โพสต์
1. DEMOGRAPHICS
2. URBANIZATION
3. INTERNET OF THINGS
4. CLEAN ENERGY
1.ประชากรในอีก 10-20 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไรประชากรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตลอด และปัจจุบันในปี 2020.มีจำนวนประชากร 8,000 ล้านคนอีกสามสิบปี จำนวนประชากรจะเพิ่มเป็นอีก หมื่นล้าน และอีก 80 ปีนับจากปีนี้จำนวนประชากรจะเป็น 11,000 หนึ่งหมื่นหนึ่งพันล้านคน โดยจำนวนประชาส่วนใหญ่ที่จะเพิ่มส่วนใหญ่จะอยู่ประเทศในโซนทวีป AFRICA
เพราะฉะนั้นจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นนั้น จากสัดส่วน PIE CHART สีส้มเป็นสัดส่วนในทวีปประเทศ AFRICA ต่อทั้งโลกทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นเป็น 15% ในปี 2010 เป็น 25% ในปี 2050. และจะเป็นสัดส่วน 40%ในปี 2100.
ดังนั้นประชากรเพิ่มขึ้นในเมื่อประชากรเพิ่มขึ้น ของอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น บริษัท FMCG (FAST-MOVING CONSUMER GOODS) หนึ่งคนที่เพิ่มขึ้น ยาสีฟันต้องเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะทั้ง แชมพู สบู่ อาหาร แน่นอนเพราะฉะนั้น บริษัท FMCG (FAST-MOVING CONSUMER GOODS) ระดับโลกอย่างเช่น P&G NESTLE เครื่องสำอาง บริษัท LOREAL UNILEVER บริษัทพวกนี้น่าจะได้ประโยชน์ในส่วนของ MEGA TREND นี้
จำนวนประชามากขึ้น จำนวนการบริโภคก็มากขึ้นเป็นตามลำดับ
ยกตัวอย่างเช่นบริษัท COKE ซึ่ง WARREN BUFFET ได้เข้าไปทำการลงทุน ได้วิเคราะห์ในส่วนของอัตราส่วนทางการเงิน ท่านอาจารย์ชายจะชอบหุ้น PEPSI มากกว่าเพราะ ธุรกิจมีสัดส่วนของอาหาร ที่เป็น SNACKS FRITO LAY (ขนมคบเคี้ยวมันฝรั่งเลย์) มีการกระจายตัว ในส่วนของ SNACKS
GOOGLE มีการทำ GOOGLE MAPS และ SOFTWARE สำหรับ AUTONOMOUS VEHICLES.
SHOTSPOTTER ได้มีการใช้ AI ในการ PREDICT ว่ามีการยิงในเมือง มีการคาดการณ์จุดไหนในเมืองมีโอกาสในการยิงกันในเมือง ซึ่งใช้ AI มาในการ ENHANCE
จากการสอบถามอาจารย์ชายคาดว่า SMART CITY ในประเทศจีนจะเกิดก่อนไม่ว่าจะในส่วนของเรื่องจำนวนประชากรหนาแน่น ปลายปีที่แล้วที่ประเทศจีน แทบจะไม่มีตำรวจ ถ้าเกิดเหตุการณ์ขึ้นจะไม่มีคนมา ซึ่งคนจะอยู่หอ ศูนย์บัญชาการ
PING AN SMART CITY
3.INTERNET OF THINGS จะมาพร้อมกับเครือข่าย 5G TELEMEDICAL SMART FACTORY อุปกรณ์หลายๆอย่างไม่ว่าโรงงาน รถยนต์ โรงพยาบาล ผู้ผลิต OS สำหรับ PC หลักๆคือ APPLE กับ MICROSOFT ส่วน OS ของ MOBILE PHONE หลักๆ ก็มีแค่ APPLE กับ GOOGLE ครับ
NVIDIA ไป PARTNERS กับ MERCEDES BENZ ในการทำรถยนต์อนาคต
คำถามจากทางบ้าน สอบถามเรื่องหุ้น XIAOMI BUSINESS MODEL เทียบเท่ากับ APPLE มองยังไงบ้าง
ผู้บริหาร XIAOMI นั้นกล้าทำอะไรที่คนอื่นซึ่งไม่กล้าทำ หลายๆอย่าง ซึ่งถ้าใครได้เข้าไปในร้าน XIAOMI อาจจะได้สินค้าของ XIAOMI ไปอย่างละชิ้นสองชิ้นบ้างบางอย่าง และซึ่งในส่วนของ BUSINESS MODEL ยังคงน่าติดตามมากๆ ทุกๆอย่าง DELIVERY ตามแผน จากผลประกอบการของบริษัท XIAOMI
แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมี RISK ระยะสั้นซึ่งมีอยู่หลักๆมีสองอย่างคือ
1. XIAOMI BOOM มากๆ ซึ่งไปขายที่ประเทศอินเดีย มีข่าวว่า แบนสินค้าจากประเทศจีน ซึ่งเราต้องลองติดตามดู
2. ยังไม่มีบริษัทไหนในโลกขายสินค้าทุกๆอย่าง แล้วประสบความสำเร็จ แต่เราไม่ควรประเมินบริษัทว่าอาจจะไม่ประสบความสำเร็จในการทำแบบนี้ เราควรที่จะเฝ้ารอและคอยติดตามอย่างใกล้ชิดว่า ยอดขายแต่ละกลุ่มสินค้านั้นเป็นอย่างไรบ้าง และในส่วนของ INVENTORY นั้นเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งเป็นหุ้นหนึ่งที่น่าสนใจ
แต่อย่างไรก็ตามบริษัท APPLE นั้นขายสินค้าอยู่ไม่กี่อย่าง
4.CLEAN ENERGY จาก WEBSITE METALSTECH LTD. เราจะเห็นได้ว่าในส่วนของ DEMAND ความต้องการ BATTEERY E-BIKE รถยนต์ EV ENERGY STROAGE มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมากในอนาคต ดังนั้น ความต้องการ DEMAND รถ EV ในเมืองไทยมากขึ้น โดยเห็นแท่น CHARGE EV ในกรุงเทพมหานคร
โดยถ้าได้ไปบางเมืองในประเทศจีนจะเห็นว่ามี TAXI ใช้รถยนต์พลังงานสะอาดหมดแล้ว แต่ถ้าตั้งคำถามว่าบริษัทไหนจะได้ประโยชน์สำหรับ TREND นี้ซึ่งผู้ผลิต EV ชั้นนำของแต่ประเทศน่าจะได้ประโยชน์ แต่อย่างไรก็ตาม ให้ระมัดระวังในส่วนของเรื่อง การขยายตัวมากๆ ดังนั้นการแข่งขันก็จะสูงตามมาด้วยอย่างเช่นกัน
ดังนั้นบริษัทผู้ผลิต BATTERY ก็คือบริษัท PANASONIC
เราลองไปศึกษาเพิ่มเติมได้ว่า LITHIUM IS THE NEW OIL.
นอกจากนั้นเหมือง LITHIUM สามเหลี่ยมเหมืองซึ่งประกอบไปด้วย ประเทศ CHILE, BOLIVIA, ARGENTINA. ซึ่งมีเหมือง LITHIUM หลายๆบริษัท เราได้ยกตัวอย่างมาหนึ่งบริษัทคือ บริษัท LITHIUM AMERICAS CORP. (TSE: LAC) บริษัทที่ทำเหมือง LITHIUM ความต้องการ DEMAND ในส่วนของ LITHIUM มีมากมายมหาศาลในอีก 10 ปีข้างหน้า บริษัทใดได้ LICENSE RESERVE ต้นทุนเหมืองต่ำๆ ก็น่าจะได้ประโยชน์พอสมควร
บันทึกไม่สำเร็จ