คุณรู้สึกอย่างไร
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 3
ประเด็นน่าสนใจครับ
เมื่อก่อนผมจะรู้สึกเหมือนซื้อผิดตัวยังไงไม่รู้ หลังๆรู้สึกดีเพราะเวลามาดูผลตอบแทนทั้งปีแล้ว หุ้นที่เราเลือกให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาดเสมอ ติดต่อกันมาหลายปี
แปลว่าในช่วงสั้นๆเราอาจจะสู้ไม่ได้ ตอนนี้ยก 6 ถูกซัดลงไปกองนับ 8 แต่พอยืนครบ 12 ยกก็ถูกชูมือทุกครั้ง
ตอนนี้กลายเป็นเสียใจแล้วครับถ้าหุ้นที่เราเลือกมันวิ่งไปพร้อม SET เพราะซื้อต่อไม่ได้
แต่จะว่าไปตอนนี้ผมกำลังปรับการกระจายการลงทุนครั้งใหญ่ในชีวิต ทำให้จะมีช่วง short ประมาณ 2 เดือน เลยต้องลดพอร์ตชั่วคราว มาจังหวะดีตรงที่หุ้นที่ผมตั้งใจจะ short ขึ้นสูงมากแล้ว ไม่งั้นคงไม่กล้าครับ เพราะบางตัว upside เยอะเหลือเกิน กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก
กลับมารอบหน้ายกแปดหวังว่าหุ้นจะถูกทุบติดดินซัก 320-360 แถมหุ้นที่เราเลือกก็โดนหางเลข panic ไปด้วยนะครับ อันนี้เป็นความหวังลึกๆครับ แต่สงสัยจะไม่ได้ นอกจากเฮีย Mon จะช่วยผมทุบ -- ล้อเล่นนะครับ
เมื่อก่อนผมจะรู้สึกเหมือนซื้อผิดตัวยังไงไม่รู้ หลังๆรู้สึกดีเพราะเวลามาดูผลตอบแทนทั้งปีแล้ว หุ้นที่เราเลือกให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาดเสมอ ติดต่อกันมาหลายปี
แปลว่าในช่วงสั้นๆเราอาจจะสู้ไม่ได้ ตอนนี้ยก 6 ถูกซัดลงไปกองนับ 8 แต่พอยืนครบ 12 ยกก็ถูกชูมือทุกครั้ง
ตอนนี้กลายเป็นเสียใจแล้วครับถ้าหุ้นที่เราเลือกมันวิ่งไปพร้อม SET เพราะซื้อต่อไม่ได้
แต่จะว่าไปตอนนี้ผมกำลังปรับการกระจายการลงทุนครั้งใหญ่ในชีวิต ทำให้จะมีช่วง short ประมาณ 2 เดือน เลยต้องลดพอร์ตชั่วคราว มาจังหวะดีตรงที่หุ้นที่ผมตั้งใจจะ short ขึ้นสูงมากแล้ว ไม่งั้นคงไม่กล้าครับ เพราะบางตัว upside เยอะเหลือเกิน กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก
กลับมารอบหน้ายกแปดหวังว่าหุ้นจะถูกทุบติดดินซัก 320-360 แถมหุ้นที่เราเลือกก็โดนหางเลข panic ไปด้วยนะครับ อันนี้เป็นความหวังลึกๆครับ แต่สงสัยจะไม่ได้ นอกจากเฮีย Mon จะช่วยผมทุบ -- ล้อเล่นนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 27
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 4
ผมไม่สนใจ set เท่าไหร่ แต่จะรู้สึกไม่ดี ถ้าหุ้นที่ผมถือไว้มันถูกปั่นขึ้นไปมากๆ(PTT,PTTEP เป็นตัวอย่าง) เพราะมันทำให้ผมค่อย ๆทยอยซื้อเพิ่มไม่ได้ ผมอยากให้หุ้นของผมค่อยๆขึ้นไปวันละนิดละหน่อย ช้าๆแต่หนักแน่นครับ อ้อ อีกอย่างพอมันขึ้นไปเยอะๆแล้ว มันจะเกิดกิเลส อยาก take profit อยู่เรื่อย
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 5
คุณ Mon Money ใจตรงกับผมเลย ผมตั้งใจที่จะ post เรื่องนี้พอดีเลยครับ เพราะผมว่ามันเป็นการทดสอบจิตใจของ VI จริงๆเลยครับ ว่าจะยึดมั่นในหลักการหรือถูกกิเลสพาไป ช่วงแรกๆที่ผมเปลี่ยนวิธีการลงทุนผมก็ใจสั่น กังวลมาก เพราะเป็นช่วงที่ท่านนายกชนะการเลือกตั้ง หุ้นยอดนิยมวิ่งกันอย่างมาก ในขณะที่หุ้นที่ผมลงทุนแทบไม่มีซื้อขาย ต้องทำใจแข็ง ถามตัวเองว่าเรากำลังทำอะไร เล่นการพนันหรือลงทุนในกิจการบริษัทที่เราซื้อ เนื่องจากมีประสบการณ์ในการลงทุนมาพอสมควร จึงปลอบใจตัวเองในช่วงนั้นว่า หุ้นยอดนิยมขึ้นแล้วก็ลง ซื้อแล้วก็นอนไม่ค่อยหลับ วันนี้กำไรพรุ่งนี้ที่กำไรก็ขาดทุน ไม่มีความแน่นอน พอเวลาผ่านไป หุ้นเหล่านั้นก็ตกลงเท่าเดิม ในขณะที่หุ้นที่ผมลงทุนเริ่มมีคนสนใจ สรุปแล้วผมได้ผลตอบแทนในการลงทุนที่ดีที่เดียว แถมไม่ต้องกังวลมาก หลังจากผ่านการลงทุนแบบ VI มานาน ทำให้จิตใจผมเข้มแข็ง และมั่นใจในแนวทางการลงทุนแบบนี้ แต่การลงทุนแบบ VI คุณต้องมีความรู้ที่มาก วิเคราะห์ให้เก่ง
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 10
ผมขอตัดหน้าเลยครับ
Margin of safety คือส่วนต่างของมูลค่า(Value) กับราคา(Price) ครับ เวลาVIซื้อหุ้นเราจะคิดว่า ราคาคือสิ่งที่เราจ่าย มูลค่าคือสิ่งที่เราได้ คล้ายกับซื้อสิ่งของทั่วไปนั่นแหละ ก่อนเราจะซื้อก็เปรียบเทียบกันมากมายจนแม่ค้ามองหน้า จนบางทีคิดว่าไม่คุ้มและเลิกคิดจะซื้อก็มี แต่บางคนอยากได้จนตัวสั่นแต่ไม่รู้ว่าซื้อแล้วเอาไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง แล้วก็ไม่เกิดคุณค่าอะไร ซื้อหุ้นก็คล้ายกันต้องคิดว่าซื้อหุ้นบริษัทนี้มีมูลค่ามากกว่าบริษัทอื่นหรือไม่(ในราคาเท่ากัน) แต่เท่าที่เห็น นักลงทุนบ้านเราไม่ค่อยคิดอย่างนั้นกันเท่าไร เห็นซื้อกันแบบง่ายๆ ง่ายกว่าการซื้อเงาะกับแม่ค้าข้างทางเสียอีก ซื้อเงาะยังต่อราคาเสียยกใหญ่ ซื้อหุ้นไม่เห็นต่อราคาเลยเท่าไรเท่ากันซิ เลือดขึ้นหน้าแล้ว
Margin of safety คือส่วนต่างของมูลค่า(Value) กับราคา(Price) ครับ เวลาVIซื้อหุ้นเราจะคิดว่า ราคาคือสิ่งที่เราจ่าย มูลค่าคือสิ่งที่เราได้ คล้ายกับซื้อสิ่งของทั่วไปนั่นแหละ ก่อนเราจะซื้อก็เปรียบเทียบกันมากมายจนแม่ค้ามองหน้า จนบางทีคิดว่าไม่คุ้มและเลิกคิดจะซื้อก็มี แต่บางคนอยากได้จนตัวสั่นแต่ไม่รู้ว่าซื้อแล้วเอาไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง แล้วก็ไม่เกิดคุณค่าอะไร ซื้อหุ้นก็คล้ายกันต้องคิดว่าซื้อหุ้นบริษัทนี้มีมูลค่ามากกว่าบริษัทอื่นหรือไม่(ในราคาเท่ากัน) แต่เท่าที่เห็น นักลงทุนบ้านเราไม่ค่อยคิดอย่างนั้นกันเท่าไร เห็นซื้อกันแบบง่ายๆ ง่ายกว่าการซื้อเงาะกับแม่ค้าข้างทางเสียอีก ซื้อเงาะยังต่อราคาเสียยกใหญ่ ซื้อหุ้นไม่เห็นต่อราคาเลยเท่าไรเท่ากันซิ เลือดขึ้นหน้าแล้ว
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 11
รบกวนอาจารย์ Mon ช่วยอธิบายเพิ่มเติมนิดนะครับ
- แปลว่ายิ่งราคาที่ซื้อน้อยกว่ามูลค่ายิ่งดีใช่ไหมครับ safety margin ที่ว่าเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าเหมาะสมครับ
- แล้ววิธีคิดมูลค่าคิดที่ผลการดำเนินงานปัจจุบันหรืออนาคตครับ
- แล้วมี factor เรื่องความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกหรือ Act of God บ้างหรือเปล่าครับ
- มีการนำคาดการณ์รายได้จาก capital gain มาคิดมูลค่าด้วยหรือเปล่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 107
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 12
Buffett มีพื้นฐานเริ่มจาก Graham คือศึกษาข้อมูลทางบัญชี (bv/roa/eps) ... ต่อมาพบว่าข้อมูลทางบัญชีตอบโจทย์ได้เพียงส่วนหนึ่ง
Peter Lynch ใช้วิธีศึกษาการบริหารงาน ศึกษาผู้บริหาร ศึกษาความได้เปรียบของบริษัทนั้นๆ นี่เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ขาดหายไป
มูลค่าที่แท้จริงของบริษัท = ประวัติย้อนหลัง(graham) + ความสามารถทำกำไรได้ในอนาคต (lynch) [ bv + intrinsic value ]
ทั้งหมด Buffett เชื่อว่ามูลค่าที่แท้จริงจะถูกสะท้อนไปยังมูลค่าหุ้นในที่สุด
Buffett เชื่อ Graham อย่างมากในเรื่อง Margin Of Safety
Margin Of Safety เท่าไหร่ถึงจะพอ คงตอบยาก ขึ้นอยู่กับว่าเราประเมินมูลค่าที่แท้จริงของบริษัทได้ถูกต้องมากน้อยแค่ไหน (เรามีข้อมูลและมั่นใจเท่าไหร่)
ถ้าข้อมูลครบมั่นใจ 100% Margin Of Safety อาจจะต่ำ เพราะถ้าหุ้นตก คุณก็ยังยิ้มได้
ถ้าข้อมูลครึ่งๆกลางๆ Margin Of Safety คงต้องสูงตามไปด้วย เพราะพอตลาดแกว่ง คุณก็ยังยิ้มได้ (แหยๆนิดหน่อย) เช่นกัน
เรื่องการแกว่งตัวของราคา คุณ CK น่าจะไม่เป็นรองใคร
เรื่องการหาข้อมูลยากๆข้างบน อาจารย์ Mon คงตอบได้ดีกว่า (ไม่ต้องแย่งครับคราวนี้ โยนให้เลย)
นั่นเป็นบทสรุปที่ได้จากการอ่าน The Warren Buffett Way
ถูกผิดแค่ไหน ค้นคว้าวิจารณ์กันต่อครับ ผมเองเป็นพวกบ้าหลักการ(เริ่มปีนี้) แต่ทำจริงไม่เป็นโล้เป็นพายเท่าไหร่ อิ อิ...
Peter Lynch ใช้วิธีศึกษาการบริหารงาน ศึกษาผู้บริหาร ศึกษาความได้เปรียบของบริษัทนั้นๆ นี่เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ขาดหายไป
มูลค่าที่แท้จริงของบริษัท = ประวัติย้อนหลัง(graham) + ความสามารถทำกำไรได้ในอนาคต (lynch) [ bv + intrinsic value ]
ทั้งหมด Buffett เชื่อว่ามูลค่าที่แท้จริงจะถูกสะท้อนไปยังมูลค่าหุ้นในที่สุด
Buffett เชื่อ Graham อย่างมากในเรื่อง Margin Of Safety
Margin Of Safety เท่าไหร่ถึงจะพอ คงตอบยาก ขึ้นอยู่กับว่าเราประเมินมูลค่าที่แท้จริงของบริษัทได้ถูกต้องมากน้อยแค่ไหน (เรามีข้อมูลและมั่นใจเท่าไหร่)
ถ้าข้อมูลครบมั่นใจ 100% Margin Of Safety อาจจะต่ำ เพราะถ้าหุ้นตก คุณก็ยังยิ้มได้
ถ้าข้อมูลครึ่งๆกลางๆ Margin Of Safety คงต้องสูงตามไปด้วย เพราะพอตลาดแกว่ง คุณก็ยังยิ้มได้ (แหยๆนิดหน่อย) เช่นกัน
เรื่องการแกว่งตัวของราคา คุณ CK น่าจะไม่เป็นรองใคร
เรื่องการหาข้อมูลยากๆข้างบน อาจารย์ Mon คงตอบได้ดีกว่า (ไม่ต้องแย่งครับคราวนี้ โยนให้เลย)
นั่นเป็นบทสรุปที่ได้จากการอ่าน The Warren Buffett Way
ถูกผิดแค่ไหน ค้นคว้าวิจารณ์กันต่อครับ ผมเองเป็นพวกบ้าหลักการ(เริ่มปีนี้) แต่ทำจริงไม่เป็นโล้เป็นพายเท่าไหร่ อิ อิ...
- ปรัชญา1
- Verified User
- โพสต์: 1092
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 13
คิดถึงอดีตเมื่อ10กว่าปีที่ผ่านมา
รอบนั้นต่างชาติลาก ปตท.สผ. จาก50บาทไปถึง1200กว่าบาท
และทุกคนก็แทบเอาตัวไม่รอดรวมถึงผมด้วย บาดเจ็บสาหัส
จำได้ว่าคุณนิวัติ ................
เข้าไปใช้ปืนจ่อคางเหนียวไกยิงตัวเอง...
ให้คุณเสรี ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์สมัยนั้นยืนดู
ท่ามกลางกล้องทีวีทุกช่องและผู้สื่อข่าวเต็มไปหมด
รวมทั้งนักลงทุนที่ยืนดูด้วยใจระทึก
ที่ยิงตัวเองเพราะไปเีรียกร้องเรื่อง...ด้วยระบบมาร์จิ้น
ที่บังคับหุ้นขาย และติดหนี้สินกับบริษัทหลักทรัพย์เป็นร้อยล้านบาท
ครอบครัวแตกแยก
หมดเงิน
หมดหุ้น หมดตัว
หมดครอบครัว
สุดท้ายหมดความสุข
อยากตาย....แต่ไม่ตาย
ทุกวันนี้เขายังไม่ตาย
แต่ไม่ได้ออกทีวีอีก มันเสียภาพพจน์
อนาคตจะมีแบบนี้อีกหรือเปล่า
เป็นคำถามอยู่ในใจของผม
จะรอดู.......เส้นทางนักเก็งกำไร..............................
รอบนั้นต่างชาติลาก ปตท.สผ. จาก50บาทไปถึง1200กว่าบาท
และทุกคนก็แทบเอาตัวไม่รอดรวมถึงผมด้วย บาดเจ็บสาหัส
จำได้ว่าคุณนิวัติ ................
เข้าไปใช้ปืนจ่อคางเหนียวไกยิงตัวเอง...
ให้คุณเสรี ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์สมัยนั้นยืนดู
ท่ามกลางกล้องทีวีทุกช่องและผู้สื่อข่าวเต็มไปหมด
รวมทั้งนักลงทุนที่ยืนดูด้วยใจระทึก
ที่ยิงตัวเองเพราะไปเีรียกร้องเรื่อง...ด้วยระบบมาร์จิ้น
ที่บังคับหุ้นขาย และติดหนี้สินกับบริษัทหลักทรัพย์เป็นร้อยล้านบาท
ครอบครัวแตกแยก
หมดเงิน
หมดหุ้น หมดตัว
หมดครอบครัว
สุดท้ายหมดความสุข
อยากตาย....แต่ไม่ตาย
ทุกวันนี้เขายังไม่ตาย
แต่ไม่ได้ออกทีวีอีก มันเสียภาพพจน์
อนาคตจะมีแบบนี้อีกหรือเปล่า
เป็นคำถามอยู่ในใจของผม
จะรอดู.......เส้นทางนักเก็งกำไร..............................
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 14
ขอบคุณครับคุณ THiNK
สรุปแล้วคำว่า margin of safety (ขอเรียก mos เพื่อความกระทัดรัด) คือมาตรวัดการป้องกันความตกใจเนื่องมาจากราคาผันผวนใช่ไหมครับ
มันวัดกันเป็น % หรือเป็น จำนวนเงินครับ อันนี้เป็นเทอมที่พูดกันว่า "มี" หรือ "ไม่มี" หรือสามารถคำนวณเป็นตัวเลขได้ครับ
สมมุตินะครับ ผมเลือกหุ้นได้ตัวนึง ราคาตอนนี้ 100 บาท คาดปันผล 12 บาท ผมประเมินมูลค่าของหุ้นสิ้นปีนี้ที่ 120 บาท และ 150 บาทปีหน้า ราคา 100 บาทถือว่ามี mos หรือยังครับ
สรุปแล้วคำว่า margin of safety (ขอเรียก mos เพื่อความกระทัดรัด) คือมาตรวัดการป้องกันความตกใจเนื่องมาจากราคาผันผวนใช่ไหมครับ
มันวัดกันเป็น % หรือเป็น จำนวนเงินครับ อันนี้เป็นเทอมที่พูดกันว่า "มี" หรือ "ไม่มี" หรือสามารถคำนวณเป็นตัวเลขได้ครับ
สมมุตินะครับ ผมเลือกหุ้นได้ตัวนึง ราคาตอนนี้ 100 บาท คาดปันผล 12 บาท ผมประเมินมูลค่าของหุ้นสิ้นปีนี้ที่ 120 บาท และ 150 บาทปีหน้า ราคา 100 บาทถือว่ามี mos หรือยังครับ
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 15
เมื่อก่อนเป็นเฮียตอนนี้ยกให้เป็นจารย์เลยหรือครับ มิกล้า...มิกล้า
MOSของที่ป๋าCKอยากรู้นะมันคือ ......เอาเป็นว่า เมื่อมีวันหนึ่งมีเพื่อนรุ่นเดียวกันของป๋าซึ่งไม่เจอกันมานานมากๆ จู่ๆมาหาป๋าด้วยสีหน้ามีความหวังอย่างมาก เขาต้องการเงินด่วนมากแต่ตัวเองไม่มีเงิน จึงแบกความหวังมาหาป๋าดังว่า แต่เขาไม่ได้มามือเปล่าเพราะเชื่อว่าป๋าตืดเอาการ จึงเอาโฉนดที่ดินสิบไร่แถวถนนสาธรมาขายให้ป๋าในราคาห้าล้านบาท(อาจจะเกินจริงไปหน่อย...ทนๆหน่อยนะ) ป๋ารู้อยู่แก่ใจว่าราคามันไม่น่าจะต่ำกว่ายี่สิบล้านแน่ๆ แต่ด้วยความรักเพื่อนจึงเซ็นต์เช็คทันทีอย่างไม่รอช้า(รีบไปโอนทันทีก่อนเลย...กลัวเปลียนใจ) ผลต่างของราคากับมูลค่าที่แท้จริงของทีดินเท่ากับสิบห้าล้าน MOSของป๋าก็เท่ากับสิบห้าล้าน ถ้าเป็น%ก็ลองคิดเอาเองนะป๋า
- แปลว่ายิ่งราคาที่ซื้อน้อยกว่ามูลค่ายิ่งดีใช่ไหมครับ safety margin ที่ว่าเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าเหมาะสมครับ ............ลองใช้ตัวอย่างดูนะครับ
- แล้ววิธีคิดมูลค่าคิดที่ผลการดำเนินงานปัจจุบันหรืออนาคตครับ......อดีตบอกบางส่วนของอนาคตเท่านั้นครับ แต่อนาคตต้องตรวจสอบพื้นฐานปัจจุปันและประมาณอนาคต
- แล้วมี factor เรื่องความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกหรือ Act of God บ้างหรือเปล่าครับ......เรื่องนี้ไม่มีใครช่วยได้ครับ ทางที่ดี MOSมากๆเข้าไว้จะดีครับ
- มีการนำคาดการณ์รายได้จาก capital gain มาคิดมูลค่าด้วยหรือเปล่าครับ.....มูลค่าหาได้จากความสามารถในการสร้างเงินสดของกิจการครับ ดังนั้นมองหุ้นให้มองที่ธุรกิจ เหมือนดูช้างให้ดูที่หางดูนางให้ดูที่แม่ครับ
[/i]
MOSของที่ป๋าCKอยากรู้นะมันคือ ......เอาเป็นว่า เมื่อมีวันหนึ่งมีเพื่อนรุ่นเดียวกันของป๋าซึ่งไม่เจอกันมานานมากๆ จู่ๆมาหาป๋าด้วยสีหน้ามีความหวังอย่างมาก เขาต้องการเงินด่วนมากแต่ตัวเองไม่มีเงิน จึงแบกความหวังมาหาป๋าดังว่า แต่เขาไม่ได้มามือเปล่าเพราะเชื่อว่าป๋าตืดเอาการ จึงเอาโฉนดที่ดินสิบไร่แถวถนนสาธรมาขายให้ป๋าในราคาห้าล้านบาท(อาจจะเกินจริงไปหน่อย...ทนๆหน่อยนะ) ป๋ารู้อยู่แก่ใจว่าราคามันไม่น่าจะต่ำกว่ายี่สิบล้านแน่ๆ แต่ด้วยความรักเพื่อนจึงเซ็นต์เช็คทันทีอย่างไม่รอช้า(รีบไปโอนทันทีก่อนเลย...กลัวเปลียนใจ) ผลต่างของราคากับมูลค่าที่แท้จริงของทีดินเท่ากับสิบห้าล้าน MOSของป๋าก็เท่ากับสิบห้าล้าน ถ้าเป็น%ก็ลองคิดเอาเองนะป๋า
- แปลว่ายิ่งราคาที่ซื้อน้อยกว่ามูลค่ายิ่งดีใช่ไหมครับ safety margin ที่ว่าเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าเหมาะสมครับ ............ลองใช้ตัวอย่างดูนะครับ
- แล้ววิธีคิดมูลค่าคิดที่ผลการดำเนินงานปัจจุบันหรืออนาคตครับ......อดีตบอกบางส่วนของอนาคตเท่านั้นครับ แต่อนาคตต้องตรวจสอบพื้นฐานปัจจุปันและประมาณอนาคต
- แล้วมี factor เรื่องความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกหรือ Act of God บ้างหรือเปล่าครับ......เรื่องนี้ไม่มีใครช่วยได้ครับ ทางที่ดี MOSมากๆเข้าไว้จะดีครับ
- มีการนำคาดการณ์รายได้จาก capital gain มาคิดมูลค่าด้วยหรือเปล่าครับ.....มูลค่าหาได้จากความสามารถในการสร้างเงินสดของกิจการครับ ดังนั้นมองหุ้นให้มองที่ธุรกิจ เหมือนดูช้างให้ดูที่หางดูนางให้ดูที่แม่ครับ
[/i]
-
- Verified User
- โพสต์: 55
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 19
พี่ ตอนนี้ หุ้น กลุ่ม ของทุนสิงคโปร์ ไม่น่าลงทุน ใช่มั้ย ครับ
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 20
ผมไม่ซื้อหุ้นที่ราคาสูงจนประเมินแล้วเงินปันผลในอนาคตไม่มีทางทำให้ถอนทุนได้เป็นอันขาด
วิธีนี้ตอนตลาดหุ้นวิ่งเราอาจได้แต่นั่งมองคนอื่นรวย แต่ตอนฟองสบู่แตกเรายังมีเงินปันผลที่เป็นทีพึ่งได้
หวังพึ่งบริษัท อย่าหวังพึ่งตลาด
วิธีนี้ตอนตลาดหุ้นวิ่งเราอาจได้แต่นั่งมองคนอื่นรวย แต่ตอนฟองสบู่แตกเรายังมีเงินปันผลที่เป็นทีพึ่งได้
หวังพึ่งบริษัท อย่าหวังพึ่งตลาด
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1435
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 21
มือกลางเก่า กลางใหม่ แต่ใจยังสั่น
แต่ถึงใจสั่น แต่ยังคุมมือไม่ให้เคาะ ได้
ยิ่งนึกถึงหน้า หล่อๆ ดุๆ ของ เฮีย มนตรีแล้ว
ยิ่งไม่กล้าเคาะ แต่ ต้องรีบไปอ่านหนังสือ ดูงบ ดูกิจการ ทำการบ้านก่อนซื้อ
ส่วนเรื่องพี่ MOS ปฎิภาณ แล้วแต่กิจการและผู้บริหาร นะผมว่า บางอันควรมีมาก ถ้าเจออย่างผู้บริหารหนีคดีปั่นหุ้น แต่กิจการกำลังไปได้ดี แล้วคิดจะเล่นรอบ พี่ MOS ซํก 80% เป็นไง
ปล.ความเสี่ยงมาพร้อมกับความเสียว VIเดี่ยวๆ ไม่ชอบเสียว ไม่ชอบเสี่ยง
ปล. ท่าน CK คุณบอล คุณคัดท้าย คิดว่า มีความรู้เรื่องกิจการไฟ เป็นอย่างดี จึงได้เห็นลงทุนในไฟ
แต่ถึงใจสั่น แต่ยังคุมมือไม่ให้เคาะ ได้
ยิ่งนึกถึงหน้า หล่อๆ ดุๆ ของ เฮีย มนตรีแล้ว
ยิ่งไม่กล้าเคาะ แต่ ต้องรีบไปอ่านหนังสือ ดูงบ ดูกิจการ ทำการบ้านก่อนซื้อ
ส่วนเรื่องพี่ MOS ปฎิภาณ แล้วแต่กิจการและผู้บริหาร นะผมว่า บางอันควรมีมาก ถ้าเจออย่างผู้บริหารหนีคดีปั่นหุ้น แต่กิจการกำลังไปได้ดี แล้วคิดจะเล่นรอบ พี่ MOS ซํก 80% เป็นไง
ปล.ความเสี่ยงมาพร้อมกับความเสียว VIเดี่ยวๆ ไม่ชอบเสียว ไม่ชอบเสี่ยง
ปล. ท่าน CK คุณบอล คุณคัดท้าย คิดว่า มีความรู้เรื่องกิจการไฟ เป็นอย่างดี จึงได้เห็นลงทุนในไฟ
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 22
นักลงทุนแนวอื่นเขาชอบแซวว่า มีเส้นบางๆ ระหว่างการมุ่งมั้นที่จะการลงทุนระยะยาวกับการติดหุ้น เขาบอกว่า VI ติดดอยแล้วไม่ขายเพราะบอกว่ามูลค่าหุ้นยังเท่าเดิมเป็นการหลอกตัวเองชนิดหนึ่ง
พวกท่านว่าไง
พวกท่านว่าไง
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- BOONPARUEY
- Verified User
- โพสต์: 184
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 23
... กระทู้คุณค่า ...
... :cheers: ...
... :cheers: ...
... " บุญ คือ เสบียงของคนไม่ประมาท " พุทธตรัส ...
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 1
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 24
ขออนุญาตขุดกระทู้คุณค่ากระทู้นี้น่ะครับ :)
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 26
กระทู้นี้มีแต่รุ่นเดอะครับ
ขออ่านอย่างเดียว ไม่กล้าแสดงความเห็น
ขออ่านอย่างเดียว ไม่กล้าแสดงความเห็น
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
-
- Verified User
- โพสต์: 503
- ผู้ติดตาม: 0
คุณรู้สึกอย่างไร
โพสต์ที่ 30
ปรัชญา1
Regular
Joined: 10 Jun 2003
Posts: 1099
Location: ณ.ดินแดนที่ราบสูง เมืองดอกคูณเสียงแคน
Posted: Tue Jun 17, 2003 9:50 pm Post subject:
--------------------------------------------------------------------------------
คิดถึงอดีตเมื่อ10กว่าปีที่ผ่านมา
รอบนั้นต่างชาติลาก ปตท.สผ. จาก50บาทไปถึง1200กว่าบาท
และทุกคนก็แทบเอาตัวไม่รอดรวมถึงผมด้วย บาดเจ็บสาหัส
จำได้ว่าคุณนิวัติ ................
เข้าไปใช้ปืนจ่อคางเหนียวไกยิงตัวเอง...
ให้คุณเสรี ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์สมัยนั้นยืนดู
ท่ามกลางกล้องทีวีทุกช่องและผู้สื่อข่าวเต็มไปหมด
รวมทั้งนักลงทุนที่ยืนดูด้วยใจระทึก
ที่ยิงตัวเองเพราะไปเีรียกร้องเรื่อง...ด้วยระบบมาร์จิ้น
ที่บังคับหุ้นขาย และติดหนี้สินกับบริษัทหลักทรัพย์เป็นร้อยล้านบาท
ครอบครัวแตกแยก
หมดเงิน
หมดหุ้น หมดตัว
หมดครอบครัว
สุดท้ายหมดความสุข
อยากตาย....แต่ไม่ตาย
เป็นข้อความเตือนสติที่ดีครับ
ผม ก็ผ่านประสพการณ์นั้นมาเเบบ หมดสภาพจิตตก
เเต่ไม่ถึงกับทำเเบบนั้นเพราะมีทางเลือก
นี้เป็นเหตุผลในหลายๆครั้ง ที่โพสเตือนน้องๆ ที่เข้ามาลงทุนใหม่
ให้ระวังในการใช้มาร์จิ้นเเละการเก็งกำไร
การลงทุนทุกครั้งมีความเสี่ยงเเต่ไม่ใช่เสี่ยงเเบบการพนัน
Regular
Joined: 10 Jun 2003
Posts: 1099
Location: ณ.ดินแดนที่ราบสูง เมืองดอกคูณเสียงแคน
Posted: Tue Jun 17, 2003 9:50 pm Post subject:
--------------------------------------------------------------------------------
คิดถึงอดีตเมื่อ10กว่าปีที่ผ่านมา
รอบนั้นต่างชาติลาก ปตท.สผ. จาก50บาทไปถึง1200กว่าบาท
และทุกคนก็แทบเอาตัวไม่รอดรวมถึงผมด้วย บาดเจ็บสาหัส
จำได้ว่าคุณนิวัติ ................
เข้าไปใช้ปืนจ่อคางเหนียวไกยิงตัวเอง...
ให้คุณเสรี ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์สมัยนั้นยืนดู
ท่ามกลางกล้องทีวีทุกช่องและผู้สื่อข่าวเต็มไปหมด
รวมทั้งนักลงทุนที่ยืนดูด้วยใจระทึก
ที่ยิงตัวเองเพราะไปเีรียกร้องเรื่อง...ด้วยระบบมาร์จิ้น
ที่บังคับหุ้นขาย และติดหนี้สินกับบริษัทหลักทรัพย์เป็นร้อยล้านบาท
ครอบครัวแตกแยก
หมดเงิน
หมดหุ้น หมดตัว
หมดครอบครัว
สุดท้ายหมดความสุข
อยากตาย....แต่ไม่ตาย
เป็นข้อความเตือนสติที่ดีครับ
ผม ก็ผ่านประสพการณ์นั้นมาเเบบ หมดสภาพจิตตก
เเต่ไม่ถึงกับทำเเบบนั้นเพราะมีทางเลือก
นี้เป็นเหตุผลในหลายๆครั้ง ที่โพสเตือนน้องๆ ที่เข้ามาลงทุนใหม่
ให้ระวังในการใช้มาร์จิ้นเเละการเก็งกำไร
การลงทุนทุกครั้งมีความเสี่ยงเเต่ไม่ใช่เสี่ยงเเบบการพนัน