ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 74
- ผู้ติดตาม: 0
ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
โพสต์ที่ 1
ผมพยายามยึดมั่น VI มาตลอด แต่พบว่าเมื่อถือยาวๆนั้นพบว่า มี 2 ครั้งแล้วที่ราคาตกลงมาตำ่กว่าทุนที่ซื้อ ทั้งที่รอและเลือกซื้อหุ้นดีๆตอนหุ้นลงหนักๆ และตอนนี้ก้อไม่ได้ขายออกสักที ทั้งที่ก่อนหน้านั้นได้กำไรตัวละ 20% ได้ ก้อเลยงงๆ ว่า VI เป็นแบบไหนกันแน่ เห็นพี่ๆเพื่อนๆบอกว่าถือยาวเป็นปีๆ มันก้อเลยงงๆ อธิบายด้วยคร้าบบ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
โพสต์ที่ 2
พี่ไม่เคยถือยาวเป็นปีเลย ทีเห็นเป็นปีก็มี คุณฉัตรชัย ลุงขวด คุณวิบูลย์ คุณมน
พี่ว่ามีไม่กีคนนะถือยาวเป็นปี ให้ท่านนั้นตอบดีกว่า
อิอิ
แล้วน้องซื้ออะไร ราคาไหน เพราะอะไร ช่วยบอกด้วยครับ เผื่อเพื่อนๆในห้องจะช่วยกันคิดครับ
พี่ว่ามีไม่กีคนนะถือยาวเป็นปี ให้ท่านนั้นตอบดีกว่า
อิอิ
แล้วน้องซื้ออะไร ราคาไหน เพราะอะไร ช่วยบอกด้วยครับ เผื่อเพื่อนๆในห้องจะช่วยกันคิดครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
โพสต์ที่ 3
อย่างกรณี pttep คนที่มาเรียนกับพี่ พี่บอกให้รอที่ 80
การซื้อหุ้นดี แต่ราคาแพงมาก แล้วมันลงมา ก็คงต้องเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับพวกเราทุกคนครับ พี่ว่าไม่เห็นเกียวกับหลักการ vi เลย ว่าแต่หลักการ vi เป็นอย่างไรนี่ อยากรู้จัง
..............................................................................
Case study pttep
2001 eps 16.71
2002 eps 18.54
2003 eps 18.44
2004 eps 24.31
2005 eps 36.29
4 ปีที่ผ่านมา eps pttep โต 21.39 % ยึดหลักคอนเซอร์เวทีฟ สมมุติว่า pttep โตต่อไปอีก 5 ปี ปีละ 15 % นั่นหมายถึง ปี 2010 eps pttep เท่ากับ 72.99
ในปี 2010 สมมุติว่า pttep เทรดที่ PE 15 ราคาจะเท่ากับ 1094.85
ถ้าเราต้องการผลตอบแทนการลงทุน เท่ากับ 20 % ต่อปี ตลอดระยะเวลา 5 ปี ณ ปัจจุบันไปถึงปี 2010
เราจะต้องซื้อ pttep ณ เวลานี้ที่ราคาเท่าไร
คำตอบ คือ 439.99 หรือ 87.99
ถ้าเราซื้อ ทีราคาปัจจุบัน 136 แล้วถือไป 5 ปี ราคาจะเป็น 1094.85/5 เท่ากับ 218.97 เราก็ยังคงได้ผลตอบแทน 9.99 % คิดเป็นดอกเบี้ยทบต้น และนั่นคือการตั้งสมมุติฐานว่า pttep กำไรโต 15 % ตลอดระยะเวลา 5 ปีนะครับ
หมายเหตุ อย่างไรก็ตาม เราต้อง bet ว่า กำไรโต 15 % ตลอด 5 ปีข้างหน้า ซึ่งถ้าไม่โตตามนั้น เราจะเสี่ยงมาก ถ้าเป็นผม ผมจะเลือกหุ้นที่ได้ผลตอบแทนนะวันนี้ ผมพอใจ ในกรณีถ้ามีการโต ก็เป็นของแถม ซึ่งในกรณี pttep ซื้อราคา 136 คูณ 3274.66 ล้านหุ้น ราคาทั้งบริษัท 445353.76 ล้านบาท กำไร 23,734 ล้านบาท เท่ากับผลตอบแทน 5.32 %
ถ้าเป็นผม ผมรอราคา ให้ได้ผลตอบแทน ซัก 8 % 10 % เป็นอย่างน้อย สำหรับหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโต 15 %
นั้นหมายถึงผมจะรอราคา 90-72.47 บาทครับ
ผลตอบแทนการลงทุนในอดีต
ถ้าคุณซื้อ pttep ในราคา 142 ในปี 2001 และถือมา 4 ปี ในปี 2005 ซึ่งเทรดกันที่ 675 หรือ 135 คุณจะได้รับผลตอบแทน 47.65 % ทบต้น ไม่รวมปันผล 6 + 6.75 + 6.75 + 9 + 5.5 + 8 = 42 บาท เท่ากับ 29.57 %
การซื้อหุ้นดี แต่ราคาแพงมาก แล้วมันลงมา ก็คงต้องเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับพวกเราทุกคนครับ พี่ว่าไม่เห็นเกียวกับหลักการ vi เลย ว่าแต่หลักการ vi เป็นอย่างไรนี่ อยากรู้จัง
..............................................................................
Case study pttep
2001 eps 16.71
2002 eps 18.54
2003 eps 18.44
2004 eps 24.31
2005 eps 36.29
4 ปีที่ผ่านมา eps pttep โต 21.39 % ยึดหลักคอนเซอร์เวทีฟ สมมุติว่า pttep โตต่อไปอีก 5 ปี ปีละ 15 % นั่นหมายถึง ปี 2010 eps pttep เท่ากับ 72.99
ในปี 2010 สมมุติว่า pttep เทรดที่ PE 15 ราคาจะเท่ากับ 1094.85
ถ้าเราต้องการผลตอบแทนการลงทุน เท่ากับ 20 % ต่อปี ตลอดระยะเวลา 5 ปี ณ ปัจจุบันไปถึงปี 2010
เราจะต้องซื้อ pttep ณ เวลานี้ที่ราคาเท่าไร
คำตอบ คือ 439.99 หรือ 87.99
ถ้าเราซื้อ ทีราคาปัจจุบัน 136 แล้วถือไป 5 ปี ราคาจะเป็น 1094.85/5 เท่ากับ 218.97 เราก็ยังคงได้ผลตอบแทน 9.99 % คิดเป็นดอกเบี้ยทบต้น และนั่นคือการตั้งสมมุติฐานว่า pttep กำไรโต 15 % ตลอดระยะเวลา 5 ปีนะครับ
หมายเหตุ อย่างไรก็ตาม เราต้อง bet ว่า กำไรโต 15 % ตลอด 5 ปีข้างหน้า ซึ่งถ้าไม่โตตามนั้น เราจะเสี่ยงมาก ถ้าเป็นผม ผมจะเลือกหุ้นที่ได้ผลตอบแทนนะวันนี้ ผมพอใจ ในกรณีถ้ามีการโต ก็เป็นของแถม ซึ่งในกรณี pttep ซื้อราคา 136 คูณ 3274.66 ล้านหุ้น ราคาทั้งบริษัท 445353.76 ล้านบาท กำไร 23,734 ล้านบาท เท่ากับผลตอบแทน 5.32 %
ถ้าเป็นผม ผมรอราคา ให้ได้ผลตอบแทน ซัก 8 % 10 % เป็นอย่างน้อย สำหรับหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโต 15 %
นั้นหมายถึงผมจะรอราคา 90-72.47 บาทครับ
ผลตอบแทนการลงทุนในอดีต
ถ้าคุณซื้อ pttep ในราคา 142 ในปี 2001 และถือมา 4 ปี ในปี 2005 ซึ่งเทรดกันที่ 675 หรือ 135 คุณจะได้รับผลตอบแทน 47.65 % ทบต้น ไม่รวมปันผล 6 + 6.75 + 6.75 + 9 + 5.5 + 8 = 42 บาท เท่ากับ 29.57 %
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
โพสต์ที่ 4
ถ้าเราไม่ได้ศึกษาอะไรมากมาย แล้วเห็นว่า pttep ดีมาก แล้วเราสรุปว่า pttep เป็นหุ้น vi
แล้วเราก็เข้าซื้อที่ 128
ต่อมาประกาศผลกำไรออกมาดีมาก กำไรโตมาก
เราดีใจ
สุดท้าย ราคาลดลงเหลือ 109 ณ . เวลานี้
ขาดทุน 14.8 %
เราก็งง และเริ่มคิดว่าหลักการ vi เรายึดมั่น vi เราซื้อหุ้น vi
งั้นขอถาม
1. หลักการ vi คืออะไร ถ้ายึดตามพี่ครรชิต เราต้องซื้อหุ้นที่ดี ในราคาที่ต่ำ เราได้ซื้อ ราคาที่ต่ำหรือเป่า
2. ถ้าเราซื้อต่ำแล้ว และมันลงไปอีก เช่น สมมุติว่าเราซื้อที่ 80 แล้วมันลงไป 70 คนที่คิดว่าใช้หลักการ vi ควรจะดีใจหรือเสียใจ
3. ถ้าเราซื้อโดยไม่ได้รู้ราคาพื้นฐาน ซื้อเพราะคนอื่นเค๊าซื้อซื้อเพราะพี่ๆเค๊าซื้อ การซื้อแบบนั้น เรียกว่ายึดมั่นในหลักการ vi หรือ
แล้วเราก็เข้าซื้อที่ 128
ต่อมาประกาศผลกำไรออกมาดีมาก กำไรโตมาก
เราดีใจ
สุดท้าย ราคาลดลงเหลือ 109 ณ . เวลานี้
ขาดทุน 14.8 %
เราก็งง และเริ่มคิดว่าหลักการ vi เรายึดมั่น vi เราซื้อหุ้น vi
งั้นขอถาม
1. หลักการ vi คืออะไร ถ้ายึดตามพี่ครรชิต เราต้องซื้อหุ้นที่ดี ในราคาที่ต่ำ เราได้ซื้อ ราคาที่ต่ำหรือเป่า
2. ถ้าเราซื้อต่ำแล้ว และมันลงไปอีก เช่น สมมุติว่าเราซื้อที่ 80 แล้วมันลงไป 70 คนที่คิดว่าใช้หลักการ vi ควรจะดีใจหรือเสียใจ
3. ถ้าเราซื้อโดยไม่ได้รู้ราคาพื้นฐาน ซื้อเพราะคนอื่นเค๊าซื้อซื้อเพราะพี่ๆเค๊าซื้อ การซื้อแบบนั้น เรียกว่ายึดมั่นในหลักการ vi หรือ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
โพสต์ที่ 5
โค้ด: เลือกทั้งหมด
amsittichai
ก็ช่วยบอกด้วยว่าซื้อเพราะอะไร
คงไม่ใช่เป็นการซ้ำเติมนะครับ
การลงทุนก็มีกำไรหรือขาดทุน เป็นเรืองทำมะดา
ถ้าไม่สะดวกจะบอกก็ไม่เป็นไร แต่ คงสรุปอะไรไม่ได้ว่าที่โพสหมายถึง หรือต้องการสื่ออะไร
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 1
ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
โพสต์ที่ 6
หลักการง่ายๆครับ
ต้องรู้มูลค่าของกิจการ และซื้อในราคาที่มีส่วนต่างของความปลอดภัย ยิ่งมาก ยิ่งดี
ถ้ามันลงมาต่ำกว่าราคาที่มันควรอยู่ก็ซื้อเพิ่มครับ
ถ้าไม่มีเงินก็ควรอยู่เฉยๆ ไม่ควรขาย
ที่สำคัญ เราดูมูลค่าที่แท้จริงมันออกหรือเปล่า เท่านั้นเอง
ต้องรู้มูลค่าของกิจการ และซื้อในราคาที่มีส่วนต่างของความปลอดภัย ยิ่งมาก ยิ่งดี
ถ้ามันลงมาต่ำกว่าราคาที่มันควรอยู่ก็ซื้อเพิ่มครับ
ถ้าไม่มีเงินก็ควรอยู่เฉยๆ ไม่ควรขาย
ที่สำคัญ เราดูมูลค่าที่แท้จริงมันออกหรือเปล่า เท่านั้นเอง
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
โพสต์ที่ 7
โค้ด: เลือกทั้งหมด
หลักการง่ายๆครับ
ต้องรู้มูลค่าของกิจการ และซื้อในราคาที่มีส่วนต่างของความปลอดภัย ยิ่งมาก ยิ่งดี
ถ้ามันลงมาต่ำกว่าราคาที่มันควรอยู่ก็ซื้อเพิ่มครับ
ถ้าไม่มีเงินก็ควรอยู่เฉยๆ ไม่ควรขาย
ที่สำคัญ เราดูมูลค่าที่แท้จริงมันออกหรือเปล่า เท่านั้นเอง
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1067
- ผู้ติดตาม: 0
ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
โพสต์ที่ 8
naris เขียน:หลักการง่ายๆครับ
ต้องรู้มูลค่าของกิจการ และซื้อในราคาที่มีส่วนต่างของความปลอดภัย ยิ่งมาก ยิ่งดี
ถ้ามันลงมาต่ำกว่าราคาที่มันควรอยู่ก็ซื้อเพิ่มครับ
ถ้าไม่มีเงินก็ควรอยู่เฉยๆ ไม่ควรขาย
ที่สำคัญ เราดูมูลค่าที่แท้จริงมันออกหรือเปล่า เท่านั้นเอง
ผมว่าแจ่มแจ้งแดงแจ๋เลยครับตรงนี้
เพราะว่าถึงตอนนี้มีหุ้นอยู่ตัวหนึ่งที่ผมถือมาแล้ว 3 ปี
แต่ว่าราคายังไม่ไปไหนเลยครับ กินปันผลอย่างเดียวปีละประมาณ 10%
คงจะพอรู้กันแล้วนะครับว่าตัวไหน :twisted: ตัวนี้ตอนที่ซื้อกะถือยาวครับ
แล้วก็ได้ถือยาวจริง ๆ ตอนนั้นยังไม่รู้จัก VI ก็แค่ว่าดูเรโชสำคัญ ๆ
ประมาณว่าหนี้น้อย P/E ต่ำ แค่นั้น แต่ส่วนสำคัญทีทำให้ตัดสินใจซื้อคือ
ผมผูกพันกับอุตสาหกรรมนี้ครับ ซึ่งตอนนั้นดูตัวเองเป็นอะไรที่ดูการกุศลมาก
ไม่แสวงหาผลกำไรเลย ( :lol: )
สิ่งที่ผมควรจะสนใจแต่ผมไม่ได้สนใจมันเลยก็คือ Margin of Safety
(และแม้แต่ตอนนี้ก็ยังประเมินมูลค่าที่แท้จริงได้แบบลูกงูลูกปลา)
และอีกอย่างคืออนาคตของกิจการ และอุตสาหกรรมครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
โพสต์ที่ 9
โค้ด: เลือกทั้งหมด
Capo
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
โพสต์ที่ 11
แหม ถ้าให้เดา ก็กำไรไตรมาสแรกออกมาเท่าไร เราก็เอาคูณ 4 เลย
กำไร 135.15 คูณ 4 เท่ากับ 540.6 ล้าน
ถ้าเราได้กำไรซัก 10 % pe 10 ก็เท่ากับ 5406 หารด้วย จำนวนหุ้น 257.10 จะได้ราคาเท่ากับ
21 บาทนะครับ
book อยู่ที่ 22.42
อืม แต่ผมไปรอที่ 18 ตามคุณเล่าปีดีกว่า
กำไร 135.15 คูณ 4 เท่ากับ 540.6 ล้าน
ถ้าเราได้กำไรซัก 10 % pe 10 ก็เท่ากับ 5406 หารด้วย จำนวนหุ้น 257.10 จะได้ราคาเท่ากับ
21 บาทนะครับ
book อยู่ที่ 22.42
อืม แต่ผมไปรอที่ 18 ตามคุณเล่าปีดีกว่า
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
โพสต์ที่ 12
ผมไม่ใช่วิ แต่ก็มามัวๆอยู่ไปวันๆamsittichai เขียน:ผมพยายามยึดมั่น VI มาตลอด แต่พบว่าเมื่อถือยาวๆนั้นพบว่า มี 2 ครั้งแล้วที่ราคาตกลงมาตำ่กว่าทุนที่ซื้อ ทั้งที่รอและเลือกซื้อหุ้นดีๆตอนหุ้นลงหนักๆ และตอนนี้ก้อไม่ได้ขายออกสักที ทั้งที่ก่อนหน้านั้นได้กำไรตัวละ 20% ได้ ก้อเลยงงๆ ว่า VI เป็นแบบไหนกันแน่ เห็นพี่ๆเพื่อนๆบอกว่าถือยาวเป็นปีๆ มันก้อเลยงงๆ อธิบายด้วยคร้าบบ
หุ้นบางตัว ก็ไม่เหมาะกับคำว่าวิ
เพราะการหามูลค่ากิจการ
กลุ่มอุตสาหกรรม
แนวโน้มผลประกอบการ
จังหว่ะในการเข้าซื้อ
ผลตอบแทนที่ควรจะได้รับ
มีเกณฑ์ ที่ถูกเวลา หรืออาจอ่านผิด ลงทุนแล้ว
กิจการเปลี่ยนแปลงไปทางใดทางหนึ่ง
วิ ในความคิดส่วนตัว
คือ
หลักการคัดหุ้น
วิไม่ใช่ การถือหุ้น นานที่สุด
บางบริษัท กำไรเสมอต้นเสมอปลาย ไม่เติบโต
เงินปันผลตอบแทนคุ้ม แต่ราคาหุ้นไม่ไปไหน
คนถือก็อึดอัด สุดท้ายก็เบื่อ และขายทิ้งในที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 74
- ผู้ติดตาม: 0
ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
โพสต์ที่ 13
scc เคยซื้อไว้ตอน 220 บาท,bbl เคยซื้อไว้ที่ 106 บาท เคยขึ้นไปหลายหนแล้วก้อไม่ขาย โง่จิงๆเรา 555555 ตอนนี้กระสุนก้อหมด ซื้อเพิ่มก้อไม่ได้ ได้แต่นั่งดูหุ้นตัวเองลง
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
โพสต์ที่ 14
ขออนุญาติถามนะอย่าโกรธ
ที่ว่า
มีรายละเอียดอย่างไรบ้างครับ
ที่ว่า
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ผมพยายามยึดมั่น VI มาตลอด
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
โพสต์ที่ 15
ตกยิ่งต้องหาหุ้นที่ดีมาอม
ตอนนี้portที่อม -1.13% ณ ตอนที่port
จากขึ้นไป 10%เมื่อต้นเดือน
สวิ้งเร็วแต่ไม่ขาย เพราะว่าจะดูว่าถือยาวเป็นไง
ตอนนี้ได้เพิ่มมาอีกตัว แค่ 100 หุ้น แต่เดี๋ยวจะมีไม้หนักแน่นอน
portนี้สัญญากับตัวเองว่าไม่ปรับ นานๆๆปรับที่
ตอนนี้portที่อม -1.13% ณ ตอนที่port
จากขึ้นไป 10%เมื่อต้นเดือน
สวิ้งเร็วแต่ไม่ขาย เพราะว่าจะดูว่าถือยาวเป็นไง
ตอนนี้ได้เพิ่มมาอีกตัว แค่ 100 หุ้น แต่เดี๋ยวจะมีไม้หนักแน่นอน
portนี้สัญญากับตัวเองว่าไม่ปรับ นานๆๆปรับที่
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
โพสต์ที่ 16
amsittichai เขียน:scc เคยซื้อไว้ตอน 220 บาท,bbl เคยซื้อไว้ที่ 106 บาท เคยขึ้นไปหลายหนแล้วก้อไม่ขาย โง่จิงๆเรา 555555 ตอนนี้กระสุนก้อหมด ซื้อเพิ่มก้อไม่ได้ ได้แต่นั่งดูหุ้นตัวเองลง
สมมุติเหตุผล ซื้อเพื่อต้องการปันผล
ไม่เล่นรอบ
ไม่มีจุดตัดสินใจ ว่าจะขายเท่าไหร่ดี
หุ้นที่ว่ามานี้ เป็นหุ้นบูลชิฟ ไม่มีเจ๊ง ว่างั้นเถอะ
เมื่อต่างชาติขาย ก็ต้องขายหุ้นพวกนี้เพื่อให้ดัชนีมันลง
คงไม่รู้จักคำว่า ช๊อต
ไม่เคยรู้ว่าจิตวิทยาการลงทุน บรรยากาศ..............
หากอยากขายได้มากกว่าราคาที่ขาย
คงต้องนั่งรอ ต่างชาติกลับมาเก็บหุ้นรอบหน้า
วิหน้าใหม่ กำลังนั่งรอ ที่จะซื้อหุ้นถูกที่ถูกกว่า
นี่ล่ะมั่งที่เรียกว่า รอคอยจังหว่ะ เลือกลงทุน
-
- Verified User
- โพสต์: 19
- ผู้ติดตาม: 0
ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
โพสต์ที่ 17
ผมว่าVIใช้ได้ดีในขณะที่สภาพโดยรวมเริ่มทรงๆ เพราะเราจะเห็นถึงลักษณะการเคลื่อนไหวของหุ้นและสภาพของหุ้นเองว่ามีความเเข็งแกร่งขนาดไหน ส่วนที่เหลือก้อขึ้นกับจังหวะการลงทุนของแต่ละคนว่าราคาไหนเรารับได้หรือเปล่า แล้วก้อใช้วิชาต่างๆในการคำนวนค่าในอนาคต ฉะนั้นถ้าสภาพโดยรวมมีการเก็งกำไรกันสูง VI จะเสียเปรียบเพราะการซื้อๆขายๆไม่ใช่นิสัยของVI ส่วนผมยังมีหุ้นที่ติดอยู่สมัยตลาดอยู่แถวๆ 500 ต้นๆอยู่เลย NPC พาร์ 10 บาท 2500 หุ้น ซื้อตอนราคา 40 บาท, BGH พาร์ 10 บาท 5000 หุ้น ซื้อตอนราคา 50 บาท, TOP 10000 หุ้น ราคา 40 บาท ตอนนี้ตลาดกะลังแย่ ฉะนั้น VI ก้อควรเลียบๆเคียงไว้นะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 777
- ผู้ติดตาม: 0
พอร์ต VI
โพสต์ที่ 18
ส่วนตัว...
ผมก็แค่นักลงทุน VI แต่ระดับแมงเม่าเองครับ แต่ผมเชื่อว่า ถ้าเราลงทุน
แล้วมี Margin of Safety สูงกว่าคนอื่นเค้า เราก็ได้เปรียบกว่านักลงทุน
ท่านอื่นๆพอสมควร เหมือนกับเริ่มต้นดี...มีชัยไปกว่าครึ่ง!!!
แต่ว่า เราก็ต้องบริหารพอร์ตของเราให้ดี อย่าให้พอร์ตเล็กๆของเรา
ลดมูลค่าลงในระยะยาวนะครับ
หลักการ "Buy Low...Sell High" ยังคงใช้กันเหมือนเดิม แต่เรา
ต้องดูที่เป้าหมายการลงทุนของตัวเองเป็นสำคัญ
ถือลงทุน...3 วัน, 3 เดือน, หรือ 3 ปี อะไรจะเกิดขึ้นระหว่างนั้น
เราก็ไม่หวั่นไหว เพราะเรามีเป้าหมายการลงทุนของเราแล้ว
แต่ว่า เทคนิคการบริหารพอร์ต ตลอดระยะเวลาการลงทุน
มันเป็น เทคนิคละเอียดอ่อนนะครับ :roll:
ต้องไปหาความรู้เพิ่มจาก เซียนๆ VI ท่านอื่นเอาเองนะครับ!!! 8)
ผมก็แค่นักลงทุน VI แต่ระดับแมงเม่าเองครับ แต่ผมเชื่อว่า ถ้าเราลงทุน
แล้วมี Margin of Safety สูงกว่าคนอื่นเค้า เราก็ได้เปรียบกว่านักลงทุน
ท่านอื่นๆพอสมควร เหมือนกับเริ่มต้นดี...มีชัยไปกว่าครึ่ง!!!
แต่ว่า เราก็ต้องบริหารพอร์ตของเราให้ดี อย่าให้พอร์ตเล็กๆของเรา
ลดมูลค่าลงในระยะยาวนะครับ
หลักการ "Buy Low...Sell High" ยังคงใช้กันเหมือนเดิม แต่เรา
ต้องดูที่เป้าหมายการลงทุนของตัวเองเป็นสำคัญ
ถือลงทุน...3 วัน, 3 เดือน, หรือ 3 ปี อะไรจะเกิดขึ้นระหว่างนั้น
เราก็ไม่หวั่นไหว เพราะเรามีเป้าหมายการลงทุนของเราแล้ว
แต่ว่า เทคนิคการบริหารพอร์ต ตลอดระยะเวลาการลงทุน
มันเป็น เทคนิคละเอียดอ่อนนะครับ :roll:
ต้องไปหาความรู้เพิ่มจาก เซียนๆ VI ท่านอื่นเอาเองนะครับ!!! 8)
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
โพสต์ที่ 19
bbl เป็นหุ้นแข็งแกร่ง ล้มยากแต่ก็โตได้ไม่มากเพราะโตมามากๆแล้วจนคับประเทศไม่รู้จะโตอย่างไรอีก ถ้าคาดหวังว่าจะโตปีละ15% คงจะผิดหวัง ดังนั้นถ้าซื้อหุ้นตัวนี้ก็แปลว่าเราหวังปันผลไม่ได้หวังว่าจะเป็นหุ้นเติบโต จะหวังให้ราคาขึ้นไปเยอะๆคงไม่ได้ ปีเตอร์ลินซ์เองก็บอกไว้ว่าหุ้นกลุ่มนี้ขึ้นมาสัก 20-30% ก็ต้องขายแล้ว จึงไม่ค่อยนิยมซื้อเว้นเสียแต่ไม่มีหุ้นประเภทอื่นให้เล่น
SCC เมื่อก่อนทำธุรกิจขายปูนอย่างเดียว สักสิบปีก่อนจัดเป็นหุ้นเติบโตได้แถมมีคูเมืองกำแพงกั้นด้วย ต่อมาหันมาทำปิโตรเคมีด้วยและเป็นสัดส่วนที่เยอะมาก เมื่อสักสามสี่ปีก่อนพอดีวัฏจักรปิโตรเคมีมาถึงพอดี ราคาก็ขึ้นกระฉูด
ปัจจุบันที่ราคา 218-220 ก็ไม่ถือว่ามี margin of safety แถมอันตรายมากด้วยเพราะวัฏจักรปิโตรเคมีขึ้นมานานแล้วใกล้จะเป็นขาลงแล้ว เผลอๆลงไปแล้วด้วยครับ.........
SCC เมื่อก่อนทำธุรกิจขายปูนอย่างเดียว สักสิบปีก่อนจัดเป็นหุ้นเติบโตได้แถมมีคูเมืองกำแพงกั้นด้วย ต่อมาหันมาทำปิโตรเคมีด้วยและเป็นสัดส่วนที่เยอะมาก เมื่อสักสามสี่ปีก่อนพอดีวัฏจักรปิโตรเคมีมาถึงพอดี ราคาก็ขึ้นกระฉูด
ปัจจุบันที่ราคา 218-220 ก็ไม่ถือว่ามี margin of safety แถมอันตรายมากด้วยเพราะวัฏจักรปิโตรเคมีขึ้นมานานแล้วใกล้จะเป็นขาลงแล้ว เผลอๆลงไปแล้วด้วยครับ.........
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
โพสต์ที่ 20
SCC
เม.ย. 2518 - เม.ย. 2533 มูลค่าหุ้น (พาร์) 100 บาท
เม.ย. 2533 - ธ.ค. 2545 มูลค่าหุ้น (พาร์) 10 บาท
ม.ค. 2546 - ปัจจุบัน มูลค่าหุ้น (พาร์) 1 บาท
(แตกพาร์มาแล้ว 3 ครั้ง มี 100 หุ้นเมื่อ 30 ปีที่แล้วเท่ากับมี 10,000 หุ้นปัจจุบันนี้)
ธ.ค. 46 ปิด 254 (พาร์ 1)
ปี 2532 ปิดสูงสุด ที่ 7,566 บาท (พาร์ 100) หรือ สูงขึ้น 45 เท่า
ถือปูนใหญตั้งแต่เข้าตลาด (ประมาณ 30 ปีที่แล้ว)
ให้ผลตอบแทน 160 เท่า ...
พอช่วยได้มั้ยครับ...
ข้อมูลจากงานสัมมนา
อ. วิกรม เกษมวุฒิ
(กรรมการร่วมก่อตั้ง สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย)
เม.ย. 2518 - เม.ย. 2533 มูลค่าหุ้น (พาร์) 100 บาท
เม.ย. 2533 - ธ.ค. 2545 มูลค่าหุ้น (พาร์) 10 บาท
ม.ค. 2546 - ปัจจุบัน มูลค่าหุ้น (พาร์) 1 บาท
(แตกพาร์มาแล้ว 3 ครั้ง มี 100 หุ้นเมื่อ 30 ปีที่แล้วเท่ากับมี 10,000 หุ้นปัจจุบันนี้)
ธ.ค. 46 ปิด 254 (พาร์ 1)
ปี 2532 ปิดสูงสุด ที่ 7,566 บาท (พาร์ 100) หรือ สูงขึ้น 45 เท่า
ถือปูนใหญตั้งแต่เข้าตลาด (ประมาณ 30 ปีที่แล้ว)
ให้ผลตอบแทน 160 เท่า ...
พอช่วยได้มั้ยครับ...
ข้อมูลจากงานสัมมนา
อ. วิกรม เกษมวุฒิ
(กรรมการร่วมก่อตั้ง สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย)
"Winners never quit, and quitters never win."
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
โพสต์ที่ 21
-
- Verified User
- โพสต์: 1822
- ผู้ติดตาม: 0
ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
โพสต์ที่ 22
Vi สำหรับแนวทางที่ผมใช้ในตอนนี้คือ มองหาธุรกิจที่เราเข้าใจและสนใจ
ซื้อหุ้นเสมือนเราอยากทำธุรกิจนั้น และเหมือนการซื้อทั้งหมดเป็นของเราคนเดียว แต่จริงๆซื้อได้ไม่กี่หุ้นเท่านั้น 555 :lol: :lol:
ถือไว้ตราบที่ยังเป็นธุรกิจที่ดี ระหว่างนั้นถ้าราคาตกต่ำลง ก็ซื้อเพิ่ม ถ้าราคาเพิ่มขึ้น ก็ถือต่อ หรือขายออกบ้าง แล้วแต่สถานการณ์
ถ้ากลายเป็นธุรกิจที่ไม่ดีแล้ว ก็ขายทิ้งหมด ขาดทุนก็ยอม
ซื้อหุ้นเสมือนเราอยากทำธุรกิจนั้น และเหมือนการซื้อทั้งหมดเป็นของเราคนเดียว แต่จริงๆซื้อได้ไม่กี่หุ้นเท่านั้น 555 :lol: :lol:
ถือไว้ตราบที่ยังเป็นธุรกิจที่ดี ระหว่างนั้นถ้าราคาตกต่ำลง ก็ซื้อเพิ่ม ถ้าราคาเพิ่มขึ้น ก็ถือต่อ หรือขายออกบ้าง แล้วแต่สถานการณ์
ถ้ากลายเป็นธุรกิจที่ไม่ดีแล้ว ก็ขายทิ้งหมด ขาดทุนก็ยอม
-
- Verified User
- โพสต์: 74
- ผู้ติดตาม: 0
ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
โพสต์ที่ 23
ต้องใช่หลักการพี่ Jeng แล้วครับ อย่างที่พี่เจ๋งเคยเล่าให้ฟังตอนเปิดสอน เก็งกำไรให้ได้เงินก้อนก่อนค่อยเน้นแบบ VI แทน 5555555
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
โพสต์ที่ 26
VI = Value Invester แปลว่านักลงทุนที่เน้นคุณค่าเป็นสำคัญ
หมายถึง เราซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่าคุณค่าที่หุ้นมีอยู่ สั้นๆแค่นี้ครับ ไม่เกี่ยวกับถือนานถือสั้นเลย
ยิ่งซื้อได้ต่ำมากเมื่อเทียบกับคุณค่าของหุ้นก็ยิ่งมี margin of safety
ส่วนแบบไหนจะเรียกว่ามีคุณค่ามากหรือน้อยก็ต้องลงรายละเอียดกันยาวเลยครับ ลองค้นดูกระทู้เก่าๆที่เพื่อนๆเขียนไว้แล้ว
ส่วนสาเหตุที่ VI มักจะถือนานน่าจะเป็นเพราะประโยคอมตะของบัฟเฟตต์ที่ว่า
" ผมซื้อหุ้นหนึ่งอาทิตย์ผมบอกไม่ได้หรอกว่าหุ้นจะขึ้นจะลงเพราะเดาใจ mr.market ไม่ได้ ซื้อเดือนหนึ่งก็เหมือนกัน ซื้อปีหนึ่งก็ไม่ต่างกันผมอาจจะขาดทุนยับก็ได้ แต่ผมมั่นใจว่า5 ปีข้างหน้า 10 ปีข้างหน้ามันขึ้นแน่ๆ เพราะกิจการมันดีแน่ๆ "
ดังนั้น VI จึงมักจะมองยาวโดยอัตโนมัติ และจึงมักจะถือนานโดยปริยายเช่นกัน
หมายถึง เราซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่าคุณค่าที่หุ้นมีอยู่ สั้นๆแค่นี้ครับ ไม่เกี่ยวกับถือนานถือสั้นเลย
ยิ่งซื้อได้ต่ำมากเมื่อเทียบกับคุณค่าของหุ้นก็ยิ่งมี margin of safety
ส่วนแบบไหนจะเรียกว่ามีคุณค่ามากหรือน้อยก็ต้องลงรายละเอียดกันยาวเลยครับ ลองค้นดูกระทู้เก่าๆที่เพื่อนๆเขียนไว้แล้ว
ส่วนสาเหตุที่ VI มักจะถือนานน่าจะเป็นเพราะประโยคอมตะของบัฟเฟตต์ที่ว่า
" ผมซื้อหุ้นหนึ่งอาทิตย์ผมบอกไม่ได้หรอกว่าหุ้นจะขึ้นจะลงเพราะเดาใจ mr.market ไม่ได้ ซื้อเดือนหนึ่งก็เหมือนกัน ซื้อปีหนึ่งก็ไม่ต่างกันผมอาจจะขาดทุนยับก็ได้ แต่ผมมั่นใจว่า5 ปีข้างหน้า 10 ปีข้างหน้ามันขึ้นแน่ๆ เพราะกิจการมันดีแน่ๆ "
ดังนั้น VI จึงมักจะมองยาวโดยอัตโนมัติ และจึงมักจะถือนานโดยปริยายเช่นกัน
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
โพสต์ที่ 27
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ต้องใช่หลักการพี่ Jeng แล้วครับ อย่างที่พี่เจ๋งเคยเล่าให้ฟังตอนเปิดสอน เก็งกำไรให้ได้เงินก้อนก่อนค่อยเน้นแบบ VI แทน 5555555
แสดงว่า ตอนนี้ ( ณ เวลาที่สอน ) หุ้นแพงไปหมดแล้ว
ถ้าอยากเล่นก็ให้เล่นเก็งกำไร แม้จะเป็นหุ้นพื้นฐานดี อย่าง pttep เล่นเก็งกำไร ก็ต้อง cut loss เป็น
เมื่อเรารอจนกระทั่งหุ้นมันลงมาถึงจุดทีเราซื้อได้
เราก็สามารถเข้าซื้อแล้วถือไปยาวๆ
เช่น pttep ถ้ามันลงมา 80 เราซื้อแล้วถือ โอกาสจะเจ๊งก็น้อยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1976
- ผู้ติดตาม: 0
ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
โพสต์ที่ 28
กลายเป็น vi เต็มตัวนั้นยากมาก สำหรับผม
ส่วนตัวผมมองหุ้นไกลเพียงแค่ หนึ่งปี
ยังมองไกลๆไม่เก่งพอ เพราะยังคิดว่าประเทศไทย
ภาพรวมยังไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่
ไงจะต้องระมัดระวังมาก เพื่อไม่ใช้คำว่า vi แทนคำว่าการติดหุ้นครับ
ส่วนตัวผมมองหุ้นไกลเพียงแค่ หนึ่งปี
ยังมองไกลๆไม่เก่งพอ เพราะยังคิดว่าประเทศไทย
ภาพรวมยังไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่
ไงจะต้องระมัดระวังมาก เพื่อไม่ใช้คำว่า vi แทนคำว่าการติดหุ้นครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1067
- ผู้ติดตาม: 0
ตกลง VI เป็นแบบไหนกันแน่ครับ
โพสต์ที่ 30
VI ในความนึกคิดของผมตอนนี้ ยังไม่มีรูปร่างที่ชัดเจนเลยครับพี่เจ๋ง
ผมเป็นคนเข้าใจอะไรง่าย แต่ว่าผมแปลงความเข้าใจมาใช้จริงได้ยาก
ถ้าไม่เกิดความเข้าใจแบบ Emotional Insight แบบว่ามีหลอดไฟปิ๊งบนหัว
หลักการและความเข้าใจนั้นจะอยู่ในความทรงจำและความประพฤติของผมเพียงชั่วคราวเท่านั้นครับ
ดังนั้นมุมมองที่ดีที่สุดต่อ VI ที่ผมพอจะมีในตอนนี้คือ
การพยายามมองว่าอะไรไม่ใช่ VI
เป็นความพยยามจะลบภาพเก่า ๆ
ภาพที่เคยมอง VI จากข้างยอกเข้ามา
ภาพที่เคยมองเปรียบเทียบกับวิธีการอื่น ๆ
โดยใช้วิธีการประเมินวิธีการอื่น ๆ นั้นมาประเมิน VI ด้วย
ซึ่งมันไม่ใช่......................
สิ่งแรกที่ผมคิดว่าไม่ใช่คือ
++ VI ไม่ได้เป็นชาวสวนเสมอไป ++
เมื่อราคาลงหนัก ๆ อย่างในเวลานี้ ไม่จำเป็นว่า VI จะซื้อเสมอไป
แต่ VI จะซื้อก็ต่อเมื่อ หุ้นตัวที่เขาคัดกรองมาแล้วนั้น
ลงมาสู่ราคาที่มี Margin of Safety ในระดับที่เขายอมรับได้
++ VI ไม่ได้มองแค่ Ratio ++
ข้อมูลเชิงปริมาณไม่ใช้สิ่งเดียวที่ควรจะต้องสนใจ
ข้อมูลเชิงคุณภาพก็ลืมไม่ได้เหมือนกัน และดูเหมือนข้อมูลเชิงคุณภาพนั้น
จะเป็นตัวกุมชะตาของการคัดเลือกกิจการ "ที่ดี" เอาไว้ด้วย
ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาถึง Durable Competitive Advantage
การพิจารณาถึงคุณภาพของผู้บริหารของกิจการ
และการใส่วิสัยทัศน์ส่วนตัวลงไปในการคัดเลือกกิจการด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดวิจารณ์ครับ :)
ผมเป็นคนเข้าใจอะไรง่าย แต่ว่าผมแปลงความเข้าใจมาใช้จริงได้ยาก
ถ้าไม่เกิดความเข้าใจแบบ Emotional Insight แบบว่ามีหลอดไฟปิ๊งบนหัว
หลักการและความเข้าใจนั้นจะอยู่ในความทรงจำและความประพฤติของผมเพียงชั่วคราวเท่านั้นครับ
ดังนั้นมุมมองที่ดีที่สุดต่อ VI ที่ผมพอจะมีในตอนนี้คือ
การพยายามมองว่าอะไรไม่ใช่ VI
เป็นความพยยามจะลบภาพเก่า ๆ
ภาพที่เคยมอง VI จากข้างยอกเข้ามา
ภาพที่เคยมองเปรียบเทียบกับวิธีการอื่น ๆ
โดยใช้วิธีการประเมินวิธีการอื่น ๆ นั้นมาประเมิน VI ด้วย
ซึ่งมันไม่ใช่......................
สิ่งแรกที่ผมคิดว่าไม่ใช่คือ
++ VI ไม่ได้เป็นชาวสวนเสมอไป ++
เมื่อราคาลงหนัก ๆ อย่างในเวลานี้ ไม่จำเป็นว่า VI จะซื้อเสมอไป
แต่ VI จะซื้อก็ต่อเมื่อ หุ้นตัวที่เขาคัดกรองมาแล้วนั้น
ลงมาสู่ราคาที่มี Margin of Safety ในระดับที่เขายอมรับได้
++ VI ไม่ได้มองแค่ Ratio ++
ข้อมูลเชิงปริมาณไม่ใช้สิ่งเดียวที่ควรจะต้องสนใจ
ข้อมูลเชิงคุณภาพก็ลืมไม่ได้เหมือนกัน และดูเหมือนข้อมูลเชิงคุณภาพนั้น
จะเป็นตัวกุมชะตาของการคัดเลือกกิจการ "ที่ดี" เอาไว้ด้วย
ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาถึง Durable Competitive Advantage
การพิจารณาถึงคุณภาพของผู้บริหารของกิจการ
และการใส่วิสัยทัศน์ส่วนตัวลงไปในการคัดเลือกกิจการด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดวิจารณ์ครับ :)