปสรรคในการเติบโต แต่กลับมีบางบริษัทกลับสามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างน่าประทับใจ
ถ้าคุณขายหุ้นของ “TOYOTA” ไปตอนดัชนีนิเคอิสูงสุดที่ 38,000 จุดในปี 1990 เพราะคิดว่า ยุครุ่งเรืองของญี่ปุ่นได้หมดลงแล้ว คุณอาจจะต้องเสียใจเพราะว่าราคาหุ้นของโตโยต้าก็ยังคงโตต่อไปได้แม้ดัชนีโดยรวมไม่เป็นใจและการเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นอยู่ในระดับต่ำ ในปี 2000 สิบปีให้หลัง ราคาหุ้นขึ้นไป 260% เมื่อเทียบกับปี 1990 นอกจากนั้นกำไรสุทธิของโตโยต้าก็ยังโต อย่างต่อเนื่องมาตลอด ในปี 2003 ดัชนีนิเคอิทำจุดต่ำสุดในรอบยี่สิบปีที่ราว 8,000 จุด หรือลงมา กว่า 80% จากปี 1990 แต่กำไรสุทธิของโตโยต้าในปี 2003 ก็ยังโตกว่าในปี 1990 ถึง 156%
บริษัท Fast Retailing เจ้าของร้านเสื้อผ้าแบรนด์ “UNIQLO” นำหุ้นเข้าทำ IPO ในปี 1994 โดยเข้าตลาดหุ้นที่ฮิโรชิมา ก่อนที่จะย้ายมาเทรดในตลาดหุ้นโตเกียวในปี 1999 ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา บริษัทได้ขยายงานอย่างรวดเร็ว มีทั้งการควบรวมกิจการร่วมทุน พร้อมทั้งขยายสาขาให้ครอบคลุมทั้งใน ประเทศและต่างประเทศ กำไรสุทธิของบริษัทในช่วง 2005-2014 เติบโตขึ้นมาเท่าตัว ในขณะที่ ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมา 4เท่า คิดเป็นผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นแบบทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
สเปนเป็นอีกประเทศหนึ่งซึ่งยุคทองของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจคงผ่านไปแล้ว ในรอบสิบปีที่ผ่านมา อัตราการเจริญเติบโตของ GDPของสเปนเฉลี่ยอยู่ที่ต่ำกว่า 1% นอกจากนั้นยังมีปัญหาหนี้สิน และอัตราการว่างงานที่สูงถึง 22% แต่ถึงกระนั้นบริษัทของสเปนอย่าง INDITEX เจ้าของร้านเสื้อผ้า แบรนด์ ZARA ยังสามารถสร้างรายได้โตมา 2.6 เท่า และกำไรโตขึ้นมา 3 เท่าในระยะเวลาสิบปี และถ้าคุณถือหุ้น INDITEX ในช่วงสิบปีนี้มาและไม่เคยขายออกไปเลย จากเงิน 1 ล้านบาทจะกลายเป็น 5 ล้านบาทในวันนี้
ในประเทศที่ GDP โตช้าและมีปัญหาเชิงมหภาค แต่ยังมีบริษัทจดทะเบียนบางบริษัทสามารถเติบโตได้อยู่ ปัจจัยหนึ่งที่หนุนให้บริษัทเหล่านี้เติบโตได้ นอกจากการมีผู้บริหารที่เก่งกาจ ทีมงานที่ดีเยี่ยม และ สินค้าเป็นที่ยอมรับ บริษัทเหล่านี้ยังมีแผนการขยายตลาดออกไปในต่างประเทศแบบเชิงรุก ทำให้ ผลประกอบการของบริษัทไม่ขึ้นอยู่กับผลกระทบทางมหภาคของประเทศใดประเทศหนึ่ง โลกในปัจจุบันมีหลายมาตรการซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อการเคลื่อนย้ายของทุน เช่นการทลายลงของกำแพง ภาษี และ การให้สิทธิประโยชน์แก่ทุนต่างชาติของรัฐบาลต่างๆ จากกรณีศึกษาข้างต้นทำให้ผมเชื่อว่า ยังมีบริษัทจดทะเบียนของไทยที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นในระดับสูงได้ แม้ว่าภาพรวมทาง มหภาคของประเทศอาจจะยังดูไม่ดีนัก ในช่วงต่อจากนี้บริษัทที่มีความสามารถในการขยายธุรกิจในต่างประเทศดูน่าสนใจ โดยเฉพาะเมื่อ AECก่อให้เกิดการรวมตัวกันเป็นเขตเศรษฐกิจเดียวในเร็ววันนี้
แนวทางการสร้างความมั่งคั่งด้วยการลงทุนในหุ้นแบบระยะยาว คือการถือหุ้นในระยะหลายๆปีเพื่อ สร้างอิสระภาพทางการเงินมักถูกตั้งข้อสังเกตุว่า กลยุทธ์การลงทุนแบบนี้ใช้ได้เฉพาะการลงทุนใน ประเทศที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องยาวนานอย่าง สหรัฐอเมริกา ซึ่งคนที่ลงทุนในหุ้น สมัยปี 1960 สามารถสร้างความมั่งคั่งได้อย่างมหาศาลถ้าถือหุ้นผ่านมาในระยะเวลามากกว่า 50 ปี แต่ยากที่จะนำมาใช้ลงทุนในประเทศที่ไม่ได้เป็น“อภิมหาอำนาจ” ทั้งนี้เพราะประเทศโดยส่วนมาก มักจะมี “ยุคทองทางเศรษฐกิจ” เกิดขึ้นแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นก็จะประสบวิกฤตไม่ สามารถกลับมารุ่งเรื่องได้อีก ทำให้การลงทุนในหุ้นแบบระยะยาวไม่น่าที่จะสามารถสร้างความมั่งคั่ง ได้จริงข้อสรุปดังกล่าวนี้จะเป็นจริงในทุกกรณีหรือไม่ เราจะลองมาดูกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นกัน
เป็นที่ทราบกันดีว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นนั้นรุ่งเรืองอย่างมากในช่วงปี 1970-1990 ดัชนีนิเกอิซึ่งอยู่ที่ราวๆ 2,000 จุดในปี 1970 ได้ทะยานขึ้นไป 19 เท่าเป็น 38,000 จุดในปี 1990 แต่หลังจากนั้น จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 25 ปี ดัชนีนิเกอิก็ไม่เคยขึ้นไปถึงจุดนั้นได้อีกเลย GDP ของญี่ปุ่นที่เคยโตสูงถึง 7% ในปี 1988 กลับลดลงมาเหลือแค่ 0-2% ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เมื่อพิจารณาจากตัวเลขเศรษฐกิจดังกล่าว แสดงว่าเราไม่ควรซื้อหุ้นญี่ปุ่นตั้งแต่หลังจากปี 1990 หรือไม่? จากการศึกษาราคาหุ้นของบริษัทญึ่ปนบางบริษัทกลับพบว่า ถึงแม้เศรษฐกิจโดยรวมจะไม่เป็นใจ ไหนจะมีเรื่อง สังคมผู้สูงอายุ และภัยธรรมชาติ มาเป็นอุปสรรคในการเติบโต แต่กลับมีบางบริษัทกลับสามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างน่าประทับใจ
ถ้าคุณขายหุ้นของ “TOYOTA” ไปตอนดัชนีนิเคอิสูงสุดที่ 38,000 จุดในปี 1990 เพราะคิดว่า ยุครุ่งเรืองของญี่ปุ่นได้หมดลงแล้ว คุณอาจจะต้องเสียใจเพราะว่าราคาหุ้นของโตโยต้าก็ยังคงโตต่อไปได้แม้ดัชนีโดยรวมไม่เป็นใจและการเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นอยู่ในระดับต่ำ ในปี 2000 สิบปีให้หลัง ราคาหุ้นขึ้นไป 260% เมื่อเทียบกับปี 1990 นอกจากนั้นกำไรสุทธิของโตโยต้าก็ยังโต อย่างต่อเนื่องมาตลอด ในปี 2003 ดัชนีนิเคอิทำจุดต่ำสุดในรอบยี่สิบปีที่ราว 8,000 จุด หรือลงมา กว่า 80% จากปี 1990 แต่กำไรสุทธิของโตโยต้าในปี 2003 ก็ยังโตกว่าในปี 1990 ถึง 156%
บริษัท Fast Retailing เจ้าของร้านเสื้อผ้าแบรนด์ “UNIQLO” นำหุ้นเข้าทำ IPO ในปี 1994 โดยเข้าตลาดหุ้นที่ฮิโรชิมา ก่อนที่จะย้ายมาเทรดในตลาดหุ้นโตเกียวในปี 1999 ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา บริษัทได้ขยายงานอย่างรวดเร็ว มีทั้งการควบรวมกิจการร่วมทุน พร้อมทั้งขยายสาขาให้ครอบคลุมทั้งใน ประเทศและต่างประเทศ กำไรสุทธิของบริษัทในช่วง 2005-2014 เติบโตขึ้นมาเท่าตัว ในขณะที่ ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมา 4เท่า คิดเป็นผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นแบบทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
สเปนเป็นอีกประเทศหนึ่งซึ่งยุคทองของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจคงผ่านไปแล้ว ในรอบสิบปีที่ผ่านมา อัตราการเจริญเติบโตของ GDPของสเปนเฉลี่ยอยู่ที่ต่ำกว่า 1% นอกจากนั้นยังมีปัญหาหนี้สิน และอัตราการว่างงานที่สูงถึง 22% แต่ถึงกระนั้นบริษัทของสเปนอย่าง INDITEX เจ้าของร้านเสื้อผ้า แบรนด์ ZARA ยังสามารถสร้างรายได้โตมา 2.6 เท่า และกำไรโตขึ้นมา 3 เท่าในระยะเวลาสิบปี และถ้าคุณถือหุ้น INDITEX ในช่วงสิบปีนี้มาและไม่เคยขายออกไปเลย จากเงิน 1 ล้านบาทจะกลายเป็น 5 ล้านบาทในวันนี้
ในประเทศที่ GDP โตช้าและมีปัญหาเชิงมหภาค แต่ยังมีบริษัทจดทะเบียนบางบริษัทสามารถเติบโตได้อยู่ ปัจจัยหนึ่งที่หนุนให้บริษัทเหล่านี้เติบโตได้ นอกจากการมีผู้บริหารที่เก่งกาจ ทีมงานที่ดีเยี่ยม และ สินค้าเป็นที่ยอมรับ บริษัทเหล่านี้ยังมีแผนการขยายตลาดออกไปในต่างประเทศแบบเชิงรุก ทำให้ ผลประกอบการของบริษัทไม่ขึ้นอยู่กับผลกระทบทางมหภาคของประเทศใดประเทศหนึ่ง โลกในปัจจุบันมีหลายมาตรการซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อการเคลื่อนย้ายของทุน เช่นการทลายลงของกำแพง ภาษี และ การให้สิทธิประโยชน์แก่ทุนต่างชาติของรัฐบาลต่างๆ จากกรณีศึกษาข้างต้นทำให้ผมเชื่อว่า ยังมีบริษัทจดทะเบียนของไทยที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นในระดับสูงได้ แม้ว่าภาพรวมทาง มหภาคของประเทศอาจจะยังดูไม่ดีนัก ในช่วงต่อจากนี้บริษัทที่มีความสามารถในการขยายธุรกิจในต่างประเทศดูน่าสนใจ โดยเฉพาะเมื่อ AECก่อให้เกิดการรวมตัวกันเป็นเขตเศรษฐกิจเดียวในเร็ววันนี้
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นโตไว ในประเทศโตช้า / คนขายของ
โพสต์ที่ 2
ขอบคุณมากครับ
ในประเทศเราก็เช่นกันนะครับ
ในประเทศเราก็เช่นกันนะครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 152
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นโตไว ในประเทศโตช้า / คนขายของ
โพสต์ที่ 6
ดู gdp แล้วเปรียบเทียบไม่น่าจะถูกต้อง
ญี่ปุ่นฐานเค้าโตกว่าเรามาก เพราะงั้นการจะทำให้ gdp โตด้วยอัตราเท่าเดิมย่อมเป็นไปไม่ได้
ประเทศญี่ปุ่น gdp ดูแย่ แต่นวัตกรรมล้นประเทศ
ทำได้ทุกอย่างที่ฝรั่งทำได้ และหลายอย่างฝรั่งก็สู้ไม่ได้ สินค้าเค้าขายไปทั่วโลก
ทุกวันนี้ก็ยังมีนวัตกรรมใหม่ๆออกมาเรื่อยๆ
ผมเป็นวิศวกรโรงงาน เครื่องจักรคุณภาพ high precision, เครื่องมือวัดแบบไฮเทค, สารเคมีที่ใช้, ชิ้นส่วนหลักของสินค้า ล้วนแต่ใช้ของญี่ปุ่น (โรงงานที่ผมอยู่เป็น brand US ทูต US มาเยี่ยมหลายครั้ง)
กลับมามองประเทศไทย นวัตกรรมที่เป็นของเราเองมีน้อยมากๆเมื่อเทียบกับญี่ปุ่น
กับดักรายได้ปานกลางก็มาจากเหตุที่ไม่มีสินค้าของตัวเอง ได้แต่เป็นโรงงานรับจ้างประกอบ
เพื่อนผมเป็นเชฟเทปันยากิ อยู่ในวงการมาเกือบๆสิบปี คุยกันเรื่องเครื่องไม้เครื่องมือในครัว
ถ้าระดับราคาถูกก็ของจีน แต่ใช้ไม่ได้จริง ใช้ได้แค่สามเดือนก็พัง แต่ถ้าเอาแบบใช้งานได้จริง ต้องยุโรปหรือญี่ปุ่น
ใบมีดที่ใช้ในครัวระดับโรงแรมห้าดาว หกดาว มีแต่ของญี่ปุ่นกับยุโรป
มีดไทยไม่มี แม้แต่หินลับมีดก็ยังไม่มี
ตลาดหุ้น สุดท้ายมันก็มาจาก real sector ตราบใดยังไม่มีบริษัทที่สร้างนวัตกรรมด้วยตัวเอง แบบที่แข่งขันได้จริงในระดับ global scale ม้นก็ถึงทางตัน
ปล บริษัทคนไทยที่ทำพวกเครื่องจักรที่ไม่ไฮเทคมากๆก็มีอยู่เยอะ เพียงแต่เรื่อง brand และความน่าเชื่อถือแทบจะไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่า made in thailand แล้วทำให้ประเทศอื่นๆเกิดความเลื่อมใส
ญี่ปุ่นฐานเค้าโตกว่าเรามาก เพราะงั้นการจะทำให้ gdp โตด้วยอัตราเท่าเดิมย่อมเป็นไปไม่ได้
ประเทศญี่ปุ่น gdp ดูแย่ แต่นวัตกรรมล้นประเทศ
ทำได้ทุกอย่างที่ฝรั่งทำได้ และหลายอย่างฝรั่งก็สู้ไม่ได้ สินค้าเค้าขายไปทั่วโลก
ทุกวันนี้ก็ยังมีนวัตกรรมใหม่ๆออกมาเรื่อยๆ
ผมเป็นวิศวกรโรงงาน เครื่องจักรคุณภาพ high precision, เครื่องมือวัดแบบไฮเทค, สารเคมีที่ใช้, ชิ้นส่วนหลักของสินค้า ล้วนแต่ใช้ของญี่ปุ่น (โรงงานที่ผมอยู่เป็น brand US ทูต US มาเยี่ยมหลายครั้ง)
กลับมามองประเทศไทย นวัตกรรมที่เป็นของเราเองมีน้อยมากๆเมื่อเทียบกับญี่ปุ่น
กับดักรายได้ปานกลางก็มาจากเหตุที่ไม่มีสินค้าของตัวเอง ได้แต่เป็นโรงงานรับจ้างประกอบ
เพื่อนผมเป็นเชฟเทปันยากิ อยู่ในวงการมาเกือบๆสิบปี คุยกันเรื่องเครื่องไม้เครื่องมือในครัว
ถ้าระดับราคาถูกก็ของจีน แต่ใช้ไม่ได้จริง ใช้ได้แค่สามเดือนก็พัง แต่ถ้าเอาแบบใช้งานได้จริง ต้องยุโรปหรือญี่ปุ่น
ใบมีดที่ใช้ในครัวระดับโรงแรมห้าดาว หกดาว มีแต่ของญี่ปุ่นกับยุโรป
มีดไทยไม่มี แม้แต่หินลับมีดก็ยังไม่มี
ตลาดหุ้น สุดท้ายมันก็มาจาก real sector ตราบใดยังไม่มีบริษัทที่สร้างนวัตกรรมด้วยตัวเอง แบบที่แข่งขันได้จริงในระดับ global scale ม้นก็ถึงทางตัน
ปล บริษัทคนไทยที่ทำพวกเครื่องจักรที่ไม่ไฮเทคมากๆก็มีอยู่เยอะ เพียงแต่เรื่อง brand และความน่าเชื่อถือแทบจะไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่า made in thailand แล้วทำให้ประเทศอื่นๆเกิดความเลื่อมใส
เราจะรวยแร้วววววววววว
-
- Verified User
- โพสต์: 152
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นโตไว ในประเทศโตช้า / คนขายของ
โพสต์ที่ 8
ท่าน yoko ครับ ดูเป็นตัวๆเป็นหลักการเบื้องต้นของชาว vi อยู่แล้วครับ
แต่การยกตัวอย่างญี่ปุ่น แล้วเหมือนจะแสดงนัยยะ ว่าประเทศเราก็มีความเป็นไปได้ ที่จะเหมือนๆเค้า
ผมว่าตรรกะนี้ไม่ถูกต้อง
สังเกตเจ้าสัวเมืองไทย ทำธุรกิจอะไรกันบ้าง แค่นี้ก็น่าจะชัดเจนครับ
นิสัยและวัฒนธรรมต่างๆของสังคมไทยไม่เอื้อให้กลายเป็นเหมือนญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้
ดร นิเวศน์เองก็รู้ความเสี่ยงข้อนี้ แกถึงได้หาลู่ทางลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน
โตโยต้าจะโตต่อไปยังไงไม่น่าสนใจเท่ากับว่า เราจะหาบริษัทในประเทศไทยที่มีลักษณะเหมือนโตโยต้าตอนเริ่มต้นได้จริงๆหรือเปล่า
เครือสหพัฒน์ ซีพี เบียร์ช้าง เบียร์สิงห์ เซ็นทรัล เดอะมอล ช.การช่าง ปูน ธนาคาร
แต่การยกตัวอย่างญี่ปุ่น แล้วเหมือนจะแสดงนัยยะ ว่าประเทศเราก็มีความเป็นไปได้ ที่จะเหมือนๆเค้า
ผมว่าตรรกะนี้ไม่ถูกต้อง
สังเกตเจ้าสัวเมืองไทย ทำธุรกิจอะไรกันบ้าง แค่นี้ก็น่าจะชัดเจนครับ
นิสัยและวัฒนธรรมต่างๆของสังคมไทยไม่เอื้อให้กลายเป็นเหมือนญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้
ดร นิเวศน์เองก็รู้ความเสี่ยงข้อนี้ แกถึงได้หาลู่ทางลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน
โตโยต้าจะโตต่อไปยังไงไม่น่าสนใจเท่ากับว่า เราจะหาบริษัทในประเทศไทยที่มีลักษณะเหมือนโตโยต้าตอนเริ่มต้นได้จริงๆหรือเปล่า
เครือสหพัฒน์ ซีพี เบียร์ช้าง เบียร์สิงห์ เซ็นทรัล เดอะมอล ช.การช่าง ปูน ธนาคาร
เราจะรวยแร้วววววววววว
- Wongratt
- Verified User
- โพสต์: 498
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นโตไว ในประเทศโตช้า / คนขายของ
โพสต์ที่ 12
ตัวอย่างที่เห็นคือบริษัทโตขยายไปทั่วโลก การเติบโตของบริษัทก็ไม่ได้ขึ้นกับประเทศตัวเองที่โตช้าเพียงอย่างเดียว (จริง ๆ แล้วก็กลายเป็นว่ามันเหมือนไม่ได้อยู่ในประเทศที่โตช้า)
แต่บริษัทในไทยที่จะไประดับโลก มันมีน้อยมากเลยครับ
ผมอยากเห็นตัวอย่างของบริษัทที่โตด้วยยอดขายในประเทศ และเป็นประเทศที่โตช้า
แต่บริษัทในไทยที่จะไประดับโลก มันมีน้อยมากเลยครับ
ผมอยากเห็นตัวอย่างของบริษัทที่โตด้วยยอดขายในประเทศ และเป็นประเทศที่โตช้า
-
- Verified User
- โพสต์: 82
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นโตไว ในประเทศโตช้า / คนขายของ
โพสต์ที่ 13
ขออนุญาตสรุปจากพี่คนขายของครับ
Super Stock Condition
1.ผู้บริหารที่เก่งกาจ
2.ทีมงานที่ดีเยี่ยม
3.สินค้าเป็นที่ยอมรับ
4.บริษัทเหล่านี้ยังมีแผนการขยายตลาดออกไปในต่างประเทศแบบเชิงรุก
ที่ผมนึกออกในตอนนี้ที่ยังพอจะเข้าข่ายและขยายตลาดออกไปได้มี TKN,CBG ครับ
ทุกท่านคิดว่าไงครับ
Super Stock Condition
1.ผู้บริหารที่เก่งกาจ
2.ทีมงานที่ดีเยี่ยม
3.สินค้าเป็นที่ยอมรับ
4.บริษัทเหล่านี้ยังมีแผนการขยายตลาดออกไปในต่างประเทศแบบเชิงรุก
ที่ผมนึกออกในตอนนี้ที่ยังพอจะเข้าข่ายและขยายตลาดออกไปได้มี TKN,CBG ครับ
ทุกท่านคิดว่าไงครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 19
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นโตไว ในประเทศโตช้า / คนขายของ
โพสต์ที่ 14
ขอบคุณครับ
วิธีคิดผ่าน วิธีการมาเอง
- shumbrotta
- Verified User
- โพสต์: 290
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นโตไว ในประเทศโตช้า / คนขายของ
โพสต์ที่ 17
ขอบคุณครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1523
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นโตไว ในประเทศโตช้า / คนขายของ
โพสต์ที่ 18
ธรรมชาติไม่ว่าจะในคนหรือในหุ้น ล้วนมีความคล้ายคลึงกันมาก กล่าวคือ เมื่อเรายังเด็ก เราจะโตและค่อยๆสูงขึ้น จนเมื่อเราโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ การเติบโตก้หยุดลง แล้วเมื่อเราอายุมาก
ขึ้นไปอีก ก้ไม่มีการเติบโตแล้วแต่สิ่งที่รอเราอยู่ คือ การเสื่อมไปตามกาลเวลา เกิดขึ้น เติบโต และ เสื่อมไป ธรรมชาติของร่างกายคนเป็นเช่นไร ธรรมชาติของกิจการก้เป็นเช่นนั้น
ขึ้นไปอีก ก้ไม่มีการเติบโตแล้วแต่สิ่งที่รอเราอยู่ คือ การเสื่อมไปตามกาลเวลา เกิดขึ้น เติบโต และ เสื่อมไป ธรรมชาติของร่างกายคนเป็นเช่นไร ธรรมชาติของกิจการก้เป็นเช่นนั้น