อยากจะเป็นนักลงทุน VI ต้องเก่ง Marketing แค่ไหน? / Pocket investor

[Pocket investor]

Investor's practice: สวัสดีทุกท่านครับ วันนี้ผมจะมาแชร์มุมมองเกี่ยวกับความรู้ด้าน "Marketing" ที่มาใช้ในการลงทุนแบบ VI ในฐานะที่ผมจบด้านการตลาดและทำงานประจำในหน่วยงานการตลาด จะมีความคิดเห็นอย่างไร ลองมาดูกันเลย!
.
ถ้าพูดถึงเรื่องการลงทุนแล้ว หลายๆท่านคงจะนึกถึงวิชา "การเงินและการบัญชี" ที่ใช้ในการอ่านงบการเงินและการประเมินมูลค่า แต่ส่วนตัวคิดว่าอีกศาสตร์ที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน คือ "การตลาด" ครับ ขนาดที่อาจารย์ของเหล่า VI ไทย ยังเคยพูดว่า
.
"คุณต้องดูเรื่องการตลาดก่อน ดูตัวสินค้าของบริษัทต้องมีความโดดเด่น ทำไมต้องใช้สินค้านี้ แล้วค่อยมาดูตัวเลขงบการเงิน"
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
.
ก่อนจะไปดูว่า Marketing สำคัญอย่างไร ผมขออธิบายความหมายของคำว่า Marketing ก่อนครับ
.
คนทั่วๆไปมักจะคิดว่า Marketing = Promotion หรือการโฆษณาประชาสัมพันธ์ นั่นแหละ แต่แท้จริงแล้ว Promotion เป็นแค่เพียงองค์ประกอบหนึ่งของการทำ Marketing เท่านั้น
.
แต่แก่นของ Marketing จริงๆ คือ การทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง การวิเคราะห์สถานการณ์ของธุรกิจ การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย วางตำแหน่งในการแข่งขัน วางแผนกลยุทธ์และดำเนินงานทางการตลาด (กลยุทธ์สินค้าและบริการ, การวางกลยุทธ์ราคา, การบริหารช่องทางการขาย, การสื่อสารการตลาด)
.
ทั้งหมดเพื่อสร้าง Value และตอบสนองความต้องการของลูกค้า และสร้างผลตอบแทนกลับมาให้กิจการ หน่วยงาน Sales & Marketing จึงเปรียบเสมือน "กองหน้าของกิจการ" ที่มีหน้าที่สร้างยอดขายและกำไรกลับมา
.
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่น การออกสินค้าใหม่ที่ตรงใจและเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า การขยายตลาดใหม่ๆจับกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ การสร้างแบรนด์ให้มีค่า Premium และตั้งราคาได้สูง
.
ดังนั้น บริษัทที่ทำการตลาดได้ดีก็มักจะเป็นกิจการที่ดี ที่สามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน สร้างการเติบโตและผลกำไรที่ดีให้กิจการได้
.
สำหรับนักลงทุนแล้ว ส่วนตัวผมคิดว่าถ้าคุณพอมีความเข้าใจในด้านการตลาดบ้าง จะช่วยให้คุณเข้าใจกิจการมากขึ้น เข้าใจคุณค่าของสินค้าและความต้องการของลูกค้าได้ดี วิเคราะห์การแข่งขันในธุรกิจได้ดีและเห็น "ผู้ชนะ" ได้ชัดเจนมากขึ้น
.
ซึ่งทั้งหมดเป็นปัจจัยสำคัญที่ใช้ในการคัดเลือกกิจการที่ดีเยี่ยม และใช้ทำนาย "อนาคต" ของกิจการ ต่างจากการดูตัวเลขทางการเงินเพียงอย่างเดียว ที่ส่วนมากมักจะบอกแค่ผลงานใน "อดีต"
.
อย่างไรก็ตามการตลาด เป็นวิชาที่เป็นทั้ง "ศาสตร์และศิลป์" คนที่มีความรู้มากกว่าไม่ได้แปลว่าจะทำการตลาดได้ดีกว่า หลักการตลาดทำให้คุณมีกรอบความคิดที่ถูกทางเท่านั้น แต่ต้องนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมตามสถานการณ์นั้นๆ
.
การทำตลาดที่ประสบความสำเร็จจริงๆนั้น จึงต้องอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณ เพื่อให้เห็นโอกาสในตลาดและวางกลยุทธ์ได้ถูกต้อง ผสมกับจินตนาการในการสร้างสรรค์แผนงานที่แปลกใหม่ รวมถึงการ Execution ตามแผนงานที่วางไว้ ทำให้เกิดผลจริง
.
ซึ่งทั้งหมดนั้น "ไม่ได้เป็นหน้าที่ของนักลงทุน" คุณไม่จำเป็นต้องคิดกลยุทธ์เอง ไม่ต้องเก่งในการวางแผนการขาย และไม่ต้องผลักดันแผนงานให้เกิดการปฎิบัติจริง เพราะ มันเป็นหน้าที่ของนักการตลาดที่ทำงานในกิจการ
.
ดังนั้น ส่วนตัวคิดว่า Skill ทางการตลาดที่จำเป็นสำหรับนักลงทุน คือ "การวิเคราะห์ข้อมูล" เพื่อให้คุณเข้าใจตัวธุรกิจ โอกาสในตลาด ความต้องการของลูกค้าและการแข่งขัน และมองออกว่ากลยุทธ์ที่บริษัททำอยู่มันมีโอกาส Success แค่ไหน
.
"นักลงทุน VI จึงเป็นนักสังเกตการตลาด มากกว่าการเป็นนักการตลาดที่ต้องลงมือทำจริงๆ"
.
และอีก Skill ทางการตลาดที่อาจจะไม่ถึงกับจำเป็นมากนัก สำหรับนักลงทุน VI แต่ถ้าคุณทำได้ดีน่าจะเป็นสิ่งที่ดี นั่นก็คือ "การวิจัยตลาด" ที่สามารถนำมาปรับใช้กับการแกะรอยกิจการเชิงลึกหรือที่ในวงการ VI เรียกว่า การทำ "Scuttlebutt" นั่นแหละครับ ถ้าคุณมี Skill "การขุด Insights" ที่ดี คุณก็อาจจะได้ข้อมูลกิจการเชิงลึกกว่าคนอื่นๆ
.
สรุป คือ นักลงทุน VI ควรต้องพอจะวิเคราะห์ Product-Market fit ได้ เข้าใจภาพการแข่งขันในตลาด และพอจะบอกได้ว่าผู้เล่นคนไหนกำลังได้เปรียบหรือเสียเปรียบ ซึ่งเอาเข้าจริงๆ มันไม่ได้เป็นเรื่องยากเลย คุณแค่ต้องคิดแบบใช้ "Common sense" ตามเหตุและผล ที่สำคัญ คือ ต้องวิเคราะห์อย่าง "ไม่มีอคติ" (อันนี้แหละยากกว่า)
.
ทั้งหมดเป็นแค่มุมมองของผมเพียงคนเดียว อาจจะถูกบ้างผิดบ้างนะครับ ใครมีความคิดเห็นอย่างไรสามารถ comment มาคุยกันได้เลยนะครับ : )
Writer: Pocket investor

[Peter1011]

สำหรับผมแล้ว สิ่งที่ยากกว่ามองแบบไม่ bias นั้นคือการไม่ตกหล่นและการดูให้ลึกขึ้นในการหาแหล่งข้อมูลที่ดีและการมองดูว่าข้อมูลไหนนั้นเป็นประโยชน์ (มีเนื้อ) จริง คุณมองประเด็นนี้ในแง่ไหนครับ

[Pocket investor]

สำหรับผมแล้ว สิ่งที่ยากกว่ามองแบบไม่ bias นั้นคือการไม่ตกหล่นและการดูให้ลึกขึ้นในการหาแหล่งข้อมูลที่ดีและการมองดูว่าข้อมูลไหนนั้นเป็นประโยชน์ (มีเนื้อ) จริง คุณมองประเด็นนี้ในแง่ไหนครับ

เห็นด้วยครับ ขอเสริมประเด็นนี้ครับ
1. ทุกวันนี้แหล่งข้อมูลมีเยอะมาก มีทั้งที่นำเสนอตรงไปตรงมาเน้น Fact กับแบบที่เน้นความคิดเห็นเยอะๆ แถมบางครั้งเอาข้อมูลตัวเลขมา "บิดมุมเล่า" ให้ Support กับสิ่งที่ผู้เล่าอยากจะโน้มน้าว สิ่งสำคัญ คือ การเสพข้อมูลแบบมีสติ อย่าเชื่อทันที ต้องแยก Fact กับ Opinion ออกจากกันก่อน พิจารณา Fact ว่ามีความเป็นไปได้มากแค่ไหน
2. การดูรายละเอียดมากๆจากข้อมูลหลายๆแหล่งเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องไม่ลืมมองภาพใหญ่ครับ