Money Talk @ SET 9 มค 16 หุ้นเด่นปี59 และ กลยุทธ์วีไอปี59
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2576
- ผู้ติดตาม: 1
Money Talk @ SET 9 มค 16 หุ้นเด่นปี59 และ กลยุทธ์วีไอปี59
โพสต์ที่ 1
Money Talk@SET ครั้งแรกของปี2559
วันนี้มาสัมมนาที่ห้องประชุม ศจ ดร สังเวียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งใหม่ ชั้นเจ็ด
งานรุมหลังงานกับดร นิเวศน์จะไม่มีครับ
ส่วนวิทยากรทุกท่าน เรามีของให้พิเศษคือเสื้อ Moneytalk
ครบรอบ 25 ปีแจกให้ครับ หมอเคและคุณตรีนุชเป็นผู้ออกแบบให้
ช่วงที่ 1 หุ้นเด่นปี 59 ในดวงใจนักวิเคราะห์
วิทยากร
คุณสุกิจ อุดมสิริกุล กรรมการผู้จัดการ เมย์แบงค์ กิมเอ็ง
คุณกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ KSEC
คุณเจษฏา สุขทิศ กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน INFINITI ร่วมก่อตั้งกับคุณ Messenger และ นักวิเคราะห์อีกสองคน
ดร ไพบูลย์ ผู้ดำเนินการ และ นพ ศุภศักดิ์ หล่อธนวณิชย์ เป็นผู้ดำเนินการรับเชิญ
เริ่มจากหมอเค กล่าวว่า เมืองไทยอาจแย่ ดัชนีอาจลงถึง800จุด ไม่น่าจะถึง 200จุดเหมือนตอนวิกฤตต้มยำกุ้ง
แฟนหมอเค บอกว่าตกวันละ30จุด ไม่กี่วันก็หมดแล้ว ไม่ต้องกังวล
มีคำถาม5คำถาม สลับกันตอบ วนกันไป บางคำถามคุณเจษฏา อาจตอบไม่สะดวก เนื่องจากปัจจุบันตั้งบล
จะพูดถึงถึงหน่วยลงทุนที่น่าสนใจดีกว่า
Q: แนวโน้มเศรษฐกิจโลก รุมเร้ากันเป็นอย่างไร
A: เริ่มจากคุณสุกิจ ตอบว่า ปัญหาเปลี่ยนแปลงไป
จีนอยู่ในช่วงหาสมดุลใหม่อยู่ การแก้ปัญหาตลาดหุ้นของจีนเป็นการแก้ปัญหาที่แย่มากในปีที่แล้ว
เศรษฐกิจจีน เห็นอยู่ ต่อเนื่อง และ กดดัน การออกมาตรการที่กระทบตลาดหุ้น คือ
ปัญหาที่หนึ่ง_ค่าเงินหยวนอ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง
ปัญหาที่สอง_ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตกต่อเนื่อง ประเทศที่ร่ำรวยจากน้ำมัน หรือ สินแร่ ก็รายได้แย่ลง
กำลังซื้อของโลก คือ จีน เป็นกำลังซื้อของโลก หรือ ประเทศในBRIC เช่น บราซิล รัสเซีย จีน อินเดีย คาดหวังว่าจะมาซื้อแทนอเมริกาที่ซื้อลดลง ตอนนี้มีแค่อินเดียดีแค่ประเทศเดียว
การส่งออกของทุกประเทศติดลบ รวมทั้งบ้านเรา และในเรื่องนโยบายเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ ปีที่แล้ว ธนาคารกลางสหรัฐ หยุดQE และเมื่อสิ้นปี ก็ขึ้นดอกเบี้ย นโยบายทางการเงินสนับสนุนตลาดหุ้นได้หยุดแล้ว
ตัวช่วยของเราไม่มีอีกแล้ว เวลาหุ้นตกก็เรียกร้องQEตลอดในสมัยก่อน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและดีในช่วงที่ผ่านมา
เศรษฐกิจใน อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่นยังไม่ขึ้นเร็วเหมือนที่หุ้นขึ้นมา ตอนนี้ตลาดกังวลราคาหุ้นสูง จะไปต่อได้เหรอ
ถ้าไม่มีมาตราการ QE การขึ้นดอกเบี้ย ทำให้เกิดการขาย ปรับพอร์ต ปรับมูลค่าหุ้น
.
หมอเคถาม ว่าการหยุดQE น่าจะเป็นเรื่องดี เศรษฐกิจฟื้น เพราะเห็นว่าเศรษฐกิจน่าจะดี
คุณสุกิจ ตอบว่า ปัจจุบัน คนมองในแง่ลบ ไม่มีปัจจัยดีเลย สัญญาณดีขึ้นบางตัวแล้วสมเหตุผลในการปรับดอกเบี้ย
หุ้นตก เพราะ คนมองแง่ร้าย เศรษฐกิจดีขึ้น ทำไมคนกลัวเศรษฐกิจแย่ ทำไมจึงขึ้นดอกเบี้ย
ความกังวลอาจอยู่ที่สูงเกินไปหรือเปล่า
เราอยู่ในเศรษฐกิจที่กระตุ้นลดลง ในเชิงทฤษฏี บริษัทที่มีกำไรเท่าเดิม นักลงทุนอาจให้ราคาที่สูง พอมีสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป เช่นการกระตุ้นหายไป ก็ให้ราคาลดลง ถึงแม้กำไรเท่าเดิม อยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายราคาหุ้น
หุ้นอาจไม่อยู่ในราคาเดิมอีกต่อไป ถ้าหุ้นเกิดจากสภาพคล่องสูง Multiple PEอาจไม่กลับมาแล้ว
หุ้นพื้นฐานดียังผ่านไปได้ คนนั่งข้างหน้าอาจผ่านมาแล้ว เริ่มคัดกรอง ของมีมูลค่าจริงคืออะไรบ้าง
ของที่นิยมตามกระแสมากเกินไป ราคาก็ตกลงมา
Q: เศรษฐกิจโลก และ เศรษฐกิจไทยเป็นอย่างไรในปีนี้
คำตอบจากคุณกวี_เศรษฐกิจโลก ถ้าใครจำได้ เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจากปี2008เริ่มฟื้นตัว ปี2011 ยุโรป มีกระแทกบ้างระหว่างทาง ตอนนี้เลยจุดฟื้นตัวระดับนึงแล้ว ไม่ก้าวกระโดด
วีไอ กำลังทำอย่างไร กับหุ้นในพอร์ตดี ถ้าดัชนีเหลือ 800 หรือ 500 จะขายดีไหม
โอกาสเศรษฐกิจจะโตมี แต่กำลังโตไปหาวิกฤต ผมเชื่อว่าวีไอจริงมีแรงเสียดทานสูง ต้นทุนถือหุ้นไม่แพง
เศรษฐกิจโตระดับนึงจากสภาพคล่องที่สูง บวกกับดอกเบี้ยที่ต่ำในอดีต เช่น ศูนย์ หรือ ติดลบในยุโรป
สภาพคล่องในโลกสูงเพราะว่า จีนเป็นต้นกำเนิดวิกฤตรอบใหม่ไหม จริงๆ มีconditionที่สวย น่าจะเป็นต้นเหตุวิกฤต
มีความคล้ายกันกับไทย ในช่วงต้มยำกุ้ง เรามีเงินไหลเข้ามาจากการเปิดเสรีการค้า เงินไหลเข้ามหาศาล
จีนเปิดเสรีการค้าปี2001 เงินไหลเข้าจีน ทุกคนมีความสุข ไม่มีใครโจมตีเงินหยวนที่ไม่อยู่ในระบบ
ปี2008 จีนเจ็บ แต่มีเงินก้อนที่สองจากคิวอีมาช่วย และ มีเงินเข้าก้อนที่สาม จากการเปิดเสรีทางการค้าและการเงิน
สภาพคล่องสูงมาก เงินมาในรูปแบบจีนกู้เงิน ไม่ว่าจาก ออกตราสารหนี้มหาศาลจากปี07 มีเงินกู้เพิ่มขึ้นมากคิดเป็นอันดับสองของโลก ตอนนี้ไม่มีความเสี่ยงเพราะดอกเบี้ยต่ำ
ถ้าอเมริกาขึ้นดอกเบี้ยเป็น สองเปอร์เซ็นต์ จะรับไหวไหม ถ้ารับไม่ไหว ถ้าเจ้าหนี้ไม่ปล่อยกู้ต่อจะทำอย่างไร
ให้จับตาเงินสำรองที่ปีที่แล้วลงมา สิบเปอร์เซ็นต์ รวมเป็น 20% จะเกิดpanicไหม เพราะเงินสำรองไหลออกเร็วมาก
ปกติวิกฤตเศรษฐกิจจะเกิดตอนดอกเบี้ยอเมริกาสูงทั้งนั้น เหมือน ไทย ต้มยำกุ้ง
แต่วิกฤตซับไพรม์ เป็นFake economy ซื้อสินทรัพย์ทางการเงินแบบปรอมๆที่ไม่มีbackup
แต่ตอนนี้จีนไม่น่าเกิดวิกฤตแรง ทำไมตลาดหุ้นลงแรงปีนี้ เราดูปีที่แล้ว หุ้นอเมริกา ยุโรป ขึ้นมาจนPEสูงที่สุดมารอบสิบปี ด้วยมูลค่าที่ดันต่อ ในสภาพคล่องหายไปมันไม่ง่ายแล้ว
ผู้จัดการกองทุน ดันหุ้นลงแทน เพื่อให้มูลค่าถูก ของแพงดันไม่ขึ้น อย่าดันดีกว่า ไม่ซื้อ มีข่าวมาก็เลยดันลง เป็นความรู้สึก
อารมณ์ มากกว่าปัจจัยพื้นฐาน ยังไม่เกิดวิกฤต แต่เราเข้าสู่วิกฤต มีเงื่อนไขของเวลาและเรื่องราว รออยู่ไม่นานด้วย
อเมริการฟื้นระดับนึง ยุโรปก็ฟื้นตาม ดอกเบี้ยขึ้น จะเกิดบับเบิ้ลขึ้น
.
คำถามจากดร ไพบูลย์_กระทบไทยเป็นอย่างไร
ตอบ_จีนไปด้วย อเมริกาก็ช่วยจีนไม่ได้ ก็ไปทั้งโลก ไทยลงด้วย วิกฤตไม่เกิดที่ไทย มาทางอ้อมพร้อมๆกัน
เป็นข้อดี ไม่ลงเหมือนต้มยำกุ้ง ลง78% เที่ยวนี้อาจลงแค่50%เหมือน ซับไพร์ม
วิกฤตรออยู่ข้างหน้า ไทยโดนเหมือนกัน ระมัดระวังการลงทุน แต่หุ้นก็มีโอกาสขึ้นต่อ แต่เป็นโอกาสของ โมเมนตัน อินเวสเตอร์ ไม่ใช่ ช่วงเวลาของนักลงทุนแบบวีไอ ซื้อวันนี้ถืออีกสิบปีข้างหน้า มันไม่ใช่ แค่มีลุ้นให้เห็น1,400-1,600
วิกฤตปี 2017-18 แต่ตลาดหุ้นสูงสุดในช่วงเลือกตั้ง เป็น ช่วงที่ครบสิบปีที่เศรษฐกิจรอบใหม่ เป็นจุดพีค ต้องลดพอร์ตเหลือเท่าไหร่ แต่หวังจะขึ้นหนึ่งเท่าจะยากจาก1,200 ไป 2,400 ยากกว่าเมื่อก่อน 200 ไป 400 ง่ายกว่า เล่นเป็นรอบได้
คุณเจษฏา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขียนมุมมองของโลก hope for the bestหวังน่าจะดี & prepare for the worst เผื่อกรณีไม่ดี เป็นการแทงกั๊ก
Prepare for worst มี 2 condition
Condition แรกคือ
ถ้าเกิดให้ลดพอร์ต เช่น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ถ้าตกต่ำมากเกินไป เช่นปี98 เกิดดอลลาร์แข็ง น้ำมันลงไป 10-20 USรัสเซีย ผิดนัดชำระหนี้ ปีนี้ รัสเซียลอยตัว มาเมืองไทยเที่ยวจ่ายเพิ่มสองเท่า
หุ้นเกรนคอร์ บริษัทใน forturn ทำโภคภัณฑ์ราคาลงไป 80% จะเกิด emerging crisis
น้ำมันลง ดีกับเศรษฐกิจ แต่จริงๆไม่ใช่
เรื่องที่สอง ค่าเงินหยวนถ้าอ่อนเร็วเกินไป จะสะท้อนหลายอย่าง คล้ายเดือนสิงหาคม black Monday
ตลาดหุ้นลงไปสิบห้าเปอร์เซ็นต์ ในสองวัน
เกิดจากทางการจีนกำหนดค่าเงินหยวนให้อ่อนค่าเร็วและแรง มีนัยยะสองเรื่อง
เรื่องแรก จีนได้ดุลการค้ากับทั้งโลก 40%ของการเติบโตของโลก มาจากจีน กระทบการค้าขายของโลก
ถ้าค่าเงินอ่อนจะกินดุลโลก
เรื่องสอง เม็ดเงินร้อนไหลเข้าเศรษฐกิจจีน มาจากเก็งกำไรระยะสั้น ติ๋มซำบอนด์ ได้ประโยชน์จากหยวนแข็ง
แต่ช่วงนี้หยวนอ่อน ก็จะปิดposition
เงินไหลออก ค่าเงินอ่อนลงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ แต่ไม่Hard lander หลังฝนตกหนัก พระอาทิตย์ขึ้น
น้ำมันจะบอกทาง RSI สามเหลี่ยม west texas จะไปทางไหน
จะเลือกข้างว่าน้ำมันจะไปทางไหน สมดุลใหม่ ถ้าราคาน้ำมันไป ห้าสิบเหรียญ ราคาหุ้นจะขึ้น ได้ 40-50%แต่ยังไม่ถึงยอดดอยเดิม
Hope for the best จะตามมา เกิดในครึ่งปีหลัง
บ้านเราเศรษฐกิจโตสามเปอร์เซ็นต์ จุดที่ควรระวัง ตลาดหุ้นลง 15% telco down
กลุ่มท่องเที่ยวปีที่แล้วโต 20%ซึ่งผิดปกติ ปีนี้ไม่โตขนาดนั้นโตแค่ 8% ต้องระมัดระวัง
เศรษฐกิจไทยโต3% คนไทยโดยรวมยังลำบาก แต่GNPความมั่งคั่งของคนไทยไม่ค่อยโต
บ้านเรา หุ้นที่มีน้ำหนักมากในตลาดคือ กลุ่ม แบงค์ สื่อสาร เป็นหลัก เป็น Tradition economy เงินในกระเป๋า
อาจไม่ฟื้นมากนัก ไม่เหมือน หุ้นหลักในต่างประเทศ จะเป็น new economy เช่น Apple , Google , Facebook,Alibaba จะเคลื่อนด้วย IOT
Q: อุตสาหกรรมไหนใช้ได้ และ กลยุทธ์ในการลงทุนปีนี้
A: คุณสุกิจ_พูดถึงกลยุทธ์สั้นๆเป็นเรื่องสำคัญ
1. ตั้งเป้าผลตอบแทนเท่าไหร่ เชื่อว่าคาดหวังสัก 10-15%เป็นไปได้ ปีที่แล้วลบ14%
ข่าวดี ตลาดหุ้นไม่เคยลงติดลบสองปีติดกัน จะมี winner และ loser สลับกันไป ดร ไพบูลย์เสริมทุกอย่างต้องมีครั้งแรก
prepare for the worst มาจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจของโลก โมเมนตั้มร้ายๆเข้าไปในราคา
มีปัจจัยที่ทำให้หุ้นลง บางตัวลงที่มีเหตุผล บางตัวไม่มีเหตุผลที่ลงก็เป็นโอกาสในการลงทุน หวังผลตอบแทนสูงไม่ได้
2. การเคลื่อนไหวของดัชนี Q1 16 โตยาก ผันผวน เหตุการณ์ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ค่าเงินหยวนอ่อนประมาณ
6.7-6.8 เป็นจุดที่ควรเป็น ถ้าเป็นจริงน่าจะเกิดช่วงนี้ ถ้านักลงทุนทนไม่ได้ ไม่ควรเข้ายุ่ง
ถ้าใครทนได้ ก็ไปลงทุนได้ ถ้าผ่านไตรมาสหนึ่งไปแล้ว ทุกอย่างน่าจะดีขึ้น ดัชนีน่าจะเกินจุดต่ำสุด 1,288 จุดของปีที่แล้ว
อุตสาหกรรมที่น่าสนใจ เศรษฐกิจไทยขยายตัวแรงๆยาก แต่ปีนี้สิ่งที่ทำให้เศรษฐกิจโตก็เป็นเรื่องการก่อสร้าง
CLMV , AEC ด้วยทางเลือกน้อย กลุ่มก่อสร้างน่าจะดีในปีนี้ หุ้นก่อสร้างเป็นบวกไม่มากในปีที่แล้ว เพราะจะซื้อแล้วไม่ขาดทุนมากมาย แต่เหตุผลที่บวกไม่มาก เพราะโครงการช้า แต่ไม่ติดลบเพราะมีโครงการยังไม่เริ่ม
ถ้าเร่งก่อสร้างมาก เราจะได้อนาคต วิกฤตในอนาคตเบาลง ทนการผันผวนได้เยอะ กลุ่มรับเหมาก่อสร้างก็ยังดี
ไม่เฉพาะไทย ในปีนี้มี2Theme คือ การลงทุนของรัฐบาล เป็นสิ่งที่ตลาดต้องการ พึ่งผ่านช๊อบช่วยชาติมา
หุ้นค้าปลีก ดูยอดขายต่อสาขา Same store salesของค้าปลีก เริ่มบวกแล้วเมื่อคิดต่อไตรมาส
เศรษฐกิจโลกเริ่มดี การบริโภคเริ่มฟื้นตัว ถ้าไม่มาก ลงทุนไปไม่ได้ผลตอบแทนมากเท่าไหร่
แต่กลุ่มก่อสร้างยังไม่ค่อยเริ่ม น่าจะเพิ่มในปีนี้
คุณกวี_มาบอกหุ้นกลุ่มที่น่าสนใจ แต่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง
ปีนี้ยังไม่มีวิกฤตเศรษฐกิจ ดัชนีที่ลงคือเป็นเชิง sentiment
ทำไมช่วงนี้ลงแรง หลังจากเฟดขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ9ปี การเปลี่ยนครั้งแรก เจ็บนิดนึง ครั้งที่สองเจ็บน้อยลง
นักลงทุนรับรู้ข่าวน้อยลง ต่อไปจะเริ่มเฉยแล้ว มีผลต่อ fund flow
รอบการขึ้นดอกเบี้ย ในปี 1994 , 1999 , 2004 , 2015
ปรากฏว่า ในช่วง3เดือนแรก หุ้นลง ฝรั่งขาย แล้ว หุ้นเริ่มขึ้นหลังจากนี้ เป็นข้อมูลจากสถิติก่อนหน้า
Q1 ตัวเลขเศรษฐกิจดีของอเมริกาขึ้น เลยกังวลว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีกในกพ และ มีค ดัชนีเลยลงต่อ
ดังนั้นนักลงทุนต่างประเทศขายก่อนตอนดอกเบี้ยขึ้น ทองคำเป็นassetเดียวที่ขึ้นจริงๆ ครั้งนี้คงเหมือนคราวกับที่ผ่านมา
ถ้าดัชนีลงรอบนี้ อาจยังไม่ถึง800จุดในปีนี้ ยังไม่เห็นปีนี้ ลงมาน่าสนใจ กรอบดัชนีช่วงไหนน่าลงทุน
นักวิเคราห์ มองไม่ดีในช่วงต้นปี มองแบบระมัดระวังตัว มองดัชนี 1000 ผมมองว่าดี PE 12-14 เท่า
ปีที่แล้ว ยังตั้ง 14-16 ปีนี้ PE = 13 เทียบกับเพื่อนบ้านเราสูงกว่า ถ้าลงมา12เท่า รับได้ ดัชนีน่าจะประมาณ 1,180 จุด น่าจะเหมาะสมเป็นกรอบล่าง
Upside 1H กำไร 94 บาทต่อหุ้น ดัชนีประมาณ 1,3xx ดังนั้นดัชนีจะแกว่งตัวอยู่ในช่วง 12xx-13xx on 1H 16
2H16 Hope for the best เจอเรื่องร้ายๆไปแล้ว จีนจะไม่Hard landing จีนจะมีส่วนที่แย่ คือธุรกิจในส่วน old economy เช่น การลงทุนของรัฐ ธุรกิจน้ำมัน เรือ ส่งออก ไม่ดี แต่ค้าปลีก สินเชื่อรายย่อย และ การบริโภค ซึ่งเป็น ธุรกิจใน new economy เน้นบริการมากขึ้น ความเสี่ยงต่ำกว่า ผันผวนน้อยกว่า หยุดกระตุ้นของภาครัฐ
จีนจะเลิกสร้างสิ่งแปลกๆแต่เปลี่ยนเป็นภาคการบริการแทน ต้องใช้เวลา เศรษฐกิจไม่โตเยอะ
ดัชนีไทย อยู่ในกรอบโต 3% อุตสาหกรรม เน้นภาคบริการซึ่งเป็นธุรกิจในแนว new economy
ยังเชื่อกลุ่มโรงแรมยังดี แย้งกับคุณเจษฏา แต่ต้องดูเรื่องtiming
เช่น บริษัท Centel ต่ำกว่า 35 บาท , MINT ราคาต่ำกว่า 30 บาทยังน่าสนใจ
โรงพยาบาลยังคิดว่าหุ้นขึ้นไปแล้ว ยังคงขึ้นต่อ เป็นTheme การลงทุนของประเทศไทย
ส่วน หุ้นในกลุ่มพลังงาน prepare for the worst อย่าไปช้อนซื้อ
กลุ่มธนาคาร ถ้าลงไปอีกน่าสนใจ
กลุ่มค้าปลีก บางบริษัท SSSเริ่มเป็นบวกแล้ว คนไทยมีเงินไปซื้อของสัปดาห์สุดท้ายของปีที่แล้ว
แสดงว่าคนไทยมีเงิน แต่ไม่จับจ่ายใช้สอย ที่มีปัญหาคือระดับรากหญ้า
ต้องระวังภัยแล้ง รัฐกำลังเตรียมงานรถไฟฟ้าเพื่อรองรับแรงงานจากภัยแล้ง เราเตรียมตัวดีที่ผ่านมา
หมอเค_บอกว่า กลุ่มไอซีที ทำไมไม่พูดถึง ถ้าพูดจะไม่ดี ไม่พูดก็ไม่ดี ถ้าไปคว้ารายที่สี่ก็แย่เลย
คุณเจษฏา_บอกว่า 2H16 หรือ Q2 hope for the best ได้ เราดู2อย่าง
Valuation bank PB 1.5 ถือว่าถูกมาก
ส่วนหุ้น กลุ่มสื่อสาร PE=10 ไม่เห็นมานานมาก เมื่อก่อน 20 เท่า
หุ้นกลุ่มพลังงาน ก็น่าสนใจ เพราะ PB=0.5 มันจะไม่ฟื้นจนกว่าการเปลี่ยนแปลงปัจจัยพื้นฐานดีขึ้น
แต่ต้องดู เรื่องการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจของโลก ต้องติดตามปัจจัยพื้นฐาน 3 กลุ่มหลัก คือ พลังงาน สื่อสาร ธนาคารที่ลงมา ถ้าเปลี่ยนแปลงในปัจจัยเชิงพื้นฐานดีขึ้น ถ้าน้ำมันลงไป 20-30 US ,
โรงงานขุด Shell oil ก็ปิด เป็นต้น เป็นโอกาสการลงทุนที่ดีขึ้น
กลุ่มที่ 2 หุ้นอีกกลุ่มที่ฉีกตำราหมดเลย คือมี PEเฉลี่ย 50 เท่า ก็ยังไม่ลง ตราบใดที่ปัจจัยพื้นฐานยังดีต่อเนื่อง เหมือนกับคุณโจบอกว่า เจ้ามือที่แท้จริงคือผลประกอบการ
หุ้นกลุ่มนึง Earning growth 40-50% ในระยะสั้น กำลังแข็งแรง
กลุ่มที่3 กลุ่ม Internet of thing ซึ่งหุ้นส่วนใหญ่อยู่นอกตลาด เราไปใช้เวลาไปอยู่กับมัน อุปกรณ์ดิจิตอล 4-5 hrs ต่อวัน
โทรศัพท์บริษัทจีน ธุรกิจสื่อสาร รายได้บางส่วนมาจากการขายบริการเสริมต่างๆ ส่วนในไทย AIS จะมี Ooobee
ในอนาคตการที่อินเตอร์เน็ตเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวัน เป็นเรื่องปกติ รายได้จะมาจากการบริโภค IOT
Q: ให้คะแนนตลาดหุ้น ตั้งแต่ 0-10 และบอกหุ้นเด็ด สามตัว
.
A: คุณกวี_ให้ คะแนน 7 เพราะเชื่อว่าปีนี้ดีกว่าปีที่แล้ว ปีนี้ไม่ติดลบ แต่ระหว่างปีอาจติดลบได้
คุณสุกิจ_ให้ คะแนน 7 เท่ากับคุณมนตรี หัวหน้าผม
คุณเจษฏา_ให้คะแนน 7 เท่ากัน มองว่าความคาดหวังต่ำ เพราะหมดหวังและหมดตัว
PE ก็ต่ำ ไม่ชอบปัจจัยพื้นฐานให้5 รวมๆได้ 7 คะแนน
Q: หุ้นเด่น ท่านละสามหุ้น
.
A: คุณ สุกิจ_เริ่มก่อน Bank : Book valueลงมามาก PB ลดต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ลบไป 2SD แล้ว
เลือก 1. KBank เพราะธุรกิจขยายตัวในปีหน้ามาก
ราคาหุ้นลงมา 35% จากจุดสูงสุด เป็นหุ้นเติบโต และ เด่นเรื่องปันผล ระวังเรื่อง NPL ซึ่งปกติไม่ประมาท
มองโลกแบบ conservative , คราวนี้ตั้งเป้า Loan growth = GDP ธนาคารตั้งเป้าต่ำ น่าจะได้
2. CK ช การช่าง เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง เป็นส่วนผสมระหว่าง ก่อสร้างกับ Utility ซึ่งงานก่อสร้างมีโอกาสได้งานเพิ่ม
คุณภาพธุรกิจก่อสร้างดี และ มีบริษัทลูก เป็น บริษัทผลิตน้ำ เดินรถไฟใต้ดิน
3. BEM เป็นบริษัทลูกของ ช การช่าง เป็นทั้งทางด่วน และ รถไฟใต้ดิน มีเส้นรถไฟใหม่เข้ามา ช่วงเปิดจะค่อยๆดีขึ้น
วันหน้าจะดีขึ้น หุ้นกำไรไม่ดีมากตอนแรก แต่ฐานะการเงินเริ่มดีขึ้น
A: คุณกวี_เป็นคนต่อมา ได้ให้ข้อมูลหุ้นที่น่าสนใจ
1. กลุ่มโรงพยาบาล Hospital : BH growth 20% , PE 30 เท่า , EPS growth ดี ทำไรค่อนข้างสูง ราคาเป้า 270 Baht ต่อหุ้น คนไข้จากต่างประเทศ จะยังเข้ามาใช้บริการ กลยุทธคือจะเอาคนไข้เข้ามารักษา ต่างกับ โรงพยาบาลกรุงเทพ จะเปิดโรงพยาบาลเพิ่มตลอดเพื่อรับคนไข้เพิ่ม
2. CPN PE 20 กว่าเท่า กำไรไม่ดีปีที่แล้ว เนื่องจากเปิดใหม่สองสาขา มีความเสี่ยงเชิงยอดขายน้อยกว่าตัวอื่น
เป็นพลาซ่า ให้เช่าที่ ปรับตัวได้เร็ว ห้างมีร้านอาหารมากขึ้น ขายของน้อยลง ปรับตัวได้ดี เป็น Bigcap ที่น่าสนใจ
3. หุ้นตัวแทนรับเหมาก่อสร้าง และ พลังงาน คือ หุ้นปูนซิเมนต์ SCC กองทุนถือเยอะมาก เพราะไม่กล้าถือ PTT มาก
ซึ่ง ปิโตรมีสเปรดดี ได้ประโยชน์ จากยอดขายปูนดีขึ้น ปันผล 4% และ PE 10เท่า
A: คุณเจษฏา_แนะนำกองทุนสามกอง สองกองแรก เป็นกอง Mid- small cap
กองแรก ทิสโก้เอ็มเอส TISCOMS ชอบมากสุด หุ้นในพอร์ต ได้แก่ PlanB ,scn ,major ,work ,NYT (namyong terminal) ,ยูนิค , EPG , KTC
กองที่สอง หุ้นเกิดใหม่ UTSME ( United SME ) ส่วนตัวเป็นแฟนหุ้น Mid-small cap กำไรโตได้เยอะ
กองที่สาม CMIB Principle Iprop
Iprop rmf return 15% ในปีที่แล้ว
-----------------------------------------------------------------------------------
ช่วงที่ 2 กลยุทธ์วีไอปี59
อจ เสน่ห์ พูดเป็นกลอนตอนเปิดตัว
ลิงกั๊กๆรักจริงๆไม่ทิ้งขว้าง
Money talk ซะอย่างเรายังหวัง
แฟนรายการแน่นเหนียวเป็นเกลียวใจ
จัดที่ไหนก็ไม่หนีมีแฟนตรึม
ไสสิวะหว่อทิ้งกัน หมายถึง ถึงมีปัญหาก็ไม่ทิ้งกัน
ไม่รู้สินะจะลำบาก
จะร้องไห้หนักมากสักเพียงไหน
เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
หรือที่เอาที่สบายใจก็แล้วกัน
หัวข้อ กลยุทธ์วีไอปี 59
คนแรก ดร นิเวศน์ เหมวชิรวรากร อาจารย์จะดูตัวเล็กหน่อย เพราะเก้าอี้ที่นี้ปรับไม่ได้
ท่านที่สอง ขึ้นเวทีปีละหน บริหารกิจการที่บ้าน เรียนวิศวะจุฬา และจบปริญญาโท คุณ พีรนาถ โชควัฒนา
ท่านที่สาม หมอพงษ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี หุ่นฟิตมาก ตอนนี้ลดลงตามพอร์ต ข้างบนอากาศเจือจาง
ท่านที่สี่ คุณ โจ ลูกอีสาน คนพังงา ขอใช้นามสกุล ลูกอีสาน ชอบหนังเรื่องลูกอีสาน
นายกคนปัจจุบัน ปีเตอร์ลินซ์ เมืองไทย จำได้ทุกบริษัท ตอบคำถามบริษัทในตลาดหุ้นได้แน่
ท่านสุดท้าย คุณ ประชา ดำรงค์สุทธิพงษ์ หรือ คุณ ไลท์
จะมาคุยถึงกลยุทธ์วีไอในปี 59
Q: ดร ไพบูลย์ ถาม อจ เสน่ห์ว่าห้าคนแนะนำเป็นอย่างไร
.
A: อจ เสน่ห์ บอกว่า ทุกคนจะมารับผิดชอบที่พูดเมื่อปีที่แล้ว
ย้อนกลับปีที่แล้ว มีสองเวอร์ชั่น คือ ครึ่งปีแรก และ ครึ่งปีหลัง
สัมมนาเมื่อต้นปีที่แล้ว คุณพีรนาถ_ให้ แปด คะแนน
คุณโจ_ให้เท่ากัน แปด คะแนน
คุณประชา_ให้ เจ็ด คะแนน
หมอพงษ์ศักดิ์อยู่อีกเซสชั่นหลัง เลยไม่ได้ให้คะแนน
ดร นิเวศน์_จำได้ว่าให้สี่คะแนน อจ เสน่ห์แซว หุ้นแย่เพราะดร บอกไว้ วันนี้ต้องมาอธิบายปี59
ดร ไพบูลย์ พูดมา เป็น 5 คำถาม แต่อจ เสน่ห์เปลี่ยนเป็นคำถามแบบรวมๆ
ตั้งคำถามแบบเป็นกลอนดังนี้
ถามวีไอเหนื่อยไหมปีห้าเก้า
เป็นปีเศร้าปีชงปีสงสัย
ควรต้องปรับรับมือหรืออย่างไร
แถลงไขให้สตรองบอกตงๆ
Q: คำถามเริ่มถามคุณพีรนาถก่อน และ ดร นิเวศน์ให้พูดหลังสุด
.
A: คุณพีรนาถ_บอกว่า ปี59 ผมเกิดปีเสือ ดังนั้นปีลิงชงแน่นอน ลิงหลอกเสือได้ ผมมองว่าปีที่แล้ว สิ่งร้ายที่เกิดขึ้น ไม่เคยคิดมาก่อน เกิดเยอะแล้ว เช่น ตั้งสำรองของธนาคารจากธุรกิจเหล็กที่ขาดทุน หรือ เรื่อง insider trading ราคาน้ำมันก็ลงไป และ การประมูล4G ที่เป็นข่าวดีกลายเป็นข่าวร้าย ธนาคารลงมามากแล้ว คนไม่คาดหวังเรื่องดีแล้ว งบรัฐยังไม่ยังใช้จ่ายเท่าที่คาดหวังไว้ ส่งออกก็ติดลบ ปีนี้ จะหาอะไรที่ร้ายกว่านี้ยากมาก
ปีนี้ เปิดมาคือ จีน ร้ายขึ้นมาอีก มี seriesข่าวร้าย อาจจะมีข่าวดีมาก็ได้เป็นชุดๆ ไทยยังมีข่าวร้ายได้มากอีกเท่าไหร่
ผมติดตามทีมเศรษฐกิจ ดร สมคิด กับ ดร อภิศักดิ์รู้ว่าต้องทำอย่างไร โครงการเริ่มช้า
ปัญหาภัยแล้ง ก็รู้มาก่อน ต้องมีการเตรียมตัว ข่าวร้ายก็ออกมา สิ่งดีๆน่าจะมีออกมา
เช่น โครงการของรัฐบาลลงมือจริง เราไม่ได้ลงทุนโครงการใหญ่ๆมานานแล้ว
น้ำมันราคาถูก ถ้ารัฐลงทุนจะเป็นผลบวก รัฐจะสร้างความมั่นใจให้เอกชนที่รีรอจะลงทุน เริ่มลงทุนได้แล้ว
การใช้จ่ายตอนสิ้นปีเพื่อลดหย่อนภาษี แสดงว่าคนมีเงิน แต่ยังไม่ใช้จ่าย ปี59 โดยความรู้สึกน่าจะดีกว่าปีที่แล้ว
และ ดีกว่าวันนี้ มองอนาคต ไทยเป็น capital ของ AEC ในอีก 20ปี
.
A: หมอพงษ์ศักดิ์_ดูจากปัจจัยภายนอก ปัจจัยภายใน และ ภาพใหญ่ของดัชนี
ปัจจัยภายนอก อเมริกา เศรษฐกิจพอไปได้ ยุโรปก็พอไปได้ จีนต้องเฝ้าระวง ต้องการsoft landing ให้ได้
ตลาดหุ้นจีนกับreal sectorไม่สัมพันธ์กัน ตอนหุ้นลงไม่กระทบกับwealth ของเขามาก แต่หนี้เป็น 250%ของGDP
อาจเกิด Debt crisis และมีผลกระทบทำให้เกิด economic crisis ได้ จะกระทบต่อการส่งออกไปจีน
ปัจจัยภายใน นโยบายภาครัฐในการลงทุน เศรษฐกิจไทยขึ้นกับการส่งออก60-70% ของGDP
ตัวอื่นเช่นกำลังซื้อของชนชั้นกลาง น้ำมันลงต่ำทำให้มีเงินเหลือ
เกษตรกร ไม่ดี มาจากราคาผลผลิตทางการเกษตรลดลง
กำลังซื้อของประเทศ ดีขึ้นเล็กน้อย เฉพาะคนชั้นกลาง
Market cap 11.8 ล้านล้านบาท ถ้าตัดสำรองหนี้เสีย แล้วกำไรของตลาดประมาณ 700,000 ล้านบาท
ควรดู Market risk premium = earning yield gap – ten years gov yield = 3.4%
ถ้า ได้เท่ากับ 10 ตลาดดี
ถ้าได้คะแนน 0-1 หมายถึง ตลาดแย่
แต่ถ้าได้ 3-4 คะแนน แสดงว่า ตลาดทรงๆ
ยกเว้นตลาดจีนตกรุนแรง หรือ ประเทศเกิดใหม่ที่กู้เงินมา ถ้าจีน devalue ทำให้เกิดปัญหาการใช้เงินคืน
ต้องระวังจีนไว้หน่อยก็ดี ฐานะนักลงทุน ลงทุนในบริษัทที่ไม่มีผลกระทบ หรือ ลงทุนหุ้นต่างประเทศ
หรือ เก็บเงินสดไว้ ยังไม่ต้องรีบลงทุน ถ้าไม่มีหุ้นที่ดี ไม่ต้องรีบไปซื้อ ถ้าเศรษฐกิจอ่อนแอ ก็มีธุรกิจลงทุนได้
ปีนี้ราคากลางๆ หาหุ้นลงทุนในอีกสอง สามปีข้างหน้า
นักลงทุนวีไอ จะลงทุนแบบ Bottom up ดูอุตสาหกรรมไหวไหม ในสภาวะแบบไหน ก็หาได้ แต่ไม่มากนะ
เราสามารถเจอตัวเดียวกับหมอพงษ์ศักดิ์ ก็เหมือนเป็นเหาฉลาม สบายไป
.
A: คุณ โจ_ตอนแรกคิดว่าหุ้นลง 400 จุด จะไม่มีคนมาฟัง เหมือนสมัยก่อนมาฟังแค่ 12 คน ที่หอประชุมธรรมศาสตร์
หุ้นตกก็ไม่กลัว ปีนี้ตลาดหุ้น ดีไม่ดี ไม่รู้เหมือนกัน อนาคตไม่รู้ แต่ปัจจุบันอยู่ตรงไหน เราดูพีอี ปีนี้ไม่ได้
ปีที่แล้วกำไรผิดปกติ หมายถึงน้อยเกินไป ถ้าไม่รวมผลขาดทุนจากบริษัท SSI ที่จะโผล่ไปที่ธนาคารในเรื่องตั้งสำรองหนี้เสีย และ ปตทสผ ตั้งด้อยค่า รวมแล้วประมาณ หนึ่งแสนสามหมื่นล้านบาท และ ไปโผล่ที่บริษัท PTT ที่ถือหุ้นPTTEP
เรามาดูอีกตัว นั่นคือ ราคาต่อมูลค่าทางบัญชี PB ratio ปัจจุบัน 1.68 เท่า
หมายความว่า PB Ratio น้อยกว่าค่าเฉลี่ย 2.28 แสดงว่าPBต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 38%
PB ไม่ค่อยผันผวน เป็นตัวเลขย้อนหลังของทุกบริษัทที่ก่อตั้ง ตอนต้มยำกุ้ง กับ subprime , PB=1 เท่า
แต่ถามว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย มีเงินก็ช้อนซื้อไปก่อน คาดการณ์ยากมาก การถือเงินสดไปซื้อตอนวิกฤตเป็นงานของพระเจ้า
เราคาดการณ์ผลกำไรของบริษัทได้ พี่ประชามีตัวเลขของปีที่แล้ว ไม่ได้แย่ ดูจากข้อมูลใน webboard thaivi ยัง gain
สรุปว่า ดูจาก PB ต่ำกว่ามาตรฐาน แนะนำให้ซื้อได้ แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่บอกว่าครึ่งปีแรกไม่ดี และ จะดีในครึ่งปีหลัง
.
A: คุณประชา_บอกว่า เราเห็นข่าวจากต่างประเทศ จีนจะcrash หรือ soft landing หรือไม่
รัฐบาลอยากกระตุ้น แต่คาดการณ์ยากมาก ดัชนีลบแค่11%ซึ่งรวมปันผลแล้ว
บริษัทประมาณ 35x แห่งที่ยังกำไรชนะตลาด แสดงว่ามีบริษัทเกินครึ่งของบริษัททั้งหมด จริงๆดัชนีควรบวก
มี25xบริษัท ชนะตลาดและเป็นบวก บริษัท 15xแห่ง เป็น หุ้นได้ผลตอบแทนมากกว่า 15%
แต่เราเจอหุ้นตัวใหญ่ติดลบ เช่น ปตท สื่อสาร เศรษฐกิจปีที่แล้วดี แต่ราคาน้ำมันลงเยอะ
ราคาน้ำมันต้นปีลงมาถึงปลายปี น้ำมันลงเยอะมาก สื่อสารลงอยู่ในสุสานหมด
ธนาคารปล่อยกู้รายใหญ่ สำรองกำไรเยอะ ไม่คาดคิดมาก่อน
ปีนี้ การตัดสินใจลงทุนโดยเอาผลกำไรของปีที่แล้วไม่ได้
อจ เสน่ห์ เสริมว่า เมืองจีน มีการลงทุนเยอะในสมัยก่อน ปรากฏว่ามีคนไทยคุยกันกับคนจีน คนจีนบอกว่า
อั้วกินอะไร หมาก็กินได้ ปีที่แล้ว หุ้นลง คนไทยเลยถามต่อ คนจีนบอกว่าตอนนี้หมากินอะไร อั้วก็กินด้วย
หลังจากนั้น มาถามต่อ คนจีนตอบว่า ตอนนี้ อั้วกินหมาไปแล้ว ถ้าไม่เลี้ยงไว้ ก็ไม่มีอะไรกินแล้ว
A: ดร.นิเวศน์_มองว่าปีนี้ ผมมองมาหลายปี อยู่ในความทรงจำ คนไทยเราอาจไม่รู้สึกแตกต่าง ในปี 57,58,59
ดูประชากรศาสตร์ เพื่อนกลุ่มเดียวกัน คือ AEC ดูหลายปี บางที่เราอาจไม่เหมือนคนอื่น เพราะ สี่ห้าปีที่ผ่านมา ดูประเทศอื่น โลกมีปัญหา เราเลยแย่ แต่เรายังดีกว่า อเมริกา ยุโรป แต่จริงๆเขาเป็นประเทศที่พัฒนา GDPจะน้อยอยู่แล้ว ไม่ควรมาเทียบ เราชินกับประเทศที่ขาดทุนหนัก เช่น มาเลย์ ค่าเงินลดหนัก น้ำมัน ปาร์มแย่ แต่โดยรวม ตลาดของมาเลย์ยัง
โต 5-6% ส่วนเราโตแค่ 2-3% แย่กว่าประเทศอื่น เทียบกับที่อื่น โตมากกว่า 5%
Phiplipine โต 6-7% / Indonesia โต 7-8%
Singapore เศรษฐกิจโตพอๆกับเรา แต่เป็นประเทศพัฒนา ซึ่งต้องเปรียบกับอเมริกา คือโตปกติ
เมื่อก่อนไม่เคยมีใครคิดว่าเศรษฐกิจโตน้อยกว่า 5%
หุ้นตัวใหญ่ลงเหมือนประเทศอื่น ตอนนี้หุ้นตัวเล็กและตัวใหญ่มีสองตลาด หุ้นเล็กเราเล่นกัน
รายย่อยพอเล่นมาก หุ้นก็ขึ้นเอา พีอี ห้าสิบเท่า ก็ยังเล่น ราคาไม่ลง
ราคาค้างอยู่ พอราคาลงมามาก แต่พีอีก็ยังสูงอยู่
ส่วนหุ้นตัวใหญ่ มีน้ำหนักกับดัชนีมาก ฝรั่งไม่เล่น หุ้นเลยลง ตลาดหุ้นในเอเชีย รายย่อยไม่เล่นหุ้น หรือ เล่นน้อยมาก
ประเทศเขาศักยภาพยังโตได้มาก ไทยเป็นประเทศเดียวที่โตน้อย อาจมีปัญหาเยอะ ความสามารถในการแข่งขันน้อยลง
ไม่สามารถแข่งขันได้ดีเท่ากับญี่ปุ่นที่ไม่มีคนว่างงาน ทำงานตลาด
เมื่อก่อน ฟิลิปปินส์ เศรษฐกิจไม่ได้ไปไหน ไม่ได้เจริญกว่าไทยเป็นสิบปี ตอนหลังประชากรยังหนุ่มแน่น เศรษฐกิจไปได้แล้ว ถ้าเศรษฐกิจโลกดี ไทยจะกลับมาโตเหมือนเดิมได้ไหม สินค้าที่ผลิตเป็นเหมือนเดิมใช่ไหม
คำตอบ เศรษฐกิจไทย ต่อไปอีกหลายปี ไม่ไปไหน หุ้นไปยาก บริษัทไปยาก
ขึ้นมากๆก็ขาย ลงมาก็ช้อนซื้อ ลูกหลานขึ้เกียจทำงานก็เลยซื้อหุ้นเก็บ ทำให้หุ้นขึ้น และ ลง แบบนี้ ไม่ขึ้นทางเดียวแบบไกลๆ เป็นตลาดแบบ ไซด์เวย์ จะขึ้นไกลๆ ยากมาก เวลาตกก็ไม่แรงเท่า ต่างชาติขายไปหลายแสนล้านบาท โอกาสซื้อหนักๆไม่ค่อยมี ฝรั่งขายไม่ลง สถาบันซื้อหุ้นขึ้น แต่มีโอกาสซื้อหุ้นที่ลงมา เช่น สื่อสาร มีกำไร พีอีไม่สูง แต่ซื้อไปหน่อย ก็มีคนมาขาย อย่าไปหวังตลาดหุ้นมาก คอยเก็บกำไรอย่าถือหุ้นยาวมาก
Q: ควรซื้อหุ้นกลุ่มไหน แบ่งเงินกันอย่างไร
.
A: คุณพีรนาถ_เห็นด้วยกับดร นิเวศน์ เมืองไทยมีคนแก่เยอะ ปีที่แล้ว ต่างกับปีนี้ รู้สึกสดใส
เรารู้สึกซึมซาบ อยากอยู่เมืองไทย รู้ปัญหาแล้ว ทีมเศรษฐกิจ รู้แล้ว เริ่มคิดแต่อาจช้าไป
เลือกตั้งไม่มีก็ดี ไม่มีใครมาขัด สร้าง S-Curve ตัวใหม่ บริษัทเก่งหรือ คนเก่งในเมืองไทย นำหน้าหลายประเทศ
ถ้าใครมาแถบนี้ เราพร้อมที่สุด เป็นศูนย์กลาง เช่นกรุงเทพ มี โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาลพร้อม เราเปลี่ยนแปลงตัวเราให้เข้าสู่ service economyใหม่ ใครต้องการlistเข้าตลาดก็มาที่เรา
เราต้องสร้างความคิดเป็นบวก ประชากรน้อยลงก็จริง แต่ก็สามารถช่วยปั้มเศรษฐกิจได้ ให้การศึกษาดี
อีกภาคนึง คือ บริษัทปตท ที่ทำโรงเรียนกำเนิดวิทย์ concept ดีมาก หลายท่านจะไปทำบุญ ก็เอาเงินมาช่วยทำโรงเรียนแบบนี้ เมืองไทยก็มีอนาคตได้ บริษัทอื่นทำด้วยเหมือนปตทก็ดี
เด็กจบใหม่ไม่อยากเป็นลูกจ้าง ก็จะมาทำstartupมากขึ้น มองในส่วนpositiveบ้าง
ตลาดหลักทรัพย์ก็มาช่วยaware ทำให้เกิด S-Curve อันใหม่ดัชนีอาจถึง3,000จุดก็ได้ และมีเงินจากไทย และ ต่างประเทศมาสนับสนุน
กลยุทธ์ในปีนี้ เราเป็นนักลงทุนวีไอ เลือกหุ้นเป็นตัวๆ เข้าใจในหุ้นที่เราถือ ซื้อหุ้นบริษัทดีๆ ถ้าไม่ดีเรามีโอกาสซื้อตัวอื่น
โดยการเปลี่ยนกับตัวที่ถือได้ถ้าตัวใหม่ดีกว่า ถ้าตลาดเป็นแบบ Sideway ก็เป็นโอกาสสามารถทำกำไรได้ ขึ้นขายลงซื้อ เลือกเป็นตัวๆ
A: คุณโจ_เห็นด้วย ถ้าเศรษฐกิจโต 5% ต้องปั้มลูกเพิ่ม ผมช่วยไปแล้วมีลูกสามคนแล้ว เราไม่ได้ลงทุนหนักๆมานานมาก
แต่มาดูโครงการเกือบยี่สิบอันที่จะเกิดขึ้น คุณวิกรม บอกว่าถ้าทำพร้อมกันจะขาดแคลนคนขับรถบรรทุก
กลยุทธ์ เลือกเป็นตัวๆไป มีคนทำได้เช่น คุณประชา หุ้นทุกตัวในพอร์ตขึ้นเกือบ 100% ในปีที่แล้ว
คุณประชาแย้ง ตัวขาดทุน80% อาจไม่เห็นนะครับ
ดร นิเวศน์ และ คุณโจ ซื้อหุ้นตอน600จุด ได้กำไรหลายร้อยเด้ง ทั้งที่ดัชนีเพิ่มแค่ 2 เด้ง
ช่วงนี้ social network มาแรง เรารู้เรื่องคนอื่นเยอะ ชาวบ้านทำอะไร รู้หมด แต่เวลาลงทุนกลับไม่รู้ว่าบริษัททำอะไร ข้อมูลบริษัท 56-1 ก็ไม่ได้อ่าน ควรเลือกงานที่สร้าง productivity
A: หมอพงษ์ศักดิ์_บอกว่า ตลาดบวกลบนิดหน่อย เลือกหุ้นรายตัว มีข้อแนะนำในการลงทุน
กลยุทธ์แรกควรเลิก margin เป็นจังหวะไม่ควรเสี่ยง มีโอกาสโดนforce sell ได้ เพราะมีปัจจัยจากต่างประเทศ
มากระทบตลอด
กลยุทธ์ที่สอง เราควรเช็คพอร์ตของเราก่อน เราควรถือหุ้นที่ไม่อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจมาก เช่น บริษัทที่มียอดขายอิงกับภาวะเศรษฐกิจมาก พอร์ตเราจะเสี่ยง ให้ถือหุ้นไม่อิงกับเศรษฐกิจ
กลยุทธ์ที่สาม หุ้นต้องไปได้ในภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอได้ บางตัว ผู้บริโภคจำเป็นต้องใช้ไปอีก 2-3 ปี
กลยุทธ์ที่สี่ ถ้าถือหุ้นเต็มพอร์ต เช็คหุ้นว่าอิงกับภาวะเศรษฐกิจหรือไม่ อาจมีการswitchหุ้นบ้าง หุ้นแกว่งลงมาก
บางตัวลงมาก มาจาก force sell เราขายหุ้นบางตัวในพอร์ต มาซื้อตัวนี้ได้ ผมอยู่โหมดระมัดระวังไว้ดีกว่า
การมีพอร์ต เราต้องดูว่ามีความเสี่ยงขนาดไหน ถ้าเราถือหุ้นที่อิงเศรษฐกิจ ไม่ควรเกิน20-30% ของพอร์ตเท่านั้น
World bank ลด GDP ของไทย from 3% ลงเหลือ 2%
ส่วนตัวไม่ค่อยอ่านข้อมูลจากโบรก ปกติอ่านข้อมูลจากต่างประเทศที่น่าเชื่อถือ องค์กรระดับโลก เป็นกลางมากกว่า ถ้าต้องการมองภาพรวม
A: คุณประชา_มองว่าปีนี้ท้าทายมากขึ้น หาหุ้นดี ราคาถูก ความเป็นวีไอใช้ได้มากในช่วงนี้เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาก
อาจฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ ดีใจที่เห็นความคิดเห็นที่ต่างกัน จะได้พัฒนาฝีมือการลงทุน
ยี่สิบปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจโตไม่เกิน5%และโตน้อยลงอีก เริ่มเข้าสู่ aging society อยากให้มองว่า
ทุกอย่างในภาพรวมโตน้อย มีหลายธุรกิจมาเริ่มทดแทนอันเก่า modern trade โตมาก แต่ ประชากร และ GDPโตไม่มาก
ดังนั้นแสดงว่า ธุรกิจใหม่โตทดแทนธุรกิจเดิม
ตอนประชุมบริษัทนึง ผู้บริหารเก่ง เลยซื้อหุ้นปรากฏว่า อยูในธุรกิจไม่ดี เลยขายไป ต่อมาไปเปิดธุรกิจใหม่ เริ่มดีขึ้น
อีกธุรกิจ ปี40 ไม่ดี แต่เจ้าของยังทำอยู่ ปรากฏว่า โตหลายเท่าตัว ประชากรไม่เพิ่ม แต่การให้ความสำคัญภาพใหญ่ให้น้อยลง ธุรกิจที่ดีในอดีตอาจไม่ดี เราไปเป็นหุ้นส่วนกับผู้ประกอบการดีๆที่มาทำธุรกิจที่สร้างบริษัทใหม่ขึ้นมาด้วยเรามีผู้ประกอบการที่ดีในประเทศไทย ขอปรบมือให้เขาด้วย ทุกคนในห้องประชุมร่วมกันปรบมือ
A: ดร นิเวศน์_5-6 ปีที่ผ่านมา เราลงทุนนอกแนววีไอเยอะมาก ลงทุนบริษัทที่มีพีอีมากกว่า 50เท่า,PB 5-6 เท่า หน้าตาเฉย ตอนนี้ต้องลงทุน
1.หุ้นที่ราคาถูก cheap
2.Stability ไม่มีการเปลี่ยนครั้งใหญ่ continue ธุรกิจ stable
3 เลือก หุ้น super stock อยู่เมื่อตัวอื่นล่มสลาย
4 Price stable choose cheapness พีอีไม่เกิน 30เท่า หรือ ไม่เกิน 20 เท่า เลิกเลือกหุ้นPEเกิน 50 เท่า
หุ้นที่ถูก ต้องเป็นช่วงที่นักลงทุนไม่คึกคัก แต่ตอนนี้ยังคึกคัก ราคายังไม่ถูก ผมเลยออกซะก่อนที่เขาจะเลิก
Q: คำถามต่อมาเรื่องการให้คะแนนตลาด ดีสุด 10 ต่ำสุด 0 คะแนน แต่ละท่านให้คะแนน ดังนี้
คุณพีรนาถ_7 คะแนน
คุณพงษ์ศักดิ์_5 คะแนน
คุณโจ_8 คะแนน
คุณประชา_7 คะแนน
ดร นิเวศน์_5 คะแนน
.
สุดท้ายขอขอบคุณ ดร ไพบูลย์ อจ เสน่ห์ หมอเค ดร นิเวศน์ คุณ นุช วิทยากรทุกท่าน น้องแป๋ม และ ทีมงาน Moneytalk เจ้าหน้าที่ตลาดหลักทรัพย์ที่มาอำนวยความสดวก และ ที่ขาดไม่ได้
คือ ผู้สนับสนุนรายการ Moneytalk ทุกบริษัทครับ
-----------------------------------------------------------------------------------
Money talk@SET ครั้งต่อไป
คราวหน้ากำลังดูสถานที่ในการจัด Money talk ครั้งต่อไป ห้องประชุมศจ ดร สังเวียน อินทรวิชัย ขั้นสาม
ตลาดหลักทรัพย์เดิม ต่อไปต้องจ่ายค่าเช่าแล้ว เสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ จองวันที่ 6 กุมภาพันธ์ (7.00 น.)
ที่ https://www.facebook.com/MoneyTalkTV/
ช่วงที่ 1_เปิดโลกการเงิน_นิด้าจัดร่วมกับCFA
วิทยากรทุกท่าน มีตำแหน่ง CFA ทุกคน ยกเว้นดร นิเวศน์
ดร นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนหุ้นคุณค่าต้นตำรับ
คุณ วิน พรหมแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ CIMB
คุณ มนตรี ศรไพศาล ผู้บริหาร เมย์แบงค์ กิมเอ็ง
ดร ณัฐวุฒิ เจนโรจน์วิทยา ผู้อำนวยการ โครงการFIRM Nida Business school
ช่วงที่ 2_จับตากลยุทธ์นักลงทุนรุ่นใหม่
คุณชาย มโนภาค อุปนายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
คุณสันติ สิงหวังชา หรือ โยโย่
คุณ ณัฐชาติ คำสิริตระกูล หรือ คุณ กานต์
คุณ ทิวา ชินธาดาพงศ์ หรือ คุณ ซาอิ หรือ มี่ อดีตขายหมูยอ
นพ ศุภศักดิ์ หล่อธนวณิชย์
มาเล่าให้ฟังเรื่องยุทธศาสตร์ในการลงทุน
อจ เสน่ห์ และ ดร ไพบูลย์ เป็นพิธีกร พลาดไม่ได้ในสัมมนาเดือนหน้า
วันนี้มาสัมมนาที่ห้องประชุม ศจ ดร สังเวียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งใหม่ ชั้นเจ็ด
งานรุมหลังงานกับดร นิเวศน์จะไม่มีครับ
ส่วนวิทยากรทุกท่าน เรามีของให้พิเศษคือเสื้อ Moneytalk
ครบรอบ 25 ปีแจกให้ครับ หมอเคและคุณตรีนุชเป็นผู้ออกแบบให้
ช่วงที่ 1 หุ้นเด่นปี 59 ในดวงใจนักวิเคราะห์
วิทยากร
คุณสุกิจ อุดมสิริกุล กรรมการผู้จัดการ เมย์แบงค์ กิมเอ็ง
คุณกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ KSEC
คุณเจษฏา สุขทิศ กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน INFINITI ร่วมก่อตั้งกับคุณ Messenger และ นักวิเคราะห์อีกสองคน
ดร ไพบูลย์ ผู้ดำเนินการ และ นพ ศุภศักดิ์ หล่อธนวณิชย์ เป็นผู้ดำเนินการรับเชิญ
เริ่มจากหมอเค กล่าวว่า เมืองไทยอาจแย่ ดัชนีอาจลงถึง800จุด ไม่น่าจะถึง 200จุดเหมือนตอนวิกฤตต้มยำกุ้ง
แฟนหมอเค บอกว่าตกวันละ30จุด ไม่กี่วันก็หมดแล้ว ไม่ต้องกังวล
มีคำถาม5คำถาม สลับกันตอบ วนกันไป บางคำถามคุณเจษฏา อาจตอบไม่สะดวก เนื่องจากปัจจุบันตั้งบล
จะพูดถึงถึงหน่วยลงทุนที่น่าสนใจดีกว่า
Q: แนวโน้มเศรษฐกิจโลก รุมเร้ากันเป็นอย่างไร
A: เริ่มจากคุณสุกิจ ตอบว่า ปัญหาเปลี่ยนแปลงไป
จีนอยู่ในช่วงหาสมดุลใหม่อยู่ การแก้ปัญหาตลาดหุ้นของจีนเป็นการแก้ปัญหาที่แย่มากในปีที่แล้ว
เศรษฐกิจจีน เห็นอยู่ ต่อเนื่อง และ กดดัน การออกมาตรการที่กระทบตลาดหุ้น คือ
ปัญหาที่หนึ่ง_ค่าเงินหยวนอ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง
ปัญหาที่สอง_ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตกต่อเนื่อง ประเทศที่ร่ำรวยจากน้ำมัน หรือ สินแร่ ก็รายได้แย่ลง
กำลังซื้อของโลก คือ จีน เป็นกำลังซื้อของโลก หรือ ประเทศในBRIC เช่น บราซิล รัสเซีย จีน อินเดีย คาดหวังว่าจะมาซื้อแทนอเมริกาที่ซื้อลดลง ตอนนี้มีแค่อินเดียดีแค่ประเทศเดียว
การส่งออกของทุกประเทศติดลบ รวมทั้งบ้านเรา และในเรื่องนโยบายเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ ปีที่แล้ว ธนาคารกลางสหรัฐ หยุดQE และเมื่อสิ้นปี ก็ขึ้นดอกเบี้ย นโยบายทางการเงินสนับสนุนตลาดหุ้นได้หยุดแล้ว
ตัวช่วยของเราไม่มีอีกแล้ว เวลาหุ้นตกก็เรียกร้องQEตลอดในสมัยก่อน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและดีในช่วงที่ผ่านมา
เศรษฐกิจใน อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่นยังไม่ขึ้นเร็วเหมือนที่หุ้นขึ้นมา ตอนนี้ตลาดกังวลราคาหุ้นสูง จะไปต่อได้เหรอ
ถ้าไม่มีมาตราการ QE การขึ้นดอกเบี้ย ทำให้เกิดการขาย ปรับพอร์ต ปรับมูลค่าหุ้น
.
หมอเคถาม ว่าการหยุดQE น่าจะเป็นเรื่องดี เศรษฐกิจฟื้น เพราะเห็นว่าเศรษฐกิจน่าจะดี
คุณสุกิจ ตอบว่า ปัจจุบัน คนมองในแง่ลบ ไม่มีปัจจัยดีเลย สัญญาณดีขึ้นบางตัวแล้วสมเหตุผลในการปรับดอกเบี้ย
หุ้นตก เพราะ คนมองแง่ร้าย เศรษฐกิจดีขึ้น ทำไมคนกลัวเศรษฐกิจแย่ ทำไมจึงขึ้นดอกเบี้ย
ความกังวลอาจอยู่ที่สูงเกินไปหรือเปล่า
เราอยู่ในเศรษฐกิจที่กระตุ้นลดลง ในเชิงทฤษฏี บริษัทที่มีกำไรเท่าเดิม นักลงทุนอาจให้ราคาที่สูง พอมีสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป เช่นการกระตุ้นหายไป ก็ให้ราคาลดลง ถึงแม้กำไรเท่าเดิม อยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายราคาหุ้น
หุ้นอาจไม่อยู่ในราคาเดิมอีกต่อไป ถ้าหุ้นเกิดจากสภาพคล่องสูง Multiple PEอาจไม่กลับมาแล้ว
หุ้นพื้นฐานดียังผ่านไปได้ คนนั่งข้างหน้าอาจผ่านมาแล้ว เริ่มคัดกรอง ของมีมูลค่าจริงคืออะไรบ้าง
ของที่นิยมตามกระแสมากเกินไป ราคาก็ตกลงมา
Q: เศรษฐกิจโลก และ เศรษฐกิจไทยเป็นอย่างไรในปีนี้
คำตอบจากคุณกวี_เศรษฐกิจโลก ถ้าใครจำได้ เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจากปี2008เริ่มฟื้นตัว ปี2011 ยุโรป มีกระแทกบ้างระหว่างทาง ตอนนี้เลยจุดฟื้นตัวระดับนึงแล้ว ไม่ก้าวกระโดด
วีไอ กำลังทำอย่างไร กับหุ้นในพอร์ตดี ถ้าดัชนีเหลือ 800 หรือ 500 จะขายดีไหม
โอกาสเศรษฐกิจจะโตมี แต่กำลังโตไปหาวิกฤต ผมเชื่อว่าวีไอจริงมีแรงเสียดทานสูง ต้นทุนถือหุ้นไม่แพง
เศรษฐกิจโตระดับนึงจากสภาพคล่องที่สูง บวกกับดอกเบี้ยที่ต่ำในอดีต เช่น ศูนย์ หรือ ติดลบในยุโรป
สภาพคล่องในโลกสูงเพราะว่า จีนเป็นต้นกำเนิดวิกฤตรอบใหม่ไหม จริงๆ มีconditionที่สวย น่าจะเป็นต้นเหตุวิกฤต
มีความคล้ายกันกับไทย ในช่วงต้มยำกุ้ง เรามีเงินไหลเข้ามาจากการเปิดเสรีการค้า เงินไหลเข้ามหาศาล
จีนเปิดเสรีการค้าปี2001 เงินไหลเข้าจีน ทุกคนมีความสุข ไม่มีใครโจมตีเงินหยวนที่ไม่อยู่ในระบบ
ปี2008 จีนเจ็บ แต่มีเงินก้อนที่สองจากคิวอีมาช่วย และ มีเงินเข้าก้อนที่สาม จากการเปิดเสรีทางการค้าและการเงิน
สภาพคล่องสูงมาก เงินมาในรูปแบบจีนกู้เงิน ไม่ว่าจาก ออกตราสารหนี้มหาศาลจากปี07 มีเงินกู้เพิ่มขึ้นมากคิดเป็นอันดับสองของโลก ตอนนี้ไม่มีความเสี่ยงเพราะดอกเบี้ยต่ำ
ถ้าอเมริกาขึ้นดอกเบี้ยเป็น สองเปอร์เซ็นต์ จะรับไหวไหม ถ้ารับไม่ไหว ถ้าเจ้าหนี้ไม่ปล่อยกู้ต่อจะทำอย่างไร
ให้จับตาเงินสำรองที่ปีที่แล้วลงมา สิบเปอร์เซ็นต์ รวมเป็น 20% จะเกิดpanicไหม เพราะเงินสำรองไหลออกเร็วมาก
ปกติวิกฤตเศรษฐกิจจะเกิดตอนดอกเบี้ยอเมริกาสูงทั้งนั้น เหมือน ไทย ต้มยำกุ้ง
แต่วิกฤตซับไพรม์ เป็นFake economy ซื้อสินทรัพย์ทางการเงินแบบปรอมๆที่ไม่มีbackup
แต่ตอนนี้จีนไม่น่าเกิดวิกฤตแรง ทำไมตลาดหุ้นลงแรงปีนี้ เราดูปีที่แล้ว หุ้นอเมริกา ยุโรป ขึ้นมาจนPEสูงที่สุดมารอบสิบปี ด้วยมูลค่าที่ดันต่อ ในสภาพคล่องหายไปมันไม่ง่ายแล้ว
ผู้จัดการกองทุน ดันหุ้นลงแทน เพื่อให้มูลค่าถูก ของแพงดันไม่ขึ้น อย่าดันดีกว่า ไม่ซื้อ มีข่าวมาก็เลยดันลง เป็นความรู้สึก
อารมณ์ มากกว่าปัจจัยพื้นฐาน ยังไม่เกิดวิกฤต แต่เราเข้าสู่วิกฤต มีเงื่อนไขของเวลาและเรื่องราว รออยู่ไม่นานด้วย
อเมริการฟื้นระดับนึง ยุโรปก็ฟื้นตาม ดอกเบี้ยขึ้น จะเกิดบับเบิ้ลขึ้น
.
คำถามจากดร ไพบูลย์_กระทบไทยเป็นอย่างไร
ตอบ_จีนไปด้วย อเมริกาก็ช่วยจีนไม่ได้ ก็ไปทั้งโลก ไทยลงด้วย วิกฤตไม่เกิดที่ไทย มาทางอ้อมพร้อมๆกัน
เป็นข้อดี ไม่ลงเหมือนต้มยำกุ้ง ลง78% เที่ยวนี้อาจลงแค่50%เหมือน ซับไพร์ม
วิกฤตรออยู่ข้างหน้า ไทยโดนเหมือนกัน ระมัดระวังการลงทุน แต่หุ้นก็มีโอกาสขึ้นต่อ แต่เป็นโอกาสของ โมเมนตัน อินเวสเตอร์ ไม่ใช่ ช่วงเวลาของนักลงทุนแบบวีไอ ซื้อวันนี้ถืออีกสิบปีข้างหน้า มันไม่ใช่ แค่มีลุ้นให้เห็น1,400-1,600
วิกฤตปี 2017-18 แต่ตลาดหุ้นสูงสุดในช่วงเลือกตั้ง เป็น ช่วงที่ครบสิบปีที่เศรษฐกิจรอบใหม่ เป็นจุดพีค ต้องลดพอร์ตเหลือเท่าไหร่ แต่หวังจะขึ้นหนึ่งเท่าจะยากจาก1,200 ไป 2,400 ยากกว่าเมื่อก่อน 200 ไป 400 ง่ายกว่า เล่นเป็นรอบได้
คุณเจษฏา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขียนมุมมองของโลก hope for the bestหวังน่าจะดี & prepare for the worst เผื่อกรณีไม่ดี เป็นการแทงกั๊ก
Prepare for worst มี 2 condition
Condition แรกคือ
ถ้าเกิดให้ลดพอร์ต เช่น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ถ้าตกต่ำมากเกินไป เช่นปี98 เกิดดอลลาร์แข็ง น้ำมันลงไป 10-20 USรัสเซีย ผิดนัดชำระหนี้ ปีนี้ รัสเซียลอยตัว มาเมืองไทยเที่ยวจ่ายเพิ่มสองเท่า
หุ้นเกรนคอร์ บริษัทใน forturn ทำโภคภัณฑ์ราคาลงไป 80% จะเกิด emerging crisis
น้ำมันลง ดีกับเศรษฐกิจ แต่จริงๆไม่ใช่
เรื่องที่สอง ค่าเงินหยวนถ้าอ่อนเร็วเกินไป จะสะท้อนหลายอย่าง คล้ายเดือนสิงหาคม black Monday
ตลาดหุ้นลงไปสิบห้าเปอร์เซ็นต์ ในสองวัน
เกิดจากทางการจีนกำหนดค่าเงินหยวนให้อ่อนค่าเร็วและแรง มีนัยยะสองเรื่อง
เรื่องแรก จีนได้ดุลการค้ากับทั้งโลก 40%ของการเติบโตของโลก มาจากจีน กระทบการค้าขายของโลก
ถ้าค่าเงินอ่อนจะกินดุลโลก
เรื่องสอง เม็ดเงินร้อนไหลเข้าเศรษฐกิจจีน มาจากเก็งกำไรระยะสั้น ติ๋มซำบอนด์ ได้ประโยชน์จากหยวนแข็ง
แต่ช่วงนี้หยวนอ่อน ก็จะปิดposition
เงินไหลออก ค่าเงินอ่อนลงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ แต่ไม่Hard lander หลังฝนตกหนัก พระอาทิตย์ขึ้น
น้ำมันจะบอกทาง RSI สามเหลี่ยม west texas จะไปทางไหน
จะเลือกข้างว่าน้ำมันจะไปทางไหน สมดุลใหม่ ถ้าราคาน้ำมันไป ห้าสิบเหรียญ ราคาหุ้นจะขึ้น ได้ 40-50%แต่ยังไม่ถึงยอดดอยเดิม
Hope for the best จะตามมา เกิดในครึ่งปีหลัง
บ้านเราเศรษฐกิจโตสามเปอร์เซ็นต์ จุดที่ควรระวัง ตลาดหุ้นลง 15% telco down
กลุ่มท่องเที่ยวปีที่แล้วโต 20%ซึ่งผิดปกติ ปีนี้ไม่โตขนาดนั้นโตแค่ 8% ต้องระมัดระวัง
เศรษฐกิจไทยโต3% คนไทยโดยรวมยังลำบาก แต่GNPความมั่งคั่งของคนไทยไม่ค่อยโต
บ้านเรา หุ้นที่มีน้ำหนักมากในตลาดคือ กลุ่ม แบงค์ สื่อสาร เป็นหลัก เป็น Tradition economy เงินในกระเป๋า
อาจไม่ฟื้นมากนัก ไม่เหมือน หุ้นหลักในต่างประเทศ จะเป็น new economy เช่น Apple , Google , Facebook,Alibaba จะเคลื่อนด้วย IOT
Q: อุตสาหกรรมไหนใช้ได้ และ กลยุทธ์ในการลงทุนปีนี้
A: คุณสุกิจ_พูดถึงกลยุทธ์สั้นๆเป็นเรื่องสำคัญ
1. ตั้งเป้าผลตอบแทนเท่าไหร่ เชื่อว่าคาดหวังสัก 10-15%เป็นไปได้ ปีที่แล้วลบ14%
ข่าวดี ตลาดหุ้นไม่เคยลงติดลบสองปีติดกัน จะมี winner และ loser สลับกันไป ดร ไพบูลย์เสริมทุกอย่างต้องมีครั้งแรก
prepare for the worst มาจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจของโลก โมเมนตั้มร้ายๆเข้าไปในราคา
มีปัจจัยที่ทำให้หุ้นลง บางตัวลงที่มีเหตุผล บางตัวไม่มีเหตุผลที่ลงก็เป็นโอกาสในการลงทุน หวังผลตอบแทนสูงไม่ได้
2. การเคลื่อนไหวของดัชนี Q1 16 โตยาก ผันผวน เหตุการณ์ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ค่าเงินหยวนอ่อนประมาณ
6.7-6.8 เป็นจุดที่ควรเป็น ถ้าเป็นจริงน่าจะเกิดช่วงนี้ ถ้านักลงทุนทนไม่ได้ ไม่ควรเข้ายุ่ง
ถ้าใครทนได้ ก็ไปลงทุนได้ ถ้าผ่านไตรมาสหนึ่งไปแล้ว ทุกอย่างน่าจะดีขึ้น ดัชนีน่าจะเกินจุดต่ำสุด 1,288 จุดของปีที่แล้ว
อุตสาหกรรมที่น่าสนใจ เศรษฐกิจไทยขยายตัวแรงๆยาก แต่ปีนี้สิ่งที่ทำให้เศรษฐกิจโตก็เป็นเรื่องการก่อสร้าง
CLMV , AEC ด้วยทางเลือกน้อย กลุ่มก่อสร้างน่าจะดีในปีนี้ หุ้นก่อสร้างเป็นบวกไม่มากในปีที่แล้ว เพราะจะซื้อแล้วไม่ขาดทุนมากมาย แต่เหตุผลที่บวกไม่มาก เพราะโครงการช้า แต่ไม่ติดลบเพราะมีโครงการยังไม่เริ่ม
ถ้าเร่งก่อสร้างมาก เราจะได้อนาคต วิกฤตในอนาคตเบาลง ทนการผันผวนได้เยอะ กลุ่มรับเหมาก่อสร้างก็ยังดี
ไม่เฉพาะไทย ในปีนี้มี2Theme คือ การลงทุนของรัฐบาล เป็นสิ่งที่ตลาดต้องการ พึ่งผ่านช๊อบช่วยชาติมา
หุ้นค้าปลีก ดูยอดขายต่อสาขา Same store salesของค้าปลีก เริ่มบวกแล้วเมื่อคิดต่อไตรมาส
เศรษฐกิจโลกเริ่มดี การบริโภคเริ่มฟื้นตัว ถ้าไม่มาก ลงทุนไปไม่ได้ผลตอบแทนมากเท่าไหร่
แต่กลุ่มก่อสร้างยังไม่ค่อยเริ่ม น่าจะเพิ่มในปีนี้
คุณกวี_มาบอกหุ้นกลุ่มที่น่าสนใจ แต่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง
ปีนี้ยังไม่มีวิกฤตเศรษฐกิจ ดัชนีที่ลงคือเป็นเชิง sentiment
ทำไมช่วงนี้ลงแรง หลังจากเฟดขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ9ปี การเปลี่ยนครั้งแรก เจ็บนิดนึง ครั้งที่สองเจ็บน้อยลง
นักลงทุนรับรู้ข่าวน้อยลง ต่อไปจะเริ่มเฉยแล้ว มีผลต่อ fund flow
รอบการขึ้นดอกเบี้ย ในปี 1994 , 1999 , 2004 , 2015
ปรากฏว่า ในช่วง3เดือนแรก หุ้นลง ฝรั่งขาย แล้ว หุ้นเริ่มขึ้นหลังจากนี้ เป็นข้อมูลจากสถิติก่อนหน้า
Q1 ตัวเลขเศรษฐกิจดีของอเมริกาขึ้น เลยกังวลว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีกในกพ และ มีค ดัชนีเลยลงต่อ
ดังนั้นนักลงทุนต่างประเทศขายก่อนตอนดอกเบี้ยขึ้น ทองคำเป็นassetเดียวที่ขึ้นจริงๆ ครั้งนี้คงเหมือนคราวกับที่ผ่านมา
ถ้าดัชนีลงรอบนี้ อาจยังไม่ถึง800จุดในปีนี้ ยังไม่เห็นปีนี้ ลงมาน่าสนใจ กรอบดัชนีช่วงไหนน่าลงทุน
นักวิเคราห์ มองไม่ดีในช่วงต้นปี มองแบบระมัดระวังตัว มองดัชนี 1000 ผมมองว่าดี PE 12-14 เท่า
ปีที่แล้ว ยังตั้ง 14-16 ปีนี้ PE = 13 เทียบกับเพื่อนบ้านเราสูงกว่า ถ้าลงมา12เท่า รับได้ ดัชนีน่าจะประมาณ 1,180 จุด น่าจะเหมาะสมเป็นกรอบล่าง
Upside 1H กำไร 94 บาทต่อหุ้น ดัชนีประมาณ 1,3xx ดังนั้นดัชนีจะแกว่งตัวอยู่ในช่วง 12xx-13xx on 1H 16
2H16 Hope for the best เจอเรื่องร้ายๆไปแล้ว จีนจะไม่Hard landing จีนจะมีส่วนที่แย่ คือธุรกิจในส่วน old economy เช่น การลงทุนของรัฐ ธุรกิจน้ำมัน เรือ ส่งออก ไม่ดี แต่ค้าปลีก สินเชื่อรายย่อย และ การบริโภค ซึ่งเป็น ธุรกิจใน new economy เน้นบริการมากขึ้น ความเสี่ยงต่ำกว่า ผันผวนน้อยกว่า หยุดกระตุ้นของภาครัฐ
จีนจะเลิกสร้างสิ่งแปลกๆแต่เปลี่ยนเป็นภาคการบริการแทน ต้องใช้เวลา เศรษฐกิจไม่โตเยอะ
ดัชนีไทย อยู่ในกรอบโต 3% อุตสาหกรรม เน้นภาคบริการซึ่งเป็นธุรกิจในแนว new economy
ยังเชื่อกลุ่มโรงแรมยังดี แย้งกับคุณเจษฏา แต่ต้องดูเรื่องtiming
เช่น บริษัท Centel ต่ำกว่า 35 บาท , MINT ราคาต่ำกว่า 30 บาทยังน่าสนใจ
โรงพยาบาลยังคิดว่าหุ้นขึ้นไปแล้ว ยังคงขึ้นต่อ เป็นTheme การลงทุนของประเทศไทย
ส่วน หุ้นในกลุ่มพลังงาน prepare for the worst อย่าไปช้อนซื้อ
กลุ่มธนาคาร ถ้าลงไปอีกน่าสนใจ
กลุ่มค้าปลีก บางบริษัท SSSเริ่มเป็นบวกแล้ว คนไทยมีเงินไปซื้อของสัปดาห์สุดท้ายของปีที่แล้ว
แสดงว่าคนไทยมีเงิน แต่ไม่จับจ่ายใช้สอย ที่มีปัญหาคือระดับรากหญ้า
ต้องระวังภัยแล้ง รัฐกำลังเตรียมงานรถไฟฟ้าเพื่อรองรับแรงงานจากภัยแล้ง เราเตรียมตัวดีที่ผ่านมา
หมอเค_บอกว่า กลุ่มไอซีที ทำไมไม่พูดถึง ถ้าพูดจะไม่ดี ไม่พูดก็ไม่ดี ถ้าไปคว้ารายที่สี่ก็แย่เลย
คุณเจษฏา_บอกว่า 2H16 หรือ Q2 hope for the best ได้ เราดู2อย่าง
Valuation bank PB 1.5 ถือว่าถูกมาก
ส่วนหุ้น กลุ่มสื่อสาร PE=10 ไม่เห็นมานานมาก เมื่อก่อน 20 เท่า
หุ้นกลุ่มพลังงาน ก็น่าสนใจ เพราะ PB=0.5 มันจะไม่ฟื้นจนกว่าการเปลี่ยนแปลงปัจจัยพื้นฐานดีขึ้น
แต่ต้องดู เรื่องการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจของโลก ต้องติดตามปัจจัยพื้นฐาน 3 กลุ่มหลัก คือ พลังงาน สื่อสาร ธนาคารที่ลงมา ถ้าเปลี่ยนแปลงในปัจจัยเชิงพื้นฐานดีขึ้น ถ้าน้ำมันลงไป 20-30 US ,
โรงงานขุด Shell oil ก็ปิด เป็นต้น เป็นโอกาสการลงทุนที่ดีขึ้น
กลุ่มที่ 2 หุ้นอีกกลุ่มที่ฉีกตำราหมดเลย คือมี PEเฉลี่ย 50 เท่า ก็ยังไม่ลง ตราบใดที่ปัจจัยพื้นฐานยังดีต่อเนื่อง เหมือนกับคุณโจบอกว่า เจ้ามือที่แท้จริงคือผลประกอบการ
หุ้นกลุ่มนึง Earning growth 40-50% ในระยะสั้น กำลังแข็งแรง
กลุ่มที่3 กลุ่ม Internet of thing ซึ่งหุ้นส่วนใหญ่อยู่นอกตลาด เราไปใช้เวลาไปอยู่กับมัน อุปกรณ์ดิจิตอล 4-5 hrs ต่อวัน
โทรศัพท์บริษัทจีน ธุรกิจสื่อสาร รายได้บางส่วนมาจากการขายบริการเสริมต่างๆ ส่วนในไทย AIS จะมี Ooobee
ในอนาคตการที่อินเตอร์เน็ตเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวัน เป็นเรื่องปกติ รายได้จะมาจากการบริโภค IOT
Q: ให้คะแนนตลาดหุ้น ตั้งแต่ 0-10 และบอกหุ้นเด็ด สามตัว
.
A: คุณกวี_ให้ คะแนน 7 เพราะเชื่อว่าปีนี้ดีกว่าปีที่แล้ว ปีนี้ไม่ติดลบ แต่ระหว่างปีอาจติดลบได้
คุณสุกิจ_ให้ คะแนน 7 เท่ากับคุณมนตรี หัวหน้าผม
คุณเจษฏา_ให้คะแนน 7 เท่ากัน มองว่าความคาดหวังต่ำ เพราะหมดหวังและหมดตัว
PE ก็ต่ำ ไม่ชอบปัจจัยพื้นฐานให้5 รวมๆได้ 7 คะแนน
Q: หุ้นเด่น ท่านละสามหุ้น
.
A: คุณ สุกิจ_เริ่มก่อน Bank : Book valueลงมามาก PB ลดต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ลบไป 2SD แล้ว
เลือก 1. KBank เพราะธุรกิจขยายตัวในปีหน้ามาก
ราคาหุ้นลงมา 35% จากจุดสูงสุด เป็นหุ้นเติบโต และ เด่นเรื่องปันผล ระวังเรื่อง NPL ซึ่งปกติไม่ประมาท
มองโลกแบบ conservative , คราวนี้ตั้งเป้า Loan growth = GDP ธนาคารตั้งเป้าต่ำ น่าจะได้
2. CK ช การช่าง เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง เป็นส่วนผสมระหว่าง ก่อสร้างกับ Utility ซึ่งงานก่อสร้างมีโอกาสได้งานเพิ่ม
คุณภาพธุรกิจก่อสร้างดี และ มีบริษัทลูก เป็น บริษัทผลิตน้ำ เดินรถไฟใต้ดิน
3. BEM เป็นบริษัทลูกของ ช การช่าง เป็นทั้งทางด่วน และ รถไฟใต้ดิน มีเส้นรถไฟใหม่เข้ามา ช่วงเปิดจะค่อยๆดีขึ้น
วันหน้าจะดีขึ้น หุ้นกำไรไม่ดีมากตอนแรก แต่ฐานะการเงินเริ่มดีขึ้น
A: คุณกวี_เป็นคนต่อมา ได้ให้ข้อมูลหุ้นที่น่าสนใจ
1. กลุ่มโรงพยาบาล Hospital : BH growth 20% , PE 30 เท่า , EPS growth ดี ทำไรค่อนข้างสูง ราคาเป้า 270 Baht ต่อหุ้น คนไข้จากต่างประเทศ จะยังเข้ามาใช้บริการ กลยุทธคือจะเอาคนไข้เข้ามารักษา ต่างกับ โรงพยาบาลกรุงเทพ จะเปิดโรงพยาบาลเพิ่มตลอดเพื่อรับคนไข้เพิ่ม
2. CPN PE 20 กว่าเท่า กำไรไม่ดีปีที่แล้ว เนื่องจากเปิดใหม่สองสาขา มีความเสี่ยงเชิงยอดขายน้อยกว่าตัวอื่น
เป็นพลาซ่า ให้เช่าที่ ปรับตัวได้เร็ว ห้างมีร้านอาหารมากขึ้น ขายของน้อยลง ปรับตัวได้ดี เป็น Bigcap ที่น่าสนใจ
3. หุ้นตัวแทนรับเหมาก่อสร้าง และ พลังงาน คือ หุ้นปูนซิเมนต์ SCC กองทุนถือเยอะมาก เพราะไม่กล้าถือ PTT มาก
ซึ่ง ปิโตรมีสเปรดดี ได้ประโยชน์ จากยอดขายปูนดีขึ้น ปันผล 4% และ PE 10เท่า
A: คุณเจษฏา_แนะนำกองทุนสามกอง สองกองแรก เป็นกอง Mid- small cap
กองแรก ทิสโก้เอ็มเอส TISCOMS ชอบมากสุด หุ้นในพอร์ต ได้แก่ PlanB ,scn ,major ,work ,NYT (namyong terminal) ,ยูนิค , EPG , KTC
กองที่สอง หุ้นเกิดใหม่ UTSME ( United SME ) ส่วนตัวเป็นแฟนหุ้น Mid-small cap กำไรโตได้เยอะ
กองที่สาม CMIB Principle Iprop
Iprop rmf return 15% ในปีที่แล้ว
-----------------------------------------------------------------------------------
ช่วงที่ 2 กลยุทธ์วีไอปี59
อจ เสน่ห์ พูดเป็นกลอนตอนเปิดตัว
ลิงกั๊กๆรักจริงๆไม่ทิ้งขว้าง
Money talk ซะอย่างเรายังหวัง
แฟนรายการแน่นเหนียวเป็นเกลียวใจ
จัดที่ไหนก็ไม่หนีมีแฟนตรึม
ไสสิวะหว่อทิ้งกัน หมายถึง ถึงมีปัญหาก็ไม่ทิ้งกัน
ไม่รู้สินะจะลำบาก
จะร้องไห้หนักมากสักเพียงไหน
เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
หรือที่เอาที่สบายใจก็แล้วกัน
หัวข้อ กลยุทธ์วีไอปี 59
คนแรก ดร นิเวศน์ เหมวชิรวรากร อาจารย์จะดูตัวเล็กหน่อย เพราะเก้าอี้ที่นี้ปรับไม่ได้
ท่านที่สอง ขึ้นเวทีปีละหน บริหารกิจการที่บ้าน เรียนวิศวะจุฬา และจบปริญญาโท คุณ พีรนาถ โชควัฒนา
ท่านที่สาม หมอพงษ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี หุ่นฟิตมาก ตอนนี้ลดลงตามพอร์ต ข้างบนอากาศเจือจาง
ท่านที่สี่ คุณ โจ ลูกอีสาน คนพังงา ขอใช้นามสกุล ลูกอีสาน ชอบหนังเรื่องลูกอีสาน
นายกคนปัจจุบัน ปีเตอร์ลินซ์ เมืองไทย จำได้ทุกบริษัท ตอบคำถามบริษัทในตลาดหุ้นได้แน่
ท่านสุดท้าย คุณ ประชา ดำรงค์สุทธิพงษ์ หรือ คุณ ไลท์
จะมาคุยถึงกลยุทธ์วีไอในปี 59
Q: ดร ไพบูลย์ ถาม อจ เสน่ห์ว่าห้าคนแนะนำเป็นอย่างไร
.
A: อจ เสน่ห์ บอกว่า ทุกคนจะมารับผิดชอบที่พูดเมื่อปีที่แล้ว
ย้อนกลับปีที่แล้ว มีสองเวอร์ชั่น คือ ครึ่งปีแรก และ ครึ่งปีหลัง
สัมมนาเมื่อต้นปีที่แล้ว คุณพีรนาถ_ให้ แปด คะแนน
คุณโจ_ให้เท่ากัน แปด คะแนน
คุณประชา_ให้ เจ็ด คะแนน
หมอพงษ์ศักดิ์อยู่อีกเซสชั่นหลัง เลยไม่ได้ให้คะแนน
ดร นิเวศน์_จำได้ว่าให้สี่คะแนน อจ เสน่ห์แซว หุ้นแย่เพราะดร บอกไว้ วันนี้ต้องมาอธิบายปี59
ดร ไพบูลย์ พูดมา เป็น 5 คำถาม แต่อจ เสน่ห์เปลี่ยนเป็นคำถามแบบรวมๆ
ตั้งคำถามแบบเป็นกลอนดังนี้
ถามวีไอเหนื่อยไหมปีห้าเก้า
เป็นปีเศร้าปีชงปีสงสัย
ควรต้องปรับรับมือหรืออย่างไร
แถลงไขให้สตรองบอกตงๆ
Q: คำถามเริ่มถามคุณพีรนาถก่อน และ ดร นิเวศน์ให้พูดหลังสุด
.
A: คุณพีรนาถ_บอกว่า ปี59 ผมเกิดปีเสือ ดังนั้นปีลิงชงแน่นอน ลิงหลอกเสือได้ ผมมองว่าปีที่แล้ว สิ่งร้ายที่เกิดขึ้น ไม่เคยคิดมาก่อน เกิดเยอะแล้ว เช่น ตั้งสำรองของธนาคารจากธุรกิจเหล็กที่ขาดทุน หรือ เรื่อง insider trading ราคาน้ำมันก็ลงไป และ การประมูล4G ที่เป็นข่าวดีกลายเป็นข่าวร้าย ธนาคารลงมามากแล้ว คนไม่คาดหวังเรื่องดีแล้ว งบรัฐยังไม่ยังใช้จ่ายเท่าที่คาดหวังไว้ ส่งออกก็ติดลบ ปีนี้ จะหาอะไรที่ร้ายกว่านี้ยากมาก
ปีนี้ เปิดมาคือ จีน ร้ายขึ้นมาอีก มี seriesข่าวร้าย อาจจะมีข่าวดีมาก็ได้เป็นชุดๆ ไทยยังมีข่าวร้ายได้มากอีกเท่าไหร่
ผมติดตามทีมเศรษฐกิจ ดร สมคิด กับ ดร อภิศักดิ์รู้ว่าต้องทำอย่างไร โครงการเริ่มช้า
ปัญหาภัยแล้ง ก็รู้มาก่อน ต้องมีการเตรียมตัว ข่าวร้ายก็ออกมา สิ่งดีๆน่าจะมีออกมา
เช่น โครงการของรัฐบาลลงมือจริง เราไม่ได้ลงทุนโครงการใหญ่ๆมานานแล้ว
น้ำมันราคาถูก ถ้ารัฐลงทุนจะเป็นผลบวก รัฐจะสร้างความมั่นใจให้เอกชนที่รีรอจะลงทุน เริ่มลงทุนได้แล้ว
การใช้จ่ายตอนสิ้นปีเพื่อลดหย่อนภาษี แสดงว่าคนมีเงิน แต่ยังไม่ใช้จ่าย ปี59 โดยความรู้สึกน่าจะดีกว่าปีที่แล้ว
และ ดีกว่าวันนี้ มองอนาคต ไทยเป็น capital ของ AEC ในอีก 20ปี
.
A: หมอพงษ์ศักดิ์_ดูจากปัจจัยภายนอก ปัจจัยภายใน และ ภาพใหญ่ของดัชนี
ปัจจัยภายนอก อเมริกา เศรษฐกิจพอไปได้ ยุโรปก็พอไปได้ จีนต้องเฝ้าระวง ต้องการsoft landing ให้ได้
ตลาดหุ้นจีนกับreal sectorไม่สัมพันธ์กัน ตอนหุ้นลงไม่กระทบกับwealth ของเขามาก แต่หนี้เป็น 250%ของGDP
อาจเกิด Debt crisis และมีผลกระทบทำให้เกิด economic crisis ได้ จะกระทบต่อการส่งออกไปจีน
ปัจจัยภายใน นโยบายภาครัฐในการลงทุน เศรษฐกิจไทยขึ้นกับการส่งออก60-70% ของGDP
ตัวอื่นเช่นกำลังซื้อของชนชั้นกลาง น้ำมันลงต่ำทำให้มีเงินเหลือ
เกษตรกร ไม่ดี มาจากราคาผลผลิตทางการเกษตรลดลง
กำลังซื้อของประเทศ ดีขึ้นเล็กน้อย เฉพาะคนชั้นกลาง
Market cap 11.8 ล้านล้านบาท ถ้าตัดสำรองหนี้เสีย แล้วกำไรของตลาดประมาณ 700,000 ล้านบาท
ควรดู Market risk premium = earning yield gap – ten years gov yield = 3.4%
ถ้า ได้เท่ากับ 10 ตลาดดี
ถ้าได้คะแนน 0-1 หมายถึง ตลาดแย่
แต่ถ้าได้ 3-4 คะแนน แสดงว่า ตลาดทรงๆ
ยกเว้นตลาดจีนตกรุนแรง หรือ ประเทศเกิดใหม่ที่กู้เงินมา ถ้าจีน devalue ทำให้เกิดปัญหาการใช้เงินคืน
ต้องระวังจีนไว้หน่อยก็ดี ฐานะนักลงทุน ลงทุนในบริษัทที่ไม่มีผลกระทบ หรือ ลงทุนหุ้นต่างประเทศ
หรือ เก็บเงินสดไว้ ยังไม่ต้องรีบลงทุน ถ้าไม่มีหุ้นที่ดี ไม่ต้องรีบไปซื้อ ถ้าเศรษฐกิจอ่อนแอ ก็มีธุรกิจลงทุนได้
ปีนี้ราคากลางๆ หาหุ้นลงทุนในอีกสอง สามปีข้างหน้า
นักลงทุนวีไอ จะลงทุนแบบ Bottom up ดูอุตสาหกรรมไหวไหม ในสภาวะแบบไหน ก็หาได้ แต่ไม่มากนะ
เราสามารถเจอตัวเดียวกับหมอพงษ์ศักดิ์ ก็เหมือนเป็นเหาฉลาม สบายไป
.
A: คุณ โจ_ตอนแรกคิดว่าหุ้นลง 400 จุด จะไม่มีคนมาฟัง เหมือนสมัยก่อนมาฟังแค่ 12 คน ที่หอประชุมธรรมศาสตร์
หุ้นตกก็ไม่กลัว ปีนี้ตลาดหุ้น ดีไม่ดี ไม่รู้เหมือนกัน อนาคตไม่รู้ แต่ปัจจุบันอยู่ตรงไหน เราดูพีอี ปีนี้ไม่ได้
ปีที่แล้วกำไรผิดปกติ หมายถึงน้อยเกินไป ถ้าไม่รวมผลขาดทุนจากบริษัท SSI ที่จะโผล่ไปที่ธนาคารในเรื่องตั้งสำรองหนี้เสีย และ ปตทสผ ตั้งด้อยค่า รวมแล้วประมาณ หนึ่งแสนสามหมื่นล้านบาท และ ไปโผล่ที่บริษัท PTT ที่ถือหุ้นPTTEP
เรามาดูอีกตัว นั่นคือ ราคาต่อมูลค่าทางบัญชี PB ratio ปัจจุบัน 1.68 เท่า
หมายความว่า PB Ratio น้อยกว่าค่าเฉลี่ย 2.28 แสดงว่าPBต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 38%
PB ไม่ค่อยผันผวน เป็นตัวเลขย้อนหลังของทุกบริษัทที่ก่อตั้ง ตอนต้มยำกุ้ง กับ subprime , PB=1 เท่า
แต่ถามว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย มีเงินก็ช้อนซื้อไปก่อน คาดการณ์ยากมาก การถือเงินสดไปซื้อตอนวิกฤตเป็นงานของพระเจ้า
เราคาดการณ์ผลกำไรของบริษัทได้ พี่ประชามีตัวเลขของปีที่แล้ว ไม่ได้แย่ ดูจากข้อมูลใน webboard thaivi ยัง gain
สรุปว่า ดูจาก PB ต่ำกว่ามาตรฐาน แนะนำให้ซื้อได้ แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่บอกว่าครึ่งปีแรกไม่ดี และ จะดีในครึ่งปีหลัง
.
A: คุณประชา_บอกว่า เราเห็นข่าวจากต่างประเทศ จีนจะcrash หรือ soft landing หรือไม่
รัฐบาลอยากกระตุ้น แต่คาดการณ์ยากมาก ดัชนีลบแค่11%ซึ่งรวมปันผลแล้ว
บริษัทประมาณ 35x แห่งที่ยังกำไรชนะตลาด แสดงว่ามีบริษัทเกินครึ่งของบริษัททั้งหมด จริงๆดัชนีควรบวก
มี25xบริษัท ชนะตลาดและเป็นบวก บริษัท 15xแห่ง เป็น หุ้นได้ผลตอบแทนมากกว่า 15%
แต่เราเจอหุ้นตัวใหญ่ติดลบ เช่น ปตท สื่อสาร เศรษฐกิจปีที่แล้วดี แต่ราคาน้ำมันลงเยอะ
ราคาน้ำมันต้นปีลงมาถึงปลายปี น้ำมันลงเยอะมาก สื่อสารลงอยู่ในสุสานหมด
ธนาคารปล่อยกู้รายใหญ่ สำรองกำไรเยอะ ไม่คาดคิดมาก่อน
ปีนี้ การตัดสินใจลงทุนโดยเอาผลกำไรของปีที่แล้วไม่ได้
อจ เสน่ห์ เสริมว่า เมืองจีน มีการลงทุนเยอะในสมัยก่อน ปรากฏว่ามีคนไทยคุยกันกับคนจีน คนจีนบอกว่า
อั้วกินอะไร หมาก็กินได้ ปีที่แล้ว หุ้นลง คนไทยเลยถามต่อ คนจีนบอกว่าตอนนี้หมากินอะไร อั้วก็กินด้วย
หลังจากนั้น มาถามต่อ คนจีนตอบว่า ตอนนี้ อั้วกินหมาไปแล้ว ถ้าไม่เลี้ยงไว้ ก็ไม่มีอะไรกินแล้ว
A: ดร.นิเวศน์_มองว่าปีนี้ ผมมองมาหลายปี อยู่ในความทรงจำ คนไทยเราอาจไม่รู้สึกแตกต่าง ในปี 57,58,59
ดูประชากรศาสตร์ เพื่อนกลุ่มเดียวกัน คือ AEC ดูหลายปี บางที่เราอาจไม่เหมือนคนอื่น เพราะ สี่ห้าปีที่ผ่านมา ดูประเทศอื่น โลกมีปัญหา เราเลยแย่ แต่เรายังดีกว่า อเมริกา ยุโรป แต่จริงๆเขาเป็นประเทศที่พัฒนา GDPจะน้อยอยู่แล้ว ไม่ควรมาเทียบ เราชินกับประเทศที่ขาดทุนหนัก เช่น มาเลย์ ค่าเงินลดหนัก น้ำมัน ปาร์มแย่ แต่โดยรวม ตลาดของมาเลย์ยัง
โต 5-6% ส่วนเราโตแค่ 2-3% แย่กว่าประเทศอื่น เทียบกับที่อื่น โตมากกว่า 5%
Phiplipine โต 6-7% / Indonesia โต 7-8%
Singapore เศรษฐกิจโตพอๆกับเรา แต่เป็นประเทศพัฒนา ซึ่งต้องเปรียบกับอเมริกา คือโตปกติ
เมื่อก่อนไม่เคยมีใครคิดว่าเศรษฐกิจโตน้อยกว่า 5%
หุ้นตัวใหญ่ลงเหมือนประเทศอื่น ตอนนี้หุ้นตัวเล็กและตัวใหญ่มีสองตลาด หุ้นเล็กเราเล่นกัน
รายย่อยพอเล่นมาก หุ้นก็ขึ้นเอา พีอี ห้าสิบเท่า ก็ยังเล่น ราคาไม่ลง
ราคาค้างอยู่ พอราคาลงมามาก แต่พีอีก็ยังสูงอยู่
ส่วนหุ้นตัวใหญ่ มีน้ำหนักกับดัชนีมาก ฝรั่งไม่เล่น หุ้นเลยลง ตลาดหุ้นในเอเชีย รายย่อยไม่เล่นหุ้น หรือ เล่นน้อยมาก
ประเทศเขาศักยภาพยังโตได้มาก ไทยเป็นประเทศเดียวที่โตน้อย อาจมีปัญหาเยอะ ความสามารถในการแข่งขันน้อยลง
ไม่สามารถแข่งขันได้ดีเท่ากับญี่ปุ่นที่ไม่มีคนว่างงาน ทำงานตลาด
เมื่อก่อน ฟิลิปปินส์ เศรษฐกิจไม่ได้ไปไหน ไม่ได้เจริญกว่าไทยเป็นสิบปี ตอนหลังประชากรยังหนุ่มแน่น เศรษฐกิจไปได้แล้ว ถ้าเศรษฐกิจโลกดี ไทยจะกลับมาโตเหมือนเดิมได้ไหม สินค้าที่ผลิตเป็นเหมือนเดิมใช่ไหม
คำตอบ เศรษฐกิจไทย ต่อไปอีกหลายปี ไม่ไปไหน หุ้นไปยาก บริษัทไปยาก
ขึ้นมากๆก็ขาย ลงมาก็ช้อนซื้อ ลูกหลานขึ้เกียจทำงานก็เลยซื้อหุ้นเก็บ ทำให้หุ้นขึ้น และ ลง แบบนี้ ไม่ขึ้นทางเดียวแบบไกลๆ เป็นตลาดแบบ ไซด์เวย์ จะขึ้นไกลๆ ยากมาก เวลาตกก็ไม่แรงเท่า ต่างชาติขายไปหลายแสนล้านบาท โอกาสซื้อหนักๆไม่ค่อยมี ฝรั่งขายไม่ลง สถาบันซื้อหุ้นขึ้น แต่มีโอกาสซื้อหุ้นที่ลงมา เช่น สื่อสาร มีกำไร พีอีไม่สูง แต่ซื้อไปหน่อย ก็มีคนมาขาย อย่าไปหวังตลาดหุ้นมาก คอยเก็บกำไรอย่าถือหุ้นยาวมาก
Q: ควรซื้อหุ้นกลุ่มไหน แบ่งเงินกันอย่างไร
.
A: คุณพีรนาถ_เห็นด้วยกับดร นิเวศน์ เมืองไทยมีคนแก่เยอะ ปีที่แล้ว ต่างกับปีนี้ รู้สึกสดใส
เรารู้สึกซึมซาบ อยากอยู่เมืองไทย รู้ปัญหาแล้ว ทีมเศรษฐกิจ รู้แล้ว เริ่มคิดแต่อาจช้าไป
เลือกตั้งไม่มีก็ดี ไม่มีใครมาขัด สร้าง S-Curve ตัวใหม่ บริษัทเก่งหรือ คนเก่งในเมืองไทย นำหน้าหลายประเทศ
ถ้าใครมาแถบนี้ เราพร้อมที่สุด เป็นศูนย์กลาง เช่นกรุงเทพ มี โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาลพร้อม เราเปลี่ยนแปลงตัวเราให้เข้าสู่ service economyใหม่ ใครต้องการlistเข้าตลาดก็มาที่เรา
เราต้องสร้างความคิดเป็นบวก ประชากรน้อยลงก็จริง แต่ก็สามารถช่วยปั้มเศรษฐกิจได้ ให้การศึกษาดี
อีกภาคนึง คือ บริษัทปตท ที่ทำโรงเรียนกำเนิดวิทย์ concept ดีมาก หลายท่านจะไปทำบุญ ก็เอาเงินมาช่วยทำโรงเรียนแบบนี้ เมืองไทยก็มีอนาคตได้ บริษัทอื่นทำด้วยเหมือนปตทก็ดี
เด็กจบใหม่ไม่อยากเป็นลูกจ้าง ก็จะมาทำstartupมากขึ้น มองในส่วนpositiveบ้าง
ตลาดหลักทรัพย์ก็มาช่วยaware ทำให้เกิด S-Curve อันใหม่ดัชนีอาจถึง3,000จุดก็ได้ และมีเงินจากไทย และ ต่างประเทศมาสนับสนุน
กลยุทธ์ในปีนี้ เราเป็นนักลงทุนวีไอ เลือกหุ้นเป็นตัวๆ เข้าใจในหุ้นที่เราถือ ซื้อหุ้นบริษัทดีๆ ถ้าไม่ดีเรามีโอกาสซื้อตัวอื่น
โดยการเปลี่ยนกับตัวที่ถือได้ถ้าตัวใหม่ดีกว่า ถ้าตลาดเป็นแบบ Sideway ก็เป็นโอกาสสามารถทำกำไรได้ ขึ้นขายลงซื้อ เลือกเป็นตัวๆ
A: คุณโจ_เห็นด้วย ถ้าเศรษฐกิจโต 5% ต้องปั้มลูกเพิ่ม ผมช่วยไปแล้วมีลูกสามคนแล้ว เราไม่ได้ลงทุนหนักๆมานานมาก
แต่มาดูโครงการเกือบยี่สิบอันที่จะเกิดขึ้น คุณวิกรม บอกว่าถ้าทำพร้อมกันจะขาดแคลนคนขับรถบรรทุก
กลยุทธ์ เลือกเป็นตัวๆไป มีคนทำได้เช่น คุณประชา หุ้นทุกตัวในพอร์ตขึ้นเกือบ 100% ในปีที่แล้ว
คุณประชาแย้ง ตัวขาดทุน80% อาจไม่เห็นนะครับ
ดร นิเวศน์ และ คุณโจ ซื้อหุ้นตอน600จุด ได้กำไรหลายร้อยเด้ง ทั้งที่ดัชนีเพิ่มแค่ 2 เด้ง
ช่วงนี้ social network มาแรง เรารู้เรื่องคนอื่นเยอะ ชาวบ้านทำอะไร รู้หมด แต่เวลาลงทุนกลับไม่รู้ว่าบริษัททำอะไร ข้อมูลบริษัท 56-1 ก็ไม่ได้อ่าน ควรเลือกงานที่สร้าง productivity
A: หมอพงษ์ศักดิ์_บอกว่า ตลาดบวกลบนิดหน่อย เลือกหุ้นรายตัว มีข้อแนะนำในการลงทุน
กลยุทธ์แรกควรเลิก margin เป็นจังหวะไม่ควรเสี่ยง มีโอกาสโดนforce sell ได้ เพราะมีปัจจัยจากต่างประเทศ
มากระทบตลอด
กลยุทธ์ที่สอง เราควรเช็คพอร์ตของเราก่อน เราควรถือหุ้นที่ไม่อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจมาก เช่น บริษัทที่มียอดขายอิงกับภาวะเศรษฐกิจมาก พอร์ตเราจะเสี่ยง ให้ถือหุ้นไม่อิงกับเศรษฐกิจ
กลยุทธ์ที่สาม หุ้นต้องไปได้ในภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอได้ บางตัว ผู้บริโภคจำเป็นต้องใช้ไปอีก 2-3 ปี
กลยุทธ์ที่สี่ ถ้าถือหุ้นเต็มพอร์ต เช็คหุ้นว่าอิงกับภาวะเศรษฐกิจหรือไม่ อาจมีการswitchหุ้นบ้าง หุ้นแกว่งลงมาก
บางตัวลงมาก มาจาก force sell เราขายหุ้นบางตัวในพอร์ต มาซื้อตัวนี้ได้ ผมอยู่โหมดระมัดระวังไว้ดีกว่า
การมีพอร์ต เราต้องดูว่ามีความเสี่ยงขนาดไหน ถ้าเราถือหุ้นที่อิงเศรษฐกิจ ไม่ควรเกิน20-30% ของพอร์ตเท่านั้น
World bank ลด GDP ของไทย from 3% ลงเหลือ 2%
ส่วนตัวไม่ค่อยอ่านข้อมูลจากโบรก ปกติอ่านข้อมูลจากต่างประเทศที่น่าเชื่อถือ องค์กรระดับโลก เป็นกลางมากกว่า ถ้าต้องการมองภาพรวม
A: คุณประชา_มองว่าปีนี้ท้าทายมากขึ้น หาหุ้นดี ราคาถูก ความเป็นวีไอใช้ได้มากในช่วงนี้เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาก
อาจฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ ดีใจที่เห็นความคิดเห็นที่ต่างกัน จะได้พัฒนาฝีมือการลงทุน
ยี่สิบปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจโตไม่เกิน5%และโตน้อยลงอีก เริ่มเข้าสู่ aging society อยากให้มองว่า
ทุกอย่างในภาพรวมโตน้อย มีหลายธุรกิจมาเริ่มทดแทนอันเก่า modern trade โตมาก แต่ ประชากร และ GDPโตไม่มาก
ดังนั้นแสดงว่า ธุรกิจใหม่โตทดแทนธุรกิจเดิม
ตอนประชุมบริษัทนึง ผู้บริหารเก่ง เลยซื้อหุ้นปรากฏว่า อยูในธุรกิจไม่ดี เลยขายไป ต่อมาไปเปิดธุรกิจใหม่ เริ่มดีขึ้น
อีกธุรกิจ ปี40 ไม่ดี แต่เจ้าของยังทำอยู่ ปรากฏว่า โตหลายเท่าตัว ประชากรไม่เพิ่ม แต่การให้ความสำคัญภาพใหญ่ให้น้อยลง ธุรกิจที่ดีในอดีตอาจไม่ดี เราไปเป็นหุ้นส่วนกับผู้ประกอบการดีๆที่มาทำธุรกิจที่สร้างบริษัทใหม่ขึ้นมาด้วยเรามีผู้ประกอบการที่ดีในประเทศไทย ขอปรบมือให้เขาด้วย ทุกคนในห้องประชุมร่วมกันปรบมือ
A: ดร นิเวศน์_5-6 ปีที่ผ่านมา เราลงทุนนอกแนววีไอเยอะมาก ลงทุนบริษัทที่มีพีอีมากกว่า 50เท่า,PB 5-6 เท่า หน้าตาเฉย ตอนนี้ต้องลงทุน
1.หุ้นที่ราคาถูก cheap
2.Stability ไม่มีการเปลี่ยนครั้งใหญ่ continue ธุรกิจ stable
3 เลือก หุ้น super stock อยู่เมื่อตัวอื่นล่มสลาย
4 Price stable choose cheapness พีอีไม่เกิน 30เท่า หรือ ไม่เกิน 20 เท่า เลิกเลือกหุ้นPEเกิน 50 เท่า
หุ้นที่ถูก ต้องเป็นช่วงที่นักลงทุนไม่คึกคัก แต่ตอนนี้ยังคึกคัก ราคายังไม่ถูก ผมเลยออกซะก่อนที่เขาจะเลิก
Q: คำถามต่อมาเรื่องการให้คะแนนตลาด ดีสุด 10 ต่ำสุด 0 คะแนน แต่ละท่านให้คะแนน ดังนี้
คุณพีรนาถ_7 คะแนน
คุณพงษ์ศักดิ์_5 คะแนน
คุณโจ_8 คะแนน
คุณประชา_7 คะแนน
ดร นิเวศน์_5 คะแนน
.
สุดท้ายขอขอบคุณ ดร ไพบูลย์ อจ เสน่ห์ หมอเค ดร นิเวศน์ คุณ นุช วิทยากรทุกท่าน น้องแป๋ม และ ทีมงาน Moneytalk เจ้าหน้าที่ตลาดหลักทรัพย์ที่มาอำนวยความสดวก และ ที่ขาดไม่ได้
คือ ผู้สนับสนุนรายการ Moneytalk ทุกบริษัทครับ
-----------------------------------------------------------------------------------
Money talk@SET ครั้งต่อไป
คราวหน้ากำลังดูสถานที่ในการจัด Money talk ครั้งต่อไป ห้องประชุมศจ ดร สังเวียน อินทรวิชัย ขั้นสาม
ตลาดหลักทรัพย์เดิม ต่อไปต้องจ่ายค่าเช่าแล้ว เสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ จองวันที่ 6 กุมภาพันธ์ (7.00 น.)
ที่ https://www.facebook.com/MoneyTalkTV/
ช่วงที่ 1_เปิดโลกการเงิน_นิด้าจัดร่วมกับCFA
วิทยากรทุกท่าน มีตำแหน่ง CFA ทุกคน ยกเว้นดร นิเวศน์
ดร นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนหุ้นคุณค่าต้นตำรับ
คุณ วิน พรหมแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ CIMB
คุณ มนตรี ศรไพศาล ผู้บริหาร เมย์แบงค์ กิมเอ็ง
ดร ณัฐวุฒิ เจนโรจน์วิทยา ผู้อำนวยการ โครงการFIRM Nida Business school
ช่วงที่ 2_จับตากลยุทธ์นักลงทุนรุ่นใหม่
คุณชาย มโนภาค อุปนายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
คุณสันติ สิงหวังชา หรือ โยโย่
คุณ ณัฐชาติ คำสิริตระกูล หรือ คุณ กานต์
คุณ ทิวา ชินธาดาพงศ์ หรือ คุณ ซาอิ หรือ มี่ อดีตขายหมูยอ
นพ ศุภศักดิ์ หล่อธนวณิชย์
มาเล่าให้ฟังเรื่องยุทธศาสตร์ในการลงทุน
อจ เสน่ห์ และ ดร ไพบูลย์ เป็นพิธีกร พลาดไม่ได้ในสัมมนาเดือนหน้า
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk @ SET 9 มค 16 หุ้นเด่นปี59 และ กลยุทธ์วีไอปี5
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณมากครับ คุณอมร
อารมณ์ผมเหมือนฟัง อจ. ไม่ทันแล้วลอกเล็คเชอร์คนเก่งๆ อย่างพี่อมรเลย
อารมณ์ผมเหมือนฟัง อจ. ไม่ทันแล้วลอกเล็คเชอร์คนเก่งๆ อย่างพี่อมรเลย
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk @ SET 9 มค 16 หุ้นเด่นปี59 และ กลยุทธ์วีไอปี5
โพสต์ที่ 6
เห็นด้วยกับคุณชายค่ะ....ซาบซึ้งใจมากเลยค่ะคนขายของ เขียน:ผมเห็นเวลาที่คุณอมรโพส์ตกระทู้แล้วรู้สึกซาบซึ้งใจมาก.... 3:52AM ... ขอบคุณมากๆครับ
ขอบคุณพี่อมรมากๆ เลยค่ะ...ดูจากเวลาแล้วเหมือนพี่อมรจะไม่ได้นอนเลยค่ะamornkowa เขียน:พอดีคุณนุชบอกไว้ เลยเขียนช่วงสองต่อเลย ไม่เป็นไรครับช่วยๆกัน
วันนี้ยังไปสัมมนาอีกที่นึงต่อด้วย...ขับรถระวัง...เดินทางปลอดภัยค่ะพี่
ไม่เป็นไรจ้า..ถ้าไม่ติดอะไรน้องบิ๊ก มาช่วยเสมอi-salmon เขียน:ขอบคุณมากครับพี่อมร
ขออภัยที่ตามไปช่วงบ่ายไม่ทัน ติดภารกิจครับ
ไม่เคยพลาดเลย...ขอบคุณมากค่ะ
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk @ SET 9 มค 16 หุ้นเด่นปี59 และ กลยุทธ์วีไอปี5
โพสต์ที่ 7
ขอบคุณมากๆครับ
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2603
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Money Talk @ SET 9 มค 16 หุ้นเด่นปี59 และ กลยุทธ์วีไอปี5
โพสต์ที่ 8
ไกลเเค่ไหน ติดภาระกิจยังไง เข้าThaiVIเเล้วไม่ผิดหวังมีมือบันทึกเก่งๆอัพเดตความรู้ให้เสมอครับ ขอบคุณมากๆครับ ^^
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 102
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk @ SET 9 มค 16 หุ้นเด่นปี59 และ กลยุทธ์วีไอปี5
โพสต์ที่ 10
ขอบคุณครับ
- HorseVision
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 513
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk @ SET 9 มค 16 หุ้นเด่นปี59 และ กลยุทธ์วีไอปี5
โพสต์ที่ 15
ขอบคุณครับ
Facts are better than opinions
- 1154
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 894
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk @ SET 9 มค 16 หุ้นเด่นปี59 และ กลยุทธ์วีไอปี5
โพสต์ที่ 16
ขอบคุณครับ -/\-
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 16
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk @ SET 9 มค 16 หุ้นเด่นปี59 และ กลยุทธ์วีไอปี5
โพสต์ที่ 20
ขอบคุณครับ
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Money Talk @ SET 9 มค 16 หุ้นเด่นปี59 และ กลยุทธ์วีไอปี5
โพสต์ที่ 22
ขอบพระคุณมากๆครับ ตีสามตีสี่ มาโพสต์ สรุป ให้เราได้อ่าน น้ำใจงามมากๆครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- Verified User
- โพสต์: 27
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk @ SET 9 มค 16 หุ้นเด่นปี59 และ กลยุทธ์วีไอปี5
โพสต์ที่ 26
ขอบคุณมากครับ