ชายสี่หมึ่เกี๊ยว เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ปี2564
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
ชายสี่หมึ่เกี๊ยว เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ปี2564
โพสต์ที่ 1
4 ความท้าทาย “ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว” จากธุรกิจครอบครัว สู่องค์กร “มหาชน” ขึ้นแท่นแบรนด์พรีเมียม และขาย ชาไข่มุก
January 15, 2019
ถ้าพูดถึงบะหมี่ ชื่อแรกที่คนไทยทั้งประเทศนึกถึง คงเป็นแบรนด์ “ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว” ก๋วยเตี๋ยวรถเข็นที่เห็นชินตาอยู่ตามตรอก ซอก ซอยต่างๆ โดยเฉพาะหน้าร้าน 7-11 และมีอายุธุรกิจยาวนานอยู่คู่คนไทยมาถึง 24 ปีแล้ว จากการปลุกปั้นแบรนด์ของ “พันธ์รบ กำลา” ชายหนุ่มจากจังหวัดร้อยเอ็ด ผู้จบการศึกษาแค่ระดับป.4 ที่วันนี้นำพาธุรกิจแฟรนไชส์บะหมี่ “ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว” เดินทางมาไกลมาก ชนิดมีสาขาทั่วประเทศ และไปไกลถึงประเทศเพื่อนบ้าน ปัจจุบันมีสาขารวมกว่า 4,300 สาขาแล้ว
ในวัย 56 ปี “พันธ์รบ กำลา” ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว จำกัด เล่าถึงแผนธุรกิจเพื่อสานต่อและผลักดันให้แบรนด์ “ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว” ก้าวไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ กับแผนการขยายธุรกิจ “ครอบครัว” ไปสู่ความเป็น “มหาชน” แบรนด์ “โลคัล” สู่ “อินเตอร์” แม้แต่การก้าวพ้นจากแบรนด์ “สตรีท ฟู้ด” สู่แบรนด์ร้านอาหารระดับ “พรีเมียม” เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าขับรถเบนซ์ ที่อยากจะกินบะหมี่ แต่อาจจะไม่สะดวกหากต้องมานั่งริมถนน
ระดมทุนในตลาดสกัดปัญหา “ศึกสายเลือด”
ในปี 2564 เป็นเป้าหมายในการนำบริษัทเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อหวังสร้างอาณาจักร “ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว” ให้ยิ่งใหญ่เป็นบริษัทมียอดขายขนาด “หมื่นล้าน” ภายหลังจดทะเบียนได้สำเร็จ ภายในไตรมาสที่ 2 นี้ที่ปรึกษาด้านการเงินเตรียมเข้ามาให้คำปรึกษา และเตรียมตัวเข้ายื่นไฟลิ่งกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ส่วนปีที่เข้าจดทะเบียนคาดว่าจะมีรายได้ 1,400 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ บริษัทได้เตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ไว้รองรับ ไม่ว่าจะเป็นระบบบัญชี ระบบการเงิน และระบบการขาย รวมถึงการดึงมืออาชีพเข้ามาช่วยบริหารงาน อาทิ ผู้บริหารจากธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ มาดูแลฝ่ายจัดซื้อ ผู้บริหารจากสื่อทีวี มาดูเรื่องการตลาดและสร้างแบรนด์ ผู้บริหารจากธุรกิจอาหารดูแลด้านการตลาด และบริหารในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ
เป้าหมายสำคัญของการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้ มี 4 โจทย์สำคัญ คือ
1.การระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจให้เติบโต
2.การให้คนไทยระดับรากหญ้า สามารถเป็นเจ้าของแบรนด์ “ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว” ได้
3.ไม่ต้องการให้เกิด “ศึกสายเลือด” ภายในตระกูล “กำลา” เพราะปัจจุบันคุณพันธ์รบ มีทายาท 3 คนที่จะเป็นผู้รับช่วงธุรกิจ เมื่อถึงวันเข้าจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้ว จะแบ่งหุ้นให้กับลูกๆ ทั้งหมดในสัดส่วนที่เท่ากัน หรืออาจจะมีหนึ่งคนที่ได้มากสุดเพื่อบริหารงาน ปัจจุบันมีลูกสาวที่ศึกษาจบระดับปริญญาตรีด้านการบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตเข้ามาช่วยงานแล้วหนึ่งคน
4.จะมีผู้บริหารมืออาชีพเข้ามาช่วยงาน เพราะปัจจุบันเป็นบริษัทที่บริหารงานด้วยระบบ “ครอบครัว” ทำให้มืออาชีพยังไม่เข้ามาทำงาน
“เคยฟังคำพูดนักการตลาดคนหนึ่ง บอกว่า SME ถ้าอยากเป็นอินทรี ต้องเข้าตลาด” คุณพันธ์รบเล่า
จาก “สตรีทฟู้ด” สู่แบรนด์ร้านอาหาร “พรีเมี่ยม”
เป็นที่รู้กันดีว่า “ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว” เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง หรือ “สตรีท ฟู้ด” ขายราคา 35 บาท ซึ่งคนทุกกลุ่มทุกระดับเข้าถึงและซื้อกินได้ แต่ที่ผ่านมากลุ่มคนมีเงินหรือคนรวย ขับรถเบนซ์ ต้องการมานั่งกินอาจจะไม่สะดวกกับการกินอาหารข้างทาง ประกอบกับคุณพันธ์รบ ต้องการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้มีความเป็นพรีเมียม เข้าถึงกลุ่มคนมีรายได้สูง จึงได้ผุดโมเดลร้าน “CHYSEE FACTORY” ร้านก๋วยเตี๋ยวรูปแบบ Stand alone ที่มีความพรีเมียม ด้วยคุณภาพอาหารและราคา เริ่มต้นเมนูละ 49 บาทจนถึงประมาณ 200 บาท สาขาต้นแบบอยู่บริเวณด้านหน้าบริษัทที่คลองหก จังหวัดปทุมธานี ซึ่งมีเมนูภายในร้านมีความหลากหลายมากขึ้น
แนวคิดสำคัญของการผุดร้าน “CHYSEE FACTORY” คือ
1.ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลง และไม่ให้ธุรกิจหยุดนิ่งในการพัฒนา โดยโมเดลรูปแบบใหม่จะเป็นร้านในลักษณะ Stand alone ใช้พื้นที่ประมาณ100 ตารางเมตร หรือ 10×10 เมตร
2.ต้องการตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายชนชั้นกลางขึ้นไป ที่ต้องการเข้าถึงแบรนด์ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว
3.ต้องการวางระบบการบริหารจัดการร้านให้ทันสมัย ซึ่งถือเป็นสาขาแรกที่บริษัทลงทุนเองทั้งหมด
เมื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ ได้แล้ว เชื่อว่าจะทำให้สามารถขยายสาขาได้เร็วและมากขึ้น โดยตั้งเป้าไว้ว่าภายใน 4-5 ปีข้างหน้าน่าจะมีสาขาเติบโตเท่าตัว หรือ 8,600 สาขา หรืออาจจะถึง 10,000 สาขา เป้าหมายดังกล่าวจะมีโมเดลธุรกิจใหม่เข้ามาช่วยต่อเติมและเร่งสปีดการขยายสาขาให้ได้อย่างที่หวังไว้เร็วขึ้น ที่สำคัญขณะนี้ได้มีการเจรจากับ 3 แบรนด์ปั๊มน้ำมันสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น ปตท. พีที หรือบางจาก เพื่อขยายสาขาเข้าไปในปั๊มน้ำมัน โดยรูปแบบการเข้าไปมีทั้ง 3 โมเดล ตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น ร้าน Stand alone รถเข็น หรือ Kiosk
“เราอยากเดินตามซีพี ออลล์ เจ้าของร้าน 7-11 โดยในอนาคตอยากมีสาขาระดับหมื่นสาขา สินค้าเราเหมือนร้าน 7-11 ที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภค เป้าหมายหมื่นสาขา คิดดีกว่าไม่คิด ฝันดีกว่าไม่ฝัน”
ลุยตลาดต่างประเทศปักหมุด CLMV
นอกจากตลาดภายในประเทศ 10 ปีที่ผ่านมาได้ขายแฟรนไชส์ไปให้กับนักลงทุนในสปป.ลาว เพื่อขยายร้านบะหมี่ ปัจจุบันมีจำนวนสาขาในสปป.ลาวแล้ว 70 สาขา ในอีก 2 ปีตั้งเป้าจะเพิ่มสาขาเป็นเท่าตัว พร้อมกับเตรียมเข้าไปลงทุนตั้งโรงงานผลิตเส้นบะหมี่โดยเฉพาะ ด้วยงบลงทุน 20 ล้านบาท แต่ที่จะลงทุนและบุกตลาดอย่างจริงๆจังๆ ในปีนี้ คือ ประเทศกัมพูชา ซึ่งขณะนี้ได้ซื้อที่ดินแล้ว 6 ไร่ เพื่อตั้งโรงงานผลิตบะหมี่เช่นกัน เหตุผลสำคัญเป็นเพราะ มีกลุ่มนักลงทุนเข้าไปขยายธุรกิจในประเทศดังกล่าวจำนวนมาก เศรษฐกิจกำลังเติบโตเฟื่องฟู ซึ่งมั่นใจว่าประเทศกัมพูชามีศักยภาพขยายสาขาได้ถึง 500 สาขา แม้ว่าปัจจุบันจะมีสาขาเพียง 2-3 สาขาเท่านั้นก็ตาม
“ปัจจุบันประเทศไทยใช้แรงงานต่างชาติจาก 3 ประเทศ คือ เมียนมา กัมพูชา และสปป.ลาว คนที่มาทำงานได้กินบะหมี่ เวลาเอาแบรนด์ชายสี่ไปทำตลาด ก็ไม่ต้องทำตลาดมาก เพราะรู้จักอยู่แล้ว ในประเทศเมียนมาก็กำลังจะเข้าไปเช่นกัน ในสปป.ลาวถือว่าประสบความสำเร็จมาก เพราะเริ่มมีคนเลียนแบบแบรนด์เราแล้ว”
“ชายสี่” ไม่ได้มีดีแค่ “บะหมี่”
คนส่วนใหญ่รับรู้ว่า ชายสี่ขาย “บะหมี่-เกี๊ยว” แต่ความจริงไม่ได้มีแค่นั้น แบรนด์ชายสี่ มีสินค้ามากมาย หากเป็นอาหารรถเข็นตอนนี้ มีทั้ง ชายสี่ข้าวมันไก่ 100 สาขา ชายสี่โจ๊ก 20 สาขา ชายสี่พันปีหมี่เป็ดย่าง 40 สาขา ชายสี่อาลี หมี่ฮาลาล 20 สาขา ชายสี่ ลูกชิ้นเนื้อ 30 สาขา ไม่จบแค่แฟรนไชส์อาหารรถเข็น แต่ยังมีสินค้าสำเร็จรูป ขายให้คนทั่วไปซื้อไปกินที่บ้านได้อีกกว่า 50 รายการ อาทิ ผงปรุง ข้าวสาร น้ำปลา บะหมี่ เป็นต้น และยังมีโมเดลธุรกิจใหม่ ฟู้ดทรัค “EASY MEAL” ซึ่งเป็นโมเดลทดลองในการไปให้บริการตามงานอีเวนต์ต่างๆ
“วิชั่นของแบรนด์ชายสี่ มี 4 เรื่อง คือ เป็นเจ้าแห่งเส้น รถเข็นสากล ครัวของทุกบ้าน และอาหารของทุกคน จึงทำให้พัฒนาสินค้าอาหารออกมาอย่างต่อเนื่อง ที่ขายแล้วก็มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป พร้อมทาน และตอนนี้กำลังพัฒนาเส้นชาโคล และเส้นจากวัตถุดิบอื่นๆ ออกมาทำตลาดภายใต้แบรนด์ชายสี่”
นอกจากกลุ่มอาหาร แบรนด์ชายสี่ ยังไปต่อ กับการพัฒนากลุ่มสินค้าเครื่องดื่ม ประเดิมกับการลุยตลาด “ชานมไข่มุก” เหตุผลนอกเหนือจากการเพิ่มพอร์ตสินค้าสนับสนุนธุรกิจหลัก และสร้างการเติบโตแล้ว ธุรกิจนี้กำลังไปได้สวย ตลาดมีขนาดใหญ่ การบริหารจัดการไม่ได้ยุ่งยาก แถมทำกำไรได้ดีอีกต่างหาก จึงได้เริ่มทดลองทำตลาดกับร้านชานมไข่มุกเล็ก ภายใต้แบรนด์ทรีชา ที่อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง ในระยะแรกของการทดลองทำยอดขายได้ดีพอสมควร กับยอดขายวันละ 200 แก้ว ในราคาขายเริ่มต้นแก้วละ 19 บาท
ปัจจุบันคุณพันธ์รบ ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าใช้แบรนด์ชาอะไรดี เพราะคิดเอาไว้ 3 แบรนด์ คือ 1.ชายัง ซึ่งหมายถึงดื่มชาหรือยัง 2.ทรีชา หมายถึง ชา 3 ชนิด และ 3.ชายสี่ ในเบื้องต้นหวังว่าจะขยายสาขาในปีแรกให้ได้สัก 100 สาขา มีความเป็นไปได้ทั้งรูปแบบร้าน Stand alone รถเข็น และ Kiosk เริ่มต้นแฟรนไชส์ไม่เกิน 60,000 บาทพร้อมขายสินค้าได้เลย
“ชานมไข่มุกเข้าตลาดมาเป็น 10 ปี คนขายกำไรดี ไม่ยุ่งยาก และที่ผ่านมาไม่มีสินค้าเครื่องดื่ม”
แม้ว่าการดำเนินธุรกิจ “บะหมี่” เป็นธุรกิจอาหารที่ ยังไม่มีสินค้าอะไรเข้ามาทดแทนอาหารได้ แต่โจทย์ท้าทายในการดำเนินธุรกิจก็เติมไปหมด เพราะเป้าหมายของผู้ชายที่ชื่อ “พันธ์รบ” นั้น มีแต่เรื่องใหญ่ๆ ทั้งนั้นที่ต้องผลักดัน และต้องไปให้ถึง และนี่คงเป็น 4 ความท้าทายชายที่ชื่อ “พันธ์รบ กำลา” ไม่ว่าจะเป็น 1.การขยายสาขาให้ได้เป็นเท่าตัว 2.การสร้างรายได้จากยอดขายหลัก 100 ล้านบาท ไปสู่หลัก 10,000 ล้านบาท 3. การผลักดันแบรนด์สู่ความเป็น “พรีเมี่ยม” และ 4. การเดินทางไปสู่ตลาดอินเตอร์ ในสุดท้ายคงต้องลุ้นต่อไป
January 15, 2019
ถ้าพูดถึงบะหมี่ ชื่อแรกที่คนไทยทั้งประเทศนึกถึง คงเป็นแบรนด์ “ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว” ก๋วยเตี๋ยวรถเข็นที่เห็นชินตาอยู่ตามตรอก ซอก ซอยต่างๆ โดยเฉพาะหน้าร้าน 7-11 และมีอายุธุรกิจยาวนานอยู่คู่คนไทยมาถึง 24 ปีแล้ว จากการปลุกปั้นแบรนด์ของ “พันธ์รบ กำลา” ชายหนุ่มจากจังหวัดร้อยเอ็ด ผู้จบการศึกษาแค่ระดับป.4 ที่วันนี้นำพาธุรกิจแฟรนไชส์บะหมี่ “ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว” เดินทางมาไกลมาก ชนิดมีสาขาทั่วประเทศ และไปไกลถึงประเทศเพื่อนบ้าน ปัจจุบันมีสาขารวมกว่า 4,300 สาขาแล้ว
ในวัย 56 ปี “พันธ์รบ กำลา” ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว จำกัด เล่าถึงแผนธุรกิจเพื่อสานต่อและผลักดันให้แบรนด์ “ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว” ก้าวไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ กับแผนการขยายธุรกิจ “ครอบครัว” ไปสู่ความเป็น “มหาชน” แบรนด์ “โลคัล” สู่ “อินเตอร์” แม้แต่การก้าวพ้นจากแบรนด์ “สตรีท ฟู้ด” สู่แบรนด์ร้านอาหารระดับ “พรีเมียม” เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าขับรถเบนซ์ ที่อยากจะกินบะหมี่ แต่อาจจะไม่สะดวกหากต้องมานั่งริมถนน
ระดมทุนในตลาดสกัดปัญหา “ศึกสายเลือด”
ในปี 2564 เป็นเป้าหมายในการนำบริษัทเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อหวังสร้างอาณาจักร “ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว” ให้ยิ่งใหญ่เป็นบริษัทมียอดขายขนาด “หมื่นล้าน” ภายหลังจดทะเบียนได้สำเร็จ ภายในไตรมาสที่ 2 นี้ที่ปรึกษาด้านการเงินเตรียมเข้ามาให้คำปรึกษา และเตรียมตัวเข้ายื่นไฟลิ่งกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ส่วนปีที่เข้าจดทะเบียนคาดว่าจะมีรายได้ 1,400 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ บริษัทได้เตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ไว้รองรับ ไม่ว่าจะเป็นระบบบัญชี ระบบการเงิน และระบบการขาย รวมถึงการดึงมืออาชีพเข้ามาช่วยบริหารงาน อาทิ ผู้บริหารจากธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ มาดูแลฝ่ายจัดซื้อ ผู้บริหารจากสื่อทีวี มาดูเรื่องการตลาดและสร้างแบรนด์ ผู้บริหารจากธุรกิจอาหารดูแลด้านการตลาด และบริหารในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ
เป้าหมายสำคัญของการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้ มี 4 โจทย์สำคัญ คือ
1.การระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจให้เติบโต
2.การให้คนไทยระดับรากหญ้า สามารถเป็นเจ้าของแบรนด์ “ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว” ได้
3.ไม่ต้องการให้เกิด “ศึกสายเลือด” ภายในตระกูล “กำลา” เพราะปัจจุบันคุณพันธ์รบ มีทายาท 3 คนที่จะเป็นผู้รับช่วงธุรกิจ เมื่อถึงวันเข้าจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้ว จะแบ่งหุ้นให้กับลูกๆ ทั้งหมดในสัดส่วนที่เท่ากัน หรืออาจจะมีหนึ่งคนที่ได้มากสุดเพื่อบริหารงาน ปัจจุบันมีลูกสาวที่ศึกษาจบระดับปริญญาตรีด้านการบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตเข้ามาช่วยงานแล้วหนึ่งคน
4.จะมีผู้บริหารมืออาชีพเข้ามาช่วยงาน เพราะปัจจุบันเป็นบริษัทที่บริหารงานด้วยระบบ “ครอบครัว” ทำให้มืออาชีพยังไม่เข้ามาทำงาน
“เคยฟังคำพูดนักการตลาดคนหนึ่ง บอกว่า SME ถ้าอยากเป็นอินทรี ต้องเข้าตลาด” คุณพันธ์รบเล่า
จาก “สตรีทฟู้ด” สู่แบรนด์ร้านอาหาร “พรีเมี่ยม”
เป็นที่รู้กันดีว่า “ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว” เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง หรือ “สตรีท ฟู้ด” ขายราคา 35 บาท ซึ่งคนทุกกลุ่มทุกระดับเข้าถึงและซื้อกินได้ แต่ที่ผ่านมากลุ่มคนมีเงินหรือคนรวย ขับรถเบนซ์ ต้องการมานั่งกินอาจจะไม่สะดวกกับการกินอาหารข้างทาง ประกอบกับคุณพันธ์รบ ต้องการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้มีความเป็นพรีเมียม เข้าถึงกลุ่มคนมีรายได้สูง จึงได้ผุดโมเดลร้าน “CHYSEE FACTORY” ร้านก๋วยเตี๋ยวรูปแบบ Stand alone ที่มีความพรีเมียม ด้วยคุณภาพอาหารและราคา เริ่มต้นเมนูละ 49 บาทจนถึงประมาณ 200 บาท สาขาต้นแบบอยู่บริเวณด้านหน้าบริษัทที่คลองหก จังหวัดปทุมธานี ซึ่งมีเมนูภายในร้านมีความหลากหลายมากขึ้น
แนวคิดสำคัญของการผุดร้าน “CHYSEE FACTORY” คือ
1.ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลง และไม่ให้ธุรกิจหยุดนิ่งในการพัฒนา โดยโมเดลรูปแบบใหม่จะเป็นร้านในลักษณะ Stand alone ใช้พื้นที่ประมาณ100 ตารางเมตร หรือ 10×10 เมตร
2.ต้องการตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายชนชั้นกลางขึ้นไป ที่ต้องการเข้าถึงแบรนด์ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว
3.ต้องการวางระบบการบริหารจัดการร้านให้ทันสมัย ซึ่งถือเป็นสาขาแรกที่บริษัทลงทุนเองทั้งหมด
เมื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ ได้แล้ว เชื่อว่าจะทำให้สามารถขยายสาขาได้เร็วและมากขึ้น โดยตั้งเป้าไว้ว่าภายใน 4-5 ปีข้างหน้าน่าจะมีสาขาเติบโตเท่าตัว หรือ 8,600 สาขา หรืออาจจะถึง 10,000 สาขา เป้าหมายดังกล่าวจะมีโมเดลธุรกิจใหม่เข้ามาช่วยต่อเติมและเร่งสปีดการขยายสาขาให้ได้อย่างที่หวังไว้เร็วขึ้น ที่สำคัญขณะนี้ได้มีการเจรจากับ 3 แบรนด์ปั๊มน้ำมันสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น ปตท. พีที หรือบางจาก เพื่อขยายสาขาเข้าไปในปั๊มน้ำมัน โดยรูปแบบการเข้าไปมีทั้ง 3 โมเดล ตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น ร้าน Stand alone รถเข็น หรือ Kiosk
“เราอยากเดินตามซีพี ออลล์ เจ้าของร้าน 7-11 โดยในอนาคตอยากมีสาขาระดับหมื่นสาขา สินค้าเราเหมือนร้าน 7-11 ที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภค เป้าหมายหมื่นสาขา คิดดีกว่าไม่คิด ฝันดีกว่าไม่ฝัน”
ลุยตลาดต่างประเทศปักหมุด CLMV
นอกจากตลาดภายในประเทศ 10 ปีที่ผ่านมาได้ขายแฟรนไชส์ไปให้กับนักลงทุนในสปป.ลาว เพื่อขยายร้านบะหมี่ ปัจจุบันมีจำนวนสาขาในสปป.ลาวแล้ว 70 สาขา ในอีก 2 ปีตั้งเป้าจะเพิ่มสาขาเป็นเท่าตัว พร้อมกับเตรียมเข้าไปลงทุนตั้งโรงงานผลิตเส้นบะหมี่โดยเฉพาะ ด้วยงบลงทุน 20 ล้านบาท แต่ที่จะลงทุนและบุกตลาดอย่างจริงๆจังๆ ในปีนี้ คือ ประเทศกัมพูชา ซึ่งขณะนี้ได้ซื้อที่ดินแล้ว 6 ไร่ เพื่อตั้งโรงงานผลิตบะหมี่เช่นกัน เหตุผลสำคัญเป็นเพราะ มีกลุ่มนักลงทุนเข้าไปขยายธุรกิจในประเทศดังกล่าวจำนวนมาก เศรษฐกิจกำลังเติบโตเฟื่องฟู ซึ่งมั่นใจว่าประเทศกัมพูชามีศักยภาพขยายสาขาได้ถึง 500 สาขา แม้ว่าปัจจุบันจะมีสาขาเพียง 2-3 สาขาเท่านั้นก็ตาม
“ปัจจุบันประเทศไทยใช้แรงงานต่างชาติจาก 3 ประเทศ คือ เมียนมา กัมพูชา และสปป.ลาว คนที่มาทำงานได้กินบะหมี่ เวลาเอาแบรนด์ชายสี่ไปทำตลาด ก็ไม่ต้องทำตลาดมาก เพราะรู้จักอยู่แล้ว ในประเทศเมียนมาก็กำลังจะเข้าไปเช่นกัน ในสปป.ลาวถือว่าประสบความสำเร็จมาก เพราะเริ่มมีคนเลียนแบบแบรนด์เราแล้ว”
“ชายสี่” ไม่ได้มีดีแค่ “บะหมี่”
คนส่วนใหญ่รับรู้ว่า ชายสี่ขาย “บะหมี่-เกี๊ยว” แต่ความจริงไม่ได้มีแค่นั้น แบรนด์ชายสี่ มีสินค้ามากมาย หากเป็นอาหารรถเข็นตอนนี้ มีทั้ง ชายสี่ข้าวมันไก่ 100 สาขา ชายสี่โจ๊ก 20 สาขา ชายสี่พันปีหมี่เป็ดย่าง 40 สาขา ชายสี่อาลี หมี่ฮาลาล 20 สาขา ชายสี่ ลูกชิ้นเนื้อ 30 สาขา ไม่จบแค่แฟรนไชส์อาหารรถเข็น แต่ยังมีสินค้าสำเร็จรูป ขายให้คนทั่วไปซื้อไปกินที่บ้านได้อีกกว่า 50 รายการ อาทิ ผงปรุง ข้าวสาร น้ำปลา บะหมี่ เป็นต้น และยังมีโมเดลธุรกิจใหม่ ฟู้ดทรัค “EASY MEAL” ซึ่งเป็นโมเดลทดลองในการไปให้บริการตามงานอีเวนต์ต่างๆ
“วิชั่นของแบรนด์ชายสี่ มี 4 เรื่อง คือ เป็นเจ้าแห่งเส้น รถเข็นสากล ครัวของทุกบ้าน และอาหารของทุกคน จึงทำให้พัฒนาสินค้าอาหารออกมาอย่างต่อเนื่อง ที่ขายแล้วก็มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป พร้อมทาน และตอนนี้กำลังพัฒนาเส้นชาโคล และเส้นจากวัตถุดิบอื่นๆ ออกมาทำตลาดภายใต้แบรนด์ชายสี่”
นอกจากกลุ่มอาหาร แบรนด์ชายสี่ ยังไปต่อ กับการพัฒนากลุ่มสินค้าเครื่องดื่ม ประเดิมกับการลุยตลาด “ชานมไข่มุก” เหตุผลนอกเหนือจากการเพิ่มพอร์ตสินค้าสนับสนุนธุรกิจหลัก และสร้างการเติบโตแล้ว ธุรกิจนี้กำลังไปได้สวย ตลาดมีขนาดใหญ่ การบริหารจัดการไม่ได้ยุ่งยาก แถมทำกำไรได้ดีอีกต่างหาก จึงได้เริ่มทดลองทำตลาดกับร้านชานมไข่มุกเล็ก ภายใต้แบรนด์ทรีชา ที่อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง ในระยะแรกของการทดลองทำยอดขายได้ดีพอสมควร กับยอดขายวันละ 200 แก้ว ในราคาขายเริ่มต้นแก้วละ 19 บาท
ปัจจุบันคุณพันธ์รบ ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าใช้แบรนด์ชาอะไรดี เพราะคิดเอาไว้ 3 แบรนด์ คือ 1.ชายัง ซึ่งหมายถึงดื่มชาหรือยัง 2.ทรีชา หมายถึง ชา 3 ชนิด และ 3.ชายสี่ ในเบื้องต้นหวังว่าจะขยายสาขาในปีแรกให้ได้สัก 100 สาขา มีความเป็นไปได้ทั้งรูปแบบร้าน Stand alone รถเข็น และ Kiosk เริ่มต้นแฟรนไชส์ไม่เกิน 60,000 บาทพร้อมขายสินค้าได้เลย
“ชานมไข่มุกเข้าตลาดมาเป็น 10 ปี คนขายกำไรดี ไม่ยุ่งยาก และที่ผ่านมาไม่มีสินค้าเครื่องดื่ม”
แม้ว่าการดำเนินธุรกิจ “บะหมี่” เป็นธุรกิจอาหารที่ ยังไม่มีสินค้าอะไรเข้ามาทดแทนอาหารได้ แต่โจทย์ท้าทายในการดำเนินธุรกิจก็เติมไปหมด เพราะเป้าหมายของผู้ชายที่ชื่อ “พันธ์รบ” นั้น มีแต่เรื่องใหญ่ๆ ทั้งนั้นที่ต้องผลักดัน และต้องไปให้ถึง และนี่คงเป็น 4 ความท้าทายชายที่ชื่อ “พันธ์รบ กำลา” ไม่ว่าจะเป็น 1.การขยายสาขาให้ได้เป็นเท่าตัว 2.การสร้างรายได้จากยอดขายหลัก 100 ล้านบาท ไปสู่หลัก 10,000 ล้านบาท 3. การผลักดันแบรนด์สู่ความเป็น “พรีเมี่ยม” และ 4. การเดินทางไปสู่ตลาดอินเตอร์ ในสุดท้ายคงต้องลุ้นต่อไป
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชายสี่หมึ่เกี๊ยว เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ปี2564
โพสต์ที่ 2
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชายสี่หมึ่เกี๊ยว เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ปี2564
โพสต์ที่ 3
ชายสี่บะหมี่พันล้านเตรียมเข็นรถเข้า IPO
“คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะเป็นได้”
คงเป็นประโยคที่ได้ยินกันบ่อยจนเบื่อ แต่หากเราสังเกตดูชีวิตของนักธุรกิจที่ประสบความสําเร็จหลายคน คงจะเถียงไม่ได้ว่าคำพูดนี้เป็นจริงเสียยิ่งกว่าจริง เพราะพวกเค้าหลายคนไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดหรือต่อยอดธุรกิจจากรุ่นพ่อรุ่นแม่จนร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี แต่ทำทุกอย่างขึ้นมาด้วยสมองและสองมือของตัวเองโดยที่เริ่มต้นจากศูนย์เลย เพราะงั้นถ้าใครที่ยังร้องไห้โทษโชคชะตาอยู่ เลิกโวยวายได้แล้ว
ในเมื่อโชคชะตาไม่ได้เขียนให้เราเกิดมารวย เราก็ลิขิตขึ้นมาซะเองเลยสิ! เหมือนอย่าง “คุณพันธ์รบ กำลา” เจ้าของร้านเฟรนไชน์บะหมี่เกี๊ยวเจ้าดังที่เราเห็นกันอยู่ทั่วทุกมุมถนนซึ่งเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจมากๆ พี่ทุยเลยจะเอามาเล่าให้ฟังในบทความนี้
ก่อนจะมาเป็น “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” ธุรกิจครอบครัวที่กำลังยื่นจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์เป็นธุรกิจมหาชนภายในปี 2564 อย่างทุกวันนี้ เส้นทางชีวิตของคุณพันธ์รบ กำลาไม่ได้สวยหรูนัก เริ่มจากตอนอายุ 12 เขาตัดสินใจเข้ามาทำงานในกรุงเทพด้วยวุฒิการศึกษา ป.4 โดยเริ่มงานแรกที่โรงงานผลิตน็อต-สกรูและมีโอกาสได้เรียน กศน. เพิ่มจนจบ ม.3 แต่สิ่งที่ทำให้คุณพันธ์รบประสบความสําเร็จโดยไม่แคร์ใบปริญญา คือการที่เขาสามารถเปลี่ยนทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตามหลักเศรษฐศาสตร์ที่เราเรียนกันตอนมอปลายได้ ซึ่งก็คือ “ทรัพยากรบุคคล” หรือพูดง่ายๆ ว่าเขาสร้างมูลค่าให้กับตัวเองได้มากมายนั่นเอง
ชายสี่บะหมี่พันล้านเตรียมเข็นรถเข้า IPO
ก่อนจะมาเป็น “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” ธุรกิจครอบครัวที่กำลังยื่นจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์เป็นธุรกิจมหาชนภายในปี 2564 อย่างทุกวันนี้ เส้นทางชีวิตของคุณพันธ์รบ กำลาไม่ได้สวยหรูนัก เริ่มจากตอนอายุ 12 เขาตัดสินใจเข้ามาทำงานในกรุงเทพด้วยวุฒิการศึกษา ป.4 โดยเริ่มงานแรกที่โรงงานผลิตน็อต-สกรูและมีโอกาสได้เรียน กศน. เพิ่มจนจบ ม.3 แต่สิ่งที่ทำให้คุณพันธ์รบประสบความสําเร็จโดยไม่แคร์ใบปริญญา คือ การที่เขาสามารถเปลี่ยนทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตามหลักเศรษฐศาสตร์ที่เราเรียนกันตอน ม.ปลายได้ ซึ่งก็คือ “ทรัพยากรบุคคล” หรือพูดง่ายๆ ว่าเขาสร้างมูลค่าให้กับตัวเองได้มากมายนั่นเอง
ทรัพยากรบุคคลที่ทำให้คุณพันธ์รบเปลี่ยนรถเข็นขายบะหมี่คันเดียวให้เป็นธุรกิจเฟรนไชน์มากกว่า 4,300 สาขาได้ ก็อย่างเช่น
1. ขยันอดออมและมีหัวทางธุรกิจ
หลังจากทำงานที่โรงงานผลิตน็อต-สกรูได้สักพัก เขาก็จับได้ใบแดงจึงต้องไปเป็นทหาร 2 ปี ระหว่างที่เป็นทหาร คุณพันธ์รบก็ประหยัดอดออม ใช้แต่สิ่งที่สวัสดิการให้มาเท่านั้นจนมีเงินเก็บหลายหมื่นบาท ซึ่งถือว่าเยอะน่าดูในปี 2527 พอหลายคนรู้เข้า ก็มาขอยืมเงิน เขาจึงปล่อยกู้เพื่อนทหาร โดยให้ยืม 80 บาทและมีเงื่อนไขว่าต้องคืนให้ครบ 100 บาทใน 10 วัน คุณพันธ์รบได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า “วิญญาณความเป็นนักธุรกิจของผมเริ่มต้นจากตรงนี้แหละ”
2. รู้จักวางแผน
หลังจากเกณฑ์ทหารเสร็จ คุณพันธ์รบก็ออกมาเป็นคนขายไอติมและสร้างยอดขายให้บริษัทสูงสุด โดยเคล็ดลับของเขาอยู่ที่การวางแผนเพิ่มยอดขาย เช่น จะเน้นเข้าซอยที่มีเด็กเยอะ โดยเข้าไปก่อนในตอนแรกแล้วค่อยวกกลับมาที่เดิม แต่คราวนี้จะอยู่แช่นานหน่อย โดยเลือกเข้ามาก่อนในตอนแรกให้เด็กเห็นแล้วไปขอเงินจากพ่อแม่ เมื่อเข้ามารอบหลังเด็กก็เด็กมีเงินพร้อมที่จะซื้อแล้ว ถ้าพ่อแม่ของเด็กไม่ยอมให้เงินมาซื้ิอไอติม เขาก็จะออกอุบายว่ารถเสีย สุดท้ายก็จะปิดการขายได้เอง
3. ระบุกลุ่มเป้าหมายและเจาะกลุ่มได้ตรงจุด
อย่างที่ได้ยกตัวอย่างไปในเรื่องของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็ก ซึ่งคุณพันธ์รบจะใช้วิธีเข้ามาปิดการขายอีกรอบ ส่วนอีกกลุ่มเป้าหมายซึ่งคือคนหนุ่มสาว เขาจะขับรถไอติมไปที่เวทีที่เป็นสถานที่จัดงาน เช่น คอนเสิร์ตและบางทีก็แกล้งทำเป็นรถเสีย คนหนุ่มสาวก็จะมาช่วยซื้อ รถไอติมจะได้ไปที่อื่น พี่ทุยไม่ได้บอกว่าวิธีอย่างนี้ดีนะจ๊ะ แต่เอามาเล่าเบื้องหลังความสำเร็จให้เห็นถึงว่า เขาคนนี้เป็นคนช่างคิด ช่างวางแผนยังไงเท่านั้นเอง ยังมีวิธีอื่นๆ อีกมากมายที่เราสามารถปิดการขายและเป็นที่รักของลูกค้าไปได้พร้อมๆ กันนะ
4. “Devil is in the detail” หรือปีศาจมีอยู่ในทุกรายละเอียด
ข้อนี้เป็นสิ่งที่พี่ทุยเห็นในตัวนักธุรกิจที่ประสบความสําเร็จหลายคนเลยนะ เมื่อเริ่มแรกที่ทำร้านชายสี่บะหมี่เกี๊ยว คุณพันธ์รบไม่ปลื้มเส้นบะหมี่เหลืองที่รับมาขายเท่าไหร่นัก เพราะบางครั้งก็ไม่เหลือง ไม่เหนียวนุ่มแถมยังขาดลุ่ย จึงตัดสินใจควักเงินซื้อเครื่องทำเส้นบะหมี่และจ้างคนมาสอนผลิตเส้นบะหมี่เอง แต่ก็คว้าน้ำเหลว จนสุดท้ายก็เริ่มศึกษา ทดลองทำ เก็บข้อมูลจากลูกค้าและนำมาปรับปรุงเอง จนได้เส้นเหนียวนุ่มอย่างทุกวันนี้ ดูสิ คนจะปัง แม้แต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในงานอย่างเช่น เส้นบะหมี่ เขาก็ยังให้ความสำคัญเลย…
5. ยังไม่เก่งเหรอ ? หมกมุ่นสิ
ความใส่ใจในทุกรายละเอียดและความทุ่มเทคือคีย์เวิร์ดสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้เขาประสบความสําเร็จ ความทุ่มเทมากๆ จนเรียกได้ว่าหลงไหล พูดเป็นภาษาเราๆ ได้ว่า “การมีแพสชั่น” แพสชั่นในบะหมี่เกี๊ยวของคุณพันธ์รบ ทำให้ร้านชายสี่บะหมี่เกี๊ยวอยู่มานานตั้งแต่ปี 2535 แม้จะผ่านมาเกือบ 30 ปี คุณพันธ์รบก็ยังคงยึดมั่น ไม่หมดแพสชั่นเลย
6. ใฝ่รู้
คุณพันธ์รบมักจะพยายามอ่านหนังสือให้ได้เล่มนึงเสมอ เมื่อต้องเดินทางไปทำธุรกิจ
นอกจาก “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” แล้ว คุณพันธ์รบยังวางแผนขยายธุรกิจหลายอย่าง ทั้งการเปิดร้าน “ชายสี่แฟคตอรี่ (Chysee Factory)” เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าทุกระดับรวมถึงตลาดบน และเดินหน้าลุยตลาดต่างประเทศ CLMV ซึ่งในขณะนี้มีสาขาที่ สปป. ลาวแล้วกว่า 70 สาขา นอกจากนี้ยังขยายไปทำธุรกิจอื่นๆ ด้วย เช่น ฟู๊ดทรัก (Food Truck) แบรนด์ “Easy meal” ที่จะเน้นไปให้บริการตามบริเวณที่จัดงานอีเวนท์ต่างๆ และชานมไข่มุก
ชายสี่บะหมี่พันล้านเตรียมเข็นรถเข้า IPO
อ่านบทความนี้จบแล้ว อย่ารอช้านะจ๊ะ หยิบปากกาในจินตนาการแล้วมาวาดเส้นทางชีวิตของเราเองกันเถอะ ที่สำคัญวางแผนแล้วต้องลงมือทำด้วยนะ แผนการ + ไม่ลงมือ = ความฝัน แต่เเผนการ + การลงมือทำ = สำเร็จนะเออ
https://www.moneybuffalo.in.th/หุ้น/ชาย ... ampaign=mb
“คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะเป็นได้”
คงเป็นประโยคที่ได้ยินกันบ่อยจนเบื่อ แต่หากเราสังเกตดูชีวิตของนักธุรกิจที่ประสบความสําเร็จหลายคน คงจะเถียงไม่ได้ว่าคำพูดนี้เป็นจริงเสียยิ่งกว่าจริง เพราะพวกเค้าหลายคนไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดหรือต่อยอดธุรกิจจากรุ่นพ่อรุ่นแม่จนร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี แต่ทำทุกอย่างขึ้นมาด้วยสมองและสองมือของตัวเองโดยที่เริ่มต้นจากศูนย์เลย เพราะงั้นถ้าใครที่ยังร้องไห้โทษโชคชะตาอยู่ เลิกโวยวายได้แล้ว
ในเมื่อโชคชะตาไม่ได้เขียนให้เราเกิดมารวย เราก็ลิขิตขึ้นมาซะเองเลยสิ! เหมือนอย่าง “คุณพันธ์รบ กำลา” เจ้าของร้านเฟรนไชน์บะหมี่เกี๊ยวเจ้าดังที่เราเห็นกันอยู่ทั่วทุกมุมถนนซึ่งเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจมากๆ พี่ทุยเลยจะเอามาเล่าให้ฟังในบทความนี้
ก่อนจะมาเป็น “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” ธุรกิจครอบครัวที่กำลังยื่นจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์เป็นธุรกิจมหาชนภายในปี 2564 อย่างทุกวันนี้ เส้นทางชีวิตของคุณพันธ์รบ กำลาไม่ได้สวยหรูนัก เริ่มจากตอนอายุ 12 เขาตัดสินใจเข้ามาทำงานในกรุงเทพด้วยวุฒิการศึกษา ป.4 โดยเริ่มงานแรกที่โรงงานผลิตน็อต-สกรูและมีโอกาสได้เรียน กศน. เพิ่มจนจบ ม.3 แต่สิ่งที่ทำให้คุณพันธ์รบประสบความสําเร็จโดยไม่แคร์ใบปริญญา คือการที่เขาสามารถเปลี่ยนทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตามหลักเศรษฐศาสตร์ที่เราเรียนกันตอนมอปลายได้ ซึ่งก็คือ “ทรัพยากรบุคคล” หรือพูดง่ายๆ ว่าเขาสร้างมูลค่าให้กับตัวเองได้มากมายนั่นเอง
ชายสี่บะหมี่พันล้านเตรียมเข็นรถเข้า IPO
ก่อนจะมาเป็น “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” ธุรกิจครอบครัวที่กำลังยื่นจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์เป็นธุรกิจมหาชนภายในปี 2564 อย่างทุกวันนี้ เส้นทางชีวิตของคุณพันธ์รบ กำลาไม่ได้สวยหรูนัก เริ่มจากตอนอายุ 12 เขาตัดสินใจเข้ามาทำงานในกรุงเทพด้วยวุฒิการศึกษา ป.4 โดยเริ่มงานแรกที่โรงงานผลิตน็อต-สกรูและมีโอกาสได้เรียน กศน. เพิ่มจนจบ ม.3 แต่สิ่งที่ทำให้คุณพันธ์รบประสบความสําเร็จโดยไม่แคร์ใบปริญญา คือ การที่เขาสามารถเปลี่ยนทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตามหลักเศรษฐศาสตร์ที่เราเรียนกันตอน ม.ปลายได้ ซึ่งก็คือ “ทรัพยากรบุคคล” หรือพูดง่ายๆ ว่าเขาสร้างมูลค่าให้กับตัวเองได้มากมายนั่นเอง
ทรัพยากรบุคคลที่ทำให้คุณพันธ์รบเปลี่ยนรถเข็นขายบะหมี่คันเดียวให้เป็นธุรกิจเฟรนไชน์มากกว่า 4,300 สาขาได้ ก็อย่างเช่น
1. ขยันอดออมและมีหัวทางธุรกิจ
หลังจากทำงานที่โรงงานผลิตน็อต-สกรูได้สักพัก เขาก็จับได้ใบแดงจึงต้องไปเป็นทหาร 2 ปี ระหว่างที่เป็นทหาร คุณพันธ์รบก็ประหยัดอดออม ใช้แต่สิ่งที่สวัสดิการให้มาเท่านั้นจนมีเงินเก็บหลายหมื่นบาท ซึ่งถือว่าเยอะน่าดูในปี 2527 พอหลายคนรู้เข้า ก็มาขอยืมเงิน เขาจึงปล่อยกู้เพื่อนทหาร โดยให้ยืม 80 บาทและมีเงื่อนไขว่าต้องคืนให้ครบ 100 บาทใน 10 วัน คุณพันธ์รบได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า “วิญญาณความเป็นนักธุรกิจของผมเริ่มต้นจากตรงนี้แหละ”
2. รู้จักวางแผน
หลังจากเกณฑ์ทหารเสร็จ คุณพันธ์รบก็ออกมาเป็นคนขายไอติมและสร้างยอดขายให้บริษัทสูงสุด โดยเคล็ดลับของเขาอยู่ที่การวางแผนเพิ่มยอดขาย เช่น จะเน้นเข้าซอยที่มีเด็กเยอะ โดยเข้าไปก่อนในตอนแรกแล้วค่อยวกกลับมาที่เดิม แต่คราวนี้จะอยู่แช่นานหน่อย โดยเลือกเข้ามาก่อนในตอนแรกให้เด็กเห็นแล้วไปขอเงินจากพ่อแม่ เมื่อเข้ามารอบหลังเด็กก็เด็กมีเงินพร้อมที่จะซื้อแล้ว ถ้าพ่อแม่ของเด็กไม่ยอมให้เงินมาซื้ิอไอติม เขาก็จะออกอุบายว่ารถเสีย สุดท้ายก็จะปิดการขายได้เอง
3. ระบุกลุ่มเป้าหมายและเจาะกลุ่มได้ตรงจุด
อย่างที่ได้ยกตัวอย่างไปในเรื่องของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็ก ซึ่งคุณพันธ์รบจะใช้วิธีเข้ามาปิดการขายอีกรอบ ส่วนอีกกลุ่มเป้าหมายซึ่งคือคนหนุ่มสาว เขาจะขับรถไอติมไปที่เวทีที่เป็นสถานที่จัดงาน เช่น คอนเสิร์ตและบางทีก็แกล้งทำเป็นรถเสีย คนหนุ่มสาวก็จะมาช่วยซื้อ รถไอติมจะได้ไปที่อื่น พี่ทุยไม่ได้บอกว่าวิธีอย่างนี้ดีนะจ๊ะ แต่เอามาเล่าเบื้องหลังความสำเร็จให้เห็นถึงว่า เขาคนนี้เป็นคนช่างคิด ช่างวางแผนยังไงเท่านั้นเอง ยังมีวิธีอื่นๆ อีกมากมายที่เราสามารถปิดการขายและเป็นที่รักของลูกค้าไปได้พร้อมๆ กันนะ
4. “Devil is in the detail” หรือปีศาจมีอยู่ในทุกรายละเอียด
ข้อนี้เป็นสิ่งที่พี่ทุยเห็นในตัวนักธุรกิจที่ประสบความสําเร็จหลายคนเลยนะ เมื่อเริ่มแรกที่ทำร้านชายสี่บะหมี่เกี๊ยว คุณพันธ์รบไม่ปลื้มเส้นบะหมี่เหลืองที่รับมาขายเท่าไหร่นัก เพราะบางครั้งก็ไม่เหลือง ไม่เหนียวนุ่มแถมยังขาดลุ่ย จึงตัดสินใจควักเงินซื้อเครื่องทำเส้นบะหมี่และจ้างคนมาสอนผลิตเส้นบะหมี่เอง แต่ก็คว้าน้ำเหลว จนสุดท้ายก็เริ่มศึกษา ทดลองทำ เก็บข้อมูลจากลูกค้าและนำมาปรับปรุงเอง จนได้เส้นเหนียวนุ่มอย่างทุกวันนี้ ดูสิ คนจะปัง แม้แต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในงานอย่างเช่น เส้นบะหมี่ เขาก็ยังให้ความสำคัญเลย…
5. ยังไม่เก่งเหรอ ? หมกมุ่นสิ
ความใส่ใจในทุกรายละเอียดและความทุ่มเทคือคีย์เวิร์ดสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้เขาประสบความสําเร็จ ความทุ่มเทมากๆ จนเรียกได้ว่าหลงไหล พูดเป็นภาษาเราๆ ได้ว่า “การมีแพสชั่น” แพสชั่นในบะหมี่เกี๊ยวของคุณพันธ์รบ ทำให้ร้านชายสี่บะหมี่เกี๊ยวอยู่มานานตั้งแต่ปี 2535 แม้จะผ่านมาเกือบ 30 ปี คุณพันธ์รบก็ยังคงยึดมั่น ไม่หมดแพสชั่นเลย
6. ใฝ่รู้
คุณพันธ์รบมักจะพยายามอ่านหนังสือให้ได้เล่มนึงเสมอ เมื่อต้องเดินทางไปทำธุรกิจ
นอกจาก “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” แล้ว คุณพันธ์รบยังวางแผนขยายธุรกิจหลายอย่าง ทั้งการเปิดร้าน “ชายสี่แฟคตอรี่ (Chysee Factory)” เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าทุกระดับรวมถึงตลาดบน และเดินหน้าลุยตลาดต่างประเทศ CLMV ซึ่งในขณะนี้มีสาขาที่ สปป. ลาวแล้วกว่า 70 สาขา นอกจากนี้ยังขยายไปทำธุรกิจอื่นๆ ด้วย เช่น ฟู๊ดทรัก (Food Truck) แบรนด์ “Easy meal” ที่จะเน้นไปให้บริการตามบริเวณที่จัดงานอีเวนท์ต่างๆ และชานมไข่มุก
ชายสี่บะหมี่พันล้านเตรียมเข็นรถเข้า IPO
อ่านบทความนี้จบแล้ว อย่ารอช้านะจ๊ะ หยิบปากกาในจินตนาการแล้วมาวาดเส้นทางชีวิตของเราเองกันเถอะ ที่สำคัญวางแผนแล้วต้องลงมือทำด้วยนะ แผนการ + ไม่ลงมือ = ความฝัน แต่เเผนการ + การลงมือทำ = สำเร็จนะเออ
https://www.moneybuffalo.in.th/หุ้น/ชาย ... ampaign=mb
- thekiller
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 519
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ชายสี่หมึ่เกี๊ยว เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ปี2564
โพสต์ที่ 4
ผมจำได้สมัยปี 46 ผมเคยอ่านข่าวเหมือนเจอ คุณพันธ์รบ บอกว่าจะนำชายสี่เข้าตลาดหุ้นช่วงนั้น และมีอีกหลายคน เช่น เจมส์ข้าวมันไก่ และแบรน์ด์อื่นๆ ก็จะเข้าตลาดหุ้นเช่นกัน เวลาผ่านมาก็เงียบไปทุกราย ไม่แน่ใจว่ารอบนี้จะเป็นแค่กระแส หรือเป็นจริงนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชายสี่หมึ่เกี๊ยว เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ปี2564
โพสต์ที่ 5
“ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” จากบะหมี่รถเข็น เตรียมทะยานสู่ตลาด MAI ตั้งเป้าหมื่นสาขา
เผยแพร่: 28 มิ.ย. 2562 09:01 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
หลายคนคงคุ้นเคยกับ “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” บะหมี่เกี๊ยวรถเข็นที่สามารถพบเห็นได้ตามข้างทาง หรือแม้แต่ในปั๊มน้ำมันเอง เพราะธุรกิจ ชายสี่บะหมี่เกี๊ยวยังคงอยู่คู่คนไทยมาแล้วกว่า 25 ปี ปัจจุบันสามารถสร้างไลน์ผลิตสินค้าไปยังรูปแบบต่างๆ ทำให้มีสาขาแฟรนไชส์มากถึง 4,500 สาขาทั่วประเทศ ตั้งเป้า 5 ปีมี 10,000 สาขาทั่วประเทศ
นายปิติ จงรักษ์ระวีวรรณ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว จำกัด เล่าถึง แนวทางการทำตลาดของ บริษัท ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว จำกัด ว่า ปัจจุบัน บริษัทได้ ดำเนินกิจการ มาแล้ว 25 ปี เดิมเป็นเพียงร้านบะหมี่เกี๊ยว ที่ขายบะหมี่หมูแดง กับข้าวหมูแดง แต่วันนี้ บริษัทก็มีแฟรนไชส์ในรูปแบบอื่นๆ เพิ่มมา เช่น พันปีหมี่เป็ดย่าง, เตี๋ยวไก่ข้าวมันไก่, โจ๊กต้มเลือดหมู, ชายสี่ ชิ้นเนื้อ, อาลี หมี่ฮาลาล และชายังไข่มุก
ทั้งนี้ ได้เปิดตัวแฟรนไชส์รูปแบบใหม่ 2 รูปแบบคือ Chaixi Factory เป็นรูปแบบของร้านอาหาร ภัตตาคาร และ รถ Food Truck easy meal ด่วนชวนหิว เนื่องจากขณะนี้การทำธุรกิจแบบ Food Truck กำลังเป็นที่น่าสนใจ ชายสี่บะหมี่เกี๊ยวจึงเริ่มขยายตลาดในด้านนี้ ช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการที่ชอบออกงานอีเว้นท์ ให้สามารถเคลื่อนย้ายร้านได้ง่ายมากขึ้น ส่วนราคาแฟรนไชส์ จะเริ่มต้นที่ 30,000 ต้นๆ ไปจนถึงหลัก 40,000 กว่าบาท
นอกจากนี้แล้ว ยังมีการปรับตัวของ สินค้า เพราะก่อนหน้านี้ สินค้าต่างๆ มีให้เพียงลูกค้า แฟรนไชส์เท่านั้น แต่ตอนนี้เริ่มหาช่องทางขยายตลาด เพื่อเข้าไปสู่ทุกครัวเรือนของทุกบ้าน จึงผลิตเป็นสินค้าแช่แข็ง เช่น บะหมี่ ส่วนใหญ่จะได้เจอร้านแค่ช่วงเวลากลางคืนเท่านั้น หลังจากนั้นผู้บริโภคก็ไม่ต้องรอ เพราะสามารถทำเองง่ายๆ ได้ที่บ้าน ตอนนี้มีออกมาบ้างแล้ว อาทิ บะหมี่แห้งไก่เทอริยากิ, บะหมี่แห้งกะเพราไก่ และบะหมี่แห้งไก่รวมควัน รวมไปถึง ของกินเล่น เช่น ชายสี่เกี๊ยวกรอบ
การวางแผนตลาดในต่างประเทศ ตอนนี้ มีแฟรนไชส์ไปเปิดที่ต่างประเทศแล้ว 3 ประเทศคือ เมียนม่า, กัมพูชา และลาว ซึ่งที่ประเทศลาวมีสาขามากที่สุด ถึง 70 กว่าสาขา และปีนี้จะเพิ่มเป็น 140 สาขา พร้อมทั้งมีแผนสร้างโรงงานผลิตในประเทศ ส่วนแฟรนไชส์ในต่างประเทศส่วนใหญ่ทำในรูปแบบ การร่วมทุน (Joint Venture) คือร่วมลงทุนกับผู้ลงทุนประเทศนั้นๆ ซึ่งจะมีตัวแทนของบริษัทเข้าไปร่วมดูแล ประสานงาน เตรียมขยายให้ครอบคลุม ไปยังกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา, ลาว, พม่า, เวียดนาม) ให้เติบโตอย่างแข็งแรง
ขณะนี้ ได้เตรียมตัวจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในปี 2564 เพื่อยกระดับจาก ธุรกิจครอบครัว ไปสู่การเป็น องค์กรมืออาชีพ ปัจจุบันรายได้อยู่ที่หลัก 1,000 ล้านบาท เมื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว เราคาดว่าจะมีรายได้ต่อปี ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว ใช้ความได้เปรียบในการตั้งหน้าร้านเซเว่น อีเลฟเว่น กลายเป็นว่าเอื้อประโยชน์ต่อกัน ปัจจุบันมีราวๆ 400 – 500 สาขาที่ตั้งอยู่หน้าร้านเซเว่น อีเลฟเว่น
ด้านเคล็ดลับในการดำเนินธุรกิจจาก "พันธ์รบ กำลา" ผู้ก่อตั้งที่เรียบจบแค่เพียง ป.4 เคยมีอาชีพรับจ้างทำไร่ทำนา ไปจนถึงคนขายไอติม แต่ปัจจุบันเขาเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ ‘ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว’ ที่มีมูลค่าระดับพันล้าน รวมทั้งวางแผนจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ภายในระยะเวลา 2 ปีข้างหน้า ได้พูดไว้ว่า “การทำให้คนอื่นรัก คือการทำให้ตัวเองรวย”
สาเหตุที่ทำให้มีผู้ประกอบการต้องการลงทุนแฟรนไชส์เป็นจำนวนมากขนาดนี้ ทางบริษัท ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว จำกัด คิดว่า อะไรก็ตามที่สามารถทำให้ทุกคน ที่จะทำธุรกิจสามารถทำได้ง่าย สะดวก ชายสี่บะหมี่เกี๊ยวก็จะพยายามทำให้ วัตถุดิบรวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ทางบริษัทช่วยหมด ผู้ประกอบการเพียงลงทุนแฟรนไชส์ และซื้อผักเท่านั้น
สิ่งที่จะทำให้ธุรกิจเป็นไปได้ด้วยดี นอกจากจะต้องทำให้ผู้ประกอบการรักแล้ว ก็ต้องดูแลในเรื่องของคุณภาพของสินค้า ผลิตภัณฑ์จะต้องมีมาตรฐานที่คงเส้นคงวา การบริการต้องได้มาตรฐาน การดูแลผู้ประกอบการก็ต้องทำให้ต่อเนื่องเช่นกัน จึงจะเป็นการสร้างช่องทางธุรกิจที่ดีได้ และเติบโตไปได้
“คุณพันธ์รบ กำลา เคยได้บอกไว้ว่า การทำให้คนอื่นรัก คือการทำให้ตัวเองรวย บริษัทเราช่วยดูแลตลอดทุกวัน ส่วนพื้นที่ เกาะ แก่ง และที่ราบสูง มีเจ้าหน้าที่เข้าดูแล วันเว้นวัน เช่นกัน ผู้ประกอบการเพียงลงทุนแฟรนไชส์ และซื้อผักแค่นั้น อุปกรณ์ วัตถุดิบอื่นๆ เราส่งให้หมดทุกวัน ซึ่งนั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม แฟรนไชส์เราถึงขยายได้เร็ว และอยู่มาได้นานถึงขนาดนี้ บริษัท มี 7 ศูนย์การดูแลที่กระจายอยู่ทั่วในประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการรู้สึกว่าไม่ได้ถูกทิ้ง ตามดูแลตลอด บางร้านก็ดูแลมามากกว่า 10 ปี”
ทั้งนี้ธุรกิจนี้ไม่ได้ขายเพียงความอร่อย แต่ยังขายความมั่นคงของชีวิตให้ด้วย มีผู้ที่สนใจทำธุรกิจ แฟรนไชส์ทั้งจากช่องทางโทรศัพท์ และช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ก และไลน์แอท ยังคงมีติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ จนตอนนี้มีมากถึง 200 – 300 รายที่เข้ามาติดต่อและรอตอบกลับ เพราะทางบริษัทไม่เพียงแค่ขายแฟรนไชส์แล้วจบไป แต่ยังช่วยดูในเรื่องของทำเลที่ตั้งขาย การอบรมก่อนการขาย เมื่อครบถ้วนทุกกระบวนการแล้วจึงสามารถออกขายได้ ปัจจุบันสามารถสร้างผู้ประกอบการให้ออกได้เดือนละกว่า 100 ราย
โดยปีนี้ภายในงาน “Smart SME Expo 2019” มีโปรแกรมให้ผู้ประกอบการยืมรถเข็น ทำให้ราคาแฟรนไชส์โดยเฉลี่ยเหลือ 4 หมื่นบาท ทั้งนี้ ชายสี่บะหมี่เกี๊ยวยังได้ร่วมกับทางธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดสินเชื่อสำหรับเจ้าของธุรกิจ โดยสามารถขอสินเชื่อได้ 70% ของยอดลงทุนในแต่ละแฟรนไชส์ วงเงินไม่เกิน 50,000 บาท และไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน นอกจากนี้แล้ว ปั๊มน้ำมันพีที และบางจาก ร่วมให้ทำเล เปิดพื้นที่ขาย รวมถึงสามารถเลือกรายการได้ว่าต้องการพื้นที่ในส่วนใด
สนใจติดต่อ 02-9045223-5 เฟซบุ๊ก : ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว line@ : chaixi ห
เผยแพร่: 28 มิ.ย. 2562 09:01 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
หลายคนคงคุ้นเคยกับ “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” บะหมี่เกี๊ยวรถเข็นที่สามารถพบเห็นได้ตามข้างทาง หรือแม้แต่ในปั๊มน้ำมันเอง เพราะธุรกิจ ชายสี่บะหมี่เกี๊ยวยังคงอยู่คู่คนไทยมาแล้วกว่า 25 ปี ปัจจุบันสามารถสร้างไลน์ผลิตสินค้าไปยังรูปแบบต่างๆ ทำให้มีสาขาแฟรนไชส์มากถึง 4,500 สาขาทั่วประเทศ ตั้งเป้า 5 ปีมี 10,000 สาขาทั่วประเทศ
นายปิติ จงรักษ์ระวีวรรณ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว จำกัด เล่าถึง แนวทางการทำตลาดของ บริษัท ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว จำกัด ว่า ปัจจุบัน บริษัทได้ ดำเนินกิจการ มาแล้ว 25 ปี เดิมเป็นเพียงร้านบะหมี่เกี๊ยว ที่ขายบะหมี่หมูแดง กับข้าวหมูแดง แต่วันนี้ บริษัทก็มีแฟรนไชส์ในรูปแบบอื่นๆ เพิ่มมา เช่น พันปีหมี่เป็ดย่าง, เตี๋ยวไก่ข้าวมันไก่, โจ๊กต้มเลือดหมู, ชายสี่ ชิ้นเนื้อ, อาลี หมี่ฮาลาล และชายังไข่มุก
ทั้งนี้ ได้เปิดตัวแฟรนไชส์รูปแบบใหม่ 2 รูปแบบคือ Chaixi Factory เป็นรูปแบบของร้านอาหาร ภัตตาคาร และ รถ Food Truck easy meal ด่วนชวนหิว เนื่องจากขณะนี้การทำธุรกิจแบบ Food Truck กำลังเป็นที่น่าสนใจ ชายสี่บะหมี่เกี๊ยวจึงเริ่มขยายตลาดในด้านนี้ ช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการที่ชอบออกงานอีเว้นท์ ให้สามารถเคลื่อนย้ายร้านได้ง่ายมากขึ้น ส่วนราคาแฟรนไชส์ จะเริ่มต้นที่ 30,000 ต้นๆ ไปจนถึงหลัก 40,000 กว่าบาท
นอกจากนี้แล้ว ยังมีการปรับตัวของ สินค้า เพราะก่อนหน้านี้ สินค้าต่างๆ มีให้เพียงลูกค้า แฟรนไชส์เท่านั้น แต่ตอนนี้เริ่มหาช่องทางขยายตลาด เพื่อเข้าไปสู่ทุกครัวเรือนของทุกบ้าน จึงผลิตเป็นสินค้าแช่แข็ง เช่น บะหมี่ ส่วนใหญ่จะได้เจอร้านแค่ช่วงเวลากลางคืนเท่านั้น หลังจากนั้นผู้บริโภคก็ไม่ต้องรอ เพราะสามารถทำเองง่ายๆ ได้ที่บ้าน ตอนนี้มีออกมาบ้างแล้ว อาทิ บะหมี่แห้งไก่เทอริยากิ, บะหมี่แห้งกะเพราไก่ และบะหมี่แห้งไก่รวมควัน รวมไปถึง ของกินเล่น เช่น ชายสี่เกี๊ยวกรอบ
การวางแผนตลาดในต่างประเทศ ตอนนี้ มีแฟรนไชส์ไปเปิดที่ต่างประเทศแล้ว 3 ประเทศคือ เมียนม่า, กัมพูชา และลาว ซึ่งที่ประเทศลาวมีสาขามากที่สุด ถึง 70 กว่าสาขา และปีนี้จะเพิ่มเป็น 140 สาขา พร้อมทั้งมีแผนสร้างโรงงานผลิตในประเทศ ส่วนแฟรนไชส์ในต่างประเทศส่วนใหญ่ทำในรูปแบบ การร่วมทุน (Joint Venture) คือร่วมลงทุนกับผู้ลงทุนประเทศนั้นๆ ซึ่งจะมีตัวแทนของบริษัทเข้าไปร่วมดูแล ประสานงาน เตรียมขยายให้ครอบคลุม ไปยังกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา, ลาว, พม่า, เวียดนาม) ให้เติบโตอย่างแข็งแรง
ขณะนี้ ได้เตรียมตัวจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในปี 2564 เพื่อยกระดับจาก ธุรกิจครอบครัว ไปสู่การเป็น องค์กรมืออาชีพ ปัจจุบันรายได้อยู่ที่หลัก 1,000 ล้านบาท เมื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว เราคาดว่าจะมีรายได้ต่อปี ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว ใช้ความได้เปรียบในการตั้งหน้าร้านเซเว่น อีเลฟเว่น กลายเป็นว่าเอื้อประโยชน์ต่อกัน ปัจจุบันมีราวๆ 400 – 500 สาขาที่ตั้งอยู่หน้าร้านเซเว่น อีเลฟเว่น
ด้านเคล็ดลับในการดำเนินธุรกิจจาก "พันธ์รบ กำลา" ผู้ก่อตั้งที่เรียบจบแค่เพียง ป.4 เคยมีอาชีพรับจ้างทำไร่ทำนา ไปจนถึงคนขายไอติม แต่ปัจจุบันเขาเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ ‘ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว’ ที่มีมูลค่าระดับพันล้าน รวมทั้งวางแผนจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ภายในระยะเวลา 2 ปีข้างหน้า ได้พูดไว้ว่า “การทำให้คนอื่นรัก คือการทำให้ตัวเองรวย”
สาเหตุที่ทำให้มีผู้ประกอบการต้องการลงทุนแฟรนไชส์เป็นจำนวนมากขนาดนี้ ทางบริษัท ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว จำกัด คิดว่า อะไรก็ตามที่สามารถทำให้ทุกคน ที่จะทำธุรกิจสามารถทำได้ง่าย สะดวก ชายสี่บะหมี่เกี๊ยวก็จะพยายามทำให้ วัตถุดิบรวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ทางบริษัทช่วยหมด ผู้ประกอบการเพียงลงทุนแฟรนไชส์ และซื้อผักเท่านั้น
สิ่งที่จะทำให้ธุรกิจเป็นไปได้ด้วยดี นอกจากจะต้องทำให้ผู้ประกอบการรักแล้ว ก็ต้องดูแลในเรื่องของคุณภาพของสินค้า ผลิตภัณฑ์จะต้องมีมาตรฐานที่คงเส้นคงวา การบริการต้องได้มาตรฐาน การดูแลผู้ประกอบการก็ต้องทำให้ต่อเนื่องเช่นกัน จึงจะเป็นการสร้างช่องทางธุรกิจที่ดีได้ และเติบโตไปได้
“คุณพันธ์รบ กำลา เคยได้บอกไว้ว่า การทำให้คนอื่นรัก คือการทำให้ตัวเองรวย บริษัทเราช่วยดูแลตลอดทุกวัน ส่วนพื้นที่ เกาะ แก่ง และที่ราบสูง มีเจ้าหน้าที่เข้าดูแล วันเว้นวัน เช่นกัน ผู้ประกอบการเพียงลงทุนแฟรนไชส์ และซื้อผักแค่นั้น อุปกรณ์ วัตถุดิบอื่นๆ เราส่งให้หมดทุกวัน ซึ่งนั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม แฟรนไชส์เราถึงขยายได้เร็ว และอยู่มาได้นานถึงขนาดนี้ บริษัท มี 7 ศูนย์การดูแลที่กระจายอยู่ทั่วในประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการรู้สึกว่าไม่ได้ถูกทิ้ง ตามดูแลตลอด บางร้านก็ดูแลมามากกว่า 10 ปี”
ทั้งนี้ธุรกิจนี้ไม่ได้ขายเพียงความอร่อย แต่ยังขายความมั่นคงของชีวิตให้ด้วย มีผู้ที่สนใจทำธุรกิจ แฟรนไชส์ทั้งจากช่องทางโทรศัพท์ และช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ก และไลน์แอท ยังคงมีติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ จนตอนนี้มีมากถึง 200 – 300 รายที่เข้ามาติดต่อและรอตอบกลับ เพราะทางบริษัทไม่เพียงแค่ขายแฟรนไชส์แล้วจบไป แต่ยังช่วยดูในเรื่องของทำเลที่ตั้งขาย การอบรมก่อนการขาย เมื่อครบถ้วนทุกกระบวนการแล้วจึงสามารถออกขายได้ ปัจจุบันสามารถสร้างผู้ประกอบการให้ออกได้เดือนละกว่า 100 ราย
โดยปีนี้ภายในงาน “Smart SME Expo 2019” มีโปรแกรมให้ผู้ประกอบการยืมรถเข็น ทำให้ราคาแฟรนไชส์โดยเฉลี่ยเหลือ 4 หมื่นบาท ทั้งนี้ ชายสี่บะหมี่เกี๊ยวยังได้ร่วมกับทางธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดสินเชื่อสำหรับเจ้าของธุรกิจ โดยสามารถขอสินเชื่อได้ 70% ของยอดลงทุนในแต่ละแฟรนไชส์ วงเงินไม่เกิน 50,000 บาท และไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน นอกจากนี้แล้ว ปั๊มน้ำมันพีที และบางจาก ร่วมให้ทำเล เปิดพื้นที่ขาย รวมถึงสามารถเลือกรายการได้ว่าต้องการพื้นที่ในส่วนใด
สนใจติดต่อ 02-9045223-5 เฟซบุ๊ก : ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว line@ : chaixi ห
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ชายสี่หมึ่เกี๊ยว เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ปี2564
โพสต์ที่ 6
“ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” ร้านที่ก่อตั้งโดยชายที่จบแค่ ป.4 แต่กำลังจะนำบะหมี่ชามนี้ ติด “นามสกุลมหาชน” ในอีก 2 ปี พร้อมเป้าหมายรายได้ 10,000 ล้านบาท
ป้ายสีเหลือง ตัวหนังสือสีแดง และรูปชามสีเขียว เป็นสัญลักษณ์ของสถานที่คลายหิวยามค่ำคืน ที่คนไทยย่อมรู้จักกันเป็นอย่างดี เชื่อหรือไม่ว่า “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” ที่ก่อตั้งโดย “พันธ์รบ กำลา” ผู้ก่อตั้งที่เรียบจบแค่เพียง ป.4 เคยมีอาชีพรับจ้างทำไร่ทำนา ไปจนถึงคนขายไอติม ในวันนี้มีรายได้กว่า 800 ล้านบาท และกำลังจะฝันใหญ่อยากติด “นามสกุลมหาชน” ในอีก 2 ปีข้างหน้า
ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา จากร้านขายก๋วยเตี๋ยวภายใต้ชื่อ “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” ที่ขายเพียงบะหมี่หมูแดง กับข้าวหมูแดง ถูกแตกแขนงออกเป็นสารพัดเมนู ไล่มาตั้งแต่ พันปีหมี่เป็ดย่าง, เตี๋ยวไก่ข้าวมันไก่, โจ๊กต้มเลือดหมู, ชายสี่ ชิ้นเนื้อ, อาลี หมี่ฮาลาล และชายังไข่มุก
ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ก่อนหน้านี้เพิ่งขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์อีก 2 รูปแบบคือ Chaixi Factory เป็นรูปแบบของร้านอาหาร ภัตตาคาร และ รถ Food Truck easy meal ด่วนชวนหิว เนื่องจากขณะนี้การทำธุรกิจแบบ Food Truck กำลังเป็นที่น่าสนใจ
จากการประเมินโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมพบ Food Truck เป็นตลาดที่มีมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท มีการเติบโตที่อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีรถ Food Truck กว่า 1,500 คัน ทั่วประเทศ แบ่งเป็นอาหารคาว 57% อาหารหวาน 14% และเครื่องดื่ม 29% ส่วนใหญ่กระจายตัวอยู่ในกรุงเทพฯ กว่า 70% ที่เหลืออีก 30% อยู่ในส่วนภูมิภาค
ชายสี่บะหมี่เกี๊ยวจึงเริ่มขยายตลาดในด้านนี้ โดยราคาแฟรนไชส์จะเริ่มต้นที่ 30,000 ต้นๆ ไปจนถึงหลัก 40,000 กว่าบาท นอกจากนี้แล้วยังมีการปรับตัวของสินค้า เพราะก่อนหน้านี้สินค้าต่างๆ มีให้เพียงลูกค้าแฟรนไชส์เท่านั้น แต่ตอนนี้เริ่มหาช่องทางขยายตลาด เพื่อเข้าไปสู่ทุกครัวเรือนของทุกบ้าน
เป็นที่มาของการพัฒนาสินค้าแช่แข็งเช่นบะหมี่ ด้วยส่วนใหญ่จะได้เจอร้านแค่ช่วงเวลากลางคืนเท่านั้น หลังจากนั้นผู้บริโภคก็ไม่ต้องรอเพราะสามารถทำเองง่ายๆ ได้ที่บ้าน ตอนนี้มีออกมาบ้างแล้ว อาทิ บะหมี่แห้งไก่เทอริยากิ, บะหมี่แห้งกะเพราไก่ และบะหมี่แห้งไก่รวมควัน รวมไปถึงของกินเล่น เช่น ชายสี่เกี๊ยวกรอบ
นอกเหนือธุรกิจในเมืองไทยชายสี่บะหมี่เกี๊ยวได้ขยายออกไปต่างประเทศแล้วโดยตอนนี้มีแฟรนไชส์ไปเปิดที่ต่างประเทศแล้ว 3 ประเทศคือ เมียนมา, กัมพูชา และลาว ซึ่งที่ประเทศลาวมีสาขามากที่สุด ถึง 70 กว่าสาขา และปีนี้จะเพิ่มเป็น 140 สาขาพร้อมทั้งมีแผนสร้างโรงงานผลิตในประเทศ
แฟรนไชส์ในต่างประเทศส่วนใหญ่ทำในรูปแบบการร่วมทุน (Joint Venture) คือร่วมลงทุนกับผู้ลงทุนประเทศนั้นๆ ซึ่งจะมีตัวแทนของบริษัทเข้าไปร่วมดูแล ประสานงาน เตรียมขยายให้ครอบคลุมไปยังกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา, ลาว, พม่า, เวียดนาม) ให้เติบโตอย่างแข็งแรง
ขณะนี้ “บริษัท ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว จำกัด” ได้เตรียมตัวจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2564 เพื่อยกระดับจาก “ธุรกิจครอบครัว” ไปสู่การเป็น “องค์กรมืออาชีพ” ปัจจุบันรายได้อยู่ที่หลัก 1,000 ล้านบาท
รายได้และกำไร บริษัท ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว จำกัด (ที่มา : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า)
ปี 2556 รายได้ 186 ล้านบาท กำไร 3.5 ล้านบาท
ปี 2557 รายได้ 215 ล้านบาท กำไร 5 ล้านบาท
ปี 2558 รายได้ 235 ล้านบาท กำไร 13 ล้านบาท
ปี 2559 รายได้ 241 ล้านบาท กำไร 15 ล้านบาท
ปี 2560 รายได้ 290 ล้านบาท กำไร 17 ล้านบาท
ปี 2561 รายได้ 834 ล้านบาท กำไร 25 ล้านบาท
เมื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯแล้ว “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” คาดว่าจะมีรายได้ต่อปีไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าไม่ไกลเกินเอื้อม เพราะมั่นใจในจุดแข็งของทำเลที่นั่งอยู่หน้าร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ที่มีทราฟฟิกจำนวนมากที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน ปัจจุบันมีราวๆ 400 – 500 สาขาที่ตั้งอยู่หน้าร้านเซเว่น อีเลฟเว่น
ป้ายสีเหลือง ตัวหนังสือสีแดง และรูปชามสีเขียว เป็นสัญลักษณ์ของสถานที่คลายหิวยามค่ำคืน ที่คนไทยย่อมรู้จักกันเป็นอย่างดี เชื่อหรือไม่ว่า “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” ที่ก่อตั้งโดย “พันธ์รบ กำลา” ผู้ก่อตั้งที่เรียบจบแค่เพียง ป.4 เคยมีอาชีพรับจ้างทำไร่ทำนา ไปจนถึงคนขายไอติม ในวันนี้มีรายได้กว่า 800 ล้านบาท และกำลังจะฝันใหญ่อยากติด “นามสกุลมหาชน” ในอีก 2 ปีข้างหน้า
ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา จากร้านขายก๋วยเตี๋ยวภายใต้ชื่อ “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” ที่ขายเพียงบะหมี่หมูแดง กับข้าวหมูแดง ถูกแตกแขนงออกเป็นสารพัดเมนู ไล่มาตั้งแต่ พันปีหมี่เป็ดย่าง, เตี๋ยวไก่ข้าวมันไก่, โจ๊กต้มเลือดหมู, ชายสี่ ชิ้นเนื้อ, อาลี หมี่ฮาลาล และชายังไข่มุก
ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ก่อนหน้านี้เพิ่งขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์อีก 2 รูปแบบคือ Chaixi Factory เป็นรูปแบบของร้านอาหาร ภัตตาคาร และ รถ Food Truck easy meal ด่วนชวนหิว เนื่องจากขณะนี้การทำธุรกิจแบบ Food Truck กำลังเป็นที่น่าสนใจ
จากการประเมินโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมพบ Food Truck เป็นตลาดที่มีมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท มีการเติบโตที่อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีรถ Food Truck กว่า 1,500 คัน ทั่วประเทศ แบ่งเป็นอาหารคาว 57% อาหารหวาน 14% และเครื่องดื่ม 29% ส่วนใหญ่กระจายตัวอยู่ในกรุงเทพฯ กว่า 70% ที่เหลืออีก 30% อยู่ในส่วนภูมิภาค
ชายสี่บะหมี่เกี๊ยวจึงเริ่มขยายตลาดในด้านนี้ โดยราคาแฟรนไชส์จะเริ่มต้นที่ 30,000 ต้นๆ ไปจนถึงหลัก 40,000 กว่าบาท นอกจากนี้แล้วยังมีการปรับตัวของสินค้า เพราะก่อนหน้านี้สินค้าต่างๆ มีให้เพียงลูกค้าแฟรนไชส์เท่านั้น แต่ตอนนี้เริ่มหาช่องทางขยายตลาด เพื่อเข้าไปสู่ทุกครัวเรือนของทุกบ้าน
เป็นที่มาของการพัฒนาสินค้าแช่แข็งเช่นบะหมี่ ด้วยส่วนใหญ่จะได้เจอร้านแค่ช่วงเวลากลางคืนเท่านั้น หลังจากนั้นผู้บริโภคก็ไม่ต้องรอเพราะสามารถทำเองง่ายๆ ได้ที่บ้าน ตอนนี้มีออกมาบ้างแล้ว อาทิ บะหมี่แห้งไก่เทอริยากิ, บะหมี่แห้งกะเพราไก่ และบะหมี่แห้งไก่รวมควัน รวมไปถึงของกินเล่น เช่น ชายสี่เกี๊ยวกรอบ
นอกเหนือธุรกิจในเมืองไทยชายสี่บะหมี่เกี๊ยวได้ขยายออกไปต่างประเทศแล้วโดยตอนนี้มีแฟรนไชส์ไปเปิดที่ต่างประเทศแล้ว 3 ประเทศคือ เมียนมา, กัมพูชา และลาว ซึ่งที่ประเทศลาวมีสาขามากที่สุด ถึง 70 กว่าสาขา และปีนี้จะเพิ่มเป็น 140 สาขาพร้อมทั้งมีแผนสร้างโรงงานผลิตในประเทศ
แฟรนไชส์ในต่างประเทศส่วนใหญ่ทำในรูปแบบการร่วมทุน (Joint Venture) คือร่วมลงทุนกับผู้ลงทุนประเทศนั้นๆ ซึ่งจะมีตัวแทนของบริษัทเข้าไปร่วมดูแล ประสานงาน เตรียมขยายให้ครอบคลุมไปยังกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา, ลาว, พม่า, เวียดนาม) ให้เติบโตอย่างแข็งแรง
ขณะนี้ “บริษัท ชายสี่ บะหมี่เกี๊ยว จำกัด” ได้เตรียมตัวจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2564 เพื่อยกระดับจาก “ธุรกิจครอบครัว” ไปสู่การเป็น “องค์กรมืออาชีพ” ปัจจุบันรายได้อยู่ที่หลัก 1,000 ล้านบาท
รายได้และกำไร บริษัท ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว จำกัด (ที่มา : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า)
ปี 2556 รายได้ 186 ล้านบาท กำไร 3.5 ล้านบาท
ปี 2557 รายได้ 215 ล้านบาท กำไร 5 ล้านบาท
ปี 2558 รายได้ 235 ล้านบาท กำไร 13 ล้านบาท
ปี 2559 รายได้ 241 ล้านบาท กำไร 15 ล้านบาท
ปี 2560 รายได้ 290 ล้านบาท กำไร 17 ล้านบาท
ปี 2561 รายได้ 834 ล้านบาท กำไร 25 ล้านบาท
เมื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯแล้ว “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” คาดว่าจะมีรายได้ต่อปีไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าไม่ไกลเกินเอื้อม เพราะมั่นใจในจุดแข็งของทำเลที่นั่งอยู่หน้าร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ที่มีทราฟฟิกจำนวนมากที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน ปัจจุบันมีราวๆ 400 – 500 สาขาที่ตั้งอยู่หน้าร้านเซเว่น อีเลฟเว่น