หางานทำหลังวิกฤติโควิด-19/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1827
ผู้ติดตาม: 1

หางานทำหลังวิกฤติโควิด-19/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

มีคนถามว่าทำงานอยู่ภาคบริการ ตกงานแล้วตอนนี้ควรจะทำอะไร

ย้อนกลับไปสมัยเราเรียบจบและหางานทำ หรือหางานทำตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ เราจะไม่เลือกงาน ส่วนใหญ่เราหว่านใบสมัครไปเรื่อยๆ ใครรับเราก็ไปทำ บางคนจบครูไปเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน บางคนไปเรียนต่อบริหารธุรกิจในต่างประเทศ แต่ไปยึดอาชีพเชฟ เพราะตอนเรียนไปช่วยทำงานที่ร้านอาหาร หาเงินมาช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่ ฯลฯ

วันนี้ เราทำงานมีความชำนาญ มีตำแหน่ง จึงทำให้เรา “เลือก” ว่าอยากจะกลับไปทำงานในธุรกิจที่เราคุ้นเคย ที่เรามีความชำนาญ และเราก็เกี่ยงเรื่องเงินเดือน เคยได้เดือนละเป็นแสน หรือเดือนละหลายหมื่น จะให้ไปทำงานรับเงินเดือนละ 15,000 บาท เหมือนเด็กจบใหม่ได้อย่างไร

ถ้าเราเอาคำว่า “เพื่อความอยู่รอด” ขึ้นมาเป็นตัวตั้ง เงื่อนไขต่างๆที่เราตั้งเอาไว้ก็อาจหมดไป อย่างไรก็ดี วันนี้ดิฉันมีคำแนะนำเล็กๆน้อยๆ เผื่อจะเป็นประโยชน์ค่ะ

ในการหางานทำ ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดคือ การประเมินความถนัด/ไม่ถนัด ความสนใจ ค่านิยมและทักษะของตนเอง ท่านต้องประเมินอย่างละเอียด อย่าเพียงแต่คิดในใจ ต้องเขียนหรือพิมพ์ออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร ใช้เวลาคิดอย่างละเอียด ยกตัวอย่าง ดิฉันไม่ชอบงานกลางแจ้ง ไม่ชอบเสียงอึกทึก ไม่มีทักษะในการใช้อุปกรณ์ครัวที่ดี ชอบอ่าน ชอบเขียน ชอบพูด ชอบพบปะผู้คน ภาษาอังกฤษดีพอสมควร มีประสบการณ์ด้านการเงิน การลงทุน การท่องเที่ยว ฯลฯ

เมื่อประเมินทักษะเสร็จแล้ว หลายคนอาจพบว่า มีทักษะพิเศษซึ่งสามารถสร้างธุรกิจของตนเองได้

หากทักษะไม่พอ เราสามารถพัฒนาตนเอง พัฒนาทักษะได้ค่ะ ต้องวางแผน ต้องพยายามหน่อย มีคนที่รู้จักอยากเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว เขาได้รับการฝากงานให้ไปเรียนรู้ เป็นลูกจ้างร้านก๋วยเตี๋ยว ไปช่วยจ่ายตลาด เลือกซื้อวัตถุดิบ เครื่องปรุง ฝึกปรุง ฝึกขาย ฝึกเสริฟ ประมาณปีเศษๆ จนท้ายที่สุดสามารถเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเองได้ ทำได้อร่อยและขายดีด้วยค่ะ

ทักษะที่ต้องเพิ่มเติมมีมากมาย หลายท่านที่อายุมากขึ้น อาจไม่สนใจทักษะด้านดิจิตัล แต่ตอนนี้เพิกเฉยไม่ได้แล้ว ถ้าท่านใช้ไม่เป็นก็จะเสียสิทธิ์หลายอย่าง และอาจตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่หวังดีที่ทำทีเป็นเข้ามาช่วยเหลือท่าน แบบที่เป็นข่าวกันไปเมื่อเร็วๆนี้

เมื่อมองหางานทำ ควรมุ่งไปยังงานที่ท่านสนใจก่อน หาข้อมูลเกี่ยวกับงานที่สนใจให้มาก เดี๋ยวนี้ข้อมูลอยู่ในเว็ปเกือบทั้งหมดแล้ว มีพิมพ์แทรกอยู่ในหนังสือพิมพ์เพียงเล็กน้อย ขอให้ลูกหลานช่วยหาข้อมูลก็ได้ค่ะ และเมื่อเห็นมีตำแหน่งว่างในงานที่ท่านสนใจ ก็ต้อง สมัคร สมัคร สมัคร สมัครเข้าไปเยอะๆ เพราะคนอื่นก็หางานเช่นเดียวกับเรา จึงต้องเพิ่มโอกาสที่เราจะได้งานทำ

หากถูกเรียกไปสัมภาษณ์ ต้องถือว่าโชคดีแล้ว โอกาสมีมากขึ้น จึงต้องเตรียมตัวไปอย่างดี หาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท(นายจ้าง)ที่สมัครให้มากที่สุด ว่าบริษัท(นายจ้าง)ทำธุรกิจอะไร ก่อตั้งมาตั้งแต่เมื่อไร ผู้ถือหุ้นหรือเจ้าของเป็นใคร มีปรัชญาในการดำเนินธุรกิจอย่างไร ในวันสัมภาษณ์ควรแต่งตัวให้เหมาะสมกับสถานที่และงานที่สมัคร เล่าประสบการณ์ในการทำงานของเราให้เขาฟัง ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ทำงานเต็มเวลา ทำงานพิเศษ ทำกิจกรรม ฯลฯ ข้อสำคัญคือ อย่าพูดถึงนายจ้างเก่าในทางที่ไม่ดี ไม่มีใครอยากรับคนที่ชอบเอาเรื่องภายในไปพูดให้คนอื่นฟังค่ะ

ตอนท้ายของการสัมภาษณ์ อย่าลืมขอบคุณที่ผู้สัมภาษณ์เรียกเรามาสัมภาษณ์และให้เวลากับเรา ตรงนี้ช่วยได้ค่ะ สมมุติว่าเราได้ถูกจัดเป็นกลุ่มสำรอง หากคนที่เขาเลือกไว้ ปฏิเสธไม่รับงาน ผู้สัมภาษณ์จะนึกถึงเราก่อนเลยค่ะ เพราะเขารู้จักขอบคุณที่เขาให้โอกาสเรา ใครๆก็ชอบคนที่รู้สำนึกในบุญคุณ และมีสัมมาคารวะที่ดี

บุคคลอ้างอิงมีความสำคัญมาก เพราะการอ้างอิงใคร เท่ากับเราแอบอิงความน่าเชื่อถือของเขา หลายครั้งที่นายจ้างตกลงรับเข้าทำงาน โดยเชื่อถือผู้อ้างอิงค่ะ ดังนั้นก่อนที่ท่านจะอ้างอิงใคร กรุณาแจ้งให้เจ้าตัวทราบก่อนด้วย เพราะหากผู้สัมภาษณ์ติดต่อไปแล้วผู้ถูกอ้างอิงไม่ทราบเรื่อง จะเป็นเรื่องเสียหายเสมือนเราแอบอ้างเอาเองค่ะ

ในยามนี้ เราต้องยืดหยุ่น สามารถไปทำงานนอกสถานที่ได้ ไปทำต่างจังหวัดได้ สามารถทำงานตอนเย็น หรือทำงานในวันหยุดได้ เพราะฉะนั้นหากมีความยืดหยุ่นเหล่านี้ ให้เขียนไว้ในใบสมัครเลย เราอาจจะถูกให้ไปหรือไม่ให้ไปทำนอกสถานที่ก็ได้ แต่นายจ้างจะพอใจกว่าถ้าเรามีความยืดหยุ่นค่ะ

อยากฝากไว้ว่า การหางานทำในช่วงนี้ อาจหาเพื่อทำชั่วคราวไปก่อน เพราะอย่างน้อยก็ได้ประสบการณ์ ได้ทักษะใหม่ๆ และที่สำคัญคือ ได้เงินมาเลี้ยงชีพ

เห็นมิวสิควิดีโอของน้ำดื่มสิงห์ มีนักบินไปทำงานเป็นพนักงานขี่มอเตอร์ไซค์ส่งอาหาร ช่างภาพกลายมาขายหมูทอดแช่แข็ง เจ้าของร้านจำหน่ายอะไหล่มอเตอร์ไซค์ทำระบบขายของออนไลน์ สจ๊วตมาตัดเย็บหน้ากาก แอร์โฮสเตสมาขายผักออร์แกนิค สถาปนิกมาขายอาหารส่งตามบ้าน เจ้าของร้านรองเท้ามาไลฟ์ขายของออนไลน์ โบรกเกอร์มาทำฟาร์มไก่ และวิศวกรเครื่องบินแปลงอาชีพมารับจ้างดูแลเครื่องปรับอากาศ เหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นว่า ถึงคราวจำเป็น คนสามารถต่อสู้ คนต้องปรับตัว เพื่อให้อยู่รอด ขอให้กำลังใจกับทุกๆท่านนะคะ

พระท่านเคยพูดไว้หลังเกิดวิกฤติปี 2540 ว่า “เหมือนฝนตกใหญ่ หากเรามีร่มคันใหญ่เราก็เปียกน้อย หากมีร่มคันเล็กก็เปียกมากหน่อย หากไม่มีร่มก็เปียกโชก” ถ้าผู้มีร่มคันใหญ่ หรือมีหลายคัน จะหยิบยื่นบางคันให้ผู้ไม่มีร่ม หรือชวนเข้ามาอยู่ในร่มคันใหญ่ด้วยกัน (แต่ทั้งสองคนต้องใส่หน้ากากนะคะ) ก็จะช่วยให้ทุกคนสามารถผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปด้วยกันค่ะ

ดิฉันเชื่อว่า การหางานทำในช่วงที่ธุรกิจต่างได้รับผลกระทบจากโควิด-19 นี้ไม่ง่าย แต่ก็ไม่เกินความพยายาม จริงๆแล้วมีงานมากมายที่คนไทยเคยไม่อยากทำ จนต้องจ้างคนต่างชาติมาทำ แต่คนไทยก็ไปทำงานแบบเดียวกันในต่างประเทศ เพราะมีค่านิยมว่าโก้กว่า ได้เงินมากกว่า เช่น งานแม่บ้าน งานแม่ครัว หากท่านลองเปิดใจที่จะหางานแบบนี้ในประเทศไทย ดิฉันคิดว่าเป็นโอกาสดีมาก และเชื่อว่า ในปัจจุบัน รายได้สุทธิที่ได้ ไม่ได้น้อยไปกว่าไปทำในต่างประเทศเลย

เคยไปฮ่องกงเมื่อหลายปีก่อน ยืนรอรถไฟใต้ดินอยู่ข้างๆแม่บ้านไทยสองคนที่กำลังคุยกัน ได้แอบสัมภาษณ์นิดหน่อย สอบถามเรื่องรายได้ พบว่าไม่ได้แตกต่างจากบ้านเรามากนัก ยังคิดเลยว่าน่าจะชวนกลับมาไทย อยู่เมืองไทยสบายกว่าเยอะ โดยเฉพาะช่วงนี้ ปลอดภัยกว่าเยอะเลยค่ะ

ว่าแล้วก็เปิดรับสมัครแม่บ้านแม่ครัวเลยนะคะ หากมีแม่บ้านที่เคยอยู่ในฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลี สนใจทำงาน แจ้งมาได้ค่ะ
โพสต์โพสต์