หุ้นไกลตัว / คนขายของ
- คนขายของ
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 792
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นไกลตัว / คนขายของ
โพสต์ที่ 1
หุ้นไกลตัว / โดย คนขายของ
หลักการลงทุนโดยการเลือกลงทุนใน “หุ้นใกล้ตัว” ซึ่งหมายถึงหุ้นที่เราคุ้นเคยกันดีในชีวิตประจำวันเช่น ร้านสะดวกซื้อ โรงพยาบาล ร้านอาหาร หรือ สินค้าอุปโภคบริโภค เป็นที่นิยมกันในหมู่นักลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ราคาหุ้นของกิจการใกล้ตัวเหล่านี้มีราคาพุ่งขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ปัจจุบันดูเหมือนว่าโอกาสจะทำกำไรในการลงทุนในหุ้นเหล่านี้คงจะมีไม่มาก ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า หุ้นของกิจการที่ไม่ได้เป็นที่คุ้นเคยกันในชีวิตประจำวัน จะมีโอกาสที่ตลาดจะให้ราคาสูงๆ แบบพวกหุ้นใกล้ตัวกันบ้างไหม? ประเด็นนี้ทำให้ผมลองค้นหากรณีศึกษาของตลาดหุ้นซึ่งมีประวัติยาวนานอย่างสหรัฐอเมริกาดูว่า โอกาสที่ ตลาดจะให้ผลตอบแทนสูงๆ กับหุ้นไกลตัวนั้น พอจะเป็นไปได้หรือไม่?
เชนร้านอาหารของอเมริกาล้วนเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ในลงทุน ไม่ว่าหุ้น McDonald’s หรือ หุ้น YUM ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์อย่าง Pizza Hut และ KFC หุ้นใกล้ตัวเหล่านี้ให้ผลตอบแทนประมาณสองร้อยกว่าเปอร์เซ็นต์ในรอบสิบปีที่ผ่านมา แต่มีกิจการหนึ่งอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของกิจการเหล่านี้ แต่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในหมู่นักลงทุน คือ บริษัท Middleby Corp (MIDD) ซึ่งเป็นกิจการผลิตและจำหน่ายเครื่องครัว พวกเครื่องอบพิซซ่า เครื่องทอดมันฝรั่ง เตาประกอบอาหารเป็นต้น เนื่องจาก MIDD อยู่ในกลุ่มอุตสากรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิต อาจทำให้นักลงทุนหลายคนดูแคลนว่า ไม่น่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่า กิจการร้านอาหารซึ่งเป็นกิจการซึ่งสร้างกระแสเงินสดได้สูง แต่ปรากฎว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หุ้นของ MIDD ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า MCD และ YUM ราว 4 เท่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
จากการศึกษากิจการของ MIDD พบว่าวงจรเงินสดอยู่ที่ราวๆ 110 วัน ในขณะที่ร้านอาหารของ YUM นั้นวงจรเงินสดติดลบถึง 60 วัน ถ้าดูในแง่นี้ดูเหมือนว่า YUM จะได้เปรียบมากกว่า แต่หากเรามาดูเรื่องการ แข่งขัน กลับพบว่า ธุรกิจเชนร้านอาหารนั้นมีการแข่งขันกันสูงมาก แต่ในธุรกิจเครื่องครัวสำหรับร้านอาหาร นั้น MIDD ดูเหมือนจะหาคู่แข่งที่ทัดเทียมกันยังไม่ได้ นอกจากนั้น MIDD ยังคงดำเนินนโยบายซื้อกิจการ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์ และแบรนด์ในพอร์ตฟอลิโออย่างต่อเนื่องในปี 2001 ในขณะที่ YUM มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 12.5% MIDD ทำได้ 7.8% แต่ผ่านมา 15 ปี ในปัจจุบัน ทั้งสองกิจการมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ใกล้เคียงกันคือ 16% และใน ช่วงเดียวกันรายได้ของ MIDD โตขึ้นมา 20 เท่า ในขณะที่ YUM ทำได้แค่ 2 เท่า เพราะในช่วงที่ผ่านมา เชนร้านอาหารมีการขยายสาขา กันอย่างมากและไม่ว่าแบรนด์ไหน ก็ล้วนแต่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของ MIDD รวมทั้ง YUM และ คู่แข่งต่างๆ ของ YUM ด้วย นวัตกรรมก็ดูเหมือนเป็นอีกเหตุหนึ่ง ซึ่งช่วยผลักดันให้ MIDD โตได้แบบก้าวกระโดด เมื่อไม่นานมานี้ทางบริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ซึ่งช่วยให้กิจการร้านอาหาร จัดการกับเศษอาหารที่ลูกค้าทานเหลือ โดยจะช่วยเปลี่ยนเศษอาหารให้กลายเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพ ซึ่งสามารถขายให้กับโรงไฟฟ้าชีวมวลได้ ซึ่งมีการเมินว่าในอเมริกาอาหารที่ถูกทิ้งหรือว่าเน่าเสียก่อนการบริโภคมีมูลค่า สูงถึง 165 พันล้านเหรียญในแต่ละปี ทำให้ธุรกิจนี้ของ MIDD น่าจะเติบโตได้อีกมากในอนาคต
นอกเหนือจากกรณีของ MIDD แล้ว ผมได้ลองศึกษาหุ้นในอเมริกาที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในรอบ 30 และ 10 ปีที่ผ่านมา และพบว่าหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในรอบ 30 ปีของอเมริกากลับเป็นหุ้นไกลตัวมาก เป็นกิจการที่ต้องมีความรู้เฉพาะทางทางด้าน Food Science ถึงจะเข้าใจในตัวผลิตภัณฑ์ แต่ถ้าใครศึกษาทางธุรกิจนี้มาอย่างดี และได้ลงทุนไว้เมื่อ 30 ปีที่แล้ว จากเงินลงทุน หนึ่งแสนบาทก็จะกลายมาเป็นร้อยล้านในปัจจุบัน ส่วนหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ก็ไม่ใช่หุ้น amazon.com หรือ Google หรือ Apple แต่อย่างใด กลับเป็นหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมยาเฉพาะทาง ซึ่งบริษัทมีผลิตภัณฑ์หลักอยู่แค่ตัวเดียว โดยราคาขึ้นมาถึง 65 เท่าในช่วง 10 ปี ผมได้มีโอกาสเข้าไปดู presentation ของบริษัท อ่านดูแล้วรู้สึกว่าแทบไม่เข้าใจอะไรเลย เหมือนเป็นการเลคเชอร์ความรู้ทางการแพทย์ที่ยากและซับซ้อน
ในปัจจุบัน เมื่อ “หุ้นใกล้ตัว” ดูเหมือนว่าราคาจะค่อนข้างแพงแล้ว โอกาสในการลงทุนก็อาจจะยังพอมีใน “หุ้นไกลตัว” อยู่บ้าง แต่ทั้งนี้นักลงทุนควรตระหนักว่า การทำความเข้าใจธุรกิจของหุ้นที่เราไม่มีความคุ้นเคยนั้นเป็นเรื่องที่ต้องทำการศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน กรณีศึกษาที่ยกมาข้างต้นนั้นเพื่อชี้ให้เห็นว่า โอกาสในการลงทุนนั้นมีอยู่ในหลายอุตสาหกรรม หลายธุรกิจ ไม่ได้จำกัดเฉพาะกิจการที่เรากินเราใช้ในประจำวันเท่านั้น หากนักลงทุนสามารถขยายขอบเขตของความรู้ความเข้าใจออกไปในหลากหลายอุตสาหกรรมได้เหมือนแม่ทัพผู้เชี่ยวชาญการศึก ผู้ซึ่งสามารถปรับกลยุทธ์ได้ในทุกรูปแบบการรบ ความสามารถในการทำกำไรจากตลาดหุ้นของเขา คงใกล้เคียงกับคำฝรั่งที่ว่า “Sky is the limit”
หลักการลงทุนโดยการเลือกลงทุนใน “หุ้นใกล้ตัว” ซึ่งหมายถึงหุ้นที่เราคุ้นเคยกันดีในชีวิตประจำวันเช่น ร้านสะดวกซื้อ โรงพยาบาล ร้านอาหาร หรือ สินค้าอุปโภคบริโภค เป็นที่นิยมกันในหมู่นักลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ราคาหุ้นของกิจการใกล้ตัวเหล่านี้มีราคาพุ่งขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ปัจจุบันดูเหมือนว่าโอกาสจะทำกำไรในการลงทุนในหุ้นเหล่านี้คงจะมีไม่มาก ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า หุ้นของกิจการที่ไม่ได้เป็นที่คุ้นเคยกันในชีวิตประจำวัน จะมีโอกาสที่ตลาดจะให้ราคาสูงๆ แบบพวกหุ้นใกล้ตัวกันบ้างไหม? ประเด็นนี้ทำให้ผมลองค้นหากรณีศึกษาของตลาดหุ้นซึ่งมีประวัติยาวนานอย่างสหรัฐอเมริกาดูว่า โอกาสที่ ตลาดจะให้ผลตอบแทนสูงๆ กับหุ้นไกลตัวนั้น พอจะเป็นไปได้หรือไม่?
เชนร้านอาหารของอเมริกาล้วนเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ในลงทุน ไม่ว่าหุ้น McDonald’s หรือ หุ้น YUM ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์อย่าง Pizza Hut และ KFC หุ้นใกล้ตัวเหล่านี้ให้ผลตอบแทนประมาณสองร้อยกว่าเปอร์เซ็นต์ในรอบสิบปีที่ผ่านมา แต่มีกิจการหนึ่งอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของกิจการเหล่านี้ แต่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในหมู่นักลงทุน คือ บริษัท Middleby Corp (MIDD) ซึ่งเป็นกิจการผลิตและจำหน่ายเครื่องครัว พวกเครื่องอบพิซซ่า เครื่องทอดมันฝรั่ง เตาประกอบอาหารเป็นต้น เนื่องจาก MIDD อยู่ในกลุ่มอุตสากรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิต อาจทำให้นักลงทุนหลายคนดูแคลนว่า ไม่น่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่า กิจการร้านอาหารซึ่งเป็นกิจการซึ่งสร้างกระแสเงินสดได้สูง แต่ปรากฎว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หุ้นของ MIDD ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า MCD และ YUM ราว 4 เท่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
จากการศึกษากิจการของ MIDD พบว่าวงจรเงินสดอยู่ที่ราวๆ 110 วัน ในขณะที่ร้านอาหารของ YUM นั้นวงจรเงินสดติดลบถึง 60 วัน ถ้าดูในแง่นี้ดูเหมือนว่า YUM จะได้เปรียบมากกว่า แต่หากเรามาดูเรื่องการ แข่งขัน กลับพบว่า ธุรกิจเชนร้านอาหารนั้นมีการแข่งขันกันสูงมาก แต่ในธุรกิจเครื่องครัวสำหรับร้านอาหาร นั้น MIDD ดูเหมือนจะหาคู่แข่งที่ทัดเทียมกันยังไม่ได้ นอกจากนั้น MIDD ยังคงดำเนินนโยบายซื้อกิจการ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์ และแบรนด์ในพอร์ตฟอลิโออย่างต่อเนื่องในปี 2001 ในขณะที่ YUM มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 12.5% MIDD ทำได้ 7.8% แต่ผ่านมา 15 ปี ในปัจจุบัน ทั้งสองกิจการมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ใกล้เคียงกันคือ 16% และใน ช่วงเดียวกันรายได้ของ MIDD โตขึ้นมา 20 เท่า ในขณะที่ YUM ทำได้แค่ 2 เท่า เพราะในช่วงที่ผ่านมา เชนร้านอาหารมีการขยายสาขา กันอย่างมากและไม่ว่าแบรนด์ไหน ก็ล้วนแต่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของ MIDD รวมทั้ง YUM และ คู่แข่งต่างๆ ของ YUM ด้วย นวัตกรรมก็ดูเหมือนเป็นอีกเหตุหนึ่ง ซึ่งช่วยผลักดันให้ MIDD โตได้แบบก้าวกระโดด เมื่อไม่นานมานี้ทางบริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ซึ่งช่วยให้กิจการร้านอาหาร จัดการกับเศษอาหารที่ลูกค้าทานเหลือ โดยจะช่วยเปลี่ยนเศษอาหารให้กลายเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพ ซึ่งสามารถขายให้กับโรงไฟฟ้าชีวมวลได้ ซึ่งมีการเมินว่าในอเมริกาอาหารที่ถูกทิ้งหรือว่าเน่าเสียก่อนการบริโภคมีมูลค่า สูงถึง 165 พันล้านเหรียญในแต่ละปี ทำให้ธุรกิจนี้ของ MIDD น่าจะเติบโตได้อีกมากในอนาคต
นอกเหนือจากกรณีของ MIDD แล้ว ผมได้ลองศึกษาหุ้นในอเมริกาที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในรอบ 30 และ 10 ปีที่ผ่านมา และพบว่าหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในรอบ 30 ปีของอเมริกากลับเป็นหุ้นไกลตัวมาก เป็นกิจการที่ต้องมีความรู้เฉพาะทางทางด้าน Food Science ถึงจะเข้าใจในตัวผลิตภัณฑ์ แต่ถ้าใครศึกษาทางธุรกิจนี้มาอย่างดี และได้ลงทุนไว้เมื่อ 30 ปีที่แล้ว จากเงินลงทุน หนึ่งแสนบาทก็จะกลายมาเป็นร้อยล้านในปัจจุบัน ส่วนหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ก็ไม่ใช่หุ้น amazon.com หรือ Google หรือ Apple แต่อย่างใด กลับเป็นหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมยาเฉพาะทาง ซึ่งบริษัทมีผลิตภัณฑ์หลักอยู่แค่ตัวเดียว โดยราคาขึ้นมาถึง 65 เท่าในช่วง 10 ปี ผมได้มีโอกาสเข้าไปดู presentation ของบริษัท อ่านดูแล้วรู้สึกว่าแทบไม่เข้าใจอะไรเลย เหมือนเป็นการเลคเชอร์ความรู้ทางการแพทย์ที่ยากและซับซ้อน
ในปัจจุบัน เมื่อ “หุ้นใกล้ตัว” ดูเหมือนว่าราคาจะค่อนข้างแพงแล้ว โอกาสในการลงทุนก็อาจจะยังพอมีใน “หุ้นไกลตัว” อยู่บ้าง แต่ทั้งนี้นักลงทุนควรตระหนักว่า การทำความเข้าใจธุรกิจของหุ้นที่เราไม่มีความคุ้นเคยนั้นเป็นเรื่องที่ต้องทำการศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน กรณีศึกษาที่ยกมาข้างต้นนั้นเพื่อชี้ให้เห็นว่า โอกาสในการลงทุนนั้นมีอยู่ในหลายอุตสาหกรรม หลายธุรกิจ ไม่ได้จำกัดเฉพาะกิจการที่เรากินเราใช้ในประจำวันเท่านั้น หากนักลงทุนสามารถขยายขอบเขตของความรู้ความเข้าใจออกไปในหลากหลายอุตสาหกรรมได้เหมือนแม่ทัพผู้เชี่ยวชาญการศึก ผู้ซึ่งสามารถปรับกลยุทธ์ได้ในทุกรูปแบบการรบ ความสามารถในการทำกำไรจากตลาดหุ้นของเขา คงใกล้เคียงกับคำฝรั่งที่ว่า “Sky is the limit”
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นไกลตัว / คนขายของ
โพสต์ที่ 4
ขอบคุณพี่ชายมากๆครับ ตามอ่านในหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจนะคร้าบ ^^
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 289
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นไกลตัว / คนขายของ
โพสต์ที่ 5
ยอมรับเลยว่าคุณชายและ vi เก่งๆหลายท่านมีภาระรับผิดชอบหลายอย่างและคุณชายต้องสละเวลาทำงานช่วยสมาคมอีกด้วย ยังมีเวลาบริหารพอร์ตให้เติบโตและมีเวลาศึกษาหาความรู้หลายอย่างเพิ่มเติม แสดงว่าต้องมีการบริหารจัดการเวลาชั้นเยี่ยม ถ้ามีโอกาศช่วยเขียนแนะนำในเรื่องนี้จะขอบพระคุณมากเลยครับ