ถ้าชาติหน้ามีจริง บัฟเฟต กับ บิลเกต คงกลับมารวยเหมือนเดิม ..
-
- Verified User
- โพสต์: 306
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าชาติหน้ามีจริง บัฟเฟต กับ บิลเกต คงกลับมารวยเหมือนเดิม ..
โพสต์ที่ 32
เงินมากมายมหาศาล
หวังว่าคงมีองค์กรดีๆทั่วโลกได้รับบริจาค
มีคนที่ขาดแคลนหลายล้านคนได้รับความช่วยเหลือ
ถ้าแม่ชีเทเรซ่ายังอยู่ก็คงดี
ขอแสดงความนับถือท่านทั้งสองอย่างที่สุด
ปล.เมื่อก่อนผมไม่ชอบwindowเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวนี้เห็นโลโก้windowแล้วยิ้ม
หวังว่าคงมีองค์กรดีๆทั่วโลกได้รับบริจาค
มีคนที่ขาดแคลนหลายล้านคนได้รับความช่วยเหลือ
ถ้าแม่ชีเทเรซ่ายังอยู่ก็คงดี
ขอแสดงความนับถือท่านทั้งสองอย่างที่สุด
ปล.เมื่อก่อนผมไม่ชอบwindowเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวนี้เห็นโลโก้windowแล้วยิ้ม
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
ถ้าชาติหน้ามีจริง บัฟเฟต กับ บิลเกต คงกลับมารวยเหมือนเดิม ..
โพสต์ที่ 33
เป็นมูลนิธิของเพื่อนสนิท และมูลนิธิอีก 4 แห่งก็เป็นของคนในครอบครัวครับคัดท้าย เขียน:ทั้งนี้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ อภิมหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลก ผู้เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของเบิร์กไชร์ แฮธอะเวย์ บริษัทลงทุนชื่อดัง ประกาศว่า มีแผนจะบริจาคเงิน 37,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 85% ของทรัพย์สินทั้งหมดที่เขามี ให้กับมูลนิธิการกุศลของบิล เกตส์ ประธานกรรมการบริษัทไมโครซอฟท์ และมูลนิธิของครอบครัวของเขาเอง รวมทั้งสิ้น 5 แห่ง ถือเป็นการบริจาคเงินในระดับรายบุคคลครั้งใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
ถ้าชาติหน้ามีจริง บัฟเฟต กับ บิลเกต คงกลับมารวยเหมือนเดิม ..
โพสต์ที่ 34
อาชีพนักเล่นหุ้นเป็นอาชีพที่ไม่มีประโยชน์ต่อสังคม
เพราะว่าไม่ใช่ real sector ไม่ได้ช่วยสร้างงาน ไม่ช่วยกระจายรายได้
จะบอกว่าช่วยสนับสนุนเงินลงทุนก็ไม่ใช่ โดยเฉพาะชาว VI ที่ไม่ชอบหุ้น ipo เป็นแค่นักลงทุนไม้ที่ 2 เท่านั้นเอง
ที่โดนหนักที่สุดก็บัฟเฟตต์นี่แหละ โดนว่าเป็นเหลือบของสังคมเลยทีเดียว
ณ.วันนี้ บัฟเฟตต์คืนกำไรให้สังคมได้มากกว่าคนที่ว่าเป็นแสนเป็นล้านเท่า..........
เพราะว่าไม่ใช่ real sector ไม่ได้ช่วยสร้างงาน ไม่ช่วยกระจายรายได้
จะบอกว่าช่วยสนับสนุนเงินลงทุนก็ไม่ใช่ โดยเฉพาะชาว VI ที่ไม่ชอบหุ้น ipo เป็นแค่นักลงทุนไม้ที่ 2 เท่านั้นเอง
ที่โดนหนักที่สุดก็บัฟเฟตต์นี่แหละ โดนว่าเป็นเหลือบของสังคมเลยทีเดียว
ณ.วันนี้ บัฟเฟตต์คืนกำไรให้สังคมได้มากกว่าคนที่ว่าเป็นแสนเป็นล้านเท่า..........
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าชาติหน้ามีจริง บัฟเฟต กับ บิลเกต คงกลับมารวยเหมือนเดิม ..
โพสต์ที่ 36
ผมว่า บัฟเฟต นี่ ต้องยกให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกระดับศตวรรษจริงๆ กับพอร์ตการลงทุนที่เติบโตแบบมั่นคงตลอด 50 ปี ไม่มีการ blowout แม้แต่ตอนบั้นปลายชีวิตก็ยังฝากตำนานไว้อีก สมบูรณ์แบบครับ
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 877
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าชาติหน้ามีจริง บัฟเฟต กับ บิลเกต คงกลับมารวยเหมือนเดิม ..
โพสต์ที่ 37
ปู่แก cool มาก เป็นพระเอกทั้งนอกจอและในจอ
ลองอ่านดูครับ...................
The news that Warren Buffet has decided to retire comes as no surprise to Wall Street.
Mr. Buffet has amassed a personal fortune of more than $40 billion dollars, second
in the world only to Bill Gates.
I am getting a bit old for all this, said Buffet. There isnt any way I can spend
all that money now-even if my wife and I go on the most over-the-top cruises.
No way, I told her.
Too rich for my blood. And then the Wife wants one of those RVs that kind of looks like a bus,
you know what I mean?
I put the kibosh on that though. Gasoline is just too damned expensive!
We need to have enough for our medical insurance, Woman! says I.
One things for sure though: I will start collecting on my social security as soon as I can.
No way Im not taking my share of that.
Ive been paying in to that for years now and I intend to get whats mine.
ผมพูดถูกไหมครับ :lol:
เอา ลิงติดมาให้ดมด้วยครับ
http://www.thespoof.com/news/spoof.cfm?headline=s8i8160
ลองอ่านดูครับ...................
The news that Warren Buffet has decided to retire comes as no surprise to Wall Street.
Mr. Buffet has amassed a personal fortune of more than $40 billion dollars, second
in the world only to Bill Gates.
I am getting a bit old for all this, said Buffet. There isnt any way I can spend
all that money now-even if my wife and I go on the most over-the-top cruises.
No way, I told her.
Too rich for my blood. And then the Wife wants one of those RVs that kind of looks like a bus,
you know what I mean?
I put the kibosh on that though. Gasoline is just too damned expensive!
We need to have enough for our medical insurance, Woman! says I.
One things for sure though: I will start collecting on my social security as soon as I can.
No way Im not taking my share of that.
Ive been paying in to that for years now and I intend to get whats mine.
ผมพูดถูกไหมครับ :lol:
เอา ลิงติดมาให้ดมด้วยครับ
http://www.thespoof.com/news/spoof.cfm?headline=s8i8160
- +++
- Verified User
- โพสต์: 199
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าชาติหน้ามีจริง บัฟเฟต กับ บิลเกต คงกลับมารวยเหมือนเดิม ..
โพสต์ที่ 40
:lol: :lol:
บั๊ฟเฟต ฉลาดมากๆครับ ที่ บริจาคก่อนตาย
สุดยอดแห่งเซียนจริงๆครับ
ผมมองว่า
1. ได้หน้า ทุกคนสรรเสริญว่าใจบุญ ได้บุญทันตาเห็น
2. marketcap. ของหุ้น Berkshire ตอนนี้ราคาสูง ดังนั้นจำนวนเงินที่เขาบริจาค จะถูก mark ในราคา(จำนวน)ที่สูง
3.ถ้าเขาตาย มีความเป็นไปได้ว่าราคาหุ้นอาจตกลง 50%เป็นอย่างน้อย เพราะความเชื่อถือในหุ้นนี้คงตกลงไป (Berkshireคือ Buffett และ ในทำนองเดียวกัน Buffet คือ Berkshire )
จำนวนเงินที่บริจาคได้เมื่อคำนวณออกมาก็น้อยลง และเป็นไปได้ยากที่จะขายออกมาในราคาที่สูง เมื่อเขาตายแล้ว
ถ้าคิดจะช่วยคนให้ได้มาก ก็ต้องช่วยตอนนี้แหละ ก่อนตาย555
ไม่รู้ผมมองโลกแง่ร้ายไปป่าวเนี่ย ... อิอิ แต่นับถือน้ำใจแกนะครับ :lol:
บั๊ฟเฟต ฉลาดมากๆครับ ที่ บริจาคก่อนตาย
สุดยอดแห่งเซียนจริงๆครับ
ผมมองว่า
1. ได้หน้า ทุกคนสรรเสริญว่าใจบุญ ได้บุญทันตาเห็น
2. marketcap. ของหุ้น Berkshire ตอนนี้ราคาสูง ดังนั้นจำนวนเงินที่เขาบริจาค จะถูก mark ในราคา(จำนวน)ที่สูง
3.ถ้าเขาตาย มีความเป็นไปได้ว่าราคาหุ้นอาจตกลง 50%เป็นอย่างน้อย เพราะความเชื่อถือในหุ้นนี้คงตกลงไป (Berkshireคือ Buffett และ ในทำนองเดียวกัน Buffet คือ Berkshire )
จำนวนเงินที่บริจาคได้เมื่อคำนวณออกมาก็น้อยลง และเป็นไปได้ยากที่จะขายออกมาในราคาที่สูง เมื่อเขาตายแล้ว
ถ้าคิดจะช่วยคนให้ได้มาก ก็ต้องช่วยตอนนี้แหละ ก่อนตาย555
ไม่รู้ผมมองโลกแง่ร้ายไปป่าวเนี่ย ... อิอิ แต่นับถือน้ำใจแกนะครับ :lol:
...."เวลา" คือสินทรัพย์ที่มีค่ามากที่สุด...
-
- Verified User
- โพสต์: 401
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าชาติหน้ามีจริง บัฟเฟต กับ บิลเกต คงกลับมารวยเหมือนเดิม ..
โพสต์ที่ 41
GOD bless him!!!
ผมไม่มองว่ามูลค่าที่เขาให้จะน้อยลงหรือมากขึ้น ซึ่งผมเองกลับมองตรงที่ว่าเงินปันผลที่ได้จะเอาไปใช้นั้นมีมูลค่าเท่าไหร่มากกว่าครับ เพราะนั่นคือสิ่งที่จะได้เเน่นอนเเละมั่นคงกว่า เหมือนหุ้นปันผลบ้านเราครับ ดูปีนึงๆ พี่ chatchai กินปันผลเท่าไหร่มากกว่า ตอนนี้มูลค่าในพอร์ตเท่าไหร่เเล้ว เพราะถ้าเอามาขายคงหน้ามืดกว่าจะได้ราคาดีพร้อมวอลุ่ม อิอิ โทษทีครับที่พาดพิง
ผมไม่มองว่ามูลค่าที่เขาให้จะน้อยลงหรือมากขึ้น ซึ่งผมเองกลับมองตรงที่ว่าเงินปันผลที่ได้จะเอาไปใช้นั้นมีมูลค่าเท่าไหร่มากกว่าครับ เพราะนั่นคือสิ่งที่จะได้เเน่นอนเเละมั่นคงกว่า เหมือนหุ้นปันผลบ้านเราครับ ดูปีนึงๆ พี่ chatchai กินปันผลเท่าไหร่มากกว่า ตอนนี้มูลค่าในพอร์ตเท่าไหร่เเล้ว เพราะถ้าเอามาขายคงหน้ามืดกว่าจะได้ราคาดีพร้อมวอลุ่ม อิอิ โทษทีครับที่พาดพิง
-
- Verified User
- โพสต์: 401
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าชาติหน้ามีจริง บัฟเฟต กับ บิลเกต คงกลับมารวยเหมือนเดิม ..
โพสต์ที่ 43
พอโพสต์เสร็จเพิ่งเห็นกระทู้พี่ฉัตรชัยข้างบน เลยต้องกลับมาเเก้ เพราะผมไม่ได้ติดตามข่าวอย่างละเอียด ถ้าไม่ปันผลก็ต้องขายหุ้นออกมาเพื่อเอาเงิน คงเหมือนบังคับไม่ให้ขายทีละมากๆมั้งครับ
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าชาติหน้ามีจริง บัฟเฟต กับ บิลเกต คงกลับมารวยเหมือนเดิม ..
โพสต์ที่ 45
8) จากหมายเหตุประเทศไทย
ไทยรัฐครับ
เศรษฐีใจบุญอันดับ 1 ของโลก
ก็ต้องถือเป็นข่าวดีที่ช็อกโลกอีกข่าวหนึ่ง เมื่อ วอร์เรน บัฟเฟทท์ มหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลก ซึ่งมีทรัพย์สินส่วนตัวกว่า 44,000 ล้านดอลลาร์ กว่า 1.716 ล้านล้านบาท ประกาศ เมื่อวันอาทิตย์ จะบริจาคหุ้นที่มีอยู่ทั้งหมดร้อยละ 85 มูลค่ากว่า 37,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.443 ล้านล้านบาท ให้มูลนิธิการกุศล 5 แห่ง เพื่อช่วยเหลือคนยากจนทั่วโลก
เป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกที่ไม่เคยมีมาก่อน
การบริจาคครั้งนี้ วอร์เรน บัฟเฟทท์ จะแบ่งทรัพย์สินซึ่งเป็น หุ้นคลาสบีที่แปลง มาจาก หุ้นคลาสเอของบริษัทเบิร์กไชน์ ฮาธาเวย์ จำนวน 12,050,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 3,071 ดอลลาร์ (ราคาปิดเมื่อวันศุกร์) มูลค่า 37,000 ล้านดอลลาร์ ราว 1.443 ล้านล้านบาท ให้กับมูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ 31,450 ล้านดอลลาร์ กว่า 1.226 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 85 ของวงเงินที่บริจาค
ที่เหลือก็แบ่งให้ มูลนิธิซูซาน ธอมสัน บัฟเฟทท์ ที่ตั้งขึ้นเพื่อภรรยาผู้ล่วงลับของเขา และมูลนิธิการกุศลอื่นอีก 3 แห่ง
มูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ ปัจจุบันมีเงินบริจาคที่สองสามีภรรยามหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกบริจาคเป็นเงินก้นถุงอยู่แล้วกว่า 29,000 ล้าน ดอลลาร์ กว่า 1.131 ล้านล้านบาท เมื่อรวมเงินบริจาคของวอร์เรน บัฟเฟทท์ อีก 31,450 ล้านดอลลาร์
มูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ จะเป็นมูลนิธิที่รวยที่สุดในโลก มีเงินบริจาคสูงถึง 60,450 ล้านดอลลาร์ ราว 2.4 ล้านล้านบาท
แต่การบริจาคเงินก้อนโตในรูปของหุ้นชั้นดี เพื่อแปลงเป็นเงินในอนาคตนี้ วอร์เรน บัฟเฟทท์ ไม่ได้ให้ทีเดียวทั้งหมด มิฉะนั้น หุ้นของบริษัทเบิร์กไชน์ ฮาธาเวย์ จะถูกเทขายหล่นตุ๊บลงมาแน่นอน
แต่บัฟเฟทท์จะทยอยบริจาคเป็นงวดๆ โดยให้ปีละ 5 เปอร์เซ็นต์ของวงเงินที่บริจาค จนกว่าวอร์เรน บัฟเฟทท์ จะตาย หรือจนกว่ามูลนิธิดังกล่าวจะมีเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงไป โดยจะเริ่มบริจาคเงินก้อนแรกในเดือนหน้ากรกฎาคมนี้
การตัดสินใจบริจาคเงินก้อนใหญ่ที่สุดในชีวิตของมหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลกเพื่อการกุศลครั้งนี้ วอร์เรน บัฟเฟทท์ ได้รับแรงบันดาลใจจากบิล เกตส์ มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก ที่หันมาคิดเรื่อง การคืนกำไรสู่สังคม
เรื่องที่ผมเองก็เขียนรณรงค์มาตลอด คุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตกรรมการ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ทำมาตลอดจนถูกหมั่นไส้จากคนรวยหลายคน
มูลนิธิเกตส์สร้างความประทับใจให้แก่บัฟเฟทท์ จนตัดสินใจบริจาคเงินก้อนโต ก็คือเรื่องการช่วยเหลือดูแลสุขภาพของประชากรในโลกที่ยากจน ที่เจ็บป่วยจาก โรคมาลาเรีย โรคเอดส์ วัณโรค และการพัฒนาห้องสมุดในสหรัฐฯ และโรงเรียนมัธยมในสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน บิล เกตส์ เพิ่งประกาศล้างมือในอ่างทองคำฝังเพชร จะเลิกทำงานประจำวัน เพื่อไปทำงานให้มูลนิธิเกตส์ของเขา ในการช่วยเหลือสังคมโลกที่ยังยากจนข้นแค้นเหมือน ไม่ใช่มนุษย์ ทั้งที่เกิดมาเป็นคนเหมือนกัน
เรื่องที่ผมอยากจะชมสังคมอเมริกันอย่างหนึ่งก็คือ แม้จะเป็นนายทุนสุดกู่ แต่เศรษฐีอเมริกันมักจะใจบุญ บริจาคเงินก้อนโตเพื่อการกุศลกันมากมาย (ส่วนหนึ่งได้หักภาษี) โดยเฉพาะการบริจาคให้กับสถาบัน การศึกษาที่ตัวเองจบมา
แต่เศรษฐีไทยชอบอย่างเดียวคือ ซื้อเพชรแพงๆ ซื้อนาฬิกาแพงๆ ซื้อรถแพงๆ เพื่อเป็นข่าว อวดความรํ่ารวยของตัวเอง แต่ไม่คิดคืนกำไรสู่สังคม ที่ยังเต็มไปด้วยคนจนมากมาย
ผมเขียนเรื่องนี้ในวันนี้ นอกจากจะแสดงความชื่นชมต่อวอร์เรน บัฟเฟทท์ มหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลกแล้ว ก็อยากกระตุ้นหรือสร้างแรงบันดาลใจให้กับ เศรษฐีไทยด้วย รํ่ารวยล้นฟ้า ตายแล้วก็เอาไปไม่ได้ คิดคืนกำไรสู่สังคม ที่ขาดแคลนบ้างเถอะครับ แล้วท่านจะรู้ว่า ความสุขใจเป็นอย่างไร.
ลม เปลี่ยนทิศ
ไทยรัฐครับ
เศรษฐีใจบุญอันดับ 1 ของโลก
ก็ต้องถือเป็นข่าวดีที่ช็อกโลกอีกข่าวหนึ่ง เมื่อ วอร์เรน บัฟเฟทท์ มหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลก ซึ่งมีทรัพย์สินส่วนตัวกว่า 44,000 ล้านดอลลาร์ กว่า 1.716 ล้านล้านบาท ประกาศ เมื่อวันอาทิตย์ จะบริจาคหุ้นที่มีอยู่ทั้งหมดร้อยละ 85 มูลค่ากว่า 37,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.443 ล้านล้านบาท ให้มูลนิธิการกุศล 5 แห่ง เพื่อช่วยเหลือคนยากจนทั่วโลก
เป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกที่ไม่เคยมีมาก่อน
การบริจาคครั้งนี้ วอร์เรน บัฟเฟทท์ จะแบ่งทรัพย์สินซึ่งเป็น หุ้นคลาสบีที่แปลง มาจาก หุ้นคลาสเอของบริษัทเบิร์กไชน์ ฮาธาเวย์ จำนวน 12,050,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 3,071 ดอลลาร์ (ราคาปิดเมื่อวันศุกร์) มูลค่า 37,000 ล้านดอลลาร์ ราว 1.443 ล้านล้านบาท ให้กับมูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ 31,450 ล้านดอลลาร์ กว่า 1.226 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 85 ของวงเงินที่บริจาค
ที่เหลือก็แบ่งให้ มูลนิธิซูซาน ธอมสัน บัฟเฟทท์ ที่ตั้งขึ้นเพื่อภรรยาผู้ล่วงลับของเขา และมูลนิธิการกุศลอื่นอีก 3 แห่ง
มูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ ปัจจุบันมีเงินบริจาคที่สองสามีภรรยามหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกบริจาคเป็นเงินก้นถุงอยู่แล้วกว่า 29,000 ล้าน ดอลลาร์ กว่า 1.131 ล้านล้านบาท เมื่อรวมเงินบริจาคของวอร์เรน บัฟเฟทท์ อีก 31,450 ล้านดอลลาร์
มูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ จะเป็นมูลนิธิที่รวยที่สุดในโลก มีเงินบริจาคสูงถึง 60,450 ล้านดอลลาร์ ราว 2.4 ล้านล้านบาท
แต่การบริจาคเงินก้อนโตในรูปของหุ้นชั้นดี เพื่อแปลงเป็นเงินในอนาคตนี้ วอร์เรน บัฟเฟทท์ ไม่ได้ให้ทีเดียวทั้งหมด มิฉะนั้น หุ้นของบริษัทเบิร์กไชน์ ฮาธาเวย์ จะถูกเทขายหล่นตุ๊บลงมาแน่นอน
แต่บัฟเฟทท์จะทยอยบริจาคเป็นงวดๆ โดยให้ปีละ 5 เปอร์เซ็นต์ของวงเงินที่บริจาค จนกว่าวอร์เรน บัฟเฟทท์ จะตาย หรือจนกว่ามูลนิธิดังกล่าวจะมีเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงไป โดยจะเริ่มบริจาคเงินก้อนแรกในเดือนหน้ากรกฎาคมนี้
การตัดสินใจบริจาคเงินก้อนใหญ่ที่สุดในชีวิตของมหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลกเพื่อการกุศลครั้งนี้ วอร์เรน บัฟเฟทท์ ได้รับแรงบันดาลใจจากบิล เกตส์ มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก ที่หันมาคิดเรื่อง การคืนกำไรสู่สังคม
เรื่องที่ผมเองก็เขียนรณรงค์มาตลอด คุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตกรรมการ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ทำมาตลอดจนถูกหมั่นไส้จากคนรวยหลายคน
มูลนิธิเกตส์สร้างความประทับใจให้แก่บัฟเฟทท์ จนตัดสินใจบริจาคเงินก้อนโต ก็คือเรื่องการช่วยเหลือดูแลสุขภาพของประชากรในโลกที่ยากจน ที่เจ็บป่วยจาก โรคมาลาเรีย โรคเอดส์ วัณโรค และการพัฒนาห้องสมุดในสหรัฐฯ และโรงเรียนมัธยมในสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน บิล เกตส์ เพิ่งประกาศล้างมือในอ่างทองคำฝังเพชร จะเลิกทำงานประจำวัน เพื่อไปทำงานให้มูลนิธิเกตส์ของเขา ในการช่วยเหลือสังคมโลกที่ยังยากจนข้นแค้นเหมือน ไม่ใช่มนุษย์ ทั้งที่เกิดมาเป็นคนเหมือนกัน
เรื่องที่ผมอยากจะชมสังคมอเมริกันอย่างหนึ่งก็คือ แม้จะเป็นนายทุนสุดกู่ แต่เศรษฐีอเมริกันมักจะใจบุญ บริจาคเงินก้อนโตเพื่อการกุศลกันมากมาย (ส่วนหนึ่งได้หักภาษี) โดยเฉพาะการบริจาคให้กับสถาบัน การศึกษาที่ตัวเองจบมา
แต่เศรษฐีไทยชอบอย่างเดียวคือ ซื้อเพชรแพงๆ ซื้อนาฬิกาแพงๆ ซื้อรถแพงๆ เพื่อเป็นข่าว อวดความรํ่ารวยของตัวเอง แต่ไม่คิดคืนกำไรสู่สังคม ที่ยังเต็มไปด้วยคนจนมากมาย
ผมเขียนเรื่องนี้ในวันนี้ นอกจากจะแสดงความชื่นชมต่อวอร์เรน บัฟเฟทท์ มหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลกแล้ว ก็อยากกระตุ้นหรือสร้างแรงบันดาลใจให้กับ เศรษฐีไทยด้วย รํ่ารวยล้นฟ้า ตายแล้วก็เอาไปไม่ได้ คิดคืนกำไรสู่สังคม ที่ขาดแคลนบ้างเถอะครับ แล้วท่านจะรู้ว่า ความสุขใจเป็นอย่างไร.
ลม เปลี่ยนทิศ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- worapong
- Verified User
- โพสต์: 929
- ผู้ติดตาม: 0
พอดีเพิ่งเจอครับ
โพสต์ที่ 46
Buffett and the former Susan Thompson were married from 1952 until her death in 2004. They had three children: Susan (b. 1952), Howard (b. 1954) and Peter (b. 1958)... Buffett received a bachelor's degree from the University of Nebraska in 1950, and a master's degree in economics from Columbia University in 1951... On 30 August 2006, his 76th birthday, Buffett married Astrid Menks.
margin of safety
circle of competence
waiting for the perfect pitch
circle of competence
waiting for the perfect pitch
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พอดีเพิ่งเจอครับ
โพสต์ที่ 47
ลุงแกยังเตะปี๊บดังวุ๊ย :lovl: :lovl: :lovl:worapong เขียน:Buffett and the former Susan Thompson were married from 1952 until her death in 2004. They had three children: Susan (b. 1952), Howard (b. 1954) and Peter (b. 1958)... Buffett received a bachelor's degree from the University of Nebraska in 1950, and a master's degree in economics from Columbia University in 1951... On 30 August 2006, his 76th birthday, Buffett married Astrid Menks.
http://www.canada.com/edmontonjournal/n ... 8f&k=81048
Wedding bells for Warren Buffett
Billionaire investor marries on his birthday
Associated Press
Published: Thursday, August 31, 2006
OMAHA, Neb -- Billionaire investor Warren Buffett married his longtime companion, Astrid Menks, in a private ceremony Wednesday, the Omaha World-Herald reported in a copyrighted story in its Thursday editions.
Buffett's daughter, Susan, hosted the wedding at her Omaha home. She said her father and Menks, 60, were married by Douglas County District Judge Patricia Lamberty in a 15-minute ceremony on Buffett's 76th birthday.
"It's her only and his last (wedding)," Susan Buffett said, recalling her father's take on the ceremony.
Buffett's first wife, Susan, died July 29, 2004, at age 72. She moved to San Francisco in 1977, but the two remained married and were together often and talked frequently when apart.
The Berkshire Hathaway Inc. chairman and CEO announced in June that Buffett would bequeath the bulk of his roughly $44 billion fortune to the Bill and Melinda Gates Foundation. He donated the first 500,000 shares of Class B stock last week.
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
- khun_parinya
- Verified User
- โพสต์: 176
- ผู้ติดตาม: 0