พวกเราอยู่กลุ่มไหน
-
- Verified User
- โพสต์: 897
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 181
สวัสดีครับลุงขวด... ไม่ทราบว่าลุงขวดยังถือAOTอยู่มั้ยครับ การท่องเที่ยวของผู้คนถือว่าเป็นmegatrendอย่างหนึ่งทำให้ที่ผ่านมาAOTก็โตมามากแล้วพอสมควร ลุงขวดคิดว่าแนวโน้มAOTยังสามารถที่จะโตต่อไปจากนี้ได้อีกมากมั้ยครับ...ขอบคุณลุงขวดมากครับ
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2448
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 182
ผมถือว่าเป็นหุ้นดีนะครับ เพราะไม่ใช่ว่ามีรายได้จากการขึ้นลงของสนามบิน ยังได้ส่วนแบ่งจากร้านค้าที่มาเช่าอยู่ แถมยังได้ เปอร์เซ็นต์จากการขายสินค้าด้วย ไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่ามาติดอันดับโลก อาหารของไทยนับว่าถูกมากทีเดียว ผมยังถืออยู่ครับ และสนามบินก็ประกาศขยายไปอีก เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว และเที่ยวบินที่จะเพิ่มอีก ผลตอบแทนของปันผลถึงแม้จะอยู่ต่ำมาก แต่อนาคตน่าจะได้กำไรจากราคาหุ้น ยิ่งตอนนี้ประกาศแต่พาร์ ทำให้หุ้นจากเกือบสี่ร้อยบาท มาเป็นเกือบสี่สิบบาท ก็จะมีแกว่งของราคามากขึ้น.....เป็นหุ้นที่ผมชอบครับ แต่มีไม่มากนะ เพราะผมชอบหุ้นที่ปันผลสูงมากกว่า อยู่ด้วยปันผลส่วนใหญ่.... ไม่ได้อยู่ด้วยการเก็งกำไรของราคาหุ้น ครับ โชคดีในการลงทุนนะครับ
หุ้นจะขึ้นหรือลง อยู่ที่ผลประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถของผู้บริหารกับ ธรรมาภิบาล.........ใหญ่ในเล็กย่อม ดีกว่าเล็กในใหญ่
-
- Verified User
- โพสต์: 473
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 183
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2448
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 184
ผม post ในห้อง เฉพาะ สมาชิกแล้วนะครับ ดังนี้.-
เห็นด้วยอย่างยิ่ง ถ้าทำธุรกิจรถเช่า น่าจะดีมากทีเดียว คนรุ่นใหม่สอนให้ผมรู้ว่าเวลาเขาเที่ยว เขามักจะนั่งเครื่องบินไปแล้วไปหารถเช่าที่สนามบิน และ คืนรถเช่าตอนขากลับ ... งานนี้ได้ความรู้จากลูกที่พาผมไปเที่ยว หลังสุดไปเที่ยวขอนแก่น ที่สนามบินขอนแก่นมีบูธรถเช่าหลายเจ้าเหมือนกัน แต่ลูกใช้บริการของ Avis นับว่าสุดยอดเหมือนกัน ราคาสู้กันได้ รถก็ใหม่ด้วย ใช้พันกว่ากิโลเอง ใช้แล้วติดใจเลยครับ งานนี้สนับสนุนเต็มที่ถึงแม้จะมีคู่แข่งในธุรกิจนี้มากพอควร
เห็นด้วยอย่างยิ่ง ถ้าทำธุรกิจรถเช่า น่าจะดีมากทีเดียว คนรุ่นใหม่สอนให้ผมรู้ว่าเวลาเขาเที่ยว เขามักจะนั่งเครื่องบินไปแล้วไปหารถเช่าที่สนามบิน และ คืนรถเช่าตอนขากลับ ... งานนี้ได้ความรู้จากลูกที่พาผมไปเที่ยว หลังสุดไปเที่ยวขอนแก่น ที่สนามบินขอนแก่นมีบูธรถเช่าหลายเจ้าเหมือนกัน แต่ลูกใช้บริการของ Avis นับว่าสุดยอดเหมือนกัน ราคาสู้กันได้ รถก็ใหม่ด้วย ใช้พันกว่ากิโลเอง ใช้แล้วติดใจเลยครับ งานนี้สนับสนุนเต็มที่ถึงแม้จะมีคู่แข่งในธุรกิจนี้มากพอควร
หุ้นจะขึ้นหรือลง อยู่ที่ผลประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถของผู้บริหารกับ ธรรมาภิบาล.........ใหญ่ในเล็กย่อม ดีกว่าเล็กในใหญ่
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2448
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 185
ปีนี้ 2559 ดัชนีตลาดเพิ่มขึ้นเกือบ 20% แต่ผลตอบแทนของผมแพ้ตลาดมากพอควร ผมได้ผลตอบแทนเพียง 11.35% เท่านั้นเอง ... สงสัยต้องปรับกลยุทธใหม่เสียแล้ว ผมไปเน้นหุ้นปันผลสูง ส่วนการเติบโตไม่เด่นชัดเท่าไหร่ แต่มีความปลอดภัยสูง ปีใหม่นี้จะเปลี่ยนกลยุทธไปหาหุ้นปันผลระดับ 3% แต่มีการเติบโตที่เด่นชัดกว่า จะคอยดูซิว่าปีใหม่นี้จะเป็นอย่างไร แต่ผมสนุกกับการลงทุน และ ลดความเครียดไปมากไม่กังวลกับหุ้นที่ถือ ไม่ได้เล่นเร็ว ส่วนใหญ่จะถือยาว ปีใหม่สงสัยจะต้องลงทุนเร็วและเสี่ยงกับหุ้นมากหน่อย ปีใหม่ผมคาดว่าจะลำบากกว่าปี 2559 อีก ต้องระวังตัวด้วยเพราะเศรษฐโลกไม่โตแบบที่คิด ดีนะที่เงินสำรองของประเทศไทยมีมาก เลยไม่ค่อยเกิดปัญหาเท่าไหร่ ...สู้กันต่อไปนะครับ ขอให้โชคดีในการลงทุนด้วยครับ
หุ้นจะขึ้นหรือลง อยู่ที่ผลประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถของผู้บริหารกับ ธรรมาภิบาล.........ใหญ่ในเล็กย่อม ดีกว่าเล็กในใหญ่
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 352
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 186
ปี2559 เป็นปีที่นักลงทุนจะให้ราคากับบริษัทที่เติบโตเร็ว หรือเพียงแค่เชื่อกันว่าจะเติบโตดี รวมถึงหุ้นที่อยู่ในลักษณะเดียวกัน โดยซื้อขายกันที่ PE สูงๆ ในขณะที่บริษัทที่ ถึงแม้จะมั่นคง แต่เติบโตช้าลง หรือชะลอลง ความสนในก็จะน้อย PE ก็ค่อนข้างต่ำ ก็ทำให้นักลงทุนที่ใช้กลยุทธ์ แนวตั้งรับ หรือปลอดภัยไว้ก่อน ผลตอบแทนปีที่แล้วก็จะไม่ค่อยดี รวมทั้งตัวผมด้วย ส่วนปีนี้ผมก็ยังลังเล มุมนึงก็เห็นการฟื้นตัวของ เศรษฐกิจโลก ของสินค้า commodity หรือการส่งออกที่เริ่มดูดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกันถ้าย้อนดู ปี 2559 ซึ่งเป็นปีที่มีแต่ความผันผวน และความคาดหวังต่ำ แต่ดัชนีกลับขึ้นไป อันดับต้นๆของโลก ดังนั้น SET ปี 2560 อาจไม่ไปไหนก็ได้ เพราะขึ้นไปก่อนตลาดอื่นแล้ว
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2448
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 187
ปีใหม่แล้วนะครับ ปีใหม่ก็คือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงของวันที่ เวลาที่ผ่านไป เตือนให้เรารู้ว่า เราได้มีโอกาสมีชีวิตอีก 1 ปีแล้ว จริง ๆ แล้ว มันก็เหมือนกันทุก ๆ วันนั่นแหละ 1 วันมี 24 ชั่วโมง เพียงแต่บอกให้เราได้คิดถึงอดีตที่ผ่านมา 1 ปี เป็นอย่างไรบ้าง สิ่งที่พบเห็นสิ่งที่ผิดพลาด สิ่งที่ถูกต้อง ได้กลายเป็นอดีตไปอีกปีหนึ่ง ผมเชื่อและนับถือคำสอนครูบาอาจารย์ทางศนา สอนให้เราอยู่กับปัจจุบัน คือ อยู่กับเวลานี้ วันนี้ อย่าไปกังวลหรือคิดมากกับอดีตที่มันไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้แล้ว ถ้าเราทำปัจจุบันให้ดีมีประโยชน์ที่สุด มันก็จะกลายเป็นอดีตที่ดีและมีประโยชน์ ในขณะเดียวกับก็อย่าไปคิดมาก คิดยาวกับอนาคตที่ยังไม่่ถึง เพราะเราไม่รู้ว่า เราจะมีอายุถึงอนาคตที่ได้วางแผนไว้หรือเปล่า ปล่อยมันไป อยู่กับปัจจุบันและทำปัจจุบันให้ดีที่สุดก็เพียงพอกับการดำรงชีวิตได้แล้ว
ในวาระปีใหม่นี้ก็่ขอให้เพื่อน ๆ ที่เกิดมาร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ประสบแต่สิ่งดี ดี มีสุขภาพแข็งแรง คิดสมหวังในสิ่งที่ปรารถนา ความพยายามทำในสิ่งที่ปรารถนา วันหนึ่งเราก็จะได้สิ่งที่ต้องการ โชคดีในการลงทุนด้วยครับ ถ้าเป็นผู้ที่อยู่ลงทุนให้เงินทำงาน นะครับ
ในวาระปีใหม่นี้ก็่ขอให้เพื่อน ๆ ที่เกิดมาร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ประสบแต่สิ่งดี ดี มีสุขภาพแข็งแรง คิดสมหวังในสิ่งที่ปรารถนา ความพยายามทำในสิ่งที่ปรารถนา วันหนึ่งเราก็จะได้สิ่งที่ต้องการ โชคดีในการลงทุนด้วยครับ ถ้าเป็นผู้ที่อยู่ลงทุนให้เงินทำงาน นะครับ
หุ้นจะขึ้นหรือลง อยู่ที่ผลประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถของผู้บริหารกับ ธรรมาภิบาล.........ใหญ่ในเล็กย่อม ดีกว่าเล็กในใหญ่
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2448
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 188
เริ่มทำงานในสิ่งที่รักและสนุกคือการลงทุน เมื่อวาน 4/1/2560. เริ่มงานวันแรกของปีใหม่ก็มีโอกาสไปประชุมวิสามัญหุ้น DSGT ผลิตผ้าอ้อม ผ้าดูดความชื้นรองนอนสำหรับคนสูงวัย ผมไปในฐานะผู้รับมอบอำนาจ คนใกล้ตัวถืออยู่ ส่วนของผมขายไปนานแล้ว หลายปีก่อน ตอนไปประชุมนานมากแล้วพบว่ามีการซื้อ ห้องคอนโด ที่ St.Regis ในราคาแพงมาก เห็นการใช้เงินแบบนั้นแล้ว ขอหนีดีกว่า ....ในการประชุมเมื่อวานเป็นการขอ ซื้อหุ้นคืนจากรายย่อย โดยการเสนอของผู้ถือหุ้นใหญ่ และขอออกจากตลาดหลักทรัพย์ ในการประชุมบรรยากาศตรึงเครียดพอควร ผู้ถือหุ้นโจมตีบริษัทที่ขอออกจากตลาด โดยสรุป มีการสงสัยว่า ผู้ถือหุ้นอันดับ 2 คือ North Haven Private Equity Asia Angel Co.Ltd. มีการเกี่ยวโยงกับเจ้าของหรือ DSGT หรือเปล่า (DSGIนั่นเอง)....ทำไมเวลาต้องการเงินก็มาระดมทุน ดูแล้วที่ราคา 3.20 บาท เมื่อสิบปีก่อน แต่ตอนนี้ธุรกิจตกลงเรื่อย ๆ งวด 9 เดือนมีกำไรเพียง 48 ล้านบาท อาจปิดปีนี้ด้วยตัวเลขที่แย่ลง ....พอกิจการแย่ลงก็จะขอซื้อคืนในราคา 5 บาท และขอออกจากตลาด.....มันมีอะไรหรือ ???? ในที่ประชุมบางคนติดหุ้นราคาเกินกว่า 5 บาท แต่ดูแล้ว เคยไปถึงเกือบ 10 บาท พวกที่ปรึกษาการเงินก็บอกราคาที่ 5 บาทเป็นราคาสูงควรขายคืนให้เขา มีจุดหนึ่งที่ผมเห็นว่าแปลก คือ ทรัพย์สินที่มาเลเซียมีการประเมินว่าต่ำกว่าที่ลงบัญชีไปจำได้ว่าหลายร้อยล้านบาท (อันนี้ซื้อมาแพงหรือไง ปกติส่วนนี้น่าจะกำไรนะ) มีผู้ถือหุ้นถามเหมือนกันแต่ทางบริษัทฯ ตอบว่า เอาราคาประเมินจากผู้ประเมินต่างประเทศ มันยุ่งเหยิงพอควรนะครับ ....โดยสรุป ผมว่าผู้ถือหุ้นก็คงต้องขายให้เขาไปที่ราคา 5 บาท
ส่วนใครจะถือต่อและดูจนจบก็ต้องไปลุยกันเอง ถึงแม้จะคงเป็นบริษัทมหาชนในประเทศไทยอยู่ มีการเรียกประชุมต่อไปแต่จะไปทำอะไรได้ งานนี้ กลต.ควรจะคิดหนัก เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อยที่แท้จริง ที่สุดก็คงทำอะไรไม่ได้ นี่แหละหนอ การลงทุนถ้าลงทุนกับเจ้าของที่มีธรรมาภิบาล ก็ สบายใจได้ ผมเลยเอารายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ให้ดู ดูซิครับว่าเขาจดทะเบียนที่ไหนกัน ...หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน และ หมู่เกาะเคย์แมน....นี่พวกระดับเอาเงินทำงานระดับโลกเลยนะครับ มันใหญ่เกินกว่าที่ผมจะเข้าใจครับ
ส่วนใครจะถือต่อและดูจนจบก็ต้องไปลุยกันเอง ถึงแม้จะคงเป็นบริษัทมหาชนในประเทศไทยอยู่ มีการเรียกประชุมต่อไปแต่จะไปทำอะไรได้ งานนี้ กลต.ควรจะคิดหนัก เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อยที่แท้จริง ที่สุดก็คงทำอะไรไม่ได้ นี่แหละหนอ การลงทุนถ้าลงทุนกับเจ้าของที่มีธรรมาภิบาล ก็ สบายใจได้ ผมเลยเอารายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ให้ดู ดูซิครับว่าเขาจดทะเบียนที่ไหนกัน ...หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน และ หมู่เกาะเคย์แมน....นี่พวกระดับเอาเงินทำงานระดับโลกเลยนะครับ มันใหญ่เกินกว่าที่ผมจะเข้าใจครับ
หุ้นจะขึ้นหรือลง อยู่ที่ผลประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถของผู้บริหารกับ ธรรมาภิบาล.........ใหญ่ในเล็กย่อม ดีกว่าเล็กในใหญ่
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 676
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 189
สไตล์การลงทุนเปลี่ยนไปตามวัยครับ สำหรับผมตอนนี้เป็นแนวลุงขวดชัดเจนมาก(ชัดมาหลายปีแล้ว แต่ยังไม่แก่นนะครับ) แต่ผมยังขีี้เกียจหาหุ้นแบบตีแตก Full time เพราะงานประจำเยอะ เหนื่อยมาก(ข้ออ้างแถแก้ตัวของผม 555)
ปี 2560 ก็เป็นปีที่ 13 ที่ลงทุนในตลาดหุ้น และเป็นสมาชิกปีที่ 13 เช่นกัน รู้จัก web นี้ตั้งแต่ก่อตั้งใหม่ๆ พ.ศ 2546 มาแอบอ่านเป็นแขกเป็นระยะ
Q : ผมอยู่กลุ่มไหน
A : ผมเป็นกลุ่มลอกครับ "ลอกการบ้าน"
ลอกพี่ Jeng ลุงขวด เฮียคลายเครียด พี่ Miracle คุณโจลูกอิสาน คุณชายคนขายของ พี่ nevercry คุณ off-shore engineer คุณ luty97 คุณดำ พี่วิบูลย์ คุณมน และนักลงทุนหลายท่านอื่นๆ อีกมากมาย(ขออนุญาตที่กล่าวชื่อ เพราะผมนับถือจากใจจริง)
การลอกเป็นวิธีลัด แต่ต้องลอกอย่างมีสติปัญญา ลอกแบบมีอารยะ คือต้องระลึกว่าต้นทุน จังหวะการซื้อ เหตุการณ์ประกอบการตัดสินใจในแต่ละช่วงเวลาไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์ประกอบความรู้ และความมั่นคงทางใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เป็นตัวชี้วัดในนักลงทุนแต่ละท่านว่าจะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด สำหรับผมถือว่าประสบความสำเร็จในระดับนึงเมืื่อเทียบกับ Effort ของตัวเองครับ
สำหรับปีที่ผ่านมา 2559 ผลตอบแทนส่วนตัวไม่ดีมากนัก ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมประหลาดใจอีกครั้ง คือถ้าปีไหนตลาดบวกแรงบวกดี ปีนั้นผมจะไม่ดีเลย เช่นทรงทรง หรือบวกน้อยมาก แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าปีไหนตลาดดูทรงๆอืดๆ หรือติดลบ ปีนั้นผมจะบวกดีหรือติดลบน้อยกว่าตลาดมาก ส่วนภาพย่อยของปี 59 ผมเห็นด้วยกับคุณ lukton2000 ครับ
ในวาระดิถีปีใหม่ ปีระกา ขอให้นักลงทุนทุกท่านมีความสุข มีความเจริญในด้านดีๆ พอร์ตสีเขียวปี๋
สวัสดีปีใหม่ครับ
ปี 2560 ก็เป็นปีที่ 13 ที่ลงทุนในตลาดหุ้น และเป็นสมาชิกปีที่ 13 เช่นกัน รู้จัก web นี้ตั้งแต่ก่อตั้งใหม่ๆ พ.ศ 2546 มาแอบอ่านเป็นแขกเป็นระยะ
Q : ผมอยู่กลุ่มไหน
A : ผมเป็นกลุ่มลอกครับ "ลอกการบ้าน"
ลอกพี่ Jeng ลุงขวด เฮียคลายเครียด พี่ Miracle คุณโจลูกอิสาน คุณชายคนขายของ พี่ nevercry คุณ off-shore engineer คุณ luty97 คุณดำ พี่วิบูลย์ คุณมน และนักลงทุนหลายท่านอื่นๆ อีกมากมาย(ขออนุญาตที่กล่าวชื่อ เพราะผมนับถือจากใจจริง)
การลอกเป็นวิธีลัด แต่ต้องลอกอย่างมีสติปัญญา ลอกแบบมีอารยะ คือต้องระลึกว่าต้นทุน จังหวะการซื้อ เหตุการณ์ประกอบการตัดสินใจในแต่ละช่วงเวลาไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์ประกอบความรู้ และความมั่นคงทางใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เป็นตัวชี้วัดในนักลงทุนแต่ละท่านว่าจะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด สำหรับผมถือว่าประสบความสำเร็จในระดับนึงเมืื่อเทียบกับ Effort ของตัวเองครับ
สำหรับปีที่ผ่านมา 2559 ผลตอบแทนส่วนตัวไม่ดีมากนัก ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมประหลาดใจอีกครั้ง คือถ้าปีไหนตลาดบวกแรงบวกดี ปีนั้นผมจะไม่ดีเลย เช่นทรงทรง หรือบวกน้อยมาก แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าปีไหนตลาดดูทรงๆอืดๆ หรือติดลบ ปีนั้นผมจะบวกดีหรือติดลบน้อยกว่าตลาดมาก ส่วนภาพย่อยของปี 59 ผมเห็นด้วยกับคุณ lukton2000 ครับ
ในวาระดิถีปีใหม่ ปีระกา ขอให้นักลงทุนทุกท่านมีความสุข มีความเจริญในด้านดีๆ พอร์ตสีเขียวปี๋
สวัสดีปีใหม่ครับ
สติปัฎฐาน 4
กาย เวทนา จิต ธรรม
กาย เวทนา จิต ธรรม
-
- Verified User
- โพสต์: 897
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 190
สว้สดีครับลุงขวด ไม่ทราบว่าลุงขวดมองหุ้นTR ยังไงบ้างครับ ในอนาคตยังสามารถที่จะเติบโตต่อไปได้อีกมากมั้ยครับ มีข่าวจะมีชาวบ้านรวมตัวประท้วงกันในเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อมเป็นมลพิษจากโรงงาน แล้วอย่างนี้TRโจะโตต่อได้ไงครับ ...ขอบคุณครับ
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2448
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 191
เป็นหุ้นที่ผมติดตามมาหลายปีทีเดียว มีปีหนึ่งกำไรสูงพอควร ผมและเพื่อนที่ลงทุนในหุ้นต่างก็ขอให้เพิ่มปันผลในระดับสูงหน่อย เขาก็ไม่สนใจเท่าไหร่ ที่สุดก็ปันผลในระดับที่เขาต้องการ นี่แหละครับ การลงทุนในหุ้นต้องระวังเจ้าของ และในกลุ่มแขกนี้ เริ่มมีกลิ่นไม่ค่อยดีเกี่ยวกับการให้กู้ยืนในกลุ่มเดียวกัน ผมเลยตัดสินใจเลิกคบ มีกับเขาไว้ไม่มากเพื่อติดตาม ลงมาต่ำ ๆ ก็ ซื้อ ขึ้นมากำไรพอควรก็ขาย ไม่สนใจจะถือยาวหรือถือมากครับ กลัวในเรื่องธรรมาภิบาลของกลุ่มของเขา หุ้นถูกมากครับ ถ้าซื้อทั้งบริษัทได้ ก็มีกำไรแน่นอน เรื่องประท้วงก็เกิดประจำแหละ จริง ๆ แล้ว กลุ่มสิ่งทอ น่าจะไปอยู่ใกล้ทะเลแถว บางปู มากกว่า หรือจัดระบบให้ไม่มีผลกับสิ่งแวดล้อมก็จะเป็นการดี ผมคิดของผมแบบนี้นะครับkur2519 เขียน:สว้สดีครับลุงขวด ไม่ทราบว่าลุงขวดมองหุ้นTR ยังไงบ้างครับ ในอนาคตยังสามารถที่จะเติบโตต่อไปได้อีกมากมั้ยครับ มีข่าวจะมีชาวบ้านรวมตัวประท้วงกันในเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อมเป็นมลพิษจากโรงงาน แล้วอย่างนี้TRโจะโตต่อได้ไงครับ ...ขอบคุณครับ
หุ้นจะขึ้นหรือลง อยู่ที่ผลประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถของผู้บริหารกับ ธรรมาภิบาล.........ใหญ่ในเล็กย่อม ดีกว่าเล็กในใหญ่
-
- Verified User
- โพสต์: 897
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 192
มาupกระทู้ครับ...สวัสดีครับลุงขวด ลุงขวดพอจะทราบมั้ยครับว่า แนวโน้มที่TNH จะเริ่มตอกเสาเข็มอาคารใหม่จะเกิดขึ้นภายในปีนี้หรือเปล่าครับแล่ะถ้าTNHเริมสร้างอาคารใหม่จริง ลุงขวดคิดว่าเงินที่ใช้จะมาจากแหล่งใหนได้บ้างครับ ขอบคุณครับ
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2448
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 193
ผมไม่ได้ตามรายละเอียด หุ้น tnh หลังจากประชุมหลังสุด AGM เมื่อปีที่แล้ว ผมคิดว่าเป็น รพ ที่ดีครับ มี pe ต่ำสุดในกลุ่ม มีการบริหารมืออาชีพ เรื่องสร้าง รพ ข้าง ๆ บนที่ดินของตนเอง คงสร้างแน่ เห็นว่าระดับ 14 ชัี้น คงเริ่มเมื่อเห็นความต้องการใช้เตียงเริ่มขาดแคลน งบประมาณก็แถว 1500 ล้าน คงจะเอาเงินจากเงินบริษัทที่สะสมไว้ และจะได้แต่ละดี แต่ก็ไม่พอ ถ้าเขาไม่รบกวนผู้ถือหุ้นก็คงกู้จากธนาคาร แต่ผมคิดว่า น่าจะมีการเพิ่มทุน แต่เท่าที่ฟังเจ้าของก็พูดว่า จะให้ประโยชน์ผู้ถือหุ้นมากที่สุด ผลออกมาเป็นอย่างไรก็ยังไม่ทราบครับ ผมถือยาวสำหรับหุ้นตัวนี้ เพราะเชื่อว่าผู้บริหารดี และมีคณะแพทย์พยาบาลที่เก่ง สามารถเอาคนเก่งและเครื่องมือทันสมัยมาใช้ได้ ผมก็ตามอยู่ครับ ในการประชุมคราวหน้าคงได้รายละเอียดมากกว่านี้ ขอบคุณที่ update หัวข้อนี้ขึ้นมาkur2519 เขียน:มาupกระทู้ครับ...สวัสดีครับลุงขวด ลุงขวดพอจะทราบมั้ยครับว่า แนวโน้มที่TNH จะเริ่มตอกเสาเข็มอาคารใหม่จะเกิดขึ้นภายในปีนี้หรือเปล่าครับแล่ะถ้าTNHเริมสร้างอาคารใหม่จริง ลุงขวดคิดว่าเงินที่ใช้จะมาจากแหล่งใหนได้บ้างครับ ขอบคุณครับ
การลงทุนต้องระวังตลาดได้ขึ้นมาสูงแล้ว ปีนี้น่าจะปรับตัว sideway สักพัก อาจจะเป็น sideway down แต่ปีหน้าผมคิดว่าตลาดต้องลงในที่สุดครับ เศรษฐกิจมหาภาค บอก เศรษฐกิจมีวงจรของมัน รอบละประมาณ 10 ปี นี่ก็ครบแล้ว น่าจะเริ่มถดถอยได้แล้ว แต่ผมก็ลงทุนเต็มรูปแบบ ไม่มีเงินเหลือในตราสารหนี้หรือธนาคารสักเท่าไหร่ ลงทุนส่วนใหญ่ในหุ้นเล็กและกลาง ที่ไม่มีฝรั่งหรือสถาบันมาถือ ก็เชื่อในเจ้าของที่ดีมีธรรมาภิบาล ค่อย ๆ โตไปกับเขานั่นเอง
ชีวิตตอนสูงวัยก็รักษาสุขภาพ เที่ยวไป คบกันเพื่อนที่เข้าใจกัน หาความรู้ในเรื่องหุ้นไปเรื่อย ๆ เพื่อให้สมองจะได้ทำงาน อยู่กับความพอเพียง พยายามรักษาร่างกายที่คอยเสื่อมลงทุกวัน สุขกับสิ่งที่ดีก็พอใจแล้วครับ ขอให้เพื่อน ๆ โชคดีในการลงทุนนะครับ
หุ้นจะขึ้นหรือลง อยู่ที่ผลประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถของผู้บริหารกับ ธรรมาภิบาล.........ใหญ่ในเล็กย่อม ดีกว่าเล็กในใหญ่
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2448
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 194
ครึ่งปีของปี 2560 แล้ว มาดูผลของการลงทุนของผมจะพบว่า การซื้อขายหุ้นได้กำไร 6.61% ส่วนปันผลรับได้ 3.04% รวมครึ่งปีได้ 9.65% นับว่าพอใจในระดับหนึ่ง ปีที่่แล้วทั้งปีได้ 11.35% (ซื้อขาย6.35+ปันผล5.00).....คิดว่าปีนี้น่าจะทำได้สูงกว่าปีที่แล้ว ในขณะที่ดัชนีต้นปี 1542.94 จุดปิดกลางปี 1574.74จุด เพิ่มขึ้น 2.06%......แต่หุ้นที่ผมลงทุนโดยรวมแล้ว ปรากฏว่ามีมูลค่าลดลง 12.35% ยังแพ้ตลาดอยู่ สาเหตุส่วนใหญ่แล้วเกิดจากราคาหุ้นตัวเล็กตัวกลาง ลดลงเมื่อเทียบกับต้นปี.......หุ้นตัวใหญ่ ๆ ใน set 50 ไม่ลดลงเท่าไหร่....ฉะนั้นผมเลยต้องปรับตนเองในการลงทุนเพื่อให้ชนะตลาดให้ได้ โดยหันไปศึกษาหุ้นใหญ่ ๆ ใน SET 50 มากขึ้น......ช่วงนี้ดัชนีแกว่งตัวด้านข้าง ดูเหมือนกับพยุงดัชนีเอาไว้ โดยการดึงราคาหุ้นที่มี market cap ที่สูง ๆ สลับกันไป ผมไม่กล้าลงทุนในหุ้นใหญ่เหล่านั้นเพราะเห็นราคาสูงเป็นส่วนใหญ่ จึงต้องคัดหุ้นที่คิดว่าราคายังถูกและลงทุนยาวไปกับเขาได้......เนื่องจาก มีอายุมากแล้วก็ต้องพึ่งเงินปันผลในอนาคตก็เลยหาหุ้นที่ให้อัตราส่วนปันผลสูงระดับสูงกว่า 5% (ค่าเฉลี่ยตลาดอยู่แถว 3%) จึงมีการเปลี่ยนแปลงหุ้นที่ลงทุนไปบ้าง แต่อันดับ 1 ที่ลงทุนมากที่สุด ก็คงถือไปอีกหลายปี เพราะเข้าใจกิจการและเชื่อในผู้บริหารและเจ้าของ เป็นอย่างดี แถมปีนี้อยู่ในหุ้น ESG 100 ได้ (Environment Social Governace) ยอดเยี่ยมใน ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ
ธรรมภิบาล.........ส่วนอันดับ 2 ที่ขึ้นมาใหม่ที่ผมลงทุนสะสมเพิ่มขึ้นมาพึ่งจะปีนี้เอง คือหุ้น โลกสีเขียว ที่ได้เคยบอกมาแล้ว เพราะไปประชุมใหญ่เห็นหลายอย่างในคณะผู้บริหาร และความจริงใจที่จะทำกิจการให้เติบโตไปเรื่อย ๆ พร้อมกับช่วยสังคมให้ดีขึ้น......การลงทุนต้องศึกษาและอย่าท้อแท้ เลือกกิจการที่ดี ถือยาวเสมือนกับเป็นเจ้าของ ภูมิใจกับธรรมภิบาลของเขา และ การช่วยเหลือสังคม ถึงแม้ผมจะไม่มีโอกาสช่วยเหลือสังคมเท่าไหร่ แต่ก็ได้ทางอ้อมเมื่อเห็นธุรกิจที่เราไปถือหุ้นได้รับผิดชอบช่วยเหลือสังคมไปด้วย...นี่แหละครับคือสุขกับการลงทุน
ธรรมภิบาล.........ส่วนอันดับ 2 ที่ขึ้นมาใหม่ที่ผมลงทุนสะสมเพิ่มขึ้นมาพึ่งจะปีนี้เอง คือหุ้น โลกสีเขียว ที่ได้เคยบอกมาแล้ว เพราะไปประชุมใหญ่เห็นหลายอย่างในคณะผู้บริหาร และความจริงใจที่จะทำกิจการให้เติบโตไปเรื่อย ๆ พร้อมกับช่วยสังคมให้ดีขึ้น......การลงทุนต้องศึกษาและอย่าท้อแท้ เลือกกิจการที่ดี ถือยาวเสมือนกับเป็นเจ้าของ ภูมิใจกับธรรมภิบาลของเขา และ การช่วยเหลือสังคม ถึงแม้ผมจะไม่มีโอกาสช่วยเหลือสังคมเท่าไหร่ แต่ก็ได้ทางอ้อมเมื่อเห็นธุรกิจที่เราไปถือหุ้นได้รับผิดชอบช่วยเหลือสังคมไปด้วย...นี่แหละครับคือสุขกับการลงทุน
หุ้นจะขึ้นหรือลง อยู่ที่ผลประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถของผู้บริหารกับ ธรรมาภิบาล.........ใหญ่ในเล็กย่อม ดีกว่าเล็กในใหญ่
-
- Verified User
- โพสต์: 54
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 196
เรียนคุณลุงขวด ผมสนใจจะลงทุนในกองทุนอสังหาฯ แต่ไม่เข้าใจเรื่องการคืนทุน รบกวนช่วยอธิบาย ผลตอบแทนการลงทุนและการคืนทุน ของกองทุนอสังหาฯ แบบLeasehold ให้หน่อยครับ
"กองทุนอสังหาฯ แบบลีสโฮลด์ ซึ่งเป็นสิทธิการเช่า สมมุติกำหนดระยะเวลา 20 ปี โดยระหว่างทางผู้ลงทุนต้องทยอยรับเงินต้นคืนเรื่อยๆ ซึ่งที่ผ่านมามักจะคืนในรูปเงินปันผล ถ้าผู้ลงทุนไม่เข้าใจก็จะคิดว่าเป็นเงินปันผลล้วนๆ แต่แท้ที่จริงมีการคืนเงินต้นด้วย ยกตัวอย่างเช่น สิทธิการเช่า 20 ปี เงินลงทุน 10 บาท หารด้วย 20 ปี ดังนั้น ครบ 1 ปีต้องได้รับเงินคืน 0.50 บาท หรือคืน 5% ซึ่งถ้ากองทุนนั้นจ่าย 9% แท้จริงแล้วเป็นเงินปันผล 4% ส่วนอีก 5% เป็นเงินต้น ซึ่งจุดนี้เป็นเรื่องที่ผู้ลงทุนควรทราบและทำความเข้าใจ" ตามที่อ่านมานี้ ผมเข้าใจว่าเขาทยอยคืนทุนให้ตาราคาพาร์ ใช่หรือไม่ใช่อย่างไรครับ
"กองทุนอสังหาฯ แบบลีสโฮลด์ ซึ่งเป็นสิทธิการเช่า สมมุติกำหนดระยะเวลา 20 ปี โดยระหว่างทางผู้ลงทุนต้องทยอยรับเงินต้นคืนเรื่อยๆ ซึ่งที่ผ่านมามักจะคืนในรูปเงินปันผล ถ้าผู้ลงทุนไม่เข้าใจก็จะคิดว่าเป็นเงินปันผลล้วนๆ แต่แท้ที่จริงมีการคืนเงินต้นด้วย ยกตัวอย่างเช่น สิทธิการเช่า 20 ปี เงินลงทุน 10 บาท หารด้วย 20 ปี ดังนั้น ครบ 1 ปีต้องได้รับเงินคืน 0.50 บาท หรือคืน 5% ซึ่งถ้ากองทุนนั้นจ่าย 9% แท้จริงแล้วเป็นเงินปันผล 4% ส่วนอีก 5% เป็นเงินต้น ซึ่งจุดนี้เป็นเรื่องที่ผู้ลงทุนควรทราบและทำความเข้าใจ" ตามที่อ่านมานี้ ผมเข้าใจว่าเขาทยอยคืนทุนให้ตาราคาพาร์ ใช่หรือไม่ใช่อย่างไรครับ
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2448
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 197
ผมสนใจแต่พวก free hold กองทุนแบบ lease hold มันหมดอายุก็หมดค่าเหมือนกัน สมัยก่อน เพื่อนไปซื้อคอนโด ของ Regent มีอายุ 30 ปี นี่ก็ขาดอีกไม่กี่ปีก็จะครบอายุสิทธิการเช่า ที่สุดก็ต้องจ่ายเงินเขาให้เพื่อต่ออายุการอยู่อาศัยต่อไป ถ้าไม่ต่อ ก็ ต้องย้ายออกไป .... ผมคิดว่าแบบที่คุณคิดนั่นแหละถูกต้องแล้วครับ มีการคืนเงินต้นบางส่วน ฉะนั้นผู้ไม่รู้ก็คิดว่าปันผลให้สูงทีเดียว ขอโทษด้วยที่ตอบช้า เพราะไม่ค่อยได้มา update ในกระทู้นี้ วันนี้อยาก update เพื่อให้ผู้ลงทุนในหุ้นได้ความคิดของผมในอนาคตว่าจะทำอย่างไรในยามหุ้นเริ่มยุ่งยากในการลงทุน ไม่ใช่ให้เชื่อทั้งหมด เป็นความคิดเห็นเฉพาะบุคคลเท่านั้นครับsert เขียน:เรียนคุณลุงขวด ผมสนใจจะลงทุนในกองทุนอสังหาฯ แต่ไม่เข้าใจเรื่องการคืนทุน รบกวนช่วยอธิบาย ผลตอบแทนการลงทุนและการคืนทุน ของกองทุนอสังหาฯ แบบLeasehold ให้หน่อยครับ
"กองทุนอสังหาฯ แบบลีสโฮลด์ ซึ่งเป็นสิทธิการเช่า สมมุติกำหนดระยะเวลา 20 ปี โดยระหว่างทางผู้ลงทุนต้องทยอยรับเงินต้นคืนเรื่อยๆ ซึ่งที่ผ่านมามักจะคืนในรูปเงินปันผล ถ้าผู้ลงทุนไม่เข้าใจก็จะคิดว่าเป็นเงินปันผลล้วนๆ แต่แท้ที่จริงมีการคืนเงินต้นด้วย ยกตัวอย่างเช่น สิทธิการเช่า 20 ปี เงินลงทุน 10 บาท หารด้วย 20 ปี ดังนั้น ครบ 1 ปีต้องได้รับเงินคืน 0.50 บาท หรือคืน 5% ซึ่งถ้ากองทุนนั้นจ่าย 9% แท้จริงแล้วเป็นเงินปันผล 4% ส่วนอีก 5% เป็นเงินต้น ซึ่งจุดนี้เป็นเรื่องที่ผู้ลงทุนควรทราบและทำความเข้าใจ" ตามที่อ่านมานี้ ผมเข้าใจว่าเขาทยอยคืนทุนให้ตาราคาพาร์ ใช่หรือไม่ใช่อย่างไรครับ
หุ้นจะขึ้นหรือลง อยู่ที่ผลประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถของผู้บริหารกับ ธรรมาภิบาล.........ใหญ่ในเล็กย่อม ดีกว่าเล็กในใหญ่
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2448
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 198
พอดีเขียนใน FB ของผม เลยเกิดความคิดว่า ควรเอามาบันทึกในหัวข้อ พวกเราอยู่กลุ่มไหน....ผมไม่ได้อยู่ในกลุ่ม thaivi ผมอยู่ในกลุ่ม ACC and กลุ่มเศรษฐศาสตร์ เพื่อนส่วนใหญ่ไม่ได้ลงทุนในหุ้นเท่าไหร่ แต่ผมก็มีความสุขในการที่ได้เพื่อนสองกลุ่มนี้
.............
ความร่วงโรย.....ชีวิตมีเกิดแก่ เจ็บ ตาย เป็นของธรรมดา ความร่วงโรยของร่างกายย่อมเกิดขึ้น แต่จิตใจของเราต้องเข้มแข็งให้เป็นหนุ่ม สาวอยู่เสมอ คนใหม่เกิดขึ้น คนเก่าก็ร่วงโรยไป ผมมีเพื่อนสนิทอยู่สองกลุ่มใหญ่ ๆ คือกลุ่มที่เรียนกันที่ ACC และอีกกลุ่มที่เรียนร่วมกันที่ ธรรมศาสตร์ มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เพื่อนที่ ACC ส่วนใหญ่จะเก่งและมีฐานะดี ประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะที่นี่สอนให้เป็นเจ้าของกิจการ ทำการค้าเป็นหลัก ในรุ่นก่อน ๆ การทำการค้าง่ายมาก เพียงรู้ภาษาอังกฤษดี ดี ก็สร้างฐานะได้แล้ว เพื่อน ACC บางคนก็โชคดี ได้ทุน AFS ทุนแลกเปลี่ยนนักเรียนไทยกับอเมริกา เรียนประมาณ 1 ปี ไปเรียนรู้วัฒนธรรมและสังคมของเขา .....ผมไม่มีโอกาสได้ชิงทุนกับเขา แต่ผมเลือกที่จะเรียน เศรษฐศาสตร์ที่ ธรรมมศาสตร์มากกว่า โดยใช้การสอบเทียบ ม 8 ในสมัยนั้นและเลือก เศรษฐศาสตร์ ภาคค่ำ ได้สอบเข้า เป็นรุ่นที่ 4 ซึ่ง ดร ป๋วยเป็นผู้บุกเบิกให้มีภาคค่ำ ...จึงได้เรียนรู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจเพิ่มเติม
วิกฤกตเศรษฐกิจมหภาค (เช่นเดียวกับความร่วงโรยของชีวิตมีเกิดและดับ). .... มักจะเกิดขึ้นในทุก 10-12 ปี จากประวัติที่ผมเก็บเอาไว้ ปี 2540 ก็เกิดวิกฤต ดัชนี ตลาดหลักทรัพย์เริ่มต้นปี 831 จุด ลดลงไปที่ 372.......ในปี 2551 ดัชนี 858 ลดลงเหลือ 449.....ปีนี้ปี 2560 จึงคิดว่า น่าจะใกล้วิกฤตอีกรอบแล้ว อาจเป็น ปี 2561-2562 แล้วอะไรจะเป็นสาเหตุของวิกฤตก็ต้องคิดกันต่อไป ผมเชื่อว่าดัขนีปีขึ้นได้อีกก็ไม่น่าจะมากเท่าไหร่ และที่สุดก็ต้องลดลง ไม่น่าจะเกินปี 2562.... แล้วเราจะทำอย่างไรกับการลงทุนดี ผมเลยเริ่มค้นหาหุ้นพวก Defensive Stocks หุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนสม่ำเสมอ และมั่นคง อยากได้หุ้นที่ปันผลมากกว่า 5% ขึ้นไป และหุ้นมีการเติบโตเรื่อย ๆ เป็นสินค้าหรือบริการที่ต้องการใช้กันอยู่ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ก็ลองช่วยกันคิดและติดตามกันต่อไป น่าจะเอาตัวรอดจากเศรษฐกิจที่เริ่มถดถอยแล้ว
โชคดีในการลงทุนครับ
.............
ความร่วงโรย.....ชีวิตมีเกิดแก่ เจ็บ ตาย เป็นของธรรมดา ความร่วงโรยของร่างกายย่อมเกิดขึ้น แต่จิตใจของเราต้องเข้มแข็งให้เป็นหนุ่ม สาวอยู่เสมอ คนใหม่เกิดขึ้น คนเก่าก็ร่วงโรยไป ผมมีเพื่อนสนิทอยู่สองกลุ่มใหญ่ ๆ คือกลุ่มที่เรียนกันที่ ACC และอีกกลุ่มที่เรียนร่วมกันที่ ธรรมศาสตร์ มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เพื่อนที่ ACC ส่วนใหญ่จะเก่งและมีฐานะดี ประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะที่นี่สอนให้เป็นเจ้าของกิจการ ทำการค้าเป็นหลัก ในรุ่นก่อน ๆ การทำการค้าง่ายมาก เพียงรู้ภาษาอังกฤษดี ดี ก็สร้างฐานะได้แล้ว เพื่อน ACC บางคนก็โชคดี ได้ทุน AFS ทุนแลกเปลี่ยนนักเรียนไทยกับอเมริกา เรียนประมาณ 1 ปี ไปเรียนรู้วัฒนธรรมและสังคมของเขา .....ผมไม่มีโอกาสได้ชิงทุนกับเขา แต่ผมเลือกที่จะเรียน เศรษฐศาสตร์ที่ ธรรมมศาสตร์มากกว่า โดยใช้การสอบเทียบ ม 8 ในสมัยนั้นและเลือก เศรษฐศาสตร์ ภาคค่ำ ได้สอบเข้า เป็นรุ่นที่ 4 ซึ่ง ดร ป๋วยเป็นผู้บุกเบิกให้มีภาคค่ำ ...จึงได้เรียนรู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจเพิ่มเติม
วิกฤกตเศรษฐกิจมหภาค (เช่นเดียวกับความร่วงโรยของชีวิตมีเกิดและดับ). .... มักจะเกิดขึ้นในทุก 10-12 ปี จากประวัติที่ผมเก็บเอาไว้ ปี 2540 ก็เกิดวิกฤต ดัชนี ตลาดหลักทรัพย์เริ่มต้นปี 831 จุด ลดลงไปที่ 372.......ในปี 2551 ดัชนี 858 ลดลงเหลือ 449.....ปีนี้ปี 2560 จึงคิดว่า น่าจะใกล้วิกฤตอีกรอบแล้ว อาจเป็น ปี 2561-2562 แล้วอะไรจะเป็นสาเหตุของวิกฤตก็ต้องคิดกันต่อไป ผมเชื่อว่าดัขนีปีขึ้นได้อีกก็ไม่น่าจะมากเท่าไหร่ และที่สุดก็ต้องลดลง ไม่น่าจะเกินปี 2562.... แล้วเราจะทำอย่างไรกับการลงทุนดี ผมเลยเริ่มค้นหาหุ้นพวก Defensive Stocks หุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนสม่ำเสมอ และมั่นคง อยากได้หุ้นที่ปันผลมากกว่า 5% ขึ้นไป และหุ้นมีการเติบโตเรื่อย ๆ เป็นสินค้าหรือบริการที่ต้องการใช้กันอยู่ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ก็ลองช่วยกันคิดและติดตามกันต่อไป น่าจะเอาตัวรอดจากเศรษฐกิจที่เริ่มถดถอยแล้ว
โชคดีในการลงทุนครับ
หุ้นจะขึ้นหรือลง อยู่ที่ผลประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถของผู้บริหารกับ ธรรมาภิบาล.........ใหญ่ในเล็กย่อม ดีกว่าเล็กในใหญ่
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2448
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 199
วันนี้ 26/7/60 ได้ไปประชุมบริษัท KYE ซึงถือไว้นานพอควร กิจการเขาเน้นตู้เย็น พัดลม ปั้มน้ำ และ ผลิตภัณท์ใหม่ คือ เครื่องเป่ามือ ทั้งปี มี กำไรสุทธิ 1336 ล้านบาท ได้กำไรในส่วนของการลงทุน รวม 895 ล้าน (ปันผลจากบริษัททำเครื่องปรับอากาศ 798 ล้านบาท ที่ถือหุ้น 10%) แสดงว่ากิจการตนเองกำไรแค่ 441 ล้านบาทเอง .....ผมอยากรู้อนาคตของเครื่องปรับอากาศญี่ปุ่น ที่เริ่มย้านฐานไป เวียตนาม เช่น daikin ....จึงถามถึงอนาคตของเครื่องปรับอากาศของมิซูว่าจะเป็นอย่างไร.......คำตอบที่ได้รับ คือ...ไม่รู้ ไม่ทราบอนาคตในส่วนของเครื่องปรับอากาศ ไม่สามารถตอบได้......นี่แหละหนอ ธรรมาภิบาลของบริษัทหรือนี่ แถมบอกว่า ให้ผู้ถือหุ้นถามได้แค่ คำถามเดียวเท่านั้น....
แล้วตลาดจะทำอย่างไรกับบริษัท แบบนี้ ปีหนึ่งมีครั้งหนึ่งที่ได้พบผู้บริหาร และผู้บริหารไม่ให้คำตอบที่ผู้ถือหุ้นถาม.....บอกไม่รู้เรื่องกับธุรกิจนี้....สิ่งที่ผมจะทำได้ตอนนี้คือ ผมไม่สนับสนุนให้ถือหุ้นกับบริษัทเช่นนี้....ปีหน้าคงไม่ประชุมแล้ว เลิกคบครับ
แล้วตลาดจะทำอย่างไรกับบริษัท แบบนี้ ปีหนึ่งมีครั้งหนึ่งที่ได้พบผู้บริหาร และผู้บริหารไม่ให้คำตอบที่ผู้ถือหุ้นถาม.....บอกไม่รู้เรื่องกับธุรกิจนี้....สิ่งที่ผมจะทำได้ตอนนี้คือ ผมไม่สนับสนุนให้ถือหุ้นกับบริษัทเช่นนี้....ปีหน้าคงไม่ประชุมแล้ว เลิกคบครับ
หุ้นจะขึ้นหรือลง อยู่ที่ผลประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถของผู้บริหารกับ ธรรมาภิบาล.........ใหญ่ในเล็กย่อม ดีกว่าเล็กในใหญ่
- kissme
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1311
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 200
ขอบคุณลุงขวดครับ
บริษัทพวกนี้ ก่อนจะเข้าตลาด แทบจะอุ้มนักลงทุน อยากชมโรงงาน
อยากได้ข้อมูลอะไรจัดให้เต็มที่ พอเข้ามาได้แล้ว ระดมทุนได้แล้ว เปลี่ยนเป็นคนละคน
อยากบริหารชิวๆ อย่ามายุ่งกับฉัน
(ทั้งที่เป็นประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเค้าด้วย เค้าก็ต้องอยากรู้สิ)
มีอีกหลายบริษัทครับ opp day ไม่เคยมา กลัวการตอบคำถาม เฮ้อ
บริษัทพวกนี้ ก่อนจะเข้าตลาด แทบจะอุ้มนักลงทุน อยากชมโรงงาน
อยากได้ข้อมูลอะไรจัดให้เต็มที่ พอเข้ามาได้แล้ว ระดมทุนได้แล้ว เปลี่ยนเป็นคนละคน
อยากบริหารชิวๆ อย่ามายุ่งกับฉัน
(ทั้งที่เป็นประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเค้าด้วย เค้าก็ต้องอยากรู้สิ)
มีอีกหลายบริษัทครับ opp day ไม่เคยมา กลัวการตอบคำถาม เฮ้อ
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2448
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 201
ความฝัน กับ ความจริง.......
ชีวิตทุกคนมีความฝัน อยากไปให้สูงสุด อยากมีรายได้มาก ๆ ยอมรับว่าคนรุ่นใหม่หรือคนที่พึ่งมีรายได้ก็พยายามทำงาน หารายได้ให้มากที่สุด ....ผมเริ่มคิดว่า คนรุ่นใหม่เขาเก่ง รู้จักพัฒนาเปลี่ยนโลก ให้ใช้เวลาอย่างมีประโยชน์มากที่สุด เพื่อมีเวลาเหลือในการดูแลร่างกายหรือสุขภาพมากขึ้น (สำหรับคนที่เกิดมามีฐานะหน่อย) ส่วนคนที่ยังไม่มีฐานะ ก็ทำงานมากขึ้น เพื่อมีความฝันว่า วันหนึ่งจะสบาย มีรายได้ที่มั่นคง นั่นคือความฝันของคนส่วนใหญ่
ความจริง คือสิ่งที่เกิดขึ้น และมีผลต่อชีวิตของเราทันที ความจริงบางอย่างก็เป็นสิ่งดีสำหรับชีวิต แต่ความจริงบางอย่างก็ไม่ดีสำหรับชีวิตก็เป็นไปได้ นี่แหละชีวิตที่เป็นไปตามธรรมชาติ ความพอเพียงและความสุขคือสิ่งที่ควรใฝ่หาให้เพิ่มขึ้นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
การลงทุนในหุ้นก็เหมือนกัน หุ้นบางบริษัทสร้างความฝันให้เราได้คิดตาม เป้าหมายรายได้ เป้าหมายกำไร นี่คืออนาคตที่อาจมีอะไรมากีดขวางก็ได้ เช่น ต้นทุนเพิ่มขึ้น อัตราแลกเปลี่ยน คู่แข่ง อำนาจบริหาร สิ่งเหล่านี้มีผลต่อการลงทุนทำให้ราคาหุ้นเปลี่ยนแปลงไปได้ ผู้บริหารที่ดีต้องพยายามรักษารายได้ และ กำไรให้ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่คิดไว้ นั่นคือทำความฝันให้เป็นความจริง นักลงทุนต้องติดตามดูผลงานที่ประกาศออกมากทุกไตรมาส ผมเชื่ออย่างมากว่าราคาหุ้นจะขึ้นหรือลงอยู่ที่ผลประกอบการที่ทำได้ เมื่อเร็ว ๆ นี้ผลประกอบการของบริษัทหนึ่งออกมา ตกต่ำไปมากทีเดียว ราคาควรจะลงไปมากหน่อย แต่ราคาก็ไม่ลงเท่าไหร่ เพราะเขาเชื่อว่าผลประกอบการในภายหน้าจะดีขึ้น ผู้ที่เชื่อว่าน่าจะดีก็ไม่ขายหุ้น ผู้ที่เชื่อถึงผลประกอบการว่าไม่ดีก็ขาย.....นี่แหละคือการลงทุนที่ยากลำบากขึ้น
ผมลงทุนในหุ้นหลัง ๆ นี้ ปรับตนเองมาถือหุ้นที่ให้ปันผลระดับสูงหน่อย และให้ทุกปี จะคาดการณ์ปันผลที่จะรับได้...และพยายามเลือกหุ้นูที่ให้สูงกว่ามาตรฐานของตลาด คือมากกว่า 3% ก็น่าจะพอใจแล้ว ...หุ้นส่วนใหญ่ที่ถือมานาน ขณะนี้โดยเฉลี่ยก็ให้ผลตอบแทนระดับ 5%...นี่คือความจริงที่เกิดขึ้นและจะเกิดขึ้นไปเรื่อย ๆ....เพราะเท่าที่ตามดูรายได้จากปันผลก็อยู่ในระดับ 5% ของเงินลงทุน ....เงินเลี้ยงชีพของคนที่มีอายุก็คือ ปันผลที่เราควรจะได้ขอให้มั่นคงและอยู่ในระดับเกินกว่า เงินเฟ้อที่เกิดขึ้นก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง.......ส่วนการซื้อขายหุ้น ก็เอาวิชาเก็งกำไรในหุ้นมาเล่นกับเขา ไม่ได้เรียนมาแต่ก็หาความรู้จากคนที่ไปเรียน และ ศึกษาในเวป ต่าง ๆ ก็พอ เป็น แบบ งู งู ปลา ปลา นั่นแหละ ใช้ชีวิตสนุกกับเก็งกำไร แต่เสียอย่างที่ ทำ cut loss ไม่เก่งพอ เลยติดหุ้นในบางตัว ซึ่งไม่รู้จะแก้ได้อย่างไรเหมือนกัน...แต่ก็เป็นส่วนน้อยถือเป็นค่าวิชา เท่านั้นเอง
ชีวิตทุกคนมีความฝัน อยากไปให้สูงสุด อยากมีรายได้มาก ๆ ยอมรับว่าคนรุ่นใหม่หรือคนที่พึ่งมีรายได้ก็พยายามทำงาน หารายได้ให้มากที่สุด ....ผมเริ่มคิดว่า คนรุ่นใหม่เขาเก่ง รู้จักพัฒนาเปลี่ยนโลก ให้ใช้เวลาอย่างมีประโยชน์มากที่สุด เพื่อมีเวลาเหลือในการดูแลร่างกายหรือสุขภาพมากขึ้น (สำหรับคนที่เกิดมามีฐานะหน่อย) ส่วนคนที่ยังไม่มีฐานะ ก็ทำงานมากขึ้น เพื่อมีความฝันว่า วันหนึ่งจะสบาย มีรายได้ที่มั่นคง นั่นคือความฝันของคนส่วนใหญ่
ความจริง คือสิ่งที่เกิดขึ้น และมีผลต่อชีวิตของเราทันที ความจริงบางอย่างก็เป็นสิ่งดีสำหรับชีวิต แต่ความจริงบางอย่างก็ไม่ดีสำหรับชีวิตก็เป็นไปได้ นี่แหละชีวิตที่เป็นไปตามธรรมชาติ ความพอเพียงและความสุขคือสิ่งที่ควรใฝ่หาให้เพิ่มขึ้นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
การลงทุนในหุ้นก็เหมือนกัน หุ้นบางบริษัทสร้างความฝันให้เราได้คิดตาม เป้าหมายรายได้ เป้าหมายกำไร นี่คืออนาคตที่อาจมีอะไรมากีดขวางก็ได้ เช่น ต้นทุนเพิ่มขึ้น อัตราแลกเปลี่ยน คู่แข่ง อำนาจบริหาร สิ่งเหล่านี้มีผลต่อการลงทุนทำให้ราคาหุ้นเปลี่ยนแปลงไปได้ ผู้บริหารที่ดีต้องพยายามรักษารายได้ และ กำไรให้ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่คิดไว้ นั่นคือทำความฝันให้เป็นความจริง นักลงทุนต้องติดตามดูผลงานที่ประกาศออกมากทุกไตรมาส ผมเชื่ออย่างมากว่าราคาหุ้นจะขึ้นหรือลงอยู่ที่ผลประกอบการที่ทำได้ เมื่อเร็ว ๆ นี้ผลประกอบการของบริษัทหนึ่งออกมา ตกต่ำไปมากทีเดียว ราคาควรจะลงไปมากหน่อย แต่ราคาก็ไม่ลงเท่าไหร่ เพราะเขาเชื่อว่าผลประกอบการในภายหน้าจะดีขึ้น ผู้ที่เชื่อว่าน่าจะดีก็ไม่ขายหุ้น ผู้ที่เชื่อถึงผลประกอบการว่าไม่ดีก็ขาย.....นี่แหละคือการลงทุนที่ยากลำบากขึ้น
ผมลงทุนในหุ้นหลัง ๆ นี้ ปรับตนเองมาถือหุ้นที่ให้ปันผลระดับสูงหน่อย และให้ทุกปี จะคาดการณ์ปันผลที่จะรับได้...และพยายามเลือกหุ้นูที่ให้สูงกว่ามาตรฐานของตลาด คือมากกว่า 3% ก็น่าจะพอใจแล้ว ...หุ้นส่วนใหญ่ที่ถือมานาน ขณะนี้โดยเฉลี่ยก็ให้ผลตอบแทนระดับ 5%...นี่คือความจริงที่เกิดขึ้นและจะเกิดขึ้นไปเรื่อย ๆ....เพราะเท่าที่ตามดูรายได้จากปันผลก็อยู่ในระดับ 5% ของเงินลงทุน ....เงินเลี้ยงชีพของคนที่มีอายุก็คือ ปันผลที่เราควรจะได้ขอให้มั่นคงและอยู่ในระดับเกินกว่า เงินเฟ้อที่เกิดขึ้นก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง.......ส่วนการซื้อขายหุ้น ก็เอาวิชาเก็งกำไรในหุ้นมาเล่นกับเขา ไม่ได้เรียนมาแต่ก็หาความรู้จากคนที่ไปเรียน และ ศึกษาในเวป ต่าง ๆ ก็พอ เป็น แบบ งู งู ปลา ปลา นั่นแหละ ใช้ชีวิตสนุกกับเก็งกำไร แต่เสียอย่างที่ ทำ cut loss ไม่เก่งพอ เลยติดหุ้นในบางตัว ซึ่งไม่รู้จะแก้ได้อย่างไรเหมือนกัน...แต่ก็เป็นส่วนน้อยถือเป็นค่าวิชา เท่านั้นเอง
หุ้นจะขึ้นหรือลง อยู่ที่ผลประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถของผู้บริหารกับ ธรรมาภิบาล.........ใหญ่ในเล็กย่อม ดีกว่าเล็กในใหญ่
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2448
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 202
จบอีกไตรมาสของปี 2560 วันนี้เริ่มไตรมาสที่ 4 ของปี 2560... ดูการลงทุนแล้ว ดัชนีค่อย ๆ ขยับ ขึ้น สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนมากขึ้น รายย่อย สถาบัน ต่างชาติ คือตัวกำหนดตลาด ส่วนการซื้อขายของโบรค ผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่เลย.....สถาบันก็อยากให้หุ้นค่อย ๆ ขึ้น เพราะตนเองถือหุ้นมากสุด กองทุนต่าง ๆ ก็ต้องดูแลเงินของผู้ถือหน่วย......ส่วนต่างชาติ ก็ไปลงในตราสารหนี้เป็นส่วนใหญ่ ไม่กล้าเพิ่มในตลาดทุนเท่าไหร่.....ส่วนรายย่อยก็ลงทุนในหุ้นตัวเล็กตัวกลาง กลัว ๆ กล้า ๆ แต่ละตัวไป....บ้างก็ใช้พื้นฐานในการลงทุน บ้างก็ใช้เทคนิคกราฟในการลงทุนโดยไม่สนใจพื้นฐาน
ผมเริ่มมาลงทุนในหุ้นใหญ่ที่ถือโดยต่างชาติและสถาบัน เพิ่มมากขึ้น เพราะสภาพคล่องที่จะซื้อขายทำได้ง่ายมาก ถ้าอยู่กับหุ้นเล็กกลาง การซื้อขายน้อย บางทีต้องขายหลายวันถึงจะหมดได้.....ผมมั่นใจว่า ปีหน้า 2561 น่าจะมีการปรับตัวลงของดัชนีได้ ดัชนีอาจวิ่งทำ new high ในต้นปีหรือกลางปี ทุกอย่างเมื่อถึงจุดสูงสุดก็ต้องกลับลงสู่สามัญ.....ประกอบกับวงจรเศรษฐกิจรอบใหญ่ที่จะเกิดขึ้นทุก 10 ปี ก็น่าจะถึงรอบได้แล้ว....แต่ด้วยอัตราดอกเบี้ยจากเงินฝาก หรือตราสารหนี้ อยู่ในระดับต่ำมาก ก็ เหมือนกับโดนบังคับให้ไปลงทุนในหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า....ผมเลยหันไปลงทุนในหุ้นใหญ่ หุ้นใหญ่ตัวนี้ผมทุนมากเป็นอันดับที่ 2 หลังสุดนี้ก็ให้กำไรในส่วนต่างของราคามากกว่า 10% แล้ว (แต่ยังไม่ได้ขายทำกำไรเพราะอยากจะถือยาวพอควร) ...ได้ปันผลระหว่างกาลมาแล้ว ประมาณ 3% ทั้งปีก็น่าจะอยู่ในระดับ 6%...ซึ่งนับว่าอยู่ในระดับพอใจทีเดียว.....ผมสบายใจกับหุ้นตัวนี้ เพราะหลังสุดเห็น ดร.นิเวศน์ มาลงทุนในชื่อของ ลูกสาว (นส.พิสชา) ด้วย
มาดูการลงทุนในปีนี้ ตอนนี้ก็ได้พอๆ กับปีที่แล้วที่ทำได้ 11.36%....เหลืออีก 3 เดือน ก็ต้องทำกำไรจาก trading ให้มากขึ้น เพราะปันผลในไตรมาส 4 แทบจะไม่มีแล้ว...เป้าหมายปีนี้ขอให้ทำได้ที่ 15% พอใจแล้วครับ......สุขกับการลงทุนนะครับ และ ขอให้เงินทำงานแทนเราเมื่อเรามีอายุมากขึ้นก็ดีใจแล้ว ...สิ่งสำคัญของคนสูงวัยแบบผม ก็คือ ต้องการสุขภาพที่แข็งแรง นั่นคือการลงทุนที่ต้องคิดและทำ
ผมเริ่มมาลงทุนในหุ้นใหญ่ที่ถือโดยต่างชาติและสถาบัน เพิ่มมากขึ้น เพราะสภาพคล่องที่จะซื้อขายทำได้ง่ายมาก ถ้าอยู่กับหุ้นเล็กกลาง การซื้อขายน้อย บางทีต้องขายหลายวันถึงจะหมดได้.....ผมมั่นใจว่า ปีหน้า 2561 น่าจะมีการปรับตัวลงของดัชนีได้ ดัชนีอาจวิ่งทำ new high ในต้นปีหรือกลางปี ทุกอย่างเมื่อถึงจุดสูงสุดก็ต้องกลับลงสู่สามัญ.....ประกอบกับวงจรเศรษฐกิจรอบใหญ่ที่จะเกิดขึ้นทุก 10 ปี ก็น่าจะถึงรอบได้แล้ว....แต่ด้วยอัตราดอกเบี้ยจากเงินฝาก หรือตราสารหนี้ อยู่ในระดับต่ำมาก ก็ เหมือนกับโดนบังคับให้ไปลงทุนในหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า....ผมเลยหันไปลงทุนในหุ้นใหญ่ หุ้นใหญ่ตัวนี้ผมทุนมากเป็นอันดับที่ 2 หลังสุดนี้ก็ให้กำไรในส่วนต่างของราคามากกว่า 10% แล้ว (แต่ยังไม่ได้ขายทำกำไรเพราะอยากจะถือยาวพอควร) ...ได้ปันผลระหว่างกาลมาแล้ว ประมาณ 3% ทั้งปีก็น่าจะอยู่ในระดับ 6%...ซึ่งนับว่าอยู่ในระดับพอใจทีเดียว.....ผมสบายใจกับหุ้นตัวนี้ เพราะหลังสุดเห็น ดร.นิเวศน์ มาลงทุนในชื่อของ ลูกสาว (นส.พิสชา) ด้วย
มาดูการลงทุนในปีนี้ ตอนนี้ก็ได้พอๆ กับปีที่แล้วที่ทำได้ 11.36%....เหลืออีก 3 เดือน ก็ต้องทำกำไรจาก trading ให้มากขึ้น เพราะปันผลในไตรมาส 4 แทบจะไม่มีแล้ว...เป้าหมายปีนี้ขอให้ทำได้ที่ 15% พอใจแล้วครับ......สุขกับการลงทุนนะครับ และ ขอให้เงินทำงานแทนเราเมื่อเรามีอายุมากขึ้นก็ดีใจแล้ว ...สิ่งสำคัญของคนสูงวัยแบบผม ก็คือ ต้องการสุขภาพที่แข็งแรง นั่นคือการลงทุนที่ต้องคิดและทำ
หุ้นจะขึ้นหรือลง อยู่ที่ผลประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถของผู้บริหารกับ ธรรมาภิบาล.........ใหญ่ในเล็กย่อม ดีกว่าเล็กในใหญ่
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2448
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 203
สวัสดีปีใหม่ เริ่มปี 2561 (2018) ขอให้เพื่อนมีความสุข สมหวังตามปรารถนาทุกประการ .....วันผ่านไปก็เหมือนกันทุกวัน มี 24 ชั่วโมงเช่นกัน เปลี่ยนแต่ตัวเลขที่ทำให้เรารู้ว่าอยู่มากี่ปีแล้ว สิ่งสำคัญของชีวิตคือ สุขกับปัจจุบัน หมายถึงทำทุกวันให้มีความสุขและทำประโยชน์ให้มากที่สุด ไม่ต้องกังวลกับอนาคต และไม่ต้องคิดกับอดึต.....ทำในสิ่งที่ให้ความสุขกับเรา ....ร่างกายมีแต่จะเสื่อมโทรมไปทุกวัน แต่จิตใจต้องพัฒนาให้เข้มแข็ง อย่าให้เสื่อมกับวันที่ผ่านไป
สำหรับการลงทุนของผมในปีที่ผ่านมา เคยตั้งเป้าหมายไว้ 15% ก็ทำได้ใกล้เคียงกับเป้าหมาย ได้ 14.89% ให้เงินทำงานได้มากกว่าดอกเบี้ยหรือตราสารหนี้ ที่ให้แค่ไม่เกิน 3% ......เท่าที่ติดตามตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นหลังจากเดือนสิงหาคม ดูการขึ้นของดัชนีแล้วมีการดันดัชนีให้ขึ้นด้วยหุ้นในกลุ่ม set 50 และนำด้วยกลุ่มพลังงาน ......โชคดีที่ในกลุ่มพลังงานผมมีหุ้นที่ลงทุนมากสุดในอันดับ 2 รวมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ....ส่วนอันดับแรกที่ลงทุนมากที่สุดปีนี้แย่พอควร ผลประกอบการที่ออกมา 3 ไตรมาสต่ำกว่าปีที่แล้ว ถอยหลังไปพอ ๆ กับ 2 ปีก่อน แต่ด้วยที่เข้าใจบริษัทฯ นี้พอควร และรอผลงานจากผลิตภัณท์ใหม่ที่เขาผลิตขึ้นมา ก็เลยตัดสินใจลงทุนต่อไป อีกอย่างที่ทำให้ถือหุ้นตัวนี้เพราะ ผู้บริหารเก่งตั้งใจทำงาน และงบการเงินที่จัดว่าดีอยู่....ในปีใหม่นี้ผมได้กรองหุ้นพลังงานที่ดีและจะคงอยู่กับตลาดได้อีกนานพร้อมกับการเติบโตสม่ำเสมอ....ผมอยากให้การลงทุนของผมสัก 1 ใน 3 อยู่ในกลุ่มพวกนี้ ก็จะดูซิว่าผลงานจะเป็นอย่างไรในปีใหม่นี้
ส่วนดัชนีในปีใหม่ ผมหวังว่าคงได้เห็นสูงกว่าที่เคยทำไว้ น่าจะมีโอกาสลงและขึ้นอยู่ระหว่าง 1600-1900 จุด ....และอยากได้เป้าหมายของการลงทุนในระดับ เดิม 15% ต่อปี แต่จะทำได้หรือไม่ก็ต้องติดตามดูกันต่อไป ในความคิดของผมคงลำบากมากกว่าปีที่ผ่านมา ...จากเคยเขียนไว้ว่าดัชนีของเราจะลงแรง ไม่ปีนี้ก็ปีหน้า ....ต้องหาหุ้นที่ลงทุนให้ถูกตัวไม่งั้นอาจกระทบถึงผลตอบแทนที่หวังไว้ได้ .....ชีวิตต้องสู้และต้องทำงาน เมื่อสูงวัยแล้วสิ่งที่ทำงานให้เราคือเงินที่มีอยู่ ให้เงินทำงานแทนเรา และให้ค่าใช้จ่ายที่เราใช้ต่ำกว่าผลตอบแทนที่ได้ของแต่ละปีก็พอใจแล้ว
สำหรับการลงทุนของผมในปีที่ผ่านมา เคยตั้งเป้าหมายไว้ 15% ก็ทำได้ใกล้เคียงกับเป้าหมาย ได้ 14.89% ให้เงินทำงานได้มากกว่าดอกเบี้ยหรือตราสารหนี้ ที่ให้แค่ไม่เกิน 3% ......เท่าที่ติดตามตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นหลังจากเดือนสิงหาคม ดูการขึ้นของดัชนีแล้วมีการดันดัชนีให้ขึ้นด้วยหุ้นในกลุ่ม set 50 และนำด้วยกลุ่มพลังงาน ......โชคดีที่ในกลุ่มพลังงานผมมีหุ้นที่ลงทุนมากสุดในอันดับ 2 รวมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ....ส่วนอันดับแรกที่ลงทุนมากที่สุดปีนี้แย่พอควร ผลประกอบการที่ออกมา 3 ไตรมาสต่ำกว่าปีที่แล้ว ถอยหลังไปพอ ๆ กับ 2 ปีก่อน แต่ด้วยที่เข้าใจบริษัทฯ นี้พอควร และรอผลงานจากผลิตภัณท์ใหม่ที่เขาผลิตขึ้นมา ก็เลยตัดสินใจลงทุนต่อไป อีกอย่างที่ทำให้ถือหุ้นตัวนี้เพราะ ผู้บริหารเก่งตั้งใจทำงาน และงบการเงินที่จัดว่าดีอยู่....ในปีใหม่นี้ผมได้กรองหุ้นพลังงานที่ดีและจะคงอยู่กับตลาดได้อีกนานพร้อมกับการเติบโตสม่ำเสมอ....ผมอยากให้การลงทุนของผมสัก 1 ใน 3 อยู่ในกลุ่มพวกนี้ ก็จะดูซิว่าผลงานจะเป็นอย่างไรในปีใหม่นี้
ส่วนดัชนีในปีใหม่ ผมหวังว่าคงได้เห็นสูงกว่าที่เคยทำไว้ น่าจะมีโอกาสลงและขึ้นอยู่ระหว่าง 1600-1900 จุด ....และอยากได้เป้าหมายของการลงทุนในระดับ เดิม 15% ต่อปี แต่จะทำได้หรือไม่ก็ต้องติดตามดูกันต่อไป ในความคิดของผมคงลำบากมากกว่าปีที่ผ่านมา ...จากเคยเขียนไว้ว่าดัชนีของเราจะลงแรง ไม่ปีนี้ก็ปีหน้า ....ต้องหาหุ้นที่ลงทุนให้ถูกตัวไม่งั้นอาจกระทบถึงผลตอบแทนที่หวังไว้ได้ .....ชีวิตต้องสู้และต้องทำงาน เมื่อสูงวัยแล้วสิ่งที่ทำงานให้เราคือเงินที่มีอยู่ ให้เงินทำงานแทนเรา และให้ค่าใช้จ่ายที่เราใช้ต่ำกว่าผลตอบแทนที่ได้ของแต่ละปีก็พอใจแล้ว
หุ้นจะขึ้นหรือลง อยู่ที่ผลประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถของผู้บริหารกับ ธรรมาภิบาล.........ใหญ่ในเล็กย่อม ดีกว่าเล็กในใหญ่
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2448
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 205
อยู่ให้รอดในการลงทุน
ชีวิตคนเรามีหลายแบบ หลายรุ่นให้ติดตาม รุ่นผม baby boomers ได้เห็นรสชาดของชีวิตมากที่สุด เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ....อยู่ในครอบครัวที่ดิ้นรนทำงานเป็นหลัก จึงถูกสอนให้ทำงานอย่าหยุดนิ่ง ยังได้ศึกษาและสอนว่าการหยุดเฉย คือการถอนหลัง และที่สุดก็ผ่านมาได้จนบัดนี้
ปีนี้เป็นปีที่มีอายุเริ่มทศวรรษ(ครบรอบอีก10ปี)ใหม่ ก็รู้สึกจะถดถอยในร่างกายไปบ้าง เป็นของธรรมดาของโลก สร้างมาแบบนี้ เราใช้ร่างกายมามากแล้ว ก็ขอ ลดการใช้งานลงบ้าง ปัญหาตอนนี้คือ พุงที่ยังโต ได้อุปกรณ์ใหม่ (ตกมาจากลูกชาย) ลูกชายมาให้ใช้ เป็นพาฬิกา Fitbit....(แฮะ ๆ ไม่ได้ยืมนาฬิกาใครมานะ) เป็นนาฬิกาควบคุมเก็บประวัติการก้าวเท้า บอกเวลา บอกจำนวนก้าวที่เดินไป และที่ผมชอบมีการบอกบันทึกการนอนหลับด้วย เริ่มใช้มาเพียงอาทิตย์เดียว สงสัยต้องใช้ประจำเป็นแน่ เพราะมีการจับการเต้นของหัวใจให้ด้วย
คุยกับเพื่อน ๆ ที่อยู่ในวัยเดียวกัน ต่างก็บอกว่า พวกเราโชคดี (ถ้าสำเร็จในอาชีพ) มีเงินเหลือพอใช้แล้ว การหาเงินในอดีตนั้นหาง่าย แต่หาเงินของคนรุ่นใหม่ ผมว่าหายากกว่า โอกาสในอดีตมีมาก เพียงรู้ภาษาอังกฤษดีดี ก็เอาตัวรอดได้ แต่คนรู้ใหม่ต้องรู้หลายภาษา โอกาสน้อยกว่ามาก เพราะกิจการต่าง ๆ โดนควบคุมโดยบริษัทใหญ่ ๆ หมดแล้ว ต้องสร้าง start up เล็ก ๆ ที่แตกต่างและหาทางหาส่วนแบ่งจากตลาดใหญ่ ๆ หมายถึง ขณะนี้ปลาใหญ่ได้กินปลาเล็กไปหมดแล้ว มันน่าสงสารสำหรับคนรุ่นใหม่ ถ้าไม่มีพ่อแม่ที่มีบ้าน เงินทุน ให้....จะหาทางเกิดด้วยตนเองมันลำบากจริง ๆ......โลกเปลี่ยนเร็วก็ต้องหาและคิดให้ได้ว่าจะทำอย่างไรกับตนเองต่อไป ทำงานให้มีประสิทธิภาพกว่่า ได้ผลงานดีกว่า ได้ต้นทุนถูกกว่า.....นี่แหละหนอชีวิตของคนสมัยนี้ ต้องพยายามมากกว่าคนสมัยเก่า ๆ แบบผม
พูดถึงการลงทุน ยอมรับปีนี้ หุ้นที่ผมถือครองมาก ๆ หลายตัว ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เป็นหุ้นเล็กและกลางเป็นส่วนใหญ่ ดัชนีตลาดจาก 1753 ในต้นปี ขณะนี้ 1811 ขึ้นมา 3.32% แต่ port ตั้งแต่ต้นปี -7.4% แสดงว่าผมแพ้ตลาดรวม 10.7% เลยนะ จำต้องคิดและปรับตัวเองบ้างไปสู่หุ้นใหญ่ เพราะที่ดัชนีขึ้นได้ ก็ขึ้นในหุ้นใหญ่ set 50 หุ้นกองทุนและฝรั่ง หุ้นเล็กปันผลดีกว่าหุ้นกองทุนฝรั่ง ก็ลงกันโดยไร้เหตุผล บางตัวลงมากทีเดียว ...สุดท้ายผมก็ต้องรอเดือนเมษา และพฤษภา จึงจะมีเงินเติมเข้ามาได้ เพราะเงินที่ได้นี่มาจการปันผลที่จะได้รับ กว่าครึ่งของทั้งหมด จะมาในเดือนพฤษภาคม.....ก็ต้องดูและคิดว่าจะลงทุนแบบไหน ต่อไป ผมเคยบอกไว้ว่า วิกฤตน่าจะเกิดในการเงินของโลก ไม่ปีนี้ก็ปีหน้า ฉะนั้นเงินลงทุนของผมต้องไปอยู่ในหุ้นเติบโตช้ามีความมั่นคงมีปันผลทุกปีในระดับที่พอใจ งวดนี้ แถว 3-5% น่าจะพอใจได้แล้ว.....และต้องมีบางส่วนอยู่ในพลังงานทดแทน อยู่ในกลุ่มไฟฟ้า เพราะไฟฟ้าเป็นสิ่งจำเป็นของโลก
(เอาที่เขียนใน FB มาลงในนี้ สำหรับผู้ที่ติดตามครับ)
ชีวิตคนเรามีหลายแบบ หลายรุ่นให้ติดตาม รุ่นผม baby boomers ได้เห็นรสชาดของชีวิตมากที่สุด เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ....อยู่ในครอบครัวที่ดิ้นรนทำงานเป็นหลัก จึงถูกสอนให้ทำงานอย่าหยุดนิ่ง ยังได้ศึกษาและสอนว่าการหยุดเฉย คือการถอนหลัง และที่สุดก็ผ่านมาได้จนบัดนี้
ปีนี้เป็นปีที่มีอายุเริ่มทศวรรษ(ครบรอบอีก10ปี)ใหม่ ก็รู้สึกจะถดถอยในร่างกายไปบ้าง เป็นของธรรมดาของโลก สร้างมาแบบนี้ เราใช้ร่างกายมามากแล้ว ก็ขอ ลดการใช้งานลงบ้าง ปัญหาตอนนี้คือ พุงที่ยังโต ได้อุปกรณ์ใหม่ (ตกมาจากลูกชาย) ลูกชายมาให้ใช้ เป็นพาฬิกา Fitbit....(แฮะ ๆ ไม่ได้ยืมนาฬิกาใครมานะ) เป็นนาฬิกาควบคุมเก็บประวัติการก้าวเท้า บอกเวลา บอกจำนวนก้าวที่เดินไป และที่ผมชอบมีการบอกบันทึกการนอนหลับด้วย เริ่มใช้มาเพียงอาทิตย์เดียว สงสัยต้องใช้ประจำเป็นแน่ เพราะมีการจับการเต้นของหัวใจให้ด้วย
คุยกับเพื่อน ๆ ที่อยู่ในวัยเดียวกัน ต่างก็บอกว่า พวกเราโชคดี (ถ้าสำเร็จในอาชีพ) มีเงินเหลือพอใช้แล้ว การหาเงินในอดีตนั้นหาง่าย แต่หาเงินของคนรุ่นใหม่ ผมว่าหายากกว่า โอกาสในอดีตมีมาก เพียงรู้ภาษาอังกฤษดีดี ก็เอาตัวรอดได้ แต่คนรู้ใหม่ต้องรู้หลายภาษา โอกาสน้อยกว่ามาก เพราะกิจการต่าง ๆ โดนควบคุมโดยบริษัทใหญ่ ๆ หมดแล้ว ต้องสร้าง start up เล็ก ๆ ที่แตกต่างและหาทางหาส่วนแบ่งจากตลาดใหญ่ ๆ หมายถึง ขณะนี้ปลาใหญ่ได้กินปลาเล็กไปหมดแล้ว มันน่าสงสารสำหรับคนรุ่นใหม่ ถ้าไม่มีพ่อแม่ที่มีบ้าน เงินทุน ให้....จะหาทางเกิดด้วยตนเองมันลำบากจริง ๆ......โลกเปลี่ยนเร็วก็ต้องหาและคิดให้ได้ว่าจะทำอย่างไรกับตนเองต่อไป ทำงานให้มีประสิทธิภาพกว่่า ได้ผลงานดีกว่า ได้ต้นทุนถูกกว่า.....นี่แหละหนอชีวิตของคนสมัยนี้ ต้องพยายามมากกว่าคนสมัยเก่า ๆ แบบผม
พูดถึงการลงทุน ยอมรับปีนี้ หุ้นที่ผมถือครองมาก ๆ หลายตัว ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เป็นหุ้นเล็กและกลางเป็นส่วนใหญ่ ดัชนีตลาดจาก 1753 ในต้นปี ขณะนี้ 1811 ขึ้นมา 3.32% แต่ port ตั้งแต่ต้นปี -7.4% แสดงว่าผมแพ้ตลาดรวม 10.7% เลยนะ จำต้องคิดและปรับตัวเองบ้างไปสู่หุ้นใหญ่ เพราะที่ดัชนีขึ้นได้ ก็ขึ้นในหุ้นใหญ่ set 50 หุ้นกองทุนและฝรั่ง หุ้นเล็กปันผลดีกว่าหุ้นกองทุนฝรั่ง ก็ลงกันโดยไร้เหตุผล บางตัวลงมากทีเดียว ...สุดท้ายผมก็ต้องรอเดือนเมษา และพฤษภา จึงจะมีเงินเติมเข้ามาได้ เพราะเงินที่ได้นี่มาจการปันผลที่จะได้รับ กว่าครึ่งของทั้งหมด จะมาในเดือนพฤษภาคม.....ก็ต้องดูและคิดว่าจะลงทุนแบบไหน ต่อไป ผมเคยบอกไว้ว่า วิกฤตน่าจะเกิดในการเงินของโลก ไม่ปีนี้ก็ปีหน้า ฉะนั้นเงินลงทุนของผมต้องไปอยู่ในหุ้นเติบโตช้ามีความมั่นคงมีปันผลทุกปีในระดับที่พอใจ งวดนี้ แถว 3-5% น่าจะพอใจได้แล้ว.....และต้องมีบางส่วนอยู่ในพลังงานทดแทน อยู่ในกลุ่มไฟฟ้า เพราะไฟฟ้าเป็นสิ่งจำเป็นของโลก
(เอาที่เขียนใน FB มาลงในนี้ สำหรับผู้ที่ติดตามครับ)
หุ้นจะขึ้นหรือลง อยู่ที่ผลประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถของผู้บริหารกับ ธรรมาภิบาล.........ใหญ่ในเล็กย่อม ดีกว่าเล็กในใหญ่
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 676
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 206
ตอนนี้ PORT ผม หลักๆ มี TIP และ RATCH ซึ่งโชคดีว่า TIP คราวนี้แจกหุ้นปันผล ส่วน RATCH เพิ่งซื้อเพิ่มเข้าไป (แต่ขาดทุน) ซึ่งผิดหวังกับหุ้นตัวนี้มาตลอดกว่า 10 ปี แต่ต้องซื้อเพราะ div ซึ่งกว่าดบ.เงินฝากหรือเก็บเงินไว้เฉยๆ
ผมขยับปรับ PORT ตั้งแต่กลางปีก่อน เพราะเดาเหมือนลุงขวด ว่าน่าจะเกิดวิกฤติการเงินโลกครั้ง แต่ผมไม่คิดว่าประเทศไทยจะสาหัสมากนัก เพราะที่ผ่านมาหลายปีตลาดหุ้นไทย ต่างชาติไม่ได้มีบทบาทในการนำตลาดมากนัก แต่เพื่อความปลอดภัย ผมเลยเลือกหุ้น defensive ปันผล 4-5% ส่วนหุ้นเดิมที่มีศักยภาพไปต่อ มี capital gain มากๆๆ ก็ let profit run ไป
แต่สิ่งที่ต้องคิดต่อ หากเราเดาอนาคตออกว่าแย่ ณ จุดๆนี้จะอัดเงินเพิ่มเข้าตลาดทำไมครับ และหากเกิดวิิกฤติจริง เราจะเลืือกซื้อหุ้นแบบใดเป็นลำดับแรก หุ้นมั่นคง หุ้นภาคบริการ หุ้น real sector หุ้นส่งออก หุ้น hi tech หุ้นโภคภัณฑ์ หรือหุ้น Turn around
ผมขยับปรับ PORT ตั้งแต่กลางปีก่อน เพราะเดาเหมือนลุงขวด ว่าน่าจะเกิดวิกฤติการเงินโลกครั้ง แต่ผมไม่คิดว่าประเทศไทยจะสาหัสมากนัก เพราะที่ผ่านมาหลายปีตลาดหุ้นไทย ต่างชาติไม่ได้มีบทบาทในการนำตลาดมากนัก แต่เพื่อความปลอดภัย ผมเลยเลือกหุ้น defensive ปันผล 4-5% ส่วนหุ้นเดิมที่มีศักยภาพไปต่อ มี capital gain มากๆๆ ก็ let profit run ไป
แต่สิ่งที่ต้องคิดต่อ หากเราเดาอนาคตออกว่าแย่ ณ จุดๆนี้จะอัดเงินเพิ่มเข้าตลาดทำไมครับ และหากเกิดวิิกฤติจริง เราจะเลืือกซื้อหุ้นแบบใดเป็นลำดับแรก หุ้นมั่นคง หุ้นภาคบริการ หุ้น real sector หุ้นส่งออก หุ้น hi tech หุ้นโภคภัณฑ์ หรือหุ้น Turn around
สติปัฎฐาน 4
กาย เวทนา จิต ธรรม
กาย เวทนา จิต ธรรม
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2448
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 207
ต้องลงทุน แต่เงินหมด
หุ้นช่วงนี้ลงทุนกันลำบากขึ้นเรื่อย ๆ ตลาดตกจากดัชนี 1852 จุด ในวันที่ 27/2 ตอนนี้เหลือ 1775 หรือตก 77 จุด ใน 7 วันทำการ......ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ มีข่าวดีสำหรับหุ้นใหญ่สุด PTT ที่ทำให้ PTT ขึ้นไปถึง 588 บาท ตัวกำหนดดัชนีตลาดว่าจะเป็นอย่างไรตัวหนึ่ง......ผมไม่เคยสนใจตัวนี้มาก่อน ทำให้ต้องกลับมาสนใจ ในส่วนผมมีความผิดพลาดในตัวนี้ เพราะ คิดว่าเป็นหุ้น แพง แต่ถ้าดูค่าที่สำคัญ PE ณ.วันนี้ แค่ 11.28 เท่า...มี PB ที่ 1.86 เท่า และมี DY ที่ให้ผลตอบแทน 3.75% (สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดเล็กน้อย)........แล้วมันแพงตรงไหนนี่....ต้องใช้ประโยคว่า "ของถูกแต่ราคาสูง รายย่อยไม่อยากซื้อเพราะต้องใช้เงินมากเท่านั้นเอง" ผมเลยตัดสินใจซื้อไปบ้างแล้ว เพราะเชื่อว่า วาระการประชุมที่จะแตกพาร์ จาก 10 บาท เหลือ 1 บาท ก็ทำให้ เหลือ ห้าสิบกว่าบาท เกิดแน่นอน ในเดือนพฤษภาคมนี้ แถมในปลายปี จะแตกธุรกิจให้เห็นเด่นชัดใน ส่วนของ non-oil เข้ามาอีก....ผมเห็นร้านกาแฟ amazon มาเปิดร้านเล็ก ๆ นอก ปั้มน้ำมันมากขึ้น และมี จิ๊ฟฟี่ ร้านสะดวกซื้อของ ปตท. ที่เขาพัฒนาอยู่
ผมอยากให้ร้านสะดวกซื้อของ ปั้มต่าง ๆ มีของตนเอง เหมือนกับทาง บางจากที่พยายามสร้างร้านสะดวกซื้อ SPAR แถมสนับสนุน otop ช่วยสินค้าพื้นเมืองด้วย.....การที่ให้ 7-11 มาระบาดในปั้มต่าง ๆ นั่นมันเพิ่มการผูกขาดมากขึ้น ถึงแม้ตอนนี้ 7-11 ได้ผูกขาดสะดวกซื้อของประเทศไปแล้วก็ตาม (การบริหารแบบผูกขาดและเอาเปรียบทำสินค้าแข่งกับผู้ที่มาร่วมขายด้วย เป็นการไม่ถูกต้อง) จุดนี้ผมต่อต้านเขาอยู่เหมือนกัน อยากให้มีร้านสะดวกซื้อยี่ห้อต่าง ๆ มากขึ้น ไม่ใช่มีแต่ 7-11 อย่างเดียว.....จะพูดถึง PTT ดันไปกระทบ 7-11 ได้ไงนะ
หัวข้อตอนนี้ว่าต้องลงทุนแต่เงินหมด เงินหมดจริง ๆ ต้องรอเดือนเมษาเงินปันผลถึงเข้า และเดือนพฤษภาฯ เงินปันผลเข้ามากสุด เมื่อมาแล้วก็จะลงทุนต่อ ช่วงนี้การลงทุนที่ทำให้ผมรอดและทนได้ ก็ เป็นหุ้น ปั้มน้ำมันนี่แหละ เป็น ปั้มบางจากที่ผมชอบ ถึงแม้กาแฟ อินทนิล และ ร้านสะดวกซื้อ spar จะไม่มาก แต่ความคิดของร้านทั้งสองแบบ เป็นความคิดช่วยสังคมและชนบท มากนะครับ น่าช่วยการส่งเสริมให้ประสบความสำเร็จต่อไปให้ได้ ผมถือหุ้น BCP มากเป็นอันดับที่ 2 ของผม อนาคตอยากให้เป็นอันดับหนึ่งของผมเลย เพราะเห็นอนาคตและการบริหารที่ดี และสิ่งสำคัญปันผลในระดับ 4-6% มาหลายปี ตอนนี้ non-oil มีแค่ 7%ซึ่งอนาคตต้องเพิ่มมากเพราะมีส่วนพลังงานด้านอื่น ๆรวมด้วยที่สุดจะสำเร็จได้ ...เลือกและสู้กันต่อไปในตลาดหุ้นที่แสนจะลำบากขึ้นเรื่อย ๆ
หุ้นช่วงนี้ลงทุนกันลำบากขึ้นเรื่อย ๆ ตลาดตกจากดัชนี 1852 จุด ในวันที่ 27/2 ตอนนี้เหลือ 1775 หรือตก 77 จุด ใน 7 วันทำการ......ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ มีข่าวดีสำหรับหุ้นใหญ่สุด PTT ที่ทำให้ PTT ขึ้นไปถึง 588 บาท ตัวกำหนดดัชนีตลาดว่าจะเป็นอย่างไรตัวหนึ่ง......ผมไม่เคยสนใจตัวนี้มาก่อน ทำให้ต้องกลับมาสนใจ ในส่วนผมมีความผิดพลาดในตัวนี้ เพราะ คิดว่าเป็นหุ้น แพง แต่ถ้าดูค่าที่สำคัญ PE ณ.วันนี้ แค่ 11.28 เท่า...มี PB ที่ 1.86 เท่า และมี DY ที่ให้ผลตอบแทน 3.75% (สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดเล็กน้อย)........แล้วมันแพงตรงไหนนี่....ต้องใช้ประโยคว่า "ของถูกแต่ราคาสูง รายย่อยไม่อยากซื้อเพราะต้องใช้เงินมากเท่านั้นเอง" ผมเลยตัดสินใจซื้อไปบ้างแล้ว เพราะเชื่อว่า วาระการประชุมที่จะแตกพาร์ จาก 10 บาท เหลือ 1 บาท ก็ทำให้ เหลือ ห้าสิบกว่าบาท เกิดแน่นอน ในเดือนพฤษภาคมนี้ แถมในปลายปี จะแตกธุรกิจให้เห็นเด่นชัดใน ส่วนของ non-oil เข้ามาอีก....ผมเห็นร้านกาแฟ amazon มาเปิดร้านเล็ก ๆ นอก ปั้มน้ำมันมากขึ้น และมี จิ๊ฟฟี่ ร้านสะดวกซื้อของ ปตท. ที่เขาพัฒนาอยู่
ผมอยากให้ร้านสะดวกซื้อของ ปั้มต่าง ๆ มีของตนเอง เหมือนกับทาง บางจากที่พยายามสร้างร้านสะดวกซื้อ SPAR แถมสนับสนุน otop ช่วยสินค้าพื้นเมืองด้วย.....การที่ให้ 7-11 มาระบาดในปั้มต่าง ๆ นั่นมันเพิ่มการผูกขาดมากขึ้น ถึงแม้ตอนนี้ 7-11 ได้ผูกขาดสะดวกซื้อของประเทศไปแล้วก็ตาม (การบริหารแบบผูกขาดและเอาเปรียบทำสินค้าแข่งกับผู้ที่มาร่วมขายด้วย เป็นการไม่ถูกต้อง) จุดนี้ผมต่อต้านเขาอยู่เหมือนกัน อยากให้มีร้านสะดวกซื้อยี่ห้อต่าง ๆ มากขึ้น ไม่ใช่มีแต่ 7-11 อย่างเดียว.....จะพูดถึง PTT ดันไปกระทบ 7-11 ได้ไงนะ
หัวข้อตอนนี้ว่าต้องลงทุนแต่เงินหมด เงินหมดจริง ๆ ต้องรอเดือนเมษาเงินปันผลถึงเข้า และเดือนพฤษภาฯ เงินปันผลเข้ามากสุด เมื่อมาแล้วก็จะลงทุนต่อ ช่วงนี้การลงทุนที่ทำให้ผมรอดและทนได้ ก็ เป็นหุ้น ปั้มน้ำมันนี่แหละ เป็น ปั้มบางจากที่ผมชอบ ถึงแม้กาแฟ อินทนิล และ ร้านสะดวกซื้อ spar จะไม่มาก แต่ความคิดของร้านทั้งสองแบบ เป็นความคิดช่วยสังคมและชนบท มากนะครับ น่าช่วยการส่งเสริมให้ประสบความสำเร็จต่อไปให้ได้ ผมถือหุ้น BCP มากเป็นอันดับที่ 2 ของผม อนาคตอยากให้เป็นอันดับหนึ่งของผมเลย เพราะเห็นอนาคตและการบริหารที่ดี และสิ่งสำคัญปันผลในระดับ 4-6% มาหลายปี ตอนนี้ non-oil มีแค่ 7%ซึ่งอนาคตต้องเพิ่มมากเพราะมีส่วนพลังงานด้านอื่น ๆรวมด้วยที่สุดจะสำเร็จได้ ...เลือกและสู้กันต่อไปในตลาดหุ้นที่แสนจะลำบากขึ้นเรื่อย ๆ
หุ้นจะขึ้นหรือลง อยู่ที่ผลประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถของผู้บริหารกับ ธรรมาภิบาล.........ใหญ่ในเล็กย่อม ดีกว่าเล็กในใหญ่
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2448
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 208
หุ้นดีทั้งคู่ครับ tip ratch ผมก็มีเหมือนกัน หุ้นปลอดภัยที่ปันผลให้สูงพอควร ที่ถามว่า หากวิกฤติการเงินเกิดขึ้นจะ อยู่ในกลุ่มไหน ดี ผมเลือกกลุ่ม พลังงานครับ หาตัวปันผลสูง ๆ มีความมั่นคงในรายได้ ก็พอใจแล้วครับPekko เขียน:ตอนนี้ PORT ผม หลักๆ มี TIP และ RATCH ซึ่งโชคดีว่า TIP คราวนี้แจกหุ้นปันผล ส่วน RATCH เพิ่งซื้อเพิ่มเข้าไป (แต่ขาดทุน) ซึ่งผิดหวังกับหุ้นตัวนี้มาตลอดกว่า 10 ปี แต่ต้องซื้อเพราะ div ซึ่งกว่าดบ.เงินฝากหรือเก็บเงินไว้เฉยๆ
ผมขยับปรับ PORT ตั้งแต่กลางปีก่อน เพราะเดาเหมือนลุงขวด ว่าน่าจะเกิดวิกฤติการเงินโลกครั้ง แต่ผมไม่คิดว่าประเทศไทยจะสาหัสมากนัก เพราะที่ผ่านมาหลายปีตลาดหุ้นไทย ต่างชาติไม่ได้มีบทบาทในการนำตลาดมากนัก แต่เพื่อความปลอดภัย ผมเลยเลือกหุ้น defensive ปันผล 4-5% ส่วนหุ้นเดิมที่มีศักยภาพไปต่อ มี capital gain มากๆๆ ก็ let profit run ไป
แต่สิ่งที่ต้องคิดต่อ หากเราเดาอนาคตออกว่าแย่ ณ จุดๆนี้จะอัดเงินเพิ่มเข้าตลาดทำไมครับ และหากเกิดวิิกฤติจริง เราจะเลืือกซื้อหุ้นแบบใดเป็นลำดับแรก หุ้นมั่นคง หุ้นภาคบริการ หุ้น real sector หุ้นส่งออก หุ้น hi tech หุ้นโภคภัณฑ์ หรือหุ้น Turn around
หุ้นจะขึ้นหรือลง อยู่ที่ผลประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถของผู้บริหารกับ ธรรมาภิบาล.........ใหญ่ในเล็กย่อม ดีกว่าเล็กในใหญ่
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2448
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 209
เมื่อวาน20/4/61..กลับมาทำงานเหมือนเดิม สนุกกับงาน หลังจากไป charge battery แล้ว (หนีไปทัวร์ตุรกี ดูอาณาจักร Ottoman)....ก็ไปร่วมประชุมใหญ่ ของ FSMART ไปเจอเพื่อนนักลงทุนกลุ่ม VI และกลุ่มหุ้นปันผล เพื่อนรักคนหนึ่ง ......เจอกับ เพื่อนเก่า เซียนหุ้นระดับเทพ คือ คุณประชา ดำรงค์สุทธิพงศ์...สมัยเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว รู้จักเพราะคุณประชา มาถือหุ้น SNC ตอนแรก ๆ นั่นเอง จนบัดนี้ซื้อขายหุ้นหลายตัวได้ทำกำไรระดับเทพไปแล้ว .... ปล่อยให้คนสูงวัยแบบผม ยังถืออยู่จนทุกวันนี้ ผมยังแซวเขาเลยว่า สำหรับ fsmart แล้ว เขาได้ไปหนึ่งรอบแล้ว ส่วนที่ถืออยู่ปัจจุบันคือหุ้นที่ไม่มีต้นทุนแล้ว สุดยอดการลงทุนคนหนึ่งเลยครับ เขาบอก หุ้นต้องเล่นเป็นรอบ ๆ .....คนหนุ่มวิ่งไวไปได้หลายรอบ ส่วนสูงวัยได้แต่กอดและรักหุ้นอยู่นั่นเอง 555555 สงสัยต้องลดอายุตัวเองให้กลับไปเป็นหนุ่นจะได้ร่วมเล่นรอบกับเขาได้555555
สำหรับหุ้นตัวนี้ เป็นหุ้นอนาคตดีมาก การพัฒนาตู้บุญเติม ของเขามั่นคงดีเพราะเขามีส่วนการผลิตตู้เอง และที่สำคัญคือมีส่วนสร้างระบบ IT เชื่อมต่อตู้ต่าง ๆ ได้เก่ง ผมเคยถือตัวแม่ FORTH สมัยแรก ๆ และเคยเจอเจ้าของ คุณพงษ์ชัยเมื่อกว่า 10 ปีทีแล้ว สมัยยังเริ่มธุรกิจทำชิ้นส่วนแผงวงจร และได้ชมโรงงานผลิตของเขาด้วย ไม่คิดว่าสิบกว่าปีนี้เขาได้พัฒนาไปอีก 3 ธุรกิจ เป็นคนเก่งทีเดียว FSMART นี่เพียงส่วนหนึ่งของ FORTH เท่านั้น
วันจันทร์นี้ก็จะไปอีกในฐานะผู้ถือหุ้น FORTH ด้วย ตอนนี้ถือ FSMART มากกว่า FORTH แต่อนาคตยังไม่รู้ว่าจะถือแม่มากขึ้นหรือเปล่า ต้องติดตามดูต่อไป แต่สรุปได้ว่า แม่มีบริษัทย่อยหลายบริษัทในอนาคตจะมีการ แยกย่อยแบบ FSMART ไปอีก โตและสร้างลูกหลานให้โตตามไป นี่แหละการลงทุน ....ที่สนใจทั้งคู่เพราะราคาหุ้นตัวเล็กในตลาดได้ถูกเทขายออกมา จนราคาที่จะไปเป็นหุ้นส่วนกับเขาได้ จังหวะการลงทุนนี่สำคัญมากพอควร รอเงินปันผลที่กำลังเข้าเดือนนี้และเดือนหน้าคงมาเพิ่มการลงทุนในกลุ่มนี้ เพราะอย่างไรก็ตาม กลุ่่มนี้กับกลุ่ม snc ที่ผมถืออยู่ ก็มีธุรกิจที่เกื้อกูลและร่วมมือกัน คบคนดีคนเก่ง ก็จะพาให้ประสบความสำเร็จไปกับเขา ผมชอบที่ราคาหุ้นกลุ่มใหม่นี้ลงมาในระดับ pe ที่รับได้ และได้ปันผลในระดับพอใจครับ
สำหรับหุ้นตัวนี้ เป็นหุ้นอนาคตดีมาก การพัฒนาตู้บุญเติม ของเขามั่นคงดีเพราะเขามีส่วนการผลิตตู้เอง และที่สำคัญคือมีส่วนสร้างระบบ IT เชื่อมต่อตู้ต่าง ๆ ได้เก่ง ผมเคยถือตัวแม่ FORTH สมัยแรก ๆ และเคยเจอเจ้าของ คุณพงษ์ชัยเมื่อกว่า 10 ปีทีแล้ว สมัยยังเริ่มธุรกิจทำชิ้นส่วนแผงวงจร และได้ชมโรงงานผลิตของเขาด้วย ไม่คิดว่าสิบกว่าปีนี้เขาได้พัฒนาไปอีก 3 ธุรกิจ เป็นคนเก่งทีเดียว FSMART นี่เพียงส่วนหนึ่งของ FORTH เท่านั้น
วันจันทร์นี้ก็จะไปอีกในฐานะผู้ถือหุ้น FORTH ด้วย ตอนนี้ถือ FSMART มากกว่า FORTH แต่อนาคตยังไม่รู้ว่าจะถือแม่มากขึ้นหรือเปล่า ต้องติดตามดูต่อไป แต่สรุปได้ว่า แม่มีบริษัทย่อยหลายบริษัทในอนาคตจะมีการ แยกย่อยแบบ FSMART ไปอีก โตและสร้างลูกหลานให้โตตามไป นี่แหละการลงทุน ....ที่สนใจทั้งคู่เพราะราคาหุ้นตัวเล็กในตลาดได้ถูกเทขายออกมา จนราคาที่จะไปเป็นหุ้นส่วนกับเขาได้ จังหวะการลงทุนนี่สำคัญมากพอควร รอเงินปันผลที่กำลังเข้าเดือนนี้และเดือนหน้าคงมาเพิ่มการลงทุนในกลุ่มนี้ เพราะอย่างไรก็ตาม กลุ่่มนี้กับกลุ่ม snc ที่ผมถืออยู่ ก็มีธุรกิจที่เกื้อกูลและร่วมมือกัน คบคนดีคนเก่ง ก็จะพาให้ประสบความสำเร็จไปกับเขา ผมชอบที่ราคาหุ้นกลุ่มใหม่นี้ลงมาในระดับ pe ที่รับได้ และได้ปันผลในระดับพอใจครับ
หุ้นจะขึ้นหรือลง อยู่ที่ผลประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถของผู้บริหารกับ ธรรมาภิบาล.........ใหญ่ในเล็กย่อม ดีกว่าเล็กในใหญ่
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2448
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พวกเราอยู่กลุ่มไหน
โพสต์ที่ 210
เมื่อวันที่ 6/7/2561 ได้มีโอกาสไปประชุมหุ้นที่ถือยาวอีกตัวหนึ่ง ที่ประสบผลสำเร็จ (ทุนเลข2หลักตอนนี้ราคาขาย 3หลัก) คือ หุ้น Stanly ....การถือหุ้นช่วงนี้บางตัวก็เป็นการดี แต่บางตัวก็ลำบากใจเหมือนกัน เพราะ หุ้นที่คืดว่าดี มีพื้นฐาน โดนกดราคาลงมามากทีเดียว เพราะนายตลาดช่วงนี้ อยู่ในภาวะไม่สบายใจ เพราะโลกมีการกดดันโดยสองผู้ยิ่งใหญ่ คือ อเมริกา และ จีน ....ฝ่ายหนึ่งมีเทคนิคมีความรู้มีเงินเป็นอำนาจ ส่วนอีกฝ่ายมีความพยายามปรับปรุงสังคมของตนให้ดีขึ้นเพื่อเป็นผู้นำของโลกในอนาคต.....ทุกประเทศก็ต้องการทำให้ตนเองดีขึ้น แต่ความคิดที่สำคัญต้องมองรอบข้างไปด้วย และที่สุดก็ต้องมองโลกว่าจะอยู่อย่างสบายและมีความสุขได้อ่ย่างไร.....คนรุ่นใหม่ต้องช่วยกันคิด ส่วนคนรุ่นเก่าก็ได้แต่มองและช่วยเหลือสนับสนุนในทางอ้อมเท่านั้นเอง
หุ้น stanly เป็นหุ้นดีมีพื้นฐานเด่นในอุตสาหกรรมรถยนต์ เน้นทางด้านระบบแสงสว่างสว่างในเวลาขับขึ่รถยนต์ต่าง ๆ ....ในการประชุม เห็นการเติบโตของกิจการ เพราะในอุตสาหกรรมนี้มีการเติบโตปีนี้ ได้สัก 5% เขาเก่งในด้านรถนั่งและรถจักรยานยนต์ มีเงินเหลือในบริษัทฯ มากพอควร มีการสร้างโรงงาน (ซื้อที่่ดินเพื่มและสร้างโรงงานเพิ่มในบริเวณเดียวกัน) มีการใช้กำลังผลิต เกือบ 100% จึงต้องขยายกันต่อไป ดูการบริหารแล้วอยู่ในกลุ่มของคนญี่ปุ่น ที่เชื่อถือได้ เสียแต่ว่าค่อนข้างจะอนุรักษ์นิยม ให้ผลตอบแทนกับผู้ถือหุ้นน้อยเกินไป ด้วยนโยบายปันผล 30% จากกำไร จากราคาปัจจุบัน 251 บาท ปันผล 7 บาท ก็ให้ผลตอบแทน เพียง 2.78% เท่านั้นเอง ในที่ประชุมขอให้ช่วยเหลือผู้ถือหุ้นโดยปันผลให้มากกว่านี้ เขาก็บอกได้เพียงจะหาทางพิจารณาให้ในคราวหน้า
บริษัทญี่ปุ่นหลายบริษัท มักจะปันผลน้อย แต่ถ้าดูทรัพย์สินที่มีมักจะมีค่ามากทีเดียว อยู่กับบริษัทเหล่านี้ต้องอดทนและรอเวลาปลอล๊อคทรัพย์สินเหล่านี้ บ้างก็มีโอกาสและรอจนสำเร็จ แต่ก็มีที่ยังไม่ยอมให้ผู้ถือหุ้นได้ประโยชน์ในส่วนนี้ สรุปได้เพียงว่าถือและทนรับปันผลไปเรื่อย ๆ และรอมูลค่าราคาหุ้นค่อย ๆ ขยับปีละเล็กน้อย ถือว่าเป็นหุ้นที่ปลอดภัยตัวหนึ่ง
หุ้น stanly เป็นหุ้นดีมีพื้นฐานเด่นในอุตสาหกรรมรถยนต์ เน้นทางด้านระบบแสงสว่างสว่างในเวลาขับขึ่รถยนต์ต่าง ๆ ....ในการประชุม เห็นการเติบโตของกิจการ เพราะในอุตสาหกรรมนี้มีการเติบโตปีนี้ ได้สัก 5% เขาเก่งในด้านรถนั่งและรถจักรยานยนต์ มีเงินเหลือในบริษัทฯ มากพอควร มีการสร้างโรงงาน (ซื้อที่่ดินเพื่มและสร้างโรงงานเพิ่มในบริเวณเดียวกัน) มีการใช้กำลังผลิต เกือบ 100% จึงต้องขยายกันต่อไป ดูการบริหารแล้วอยู่ในกลุ่มของคนญี่ปุ่น ที่เชื่อถือได้ เสียแต่ว่าค่อนข้างจะอนุรักษ์นิยม ให้ผลตอบแทนกับผู้ถือหุ้นน้อยเกินไป ด้วยนโยบายปันผล 30% จากกำไร จากราคาปัจจุบัน 251 บาท ปันผล 7 บาท ก็ให้ผลตอบแทน เพียง 2.78% เท่านั้นเอง ในที่ประชุมขอให้ช่วยเหลือผู้ถือหุ้นโดยปันผลให้มากกว่านี้ เขาก็บอกได้เพียงจะหาทางพิจารณาให้ในคราวหน้า
บริษัทญี่ปุ่นหลายบริษัท มักจะปันผลน้อย แต่ถ้าดูทรัพย์สินที่มีมักจะมีค่ามากทีเดียว อยู่กับบริษัทเหล่านี้ต้องอดทนและรอเวลาปลอล๊อคทรัพย์สินเหล่านี้ บ้างก็มีโอกาสและรอจนสำเร็จ แต่ก็มีที่ยังไม่ยอมให้ผู้ถือหุ้นได้ประโยชน์ในส่วนนี้ สรุปได้เพียงว่าถือและทนรับปันผลไปเรื่อย ๆ และรอมูลค่าราคาหุ้นค่อย ๆ ขยับปีละเล็กน้อย ถือว่าเป็นหุ้นที่ปลอดภัยตัวหนึ่ง
หุ้นจะขึ้นหรือลง อยู่ที่ผลประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถของผู้บริหารกับ ธรรมาภิบาล.........ใหญ่ในเล็กย่อม ดีกว่าเล็กในใหญ่