สับสนสับสน
-
- Verified User
- โพสต์: 269
- ผู้ติดตาม: 0
สับสนสับสน
โพสต์ที่ 1
1) มาลองคำนวณดู ตอนนี้ ดอกเบี้ยพันธบัตรสุทธิประมาณ 5 % เงินปันผลก็ประมาณ 5 % แต่หุ้นเสียงกว่าพันธบัตร ดังนั้นหากจะลงทุนในหุ้น ต้องมี Capital Gain ด้วย จึงจะถูกต้องน่าลงทุน ผมคิดว่าลงทุนในหุ้นอาจเสี่ยงจากผลประกอบการที่ลดลง กำไรลดปันผลลด ผมเลยคิดว่าจะย้ายหุ้นไปซื้อพันธบัตร ดีกว่าไหม แล้วรอดอกเบี้ยต่ำๆ ค่อยมาซื้อหุ้น
2) การซื้อหุ้นพื้นฐานดี ธุรกิจเสี่ยงต่ำ ผลประกอบการสม่ำเสมอ ซื้อในราคาที่ต่ำๆ ถือไว้นานนาน รับปันผลไปเรื่อยๆ ก็เป็นการลงทุนที่ถูกต้องได้ผลดี แต่ เงินผมมีน้อย Port เล็กนิดเดียว ซื้อ 1000 หุ้น ได้ปันผลปีละ 3000 บาท โดยประมาณ มี Gain เยอะกว่าปันผล 3 ปีอีก(ขอโทษครับ ไม่มีเจตนาโอ้อวด แต่มันก็ไม่มีอะไรจะอวดอยู่แล้ว ) ผมว่าอย่างนี้ขายจะดีกว่าถือไหมครับ ขายไปแล้วเอาไปซื้อตัวใหม่ ที่ผมต้องการถามคือ port เล็กนิดเดียวเอง น่าจะใช้วิธีขายไปเพื่อเพิ่มขนาด port ก่อนดีไหมครับ หรือว่าจะถือยาวๆดี ถ้าถือยาวแต่เกิดไม่มี Gain ก็แพ้พันธบัตร / ถ้ามี gain ถือไว้ก้ port เพิ่มปีละไม่เท่าไหร่เอง คือมันน้อยมากครับจนคิดว่าน่าจะขายทำกำไรไป
2 ข้อข้างต้น นี่ สับสนมาก ไม่รุ้เอางัยดี ครับ ขอบคุณที่เสียเวลาอ่านครับ
2) การซื้อหุ้นพื้นฐานดี ธุรกิจเสี่ยงต่ำ ผลประกอบการสม่ำเสมอ ซื้อในราคาที่ต่ำๆ ถือไว้นานนาน รับปันผลไปเรื่อยๆ ก็เป็นการลงทุนที่ถูกต้องได้ผลดี แต่ เงินผมมีน้อย Port เล็กนิดเดียว ซื้อ 1000 หุ้น ได้ปันผลปีละ 3000 บาท โดยประมาณ มี Gain เยอะกว่าปันผล 3 ปีอีก(ขอโทษครับ ไม่มีเจตนาโอ้อวด แต่มันก็ไม่มีอะไรจะอวดอยู่แล้ว ) ผมว่าอย่างนี้ขายจะดีกว่าถือไหมครับ ขายไปแล้วเอาไปซื้อตัวใหม่ ที่ผมต้องการถามคือ port เล็กนิดเดียวเอง น่าจะใช้วิธีขายไปเพื่อเพิ่มขนาด port ก่อนดีไหมครับ หรือว่าจะถือยาวๆดี ถ้าถือยาวแต่เกิดไม่มี Gain ก็แพ้พันธบัตร / ถ้ามี gain ถือไว้ก้ port เพิ่มปีละไม่เท่าไหร่เอง คือมันน้อยมากครับจนคิดว่าน่าจะขายทำกำไรไป
2 ข้อข้างต้น นี่ สับสนมาก ไม่รุ้เอางัยดี ครับ ขอบคุณที่เสียเวลาอ่านครับ
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
สับสนสับสน
โพสต์ที่ 3
ถ้าเจอหุ้นตัวใหม่ที่มั่นใจว่าจะให้ Gain ดีกว่าเดิมก็ขายไปซื้อตัวใหม่ครับ
แต่ถ้าไม่ก็ถือหุ้นตัวเดิมไว้
นอกจากว่าหุ้นตัวเดิมคงจะไม่มี Gain อีกต่อไปแล้ว และให้ปันผลตอบแทน 5% แบบนี้เอาเงินไปซื้อพันธบัตรอย่างที่ว่าดีกว่า เพราะไม่เสี่ยง
แต่ความยากมันคงอยู่ที่ว่าหุ้นตัวใหม่จะให้ Gain ดีกว่าเดิมแน่หรือ หุ้นที่ถืออยู่เดิมจะให้ Gain เท่าไหร่ จะให้ปันผลเท่าไหร่ .... คำตอบ ไม่มีให้ครับ เพราะผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน 8)
แต่ถ้าไม่ก็ถือหุ้นตัวเดิมไว้
นอกจากว่าหุ้นตัวเดิมคงจะไม่มี Gain อีกต่อไปแล้ว และให้ปันผลตอบแทน 5% แบบนี้เอาเงินไปซื้อพันธบัตรอย่างที่ว่าดีกว่า เพราะไม่เสี่ยง
แต่ความยากมันคงอยู่ที่ว่าหุ้นตัวใหม่จะให้ Gain ดีกว่าเดิมแน่หรือ หุ้นที่ถืออยู่เดิมจะให้ Gain เท่าไหร่ จะให้ปันผลเท่าไหร่ .... คำตอบ ไม่มีให้ครับ เพราะผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน 8)
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- worapong
- Verified User
- โพสต์: 929
- ผู้ติดตาม: 0
สับสนสับสน
โพสต์ที่ 4
ตอบเรื่องพันธบัตรหรือหุ้นครับ มันไม่มีกฏห้ามวีไอซื้อพันธบัตรนะครับ อย่างวอร์เรนเองก็มีซื้อพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนสูงๆหลายครั้ง ถ้าคุณเองไม่สามารถหาหุ้นที่คิดว่าจะให้ผลตอบแทนระยะยาวได้ดีกว่าพันธบัตร การซื้อพันธบัตรก็เป็นทางเลือกที่ทำได้ครับ
ตอบเรื่องการเปลี่ยนตัวเล่น ถ้าคุณเจอหุ้นตัวใหม่ที่คิดดีแล้วว่าราคาต่ำกว่ามูลค่ามากกว่าตัวเดิมมาก แล้วคิดว่าผลตอบแทนอยู่ในระดับที่พอใจ คุณก็ควรเปลี่ยนตัวเล่นนะครับ
ตั้งแต่ไตรมาสสามของปีก่อน ผมเห็นหุ้นแนววีไอหลายตัวราคาลอยขึ้นมาเยอะมาก เช่นไอทีซิตี้ราคาขึ้นจากห้าเป็นสิบบาท ผมไม่ได้คิดว่าราคาปัจจุบันจะเกินมูลค่าของไอทีซิตี้ แต่คิดว่าเราไม่สามารถคาดหวังว่าไอทีซิตี้จะเติบโตเท่าตัวได้ทุกๆปีเพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ไอทีซิตี้จะเป็นจีดีพีภายในสิบสองปี ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ที่ผมอยากจะบอกคือผลตอบแทนสูงๆที่คุณเห็นในช่วงนี้ อาจแย่ลงบ้างในช่วงถัดไป เพราะผมเห็นคนหลายคนทีเดียวได้ผลตอบแทนหนึ่งปีย้อนหลังจากวันนี้สูงในระดับร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ
ขอให้ใชคดีในการลงทุน และคิดทั้งด้านผลตอบแทนและความเสี่ยงไปพร้อมๆกันนะครับ :roll: :roll:
ตอบเรื่องการเปลี่ยนตัวเล่น ถ้าคุณเจอหุ้นตัวใหม่ที่คิดดีแล้วว่าราคาต่ำกว่ามูลค่ามากกว่าตัวเดิมมาก แล้วคิดว่าผลตอบแทนอยู่ในระดับที่พอใจ คุณก็ควรเปลี่ยนตัวเล่นนะครับ
ตั้งแต่ไตรมาสสามของปีก่อน ผมเห็นหุ้นแนววีไอหลายตัวราคาลอยขึ้นมาเยอะมาก เช่นไอทีซิตี้ราคาขึ้นจากห้าเป็นสิบบาท ผมไม่ได้คิดว่าราคาปัจจุบันจะเกินมูลค่าของไอทีซิตี้ แต่คิดว่าเราไม่สามารถคาดหวังว่าไอทีซิตี้จะเติบโตเท่าตัวได้ทุกๆปีเพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ไอทีซิตี้จะเป็นจีดีพีภายในสิบสองปี ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ที่ผมอยากจะบอกคือผลตอบแทนสูงๆที่คุณเห็นในช่วงนี้ อาจแย่ลงบ้างในช่วงถัดไป เพราะผมเห็นคนหลายคนทีเดียวได้ผลตอบแทนหนึ่งปีย้อนหลังจากวันนี้สูงในระดับร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ
ขอให้ใชคดีในการลงทุน และคิดทั้งด้านผลตอบแทนและความเสี่ยงไปพร้อมๆกันนะครับ :roll: :roll:
margin of safety
circle of competence
waiting for the perfect pitch
circle of competence
waiting for the perfect pitch
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
สับสนสับสน
โพสต์ที่ 5
พันธบัตรก็มีโอกาสขาดทุนนะครับ
ถ้าคุณไม่คิดที่จะถือพันธบัตรไปตลอดอายุพันธบัตร แล้วอัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น ราคาพันธบัตรจะลดลงครับ
การเปรียบเทียบการขาย โดยเทียบเงินปันผล กับ Capital Gain ที่จะได้รับ ไม่น่าจะเป็นหลักเกณฑ์ในการตัดสินใจที่ดีและมีเหตุผลเลยนะครับ
ลองดู Dividend กับ Capital Gain ของผมซิครับ แล้วผมควรขายไหมครับ (ไม่มีเจตนาจะโอ้อวด)
หลักเกณฑ์ในการพิจารณาจะขายหรือไม่ ผมว่าในเวบนี้มีการพูดคุยกันเยอะมากนะครับ
ถ้าคุณไม่คิดที่จะถือพันธบัตรไปตลอดอายุพันธบัตร แล้วอัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น ราคาพันธบัตรจะลดลงครับ
การเปรียบเทียบการขาย โดยเทียบเงินปันผล กับ Capital Gain ที่จะได้รับ ไม่น่าจะเป็นหลักเกณฑ์ในการตัดสินใจที่ดีและมีเหตุผลเลยนะครับ
ลองดู Dividend กับ Capital Gain ของผมซิครับ แล้วผมควรขายไหมครับ (ไม่มีเจตนาจะโอ้อวด)
หลักเกณฑ์ในการพิจารณาจะขายหรือไม่ ผมว่าในเวบนี้มีการพูดคุยกันเยอะมากนะครับ
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
สับสนสับสน
โพสต์ที่ 6
กรณีนี้ถ้าพอร์ทใหญ่ก็สบายๆใช่ไหมครับ ได้ gain ขนาดนี้ถือว่าฝีมือมากนะทีเดียวครับ
1. มองกำไรที่ได้มาเป็นเปอร์เซนต์อย่ามองเป็นยอดเงิน ก็จะเกิดความสุขได้ เราได้กำไรห้าหมื่นคนอื่นได้ห้าล้านถือว่าเรามีฝีมือกว่าเพราะเราลงทุนแค่แสนเดียวแต่คนอื่นลงไปตั้งร้อยล้าน ดังนั้นเรากำไร 50% คนอื่นได้ 5% โฮะ ๆ ๆ
2. ช่วงเงินน้อยๆนี่แหละเป็นจังหวะในการหาความรู้ เพราะเวลาพลาดก็จะเจ็บตัวไม่มาก เจอตัวไหนดีกว่าก็โดดเข้าใส่เลยครับ VIบ้าง VSบ้าง เก็งกำไรบ้าง เล่นยาวบ้าง เล่นสั้นบ้าง อาจจะได้กำไรบ้างขาดทุนบ้างก็ไม่เป็นไร แต่ที่ได้แน่ๆคือ ประสบการณ์และความรู้ครับ ซึ่งพอเงินเยอะแล้วจะทำอย่างนี้ก็ไม่ได้เพราะว่าถ้าพลาดก็เจ็บตัวหนักทีเดียว
ดังนั้นผมจึงคิดได้มีสองวิธีโดยประมาณ มี Gain เยอะกว่าปันผล 3 ปีอีก
1. มองกำไรที่ได้มาเป็นเปอร์เซนต์อย่ามองเป็นยอดเงิน ก็จะเกิดความสุขได้ เราได้กำไรห้าหมื่นคนอื่นได้ห้าล้านถือว่าเรามีฝีมือกว่าเพราะเราลงทุนแค่แสนเดียวแต่คนอื่นลงไปตั้งร้อยล้าน ดังนั้นเรากำไร 50% คนอื่นได้ 5% โฮะ ๆ ๆ
2. ช่วงเงินน้อยๆนี่แหละเป็นจังหวะในการหาความรู้ เพราะเวลาพลาดก็จะเจ็บตัวไม่มาก เจอตัวไหนดีกว่าก็โดดเข้าใส่เลยครับ VIบ้าง VSบ้าง เก็งกำไรบ้าง เล่นยาวบ้าง เล่นสั้นบ้าง อาจจะได้กำไรบ้างขาดทุนบ้างก็ไม่เป็นไร แต่ที่ได้แน่ๆคือ ประสบการณ์และความรู้ครับ ซึ่งพอเงินเยอะแล้วจะทำอย่างนี้ก็ไม่ได้เพราะว่าถ้าพลาดก็เจ็บตัวหนักทีเดียว
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
Re: สับสนสับสน
โพสต์ที่ 8
ขนาดของพอร์ต ควรคิดจากมูลค่าหุ้นตามราคาตลาดนะครับ ไม่ควรที่จะใช้ราคาทุน ดังนั้นการขายหรือไม่ขาย ก็คงไม่ทำให้มูลค่าพอร์ตใหญ่ขึ้นboybbcom เขียน:ที่ผมต้องการถามคือ port เล็กนิดเดียวเอง น่าจะใช้วิธีขายไปเพื่อเพิ่มขนาด port ก่อนดีไหมครับ
boybbcom เขียน:หรือว่าจะถือยาวๆดี