ประสบการณ์ลงทุนหุ้นการบินไทยที่ผิดพลาด - Billionaire VI
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 178
- ผู้ติดตาม: 0
ประสบการณ์ลงทุนหุ้นการบินไทยที่ผิดพลาด - Billionaire VI
โพสต์ที่ 1
นักลงทุนทุกคนต้องเคยลงทุนผิดพลาดมาทั้งนั้น แต่ขึ้นอยู่ว่าสามารถนำมาเป็นบทเรียนเพื่อช่วยในการลงทุนครั้งต่อไปได้หรือไม่ แม้แต่วอร์เรน บัพเฟต์ก็ยังเคยขาดทุนในหุ้นเทสโก้และไอบีเอ็มเลย
วันนี้เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ที่ผิดพลาดของผมเองในช่วง กรกฎาคม ปี 2014 ผมได้ออกนอกกรอบการลงทุนแบบวีไอเข้าไปซื้อหุ้นการบินไทย
#ถามว่าคิดยังไงถึงซื้อหุ้นการบินไทย?
1. ราคาหุ้นลดลงจาก 35 บาทในปี 2013 มา 15 บาทช่วงกลางปี 2014 แม้ว่าบริษัทขาดทุนอยู่หมื่นกว่าล้านบาท แต่ในฐานะที่เป็นสายการบินแห่งชาติมูลค่าตลาดจะใกล้เคียงกับสายการบิน Low cost ได้อย่างไร ตอนนั้น Air Asia มีมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาทขณะที่การบินไทย 30,000 ล้านบาทแต่ธุรกิจใหญ่กว่ากันเยอะมากดูอย่างไรหุ้นการบินไทยก็มีราคาถูกมาก ตอนนั้นค่า P/BV ประมาณ 0.7 เท่า
2. บริษัทฯคงไม่โดนปิดกิจการแม้หนี้จะมีมากถึง 260,000 ล้านบาท ยังไงรัฐบาลก็ต้องช่วยสนับสนุนและไม่ยอมให้สายการบินแห่งชาติที่เป็นหน้าเป็นตาต้องปิดตัวลงแน่นอน
3. ช่วงปลายปีนั้นราคาน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนประมาณ 40% ของรายได้เริ่มมีราคาลดลงจากร้อยกว่าดอลล่าร์เหลือห้าสิบดอลล่าร์ผมก็ยิ่งเก็บหุ้นเพิ่มอีก ทำโมเดลดูแล้วถ้ารายได้ไม่เพิ่มแค่ราคานำ้มันลดลงอย่างเดียวก็กำไรเยอะแล้ว
4. เชื่อมั่นในตัวของผู้บริหารว่าจะลดค่าใช้จ่ายได้อย่างที่ให้ข้อมูลไว้ กำไรสุทธิน่าจะได้อย่างน้อย 3-5% จากยอดขายสองแสนล้านบาทหรือกำไรสุทธิประมาณหมื่นล้านบาทคิดเป็นกำไร 5 บาทต่อหุ้น ถ้าพีอี 10 เท่าราคาน่าจะวิ่งไปที่ 50 บาทได้เลย
จากการขาดวินัยในการลงทุนแบบวีไอ ไม่ได้อ่านรายละเอียดธุรกิจและรายงานประจำปีให้ดีก่อน ใช้การประเมินราคาหุ้นจากค่าพีอีอย่างง่าย ทำให้สูญเสียเงินก้อนใหญ่ที่สุดในชีวิตการลงทุน(หลักหลายแสนบาท)
หลังจากซื้อที่ราคาเฉลี่ยที่ 15 บาทหุ้นก็ลดลงมาเรื่อยๆจนตัดสินใจขายทิ้งไปที่ 9.20 บาท บทเรียนที่ได้จากการผิดพลาดครั้งนี้คือ
1. การที่เราไม่รู้จริงในธุรกิจคาดเดาว่าราคาน้ำมันลดลงประมาณ 40% ต้นทุนก็ควรจะลดลงมาตามนั้น แต่ในความเป็นจริงการบินไทยได้ทำสิ่งเหนือคาดคือการ Hedge ราคาน้ำมันอากาศยานไว้ที่แพงสุดๆ 90 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาจริงอยู่ที่ 60 กว่าดอลลาร์เท่านั้น ทั้งยังต้องเสียค่า Hedge อีกต่างหากการที่ค่าใช้จ่ายจะลดลงกลับไม่ลดตามที่คาด
2. องค์กรที่มีปัญหาเรื้อรังยากที่จะแก้ไขต่อให้เชิญมือดีมาบริหารก็กู้สถานะการได้ลำบาก การที่เราจะลงทุนหุ้น Turnaround ถ้าต้องการลงทุนจริงๆควรมองหาองค์กรเอกชนที่มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการ เพราะเมื่อปัจจัยบวกภายนอกเข้ามาองค์กรก็สามารถปรับเปลี่ยนธุรกิจให้ได้ประโยขน์มากที่สุด
3. การ Turnaround ต้องใช้เวลายิ่งองค์กรอย่างการบินไทยแต่เป็นเพราะผมติดตามราคาหุ้นมากเกินไป พอปรับตัวลงมาลึกเลยตัดใจขายไป ถ้าให้เวลามากกว่านี้ซักครึ่งปีการ Turnaround ได้เริ่มเห็นผลในข่วงนั้นหุ้นขึ้นจาก 9 บาทมา 30 บาทภายในช่วงครึ่งปี
ผมยังโชคดีที่มีหุ้นต่างประเทศช่วยไว้ในปีนั้นเลยทำให้ผลตอบแทนยังเกิน 10% อยู่ แต่อยากให้พวกเราหลีกการลงทุนหุ้นด้วยการใช้ความรู้สึกส่วนตัวโดยละเลยการศึกษาให้เข้าใจธุรกิจจริงๆ ผลลัพธ์การไม่มีความรู้ในหุ้นที่ลงทุนอาจทำให้ขาดทุนแบบผมได้ครับ
วันนี้เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ที่ผิดพลาดของผมเองในช่วง กรกฎาคม ปี 2014 ผมได้ออกนอกกรอบการลงทุนแบบวีไอเข้าไปซื้อหุ้นการบินไทย
#ถามว่าคิดยังไงถึงซื้อหุ้นการบินไทย?
1. ราคาหุ้นลดลงจาก 35 บาทในปี 2013 มา 15 บาทช่วงกลางปี 2014 แม้ว่าบริษัทขาดทุนอยู่หมื่นกว่าล้านบาท แต่ในฐานะที่เป็นสายการบินแห่งชาติมูลค่าตลาดจะใกล้เคียงกับสายการบิน Low cost ได้อย่างไร ตอนนั้น Air Asia มีมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาทขณะที่การบินไทย 30,000 ล้านบาทแต่ธุรกิจใหญ่กว่ากันเยอะมากดูอย่างไรหุ้นการบินไทยก็มีราคาถูกมาก ตอนนั้นค่า P/BV ประมาณ 0.7 เท่า
2. บริษัทฯคงไม่โดนปิดกิจการแม้หนี้จะมีมากถึง 260,000 ล้านบาท ยังไงรัฐบาลก็ต้องช่วยสนับสนุนและไม่ยอมให้สายการบินแห่งชาติที่เป็นหน้าเป็นตาต้องปิดตัวลงแน่นอน
3. ช่วงปลายปีนั้นราคาน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนประมาณ 40% ของรายได้เริ่มมีราคาลดลงจากร้อยกว่าดอลล่าร์เหลือห้าสิบดอลล่าร์ผมก็ยิ่งเก็บหุ้นเพิ่มอีก ทำโมเดลดูแล้วถ้ารายได้ไม่เพิ่มแค่ราคานำ้มันลดลงอย่างเดียวก็กำไรเยอะแล้ว
4. เชื่อมั่นในตัวของผู้บริหารว่าจะลดค่าใช้จ่ายได้อย่างที่ให้ข้อมูลไว้ กำไรสุทธิน่าจะได้อย่างน้อย 3-5% จากยอดขายสองแสนล้านบาทหรือกำไรสุทธิประมาณหมื่นล้านบาทคิดเป็นกำไร 5 บาทต่อหุ้น ถ้าพีอี 10 เท่าราคาน่าจะวิ่งไปที่ 50 บาทได้เลย
จากการขาดวินัยในการลงทุนแบบวีไอ ไม่ได้อ่านรายละเอียดธุรกิจและรายงานประจำปีให้ดีก่อน ใช้การประเมินราคาหุ้นจากค่าพีอีอย่างง่าย ทำให้สูญเสียเงินก้อนใหญ่ที่สุดในชีวิตการลงทุน(หลักหลายแสนบาท)
หลังจากซื้อที่ราคาเฉลี่ยที่ 15 บาทหุ้นก็ลดลงมาเรื่อยๆจนตัดสินใจขายทิ้งไปที่ 9.20 บาท บทเรียนที่ได้จากการผิดพลาดครั้งนี้คือ
1. การที่เราไม่รู้จริงในธุรกิจคาดเดาว่าราคาน้ำมันลดลงประมาณ 40% ต้นทุนก็ควรจะลดลงมาตามนั้น แต่ในความเป็นจริงการบินไทยได้ทำสิ่งเหนือคาดคือการ Hedge ราคาน้ำมันอากาศยานไว้ที่แพงสุดๆ 90 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาจริงอยู่ที่ 60 กว่าดอลลาร์เท่านั้น ทั้งยังต้องเสียค่า Hedge อีกต่างหากการที่ค่าใช้จ่ายจะลดลงกลับไม่ลดตามที่คาด
2. องค์กรที่มีปัญหาเรื้อรังยากที่จะแก้ไขต่อให้เชิญมือดีมาบริหารก็กู้สถานะการได้ลำบาก การที่เราจะลงทุนหุ้น Turnaround ถ้าต้องการลงทุนจริงๆควรมองหาองค์กรเอกชนที่มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการ เพราะเมื่อปัจจัยบวกภายนอกเข้ามาองค์กรก็สามารถปรับเปลี่ยนธุรกิจให้ได้ประโยขน์มากที่สุด
3. การ Turnaround ต้องใช้เวลายิ่งองค์กรอย่างการบินไทยแต่เป็นเพราะผมติดตามราคาหุ้นมากเกินไป พอปรับตัวลงมาลึกเลยตัดใจขายไป ถ้าให้เวลามากกว่านี้ซักครึ่งปีการ Turnaround ได้เริ่มเห็นผลในข่วงนั้นหุ้นขึ้นจาก 9 บาทมา 30 บาทภายในช่วงครึ่งปี
ผมยังโชคดีที่มีหุ้นต่างประเทศช่วยไว้ในปีนั้นเลยทำให้ผลตอบแทนยังเกิน 10% อยู่ แต่อยากให้พวกเราหลีกการลงทุนหุ้นด้วยการใช้ความรู้สึกส่วนตัวโดยละเลยการศึกษาให้เข้าใจธุรกิจจริงๆ ผลลัพธ์การไม่มีความรู้ในหุ้นที่ลงทุนอาจทำให้ขาดทุนแบบผมได้ครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 352
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ประสบการณ์ลงทุนหุ้นการบินไทยที่ผิดพลาด - Billionaire VI
โพสต์ที่ 2
ผมก็เคยคิด และเข้าลงทุน ด้วยหลัการและวิธีนี้เหมือนกันเลย จุบจบก็คล้ายกัน
ทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกเสียดายโอกาส และความได้เปรียบ ที่ควรจะทำผลงานได้ดีกว่านี้
แต่กลับกลาย จะเป็นภาระของชาติไป
ทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกเสียดายโอกาส และความได้เปรียบ ที่ควรจะทำผลงานได้ดีกว่านี้
แต่กลับกลาย จะเป็นภาระของชาติไป