PTLหวังตุรกีดันรายได้แตะ4.5พันล.
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 28 มิถุนายน 2549 09:35 น.
โพลีเพล็กซ์ รับรู้รายได้จากโรงงานตุรกีเป็นปีแรก ดันรายได้รวมปีนี้ 4-4.5 พันล้านบาท จากปีก่อน 3.3 พันล้านบาท แม้แนวโน้มปิโตรเคมีขาลง มาร์จิ้นต่ำ ผู้บริหารเผยปีนี้เน้นลดต้นทุนการดำเนินงาน ศึกษาการเพิ่มมูลค่าสินค้าของบริษัทให้มากขึ้น
นายมานิตย์ กุปต้า กรรมการและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายพาณิชย์ บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ PTL เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปี 49 (เม.ย.49-มี.ค.50)จะอยู่ที่ 4,000-4,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากปี 48 (เม.ย.48-มี.ค.49) ที่มีรายได้ 3,355.02 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 560.97 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้ของบริษัทจำนวน 3,000 ล้านบาท และ รับรู้รายได้จากบริษัทย่อยที่ประเทศตุรกีเป็นปีแรกที่ได้มีการเริ่มผลิตฟิล์มเคลือบโลหะแล้วเมื่อเดือนธ.ค.ปี48 จำนวน 1,000-1,600 ล้านบาท
ทั้งนี้ โรงงานผลิตฟิล์มเคลือบโลหะมีกำลังการผลิตสินค้า 90% ของกำลังการผลิตที่ 24,000 ตันต่อปี โดยมีลูกค้าแล้วจำนวน 70-80 ราย ซึ่งมีคำสั่งซื้อสินค้าเฉลี่ยรายละ 1,000 ตัน บริษัทเชื่อว่าบริษัทย่อยที่ตุรกีจะสามารถมีกำไรสุทธิได้ในปีนี้แต่อาจจะไม่มาก ซึ่งถือว่าดีกว่าบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเดียวกันที่ยังต้องแบกภาระขาดทุน
ในส่วนของธุรกิจปิโตรเคมีโลกขณะนี้อยู่ในช่วงขาลงและอัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) อยู่ในระดับที่ต่ำ เพียง 60 เซนต์ต่อ กิโลกรัม ซึ่งต่ำกว่าจุดต่ำสุดเดิมที่อยู่ที่ 75 เซนต์ต่อกิโลกรัมเมื่อปี 1995 จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อกิโลกรัม
สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทก็จะมีการพยายามลดต้นทุนการดำเนินงานที่จะคงมาร์จิ้นในระดับ 60 เซนต์ต่อกิโลกรัม เพราะบริษัทยังไม่สามารถที่จะมีการปรับขึ้นราคาสินค้าได้ และศึกษาการเพิ่มมูลค่าสินค้าของบริษัทให้มีราคาสูงซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้บริษัทมีแผนที่จะมีการเพิ่มสายการExtrusion Coating โดยคาดว่าจะมีการเริ่มการผลิตในปีหน้า 1 สายการผลิตก่อน ใช้เงินลงทุนจำนวน 5 ล้านเหรียญ ซึ่งขณะนี้ได้มีการเซ็นสัญญาขอวงเงินกู้จากธนาคารไทยธนาคาร แล้ว
รายได้ปีนี้ของบริษัทยังคงเติบโตหลังจากที่จะรับรู้รายได้จากโรงงานที่ประเทศตุรกี แต่รายได้ปีของบริษัทจะต่ำกว่าปีที่ผ่านมา เพราะจากแนวโน้มธุรกิจปิโตรเคมีอยู่ในช่วงขาลง มาร์จิ้นอยู่ในระดับที่ต่ำ ซึ่งจะส่งผลต่อทำให้กำไรสุทธิของบริษัทที่อาจจะลดลงจากปีที่ผ่านมา นายมานิตย์กล่าว
อย่างไรก็ตามจากการเพิ่มสายการผลิต Extrusion Coating จะเป็นแผ่นฟิล์มที่ใช้การเคลือบหนังสือ เอกสาร และสามารถเคลือบไม้ได้ โดยจะเป็นการผลิตให้กับลูกค้าจำนวน 5 ราย ในอเมริกาที่มีการผลิตสินค้าดังกล่าวแต่ต้นทุนการดำเนินงานที่สูง จึงให้บริษัทมีการผลิตให้ รวมถึงบริษัทมีตัวแทนจำหน่ายทำให้สามารถลูกค้าในสินค้าดังกล่าวได้ ส่วนอีก 1 สายกำลังผลิตจะต้องรอดูสายการผลิตสายแรกก่อน
นายมานิตย์ กล่าวว่า สำหรับธุรกิจปิโตเครมีในปีหน้าคาดว่าจะมีการปรับตัวดีขึ้นจากปีนี้ เนื่องจาก คาดว่ากำลังการผลิตจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นไม่มาก จากที่บริษัทคู่แข่งจะไม่มีการเพิ่มกำลังการผลิตมาก เพราะต้นทุนการดำเนินงานสูง และบริษัทมีผลขาดทุน ดังนั้นทำให้กำลังการผลิตและความต้องการใช้อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน
ทั้งนี้จากการที่ราคาหุ้นของบริษัทยังคงปรับตัวลดลงต่ำกว่าราคาจองนั้น บริษัทไม่มีแผนที่จะเข้าไปซื้อหุ้นของบริษัท ซึ่งนักลงทุนที่จะลงทุนในหุ้นของบริษัทจะต้องเป็นนักลงทุนที่มีการลงทุนในระยะยาวจากที่บริษัทมีแผนการดำเนินงานในอนาคตที่จะเพิ่มมูลค่าสินค้าของบริษัททำให้มีกำไรค่อนข้างสูง