ปริศนาการลงทุน
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
ปริศนาการลงทุน
โพสต์ที่ 1
สมมติว่าท่านมีหุ้นตัวหนึ่งอยู่ 100,000 หุ้น ซึ่งซื้อมาที่ต้นทุนหุ้นละ 10 บาทซึ่งเท่ากับราคาตลาด ณ ปัจจุบันด้วย แต่ท่านต้องการซื้อหุ้นตัวนี้เพิ่มอีก 100,000 หุ้น
ในวันพรุ่งนี้จะมีการแถลงข่าวสำคัญของหุ้นตัวนี้ (เช่น แถลงผลประกอบการ เป็นต้น) คุณประเมินสถานการณ์แล้วสรุปได้ว่า
1. ความน่าจะเป็นที่ราคาหุ้นตัวนี้จะกลายเป็น 20 บาทหลังข่าวออกมาเป็นข่าวดีเท่ากับ 0.5
2. ความน่าจะเป็นที่ราคาหุ้นตัวนี้จะกลายเป็น 5 บาทหลังข่าวออกมาเป็นข่าวร้ายเท่ากับ 0.5
คุณจะซื้อหุ้นตัวนี้ ก่อน หรือ หลัง การแถลงข่าวครับ?
อยากทราบว่าแต่ละคนมีวิธีตัดสินใจในสถานการณ์แบบนี้อย่างไร ขอคำตอบพร้อมคำอธิบาย :roll:
ในวันพรุ่งนี้จะมีการแถลงข่าวสำคัญของหุ้นตัวนี้ (เช่น แถลงผลประกอบการ เป็นต้น) คุณประเมินสถานการณ์แล้วสรุปได้ว่า
1. ความน่าจะเป็นที่ราคาหุ้นตัวนี้จะกลายเป็น 20 บาทหลังข่าวออกมาเป็นข่าวดีเท่ากับ 0.5
2. ความน่าจะเป็นที่ราคาหุ้นตัวนี้จะกลายเป็น 5 บาทหลังข่าวออกมาเป็นข่าวร้ายเท่ากับ 0.5
คุณจะซื้อหุ้นตัวนี้ ก่อน หรือ หลัง การแถลงข่าวครับ?
อยากทราบว่าแต่ละคนมีวิธีตัดสินใจในสถานการณ์แบบนี้อย่างไร ขอคำตอบพร้อมคำอธิบาย :roll:
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
ปริศนาการลงทุน
โพสต์ที่ 2
ถ้าคิดตาม Prob ก็ได้ expected return = 10*0.5 + -5*0.5 = 2.5 Baht ต่อหุ้น แบบนี้ก็ควรลุยต่ออีก 100,000 หุ้น
แต่ถ้าเป็นผมตัวจริง จะอยู่เฉยๆ
เพราะถ้า Prob มันแค่ 50% แถมจริงๆแล้ว ไม่มีใครรู้ด้วยว่าราคาจะไปถึงไหน ใช้ความนิ่งเข้าสู้ดีก่า
แต่ถ้าเป็นผมตัวจริง จะอยู่เฉยๆ
เพราะถ้า Prob มันแค่ 50% แถมจริงๆแล้ว ไม่มีใครรู้ด้วยว่าราคาจะไปถึงไหน ใช้ความนิ่งเข้าสู้ดีก่า
I do not sleep. I dream.
-
- Verified User
- โพสต์: 412
- ผู้ติดตาม: 0
ปริศนาการลงทุน
โพสต์ที่ 5
ยังไม่ทำอะไรครับ
ทบทวนก่อนว่าเหตุผลที่เราซื้อหุ้นตัวนี้เพราะอะไร
ทำไมต้องการซื้อเพิ่มอีก
ความเสี่ยงครึ่งๆอย่างนี้ เป็นไปได้ว่าเรายังไม่รู้จริงหรือยังไม่มีข้อมูลที่มากพอ ไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือก้อย
คิดว่าคงไม่ซื้อเพิ่มอ่ะครับ
รอที่ชัวร์ๆมากกว่านี้ดีกว่า
ปล. เป็นไปได้ว่าเมื่อข่าวดีออกมาหุ้นอาจไม่ขึ้นไปที่ 20 บาท
หรือเมื่อข่าวร้ายออกมาหุ้นอาจไม่ลงมาที่ 5 บาทใช่ไหมครับ?
ทบทวนก่อนว่าเหตุผลที่เราซื้อหุ้นตัวนี้เพราะอะไร
ทำไมต้องการซื้อเพิ่มอีก
ความเสี่ยงครึ่งๆอย่างนี้ เป็นไปได้ว่าเรายังไม่รู้จริงหรือยังไม่มีข้อมูลที่มากพอ ไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือก้อย
คิดว่าคงไม่ซื้อเพิ่มอ่ะครับ
รอที่ชัวร์ๆมากกว่านี้ดีกว่า
ปล. เป็นไปได้ว่าเมื่อข่าวดีออกมาหุ้นอาจไม่ขึ้นไปที่ 20 บาท
หรือเมื่อข่าวร้ายออกมาหุ้นอาจไม่ลงมาที่ 5 บาทใช่ไหมครับ?
- น้ำครึ่งแก้ว
- Verified User
- โพสต์: 1098
- ผู้ติดตาม: 0
ปริศนาการลงทุน
โพสต์ที่ 7
สมมติ ว่าเป็น tpipl ซิครับ จะได้ดูง่ายหน่อยว่าจะเอายังไง อิอิ
" ชีวิตไม่เคยขาดความหวาน "
-
- Verified User
- โพสต์: 1301
- ผู้ติดตาม: 0
ปริศนาการลงทุน
โพสต์ที่ 9
ถ้าเป็นหุ้นแบบนี้จริง บวกลบมากๆเพราะข่าวๆเดียว ก็คงไม่ซื้อตั้งแต่แรกครับ
ตั้งแต่ซื้อมามีแต่ข่าวดีที่ทำให้บวกมากๆก็คือการ tender
แต่ตัวที่เจ็งไม่เคยเจ็งเพราะข่าว แต่เจ็งเพราะไม่มีข่าว อยู่ดีๆก็ร่วงวันสองวัน เด้งขึ้นมาหลอก แล้วร่วงใหม่ ทรงๆให้เบื่อ หันมามองอีกที หายไปเป็นครึ่ง
ตั้งแต่ซื้อมามีแต่ข่าวดีที่ทำให้บวกมากๆก็คือการ tender
แต่ตัวที่เจ็งไม่เคยเจ็งเพราะข่าว แต่เจ็งเพราะไม่มีข่าว อยู่ดีๆก็ร่วงวันสองวัน เด้งขึ้นมาหลอก แล้วร่วงใหม่ ทรงๆให้เบื่อ หันมามองอีกที หายไปเป็นครึ่ง
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2273
- ผู้ติดตาม: 0
ปริศนาการลงทุน
โพสต์ที่ 10
ปัญหาคือจะรู้ได้ไงครับ ว่าความน่าจะเป็นถูก
แต่ถ้าเป็นสถานะการณ์จริงๆ
ผมต้องถามก่อนว่า เงินทั้งหมดของผมเป็นเท่าไหร่
เพราะว่าถ้ามีเงิน 2 ล้าน ผมก็คงไม่กล้า speculate ทั้งหมด แม้ว่ามีโอกาส win มากกว่าเพราะว่าผมไม่สามารถ เสียเงินมากๆ อย่างนี้ได้ครับ
และรอ ดีกว่า เพราะน่าจะเป็น win-win พอสมควร
เพราะถ้าไม่ซื้อ แล้วข่าวออกมาดี ก็หมายความว่า ถ้าเป็น + เรากำไรทันที
แต่ถ้าข่าวออกมาไม่ดี เราก็ค่อยซื้อ ได้หุ้นเยอะขึ้น ด้วยสุดท้ายเดี๋ยว ราคาหุ้นก็กลับไปสู่ราคาที่แท้จริงของมันเอง
แต่ถ้าผมมีเงิน 20 ล้านขึ้นไป ผมซื้อครับ เพราะ probability มันบอกว่าเป็น speculate ที่มีโอกาส win มากกว่า
นานๆ จะมีเกมส์ที่มี risk premium ให้ชอบๆ ครับ
แต่จะกล้าลงทุนมากกว่านี้ถ้ามีเหตุการณ์อย่างนี้เยอะๆ ให้เลือกเพื่อลดความเสี่ยงครับ
เพราะเราอาจwin ครั้งเดียวก็ cover lost ในเหตุการณ์อื่นๆได้ครับ
แต่ถ้าเป็นสถานะการณ์จริงๆ
ผมต้องถามก่อนว่า เงินทั้งหมดของผมเป็นเท่าไหร่
เพราะว่าถ้ามีเงิน 2 ล้าน ผมก็คงไม่กล้า speculate ทั้งหมด แม้ว่ามีโอกาส win มากกว่าเพราะว่าผมไม่สามารถ เสียเงินมากๆ อย่างนี้ได้ครับ
และรอ ดีกว่า เพราะน่าจะเป็น win-win พอสมควร
เพราะถ้าไม่ซื้อ แล้วข่าวออกมาดี ก็หมายความว่า ถ้าเป็น + เรากำไรทันที
แต่ถ้าข่าวออกมาไม่ดี เราก็ค่อยซื้อ ได้หุ้นเยอะขึ้น ด้วยสุดท้ายเดี๋ยว ราคาหุ้นก็กลับไปสู่ราคาที่แท้จริงของมันเอง
แต่ถ้าผมมีเงิน 20 ล้านขึ้นไป ผมซื้อครับ เพราะ probability มันบอกว่าเป็น speculate ที่มีโอกาส win มากกว่า
นานๆ จะมีเกมส์ที่มี risk premium ให้ชอบๆ ครับ
แต่จะกล้าลงทุนมากกว่านี้ถ้ามีเหตุการณ์อย่างนี้เยอะๆ ให้เลือกเพื่อลดความเสี่ยงครับ
เพราะเราอาจwin ครั้งเดียวก็ cover lost ในเหตุการณ์อื่นๆได้ครับ
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 1
ปริศนาการลงทุน
โพสต์ที่ 11
ผมคงซื้อหลัง ข่าวร้าย แล้วรอมันดีดกลับไปเป็น 10 บาท
เสี่ยงน้อยกว่า อาศัยความอดทน
เสี่ยงน้อยกว่า อาศัยความอดทน
-
- Verified User
- โพสต์: 1601
- ผู้ติดตาม: 0
ปริศนาการลงทุน
โพสต์ที่ 14
อืม...
ถ้าซื้อแล้วต้องขายถึงจะได้กำไร ผม "ไม่" ซื้อ
ถ้าซื้อแล้วต้องขายถึงจะได้กำไร ผม "ไม่" ซื้อ
"Be sure you put your feet in the right place, then stand firm"
Abraham Lincoln
Abraham Lincoln
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
ปริศนาการลงทุน
โพสต์ที่ 15
ดูเหมือนท่าสุมาอี้จะลืมกฎทองข้อสำคัญของบัฟเฟตต์ ที่จริงผมว่าคงไม่ลืมแต่อาจจะลองคิดเล่นๆสนุกๆเฉยๆ แต่คิดบ่อยๆอาจจะเผลอทำไปโดยลืมตัวก็ได้นะครับ
กฎทองเขาบอกว่า
1.อย่าขาดทุน (ผมชอบกฎข้อนี้มาก เพราะว่าการขาดทุนทำให้การเติบโตของพอร์ทถดถอยลง และต้องได้กำไรในเปอร์เซนต์ที่สูงกว่าจึงจะเสมอตัว)
2.ถ้าสงสัยกรณีใดๆก็ตามให้ย้อนไปดูกฎข้อ 1.
กรณีนี้มีความเสี่ยงที่จะขาดทุนถ้าเป็นไปตาม โอกาสข้อ2.ซึ่งมีโอกาสสูงถึง 50/50
กฎทองเขาบอกว่า
1.อย่าขาดทุน (ผมชอบกฎข้อนี้มาก เพราะว่าการขาดทุนทำให้การเติบโตของพอร์ทถดถอยลง และต้องได้กำไรในเปอร์เซนต์ที่สูงกว่าจึงจะเสมอตัว)
2.ถ้าสงสัยกรณีใดๆก็ตามให้ย้อนไปดูกฎข้อ 1.
กรณีนี้มีความเสี่ยงที่จะขาดทุนถ้าเป็นไปตาม โอกาสข้อ2.ซึ่งมีโอกาสสูงถึง 50/50
ดังนั้นวิธีซื้อก่อนหรือซื้อหลังก็ตาม2. ความน่าจะเป็นที่ราคาหุ้นตัวนี้จะกลายเป็น 5 บาทหลังข่าวออกมาเป็นข่าวร้ายเท่ากับ 0.5
จึงไม่ผ่านกฎทองของบัฟเฟตต์ครับ........คุณจะซื้อหุ้นตัวนี้ ก่อน หรือ หลัง การแถลงข่าวครับ?
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
ปริศนาการลงทุน
โพสต์ที่ 17
อาจจะเป็นข่าวร้ายชั่วคราวก็ได้ครับท่าน ck ซึ่งจะทำให้เราได้กำไร
หรือถ้าเป็นข่าวดีก็ทำให้ราคาหุ้นขึ้นไป 20 บาท ซึ่งเราก็ได้กำไร
แต่ก็ไม่คุ้มอยู่ดี ......
เพราะมีโอกาสที่ไม่ใช่ข่าวร้ายชั่วคราวตามทฤษฎีแมลงสาบที่ท่าน ck เคยพูดถึง และราคาจะตกลงไปถึง5บาทก็มีอยู่สุงมาก
นั่นคือมีโอกาสขาดทุนสูงมากถึง 50/50 ถ้าน้อยมากๆก็พอยอมรับได้
ที่จริงหุ้นที่มีโอกาสที่จะดิ่งนรกหรือขึ้นสวรรค์พอๆกันแบบนี้ ก็ไม่ควรซื้อตั้งแต่ต้น เพราะเสี่ยงขาดทุนจริงๆ
การขาดทุนเป็นอะไรที่เจ็บปวด ถ้าเราจะขาดทุนด้วยปัจจัยอื่นๆที่เราคาดไม่ถึงก็พอยอมรับได้ เพราะว่าเราคาดไม่ถึงและอนาคตเองก็มีความไม่แน่นอนโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
แต่การเล่นหุ้นแบบนี้เท่ากับเราไปเพิ่มความเสี่ยงให้ตัวเราเอง ทวีคูณเข้าไป(จากแค่ธรรมชาติอย่างเดียว)อีก และเป็นการเพิ่มโดยที่ตัวเราก็รู้อยู่แล้วว่ามีความเสี่ยงสูง ทำทั้งๆที่รู้ไม่สมควรให้อภัยครับ ถ้าไม่รู้ยังให้อภัยได้ อิอิ 555 ล้อเล่น.....
เล่นแบบนี้เท่ากับเราเชื่อและชอบในเรื่อง high risk higs return ซึ่งผมก็เชื่อแต่ผมไม่ชอบ เพราะผมเชื่อว่ามันมี low risk high return อยู่จริง การค้นหาอาจจะลำบากเพราะมันมีน้อยและยังไงก็มีความเสี่ยงอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าเจอมันก็คุ้ม
วิธีแบบนี้ผมมองว่าเป็นการพนันอ่ะครับ ไม่ใช่การลงทุน
หรือถ้าเป็นข่าวดีก็ทำให้ราคาหุ้นขึ้นไป 20 บาท ซึ่งเราก็ได้กำไร
แต่ก็ไม่คุ้มอยู่ดี ......
เพราะมีโอกาสที่ไม่ใช่ข่าวร้ายชั่วคราวตามทฤษฎีแมลงสาบที่ท่าน ck เคยพูดถึง และราคาจะตกลงไปถึง5บาทก็มีอยู่สุงมาก
นั่นคือมีโอกาสขาดทุนสูงมากถึง 50/50 ถ้าน้อยมากๆก็พอยอมรับได้
ที่จริงหุ้นที่มีโอกาสที่จะดิ่งนรกหรือขึ้นสวรรค์พอๆกันแบบนี้ ก็ไม่ควรซื้อตั้งแต่ต้น เพราะเสี่ยงขาดทุนจริงๆ
การขาดทุนเป็นอะไรที่เจ็บปวด ถ้าเราจะขาดทุนด้วยปัจจัยอื่นๆที่เราคาดไม่ถึงก็พอยอมรับได้ เพราะว่าเราคาดไม่ถึงและอนาคตเองก็มีความไม่แน่นอนโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
แต่การเล่นหุ้นแบบนี้เท่ากับเราไปเพิ่มความเสี่ยงให้ตัวเราเอง ทวีคูณเข้าไป(จากแค่ธรรมชาติอย่างเดียว)อีก และเป็นการเพิ่มโดยที่ตัวเราก็รู้อยู่แล้วว่ามีความเสี่ยงสูง ทำทั้งๆที่รู้ไม่สมควรให้อภัยครับ ถ้าไม่รู้ยังให้อภัยได้ อิอิ 555 ล้อเล่น.....
เล่นแบบนี้เท่ากับเราเชื่อและชอบในเรื่อง high risk higs return ซึ่งผมก็เชื่อแต่ผมไม่ชอบ เพราะผมเชื่อว่ามันมี low risk high return อยู่จริง การค้นหาอาจจะลำบากเพราะมันมีน้อยและยังไงก็มีความเสี่ยงอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าเจอมันก็คุ้ม
วิธีแบบนี้ผมมองว่าเป็นการพนันอ่ะครับ ไม่ใช่การลงทุน
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
ปริศนาการลงทุน
โพสต์ที่ 18
ถ้าคุณคิดจะเก็งกำไรเรื่องข่าวต่างๆ คุณควรระวัง
เรามักจะคิดว่า ถ้าเป็นข่าวดี ราคาหุ้นมักจะตอบสนองทางบวก
หรือถ้าเป็นข่าวร้าย ราคาหุ้นมักจะตอบสนองทางลบ
แล้วเราก็มานั่งคิด นั่งเก็งว่า ข่าวที่จะประกาศจะเป็นข่าวดีหรือข่าวร้าย
บ่อยครั้งที่เราเก็งว่าเป็นข่าวดี จึงซื้อดักไว้ก่อนประกาศข่าว หวังจะขายหลังประกาศข่าว
เมื่อข่าวได้ถูกประกาศ เป็นข่าวดีตามที่เราคาดครับ
แต่ ราคาหุ้นไม่ตอบสนองทางด้านบวก แต่กลับตรงข้ามไปทางด้านลบ
นักวิเคราะห์ก็มักจะออกมาพูดว่า เป็นการขายทำกำไร เพราะราคาหุ้นขึ้นมารับข่าวล่วงหน้าแล้ว (ประโยคอมตะ)
ตรงกันข้าม หลายครั้งที่ประกาศข่าวร้าย แต่ราคากลับไม่ลง แต่สวนขึ้น
แล้วก็ตามมาด้วยประโยคอมตะของเหล่านักวิเคราะห์ ราคาหุ้นลงมารับข่าวล่วงหน้าแล้ว
:lol: :lol: :lol:
เรามักจะคิดว่า ถ้าเป็นข่าวดี ราคาหุ้นมักจะตอบสนองทางบวก
หรือถ้าเป็นข่าวร้าย ราคาหุ้นมักจะตอบสนองทางลบ
แล้วเราก็มานั่งคิด นั่งเก็งว่า ข่าวที่จะประกาศจะเป็นข่าวดีหรือข่าวร้าย
บ่อยครั้งที่เราเก็งว่าเป็นข่าวดี จึงซื้อดักไว้ก่อนประกาศข่าว หวังจะขายหลังประกาศข่าว
เมื่อข่าวได้ถูกประกาศ เป็นข่าวดีตามที่เราคาดครับ
แต่ ราคาหุ้นไม่ตอบสนองทางด้านบวก แต่กลับตรงข้ามไปทางด้านลบ
นักวิเคราะห์ก็มักจะออกมาพูดว่า เป็นการขายทำกำไร เพราะราคาหุ้นขึ้นมารับข่าวล่วงหน้าแล้ว (ประโยคอมตะ)
ตรงกันข้าม หลายครั้งที่ประกาศข่าวร้าย แต่ราคากลับไม่ลง แต่สวนขึ้น
แล้วก็ตามมาด้วยประโยคอมตะของเหล่านักวิเคราะห์ ราคาหุ้นลงมารับข่าวล่วงหน้าแล้ว
:lol: :lol: :lol:
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
ปริศนาการลงทุน
โพสต์ที่ 19
ผมว่าสุมาอี้ก็ไม่เล่นนะ ดูจากม็อตโต้แล้ว บ่งบอกว่าระมัดระวังสุดๆ ไม่ได้เล่นหุ้นพร่ำเพรื่อเลย.........
โอกาสที่เห็นแล้ว เท่านั้นถึงจะน่าซื้อ
ผมจะซื้อเฉพาะหุ้นที่ ไม่ซื้อก็บ้าแล้ว
หุ้น ถ้าต้องขายถึงจะมีกำไร ผมจะไม่ซื้อ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- Doramon007
- Verified User
- โพสต์: 110
- ผู้ติดตาม: 0
ปริศนาการลงทุน
โพสต์ที่ 20
ผมว่าถ้าความเสี่ยง 50/50 ผมว่าไม่น่าเสี่ยงครับ สำหรับนักลงทุนแบบ VI ถ้าจะลงทุนโอกาสน่าจะมากกว่า 70% ครับ ถึงจะได้น้อยก็ไม่เป็นไร ในความคิดของผมน่ะครับ
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
ปริศนาการลงทุน
โพสต์ที่ 21
ถูกใจครับท่านฉัตรชัย ผมเจอกับตัวเองบ่อยมากเลยครับนักวิเคราะห์ก็มักจะออกมาพูดว่า เป็นการขายทำกำไร เพราะราคาหุ้นขึ้นมารับข่าวล่วงหน้าแล้ว (ประโยคอมตะ)
ตรงกันข้าม หลายครั้งที่ประกาศข่าวร้าย แต่ราคากลับไม่ลง แต่สวนขึ้น
แล้วก็ตามมาด้วยประโยคอมตะของเหล่านักวิเคราะห์ ราคาหุ้นลงมารับข่าวล่วงหน้าแล้ว
ผมเข็ดแล้วครับ.......
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
ปริศนาการลงทุน
โพสต์ที่ 22
ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ ก็ซื้อก่อนประกาศไม่เกิน 20% ของ port ที่ราคา 10 บาท
หลังจากประกาศแล้ว expected price อยู่ที่ .5*20+.5*5= 12.5 บาท ผมจะมีกำไรที่คาดหวังประมาณ 25% แบบนี้น่าเล่น
หลังจากประกาศแล้ว expected price อยู่ที่ .5*20+.5*5= 12.5 บาท ผมจะมีกำไรที่คาดหวังประมาณ 25% แบบนี้น่าเล่น
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
ปริศนาการลงทุน
โพสต์ที่ 23
ขอเพิ่มเงื่อนไขเพิ่มอีกนิด ...yoyo เขียน:ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ ก็ซื้อก่อนประกาศไม่เกิน 20% ของ port ที่ราคา 10 บาท
หลังจากประกาศแล้ว expected price อยู่ที่ .5*20+.5*5= 12.5 บาท ผมจะมีกำไรที่คาดหวังประมาณ 25% แบบนี้น่าเล่น
หลังจากประกาศข่าวออกมา ไม่ว่าราคาหุ้นจะเป็นเท่าไหร่ 20 หรือ 5 บาท ผมขายทุกราคา เพราะไม่รู้ว่าราคาเหมาะสมของหุ้นควรเป็นเท่าไหร่หลังจากประกาศ
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
-
- Verified User
- โพสต์: 133
- ผู้ติดตาม: 0
ปริศนาการลงทุน
โพสต์ที่ 25
ไม่คิดมากครับ หากไปเทียบความจริงมากจะตอบลำบาก
ผมคิดว่าถ้าเรามีอยู่แล้ว 100,000 หุ้น แน่นอนครับว่าเราลงทุนแบบ VI ดังนั้น
ถือไว้ก่อน รอหลังข่าว
ถ้ามันขึ้น เราก็จะได้ gain 100,000 บาท แล้วค่อยมาดูกันว่าราคามันเกินพื้นฐานหรือยัง? หากเกินก็ขายตอนนี้ครับ
ถ้ามันลง เราจะขาดทุนไป 50,000 บาท แล้วพิจารณาว่าพื้นฐานยังดีหรือเปล่า ถ้าตอบสนองชั่วคราว ก็ซื้อเพิ่มได้อีกตั้ง 200,000 หุ้นครับ
ผมคิดว่าถ้าเรามีอยู่แล้ว 100,000 หุ้น แน่นอนครับว่าเราลงทุนแบบ VI ดังนั้น
ถือไว้ก่อน รอหลังข่าว
ถ้ามันขึ้น เราก็จะได้ gain 100,000 บาท แล้วค่อยมาดูกันว่าราคามันเกินพื้นฐานหรือยัง? หากเกินก็ขายตอนนี้ครับ
ถ้ามันลง เราจะขาดทุนไป 50,000 บาท แล้วพิจารณาว่าพื้นฐานยังดีหรือเปล่า ถ้าตอบสนองชั่วคราว ก็ซื้อเพิ่มได้อีกตั้ง 200,000 หุ้นครับ
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4886
- ผู้ติดตาม: 0
ปริศนาการลงทุน
โพสต์ที่ 26
แล้วแต่นิสัยของแต่ละท่าน
ส่วนตัวคงซื้อหลังประกาศข่าว เพราะสถาณการณ์แบบนั้นเคยเจอเช่นกัน
คือประกาศแล้วดูทิศทางราคาว่าจะตอบสนองหรือไม่บางที
ออกทั้งข่าวดี ก็ไม่สนองหรือ ร้ายก็ไม่สนอง
ผมเอาsureๆดีกว่าครับ เกลียดการล้างจานหลังงานเลิก
ส่วนตัวคงซื้อหลังประกาศข่าว เพราะสถาณการณ์แบบนั้นเคยเจอเช่นกัน
คือประกาศแล้วดูทิศทางราคาว่าจะตอบสนองหรือไม่บางที
ออกทั้งข่าวดี ก็ไม่สนองหรือ ร้ายก็ไม่สนอง
ผมเอาsureๆดีกว่าครับ เกลียดการล้างจานหลังงานเลิก
- ksnk
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 414
- ผู้ติดตาม: 0
ปริศนาการลงทุน
โพสต์ที่ 27
เห็นด้วยครับตาม game theory ควรซื้อก่อน
แต่ถ้าแนว vi เราไม่ควรมองผลประกอบการรายไตรมาส น่าจะดูพื้นฐานบริษัทในระยะยาวๆๆๆ...... และราคาที่เราซื้อที่มี margin of safety(กำไร/ขาดทุน ลบ.)
ข่าวดี ข่าวร้าย
ซื้อก่อน +2.0 -1.0
ซื้อทีหลัง +1.0 -0.5
-
- Verified User
- โพสต์: 12
- ผู้ติดตาม: 0
ปริศนาการลงทุน
โพสต์ที่ 28
โดยส่วนตัวผมว่าซื้อก่อนประกาศครับ เพราะว่าบริษัทที่เราลงทุนแล้วต้องผ่านเกณฑ์การคัดสรรมาอย่างดี และถึงแม้ว่างบจะออกมาไม่ดีดังที่เราคาดเราก็ต้องวิเคราะห์ดูว่าไม่ดีเพราะอะไรเป็นการชั่วคราวหรือเปล่า และถ้าบริษัทนี้มีผลการดำเนินงานเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ จากตอนแรกที่เราซื้อ ถ้าใช่ก็คงต้องขายทิ้งอย่างเดียว
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
ปริศนาการลงทุน
โพสต์ที่ 29
ช่วยกันคิดไปเรื่อยๆ ก็เริ่มได้คำตอบที่เข้าเค้าแล้วล่ะครับ
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ