อยากทราบวิธีการคำนวณผลตอบแทนของพอร์ต และของ SET

[Thonburi Funds]

ตั้งแต่เริ่มลงทุนมา 2 ปีกว่าๆ ยังไม่เคยคำนวณผลตอบแทนของพอร์ตตัวเองเลยครับ
เวลาอ่านหนังสือก็จะเห็นผลตอบแทนรายปีของนักลงทุนท่านต่างๆ
ก็เลยจะมานั่งคิดของตัวเองมั่ง

พอเริ่มคิด ตอนแรกก็กะว่าจะเอามูลค่าปัจจุบันของพอร์ต เทียบกับเงินลงทุนเริ่มแรก ก็จะได้อัตราผลตอบแทนแบบคร่าวๆ

ก็มาติดปัญหาที่ว่า พวกเงินปันผล และเงินที่เราใส่เพิ่มระหว่างปี จะเอามาคิดยังไงครับ

รบกวนเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ แสดงวิธีคำนวณให้ดูหน่อยจะได้ไหมครับ

แล้วก็อัตราผลตอบแทนของ SET นี่คิดยังไงครับ
ใช่เอา (index ปลายปี - index ต้นปี)/index ต้นปี หรือเปล่าครับ

[Capo]

ขอดูโพยก่อนนะครับ

ของผมปัจจุบัน เวลาสรุป Performance ของพอร์ทตอนสิ้นปี
จะคิดจาก Realized Gain อย่างเดียวครับ
ตัว Unrailized จะมีคิดไว้เหมือนกันครับ
แต่ว่าไม่เอามาโชว์เป็นผลรวมปลายปี
ประมาณว่าตราบใดยังไม่เห็นเป็นตัวเงิน
ก็ยังไม่ต้องมาให้เห็นหน้า อิ ๆ

ก็คือคิดทั้ง Realized Gain และ Unrealized Gain ครับ
ตัว Realized ผมมองว่าเป็นผลงานจริง ๆ ของเรา
ส่วน Unrealized นี้เอาไว้ดูประมาณว่า "ถ้าเราขาย"
แล้วเราจะได้กำไร หรือว่าขาดทุนเท่าไหร่ครับ

แต่ถึงกระนั้นก็เถอะครับ
ผมชอบที่จะดู Realized + Unrealized ซะมากกว่าครับ
เพราะว่าตัวเลขมันเยอะดีครับ ดูแล้วชื่นใจ  :lol:
งงไหมครับ หนนี้ผมเขียนกระโดดไปปกระโดดมา
ต้องขออภัยครับ พอดีปวดห้องน้ำ เลยไม่ค่อยมีสมาธิ

ไปห้องน้ำมาแล้วครับ
ขอสรุปประเด็นคำถามตามนี้นะครับ
1. เงินปันผล
2. เงินทุนมี่เพิ่มระหว่างปี

สำหรับเงินปันผล ผมใส่เป็น Realized Gain ครับ
ตอนแรกก็ลังเลว่าจะลงเป็นเงินทุนที่เพิ่มเข้ามาดีหรือไม่
แต่สรุปแล้วใส่เป็น Gain ดีกว่าครับ เพราะว่าปันผล
นั้นก็เป็น Performance ของการ "ลงทุน" ของเรา
ส่วนทุนที่เพิ่มจะเป็น Performance ของการ "ออม" มากกว่าครับ

ส่วนของเงินทุนเพิ่มระหว่างปี ก็คิดว่าเป็นการเพิ่มทุนครับ
เป็น Performance ของการออม ก่อให้เกิดการเติบโตของเงินทุน
สิ่งที่ Support ก็คือการจำแนกประเภทสินทรัพย์ใน Port ครับ
ของผมแบ่งเป็นเงินสด หุ้น และลูกหนี้ครับ (ปล่อยกู้แค่ตัวเองนะครับ  :) )
ของเดิมผมคิดแบบปีต่อปีครับ ก็จะบันทึกว่าต้นปีมีทุนเท่าไหร่ ปลายปีมีเท่าไหร่
เวลามาคิดผลตอบแทนจากการลงทุนก็จะเอาต้นปีบวกปลายปีหารสอง
มาเป็นตัวส่วนครับ คือคิดเหมือนกับ ROE เลย

แต่กำลังคิดจะเปลี่ยนครับ
คือจะหันมาบันทึกทุนเป็รายไตรมาสครับ
แล้วเอามาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัเป็นรายไตรมาสไป
เพราะประสบปัญหาว่าเพิ่งถอนทุนไป 50% เมื่อต้นปี
ซึ่งถ้าหารเฉลี่ยแล้วมันจะเป็นแนวคิดประมาณว่าถอนทุนไปเมื่อกลางปีซะมากกว่า
ซึ่งมันไม่ Fair กับผลตอบแทนที่สร้างได้ในปีนี้เลยครับ
ก็เลยกะว่าจะเปลี่ยนมาเป็นบันทึกการเปลี่ยนแปลงของทุนเป็รายไตรมาส

[Capo]

ตัว Realized ผมมองว่าเป็นผลงานจริง ๆ ของเรา
ส่วน Unrealized นี้เอาไว้ดูประมาณว่า "ถ้าเราขาย"
แล้วเราจะได้กำไร หรือว่าขาดทุนเท่าไหร่ครับ

ขอแก้แนวคิดตรงนี้นะครับ
จริง ๆ ผมมองทั้ง Realized และ Unrealized ว่าเป็น Performance ของการลงทุนครับ
ส่วนการมองว่า "ถ้าเราขาย" เราจะได้เท่าไหร่นั้น เป็นบทบาทเสริมของตัวเลข Unrealized ครับ

[สุมาอี้]

วิธีวัด performance ของพอร์ตมีอยู่หลายแบบครับ แต่ไม่วิธีไหนที่ perfect เลยสักวิธีเดียว



ไม่ทราบว่าช่วงทีผ่านมา TVI Index ตั้งแต่ต้นปีกะ SET ใครวิ่งมาไกลกว่ากันครับ?  :roll:

[ลูกอิสาน]

แบบง่ายๆ คร่าวๆ ตัวเลขเชื่อถือได้ ก็วิธีนี้ครับ

พอร์ตปลายปี-พอร์ตต้นปี/พอร์ตต้นปี เหมือนหาผลตอบแทนตลาด ที่เข้าใจก็ถูกต้องแล้วครับ

-เงินปันผลก็รวมในพอร์ตไปเลย
-เงินเพิ่ม ก็นำไปบวกในพอร์ตต้นปี เสมือนเป็นเงินทุน
-เงินที่นำออก ก็นำไปหักจากพอร์ตต้นปี

ข้างต้นเป็นการคิดผลตอบแทนต่อปี

ถ้าอยากหาแบบตั้งแต่เริ่มลงทุน ก็ใช้วิธีเหมือนกันครับ

[Thonburi Funds]

[quote="Capo"]
ขอสรุปประเด็นคำถามตามนี้นะครับ
1. เงินปันผล
2. เงินทุนมี่เพิ่มระหว่างปี

สำหรับเงินปันผล ผมใส่เป็น Realized Gain ครับ
ตอนแรกก็ลังเลว่าจะลงเป็นเงินทุนที่เพิ่มเข้ามาดีหรือไม่
แต่สรุปแล้วใส่เป็น Gain ดีกว่าครับ เพราะว่าปันผล
นั้นก็เป็น Performance ของการ "ลงทุน" ของเรา
ส่วนทุนที่เพิ่มจะเป็น Performance ของการ "ออม" มากกว่าครับ

ส่วนของเงินทุนเพิ่มระหว่างปี ก็คิดว่าเป็นการเพิ่มทุนครับ
เป็น Performance ของการออม ก่อให้เกิดการเติบโตของเงินทุน
สิ่งที่ Support ก็คือการจำแนกประเภทสินทรัพย์ใน Port ครับ
ของผมแบ่งเป็นเงินสด หุ้น และลูกหนี้ครับ (ปล่อยกู้แค่ตัวเองนะครับ

[Capo]

ดังนั้น ผลตอบแทนตามแบบของคุณ Capo และคุณลูกอิสาน จะคิดได้แบบนี้

(มูลค่าหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น + ปันผล) / (มูลค่าเฉลี่ยของเงินลงทุน)

ผมลองคิดใน excel ดู การคิดแบบนี้จะทำให้อัตราผลตอบแทนของพอร์ตดู conservative ขึ้น

ตรงชั้นเศษ
จะมี +กำไรจากการขายหลักทรัพย์ ด้วยครับ  :D

มานั่งรอเรียนจากท่านพี่สุมาอี้ด้วยครับ
เผื่อจะได้แนวทางเอาไปปรับปรุงระบบบัญชีบ้าง

[MarginofSafety]

1. การคิดอัตราผลตอบแทนของ SET ถูกแล้วครับ
(เพียงแต่ว่าอัตราผลตอบแทนดังกล่าว ไม่ได้รวม Dividend)

2. การคำนวณผลตอบแทน Port ผมใช้วิธีคล้ายๆกับกองทุน

สมมติว่าเราเริ่มลงทุนด้วยเงินลงทุน 1 ล้านบาท
แล้วเราก็แบ่งออกเป็นหน่วยลงทุน หน่วยละ 10 บาท
ก็จะได้หน่วยลงทุนทั้งหมด 1 แสนหน่วย

จากนั้นเราก็ใช้วิธี mark to market ทุกวัน
โดยคำนวณโดยใช้สูตร (Market Portfolio + Cash) / Total Unit Trust
เราก็จะได้ราคาหน่วยที่เปลี่ยนไปทุกวัน

เมื่อมีการเติมเงินในการลงทุน ก็เปรียบเสมือนเราเข้าไปซื้อหน่วยลงทุนของเรา ณ ราคานั้น
ก็จะทำให้หน่วยลงทุนของเรามากขึ้น แต่ไม่ได้มีผลต่อราคาหน่วยลงทุน
ในทำนองเดียวกัน การถอนเงินลงทุน ก็ไม่มีผลต่อราคาหน่วยลงทุน

ทีนี้การมองผลตอบแทนก็ง่ายครับ
เช่นราคาหน่วยตอนนี้เป็น 11 บาท เราก็กำไร 10%
ในการคำนวณผลตอบแทนในแต่ละปี
เราก็ดูราคาหน่วยตอนต้นปีเทียบกับปลายปี
แต่สำหรับการคำนวณผลตอบแทนตั้งแต่ลงทุน
เราก็ดูเทียบกับราคา PAR ของเราคือ 10 บาท

ผมใช้วิธีนี้ครับ...

(เห็นว่ามีข้อเสียอย่างไร ช่วยชี้แนะด้วยครับ)

[MarginofSafety]

ทีนี้การมองผลตอบแทนก็ง่ายครับ
เช่นราคาหน่วยตอนนี้เป็น 11 บาท เราก็กำไร 10%
ในการคำนวณผลตอบแทนในแต่ละปี
เราก็ดูราคาหน่วยตอนต้นปีเทียบกับปลายปี
แต่สำหรับการคำนวณผลตอบแทนตั้งแต่ลงทุน
เราก็ดูเทียบกับราคา PAR ของเราคือ 10 บาท

(เห็นว่ามีข้อเสียอย่างไร ช่วยชี้แนะด้วยครับ)

ลัดขั้นตอนไปนิด ขอแก้ไขวิธีหาผลตอบแทนนิดนึง
ต้นทุนของ Port ต้องเอามาหาค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักด้วย
เช่น เรามี 100,000 หน่วยที่ราคา 10 บาท
เรามีเงินมาลงทุนเพิ่มอีก 120,000 บาท ตอนที่ราคาหน่วยอยู่ที่ 12 บาท
เราก็จะได้มาอีก 10,000 หน่วย

วิธีคิดต้นทุนเฉลี่ยก็ (10 x 100,000 + 12 x 10,000) / 110,000 = 10.18

10.18 คือต้นทุนเฉลี่ยของ Port ครับ
หากต้องการหาผลตอบแทนก็นำราคาหน่วยปัจจุบันมา
เทียบกับต้นทุนเฉลี่ยของ Port

[ลูกอิสาน]

ปกติการคำนวณพอร์ตคงใช้ราคาหุ้นในตลาดครับ คงไม่จำเป็นว่าเราจะ realize หรือไม่ เช่น ถ้าต้นทุนเรา 10 บาท ราคาตลาดเป็น 20 บาท และเรายังไม่ได้ขาย เวลาคิดผลตอบแทนก็ต้องใช้ราคา 20 บาทครับ เพราะถ้าเราขายก็ได้เงินสดจริงๆ ไม่แตกต่างกัน เว้นแต่ว่าราคาตลาดนั้นไม่น่าเชือ่ถือ เช่นมีคนเคาะแค่ 100 หุ้น เพื่อทำราคาปิด ในหุ้นขาดสภาพคล่องบางตัว อย่างนี้ควรใช้ราคาที่มีการซื้อขายก่อนหน้านั้นครับ ทีสะท้อนความต้องการจริงๆ


ถ้าจะคำนวณผลตอบแทนที่ถูกต้องจริงๆ ซึ่งก็คือ

กำไร/เงินลงทุนเฉลี่ย

ต้องคิดเงินทุนทุกวันครับ ซึ่งราคาหุ้นที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ก็ทำให้เงินทุนเปลี่ยนไปทุกวันเช่นกัน หลักการไม่ยากครับ แต่เวลาปฎิบัติจริงๆ ยากครับ ผมเคยคิดหาเงินทุนเฉลี่ย โดยนำพอร์ตต้นปี+ปลายปี / 2

แต่เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับผลตอบแทนตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งใช้ดัชนีต้นปีเป็นเสมือนเงินทุนเฉลี่ย ทำให้เปรียบเทียบด้วยกันไม่ได้ ผมก็เลยใช้พอร์ตต้นปีเป็นเงินทุนตัวหารไปเลย คิดว่า ดร.ก็ใช้วิธีนี้เช่นกัน

[Capo]

ขอบคุณครับทุกท่าน

เอ....ช่วงก่อนผมเคยเห็น TVI Index อยู่
ตอนนี้ไม่มีแล้วหรือครับผม
อยากเห็นภาพตอนตลาดตกหนัก ๆ ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง

[MarginofSafety]

ผมขอเรียบเรียงใหม่

วิธีที่ผมนำเสนอก่อนหน้านี้
อันที่จริงมันใช้ได้ทั้ง 2 วิธี ขึ้นอยู่กับว่าเราให้ความสำคัญกับอะไร

1. วิธีที่คิดผลตอบแทนโดยไม่นำมาหาค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก

ยกตัวอย่างเหมือนเดิม เราเริ่มลงทุน 1 ล้าน เมื่อต้นปี
เราแบ่งออกเป็น 1 แสนหน่วยหน่วยละ 10 บาท
แล้วสมมติว่าเราถือหุ้นอยู่ 80% ถือ Cash อยู่ 20%
แล้วเราก็ mark to market ไปเรื่อย เพื่อหาราคาหน่วยทุกวัน
พอลงทุนเข้าเดือนที่ 10
ปรากฎว่า (Market Price + Cash) / Unit Trust = 12 บาท
(เราได้กำไร 20% หรือกำไร 2 แสน)

แม่ยายเผอิญเห็นเรากำไรดี เลยให้เงินมาลงทุนอีก 1.2 ล้านบาท ณ เดือนที่สิบ
ปัญหาก็คือว่า เงินที่เข้ามาตอนนี้มันจะทำให้ผลตอบแทนของ Port ก่อนหน้านี้ลดฮวบทันที
สมมติคิดวิธีปกติ ผลตอบแทนจากที่ 20%
แต่เมื่อเพิ่มเงินลงทุน 1.2 ของแม่ยายเข้าไปก็จะกลายเป็น

กำไร / ต้นทุน = 0.2 ล้าน / 2.2 ล้าน = 9.09%

ถามว่าผลตอบแทนที่เราทำมาได้ดีๆ เกือบทั้งปีที่ 20%
ควรจะถูกลดทอนจากเงินลงทุนใหม่แบบนี้หรือ  :?:

ถ้างั้นก็ใช้วิธีกองทุน
เงินลงทุน 1.2 ล้านของแม่ยายก็จะมาซื้อหน่วยได้ 1 แสนหน่วย
สมมติว่ายังไม่ได้เอาไปลงทุนอะไรเพิ่ม ก็จะกลายเป็น
(1.2 ล้าน+ 1.2 ล้าน) / 2 แสน = 12 บาท
จะเห็นว่าหน่วยลงทุนเราก็ยังราคา 12 บาทเท่าเดิม
ระหว่างเดือนที่ 10 ถึงสิ้นปี เราอาจจะเอาเงินแม่ยายไปซื้อหุ้นเพิ่ม
และก็เช่นเดิม mark to market ทุกวัน
สมมติว่าที่ปลายปี หน่วยลงทุนเราอยู่ที่ 12 บาทเท่าเดิม
เราก็สรุปได้เลยว่าผลตอบแทนของเราอยู่ที่ 20%

แต่ถ้าเป็นกรณีแรก จะพบว่า เงินก้อนใหม่ 1.2 ล้านนั้น
ไม่ได้สร้างผลตอบแทนให้ดีขึ้น แต่มันลดอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนของเรา จาก 20% ไปเหลือเพียงแค่ 9.09%
ทั้งๆที่เป็นเงินที่เข้ามา ณ เดือนที่ 10

[MarginofSafety]

จากตัวอย่างเดิมทีนี้มาดูวิธีที่ 2

2. การคำนวณโดยคำนึงถึงต้นทุนของเงิน
สมมติจากตัวอย่างเดิม
หลังจากได้เงินแม่ยายมา 1.2 ล้าน
ณ เดือนที่ 10 เราลองมาคำนวณต้นทุนเฉลี่ยของ Port

(10 x 100,000) + (12 x 100,000)  / 200,000 หน่วย = 11 บาท

(ราคาหน่วย ณ ตอนที่ได้เงินแม่ยายมาอยู่ที่ 12 บาท)

พอครบสิ้นปี ปรากฎว่าราคาหน่วยกลับไปอยู่เพียงแค่ 10 บาท
แต่ต้นทุนเฉลี่ยเราอยู่ที่ 11 บาท
ก็ขาดทุน 1 บาทต่อหน่วย
มี 200,000 หน่วย ก็ขาดทุนไป 200,000 บาท
หรือขาดทุนไป 9.09%

หรือหากคิดโดยใช้วิธีทั่วไปก็ได้ผลเช่นเดียวกันคือ

(-2แสน)/2.2 ล้าน * 100 = -9.09%

ดังนั้นตัวเลข 10 บาทเหมือนเดิมแต่มันทำให้เราขาดทุนไปแล้ว 2 แสน
หรือ -9.09% จากต้นทุนเงินที่ 2.2 ล้าน หรือ 11 บาท ต่อหน่วย

สรุปถ้าเรามองผลตอบแทนในลักษณะที่เป็นตัวเงินจริงๆ
เราถึงหาค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหน่วยลงทุน
และดูราคาหน่วยตอนปลายปีเทียบกับราคาเฉลี่ยของหน่วย

แต่ถ้าเราไม่สนใจเรื่องต้นทุนของเงิน
แต่เราต้องการดู performance ในการลงทุน
ให้เราดูเทียบกับราคาหน่วยลงทุนตอนต้นปีได้เลย
แบบนี้จะแฟร์กว่า

(ทั้ง 2 แบบ ผมคิดระบบขึ้นมาใช้เอง ไม่ได้อ้างอิงจากที่ใดครับ)

[Thonburi Funds]

ขอบคุณทุกท่านเลยครับ

สรุปคือ การหาผลตอบแทนสามารถทำได้หลายวิธี
แต่ละวิธีก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป

มีใครทราบบ้างไหมครับว่า พวกตัวเลขที่โชว์ในหนังสือต่างๆ เค้าใช้วิธีไหนคิด

[Muffin]

ผมชอบวิธีของคุณ HVI นะ

[อองตวน]

ของผมทำคล้ายของคุณลูกอิสานครับ
ต่างกันที่ เงินเข้าระหว่างงวด จะไปลบจากมูลค่าพอร์ตปัจจุบัน
เงินออกระหว่างงวดจะบวกกลับให้มูลค่าพอร์ตปัจจุบัน

ดังนั้นพอร์ตปัจจุบันจะมาจาก

เงินสด + หุ้นราคาตลาด + สุทธิเงินเข้าออกจากการลงทุนในหุ้น

ถ้ามีปันผลเข้ามาก็จะไปเพิ่มในส่วนเงินสด และ ไม่มีการเวทน้ำหนักวันที่เอาเงินเข้า-ออก เพราะไม่ต้องการความละเอียดขนาดนั้น

พอสิ้นวันถ้าไม่ลืมก็ กอปปี้เก็บมูลค่าพอร์ตเป็นแถวๆลงมา

คิดผลตอบแทนจากส่วนต่างของพอร์ตปัจจุบันเทียบกับวันที่พอร์ตในอดีตที่คุณต้องการเปรียบเทียบ