BWHREIT
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
BWHREIT
โพสต์ที่ 1
‘บลูเวล แอสเซท’ รุกธุรกิจกองทรัสต์อิสระ ประเดิมลงทุน 3 โรงแรมชั้นนำในไทย
21/08/2019บลูเวล แอสเซท
HoonSmart.com>> “บลูเวล แอสเซท” รุกธุรกิจบริหารจัดการกองทรัสต์อิสระ ชูประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทีมผู้บริหารด้านการบริหารอสังหาริมทรัพย์และแวดวงการเงิน ตั้งเป้าผู้บริหารกองทรัสต์โรงแรมที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในไทย ประเดิมตั้ง “กองทรัสต์บลูเวล ฮอสพิทอลลิตี้” เข้าลงทุนครั้งแรกในโรงแรมชั้นนำ 3 แห่งในไทย ประเมินธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยวยังแข็งแกร่ง
รุ่งยศ จันทภาษ
นายรุ่งยศ จันทภาษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูเวล แอสเซท จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการกองทรัสต์อิสระ กล่าวว่า บริษัทฯ เล็งเห็นโอกาสเข้ารุกธุรกิจบริหารจัดการกองทรัสต์อิสระ โดยจุดเด่นของบลูเวล แอสเซท เกิดจากการรวมตัวของทีมผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารอสังหาริมทรัพย์และประสบการณ์ทำงานในแวดวงการเงินในบริษัทที่เป็นผู้ประกอบการชั้นนำของประเทศไทย โดยมีประสบการณ์รวมมากกว่า 30 ปี จึงมีความเข้าใจด้านการบริหารอสังหาริมทรัพย์และบริหารจัดการกองทรัสต์เป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นทางเลือกใหม่ให้แก่เจ้าของทรัพย์สินในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อนำไปใช้ขยายธุรกิจต่อไป
“เราต้องการเป็นคนกลางที่เชื่อมต่อเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อขยายธุรกิจ สามารถใช้กองทรัสต์เป็นเครื่องมือในการระดมทุน นำมาใช้พัฒนาโครงการได้อย่างรวดเร็วโดยไม่สูญเสียโอกาส จึงได้จัดตั้งทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าบลูเวล ฮอสพิทอลลิตี้ เพื่อเข้าลงทุนครั้งแรกในกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่าโรงแรม 3 แห่งที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันเราได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ฯ แก่สำนักงาน ก.ล.ต.แล้ว” นายรุ่งยศ กล่าว
ทั้งนี้ จากข้อมูลไฟลิ่งกองทรัสต์จะลงทุนในกรรมสิทธิ์ และสิทธิการเช่าของโรงแรมทั้งหมด 3 แห่ง ประกอบด้วย 1) โรงแรมหรรษา สมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา 2) โรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล รีสอร์ท และสวนน้ำสแปลช จังเกิ้ล และ 3) โรงแรมเดอะ กรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม KYCC
นายรุ่งยศ กล่าวว่า บริษัทฯ ประเมินภาพรวมธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวในประเทศไทยยังแข็งแกร่ง มีขีดความสามารถการแข่งขันที่ดีและมีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยว โดยประเทศไทยติดอันดับ Best Country Tourism ติดต่อกันถึง 9 ปีนับจากปี 2553 ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น ภูเก็ต สมุย พัทยา เชียงใหม่ กรุงเทพฯ ฯลฯ จึงเป็นโอกาสดีที่จะชูจุดเด่นด้านการท่องเที่ยวของไทยรองรับกับปริมาณนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่คาดว่าภายใน 5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มเป็น 2,000 – 3,000 ล้านคน จากปัจจุบันประมาณ 1,800 ล้านคน เช่นเดียวกันจำนวนประชากรจีนที่คาดว่าในปี 2563 จะมีหนังสือเดินทางอยู่ที่ 240 ล้านคน เพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 2 ปีก่อน จำนวนประชากรชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและเทรนการแชร์ประสบการณ์ท่องเที่ยวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศทั้งจากภาครัฐและเอกชน ที่เป็นปัจจัยหนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยได้เป็นอย่างดี
ขณะที่ภาพรวมการท่องเที่ยวของไทยในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตที่ดี โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยกว่า 38 ล้านคน โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้ความสนใจ ติดอันดับที่ 12 ของ World Most Visited City in 2018 จากการจัดอันดับโดย Mastercard Global Destination Cities Index ที่มีนักท่องเที่ยวกว่า 9 ล้านคน โดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา ทำสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุดในรอบ 10 ปี ส่งผลให้อัตราการการเข้าพักของโรงแรมในภูเก็ตเฉลี่ยอยู่ที่ 75% ในปีที่ผ่านมา และในปีนี้คาดว่าปริมาณนักท่องเที่ยวยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี จากความนิยมของนักท่องเที่ยวจากประเทศอินเดีย ที่เพิ่มขึ้นถึง 40% หลังเปิดเที่ยวบินตรงจากเมืองเดลี มุมไบ บังกะลอร์ มายังจังหวัดภูเก็ต
ส่วนเกาะสมุยในปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวประมาณกว่า 2.7 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8% โดยปัจจุบันโรงแรมในสมุยมีซัพพลายรวมกันประมาณกว่า 2 หมื่นห้องพัก ซึ่งยังไม่เพียงพอกับความต้องการของนักท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น ขณะที่เขาใหญ่ก็เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากคนไทยเดินทางมาพักผ่อนและทำกิจกรรมอบรมสัมมนาตลอดทั้งปี รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีปริมาณโอโซนสูงติดอันดับ 7 ของโลก ทำให้นักท่องเที่ยวชาวไทยให้ความสนใจเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนมากขึ้น
“การท่องเที่ยวถือเป็นธุรกิจสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ โดยประเทศไทยมีจุดเด่นหลายด้านที่เป็นปัจจัยส่งเสริมการท่องเที่ยว ทั้งธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์ วัฒนธรรม รสชาติอาหารและความอุดมสมบูรณ์ของวัตถุดิบ ศักยภาพของประเทศที่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียนในอัตราค่าบริการที่คุ้มค่า รวมถึงสามารถท่องเที่ยวได้ตลอด 365 วัน จึงสามารถตั้งราคาห้องพักและค่าบริการในอัตราที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เข้าถึงได้ ในคอนเซป affordable luxury นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมโดยภาครัฐ ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” นายรุ่งยศ กล่าว
สำหรับบริษัทฯ มีวิสัยทัศน์เป็นผู้บริหารกองทรัสต์ที่ลงทุนในโรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวข้องที่มีขนาดทรัพย์สินรวมใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยบริษัทฯ ให้ความสำคัญในการคัดเลือกทรัพย์สินที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้และการเติบโต ซึ่งในช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ได้พิจารณาคัดเลือกโรงแรมเป็นจำนวนกว่า 60 โรงแรม เพื่อให้ได้ทรัพย์สินที่มีคุณภาพนำมาจัดตั้งกองทรัสต์อิสระ โดยนโยบายการลงทุนที่สำคัญได้แก่ (1) ทรัพย์สินต้องตั้งอยู่ในทำเลที่โดดเด่นบนแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศไทยและไม่กระจุกตัวอยู่ในจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน (2) คอนเซปต์โรงแรมต้องส่งเสริมและสะท้อนเอกลักษณ์ของจังหวัดที่ตั้งอยู่ (3) เดินทางสะดวกหรืออยู่ไม่ไกลจากสนามบินและอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ (4) มีผลการดำเนินงานที่ดี และ (5) มีผู้บริหารโรงแรมที่มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญและเครือข่ายที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ การลงทุนในกองทรัสต์ที่บริหารจัดการโดยผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องหรือเป็นบริษัทในเครือเจ้าของทรัพย์สิน มีข้อดีคือ (1) กองทรัสต์มีโอกาสเติบโตอย่างรวดเร็วจากการเข้าลงทุนในทัรพย์สินใหม่ได้อย่างอิสระ (2) มีการกระจายความเสี่ยงที่ดี สามารถลงทุนในทรัพย์สินที่หลากหลาย (3) เป็นทางเลือกให้แก่เจ้าของทรัพย์สินสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ขยายธุรกิจ (4) ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สม่ำเสมอ และมีโอกาสได้รับกำไรจากมูลค่าหน่วยทรัสต์ที่เพิ่มขึ้น (5) มีผู้เชี่ยวชาญทำหน้าที่บริหารจัดการกองทรัสต์ เพื่อให้ทรัพย์สินสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหน่วย และ (6) ผู้จัดการกองทรัสต์จะทำหน้าที่ต่อรองผลประโยชน์แทนผู้ลงทุน
21/08/2019บลูเวล แอสเซท
HoonSmart.com>> “บลูเวล แอสเซท” รุกธุรกิจบริหารจัดการกองทรัสต์อิสระ ชูประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทีมผู้บริหารด้านการบริหารอสังหาริมทรัพย์และแวดวงการเงิน ตั้งเป้าผู้บริหารกองทรัสต์โรงแรมที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในไทย ประเดิมตั้ง “กองทรัสต์บลูเวล ฮอสพิทอลลิตี้” เข้าลงทุนครั้งแรกในโรงแรมชั้นนำ 3 แห่งในไทย ประเมินธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยวยังแข็งแกร่ง
รุ่งยศ จันทภาษ
นายรุ่งยศ จันทภาษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูเวล แอสเซท จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการกองทรัสต์อิสระ กล่าวว่า บริษัทฯ เล็งเห็นโอกาสเข้ารุกธุรกิจบริหารจัดการกองทรัสต์อิสระ โดยจุดเด่นของบลูเวล แอสเซท เกิดจากการรวมตัวของทีมผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารอสังหาริมทรัพย์และประสบการณ์ทำงานในแวดวงการเงินในบริษัทที่เป็นผู้ประกอบการชั้นนำของประเทศไทย โดยมีประสบการณ์รวมมากกว่า 30 ปี จึงมีความเข้าใจด้านการบริหารอสังหาริมทรัพย์และบริหารจัดการกองทรัสต์เป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นทางเลือกใหม่ให้แก่เจ้าของทรัพย์สินในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อนำไปใช้ขยายธุรกิจต่อไป
“เราต้องการเป็นคนกลางที่เชื่อมต่อเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อขยายธุรกิจ สามารถใช้กองทรัสต์เป็นเครื่องมือในการระดมทุน นำมาใช้พัฒนาโครงการได้อย่างรวดเร็วโดยไม่สูญเสียโอกาส จึงได้จัดตั้งทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าบลูเวล ฮอสพิทอลลิตี้ เพื่อเข้าลงทุนครั้งแรกในกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่าโรงแรม 3 แห่งที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันเราได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ฯ แก่สำนักงาน ก.ล.ต.แล้ว” นายรุ่งยศ กล่าว
ทั้งนี้ จากข้อมูลไฟลิ่งกองทรัสต์จะลงทุนในกรรมสิทธิ์ และสิทธิการเช่าของโรงแรมทั้งหมด 3 แห่ง ประกอบด้วย 1) โรงแรมหรรษา สมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา 2) โรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล รีสอร์ท และสวนน้ำสแปลช จังเกิ้ล และ 3) โรงแรมเดอะ กรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม KYCC
นายรุ่งยศ กล่าวว่า บริษัทฯ ประเมินภาพรวมธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวในประเทศไทยยังแข็งแกร่ง มีขีดความสามารถการแข่งขันที่ดีและมีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยว โดยประเทศไทยติดอันดับ Best Country Tourism ติดต่อกันถึง 9 ปีนับจากปี 2553 ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น ภูเก็ต สมุย พัทยา เชียงใหม่ กรุงเทพฯ ฯลฯ จึงเป็นโอกาสดีที่จะชูจุดเด่นด้านการท่องเที่ยวของไทยรองรับกับปริมาณนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่คาดว่าภายใน 5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มเป็น 2,000 – 3,000 ล้านคน จากปัจจุบันประมาณ 1,800 ล้านคน เช่นเดียวกันจำนวนประชากรจีนที่คาดว่าในปี 2563 จะมีหนังสือเดินทางอยู่ที่ 240 ล้านคน เพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 2 ปีก่อน จำนวนประชากรชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและเทรนการแชร์ประสบการณ์ท่องเที่ยวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศทั้งจากภาครัฐและเอกชน ที่เป็นปัจจัยหนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยได้เป็นอย่างดี
ขณะที่ภาพรวมการท่องเที่ยวของไทยในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตที่ดี โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยกว่า 38 ล้านคน โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้ความสนใจ ติดอันดับที่ 12 ของ World Most Visited City in 2018 จากการจัดอันดับโดย Mastercard Global Destination Cities Index ที่มีนักท่องเที่ยวกว่า 9 ล้านคน โดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา ทำสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุดในรอบ 10 ปี ส่งผลให้อัตราการการเข้าพักของโรงแรมในภูเก็ตเฉลี่ยอยู่ที่ 75% ในปีที่ผ่านมา และในปีนี้คาดว่าปริมาณนักท่องเที่ยวยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี จากความนิยมของนักท่องเที่ยวจากประเทศอินเดีย ที่เพิ่มขึ้นถึง 40% หลังเปิดเที่ยวบินตรงจากเมืองเดลี มุมไบ บังกะลอร์ มายังจังหวัดภูเก็ต
ส่วนเกาะสมุยในปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวประมาณกว่า 2.7 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8% โดยปัจจุบันโรงแรมในสมุยมีซัพพลายรวมกันประมาณกว่า 2 หมื่นห้องพัก ซึ่งยังไม่เพียงพอกับความต้องการของนักท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น ขณะที่เขาใหญ่ก็เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากคนไทยเดินทางมาพักผ่อนและทำกิจกรรมอบรมสัมมนาตลอดทั้งปี รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีปริมาณโอโซนสูงติดอันดับ 7 ของโลก ทำให้นักท่องเที่ยวชาวไทยให้ความสนใจเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนมากขึ้น
“การท่องเที่ยวถือเป็นธุรกิจสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ โดยประเทศไทยมีจุดเด่นหลายด้านที่เป็นปัจจัยส่งเสริมการท่องเที่ยว ทั้งธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์ วัฒนธรรม รสชาติอาหารและความอุดมสมบูรณ์ของวัตถุดิบ ศักยภาพของประเทศที่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียนในอัตราค่าบริการที่คุ้มค่า รวมถึงสามารถท่องเที่ยวได้ตลอด 365 วัน จึงสามารถตั้งราคาห้องพักและค่าบริการในอัตราที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เข้าถึงได้ ในคอนเซป affordable luxury นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมโดยภาครัฐ ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” นายรุ่งยศ กล่าว
สำหรับบริษัทฯ มีวิสัยทัศน์เป็นผู้บริหารกองทรัสต์ที่ลงทุนในโรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวข้องที่มีขนาดทรัพย์สินรวมใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยบริษัทฯ ให้ความสำคัญในการคัดเลือกทรัพย์สินที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้และการเติบโต ซึ่งในช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ได้พิจารณาคัดเลือกโรงแรมเป็นจำนวนกว่า 60 โรงแรม เพื่อให้ได้ทรัพย์สินที่มีคุณภาพนำมาจัดตั้งกองทรัสต์อิสระ โดยนโยบายการลงทุนที่สำคัญได้แก่ (1) ทรัพย์สินต้องตั้งอยู่ในทำเลที่โดดเด่นบนแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศไทยและไม่กระจุกตัวอยู่ในจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน (2) คอนเซปต์โรงแรมต้องส่งเสริมและสะท้อนเอกลักษณ์ของจังหวัดที่ตั้งอยู่ (3) เดินทางสะดวกหรืออยู่ไม่ไกลจากสนามบินและอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ (4) มีผลการดำเนินงานที่ดี และ (5) มีผู้บริหารโรงแรมที่มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญและเครือข่ายที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ การลงทุนในกองทรัสต์ที่บริหารจัดการโดยผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องหรือเป็นบริษัทในเครือเจ้าของทรัพย์สิน มีข้อดีคือ (1) กองทรัสต์มีโอกาสเติบโตอย่างรวดเร็วจากการเข้าลงทุนในทัรพย์สินใหม่ได้อย่างอิสระ (2) มีการกระจายความเสี่ยงที่ดี สามารถลงทุนในทรัพย์สินที่หลากหลาย (3) เป็นทางเลือกให้แก่เจ้าของทรัพย์สินสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ขยายธุรกิจ (4) ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สม่ำเสมอ และมีโอกาสได้รับกำไรจากมูลค่าหน่วยทรัสต์ที่เพิ่มขึ้น (5) มีผู้เชี่ยวชาญทำหน้าที่บริหารจัดการกองทรัสต์ เพื่อให้ทรัพย์สินสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหน่วย และ (6) ผู้จัดการกองทรัสต์จะทำหน้าที่ต่อรองผลประโยชน์แทนผู้ลงทุน
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: BWHREIT
โพสต์ที่ 2
BWHREIT : ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าบลูเวล ฮอสพิทอลลิตี้
สินทรัพย์ลงทุน
กรรมสิทธิ์ และสิทธิการเช่าของโรงแรมทั้งหมด 3 แห่ง ประกอบด้วย
1) โรงแรมหรรษา สมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา
2) โรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล รีสอร์ท และสวนน้ำสแปลช จังเกิ้ล
3) โรงแรมเดอะ กรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม KYCC
ประเภทของทรัสต์ กองทรัสต์ไม่กำหนดอายุ และไม่รับไถ่ถอนหน่วยทรัสต์
ตลาดรอง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
กลุ่มอุตสาหกรรม / หมวดธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง / กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
สถานะ Filing
จำนวนหน่วยทรัสต์ n/a
ระยะเวลาเสนอขาย
n/a
ราคาเสนอขายหน่วยทรัสต์ n/a
วันที่เริ่มซื้อขาย n/a
ผู้จัดการกองทรัสต์ บริษัท บลูเวล แอสเซท จำกัด
ทรัสตี บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด
ผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์
1) บจก. หรรษา โฮเต็ล บริหารโรงแรม หรรษา สมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา
2) บจก. แลงแฮม ฮอสปิทาลิตี้ บริหารโรงแรม แลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล รีสอร์ท และ สวนน้ำ สแปลช จังเกิ้ล
3) บจก. เดอะซีนีคอล บริหารโรงแรมเดอะ กรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม KYCC
ที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
ข้อมูล Filing
สินทรัพย์ลงทุน
กรรมสิทธิ์ และสิทธิการเช่าของโรงแรมทั้งหมด 3 แห่ง ประกอบด้วย
1) โรงแรมหรรษา สมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา
2) โรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล รีสอร์ท และสวนน้ำสแปลช จังเกิ้ล
3) โรงแรมเดอะ กรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม KYCC
ประเภทของทรัสต์ กองทรัสต์ไม่กำหนดอายุ และไม่รับไถ่ถอนหน่วยทรัสต์
ตลาดรอง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
กลุ่มอุตสาหกรรม / หมวดธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง / กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
สถานะ Filing
จำนวนหน่วยทรัสต์ n/a
ระยะเวลาเสนอขาย
n/a
ราคาเสนอขายหน่วยทรัสต์ n/a
วันที่เริ่มซื้อขาย n/a
ผู้จัดการกองทรัสต์ บริษัท บลูเวล แอสเซท จำกัด
ทรัสตี บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด
ผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์
1) บจก. หรรษา โฮเต็ล บริหารโรงแรม หรรษา สมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา
2) บจก. แลงแฮม ฮอสปิทาลิตี้ บริหารโรงแรม แลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล รีสอร์ท และ สวนน้ำ สแปลช จังเกิ้ล
3) บจก. เดอะซีนีคอล บริหารโรงแรมเดอะ กรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม KYCC
ที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
ข้อมูล Filing
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: BWHREIT
โพสต์ที่ 3
https://market.sec.or.th/public/ipos/IP ... sID=253342
หนังสือชี้ชวนตราสารทุน
รายละเอียดตราสาร
ผู้ออกหลักทรัพย์ : ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าบลูเวล ฮอสพิทอลลิตี้
ผู้เสนอขายหลักทรัพย์ : บริษัท บลูเวล แอสเซท จำกัด
วันที่ยื่น Filing version แรก : 28/05/2562
วันที่แก้ไข Filing ครั้งล่าสุด (วันที่นับ 1 Filing) : -
วันที่ Filing มีผลบังคับใช้ : -
วันที่เริ่มต้นการเสนอขาย : -
วันที่สิ้นสุดการเสนอขาย : -
ประเภทหลักทรัพย์ : ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
ประเภทการเสนอขาย : การเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งแรกต่อประชาชน
ที่ปรึกษาทางการเงิน/ผู้ควบคุม : บริษัท หลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด / N.A.
หนังสือชี้ชวนตราสารทุน
รายละเอียดตราสาร
ผู้ออกหลักทรัพย์ : ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าบลูเวล ฮอสพิทอลลิตี้
ผู้เสนอขายหลักทรัพย์ : บริษัท บลูเวล แอสเซท จำกัด
วันที่ยื่น Filing version แรก : 28/05/2562
วันที่แก้ไข Filing ครั้งล่าสุด (วันที่นับ 1 Filing) : -
วันที่ Filing มีผลบังคับใช้ : -
วันที่เริ่มต้นการเสนอขาย : -
วันที่สิ้นสุดการเสนอขาย : -
ประเภทหลักทรัพย์ : ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
ประเภทการเสนอขาย : การเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งแรกต่อประชาชน
ที่ปรึกษาทางการเงิน/ผู้ควบคุม : บริษัท หลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด / N.A.
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: BWHREIT
โพสต์ที่ 5
The Profile : รุ่งยศ จันทภาษา จาก Passion สู่ทางเลือกใหม่ในการลงทุนที่น่าสนใจ
Mr.Ican
ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ หรือ Real Estate Investment Trust (REIT) กลายเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจของนักลงทุน โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มนักลงทุนที่คาดหวังการได้รับผลตอบแทนที่มีความสม่ำเสมอ และสูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ แต่มีความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนในหุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่ตลาดหุ้นมีความผันผวน
ความสำคัญของกอง REIT นี้ ไม่ได้มีเพียงการสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนเท่านั้น แต่ยังเป็นช่องทางในการระดมทุนให้เจ้าของทรัพย์สิน สามารถนำเงินทุนที่ได้รับจากการเสนอขายทรัพย์สินให้แก่กอง REIT ไปใช้ขยับขยายธุรกิจออกไปให้เติบโตยิ่งขึ้น
ซึ่งการเป็น Independent REIT หรือกอง REIT อิสระ ที่บริหารจัดการผลประโยชน์โดยบริษัทและทีมงานที่มีประสบการณ์ตรงด้านอสังหาริมทรัพย์และการเงิน ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าของทรัพย์สินรายใดรายหนึ่ง ทำให้กอง REIT สามารถเข้าลงทุนในทรัพย์สินหลากหลายประเภทได้อย่างเปิดกว้าง และสร้างการเติบโตได้ต่อเนื่อง
จากเหตุผลดังกล่าวทำให้ผู้บริหารหนุ่ม รุ่งยศ จันทภาษา อดีตผู้บริหารศูนย์การค้าเกษร มองเห็นโอกาสในการยกระดับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมที่ ถือเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย
รุ่งยศ จันทภาษา ถือเป็นมือการตลาดคนสำคัญของ 2 ผู้บริหารกลุ่มเกษร ชาญ ศรีวิกรณ์ และ ฟ้าฟื้น เต็มบุญเกียรติ ที่ร่วมกันขับเคลื่อนเกษรพลาซ่าสู่การเป็นเกษรวิลเลจ โครงการมิกซ์ยูสที่สมบูรณ์แบบในคอนเซ็ปต์ “Work-Live-Play-Grow” เออร์เบินวิลเลจแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ผสมผสานชีวิตการทำงานเข้ากับไลฟ์สไตล์ช็อปปิ้งและกินดื่มที่มีรสนิยม ฟื้นเกษรให้กลับมาคึกคักดังเช่นทุกวันนี้
เขาจบการศึกษาด้านวิศวกรรมการผลิต จาก Kingston University ประเทศอังกฤษ และต่อปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (EMBA) จากสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เริ่มงานในโรงงานตามความรู้ที่เรียนมา ก่อนถูกนักธุรกิจคนดัง สุภาพรรณ พิชัยรณรงค์สงคราม ชักชวนมาช่วยดูแลธุรกิจเรือด่วนเจ้าพระยา ตามด้วย ธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ ชักชวนไปดูแลงานด้านไอทียุคแรกเริ่มให้กลับกลุ่มเนชั่น ก่อนที่จะได้รับมอบหมายงานด้านการพัฒนาธุรกิจ และการตลาดของเกษรพลาซ่า ให้ดูแลมาถึง 10 ปี
รุ่งยศ เล่าว่า เขาเป็นคนที่มี Passion เรื่องการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ นอกจากการพัฒนาเกษรวิลเลจ ก่อนหน้าเคยร่วมงานกับแนเชอรัล พาร์ค ดูแลด้านการหาบริการเสริมให้กับโครงการ เช่น หาร้านอาหารหรือหาร้านค้าปลีก และเคยเป็นดีเวลอปเปอร์ลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม (ลงทุนส่วนตัว) ที่เชียงใหม่และขอนแก่น นอกจากนั้น เขายังรักการเดินทางมองหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ดูรูปแบบของ Hospitality อย่างโรงแรมหรือรีสอร์ทในแต่ละที่ และกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขาก้าวสู่เส้นทางการเป็นผู้บริหาร REIT อิสระ ที่มีส่วนช่วยให้ผู้ประกอบการในธุรกิจ Hospitality สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพและความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ
“ประสบการณ์ของผมคือการเป็น Developer หรือนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ พัฒนาโครงการที่มีความยั่งยืนสามารถแข่งขันบนเวทีโลกได้ ซึ่งเรามองว่าจริงๆ แล้วประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความได้เปรียบทางการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวสูงที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่น”
ปัจจุบัน รุ่งยศ มารับตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูเวล แอสเซท จำกัด เพื่อรุกธุรกิจบริหารจัดการกองทรัสต์อิสระ โดยมีทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และแวดวงการเงิน ร่วมกันเฟ้นหาสินทรัพย์ที่มีศักยภาพและโอกาสในการเติบโต เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับทั้งนักลงทุน และสร้างโอกาสในการระดมทุนให้กับเจ้าของทรัพย์สินนั้นๆ โดยจัดตั้งทรัสต์กองแรกเพื่อเข้าลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภท Hospitality ที่เขามีประสบการณ์มากว่า 20 ปี
“ปัจจุบันทั่วโลกมีนักท่องเที่ยวกว่า 1,800 ล้านคน และภายใน 5 ปี คาดการณ์ว่ายอดนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,000–3,000 ล้านคน โดยมีนักท่องเที่ยวจีนเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด สิ่งที่น่าสนใจคือปัจจุบันชาวจีนที่มีพาสปอร์ตมีสัดส่วนเพียง 10% ของประชากรทั้งประเทศ หรือราว 120 ล้านคน แต่ภายในปี 2020 คาดการณ์ว่าชาวจีนที่มีพาสปอร์ตจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเป็น 240 ล้านคน ซึ่งจะเป็นกลุ่มคนจีนรุ่นใหม่ๆ ที่เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ ดังนั้น ประเทศไทยก็อยู่ในเรดาร์ ได้รับผลดีจากเทรนด์คนจีนรุ่นใหม่เหล่านี้ด้วย” รุ่งยศฉายภาพให้เห็นถึงโอกาสในการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยวไทยจากกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเติบโตอย่างก้าวกระโดด
จากทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์และวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังเป็นจุดเด่นและเป็นปัจจัยขับเคลื่อนประเทศที่สำคัญของไทย แม้จะมีความท้าทายจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจหรือการเมือง แต่ภาพรวมนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเมืองไทยยังเพิ่มขึ้นปีละ 9.38% และสามารถครองรางวัล The World's Best Tourist Country ติดต่อกันยาวนานกว่า 9 ปี นับตั้งแต่ปี 2553 จากการจัดอันดับของ Travel News นิตยสารธุรกิจท่องเที่ยวระดับโลก
รุ่งยศให้มุมมองว่า เมื่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวเติบโต ธุรกิจโรงแรมก็ได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย โดยพบว่า โรงแรมในไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งอัตราการเข้าพักของโรงแรมทั่วประเทศที่อยู่ในระดับสูงกว่า 70% และราคาห้องพักที่เพิ่มขึ้นถึง 10% จากปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองเจาะลึกธุรกิจ Hospitality ของเมืองไทยพบว่า โรงแรมที่จะรองรับนักท่องเที่ยวยังไม่เพียงพอ รุ่งยศยกตัวอย่าง เกาะสมุยที่เป็นหนึ่งในเป้าหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยปัจจุบันสมุยมีโรงแรมราว 600 แห่ง มีห้องพักรวมกัน 20,000 ห้อง ซึ่งไม่เพียงพอกับความต้องการ เมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาสมุยปีละประมาณ 2 ล้านคน และเข้าพักเฉลี่ยติดต่อกันมากกว่า 5 คืน
“ผมคิดว่าการท่องเที่ยวเป็นจุดแข็งเดียวที่จะหล่อเลี้ยงประเทศไทยไปได้อีกยาวนาน เรายังมีสถานที่ท่องเที่ยวดีๆ อีกมากมาย มีเจ้าของโรงแรมเก่งๆ ที่อยากจะสร้างโรงแรมดีๆ ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว แต่มีเงินทุนส่วนตัวไม่เพียงพอ ซึ่งกอง REIT อิสระถือเป็นทางเลือกใหม่ในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพในการขยายธุรกิจ”
ขณะเดียวกัน บลูเวล แอสเซท ก็นับเป็นบริษัทที่นำเสนออีกหนึ่งทางเลือกใหม่ให้แก่นักลงทุนที่กำลังมองหาการลงทุนระยะยาว ในระดับความเสี่ยงที่ไม่สูงมาก ผ่านการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการโรงแรมชั้นนำในเมืองท่องเที่ยวหลัก ซึ่งมีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศอีกด้วย
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.bwhreit.com/th/set/upcoming-ipo-set
http://www.wealthythai.com/web/contents/WT190900078
Mr.Ican
ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ หรือ Real Estate Investment Trust (REIT) กลายเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจของนักลงทุน โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มนักลงทุนที่คาดหวังการได้รับผลตอบแทนที่มีความสม่ำเสมอ และสูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ แต่มีความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนในหุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่ตลาดหุ้นมีความผันผวน
ความสำคัญของกอง REIT นี้ ไม่ได้มีเพียงการสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนเท่านั้น แต่ยังเป็นช่องทางในการระดมทุนให้เจ้าของทรัพย์สิน สามารถนำเงินทุนที่ได้รับจากการเสนอขายทรัพย์สินให้แก่กอง REIT ไปใช้ขยับขยายธุรกิจออกไปให้เติบโตยิ่งขึ้น
ซึ่งการเป็น Independent REIT หรือกอง REIT อิสระ ที่บริหารจัดการผลประโยชน์โดยบริษัทและทีมงานที่มีประสบการณ์ตรงด้านอสังหาริมทรัพย์และการเงิน ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าของทรัพย์สินรายใดรายหนึ่ง ทำให้กอง REIT สามารถเข้าลงทุนในทรัพย์สินหลากหลายประเภทได้อย่างเปิดกว้าง และสร้างการเติบโตได้ต่อเนื่อง
จากเหตุผลดังกล่าวทำให้ผู้บริหารหนุ่ม รุ่งยศ จันทภาษา อดีตผู้บริหารศูนย์การค้าเกษร มองเห็นโอกาสในการยกระดับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมที่ ถือเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย
รุ่งยศ จันทภาษา ถือเป็นมือการตลาดคนสำคัญของ 2 ผู้บริหารกลุ่มเกษร ชาญ ศรีวิกรณ์ และ ฟ้าฟื้น เต็มบุญเกียรติ ที่ร่วมกันขับเคลื่อนเกษรพลาซ่าสู่การเป็นเกษรวิลเลจ โครงการมิกซ์ยูสที่สมบูรณ์แบบในคอนเซ็ปต์ “Work-Live-Play-Grow” เออร์เบินวิลเลจแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ผสมผสานชีวิตการทำงานเข้ากับไลฟ์สไตล์ช็อปปิ้งและกินดื่มที่มีรสนิยม ฟื้นเกษรให้กลับมาคึกคักดังเช่นทุกวันนี้
เขาจบการศึกษาด้านวิศวกรรมการผลิต จาก Kingston University ประเทศอังกฤษ และต่อปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (EMBA) จากสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เริ่มงานในโรงงานตามความรู้ที่เรียนมา ก่อนถูกนักธุรกิจคนดัง สุภาพรรณ พิชัยรณรงค์สงคราม ชักชวนมาช่วยดูแลธุรกิจเรือด่วนเจ้าพระยา ตามด้วย ธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ ชักชวนไปดูแลงานด้านไอทียุคแรกเริ่มให้กลับกลุ่มเนชั่น ก่อนที่จะได้รับมอบหมายงานด้านการพัฒนาธุรกิจ และการตลาดของเกษรพลาซ่า ให้ดูแลมาถึง 10 ปี
รุ่งยศ เล่าว่า เขาเป็นคนที่มี Passion เรื่องการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ นอกจากการพัฒนาเกษรวิลเลจ ก่อนหน้าเคยร่วมงานกับแนเชอรัล พาร์ค ดูแลด้านการหาบริการเสริมให้กับโครงการ เช่น หาร้านอาหารหรือหาร้านค้าปลีก และเคยเป็นดีเวลอปเปอร์ลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม (ลงทุนส่วนตัว) ที่เชียงใหม่และขอนแก่น นอกจากนั้น เขายังรักการเดินทางมองหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ดูรูปแบบของ Hospitality อย่างโรงแรมหรือรีสอร์ทในแต่ละที่ และกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขาก้าวสู่เส้นทางการเป็นผู้บริหาร REIT อิสระ ที่มีส่วนช่วยให้ผู้ประกอบการในธุรกิจ Hospitality สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพและความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ
“ประสบการณ์ของผมคือการเป็น Developer หรือนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ พัฒนาโครงการที่มีความยั่งยืนสามารถแข่งขันบนเวทีโลกได้ ซึ่งเรามองว่าจริงๆ แล้วประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความได้เปรียบทางการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวสูงที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่น”
ปัจจุบัน รุ่งยศ มารับตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูเวล แอสเซท จำกัด เพื่อรุกธุรกิจบริหารจัดการกองทรัสต์อิสระ โดยมีทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และแวดวงการเงิน ร่วมกันเฟ้นหาสินทรัพย์ที่มีศักยภาพและโอกาสในการเติบโต เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับทั้งนักลงทุน และสร้างโอกาสในการระดมทุนให้กับเจ้าของทรัพย์สินนั้นๆ โดยจัดตั้งทรัสต์กองแรกเพื่อเข้าลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภท Hospitality ที่เขามีประสบการณ์มากว่า 20 ปี
“ปัจจุบันทั่วโลกมีนักท่องเที่ยวกว่า 1,800 ล้านคน และภายใน 5 ปี คาดการณ์ว่ายอดนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,000–3,000 ล้านคน โดยมีนักท่องเที่ยวจีนเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด สิ่งที่น่าสนใจคือปัจจุบันชาวจีนที่มีพาสปอร์ตมีสัดส่วนเพียง 10% ของประชากรทั้งประเทศ หรือราว 120 ล้านคน แต่ภายในปี 2020 คาดการณ์ว่าชาวจีนที่มีพาสปอร์ตจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเป็น 240 ล้านคน ซึ่งจะเป็นกลุ่มคนจีนรุ่นใหม่ๆ ที่เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ ดังนั้น ประเทศไทยก็อยู่ในเรดาร์ ได้รับผลดีจากเทรนด์คนจีนรุ่นใหม่เหล่านี้ด้วย” รุ่งยศฉายภาพให้เห็นถึงโอกาสในการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยวไทยจากกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเติบโตอย่างก้าวกระโดด
จากทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์และวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังเป็นจุดเด่นและเป็นปัจจัยขับเคลื่อนประเทศที่สำคัญของไทย แม้จะมีความท้าทายจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจหรือการเมือง แต่ภาพรวมนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเมืองไทยยังเพิ่มขึ้นปีละ 9.38% และสามารถครองรางวัล The World's Best Tourist Country ติดต่อกันยาวนานกว่า 9 ปี นับตั้งแต่ปี 2553 จากการจัดอันดับของ Travel News นิตยสารธุรกิจท่องเที่ยวระดับโลก
รุ่งยศให้มุมมองว่า เมื่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวเติบโต ธุรกิจโรงแรมก็ได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย โดยพบว่า โรงแรมในไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งอัตราการเข้าพักของโรงแรมทั่วประเทศที่อยู่ในระดับสูงกว่า 70% และราคาห้องพักที่เพิ่มขึ้นถึง 10% จากปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองเจาะลึกธุรกิจ Hospitality ของเมืองไทยพบว่า โรงแรมที่จะรองรับนักท่องเที่ยวยังไม่เพียงพอ รุ่งยศยกตัวอย่าง เกาะสมุยที่เป็นหนึ่งในเป้าหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยปัจจุบันสมุยมีโรงแรมราว 600 แห่ง มีห้องพักรวมกัน 20,000 ห้อง ซึ่งไม่เพียงพอกับความต้องการ เมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาสมุยปีละประมาณ 2 ล้านคน และเข้าพักเฉลี่ยติดต่อกันมากกว่า 5 คืน
“ผมคิดว่าการท่องเที่ยวเป็นจุดแข็งเดียวที่จะหล่อเลี้ยงประเทศไทยไปได้อีกยาวนาน เรายังมีสถานที่ท่องเที่ยวดีๆ อีกมากมาย มีเจ้าของโรงแรมเก่งๆ ที่อยากจะสร้างโรงแรมดีๆ ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว แต่มีเงินทุนส่วนตัวไม่เพียงพอ ซึ่งกอง REIT อิสระถือเป็นทางเลือกใหม่ในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพในการขยายธุรกิจ”
ขณะเดียวกัน บลูเวล แอสเซท ก็นับเป็นบริษัทที่นำเสนออีกหนึ่งทางเลือกใหม่ให้แก่นักลงทุนที่กำลังมองหาการลงทุนระยะยาว ในระดับความเสี่ยงที่ไม่สูงมาก ผ่านการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการโรงแรมชั้นนำในเมืองท่องเที่ยวหลัก ซึ่งมีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศอีกด้วย
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.bwhreit.com/th/set/upcoming-ipo-set
http://www.wealthythai.com/web/contents/WT190900078
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: BWHREIT
โพสต์ที่ 6
บลูเวล แอสเซท ตั้งกองทรัสต์ลงทุน 3 โรงแรม หวังปี 64 กองทุนโต 2หมื่นลบ.
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -11 ก.ย. 62 12:32 น.
นายรุ่งยศ จันทภาษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูเวล แอสเซท จำกัด เปิดเผยในงานแถลง "กองทรัสต์ บลูเวล ฮอสพิทอลลิตี้ (BWHREIT) เดินหน้าเข้าลงทุนครั้งแรกในโรงแรมชั้นนำ" ระบุ ตั้งเป้าขยายขนาดกองทุน ดันมูลค่าสินทรัพย์แตะ 2 หมื่นล้านบาท ภายในปี 64 จากปัจจุบัน 4,420 ล้านบาท พร้อมการันตีผลตอบแทน 8.5% จากระบบเฉลี่ยอยู่ที่ 7% โดยมีสาระสำคัญดังนี้
-บริษัทอยู่ระหว่างการจัดตั้งทรัสต์กองแรกเพื่อเป็นทางเลือกใหม่แก่นักลงทุน ภายใต้ชื่อ "ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าบลูเวล ฮอสพิทอลลิตี้" หรือ Blue Whale Hospitality Freehold and Leasehold Real Estate Investment Trust (BWHREIT) โดยจะลงทุนครั้งแรกในกรรมสิทธิ์ และ สิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรม 3 แห่ง ใน ภูเก็ต เกาะสมุย และ เขาใหญ่ ซึ่งเป็นเมือง และ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในประเทศไทย
- การลงทุนดังกล่าว ได้แก่ 1. กรรมสิทธิ์ในที่ดิน อาคาร และ อสังหาริทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล รีสอร์ท และ สวนน้ำ สแปลช จังเกิ้ล (“โรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล และสวนน้ำ) เนื้อที่ประมาณ 57 ไร่ 2. การลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงที่ดิน อาคาร และ กรรมสิทธิ์ในสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรม หรรษา สมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา (“โรงแรมหรรษา สมุย”) รวมเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ 2 งาน 9.5 ตารางวา เป็นระยะเวลา 20 ปี และ 3. สิทธิการเช่าที่ดิน อาคาร และกรรมสิทธิ์ในสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับ โรงแรมเดอะ กรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ และ ศูนย์ประชุม KYCC (“โรงแรม กรีนเนอรี่ เขาใหญ่ และ ศูนย์ประชุม”) เนื้อที่ประมาณ 22 ไร่ เป็นเวลา 30 ปี
-สำหรับโรงแรมหรรษา สมุย ตั้งอยู่บริเวณหาดบ่อผุด เกาะสมุย ห่างจากสนามบินเพียง 15 นาที เป็นโรงแรมติดหาดระดับ 5 ดาว สไตล์ลักซูรี่ บริหารงานโดย บริษัท หรรษา กรุ๊ป มีห้องพักจำนวน 74 ห้อง ซึ่งทุกห้องมีระเบียงเปิดกว้างรับทัศนียภาพอันสวยงามของเกาะสมุย อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 61 อยู่ที่ 75% ส่วนโรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล และ สวนน้ำ ตั้งอยู่บนหาดไม้ขาว ซึ่งเป็นหาดที่ทอดยาวถึง 11 กิโลเมตร ทางฝั่งตะวันตกของเกาะภูเก็ต ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินเพียง 20 นาที เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว (Midscale) มีห้องพักจำนวน 455 ห้อง ปัจจุบันโรงแรมได้รับการปรับปรุงเพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนแบรนด์ และ การบริหารงานโดยกลุ่ม Langham Hospitality Group ผู้บริหารโรงแรมชั้นนำระดับสากล ซึ่งมีแบรนด์เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง มีเครือข่างที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 61 ก่อนที่โรงแรมจะได้รับการปรับปรุง และ รีแบรนด์ อยู่ที่ 46% และ โรงแรม กรีนเนอรี่ เขาใหญ่ และ ศูนย์ประชุม KYCC เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว (Midscale) มีห้องพักจำนวน 254 ห้อง และ ศูนย์ประชุมที่ใหญ่ที่สุดในเขาใหญ่ รองรับผู้เข้าใช้บริการได้กว่า 5,000 คน บริหารงานโดย ซีนิคอล เวิร์ล อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 61 อยู่ที่ 54%
- จุดเด่นของกองทรัสต์ BWHREIT คือ การกระจายการลงทุนในโรงแรมทั้ง 3 แห่ง ขณะเดียวกันยังมีการผสมผสานการลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold) และ สิทธิการเช่า (Leasehold) ที่เหมาะสมในสัดส่วน 57% และ 43% ตามลำดับ นอกจากนี้ จะให้เช่าทรัพย์สินที่มีส่วนประกอบ ทั้งค่าเช่าคงที่ที่เพิ่มขึ้น 2% ต่อปี และ ค่าเช่าแปรผันเพื่อให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอจากผลการดำเนินงานของโรงแรม รวมถึงโอกาสเติบโตจากศักยภาพการสร้างผลกำไรในอนาคตอีกด้วย
-ส่วนแผนงานในอนาคตตั้งเป้าเพิ่มขนาดมูลค่าสินทรัพย์ของกอง BWHREIT ในปี 64 แตะ 20,000 ล้านบาท และ ปี 63 อยู่ที่ 10,000 ล้านบาท จากปีนี้ 4,420 ล้านบาท นอกจากนี้ ในปีหน้าจะเข้าลงทุนในโรงแรมอีก 6 แห่ง และ ปีต่อๆไปอีก 5-6 แห่ง จากปัจจุบันมีผู้เสนอขายโรงแรมเข้ากอง 60 แห่ง ซึ่งบริษัทมีความสนใจ 10 แห่ง
"เรามองว่าธุรกิจโรงแรม ศูนย์ประชุมและ สวนน้ำ จะได้รับผลดีจากภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยที่ยังแข็งแกร่ง โดยประเทศไทยถือเป็นจุดหมายปลายทาง และ ศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียนที่สำคัญ โดยปีที่ผ่านมาภาพรวมการท่องเที่ยวทำรายได้คิดเป็น 22.8% ของจีดีพีประเทศ และ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยรวมประมาณ 38 ล้านคน ส่วนปีนี้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 41 ล้านคน ด้วยปัจจัยบวกจากการพัฒนาการคมนาคม และ โครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการสนับสนุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน การขยายสนามบินและการเพิ่มเส้นทางของสายการบินโลว์คอสต์ รวมถึงมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวต่างๆ เช่น การยกเว้นค่าวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวบางประเทศ”
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า ในภาวะที่ตลาดหุ้นกำลังผันผวนทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ การลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ถือเป็นทางเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้น และมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำหรือพันธบัตรรัฐบาลกว่า 7% ถือเป็นเครื่องมือการลงทุนที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะนักลงทุนที่ต้องการรับผลตอบแทน ทั้งจากส่วนต่างของราคาหน่วยลงทุน (Capital Gain) และเงินปันผลที่สม่ำเสมอ
- กองทรัสต์ BWHREIT มีวงเงินลงทุนครั้งแรกมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 4,420 ล้านบาท มาจากการระดมทุนเสนอขายหน่วยทรัสต์จำนวนประมาณ 3,850 ล้านบาท และ กู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินไม่เกิน 771.5 ล้านบาท ประมาณการอัตราผลตอบแทนที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ ปีแรกอยู่ที่ประมาณ 8.50% จากระบบเฉลี่ยอยู่ที่ 7%
-ส่วนความคืบหน้าการจัดตั้งกองทรัสต์นั้น ปัจจุบันได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์แก่ประชาชนเป็นครั้งแรกและแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหน่วยทรัสต์ (Filing) เป็นที่เรียบร้อย โดยสำนักงาน ก.ล.ต. ได้พิจารณาและอนุมัติเบื้องต้น (นับ 1 Filing) แล้ว เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 62 ซึ่งคาดว่าจะเสนอขายหน่วยลงทุนได้ประมาณกลางเดือนตุลาคมนี้
"กองรีทยังมีความน่าสนใจ และ น่าลงทุนอยู่ เพราะให้ผลตอบแทนที่ดี และ ป้องกันความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน โดยกองรีทนักลงทุนให้ความสนใจมามากกว่า 2 ปีแล้ว และ ยังเห็นว่า กองทุนรวมต่างๆก็สนใจลงทุนในกองรีทมากขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันราคากองนัทปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะจำนวนกองทรัสต์ในตลาดยังมีน้อยเมื่อเทียบกับความต้องการ"
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -11 ก.ย. 62 12:32 น.
นายรุ่งยศ จันทภาษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูเวล แอสเซท จำกัด เปิดเผยในงานแถลง "กองทรัสต์ บลูเวล ฮอสพิทอลลิตี้ (BWHREIT) เดินหน้าเข้าลงทุนครั้งแรกในโรงแรมชั้นนำ" ระบุ ตั้งเป้าขยายขนาดกองทุน ดันมูลค่าสินทรัพย์แตะ 2 หมื่นล้านบาท ภายในปี 64 จากปัจจุบัน 4,420 ล้านบาท พร้อมการันตีผลตอบแทน 8.5% จากระบบเฉลี่ยอยู่ที่ 7% โดยมีสาระสำคัญดังนี้
-บริษัทอยู่ระหว่างการจัดตั้งทรัสต์กองแรกเพื่อเป็นทางเลือกใหม่แก่นักลงทุน ภายใต้ชื่อ "ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าบลูเวล ฮอสพิทอลลิตี้" หรือ Blue Whale Hospitality Freehold and Leasehold Real Estate Investment Trust (BWHREIT) โดยจะลงทุนครั้งแรกในกรรมสิทธิ์ และ สิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรม 3 แห่ง ใน ภูเก็ต เกาะสมุย และ เขาใหญ่ ซึ่งเป็นเมือง และ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในประเทศไทย
- การลงทุนดังกล่าว ได้แก่ 1. กรรมสิทธิ์ในที่ดิน อาคาร และ อสังหาริทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล รีสอร์ท และ สวนน้ำ สแปลช จังเกิ้ล (“โรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล และสวนน้ำ) เนื้อที่ประมาณ 57 ไร่ 2. การลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงที่ดิน อาคาร และ กรรมสิทธิ์ในสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรม หรรษา สมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา (“โรงแรมหรรษา สมุย”) รวมเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ 2 งาน 9.5 ตารางวา เป็นระยะเวลา 20 ปี และ 3. สิทธิการเช่าที่ดิน อาคาร และกรรมสิทธิ์ในสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับ โรงแรมเดอะ กรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ และ ศูนย์ประชุม KYCC (“โรงแรม กรีนเนอรี่ เขาใหญ่ และ ศูนย์ประชุม”) เนื้อที่ประมาณ 22 ไร่ เป็นเวลา 30 ปี
-สำหรับโรงแรมหรรษา สมุย ตั้งอยู่บริเวณหาดบ่อผุด เกาะสมุย ห่างจากสนามบินเพียง 15 นาที เป็นโรงแรมติดหาดระดับ 5 ดาว สไตล์ลักซูรี่ บริหารงานโดย บริษัท หรรษา กรุ๊ป มีห้องพักจำนวน 74 ห้อง ซึ่งทุกห้องมีระเบียงเปิดกว้างรับทัศนียภาพอันสวยงามของเกาะสมุย อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 61 อยู่ที่ 75% ส่วนโรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล และ สวนน้ำ ตั้งอยู่บนหาดไม้ขาว ซึ่งเป็นหาดที่ทอดยาวถึง 11 กิโลเมตร ทางฝั่งตะวันตกของเกาะภูเก็ต ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินเพียง 20 นาที เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว (Midscale) มีห้องพักจำนวน 455 ห้อง ปัจจุบันโรงแรมได้รับการปรับปรุงเพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนแบรนด์ และ การบริหารงานโดยกลุ่ม Langham Hospitality Group ผู้บริหารโรงแรมชั้นนำระดับสากล ซึ่งมีแบรนด์เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง มีเครือข่างที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 61 ก่อนที่โรงแรมจะได้รับการปรับปรุง และ รีแบรนด์ อยู่ที่ 46% และ โรงแรม กรีนเนอรี่ เขาใหญ่ และ ศูนย์ประชุม KYCC เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว (Midscale) มีห้องพักจำนวน 254 ห้อง และ ศูนย์ประชุมที่ใหญ่ที่สุดในเขาใหญ่ รองรับผู้เข้าใช้บริการได้กว่า 5,000 คน บริหารงานโดย ซีนิคอล เวิร์ล อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 61 อยู่ที่ 54%
- จุดเด่นของกองทรัสต์ BWHREIT คือ การกระจายการลงทุนในโรงแรมทั้ง 3 แห่ง ขณะเดียวกันยังมีการผสมผสานการลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold) และ สิทธิการเช่า (Leasehold) ที่เหมาะสมในสัดส่วน 57% และ 43% ตามลำดับ นอกจากนี้ จะให้เช่าทรัพย์สินที่มีส่วนประกอบ ทั้งค่าเช่าคงที่ที่เพิ่มขึ้น 2% ต่อปี และ ค่าเช่าแปรผันเพื่อให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอจากผลการดำเนินงานของโรงแรม รวมถึงโอกาสเติบโตจากศักยภาพการสร้างผลกำไรในอนาคตอีกด้วย
-ส่วนแผนงานในอนาคตตั้งเป้าเพิ่มขนาดมูลค่าสินทรัพย์ของกอง BWHREIT ในปี 64 แตะ 20,000 ล้านบาท และ ปี 63 อยู่ที่ 10,000 ล้านบาท จากปีนี้ 4,420 ล้านบาท นอกจากนี้ ในปีหน้าจะเข้าลงทุนในโรงแรมอีก 6 แห่ง และ ปีต่อๆไปอีก 5-6 แห่ง จากปัจจุบันมีผู้เสนอขายโรงแรมเข้ากอง 60 แห่ง ซึ่งบริษัทมีความสนใจ 10 แห่ง
"เรามองว่าธุรกิจโรงแรม ศูนย์ประชุมและ สวนน้ำ จะได้รับผลดีจากภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยที่ยังแข็งแกร่ง โดยประเทศไทยถือเป็นจุดหมายปลายทาง และ ศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียนที่สำคัญ โดยปีที่ผ่านมาภาพรวมการท่องเที่ยวทำรายได้คิดเป็น 22.8% ของจีดีพีประเทศ และ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยรวมประมาณ 38 ล้านคน ส่วนปีนี้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 41 ล้านคน ด้วยปัจจัยบวกจากการพัฒนาการคมนาคม และ โครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการสนับสนุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน การขยายสนามบินและการเพิ่มเส้นทางของสายการบินโลว์คอสต์ รวมถึงมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวต่างๆ เช่น การยกเว้นค่าวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวบางประเทศ”
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า ในภาวะที่ตลาดหุ้นกำลังผันผวนทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ การลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ถือเป็นทางเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้น และมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำหรือพันธบัตรรัฐบาลกว่า 7% ถือเป็นเครื่องมือการลงทุนที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะนักลงทุนที่ต้องการรับผลตอบแทน ทั้งจากส่วนต่างของราคาหน่วยลงทุน (Capital Gain) และเงินปันผลที่สม่ำเสมอ
- กองทรัสต์ BWHREIT มีวงเงินลงทุนครั้งแรกมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 4,420 ล้านบาท มาจากการระดมทุนเสนอขายหน่วยทรัสต์จำนวนประมาณ 3,850 ล้านบาท และ กู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินไม่เกิน 771.5 ล้านบาท ประมาณการอัตราผลตอบแทนที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ ปีแรกอยู่ที่ประมาณ 8.50% จากระบบเฉลี่ยอยู่ที่ 7%
-ส่วนความคืบหน้าการจัดตั้งกองทรัสต์นั้น ปัจจุบันได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์แก่ประชาชนเป็นครั้งแรกและแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหน่วยทรัสต์ (Filing) เป็นที่เรียบร้อย โดยสำนักงาน ก.ล.ต. ได้พิจารณาและอนุมัติเบื้องต้น (นับ 1 Filing) แล้ว เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 62 ซึ่งคาดว่าจะเสนอขายหน่วยลงทุนได้ประมาณกลางเดือนตุลาคมนี้
"กองรีทยังมีความน่าสนใจ และ น่าลงทุนอยู่ เพราะให้ผลตอบแทนที่ดี และ ป้องกันความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน โดยกองรีทนักลงทุนให้ความสนใจมามากกว่า 2 ปีแล้ว และ ยังเห็นว่า กองทุนรวมต่างๆก็สนใจลงทุนในกองรีทมากขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันราคากองนัทปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะจำนวนกองทรัสต์ในตลาดยังมีน้อยเมื่อเทียบกับความต้องการ"
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: BWHREIT
โพสต์ที่ 7
BWHREIT เตรียมระดมทุนขายหน่วยทรัสต์ราว 3.85 พันลบ. รองรับลงทุน 3 รร.ในเมืองท่องเที่ยวไทย ,ชูผลตอบแทนปีแรก 8.5%
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 11 กันยายน 2562 11:38:11 น.
นายรุ่งยศ จันทภาษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูเวล แอสเซท จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการจัดตั้งทรัสต์กองแรกเพื่อเป็นทางเลือกใหม่แก่นักลงทุน ภายใต้ชื่อ ‘ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าบลูเวล ฮอสพิทอลลิตี้’ หรือ Blue Whale Hospitality Freehold and Leasehold Real Estate Investment Trust (BWHREIT) โดยจะลงทุนครั้งแรกในกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรม 3 แห่ง ใน ภูเก็ต เกาะสมุย และเขาใหญ่ ซึ่งเป็นเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในประเทศไทย
ประกอบด้วย 1.กรรมสิทธิ์ในที่ดิน อาคาร และอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล รีสอร์ท และสวนน้ำ สแปลช จังเกิ้ล (โรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล และสวนน้ำ) เนื้อที่ประมาณ 57 ไร่ 2.การลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงที่ดิน อาคาร และกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรม หรรษา สมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา (โรงแรมหรรษา สมุย) รวมเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ 2 งาน 9.5 ตารางวา เป็นระยะเวลา 20 ปี และ 3.สิทธิการเช่าที่ดิน อาคาร และกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมเดอะ กรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม KYCC (โรงแรม กรีนเนอรี่ เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม) เนื้อที่ประมาณ 22 ไร่ เป็นเวลา 30 ปี
สำหรับโรงแรมหรรษา สมุย ตั้งอยู่บริเวณหาดบ่อผุด เกาะสมุย ห่างจากสนามบินเพียง 15 นาที เป็นโรงแรมติดหาดระดับ 5 ดาว สไตล์ลักซูรี่ บริหารงานโดย บริษัท หรรษา กรุ๊ป มีห้องพักจำนวน 74 ห้อง ซึ่งทุกห้องมีระเบียงเปิดกว้างรับทัศนียภาพอันสวยงามของเกาะสมุย อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 61 อยู่ที่ 75% ส่วนโรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล และสวนน้ำ ตั้งอยู่บนหาดไม้ขาว ซึ่งเป็นหาดที่ทอดยาวถึง 11 กิโลเมตร ทางฝั่งตะวันตกของเกาะภูเก็ต ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินเพียง 20 นาที เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว (Midscale) มีห้องพักจำนวน 455 ห้อง ปัจจุบัน โรงแรมได้รับการปรับปรุง เพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนแบรนด์ และการบริหารงานโดยกลุ่ม Langham Hospitality Group ผู้บริหารโรงแรมชั้นนำระดับสากล ซึ่งมีแบรนด์เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง มีเครือข่ายที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 61 ก่อนที่โรงแรมจะได้รับการปรับปรุงและรีแบรนด์ อยู่ที่ 46%
โรงแรม กรีนเนอรี่ เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม KYCC เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว (Midscale) มีห้องพักจำนวน 254 ห้อง และศูนย์ประชุมที่ใหญ่ที่สุดในเขาใหญ่ รองรับผู้เข้าใช้บริการได้กว่า 5,000 คน บริหารงานโดย ซีนิคอล เวิร์ล อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 61 อยู่ที่ 54%
สำหรับจุดเด่นของกองทรัสต์ BWHREIT คือ การกระจายการลงทุนในโรงแรมทั้ง 3 แห่ง ในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่หลากหลาย จับกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวแตกต่างกัน สามารถลดความผันผวนของรายได้ในแต่ละฤดูกาล และสร้างความสมดุลให้กับพอร์ตการลงทุน โดยโรงแรมหรรษา สมุยจะเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติชาวยุโรปเป็นหลัก โรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ลและสวนน้ำ มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่มาท่องเที่ยวเป็นครอบครัว และ โรงแรมกรีนเนอรี่ เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม เน้นตลาดไมซ์ที่เป็นกลุ่มลูกค้าคนไทยมาประชุมและสัมมนา ขณะเดียวกันยังมีการผสมผสานการลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold) และสิทธิการเช่า (Leasehold) ที่เหมาะสมในสัดส่วน 57% และ 43% ตามลำดับ
นอกจากนี้กองทรัสต์จะให้เช่าทรัพย์สิน ที่มีส่วนประกอบทั้งค่าเช่าคงที่ที่เพิ่มขึ้น 2% ต่อปี และค่าเช่าแปรผัน เพื่อให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอจากผลการดำเนินงานของโรงแรม รวมถึงโอกาสเติบโตจากศักยภาพการสร้างผลกำไรในอนาคตอีกด้วย
"เรามองว่าธุรกิจโรงแรม ศูนย์ประชุมและสวนน้ำ จะได้รับผลดีจากภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยที่ยังแข็งแกร่ง โดยประเทศไทยถือเป็นจุดหมายปลายทางและศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียนที่สำคัญ โดยปีที่ผ่านมาภาพรวมการท่องเที่ยวทำรายได้คิดเป็น 22.8% ของจีดีพีประเทศ และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยรวมประมาณ 38 ล้านคน ส่วนปีนี้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 41 ล้านคน ด้วยปัจจัยบวกจากการพัฒนาการคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการสนับสนุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน การขยายสนามบินและการเพิ่มเส้นทางของสายการบินโลว์คอสต์ รวมถึงมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวต่างๆ เช่น การยกเว้นค่าวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวบางประเทศ"นายรุ่งยศ กล่าว
ด้านนางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ในภาวะที่ตลาดหุ้นกำลังผันผวนทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ การลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ถือเป็นทางเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้น และมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำหรือพันธบัตรรัฐบาลกว่า 7% ถือเป็นเครื่องมือการลงทุนที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะนักลงทุนที่ต้องการรับผลตอบแทน ทั้งจากส่วนต่างของราคาหน่วยลงทุน (Capital Gain) และเงินปันผลที่สม่ำเสมอ
ทั้งนี้ ในส่วนของวงเงินลงทุนครั้งแรกในกองทรัสต์ BWHREIT จะมีมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 4,420 ล้านบาท โดยจะมาจากการระดมทุนเสนอขายหน่วยทรัสต์จำนวนประมาณ 3,850 ล้านบาท และกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินไม่เกิน 771.5 ล้านบาท โดยกองทรัสต์ประมาณการอัตราผลตอบแทนที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในปีแรกอยู่ที่ประมาณ 8.50% ส่วนความคืบหน้าการจัดตั้งกองทรัสต์นั้น ปัจจุบันได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์แก่ประชาชนเป็นครั้งแรกและแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหน่วยทรัสต์ (Filing) เป็นที่เรียบร้อย โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้พิจารณาและอนุมัติเบื้องต้น (นับ 1 Filing) แล้ว เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 62
--อินโฟเควสท์ โดย จีรายุทธ จันทรงสกุล/วิลาวัลย์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 11 กันยายน 2562 11:38:11 น.
นายรุ่งยศ จันทภาษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูเวล แอสเซท จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการจัดตั้งทรัสต์กองแรกเพื่อเป็นทางเลือกใหม่แก่นักลงทุน ภายใต้ชื่อ ‘ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าบลูเวล ฮอสพิทอลลิตี้’ หรือ Blue Whale Hospitality Freehold and Leasehold Real Estate Investment Trust (BWHREIT) โดยจะลงทุนครั้งแรกในกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรม 3 แห่ง ใน ภูเก็ต เกาะสมุย และเขาใหญ่ ซึ่งเป็นเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในประเทศไทย
ประกอบด้วย 1.กรรมสิทธิ์ในที่ดิน อาคาร และอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล รีสอร์ท และสวนน้ำ สแปลช จังเกิ้ล (โรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล และสวนน้ำ) เนื้อที่ประมาณ 57 ไร่ 2.การลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงที่ดิน อาคาร และกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรม หรรษา สมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา (โรงแรมหรรษา สมุย) รวมเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ 2 งาน 9.5 ตารางวา เป็นระยะเวลา 20 ปี และ 3.สิทธิการเช่าที่ดิน อาคาร และกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมเดอะ กรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม KYCC (โรงแรม กรีนเนอรี่ เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม) เนื้อที่ประมาณ 22 ไร่ เป็นเวลา 30 ปี
สำหรับโรงแรมหรรษา สมุย ตั้งอยู่บริเวณหาดบ่อผุด เกาะสมุย ห่างจากสนามบินเพียง 15 นาที เป็นโรงแรมติดหาดระดับ 5 ดาว สไตล์ลักซูรี่ บริหารงานโดย บริษัท หรรษา กรุ๊ป มีห้องพักจำนวน 74 ห้อง ซึ่งทุกห้องมีระเบียงเปิดกว้างรับทัศนียภาพอันสวยงามของเกาะสมุย อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 61 อยู่ที่ 75% ส่วนโรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล และสวนน้ำ ตั้งอยู่บนหาดไม้ขาว ซึ่งเป็นหาดที่ทอดยาวถึง 11 กิโลเมตร ทางฝั่งตะวันตกของเกาะภูเก็ต ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินเพียง 20 นาที เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว (Midscale) มีห้องพักจำนวน 455 ห้อง ปัจจุบัน โรงแรมได้รับการปรับปรุง เพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนแบรนด์ และการบริหารงานโดยกลุ่ม Langham Hospitality Group ผู้บริหารโรงแรมชั้นนำระดับสากล ซึ่งมีแบรนด์เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง มีเครือข่ายที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 61 ก่อนที่โรงแรมจะได้รับการปรับปรุงและรีแบรนด์ อยู่ที่ 46%
โรงแรม กรีนเนอรี่ เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม KYCC เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว (Midscale) มีห้องพักจำนวน 254 ห้อง และศูนย์ประชุมที่ใหญ่ที่สุดในเขาใหญ่ รองรับผู้เข้าใช้บริการได้กว่า 5,000 คน บริหารงานโดย ซีนิคอล เวิร์ล อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 61 อยู่ที่ 54%
สำหรับจุดเด่นของกองทรัสต์ BWHREIT คือ การกระจายการลงทุนในโรงแรมทั้ง 3 แห่ง ในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่หลากหลาย จับกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวแตกต่างกัน สามารถลดความผันผวนของรายได้ในแต่ละฤดูกาล และสร้างความสมดุลให้กับพอร์ตการลงทุน โดยโรงแรมหรรษา สมุยจะเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติชาวยุโรปเป็นหลัก โรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ลและสวนน้ำ มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่มาท่องเที่ยวเป็นครอบครัว และ โรงแรมกรีนเนอรี่ เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม เน้นตลาดไมซ์ที่เป็นกลุ่มลูกค้าคนไทยมาประชุมและสัมมนา ขณะเดียวกันยังมีการผสมผสานการลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold) และสิทธิการเช่า (Leasehold) ที่เหมาะสมในสัดส่วน 57% และ 43% ตามลำดับ
นอกจากนี้กองทรัสต์จะให้เช่าทรัพย์สิน ที่มีส่วนประกอบทั้งค่าเช่าคงที่ที่เพิ่มขึ้น 2% ต่อปี และค่าเช่าแปรผัน เพื่อให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอจากผลการดำเนินงานของโรงแรม รวมถึงโอกาสเติบโตจากศักยภาพการสร้างผลกำไรในอนาคตอีกด้วย
"เรามองว่าธุรกิจโรงแรม ศูนย์ประชุมและสวนน้ำ จะได้รับผลดีจากภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยที่ยังแข็งแกร่ง โดยประเทศไทยถือเป็นจุดหมายปลายทางและศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียนที่สำคัญ โดยปีที่ผ่านมาภาพรวมการท่องเที่ยวทำรายได้คิดเป็น 22.8% ของจีดีพีประเทศ และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยรวมประมาณ 38 ล้านคน ส่วนปีนี้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 41 ล้านคน ด้วยปัจจัยบวกจากการพัฒนาการคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการสนับสนุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน การขยายสนามบินและการเพิ่มเส้นทางของสายการบินโลว์คอสต์ รวมถึงมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวต่างๆ เช่น การยกเว้นค่าวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวบางประเทศ"นายรุ่งยศ กล่าว
ด้านนางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ในภาวะที่ตลาดหุ้นกำลังผันผวนทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ การลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ถือเป็นทางเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้น และมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำหรือพันธบัตรรัฐบาลกว่า 7% ถือเป็นเครื่องมือการลงทุนที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะนักลงทุนที่ต้องการรับผลตอบแทน ทั้งจากส่วนต่างของราคาหน่วยลงทุน (Capital Gain) และเงินปันผลที่สม่ำเสมอ
ทั้งนี้ ในส่วนของวงเงินลงทุนครั้งแรกในกองทรัสต์ BWHREIT จะมีมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 4,420 ล้านบาท โดยจะมาจากการระดมทุนเสนอขายหน่วยทรัสต์จำนวนประมาณ 3,850 ล้านบาท และกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินไม่เกิน 771.5 ล้านบาท โดยกองทรัสต์ประมาณการอัตราผลตอบแทนที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในปีแรกอยู่ที่ประมาณ 8.50% ส่วนความคืบหน้าการจัดตั้งกองทรัสต์นั้น ปัจจุบันได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์แก่ประชาชนเป็นครั้งแรกและแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหน่วยทรัสต์ (Filing) เป็นที่เรียบร้อย โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้พิจารณาและอนุมัติเบื้องต้น (นับ 1 Filing) แล้ว เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 62
--อินโฟเควสท์ โดย จีรายุทธ จันทรงสกุล/วิลาวัลย์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: [email protected]--
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: BWHREIT
โพสต์ที่ 8
BWHREIT จ่อ IPO ต.ค.นี้ ยิลด์ 8.5% ลงทุนโรงแรม ‘ภูเก็ต-สมุย-เขาใหญ่’
11/09/2019BWHREIT, Exclusive News
HoonSmart.com>> ทรัสต์ “บลูเวล ฮอสพิทอลลิตี้” จ่อขาย IPO กลางเดือนต.ค.นี้ มูลค่า 4,420 ล้านบาท นำเงินลงทุนในกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่า “โรงแรม” 3 แห่ง “ภูเก็ต-สมุย-เขาใหญ่” มั่นใจท่องเที่ยวไทยแกร่ง คาดผลตอบแทนปีแรก 8.5% พร้อมตั้งเป้าเพิ่มขนาดกองทุนแตะ 2 หมื่นล้านบาทปี 64 “บล.ดีบีเอสฯ” ชี้ผลตอบแทนสูงกว่า REIT ในตลาดเฉลี่ยอยู่ที่ 7%
นายรุ่งยศ จันทภาษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูเวล แอสเซท จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างจัดตั้งทรัสต์กองแรกเพื่อเป็นทางเลือกใหม่แก่นักลงทุนชื่อ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าบลูเวล ฮอสพิทอลลิตี้ หรือ Blue Whale Hospitality Freehold and Leasehold Real Estate Investment Trust (BWHREIT) มูลค่า 4,420 ล้านบาท คาดว่าจะเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกในช่วงกลางเดือนต.ค.62
BWHREIT จะลงทุนครั้งแรกในกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรม 3 แห่ง ในภูเก็ต เกาะสมุยและเขาใหญ่ ซึ่งเป็นเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในประเทศไทย ได้แก่ 1.กรรมสิทธิ์ในที่ดิน อาคารและอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล รีสอร์ท และสวนน้ำ สแปลช จังเกิ้ล หาดไม้ขาว จ.ภูเก็ต เนื้อที่ประมาณ 57 ไร่ เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว มีห้องพัก 455 ห้อง อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 2561 ก่อนปรับปรุงและรีแบรนด์อยู่ที่ 46%
2.การลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงที่ดิน อาคารและกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรม หรรษา สมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา บนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี รวมเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ 2 งาน 9.5 ตารางวา เป็นระยะเวลา 20 ปี เป็นโรงแรมติดหาดระดับ 5 ดาว สไตล์ลักซูรี่ บริหารงานโดย บริษัท หรรษา กรุ๊ป มีห้องพักจำนวน 74 ห้อง อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 2561 อยู่ที่ 75%
3.สิทธิการเช่าที่ดิน อาคาร และกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมเดอะ กรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม KYCC ในจ.นครราชสีมา เนื้อที่ประมาณ 22 ไร่ เป็นเวลา 30 ปี เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว มีห้องพัก 254 ห้อง และศูนย์ประชุมที่ใหญ่ที่สุดในเขาใหญ่รองรับผู้เข้าใช้บริการได้กว่า 5,000 คน บริหารงานโดย ซีนิคอล เวิร์ล อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 2561 อยู่ที่ 54%
นายรุ่งยศ กล่าวว่า จุดเด่นของ BWHREIT คือ การกระจายการลงทุนในโรงแรมทั้ง 3 แห่ง ในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่หลากหลาย จับกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวแตกต่างกัน สามารถลดความผันผวนของรายได้ในแต่ละฤดูกาล และสร้างความสมดุลให้กับพอร์ตการลงทุน โดยโรงแรมหรรษา สมุยเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติชาวยุโรปเป็นหลัก และมีชาวอิสราเอล, จีน,ญี่ปุ่น ส่วนโรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ลและสวนน้ำ เจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่มาท่องเที่ยวเป็นครอบครัว เช่น จีน,รัสเซีย,ออสเตรเลีย และ โรงแรมกรีนเนอรี่ เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม เน้นตลาดไมซ์ที่เป็นกลุ่มลูกค้าคนไทยมาประชุมและสัมมนา
“แม้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่โรงแรมไม่ได้รับผลกระทบ โดยนักท่องเที่ยวยังเข้ามาพัก อย่างไรก็ตามจากการที่โรงแรมขึ้นอยู่กับฤดูกาล ดังนั้นกองทรัสต์จึงได้มีการรับประกันรายได้ค่าเช่าจากโรงแรมหรรษาและโรงแรมกรีนเนอรี่ เป็นเวลา 5 ปี ทำให้นักลงทุนสบายใจได้ ขณะเดียวกันโรงแรมแลงแฮมฯ ซึ่งกองทรัสต์คาดว่าจะเติบโตได้ดีหลังจากรีแบรนด์จบแล้ว จึงคาดการณ์ผลตอบแทนในปีแรก 8.50%”นายรุ่งยศ กล่าว
นอกจากนี้ BWHREIT มีการผสมการลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold) และสิทธิการเช่า (Leasehold) ที่เหมาะสมในสัดส่วน 57% และ 43% ตามลำดับ อีกทั้งกองทรัสต์จะให้เช่าทรัพย์สิน ที่มีส่วนประกอบทั้งค่าเช่าคงที่ที่เพิ่มขึ้น 2% ต่อปี และค่าเช่าแปรผัน เพื่อให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอจากผลการดำเนินงานของโรงแรม รวมถึงโอกาสเติบโตจากศักยภาพการสร้างผลกำไรในอนาคตอีกด้วย
นายรุ่งยศ กล่าวอีกว่า แผนงานในอนาคตบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มขนาดกองทรัสต์ BWHREIT สูงเป็นอันดับหนึ่งในประเภทโรงแรม ในปีหน้ามีแผนลงทุนเพิ่มอีก 4-5 แห่ง จึงคาดว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทรัสต์จะแตะ 1 หมื่นล้านบาทและในปี 64 ลงทุนต่อเนื่องอีก 5-6 แห่ง ส่งผลให้มูลค่าสินทรัพย์กองทรัสต์แตะ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจุบันได้ศึกษาโรงแรมที่จะเข้าลงทุน 60 แห่ง ใน 7 จังหวัดท่องเที่ยว
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน BWHREIT กล่าวว่า ในภาวะที่ตลาดหุ้นกำลังผันผวนทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ การลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ถือเป็นทางเลือกที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้น และมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำหรือพันธบัตรรัฐบาล ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 7% ถือเป็นเครื่องมือการลงทุนที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะนักลงทุนที่ต้องการรับผลตอบแทน ทั้งจากส่วนต่างของราคาหน่วยลงทุน (Capital Gain) และเงินปันผลที่สม่ำเสมอ
“กอง REIT ในตลาดปัจจุบันราคาทีปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากซัพพลายน้อยกว่าดีมานด์ ทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนทั้งเงินปันผลและส่วนต่างราคา อีกทั้งยังมองว่าการมีกอง REIT อยู่ในพอร์ตการลงทุนทำให้เกิดความเสถียร ลดความผันผวน และกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ต ซึ่ง BWHREIT จะเป็นหนึ่งในกองทรัสต์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งให้ผลตอบแทนในปีแรกสูงถึง 8.50% ต่อปี สูงกว่าผลตอบแทนของกอง REIT ในตลาดที่เฉลี่ย 7% ต่อปี”นางภัทธีรา กล่าว
สำหรับวงเงินลงทุนครั้งแรกใน BWHREIT จะมีมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 4,420 ล้านบาท โดยจะมาจาก IPO ประมาณ 3,850 ล้านบาท และกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินไม่เกิน 771.5 ล้านบาท โดยกองทรัสต์ประมาณการอัตราผลตอบแทนที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในปีแรกอยู่ที่ประมาณ 8.50% ซึ่งขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์แก่ประชาชนเป็นครั้งแรกแล้วเมื่อวันที่ 10 ก.ย.2562
11/09/2019BWHREIT, Exclusive News
HoonSmart.com>> ทรัสต์ “บลูเวล ฮอสพิทอลลิตี้” จ่อขาย IPO กลางเดือนต.ค.นี้ มูลค่า 4,420 ล้านบาท นำเงินลงทุนในกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่า “โรงแรม” 3 แห่ง “ภูเก็ต-สมุย-เขาใหญ่” มั่นใจท่องเที่ยวไทยแกร่ง คาดผลตอบแทนปีแรก 8.5% พร้อมตั้งเป้าเพิ่มขนาดกองทุนแตะ 2 หมื่นล้านบาทปี 64 “บล.ดีบีเอสฯ” ชี้ผลตอบแทนสูงกว่า REIT ในตลาดเฉลี่ยอยู่ที่ 7%
นายรุ่งยศ จันทภาษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูเวล แอสเซท จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างจัดตั้งทรัสต์กองแรกเพื่อเป็นทางเลือกใหม่แก่นักลงทุนชื่อ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าบลูเวล ฮอสพิทอลลิตี้ หรือ Blue Whale Hospitality Freehold and Leasehold Real Estate Investment Trust (BWHREIT) มูลค่า 4,420 ล้านบาท คาดว่าจะเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกในช่วงกลางเดือนต.ค.62
BWHREIT จะลงทุนครั้งแรกในกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรม 3 แห่ง ในภูเก็ต เกาะสมุยและเขาใหญ่ ซึ่งเป็นเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในประเทศไทย ได้แก่ 1.กรรมสิทธิ์ในที่ดิน อาคารและอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล รีสอร์ท และสวนน้ำ สแปลช จังเกิ้ล หาดไม้ขาว จ.ภูเก็ต เนื้อที่ประมาณ 57 ไร่ เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว มีห้องพัก 455 ห้อง อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 2561 ก่อนปรับปรุงและรีแบรนด์อยู่ที่ 46%
2.การลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงที่ดิน อาคารและกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรม หรรษา สมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา บนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี รวมเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ 2 งาน 9.5 ตารางวา เป็นระยะเวลา 20 ปี เป็นโรงแรมติดหาดระดับ 5 ดาว สไตล์ลักซูรี่ บริหารงานโดย บริษัท หรรษา กรุ๊ป มีห้องพักจำนวน 74 ห้อง อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 2561 อยู่ที่ 75%
3.สิทธิการเช่าที่ดิน อาคาร และกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมเดอะ กรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม KYCC ในจ.นครราชสีมา เนื้อที่ประมาณ 22 ไร่ เป็นเวลา 30 ปี เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว มีห้องพัก 254 ห้อง และศูนย์ประชุมที่ใหญ่ที่สุดในเขาใหญ่รองรับผู้เข้าใช้บริการได้กว่า 5,000 คน บริหารงานโดย ซีนิคอล เวิร์ล อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 2561 อยู่ที่ 54%
นายรุ่งยศ กล่าวว่า จุดเด่นของ BWHREIT คือ การกระจายการลงทุนในโรงแรมทั้ง 3 แห่ง ในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่หลากหลาย จับกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวแตกต่างกัน สามารถลดความผันผวนของรายได้ในแต่ละฤดูกาล และสร้างความสมดุลให้กับพอร์ตการลงทุน โดยโรงแรมหรรษา สมุยเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติชาวยุโรปเป็นหลัก และมีชาวอิสราเอล, จีน,ญี่ปุ่น ส่วนโรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ลและสวนน้ำ เจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่มาท่องเที่ยวเป็นครอบครัว เช่น จีน,รัสเซีย,ออสเตรเลีย และ โรงแรมกรีนเนอรี่ เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม เน้นตลาดไมซ์ที่เป็นกลุ่มลูกค้าคนไทยมาประชุมและสัมมนา
“แม้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่โรงแรมไม่ได้รับผลกระทบ โดยนักท่องเที่ยวยังเข้ามาพัก อย่างไรก็ตามจากการที่โรงแรมขึ้นอยู่กับฤดูกาล ดังนั้นกองทรัสต์จึงได้มีการรับประกันรายได้ค่าเช่าจากโรงแรมหรรษาและโรงแรมกรีนเนอรี่ เป็นเวลา 5 ปี ทำให้นักลงทุนสบายใจได้ ขณะเดียวกันโรงแรมแลงแฮมฯ ซึ่งกองทรัสต์คาดว่าจะเติบโตได้ดีหลังจากรีแบรนด์จบแล้ว จึงคาดการณ์ผลตอบแทนในปีแรก 8.50%”นายรุ่งยศ กล่าว
นอกจากนี้ BWHREIT มีการผสมการลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold) และสิทธิการเช่า (Leasehold) ที่เหมาะสมในสัดส่วน 57% และ 43% ตามลำดับ อีกทั้งกองทรัสต์จะให้เช่าทรัพย์สิน ที่มีส่วนประกอบทั้งค่าเช่าคงที่ที่เพิ่มขึ้น 2% ต่อปี และค่าเช่าแปรผัน เพื่อให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอจากผลการดำเนินงานของโรงแรม รวมถึงโอกาสเติบโตจากศักยภาพการสร้างผลกำไรในอนาคตอีกด้วย
นายรุ่งยศ กล่าวอีกว่า แผนงานในอนาคตบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มขนาดกองทรัสต์ BWHREIT สูงเป็นอันดับหนึ่งในประเภทโรงแรม ในปีหน้ามีแผนลงทุนเพิ่มอีก 4-5 แห่ง จึงคาดว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทรัสต์จะแตะ 1 หมื่นล้านบาทและในปี 64 ลงทุนต่อเนื่องอีก 5-6 แห่ง ส่งผลให้มูลค่าสินทรัพย์กองทรัสต์แตะ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจุบันได้ศึกษาโรงแรมที่จะเข้าลงทุน 60 แห่ง ใน 7 จังหวัดท่องเที่ยว
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน BWHREIT กล่าวว่า ในภาวะที่ตลาดหุ้นกำลังผันผวนทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ การลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ถือเป็นทางเลือกที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้น และมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำหรือพันธบัตรรัฐบาล ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 7% ถือเป็นเครื่องมือการลงทุนที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะนักลงทุนที่ต้องการรับผลตอบแทน ทั้งจากส่วนต่างของราคาหน่วยลงทุน (Capital Gain) และเงินปันผลที่สม่ำเสมอ
“กอง REIT ในตลาดปัจจุบันราคาทีปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากซัพพลายน้อยกว่าดีมานด์ ทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนทั้งเงินปันผลและส่วนต่างราคา อีกทั้งยังมองว่าการมีกอง REIT อยู่ในพอร์ตการลงทุนทำให้เกิดความเสถียร ลดความผันผวน และกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ต ซึ่ง BWHREIT จะเป็นหนึ่งในกองทรัสต์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งให้ผลตอบแทนในปีแรกสูงถึง 8.50% ต่อปี สูงกว่าผลตอบแทนของกอง REIT ในตลาดที่เฉลี่ย 7% ต่อปี”นางภัทธีรา กล่าว
สำหรับวงเงินลงทุนครั้งแรกใน BWHREIT จะมีมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 4,420 ล้านบาท โดยจะมาจาก IPO ประมาณ 3,850 ล้านบาท และกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินไม่เกิน 771.5 ล้านบาท โดยกองทรัสต์ประมาณการอัตราผลตอบแทนที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในปีแรกอยู่ที่ประมาณ 8.50% ซึ่งขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์แก่ประชาชนเป็นครั้งแรกแล้วเมื่อวันที่ 10 ก.ย.2562
แนบไฟล์
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: BWHREIT
โพสต์ที่ 9
“BWHREIT” กองทรัสต์อิสระน้องใหม่ ทางเลือกลงทุนหนีหุ้นผันผวน
ศุภมาศ ศรีขำ
11.09.2019
ปัจจุบันการลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust : REIT) ได้รับความนิยมอย่างมาก จากภาวะการลงทุนทั่วโลกที่ค่อนข้องผันผวน ทำให้คนมองหาการลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงน้อยกว่าหุ้น และให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำหรือพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งการลงทุนในกองทรัสต์จึงตอบโจทย์อย่างมาก วันนี้ Wealthy Thai จะพาไปทำความรู้จักกับกองทรัสต์น้องใหม่ที่เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย “BWHREIT” หรือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าบลูเวล ฮอสพิทอลลิตี้ (Blue Whale Hospitality Freehold and Leasehold Real Estate Investment Trust)
มูลค่าลงทุนครั้งแรก 4,420 ล้านบาท
BWHREIT เป็นกองทรัสต์ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ บริษัท บลูเวล แอสเซท จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ โดยการลงทุนครั้งแรกจะเข้าลงทุนในกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรม 3 แห่ง ได้แก่
1.กรรมสิทธิ์ในที่ดิน อาคาร และอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล รีสอร์ท และสวนน้ำ สแปลช จังเกิ้ล เนื้อที่ประมาณ 57 ไร่ อัตราเข้าพักเฉลี่ยปี 2561 ก่อนที่โรงแรมจะได้รับการปรับปรุงและรีแบรนด์ อยู่ที่ 46%
2.การลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงที่ดิน อาคาร และกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรม หรรษา สมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา รวมเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ 2 งาน 9.5 ตารางวา เป็นระยะเวลา 20 ปี อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 2561 อยู่ที่ 75%
3.สิทธิการเช่าที่ดิน อาคาร และกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมเดอะ กรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม KYCC เนื้อที่ประมาณ 22 ไร่ เป็นเวลา 30 ปี อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 2561 อยู่ที่ 54%
โดยจะมีมูลค่าเงินลงทุนครั้งแรก 4,420 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการระดมทุนเสนอขายหน่วยทรัสต์จำนวนประมาณ 3,850 ล้านบาท และกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินไม่เกิน 771.5 ล้านบาท ประมาณการอัตราผลตอบแทนที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในปีแรกอยู่ที่ประมาณ 8.50%
รุ่งยศ จันทภาษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลูเวล แอสเซท กล่าวว่า จุดเด่นของ BWHREIT คือ การกระจายการลงทุนในโรงแรมทั้ง 3 แห่ง ในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่หลากหลาย จับกลุ่มนักท่องเที่ยวแตกต่างกัน สามารถลดความผันผวนของรายได้ในแต่ละฤดูกาล และสร้างความสมดุลให้กับพอร์ตการลงทุน โดยโรงแรมหรรษา สมุยจะเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรปเป็นหลัก โรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ลและสวนน้ำ มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่มาท่องเที่ยวเป็นครอบครัว และ โรงแรมกรีนเนอรี่ เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม เน้นตลาดไมซ์ที่เป็นกลุ่มลูกค้าคนไทยมาประชุมและสัมมนา ขณะเดียวกันยังมีการผสมผสานการลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold) และสิทธิการเช่า (Leasehold) ที่เหมาะสมในสัดส่วน 57% และ 43% ตามลำดับ นอกจากนี้กองทรัสต์จะให้เช่าทรัพย์สิน ที่มีส่วนประกอบทั้งค่าเช่าคงที่ที่เพิ่มขึ้นในอัตรา 2% ต่อปี และค่าเช่าแปรผัน เพื่อให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอจากผลการดำเนินงานของโรงแรม รวมถึงโอกาสเติบโตจากศักยภาพการสร้างผลกำไรในอนาคตอีกด้วย
แผนงานในอนาคต
ปี 2563 จะเข้าลงทุนในโรงแรมเพิ่มอีก 6 แห่ง ส่งผลให้ขนาดสินทรัพย์เพิ่มขึ้นแตะ 10,000 ล้านบาท
ปี 2564 จะเข้าลงทุนในโรงแรมเพิ่มประมาณ 5-6 แห่ง เพื่อให้ขนาดสินทรัพย์ขยายแตะ 20,000 ล้านบาท
ส่วนความคืบหน้าการจัดตั้งกองทรัสต์นั้น ปัจจุบันสำนักงานสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้พิจารณาและนับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์แก่ประชาชนเป็นครั้งแรกและแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหน่วยทรัสต์ (ไฟล์ลิ่ง) เรียบร้อยแล้ว
“เรามองว่าธุรกิจโรงแรม ศูนย์ประชุมและสวนน้ำ จะได้รับผลดีจากภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยที่ยังแข็งแกร่ง โดยประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางและศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียนที่สำคัญ โดยปีที่ผ่านมาภาพรวมการท่องเที่ยวทำรายได้คิดเป็น 22.8% ของจีดีพีประเทศ และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยรวมประมาณ 38 ล้านคน ส่วนปีนี้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 41 ล้านคน ด้วยปัจจัยบวกจากการพัฒนาการคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการสนับสนุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน การขยายสนามบินและการเพิ่มเส้นทางของสายการบินโลว์คอสต์ รวมถึงมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวต่างๆ เช่น การยกเว้นค่าวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวบางประเทศ” นายรุ่งยศ กล่าว
นักลงทุนที่มองหาทางสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้นและยังให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก กองทรัสต์ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งปีนี้ก็มีกองทรัสต์ใหม่ๆ ต่อแถวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ BWHREIT ถือเป็นกองทรัสต์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในกลุ่ม REIT ประเภทโรงแรม และมีจุดเด่นด้านการกระจายทำเลของสินทรัพย์และการจับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทำให้ที่มาของรายได้ไม่ได้พึ่งพิงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจนเกินไป หากนักลงทุนสนใจต้องศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากไฟล์ลิ่ง และติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินสถานการ์และการลงทุนที่เหมาะสม
ศุภมาศ ศรีขำ
11.09.2019
ปัจจุบันการลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust : REIT) ได้รับความนิยมอย่างมาก จากภาวะการลงทุนทั่วโลกที่ค่อนข้องผันผวน ทำให้คนมองหาการลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงน้อยกว่าหุ้น และให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำหรือพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งการลงทุนในกองทรัสต์จึงตอบโจทย์อย่างมาก วันนี้ Wealthy Thai จะพาไปทำความรู้จักกับกองทรัสต์น้องใหม่ที่เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย “BWHREIT” หรือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าบลูเวล ฮอสพิทอลลิตี้ (Blue Whale Hospitality Freehold and Leasehold Real Estate Investment Trust)
มูลค่าลงทุนครั้งแรก 4,420 ล้านบาท
BWHREIT เป็นกองทรัสต์ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ บริษัท บลูเวล แอสเซท จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ โดยการลงทุนครั้งแรกจะเข้าลงทุนในกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรม 3 แห่ง ได้แก่
1.กรรมสิทธิ์ในที่ดิน อาคาร และอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล รีสอร์ท และสวนน้ำ สแปลช จังเกิ้ล เนื้อที่ประมาณ 57 ไร่ อัตราเข้าพักเฉลี่ยปี 2561 ก่อนที่โรงแรมจะได้รับการปรับปรุงและรีแบรนด์ อยู่ที่ 46%
2.การลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงที่ดิน อาคาร และกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรม หรรษา สมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา รวมเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ 2 งาน 9.5 ตารางวา เป็นระยะเวลา 20 ปี อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 2561 อยู่ที่ 75%
3.สิทธิการเช่าที่ดิน อาคาร และกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมเดอะ กรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม KYCC เนื้อที่ประมาณ 22 ไร่ เป็นเวลา 30 ปี อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 2561 อยู่ที่ 54%
โดยจะมีมูลค่าเงินลงทุนครั้งแรก 4,420 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการระดมทุนเสนอขายหน่วยทรัสต์จำนวนประมาณ 3,850 ล้านบาท และกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินไม่เกิน 771.5 ล้านบาท ประมาณการอัตราผลตอบแทนที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในปีแรกอยู่ที่ประมาณ 8.50%
รุ่งยศ จันทภาษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลูเวล แอสเซท กล่าวว่า จุดเด่นของ BWHREIT คือ การกระจายการลงทุนในโรงแรมทั้ง 3 แห่ง ในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่หลากหลาย จับกลุ่มนักท่องเที่ยวแตกต่างกัน สามารถลดความผันผวนของรายได้ในแต่ละฤดูกาล และสร้างความสมดุลให้กับพอร์ตการลงทุน โดยโรงแรมหรรษา สมุยจะเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรปเป็นหลัก โรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ลและสวนน้ำ มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่มาท่องเที่ยวเป็นครอบครัว และ โรงแรมกรีนเนอรี่ เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม เน้นตลาดไมซ์ที่เป็นกลุ่มลูกค้าคนไทยมาประชุมและสัมมนา ขณะเดียวกันยังมีการผสมผสานการลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold) และสิทธิการเช่า (Leasehold) ที่เหมาะสมในสัดส่วน 57% และ 43% ตามลำดับ นอกจากนี้กองทรัสต์จะให้เช่าทรัพย์สิน ที่มีส่วนประกอบทั้งค่าเช่าคงที่ที่เพิ่มขึ้นในอัตรา 2% ต่อปี และค่าเช่าแปรผัน เพื่อให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอจากผลการดำเนินงานของโรงแรม รวมถึงโอกาสเติบโตจากศักยภาพการสร้างผลกำไรในอนาคตอีกด้วย
แผนงานในอนาคต
ปี 2563 จะเข้าลงทุนในโรงแรมเพิ่มอีก 6 แห่ง ส่งผลให้ขนาดสินทรัพย์เพิ่มขึ้นแตะ 10,000 ล้านบาท
ปี 2564 จะเข้าลงทุนในโรงแรมเพิ่มประมาณ 5-6 แห่ง เพื่อให้ขนาดสินทรัพย์ขยายแตะ 20,000 ล้านบาท
ส่วนความคืบหน้าการจัดตั้งกองทรัสต์นั้น ปัจจุบันสำนักงานสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้พิจารณาและนับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์แก่ประชาชนเป็นครั้งแรกและแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหน่วยทรัสต์ (ไฟล์ลิ่ง) เรียบร้อยแล้ว
“เรามองว่าธุรกิจโรงแรม ศูนย์ประชุมและสวนน้ำ จะได้รับผลดีจากภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยที่ยังแข็งแกร่ง โดยประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางและศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียนที่สำคัญ โดยปีที่ผ่านมาภาพรวมการท่องเที่ยวทำรายได้คิดเป็น 22.8% ของจีดีพีประเทศ และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยรวมประมาณ 38 ล้านคน ส่วนปีนี้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 41 ล้านคน ด้วยปัจจัยบวกจากการพัฒนาการคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการสนับสนุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน การขยายสนามบินและการเพิ่มเส้นทางของสายการบินโลว์คอสต์ รวมถึงมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวต่างๆ เช่น การยกเว้นค่าวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวบางประเทศ” นายรุ่งยศ กล่าว
นักลงทุนที่มองหาทางสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้นและยังให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก กองทรัสต์ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งปีนี้ก็มีกองทรัสต์ใหม่ๆ ต่อแถวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ BWHREIT ถือเป็นกองทรัสต์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในกลุ่ม REIT ประเภทโรงแรม และมีจุดเด่นด้านการกระจายทำเลของสินทรัพย์และการจับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทำให้ที่มาของรายได้ไม่ได้พึ่งพิงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจนเกินไป หากนักลงทุนสนใจต้องศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากไฟล์ลิ่ง และติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินสถานการ์และการลงทุนที่เหมาะสม
แนบไฟล์
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: BWHREIT
โพสต์ที่ 10
7 เรื่องต้องรู้ก่อนลงทุนรีทน้องใหม่ BWHREIT
Contents
7 เรื่องต้องรู้ก่อนลงทุน BWHREIT
1. ลงทุนในทรัพย์สินประเภทโรงแรม
2. กระจายการลงทุนไปใน 3 แหล่งท่องเที่ยวหลักของประเทศไทย
โรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล รีสอร์ท และ สวนน้ำ
โรงแรม หรรษา สมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา สัดส่วน
โรงแรม กรีนเนอรี่ เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม
3. ระยะเวลาของทรัพย์สิน Leasehold + Freehold
4. รายได้
สัดส่วนรายได้
รายได้รวม
กำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA)
5. ผลตอบแทนปันผลกว่า 8.5%
6. แนวโน้มการท่องเที่ยว
7. ความเสี่ยง
ปัจจัยฤดูกาล
การแข่งขัน
สรุป
คำเตือน
Comments
ต้องยอมรับว่าในปีนี้สินทรัพย์ประเภท REIT ค่อนข้างให้ผลตอบแทนที่ดี โดยตั้งแต่ต้นปีนั้นให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่าดัชนี SET เสียอีก
ปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนให้สินทรัพย์ประเภทนี้ราคาสูงขึ้นมาจากหลายสาเหตุ ทั้งเรื่องของดอกเบี้ยแนวโน้มขาลง หรือความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย
ทำให้นักลงทุนที่ต้องการปกป้องเงินต้นต่างมุ่งหาทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงต่ำ ในขณะที่ยังให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝาก และแน่นอนว่า REIT ก็น่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่ตลาดหุ้นมีความไม่แน่นอนสูง
7 เรื่องต้องรู้ก่อนลงทุน BWHREIT
1. ลงทุนในทรัพย์สินประเภทโรงแรม
BWHREIT บริหารจัดการโดยผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ "บลูเวล แอสเซท" ซึ่งเป็นบริษัทที่เกิดจากการรวมตัวของทีมผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์และแวดวงการเงิน
โดยเน้นเข้าลงทุนในทรัพย์สินประเภทโรงแรม ซึ่งเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกมาพร้อมกับโรงแรม 3 แห่ง ที่ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของไทย รวมจำนวนห้องพักกว่า 780 ห้อง
2. กระจายการลงทุนไปใน 3 แหล่งท่องเที่ยวหลักของประเทศไทย
เรื่องของทำเลเป็นปัจจัยที่สำคัญมากสำหรับธุรกิจประเภทอสังหาริมทรัพย์ เราจึงต้องตรวจสอบดูว่าทรัพย์สินที่เราจะเข้าลงทุนนั้นอยู่ในทำเลใดบ้าง
โดย BWHREIT กระจายการลงทุนครั้งแรกไปใน 3 จังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทย ได้แก่ ภูเก็ต เกาะสมุย และเขาใหญ่
ซึ่งแต่ละโครงการ ตั้งอยู่ในทำเลที่โดดเด่น ลักษณะการออกแบบดึงเสน่ห์ที่โดดเด่นของแต่ละจังหวัดออกมาได้อย่างเด่นชัด บริหารโดยผู้บริหารโรงแรมที่มีชื่อเสียงในระดับสากลและมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างดี
โรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล รีสอร์ท และ สวนน้ำ
เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ติดหาดไม้ขาวที่ทอดยาวกว่า 11 กิโลเมตร บนเกาะภูเก็ต อยู่ห่างสนามบินนานาชาติภูเก็ต 10 กม.
เน้นนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว โดยฐานลูกค้าหลักเป็นชาวรัสเซียและชาวจีน และยังมีสวนน้ำสแปลช จังเกิ้ล ซึ่งเป็นสวนน้ำขนาดใหญ่ที่สุดในภูเก็ตมีเครื่องเล่นกว่า 10 ชนิด
โรงแรม หรรษา สมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา สัดส่วน
รีสอร์ทหรูติดหาดระดับ 5 ดาว เปิดรับวิวทะเลทุกห้องพัก ตั้งอยู่บนหาดบ่อผุด เกาะสมุย เน้นนักท่องเที่ยวกลุ่มฮันนีมูนและคู่รักเป็นหลัก
มีบริเวณติดชายหาดยาว 129 เมตร อยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวหลักอย่างถนนคนเดิน Fisherman Village และอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน โดยมีฐานลูกค้าหลักเป็นชาวอิสราเอลและชาวเอเชีย
โรงแรม กรีนเนอรี่ เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม
รีสอร์ทระดับ 4 ดาว ที่เขาใหญ่ มีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มครอบครัว กลุ่มบริษัท และหน่วยงานราชการ ผู้ใช้บริการห้องประชุมเพื่อการสัมมนา (MICE) โดยมีศูนย์ประชุม KYCC ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในเขาใหญ่ รองรับได้มากกว่า 5,000 คน
3. ระยะเวลาของทรัพย์สิน Leasehold + Freehold
การลงทุนใน REIT โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นทรัพย์สินที่มีสัญญากำหนดอายุการเช่า ซึ่งนักลงทุนจะรู้ก่อนการลงทุนทุกครั้ง ยิ่งระยะเวลาของทรัพย์สินเหลือเยอะ หมายความว่า ความเสี่ยงก็จะน้อยลง
สำหรับ BWHREIT มีอสังหาริมทรัพย์อยู่ภายใต้การบริหาร 3 แห่ง ซึ่งกว่า 50% เป็นการลงทุนในแบบการถือกรรมสิทธิ์ (Freehold) โดยแต่ละแห่งนั้นมีความแตกต่างกันดังนี้
โรงแรมแลงแฮม ภูเก็ต Freehold
โรงแรม หรรษา สมุย Leasehold 20 ปี
โรงแรม กรีนเนอรี่ เขาใหญ่ Leasehold 30 ปี
หมายความว่าหากกองทุนไม่มีสินทรัพย์เพิ่มเติม ตั้งแต่ปีที่ 20 เป็นต้นไป กองทุนจะมีรายได้ลดลงจากการหมดอายุสัญญาโรงแรมที่สมุย และตั้งแต่ปีที่ 30 เป็นต้นไป กองทุนจะมีรายได้ลดลงจากการหมดอายุสัญญาโรงแรมที่เขาใหญ่
ซึ่งการบริหารจัดการโดย REIT Manager อย่าง Blue Whale Assets ที่เป็นบริษัทผู้จัดการกองทรัสต์อิสระนั้น มีข้อดีคือทำให้กองทรัสต์มีความยืดหยุ่นในการลงทุน สามารถเข้าลงทุนได้อย่างหลากหลายและเปิดกว้าง จึงเป็นผลดีต่อการเติบโตของกองทรัสต์ในอนาคต
4. รายได้
ส่ิงที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือผลประกอบการของโรงแรม ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ดีมากตัวหนึ่งเพื่อใช้สำหรับการตัดสินใจลงทุน
สัดส่วนรายได้
โรงแรมแลงแฮม ภูเก็ต สัดส่วนรายได้ 57%
โรงแรม หรรษา สมุย สัดส่วนรายได้ 17%
โรงแรม กรีนเนอรี่ เขาใหญ่ สัดส่วนรายได้ 26%
รายได้รวม
ปี 2559 : 771 ลบ.
ปี 2560 : 754 ลบ.
ปี 2561 : 736 ลบ.
กำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA)
ปี 2559 : 246 ลบ.
ปี 2560 : 235 ลบ.
ปี 2561 : 189 ลบ.
จะเห็นว่าในปี 2561 ตัวเลขรายได้และกำไรสุทธิค่อนข้างชะลอตัว เนื่องจากมีเหตุการณ์ที่กระทบกับภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้น ๆ อย่างเหตุการณ์เรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต รวมถึงปัจจัยเกี่ยวกับการดำเนินงาน เช่น การเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร การปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ ซึ่งได้ดำเนินการเรียบร้อยหมดแล้ว
หลังจากโรงแรมได้ถูกขายให้แก่กองทรัสต์ BWHREIT เจ้าของโรงแรมจะมีการทำสัญญาเช่าเพื่อบริหารต่อไปตามระยะเวลาที่กล่าวไว้ในข้อก่อนหน้า
และท้ายที่สุด BWHREIT จะได้รับค่าเช่าจากผู้ที่เช่าโรงแรมไปบริหารอีกทีหนึ่ง ซึ่งค่าเช่าจะมี 2 ประเภทคือ แบบ Fixed Rent และ Variable Rent ที่สำคัญ ยังมีการรับประกันรายได้ในช่วง 3-5 ปีแรก
โรงแรมแลงแฮม ภูเก็ต มีการรับประกันรายได้จากเจ้าของทรัพย์สินเป็นระยะเวลา 5 ปี
โรงแรม กรีนเนอรี่ เขาใหญ่ รับประกันรายได้เป็นระยะเวลา 3 ปี
ในกรณีที่ไม่สามารถสร้างผลกำไรได้ตามเป้า จะต่อระยะเวลาการประกันออกไปเป็น 5 ปี โดยเจ้าของทรัพย์สินจะนำเงินสดมาวางไว้เป็นหลักประกัน ถ้าทำกำไรไม่ได้ตามเป้า กองทรัสต์สามารถดึงเงินประกันดังกล่าวมาจ่ายเป็นเงินปันผลให้กับนักลงทุนได้ทันที
5. ผลตอบแทนปันผลกว่า 8.5%
แน่นอนว่าผลตอบของ REIT นั้น นักลงทุนควรคาดหวังปันผลมากกว่าราคาหุ้น ซึ่ง BWHREIT มีประมาณการผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในปีแรกสูงถึง 8.5% และเฉลี่ยประมาณ 8.3% ในช่วง 5 ปี
แต่สิ่งที่นักลงทุนควรศึกษาต่อคือ การคาดการณ์ได้ว่าอนาคตของ REIT นั้นจะสามารถให้ผลตอบแทนในระดับนี้ต่อไปได้หรือไม่
6. แนวโน้มการท่องเที่ยว
จากข้อมูลปี 2561 พบว่าในช่วงปี 2555 - 2561 ประเทศไทยมีอัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวสูงถึง 9% ต่อปี และคาดว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ด้วยปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวหลักของไทย โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนมีสัดส่วนมากที่สุดของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด คิดเป็นสัดส่วน 27.5% ส่วนรองลงมาคือประเทศเพื่อนบ้าน เกาหลี ญี่ปุ่น และรัสเซีย
จุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติอันดับ 1 คือกรุงเทพมหานคร อันดับ 2 คือเกาะภูเก็ต และอันดับที่ 3 คือเกาะสมุย
7. ความเสี่ยง
นักลงทุนจะต้องศึกษาความเสี่ยงของทรัพย์สินให้ดีก่อนการลงทุน ซึ่งสำหรับธุรกิจโรงแรมนั้นความเสี่ยงหลักๆได้แก่
ปัจจัยฤดูกาล
ฤดูกาลมีผลต่อสภาวะของธุรกิจโรงแรมค่อนข้างมาก ซึ่งโดยปกติแล้วโรงแรมก็จะมีช่วง High Season คือไตรมาส 1 และ 4 ส่วน Low Season คือไตรมาส 3
และยังรวมถึงภาวะการเมืองของประเทศไทยและสภาวะเศรษฐกิจของประเทศกลุ่มเป้าหมายอีกด้วย
การแข่งขัน
ธุรกิจโรงแรมเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างมีการแข่งขันกันอย่างสมบูรณ์ ไม่มีผู้เล่นที่ชนะในตลาดที่แท้จริง ดังนั้นจึงมีข้อจำกัดที่โรงแรมจะไม่สามารถตั้งราคาสูงเกินกว่าคนอื่นได้มากนัก
คู่แข่งรายใหม่ๆก็มีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจประเภทโรงแรมด้วยกันเองและ Platform อย่าง Airbnb
อีกทั้งธุรกิจประเภทโรงแรมเป็นธุรกิจที่จะต้องลงทุนปรับปรุงอาคารอยู่เสมอ ทำให้ผลตอบแทนที่จะกลับมาสู่ผู้ถือหน่วยนั้นน้อยกว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่น
.
แต่อย่างไรก็ตาม การที่กอง BWHREIT มีทรัพย์สินที่กระจายอยู่ในหลาย ๆ จังหวัด รองรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย และมีรายได้จากหลายแหล่ง ก็ช่วยสร้างความสมดุลทางรายได้ให้แก่กองทรัสต์ และทำให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอมากขึ้น
สรุป
BWHREIT มีความน่าสนใจในแง่ของการกระจายทรัพย์สินออกไปยังโรงแรม 3 แห่งด้วยกัน ซึ่งเป็นการสร้างสมดุลของรายได้และกระจายความเสี่ยง ทั้งในแง่สถานที่และกลุ่มลูกค้า
โดยแต่ละแห่งก็ล้วนตั้งอยู่ในทำเลที่โดดเด่น ในเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ ทำให้มีโอกาสเติบไปพร้อมกับภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศได้
ถ้าเทียบอัตราผลตอบแทนของ REIT แล้ว BWHREIT ถือว่าให้ผลตอบแทนที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของกองประเภทเดียวกัน โดยมีสัดส่วนของการลงทุน Freehold มากถึง 57% และยังมีโอกาสที่จะเข้าลงทุนทรัพย์สินเพิ่มเติมได้อย่างอิสระในอนาคต
คำเตือน
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในร่างหนังสือชี้ชวนก่อนตัดสินใจลงทุน การจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนที่เกิดขึ้นจริง อาจจะไม่เป็นไปตามประมาณการ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกองทรัสต์ที่เกิดขึ้นจริง
อัตราผลตอบแทนจากการดำเนินงาน 8.5% ประกอบด้วย
รายได้ค่าเช่าของทรัพย์สิน 5.72%
การสนับสนุนรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ 1.98%
การงดรับเงินปันผลจากผู้ถือหน่วยบางราย 0.80%
Investdiary26 October 2019
Contents
7 เรื่องต้องรู้ก่อนลงทุน BWHREIT
1. ลงทุนในทรัพย์สินประเภทโรงแรม
2. กระจายการลงทุนไปใน 3 แหล่งท่องเที่ยวหลักของประเทศไทย
โรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล รีสอร์ท และ สวนน้ำ
โรงแรม หรรษา สมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา สัดส่วน
โรงแรม กรีนเนอรี่ เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม
3. ระยะเวลาของทรัพย์สิน Leasehold + Freehold
4. รายได้
สัดส่วนรายได้
รายได้รวม
กำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA)
5. ผลตอบแทนปันผลกว่า 8.5%
6. แนวโน้มการท่องเที่ยว
7. ความเสี่ยง
ปัจจัยฤดูกาล
การแข่งขัน
สรุป
คำเตือน
Comments
ต้องยอมรับว่าในปีนี้สินทรัพย์ประเภท REIT ค่อนข้างให้ผลตอบแทนที่ดี โดยตั้งแต่ต้นปีนั้นให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่าดัชนี SET เสียอีก
ปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนให้สินทรัพย์ประเภทนี้ราคาสูงขึ้นมาจากหลายสาเหตุ ทั้งเรื่องของดอกเบี้ยแนวโน้มขาลง หรือความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย
ทำให้นักลงทุนที่ต้องการปกป้องเงินต้นต่างมุ่งหาทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงต่ำ ในขณะที่ยังให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝาก และแน่นอนว่า REIT ก็น่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่ตลาดหุ้นมีความไม่แน่นอนสูง
7 เรื่องต้องรู้ก่อนลงทุน BWHREIT
1. ลงทุนในทรัพย์สินประเภทโรงแรม
BWHREIT บริหารจัดการโดยผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ "บลูเวล แอสเซท" ซึ่งเป็นบริษัทที่เกิดจากการรวมตัวของทีมผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์และแวดวงการเงิน
โดยเน้นเข้าลงทุนในทรัพย์สินประเภทโรงแรม ซึ่งเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกมาพร้อมกับโรงแรม 3 แห่ง ที่ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของไทย รวมจำนวนห้องพักกว่า 780 ห้อง
2. กระจายการลงทุนไปใน 3 แหล่งท่องเที่ยวหลักของประเทศไทย
เรื่องของทำเลเป็นปัจจัยที่สำคัญมากสำหรับธุรกิจประเภทอสังหาริมทรัพย์ เราจึงต้องตรวจสอบดูว่าทรัพย์สินที่เราจะเข้าลงทุนนั้นอยู่ในทำเลใดบ้าง
โดย BWHREIT กระจายการลงทุนครั้งแรกไปใน 3 จังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทย ได้แก่ ภูเก็ต เกาะสมุย และเขาใหญ่
ซึ่งแต่ละโครงการ ตั้งอยู่ในทำเลที่โดดเด่น ลักษณะการออกแบบดึงเสน่ห์ที่โดดเด่นของแต่ละจังหวัดออกมาได้อย่างเด่นชัด บริหารโดยผู้บริหารโรงแรมที่มีชื่อเสียงในระดับสากลและมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างดี
โรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล รีสอร์ท และ สวนน้ำ
เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ติดหาดไม้ขาวที่ทอดยาวกว่า 11 กิโลเมตร บนเกาะภูเก็ต อยู่ห่างสนามบินนานาชาติภูเก็ต 10 กม.
เน้นนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว โดยฐานลูกค้าหลักเป็นชาวรัสเซียและชาวจีน และยังมีสวนน้ำสแปลช จังเกิ้ล ซึ่งเป็นสวนน้ำขนาดใหญ่ที่สุดในภูเก็ตมีเครื่องเล่นกว่า 10 ชนิด
โรงแรม หรรษา สมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา สัดส่วน
รีสอร์ทหรูติดหาดระดับ 5 ดาว เปิดรับวิวทะเลทุกห้องพัก ตั้งอยู่บนหาดบ่อผุด เกาะสมุย เน้นนักท่องเที่ยวกลุ่มฮันนีมูนและคู่รักเป็นหลัก
มีบริเวณติดชายหาดยาว 129 เมตร อยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวหลักอย่างถนนคนเดิน Fisherman Village และอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน โดยมีฐานลูกค้าหลักเป็นชาวอิสราเอลและชาวเอเชีย
โรงแรม กรีนเนอรี่ เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม
รีสอร์ทระดับ 4 ดาว ที่เขาใหญ่ มีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มครอบครัว กลุ่มบริษัท และหน่วยงานราชการ ผู้ใช้บริการห้องประชุมเพื่อการสัมมนา (MICE) โดยมีศูนย์ประชุม KYCC ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในเขาใหญ่ รองรับได้มากกว่า 5,000 คน
3. ระยะเวลาของทรัพย์สิน Leasehold + Freehold
การลงทุนใน REIT โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นทรัพย์สินที่มีสัญญากำหนดอายุการเช่า ซึ่งนักลงทุนจะรู้ก่อนการลงทุนทุกครั้ง ยิ่งระยะเวลาของทรัพย์สินเหลือเยอะ หมายความว่า ความเสี่ยงก็จะน้อยลง
สำหรับ BWHREIT มีอสังหาริมทรัพย์อยู่ภายใต้การบริหาร 3 แห่ง ซึ่งกว่า 50% เป็นการลงทุนในแบบการถือกรรมสิทธิ์ (Freehold) โดยแต่ละแห่งนั้นมีความแตกต่างกันดังนี้
โรงแรมแลงแฮม ภูเก็ต Freehold
โรงแรม หรรษา สมุย Leasehold 20 ปี
โรงแรม กรีนเนอรี่ เขาใหญ่ Leasehold 30 ปี
หมายความว่าหากกองทุนไม่มีสินทรัพย์เพิ่มเติม ตั้งแต่ปีที่ 20 เป็นต้นไป กองทุนจะมีรายได้ลดลงจากการหมดอายุสัญญาโรงแรมที่สมุย และตั้งแต่ปีที่ 30 เป็นต้นไป กองทุนจะมีรายได้ลดลงจากการหมดอายุสัญญาโรงแรมที่เขาใหญ่
ซึ่งการบริหารจัดการโดย REIT Manager อย่าง Blue Whale Assets ที่เป็นบริษัทผู้จัดการกองทรัสต์อิสระนั้น มีข้อดีคือทำให้กองทรัสต์มีความยืดหยุ่นในการลงทุน สามารถเข้าลงทุนได้อย่างหลากหลายและเปิดกว้าง จึงเป็นผลดีต่อการเติบโตของกองทรัสต์ในอนาคต
4. รายได้
ส่ิงที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือผลประกอบการของโรงแรม ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ดีมากตัวหนึ่งเพื่อใช้สำหรับการตัดสินใจลงทุน
สัดส่วนรายได้
โรงแรมแลงแฮม ภูเก็ต สัดส่วนรายได้ 57%
โรงแรม หรรษา สมุย สัดส่วนรายได้ 17%
โรงแรม กรีนเนอรี่ เขาใหญ่ สัดส่วนรายได้ 26%
รายได้รวม
ปี 2559 : 771 ลบ.
ปี 2560 : 754 ลบ.
ปี 2561 : 736 ลบ.
กำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA)
ปี 2559 : 246 ลบ.
ปี 2560 : 235 ลบ.
ปี 2561 : 189 ลบ.
จะเห็นว่าในปี 2561 ตัวเลขรายได้และกำไรสุทธิค่อนข้างชะลอตัว เนื่องจากมีเหตุการณ์ที่กระทบกับภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้น ๆ อย่างเหตุการณ์เรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต รวมถึงปัจจัยเกี่ยวกับการดำเนินงาน เช่น การเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร การปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ ซึ่งได้ดำเนินการเรียบร้อยหมดแล้ว
หลังจากโรงแรมได้ถูกขายให้แก่กองทรัสต์ BWHREIT เจ้าของโรงแรมจะมีการทำสัญญาเช่าเพื่อบริหารต่อไปตามระยะเวลาที่กล่าวไว้ในข้อก่อนหน้า
และท้ายที่สุด BWHREIT จะได้รับค่าเช่าจากผู้ที่เช่าโรงแรมไปบริหารอีกทีหนึ่ง ซึ่งค่าเช่าจะมี 2 ประเภทคือ แบบ Fixed Rent และ Variable Rent ที่สำคัญ ยังมีการรับประกันรายได้ในช่วง 3-5 ปีแรก
โรงแรมแลงแฮม ภูเก็ต มีการรับประกันรายได้จากเจ้าของทรัพย์สินเป็นระยะเวลา 5 ปี
โรงแรม กรีนเนอรี่ เขาใหญ่ รับประกันรายได้เป็นระยะเวลา 3 ปี
ในกรณีที่ไม่สามารถสร้างผลกำไรได้ตามเป้า จะต่อระยะเวลาการประกันออกไปเป็น 5 ปี โดยเจ้าของทรัพย์สินจะนำเงินสดมาวางไว้เป็นหลักประกัน ถ้าทำกำไรไม่ได้ตามเป้า กองทรัสต์สามารถดึงเงินประกันดังกล่าวมาจ่ายเป็นเงินปันผลให้กับนักลงทุนได้ทันที
5. ผลตอบแทนปันผลกว่า 8.5%
แน่นอนว่าผลตอบของ REIT นั้น นักลงทุนควรคาดหวังปันผลมากกว่าราคาหุ้น ซึ่ง BWHREIT มีประมาณการผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในปีแรกสูงถึง 8.5% และเฉลี่ยประมาณ 8.3% ในช่วง 5 ปี
แต่สิ่งที่นักลงทุนควรศึกษาต่อคือ การคาดการณ์ได้ว่าอนาคตของ REIT นั้นจะสามารถให้ผลตอบแทนในระดับนี้ต่อไปได้หรือไม่
6. แนวโน้มการท่องเที่ยว
จากข้อมูลปี 2561 พบว่าในช่วงปี 2555 - 2561 ประเทศไทยมีอัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวสูงถึง 9% ต่อปี และคาดว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ด้วยปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวหลักของไทย โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนมีสัดส่วนมากที่สุดของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด คิดเป็นสัดส่วน 27.5% ส่วนรองลงมาคือประเทศเพื่อนบ้าน เกาหลี ญี่ปุ่น และรัสเซีย
จุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติอันดับ 1 คือกรุงเทพมหานคร อันดับ 2 คือเกาะภูเก็ต และอันดับที่ 3 คือเกาะสมุย
7. ความเสี่ยง
นักลงทุนจะต้องศึกษาความเสี่ยงของทรัพย์สินให้ดีก่อนการลงทุน ซึ่งสำหรับธุรกิจโรงแรมนั้นความเสี่ยงหลักๆได้แก่
ปัจจัยฤดูกาล
ฤดูกาลมีผลต่อสภาวะของธุรกิจโรงแรมค่อนข้างมาก ซึ่งโดยปกติแล้วโรงแรมก็จะมีช่วง High Season คือไตรมาส 1 และ 4 ส่วน Low Season คือไตรมาส 3
และยังรวมถึงภาวะการเมืองของประเทศไทยและสภาวะเศรษฐกิจของประเทศกลุ่มเป้าหมายอีกด้วย
การแข่งขัน
ธุรกิจโรงแรมเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างมีการแข่งขันกันอย่างสมบูรณ์ ไม่มีผู้เล่นที่ชนะในตลาดที่แท้จริง ดังนั้นจึงมีข้อจำกัดที่โรงแรมจะไม่สามารถตั้งราคาสูงเกินกว่าคนอื่นได้มากนัก
คู่แข่งรายใหม่ๆก็มีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจประเภทโรงแรมด้วยกันเองและ Platform อย่าง Airbnb
อีกทั้งธุรกิจประเภทโรงแรมเป็นธุรกิจที่จะต้องลงทุนปรับปรุงอาคารอยู่เสมอ ทำให้ผลตอบแทนที่จะกลับมาสู่ผู้ถือหน่วยนั้นน้อยกว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่น
.
แต่อย่างไรก็ตาม การที่กอง BWHREIT มีทรัพย์สินที่กระจายอยู่ในหลาย ๆ จังหวัด รองรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย และมีรายได้จากหลายแหล่ง ก็ช่วยสร้างความสมดุลทางรายได้ให้แก่กองทรัสต์ และทำให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอมากขึ้น
สรุป
BWHREIT มีความน่าสนใจในแง่ของการกระจายทรัพย์สินออกไปยังโรงแรม 3 แห่งด้วยกัน ซึ่งเป็นการสร้างสมดุลของรายได้และกระจายความเสี่ยง ทั้งในแง่สถานที่และกลุ่มลูกค้า
โดยแต่ละแห่งก็ล้วนตั้งอยู่ในทำเลที่โดดเด่น ในเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ ทำให้มีโอกาสเติบไปพร้อมกับภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศได้
ถ้าเทียบอัตราผลตอบแทนของ REIT แล้ว BWHREIT ถือว่าให้ผลตอบแทนที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของกองประเภทเดียวกัน โดยมีสัดส่วนของการลงทุน Freehold มากถึง 57% และยังมีโอกาสที่จะเข้าลงทุนทรัพย์สินเพิ่มเติมได้อย่างอิสระในอนาคต
คำเตือน
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในร่างหนังสือชี้ชวนก่อนตัดสินใจลงทุน การจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนที่เกิดขึ้นจริง อาจจะไม่เป็นไปตามประมาณการ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกองทรัสต์ที่เกิดขึ้นจริง
อัตราผลตอบแทนจากการดำเนินงาน 8.5% ประกอบด้วย
รายได้ค่าเช่าของทรัพย์สิน 5.72%
การสนับสนุนรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ 1.98%
การงดรับเงินปันผลจากผู้ถือหน่วยบางราย 0.80%
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: BWHREIT
โพสต์ที่ 11
"บูลเวล แอสเซท" ผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยว สู่การเติบโตของรายได้ด้วย
29.10.2019
ต้องยอมรับว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกมีการชะลอตัว ปัญหาต่างๆยังไม่ได้ข้อสรุป ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้า Brexit ทำให้ภาพการลงทุนในตลาดหุ้นดูซบเซาตามไปด้วย แต่หน้าที่ของนักลงทุนอย่างพวกเราคือต้องมองหาโอกาสการลงทุนให้เจอ และที่สำคัญต้องเป็นการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนและสร้างความสบายใจ รับมือกับความผันผวนได้
ในรายการจึงเฟ้นหาโอกาสการลงทุนที่รับมือกับความผันผวนได้ และยังคงสร้างผลตอบแทนได้ดี กับการลงทุนใน BWHREIT ที่มีการคัดเลือกสินทรัพย์ที่น่าสนใจ ทั้งเลือกจาก Location Revernue Operator คัดกรองจนได้มาเป็น 3 โรงแรมในกอง ทำไมถึงเป็น 3 โรงแรมนี้ โอกาสการเติบโตจะเป็นอย่างไร เศรษฐกิจซบเซาจะกระทบไหม ติดตามรายละเอียดได้ในรายการ
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในร่างหนังสือชี้ชวนก่อนตัดสินใจลงทุน การจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนที่เกิดขึ้นจริง อาจจะไม่เป็นไปตามประมาณการ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกองทรัสต์ที่เกิดขึ้นจริง
*อัตราผลตอบแทนจากการดำเนินงาน 8.5% ประกอบด้วย รายได้ค่าเช่าของทรัพย์สิน 5.72% การสนับสนุนรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ 1.98% การงดรับเงินปันผลจากผู้ถือหน่วยบางราย 0.80%
29.10.2019
ต้องยอมรับว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกมีการชะลอตัว ปัญหาต่างๆยังไม่ได้ข้อสรุป ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้า Brexit ทำให้ภาพการลงทุนในตลาดหุ้นดูซบเซาตามไปด้วย แต่หน้าที่ของนักลงทุนอย่างพวกเราคือต้องมองหาโอกาสการลงทุนให้เจอ และที่สำคัญต้องเป็นการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนและสร้างความสบายใจ รับมือกับความผันผวนได้
ในรายการจึงเฟ้นหาโอกาสการลงทุนที่รับมือกับความผันผวนได้ และยังคงสร้างผลตอบแทนได้ดี กับการลงทุนใน BWHREIT ที่มีการคัดเลือกสินทรัพย์ที่น่าสนใจ ทั้งเลือกจาก Location Revernue Operator คัดกรองจนได้มาเป็น 3 โรงแรมในกอง ทำไมถึงเป็น 3 โรงแรมนี้ โอกาสการเติบโตจะเป็นอย่างไร เศรษฐกิจซบเซาจะกระทบไหม ติดตามรายละเอียดได้ในรายการ
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในร่างหนังสือชี้ชวนก่อนตัดสินใจลงทุน การจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนที่เกิดขึ้นจริง อาจจะไม่เป็นไปตามประมาณการ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกองทรัสต์ที่เกิดขึ้นจริง
*อัตราผลตอบแทนจากการดำเนินงาน 8.5% ประกอบด้วย รายได้ค่าเช่าของทรัพย์สิน 5.72% การสนับสนุนรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ 1.98% การงดรับเงินปันผลจากผู้ถือหน่วยบางราย 0.80%