ช่วยผมหน่อยครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 69
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยผมหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1
ควรขาย itel ไหมครับ
ผมติดที่ 5.2
ผมว่าเจ้าของพูดดูดี แต่ว่าดูไม่น่าเชื่อถือ
ราคาตรงกันข้ามตลอด
ไม่รู้ว่ามีจรรยาบรรณอยู่ไหม ใช้เงินบริษัทฟุ้มเฟือยไหมครับ
(ดีนะ แบบ ilink ที่ขายไปก่อน เจ้าของไม่มีความละอายเลย หลอกลวงมาก ใช้เงินฟุ่มเฟือย หน้าด้านๆ บนความทุกคนอื่น)
ขอบคุณครับ
ผมติดที่ 5.2
ผมว่าเจ้าของพูดดูดี แต่ว่าดูไม่น่าเชื่อถือ
ราคาตรงกันข้ามตลอด
ไม่รู้ว่ามีจรรยาบรรณอยู่ไหม ใช้เงินบริษัทฟุ้มเฟือยไหมครับ
(ดีนะ แบบ ilink ที่ขายไปก่อน เจ้าของไม่มีความละอายเลย หลอกลวงมาก ใช้เงินฟุ่มเฟือย หน้าด้านๆ บนความทุกคนอื่น)
ขอบคุณครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 289
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยผมหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4
ใจเย็นๆครับเข้าใจน่ะว่าเห็นหุ้นลงทุกวันมันกดดันและเครียด การลงทุนต้องรู้จักฝึกสงบสติอารมณ์ของตัวเราเองด้วยถ้ายิ่งใช้อารมณ์จะยิ่งเสียหายน่ะครับ แล้วค่อยคิดทบทวนให้ดีถึงเหตุและผลก่อนที่จะซื้อหรือขาย อีกอย่างอย่ามัวไปกล่าวโทษคนอื่นหรือสิ่งอื่นอยู่ร่ำไป เราต้องหันกลับมาดูตัวเองโทษตัวเองว่าคิดอะไรผิดและนำมาเป็นบทเรียนในครั้งต่อๆไป อย่าลืมว่าตอนซื้อเราเป็นคนสั่งซื้อเองไม่มีใครมาบังคับเราได้
- JUMP
- Verified User
- โพสต์: 176
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยผมหน่อยครับ
โพสต์ที่ 6
คงต้องกลับมาถาม จขกท. ครับว่าตอนที่ซื้อๆเพราะอะไร แล้วมาดูว่า ณ ตอนนี้เหตุปัจจัยที่บอกให้ซื้อตอนนั้นยังเหมือนเดิมหรือเปลี่ยนไปในทางใด ถ้าเหมือนเดิมก็ถือต่อ รอให้เหตุนั้นเกิดราคาก็อาจกลับมา หรือดีขึ้นตามที่เราคิดไว้ แต่ถ้าไม่ใช่หรือการซื้อตอนนั้นซื้อเพราะไม่มีเหตุ ซื้อเพราะอยากซื้อ เพราะเชื่อโดยไม่ตรวจสอบและทวยสอบข้อมูลแล้วล่ะก็ ควรขาย ออกมายืนดู ออกมาพิจารณาสิ่งที่ผิดพลาด หาเหตุที่พลาดให้เจอ และหาทางแก้เหตุที่พลาด เพื่อจะได้ไม่พลาดครั้งต่อๆไป แล้วค่อยกลับไปลงทุนใหม่ดีกว่าครับ สุดท้าย ต้องบอกว่าเป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ อย่าได้เอาไปตัดสินใจใดๆโดยไม่ได้ไตร่ตรองเองอย่างถี่ถ้วนนะครับ
สติ รู้ตัว, ปัญญา รู้คิด.
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 352
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยผมหน่อยครับ
โพสต์ที่ 7
เคยดูแว๊บๆ แต่เห็น PE ที่ไรก็ถอยดีกว่า ก็เลยอยากแนะให้ลองดูว่าอนาคต ปีนี้ ปีหน้า อะไรคือปัจจัยที่บริษัทจะมีการเติบโตของกำไร ที่สูงสมกับ PE ที่สูงหรือเปล่า แล้วมีความแน่นอนแค่ไหน
- SawScofield
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 238
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ช่วยผมหน่อยครับ
โพสต์ที่ 10
นอกจาก P/E 50 ในตอนนั้นที่ทุกคนพูดกันไปเยอะแล้ว ตัวช่วยอีกตัวคือขนาด Mkt cap. ครับ จะพอบอก size ของกิจการได้
ทั้งกำไร ทั้ง management ทั้งทุกอย่างที่บริษัทมีจะเป็นตัวบอกเราได้ว่าเราซื้อได้ที่ราคาคุ้มค่ามั้ย ไอ่ 5,200 ล้านบาทเหนี่ย คุ้มขนาดธุรกิจมั้ย แล้วคุ้มตอนนี้เลยมั้ย หรือต้องรออีกกี่ปี แล้วจากนั้นล่ะมันจะโตต่อเนื่องมั้ย เป็น 6 พันล้าน 7 พันล้าน ไหวมั้ย หมื่นล้านไหวมั้ย
ไม่ใช่แค่ฟังใครต่อใครพูดให้ข้อมูลแล้วเชื่อเลยครับ เราต้องมากรองเอา facts มาวิเคราะห์ต่อเอง ... อีกมุมหนึ่งผมขอเรียกมุมมองเหล่านี้ว่าเป็นการหา Absolute fair value นะครับ
ในขณะที่ ... เอ๊ะ แล้ว 5,200 ล้านบาทตอนนั้น มันยังมีกิจการที่ขนาดใกล้เคียงกันที่น่าซื้อมากกว่ารึปล่าว Mkt cap. ขนาดนี้เนี่ย ที่คุณภาพแน่นกว่า กิจการติดตามได้ง่ายกว่า เดินดุ่มๆไปใช้สินค้าและบริการ รวมถึงนับลูกค้าแทนเค้า ฟัง feedback แทนเค้า รู้ซะก่อนงบจะออกซะอีกว่าไตรมาสนี้หรือกระทั่งปีนี้ตัวเลขจะเป็นอย่างไร รวมถึงย้อนมาที่ P/E ว่า P/E ของกิจการที่แพงสมน้ำสมเนื้อกัน อันไหนคุ้มค่ากว่า มี upside มากกว่า มุมมองนี้ผมเรียกกันว่า Relative fair value ครับ ว่าเปรียบเทียบกับของที่ใกล้เคียงกันแล้วควรซื้ออันไหนมากกว่า (ex. กางเกงยีนส์ก็ได้ครับ ตัวละ 1,000-2,000 คุณซื้อมั้ย ถ้าซื้อราคานี้เอาของ uniqlo zara mc wrangler lee h&m หรืออะไรดี ก็เทียบไป) แล้วพวกผมชอบพูดกันเล่นๆนะฮะว่า ... ทำไมต้องซื้อหุ้น P/E แพงกว่าหุ้น Starbucks นะ ... เอาจริงๆ คือคนละบริบทอะนะครับ ทั้ง growth ทั้งความแพง แต่อยากให้เปรียบเทียบแล้วซื้อของที่เข้าใจและคุ้มค่าจริงๆ
สุดท้ายนะฮะ ถ้าซื้อของที่ราคา ก็ขายที่ราคานั่นแหละครับ แต่ถ้าซื้อเพราะมูลค่า คุณจะเห็นลึกกว่าคนทั่วไปครับ ... แค่บางครั้งมันจะต้องใช้เวลาบ้างอะไรบ้าง ที่สำคัญที่สุด ซื้อของแพงก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรถ้าเรารู้คุณค่ามันจริงๆหรืือมันเหมาะสมจริงๆ หมูกระทะ 299 กับบุฟเฟ่ต์เนื้อวากิว 1,399++ คุณภาพก็ต่างกันจริงมั้ยครับ จะเลิกอะไร ก็แล้วแต่คุณครับ โชคดีครับ ขอให้ผ่านไปได้ฮะ
ทั้งกำไร ทั้ง management ทั้งทุกอย่างที่บริษัทมีจะเป็นตัวบอกเราได้ว่าเราซื้อได้ที่ราคาคุ้มค่ามั้ย ไอ่ 5,200 ล้านบาทเหนี่ย คุ้มขนาดธุรกิจมั้ย แล้วคุ้มตอนนี้เลยมั้ย หรือต้องรออีกกี่ปี แล้วจากนั้นล่ะมันจะโตต่อเนื่องมั้ย เป็น 6 พันล้าน 7 พันล้าน ไหวมั้ย หมื่นล้านไหวมั้ย
ไม่ใช่แค่ฟังใครต่อใครพูดให้ข้อมูลแล้วเชื่อเลยครับ เราต้องมากรองเอา facts มาวิเคราะห์ต่อเอง ... อีกมุมหนึ่งผมขอเรียกมุมมองเหล่านี้ว่าเป็นการหา Absolute fair value นะครับ
ในขณะที่ ... เอ๊ะ แล้ว 5,200 ล้านบาทตอนนั้น มันยังมีกิจการที่ขนาดใกล้เคียงกันที่น่าซื้อมากกว่ารึปล่าว Mkt cap. ขนาดนี้เนี่ย ที่คุณภาพแน่นกว่า กิจการติดตามได้ง่ายกว่า เดินดุ่มๆไปใช้สินค้าและบริการ รวมถึงนับลูกค้าแทนเค้า ฟัง feedback แทนเค้า รู้ซะก่อนงบจะออกซะอีกว่าไตรมาสนี้หรือกระทั่งปีนี้ตัวเลขจะเป็นอย่างไร รวมถึงย้อนมาที่ P/E ว่า P/E ของกิจการที่แพงสมน้ำสมเนื้อกัน อันไหนคุ้มค่ากว่า มี upside มากกว่า มุมมองนี้ผมเรียกกันว่า Relative fair value ครับ ว่าเปรียบเทียบกับของที่ใกล้เคียงกันแล้วควรซื้ออันไหนมากกว่า (ex. กางเกงยีนส์ก็ได้ครับ ตัวละ 1,000-2,000 คุณซื้อมั้ย ถ้าซื้อราคานี้เอาของ uniqlo zara mc wrangler lee h&m หรืออะไรดี ก็เทียบไป) แล้วพวกผมชอบพูดกันเล่นๆนะฮะว่า ... ทำไมต้องซื้อหุ้น P/E แพงกว่าหุ้น Starbucks นะ ... เอาจริงๆ คือคนละบริบทอะนะครับ ทั้ง growth ทั้งความแพง แต่อยากให้เปรียบเทียบแล้วซื้อของที่เข้าใจและคุ้มค่าจริงๆ
สุดท้ายนะฮะ ถ้าซื้อของที่ราคา ก็ขายที่ราคานั่นแหละครับ แต่ถ้าซื้อเพราะมูลค่า คุณจะเห็นลึกกว่าคนทั่วไปครับ ... แค่บางครั้งมันจะต้องใช้เวลาบ้างอะไรบ้าง ที่สำคัญที่สุด ซื้อของแพงก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรถ้าเรารู้คุณค่ามันจริงๆหรืือมันเหมาะสมจริงๆ หมูกระทะ 299 กับบุฟเฟ่ต์เนื้อวากิว 1,399++ คุณภาพก็ต่างกันจริงมั้ยครับ จะเลิกอะไร ก็แล้วแต่คุณครับ โชคดีครับ ขอให้ผ่านไปได้ฮะ
Respect, Persistence then Deserve