“บิทคอยน์” อีกหนึ่งการลงทุนที่...คุณต้องรู้ ตอนจบ
-
- Verified User
- โพสต์: 152
- ผู้ติดตาม: 0
“บิทคอยน์” อีกหนึ่งการลงทุนที่...คุณต้องรู้ ตอนจบ
โพสต์ที่ 1
หนังสือพิมพ์ โพสต์ทูเดย์
“บิทคอยน์” อีกหนึ่งการลงทุนที่...คุณต้องรู้ ตอนจบ
ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
http://www.CsiSociety.com
Add Line: @CsiSociety
เมื่อวานนี้ เราได้คุยกันแล้วเกี่ยวกับบทความเรื่อง “บิทคอยน์” อีกหนึ่งการลงทุน ที่คุณ...ต้องรู้ ตอนที่ 1 จากงานสัมมนาภาพยนตร์เรื่อง “The Rise and rise of Bitcoin” โดยชมรมนักลงทุนซีเอสไอ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โดยมีข้อสรุปประเด็นสำคัญๆของการสัมมนา คือ หนึ่ง “บิทคอยน์” คืออะไร? สอง “บิทคอยน์” มีโอกาสที่จะตายจากไปไหม? และสาม “ราคาบิทคอยน์” ในอนาคตจะเป็นอย่างไร? วันนี้จะคุยกันต่ออีก 3 ประเด็นที่เหลือดังนี้ครับ
สี่ ความน่าเชื่อถือของ “บิทคอยน์”
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 เกิดเหตุการณ์ที่บริษัท เมาท์ก๊อกซ์ (Mt.Gox) บริษัทในกรุงโตเกียวที่เป็นเจ้าของเว็บไซต์ที่รับแลกเปลี่ยนบิทคอยน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ประกาศปิดเว็บไซต์และหยุดให้บริการแลกเปลี่ยนบิทคอยน์ โดยมีปัญหามาจากเว็บไซต์ของ Mt.Gox ถูกคนใช้คอมพิวเตอร์แฮ็คเข้าไปได้ และพบว่ามีบิทคอยน์ถูกขโมยไปสูงถึง 850,000 บิทคอยน์ คิดเป็นเงินสูงกว่า 1.5 หมื่นล้านบาททีเดียว เหตุการณ์นี้ถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่สั่นคลอนความน่าเชื่อถือของบิทคอยน์ครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา และหลายต่อหลายคนก็ต่างพากันคิดว่า งานนี้...เงินสกุลดิจิตอล “บิทคอยน์” ต้องตายแน่ๆ เพราะมันมีจุดอ่อนที่ทำให้บรรดาหัวขโมยสามารถใช้คอมพิวเตอร์แฮ็คเข้าไปและสามารถขโมยบิทคอยน์ไปได้
อันที่จริง “บิทคอยน์” เป็นสกุลเงินดิจิตอลที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน และยังไม่เคยถูกแฮ็คหรือฉ้อโกงไปจากระบบได้เลยนับตั้งแต่วันแรกที่มันปรากฏขึ้นมาบนโลกใบนี้ ทุกวันนี้คาดกันว่ามูลค่าการตลาดของบิทคอยน์ทั้งหมดน่าจะสูงกว่า 5 แสนล้านบาท ก็ยังไม่เคยเลยที่บิทคอยน์จะถูกแฮ็คและขโมยไปได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดที่บริษัท Mt.Gox นั้นพบว่า ระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทได้ถูกคนใช้คอมพิวเตอร์แฮ็คเข้าไปในระบบของบริษัทเอง และขโมยเงินบิทคอยน์ไปได้ และยังพบเพิ่มเติมอีกว่า เกิดการฉ้อโกงภายในบริษัทเองอีกด้วย ดังนั้นความน่าเชื่อถือของบิทคอยน์จึงยังมั่นคงอยู่จนถึงทุกวันนี้
เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2558 ศาลในเขตเซาธ์เทิร์นในมหานครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ได้ตัดสินให้บิทคอยน์เป็นเงินที่สามารถใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการหรือทั้งสองอย่างได้จากการโอนเงินผ่านบัญชี ดังนั้นบิทคอยน์จึงได้ทำหน้าที่เป็นทรัพยากรทางการเงิน และสามารถใช้เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนได้ และเป็นหนึ่งในวิธีการชำระเงิน
ดังนั้น ความน่าเชื่อถือของ “บิทคอยน์” ในฐานะสกุลเงินดิจิตอลที่สามารถแลกเปลี่ยน ซื้อสินค้าและบริการได้ จึงยังคงยืนหยัดอยู่ได้
ห้า “บิทคอยน์” ใช้ซื้ออะไรได้บ้าง?
ในปี 2556 มีห้างร้านหลายแห่งเริ่มรับเงินบิทคอยน์ในการชำระค่าสินค้า เริ่มจาก WordPress บริษัทที่ผลิตโปรแกรมที่ใช้เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ จากนั้นมาก็เป็นบริษัทขายตั๋วเครื่องบินโรงแรม Expedia ในเดือนมิถุนายน 2557 และ Microsoft ในเดือนธันวาคม 2557 ตามมาด้วย Dell บริษัทคอมพิวเตอร์ชื่อดังก็เริ่มรับชำระเงินเป็นบิทคอยน์ และยังให้ส่วนลดสูงถึง 10% ในสินค้าบางประเภทอีกด้วย
หลังจากนั้น ในสหรัฐอเมริกาก็มีการออก Bitcoin Gift cards โดยมีการบรรจุเงินบิทคอยน์ลงในการ์ดเหมือนบัตรเดบิต และนำไปชำระสินค้า ซึ่งพบว่ามีร้านค้าจำนวนมากมายที่รับชำระด้วยบัตรประเภทนี้ อาทิเช่น Walmart, Amazon, Target และ Nike เป็นต้น
เหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันก็เกิดขึ้นประเทศอังกฤษ โดยบัตรกิฟท์การ์ดของบริษัท Gift Off ที่ใช้บิทคอยน์บรรจุลงไปในบัตรกิฟท์การ์ดเช่นเดียวกัน ก็นำไปชำระสินค้าได้ที่ Mark & Spencer, American Apparel, Ryan Air และ Amazon เป็นต้น
ในประเทศไทย ทุกวันนี้เราสามารถนำเงินบิทคอยน์ไปเติมเงินในบัตรเงินสดได้ เติมเงินโทรศัพท์มือถือ บัตรทางด่วน จ่ายค่าไฟฟ้า น้ำประปา ค่าโทรศัพท์ และซื้อกิฟท์การ์ดได้มากมาย เช่น iTunes, Google Play Store, Major Cineplex และอีกมากมาย
หก “บิทคอยน์” อีกหนึ่งการลงทุนที่...คุณต้องรู้
“บิทคอยน์ กับ แชร์แม่ชม้อย” เคยถูกนักวิชาการพากันกล่าวหาว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่ก่อให้เกิดการทุจริตคล้ายๆ “แชร์แม่ชม้อย” (Ponzi Scheme) ศาสตราจารย์ทางกฎหมาย Eric Posner แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก ก็เคยกล่าวหาบิทคอยน์ว่าเป็นแชร์แม่ชม้อยประเภทหนึ่ง แต่ทุกวันนี้เสียงกล่าวหาต่างๆก็ดูเหมือนจะเงียบหายไป
“บิทคอยน์...ตายแน่” นิตยสารฟอร์บเคยบอกไว้ในเดือนมิถุนายน 2554 ว่า “คราวนี้ บิทคอยน์ต้องตายแน่” ตามมาด้วยนิตยสาร Gizmodo ของออสเตรเลียในเดือนสิงหาคม 2554 และนิตยสาร Wired ในเดือนธันวาคม 2555 ก็กล่าวว่า “บิทคอยน์...หมดอายุแล้ว” นอกจากนั้นยังมีอีกหลายสื่อมวลชนที่กล่าวหาบิทคอยน์ว่าไปไม่รอดแน่ ไม่ว่าจะเป็น Financial Times, USA Today และ The Telegraph เป็นต้น ปัจจุบันนี้ทุกคำกล่าวหาต่างๆก็เงียบหายไปเช่นกัน
ขณะที่เหตุการณ์ร้ายๆเริ่มผ่านไป ราคาของบิทคอยน์ก็เริ่มฉายแสงแสดงอิทธิฤทธิ์ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ราคาของบิทคอยน์จากระดับต่ำกว่า 400 ดอลลาร์ต่อหนึ่งบิทคอยน์เมื่อต้นปี 2559 ที่ผ่านมา วิ่งทะลุผ่าน 900 ดอลลาร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คุณผู้อ่านพอจำได้ไหมครับว่า อัตราแลกเปลี่ยนเริ่มแรกของบิทคอยน์เป็นเท่าไร? ที่ผมได้กล่าวถึงเมื่อวานนี้ ใช่แล้วครับ... 1,309 บิทคอยน์ต่อหนึ่งดอลลาร์ ทุกวันนี้อัตราแลกเปลี่ยนของบิทคอยน์คือ 1 บิทคอยน์แลกได้ประมาณ 900 ดอลลาร์ ดังนั้นอัตราแลกเปลี่ยนของบิทคอยน์ทุกวันนี้จึงได้เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1,309x900 = 1,178,100 เท่า นับจากวันแรกๆที่มันเริ่มมีการแลกเปลี่ยนกับเงินสกุลอื่น ซึ่งคงไม่มีใครล่วงรู้ได้เลยว่า บิทคอยน์...เงินสกุลดิจิตอลที่ไร้สัญชาตินี้จะสามารถต่อสู้กับเงินสกุลอื่นๆบนโลกใบนี้ เพื่อยืนหยัดต่อไปได้อีกนานเท่าใด?
ทำให้นึกถึงคำพูดของ Paul Singer ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ชาวอเมริกันที่เคยพูดเกี่ยวกับบิทคอยน์ไว้ว่า “There is no more reason to believe that Bitcoin will stand the test of time than that governments will protect the value of government-created money, although Bitcoin is newer, and we always look at babies with hope.” แปลตามความได้ว่า “ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะเชื่อได้ว่า บิทคอยน์จะสามารถยืนหยัดผ่านการทดสอบของเวลาได้นานกว่า เงินสกุลของแต่ละประเทศที่มีรัฐบาลของประเทศนั้นๆคอยปกป้องอยู่ ถึงแม้ว่าบิทคอยน์จะเป็นสิ่งใหม่ แต่เราก็จะเฝ้าคอยมองดูเด็กคนนี้ด้วยความหวัง”
“บิทคอยน์” อีกหนึ่งการลงทุนที่...คุณต้องรู้ ตอนจบ
ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
http://www.CsiSociety.com
Add Line: @CsiSociety
เมื่อวานนี้ เราได้คุยกันแล้วเกี่ยวกับบทความเรื่อง “บิทคอยน์” อีกหนึ่งการลงทุน ที่คุณ...ต้องรู้ ตอนที่ 1 จากงานสัมมนาภาพยนตร์เรื่อง “The Rise and rise of Bitcoin” โดยชมรมนักลงทุนซีเอสไอ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โดยมีข้อสรุปประเด็นสำคัญๆของการสัมมนา คือ หนึ่ง “บิทคอยน์” คืออะไร? สอง “บิทคอยน์” มีโอกาสที่จะตายจากไปไหม? และสาม “ราคาบิทคอยน์” ในอนาคตจะเป็นอย่างไร? วันนี้จะคุยกันต่ออีก 3 ประเด็นที่เหลือดังนี้ครับ
สี่ ความน่าเชื่อถือของ “บิทคอยน์”
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 เกิดเหตุการณ์ที่บริษัท เมาท์ก๊อกซ์ (Mt.Gox) บริษัทในกรุงโตเกียวที่เป็นเจ้าของเว็บไซต์ที่รับแลกเปลี่ยนบิทคอยน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ประกาศปิดเว็บไซต์และหยุดให้บริการแลกเปลี่ยนบิทคอยน์ โดยมีปัญหามาจากเว็บไซต์ของ Mt.Gox ถูกคนใช้คอมพิวเตอร์แฮ็คเข้าไปได้ และพบว่ามีบิทคอยน์ถูกขโมยไปสูงถึง 850,000 บิทคอยน์ คิดเป็นเงินสูงกว่า 1.5 หมื่นล้านบาททีเดียว เหตุการณ์นี้ถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่สั่นคลอนความน่าเชื่อถือของบิทคอยน์ครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา และหลายต่อหลายคนก็ต่างพากันคิดว่า งานนี้...เงินสกุลดิจิตอล “บิทคอยน์” ต้องตายแน่ๆ เพราะมันมีจุดอ่อนที่ทำให้บรรดาหัวขโมยสามารถใช้คอมพิวเตอร์แฮ็คเข้าไปและสามารถขโมยบิทคอยน์ไปได้
อันที่จริง “บิทคอยน์” เป็นสกุลเงินดิจิตอลที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน และยังไม่เคยถูกแฮ็คหรือฉ้อโกงไปจากระบบได้เลยนับตั้งแต่วันแรกที่มันปรากฏขึ้นมาบนโลกใบนี้ ทุกวันนี้คาดกันว่ามูลค่าการตลาดของบิทคอยน์ทั้งหมดน่าจะสูงกว่า 5 แสนล้านบาท ก็ยังไม่เคยเลยที่บิทคอยน์จะถูกแฮ็คและขโมยไปได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดที่บริษัท Mt.Gox นั้นพบว่า ระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทได้ถูกคนใช้คอมพิวเตอร์แฮ็คเข้าไปในระบบของบริษัทเอง และขโมยเงินบิทคอยน์ไปได้ และยังพบเพิ่มเติมอีกว่า เกิดการฉ้อโกงภายในบริษัทเองอีกด้วย ดังนั้นความน่าเชื่อถือของบิทคอยน์จึงยังมั่นคงอยู่จนถึงทุกวันนี้
เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2558 ศาลในเขตเซาธ์เทิร์นในมหานครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ได้ตัดสินให้บิทคอยน์เป็นเงินที่สามารถใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการหรือทั้งสองอย่างได้จากการโอนเงินผ่านบัญชี ดังนั้นบิทคอยน์จึงได้ทำหน้าที่เป็นทรัพยากรทางการเงิน และสามารถใช้เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนได้ และเป็นหนึ่งในวิธีการชำระเงิน
ดังนั้น ความน่าเชื่อถือของ “บิทคอยน์” ในฐานะสกุลเงินดิจิตอลที่สามารถแลกเปลี่ยน ซื้อสินค้าและบริการได้ จึงยังคงยืนหยัดอยู่ได้
ห้า “บิทคอยน์” ใช้ซื้ออะไรได้บ้าง?
ในปี 2556 มีห้างร้านหลายแห่งเริ่มรับเงินบิทคอยน์ในการชำระค่าสินค้า เริ่มจาก WordPress บริษัทที่ผลิตโปรแกรมที่ใช้เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ จากนั้นมาก็เป็นบริษัทขายตั๋วเครื่องบินโรงแรม Expedia ในเดือนมิถุนายน 2557 และ Microsoft ในเดือนธันวาคม 2557 ตามมาด้วย Dell บริษัทคอมพิวเตอร์ชื่อดังก็เริ่มรับชำระเงินเป็นบิทคอยน์ และยังให้ส่วนลดสูงถึง 10% ในสินค้าบางประเภทอีกด้วย
หลังจากนั้น ในสหรัฐอเมริกาก็มีการออก Bitcoin Gift cards โดยมีการบรรจุเงินบิทคอยน์ลงในการ์ดเหมือนบัตรเดบิต และนำไปชำระสินค้า ซึ่งพบว่ามีร้านค้าจำนวนมากมายที่รับชำระด้วยบัตรประเภทนี้ อาทิเช่น Walmart, Amazon, Target และ Nike เป็นต้น
เหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันก็เกิดขึ้นประเทศอังกฤษ โดยบัตรกิฟท์การ์ดของบริษัท Gift Off ที่ใช้บิทคอยน์บรรจุลงไปในบัตรกิฟท์การ์ดเช่นเดียวกัน ก็นำไปชำระสินค้าได้ที่ Mark & Spencer, American Apparel, Ryan Air และ Amazon เป็นต้น
ในประเทศไทย ทุกวันนี้เราสามารถนำเงินบิทคอยน์ไปเติมเงินในบัตรเงินสดได้ เติมเงินโทรศัพท์มือถือ บัตรทางด่วน จ่ายค่าไฟฟ้า น้ำประปา ค่าโทรศัพท์ และซื้อกิฟท์การ์ดได้มากมาย เช่น iTunes, Google Play Store, Major Cineplex และอีกมากมาย
หก “บิทคอยน์” อีกหนึ่งการลงทุนที่...คุณต้องรู้
“บิทคอยน์ กับ แชร์แม่ชม้อย” เคยถูกนักวิชาการพากันกล่าวหาว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่ก่อให้เกิดการทุจริตคล้ายๆ “แชร์แม่ชม้อย” (Ponzi Scheme) ศาสตราจารย์ทางกฎหมาย Eric Posner แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก ก็เคยกล่าวหาบิทคอยน์ว่าเป็นแชร์แม่ชม้อยประเภทหนึ่ง แต่ทุกวันนี้เสียงกล่าวหาต่างๆก็ดูเหมือนจะเงียบหายไป
“บิทคอยน์...ตายแน่” นิตยสารฟอร์บเคยบอกไว้ในเดือนมิถุนายน 2554 ว่า “คราวนี้ บิทคอยน์ต้องตายแน่” ตามมาด้วยนิตยสาร Gizmodo ของออสเตรเลียในเดือนสิงหาคม 2554 และนิตยสาร Wired ในเดือนธันวาคม 2555 ก็กล่าวว่า “บิทคอยน์...หมดอายุแล้ว” นอกจากนั้นยังมีอีกหลายสื่อมวลชนที่กล่าวหาบิทคอยน์ว่าไปไม่รอดแน่ ไม่ว่าจะเป็น Financial Times, USA Today และ The Telegraph เป็นต้น ปัจจุบันนี้ทุกคำกล่าวหาต่างๆก็เงียบหายไปเช่นกัน
ขณะที่เหตุการณ์ร้ายๆเริ่มผ่านไป ราคาของบิทคอยน์ก็เริ่มฉายแสงแสดงอิทธิฤทธิ์ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ราคาของบิทคอยน์จากระดับต่ำกว่า 400 ดอลลาร์ต่อหนึ่งบิทคอยน์เมื่อต้นปี 2559 ที่ผ่านมา วิ่งทะลุผ่าน 900 ดอลลาร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คุณผู้อ่านพอจำได้ไหมครับว่า อัตราแลกเปลี่ยนเริ่มแรกของบิทคอยน์เป็นเท่าไร? ที่ผมได้กล่าวถึงเมื่อวานนี้ ใช่แล้วครับ... 1,309 บิทคอยน์ต่อหนึ่งดอลลาร์ ทุกวันนี้อัตราแลกเปลี่ยนของบิทคอยน์คือ 1 บิทคอยน์แลกได้ประมาณ 900 ดอลลาร์ ดังนั้นอัตราแลกเปลี่ยนของบิทคอยน์ทุกวันนี้จึงได้เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1,309x900 = 1,178,100 เท่า นับจากวันแรกๆที่มันเริ่มมีการแลกเปลี่ยนกับเงินสกุลอื่น ซึ่งคงไม่มีใครล่วงรู้ได้เลยว่า บิทคอยน์...เงินสกุลดิจิตอลที่ไร้สัญชาตินี้จะสามารถต่อสู้กับเงินสกุลอื่นๆบนโลกใบนี้ เพื่อยืนหยัดต่อไปได้อีกนานเท่าใด?
ทำให้นึกถึงคำพูดของ Paul Singer ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ชาวอเมริกันที่เคยพูดเกี่ยวกับบิทคอยน์ไว้ว่า “There is no more reason to believe that Bitcoin will stand the test of time than that governments will protect the value of government-created money, although Bitcoin is newer, and we always look at babies with hope.” แปลตามความได้ว่า “ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะเชื่อได้ว่า บิทคอยน์จะสามารถยืนหยัดผ่านการทดสอบของเวลาได้นานกว่า เงินสกุลของแต่ละประเทศที่มีรัฐบาลของประเทศนั้นๆคอยปกป้องอยู่ ถึงแม้ว่าบิทคอยน์จะเป็นสิ่งใหม่ แต่เราก็จะเฝ้าคอยมองดูเด็กคนนี้ด้วยความหวัง”
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: “บิทคอยน์” อีกหนึ่งการลงทุนที่...คุณต้องรู้ ตอนจบ
โพสต์ที่ 2
ผมว่า มันคง เป็นอีกสกุลนึงแหละ
อยู่ไปเรื่อย ๆ เหมือนเงินสกุลหลัก
อยู่แบบคู่กัน ไม่ได้ทดแทน แบบเบ็ดเสร็จ
เพราะ ตัวมันเอง มีความยืดหยุ่นต่ำนะ ถ้าไม่มีเงินสกุล หลักมาเทียบ
จะปรับค่า ตามภาวะ เฟ้อ ยังไง ทุกบิต มันมีการ pump ตรา เอาไว้
ถ้าsplit มา อัลกอลิทึ่ม ไม่พังหรือ
และ บิทคอย มันเหมือนมีจำกัด อาจจะพิมพ์เพิ่ม ให้บวมๆ ไม่ได้
แบงค์ดอลล่าไม่ได้
เข้าใจแบบงูๆปลาๆ อาจะผิด ขออภัยมา ณ ที่นี้
อยู่ไปเรื่อย ๆ เหมือนเงินสกุลหลัก
อยู่แบบคู่กัน ไม่ได้ทดแทน แบบเบ็ดเสร็จ
เพราะ ตัวมันเอง มีความยืดหยุ่นต่ำนะ ถ้าไม่มีเงินสกุล หลักมาเทียบ
จะปรับค่า ตามภาวะ เฟ้อ ยังไง ทุกบิต มันมีการ pump ตรา เอาไว้
ถ้าsplit มา อัลกอลิทึ่ม ไม่พังหรือ
และ บิทคอย มันเหมือนมีจำกัด อาจจะพิมพ์เพิ่ม ให้บวมๆ ไม่ได้
แบงค์ดอลล่าไม่ได้
เข้าใจแบบงูๆปลาๆ อาจะผิด ขออภัยมา ณ ที่นี้
show me money.
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1487
- ผู้ติดตาม: 0
Re: “บิทคอยน์” อีกหนึ่งการลงทุนที่...คุณต้องรู้ ตอนจบ
โพสต์ที่ 5
จะเอาบิตคอยมาแตกหรือรวมได้ โดยหน่วยที่เล็กที่สุดคือ 0.00000001 BTC = 1 Satochi ครับ น่าจะเพียงพอไปอีกนานnut776 เขียน:ผมว่า มันคง เป็นอีกสกุลนึงแหละ
อยู่ไปเรื่อย ๆ เหมือนเงินสกุลหลัก
อยู่แบบคู่กัน ไม่ได้ทดแทน แบบเบ็ดเสร็จ
เพราะ ตัวมันเอง มีความยืดหยุ่นต่ำนะ ถ้าไม่มีเงินสกุล หลักมาเทียบ
จะปรับค่า ตามภาวะ เฟ้อ ยังไง ทุกบิต มันมีการ pump ตรา เอาไว้
ถ้าsplit มา อัลกอลิทึ่ม ไม่พังหรือ
และ บิทคอย มันเหมือนมีจำกัด อาจจะพิมพ์เพิ่ม ให้บวมๆ ไม่ได้
แบงค์ดอลล่าไม่ได้
เข้าใจแบบงูๆปลาๆ อาจะผิด ขออภัยมา ณ ที่นี้
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1487
- ผู้ติดตาม: 0
Re: “บิทคอยน์” อีกหนึ่งการลงทุนที่...คุณต้องรู้ ตอนจบ
โพสต์ที่ 7
คุณ JFK โพสต์ความรู้ bitcoin ไว้ครับ ละเอียดมาก
https://pantip.com/topic/36558949
https://pantip.com/topic/36558949