วีไอพันธ์ุแท้ตายไปหรือยังกับตลาดหุ้นยุคปัจจุบัน
- zirkanat
- Verified User
- โพสต์: 177
- ผู้ติดตาม: 0
วีไอพันธ์ุแท้ตายไปหรือยังกับตลาดหุ้นยุคปัจจุบัน
โพสต์ที่ 1
พอดีได้มีโอกาสเข้าไปอยู่ในหลายๆกลุ่มหุ้น vi แล้วพบว่าร้อยละ80ในกลุ่มนั้นๆจะนิยมการลงทุนแนวเก็งกำไรผลประกอบการรายไตรมาส หรือโมเมนตัมของตลาด หมุนหุ้นไปเรื่อยๆ หุ้นที่ถือก็ถือไม่ได้ยาวนานอะไร (ไม่ใช่หุ้นปั่นนะครับ ) แล้วก็เหมือนทุกคนจะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำกันไปด้วย เลยทำให้เกิดข้อสงสัยในฐานะที่ผมคิดว่าตัวเองเป็น vi ที่ค่อนข้างมองระยะยาว ไม่ได้สนใจผลประกอบรายไตรมาสอะไรขนาดนั้น ถือหุ้นแต่ละตัวก็หวังเติบโตไปพร้อมๆกับบริษัท ถือไปเรื่อยๆตราบใดที่ปัจจัยพื้นฐานยังไม่เปลี่ยน หุ้นที่เลือกลงทุนก็เป็นหุ้นเติบโตที่มี dca ในตัวเอง หรือหากไม่มี dca ก็จะเลือกอุตสาหกรรมที่ยังใหญ่มาก ยังมีช่องให้เติบโต แต่พอหันไปมองคนที่เน้นหุ้นแบบเล่นหมุนไปตามธีมแต่ละช่วง แล้วหันมามองพอร์ทตัวเองก็มีความรู้สึกโหวงๆเล็กๆ 555 ไม่ใช่ว่าหวั่นใจหรืออยากเปลี่ยนแนวการลงทุนนะครับ เพียงแค่รู้สึกอิจฉาที่พวกเขาเก่งมากๆที่หาหุ้นเล่นได้เยอะขนาดนั้น และดูเหมือนหลายๆคนที่ลงทุนแบบนั้นก็กำไรเป็นกอบเป็นกำซะด้วย จึงเกิดคำถามที่ว่า หรือว่าการลงทุนแบบ vi พันธ์ึแท้ในไทยนั้นได้ตายไปแล้ว แต่กลายเป็นการลงทุนแบบจับจังหวะโมเมนตัมมาแทน คิดเห็นกันอย่างไรครับ
20 yrs game, stay focus, stay invest.
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
Re: วีไอพันธ์ุแท้ตายไปหรือยังกับตลาดหุ้นยุคปัจจุบัน
โพสต์ที่ 2
VI พันธุ์แท้คืออะไรเหรอครับ?
พันธุ์แท้คล้ายๆ กับ สายพันธุ์ของสัตว์ที่เกิดมาเป็นอะไรแล้วก็ต้องเป็นไปแบบนั้น ได้รับการ Breeding มาจากพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ แล้วก็มี Pet Degree อะไรแบบนั้นรึเปล่า? เกิดมาก็เป็นแบบนั้น และจะตายไปกับความเป็นแบบนั้น
โดยส่วนตัว ผมคิดว่า VI เป็นแค่หลักการลงทุนวิธีหนึ่ง ที่อาจจะได้กำไรมากในช่วงหนึ่ง และได้กำไรน้อยในอีกช่วงหนึ่ง ที่เป็นได้ยาก และเหมาะกับ Mindset ของคนส่วนน้อยยิ่งกว่าน้อย
นักลงทุนส่วนใหญ่ ผมคิดว่าไม่ได้รู้จักตัวเองมากพอที่จะบอกได้ว่า ผมเป็น VI เพราะ ผมมี Mindset แบบ VI ที่มีความสุขกับการเป็น VI แม้ว่าจะแพ้ตลาดเละตุ้มเป๊ะ แต่ก็พอใจกับการได้ผลตอบแทนพอประมาณ ในแบบของ VI
ส่วนใหญ่นักลงทุนที่บอกว่าตัวเองเป็น VI ไม่ได้เป็น VI
โดยส่วนตัว ผมก็ไม่ใช่ VI ผมแค่เป็นนักลงทุนที่ซื้อหุ้นที่ตัวไม่เข้าใจและหามูลค่าไม่เป็น แล้วไม่สามารถถือได้อย่างสบายใจ ก็เท่านั้นเอง
พันธุ์แท้คล้ายๆ กับ สายพันธุ์ของสัตว์ที่เกิดมาเป็นอะไรแล้วก็ต้องเป็นไปแบบนั้น ได้รับการ Breeding มาจากพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ แล้วก็มี Pet Degree อะไรแบบนั้นรึเปล่า? เกิดมาก็เป็นแบบนั้น และจะตายไปกับความเป็นแบบนั้น
โดยส่วนตัว ผมคิดว่า VI เป็นแค่หลักการลงทุนวิธีหนึ่ง ที่อาจจะได้กำไรมากในช่วงหนึ่ง และได้กำไรน้อยในอีกช่วงหนึ่ง ที่เป็นได้ยาก และเหมาะกับ Mindset ของคนส่วนน้อยยิ่งกว่าน้อย
นักลงทุนส่วนใหญ่ ผมคิดว่าไม่ได้รู้จักตัวเองมากพอที่จะบอกได้ว่า ผมเป็น VI เพราะ ผมมี Mindset แบบ VI ที่มีความสุขกับการเป็น VI แม้ว่าจะแพ้ตลาดเละตุ้มเป๊ะ แต่ก็พอใจกับการได้ผลตอบแทนพอประมาณ ในแบบของ VI
ส่วนใหญ่นักลงทุนที่บอกว่าตัวเองเป็น VI ไม่ได้เป็น VI
โดยส่วนตัว ผมก็ไม่ใช่ VI ผมแค่เป็นนักลงทุนที่ซื้อหุ้นที่ตัวไม่เข้าใจและหามูลค่าไม่เป็น แล้วไม่สามารถถือได้อย่างสบายใจ ก็เท่านั้นเอง
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
Re: วีไอพันธ์ุแท้ตายไปหรือยังกับตลาดหุ้นยุคปัจจุบัน
โพสต์ที่ 3
ดร นิเวศน์ก็บอกว่าตัวเองเป็น vi นะครับ และยังบอกด้วยว่าเป็น vi พันธ์แท้ แบบนี้คือจะบอกว่าท่านไม่เป็น vi เหรอครับ ? ส่วนตัวผมก็จำกัดความตัวเองว่าเป็น vi ก็ชนะตลาดปกตินะครับ โดยส่วนตัวผมคิดว่าการจำกัดความตัวเอง เข้าใจตัวเองว่าเป็นแบบไหน ทำให้เราไม่ไขว้เขวไปกับการลงทุนแนวอื่นที่เราอาจจะไม่ถนัดและอาจจะทำให้เราไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุนครับpicatos เขียน: ↑เสาร์ ต.ค. 09, 2021 4:23 amVI พันธุ์แท้คืออะไรเหรอครับ?
พันธุ์แท้คล้ายๆ กับ สายพันธุ์ของสัตว์ที่เกิดมาเป็นอะไรแล้วก็ต้องเป็นไปแบบนั้น ได้รับการ Breeding มาจากพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ แล้วก็มี Pet Degree อะไรแบบนั้นรึเปล่า? เกิดมาก็เป็นแบบนั้น และจะตายไปกับความเป็นแบบนั้น
โดยส่วนตัว ผมคิดว่า VI เป็นแค่หลักการลงทุนวิธีหนึ่ง ที่อาจจะได้กำไรมากในช่วงหนึ่ง และได้กำไรน้อยในอีกช่วงหนึ่ง ที่เป็นได้ยาก และเหมาะกับ Mindset ของคนส่วนน้อยยิ่งกว่าน้อย
นักลงทุนส่วนใหญ่ ผมคิดว่าไม่ได้รู้จักตัวเองมากพอที่จะบอกได้ว่า ผมเป็น VI เพราะ ผมมี Mindset แบบ VI ที่มีความสุขกับการเป็น VI แม้ว่าจะแพ้ตลาดเละตุ้มเป๊ะ แต่ก็พอใจกับการได้ผลตอบแทนพอประมาณ ในแบบของ VI
ส่วนใหญ่นักลงทุนที่บอกว่าตัวเองเป็น VI ไม่ได้เป็น VI
โดยส่วนตัว ผมก็ไม่ใช่ VI ผมแค่เป็นนักลงทุนที่ซื้อหุ้นที่ตัวไม่เข้าใจและหามูลค่าไม่เป็น แล้วไม่สามารถถือได้อย่างสบายใจ ก็เท่านั้นเอง
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
Re: วีไอพันธ์ุแท้ตายไปหรือยังกับตลาดหุ้นยุคปัจจุบัน
โพสต์ที่ 4
เกิดเป็นคนก็ต้องมีเพื่อน
ถ้าเพื่อนได้ดี ทำกำไรเป็นเป็นกอบเป็นกำ
ผมคิดว่าสิ่งที่ดีๆ คือ ขอยืมตังค์หน่อย
อะ ไม่ใช่ละ
นั่นก็คือการแสดงมุทิตาจิต และยินดีไปกับเขา
ในส่วนเรื่องของผลตอบแทน
ผมคิดว่าเป็นเรื่องเฉพาะตัว
เป็นเรื่องรายบุคคลมากกว่า
ผมคิดว่าสิ่งสำคัญคือเรารู้ตัวไหม
ว่าเราเป็นตัวอะไร
เป็นตัวของตัวเราเองจริงๆ
หรือเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้
รู้แค่ว่าเป็นสิ่งที่เราอยากเป็น
สมัยเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว
ผมอ่านตีแตกของ อ.นิเวศน์ ครั้งแรก
ผมบอกตัวเองเลย
"นี่มัน ใช่ !!"
กับเพื่อนๆ ของผมที่ลงทุนมารุ่นๆ กัน
"ไม่เห็นจะเข้าใจเลย"
ถ้าเพื่อนได้ดี ทำกำไรเป็นเป็นกอบเป็นกำ
ผมคิดว่าสิ่งที่ดีๆ คือ ขอยืมตังค์หน่อย
อะ ไม่ใช่ละ
นั่นก็คือการแสดงมุทิตาจิต และยินดีไปกับเขา
ในส่วนเรื่องของผลตอบแทน
ผมคิดว่าเป็นเรื่องเฉพาะตัว
เป็นเรื่องรายบุคคลมากกว่า
ผมคิดว่าสิ่งสำคัญคือเรารู้ตัวไหม
ว่าเราเป็นตัวอะไร
เป็นตัวของตัวเราเองจริงๆ
หรือเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้
รู้แค่ว่าเป็นสิ่งที่เราอยากเป็น
สมัยเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว
ผมอ่านตีแตกของ อ.นิเวศน์ ครั้งแรก
ผมบอกตัวเองเลย
"นี่มัน ใช่ !!"
กับเพื่อนๆ ของผมที่ลงทุนมารุ่นๆ กัน
"ไม่เห็นจะเข้าใจเลย"
"วิถีรักษ์โลก บ้าน 1 หลัง รถ 1 คัน สาว 1 คน กางเกงใน 1 ตัว" <( ̄︶ ̄)> ...
- romee
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 1
Re: วีไอพันธ์ุแท้ตายไปหรือยังกับตลาดหุ้นยุคปัจจุบัน
โพสต์ที่ 5
อย่างปีเตอร์ ลินซ์ ถือเป็นviมั้ยครับ
อัตราเฉลี่ยในการถือหุ้นของเขาไม่ถึงปีนะครับ แต่เพราะเขาถือเยอะมากด้วยแหละ (ข้อมูลจากคุณมด แมงเม่าคลับ)
ความเห็นส่วนตัว
ผมว่าเราติดภาพลักษณ์คำว่า VI ถือยาวไม่ขาย แบบวอเรน บัฟเฟตต์, ดร.นิเวศน์
จนคำว่าvi กลายเป็นยศถา บรรดาศักดิ์ เมื่อเทียบกับการลงทุนแบบอื่นๆ, และไอ้คำว่าviเอง ยังจะแบ่งกันอีก ว่าviรายไตรมาส, รายปีกันอีก -"-
ตอบ จขกท. ถ้าคำว่าviพันธ์แท้ คือถือหุ้นที่เป็นผู้ชนะ, ยาวเป็น5-10ปี ตลาดไทยในตอนนี้อาจจะมีหุ้นแบบนั้นอยู่แต่คงเป็น%น้อย, หลายคนเลยย้ายการลงทุนไปตปท นะครับ ที่มีหุ้นแบบนี้ใน%ที่เยอะกว่า
อัตราเฉลี่ยในการถือหุ้นของเขาไม่ถึงปีนะครับ แต่เพราะเขาถือเยอะมากด้วยแหละ (ข้อมูลจากคุณมด แมงเม่าคลับ)
ความเห็นส่วนตัว
ผมว่าเราติดภาพลักษณ์คำว่า VI ถือยาวไม่ขาย แบบวอเรน บัฟเฟตต์, ดร.นิเวศน์
จนคำว่าvi กลายเป็นยศถา บรรดาศักดิ์ เมื่อเทียบกับการลงทุนแบบอื่นๆ, และไอ้คำว่าviเอง ยังจะแบ่งกันอีก ว่าviรายไตรมาส, รายปีกันอีก -"-
ตอบ จขกท. ถ้าคำว่าviพันธ์แท้ คือถือหุ้นที่เป็นผู้ชนะ, ยาวเป็น5-10ปี ตลาดไทยในตอนนี้อาจจะมีหุ้นแบบนั้นอยู่แต่คงเป็น%น้อย, หลายคนเลยย้ายการลงทุนไปตปท นะครับ ที่มีหุ้นแบบนี้ใน%ที่เยอะกว่า
การลงทุนแนวvi ไม่ได้แปลว่า นักลงทุนคนนั้นดีกว่า หรือมีวรรณะสูงกว่าคนที่ลงทุนแนวอื่นๆหรอก
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 262
- ผู้ติดตาม: 1
Re: วีไอพันธ์ุแท้ตายไปหรือยังกับตลาดหุ้นยุคปัจจุบัน
โพสต์ที่ 6
ไม่ตายครับ แค่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อมรวมถึง technology ใหม่ๆ ผมเคยถามในลักษณะแบบนี้เหมือนกัน คำตอบที่ใด้ไม่ไช่ yes or no แต่เป็น "ผมไม่ได้เข้าใจหลักการ VI ซะมากกว่า" แต่ก็ดีครับ ถ้าคุณกล้าตั้งคำถามแบบนี้ แสดงว่าคุณกำลัง progress แล้วครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 71
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วีไอพันธ์ุแท้ตายไปหรือยังกับตลาดหุ้นยุคปัจจุบัน
โพสต์ที่ 7
ตอนซื้อวิเคราะห์แบบ VI หาธุรกิจที่ดีที่สุด แต่หุ้นผันผวนขึ้นไปเกินมูลค่าหลายปี ถ้า port เราไม่ใหญ่ ขายทิ้งก็ไม่มีปัญหาสภาพคล่อง ไม่ได้ทำราคาเปลี่ยน ก็ขายแล้วย้ายไปถือตัวใหม่ที่ดีกว่าในช่วงหลายปีข้างหน้าได้
ส่วนตัวผมไม่ได้มองว่าแบบนี้คือการเล่นรอบด้วย เพราะตอนซื้อก็ VI ถือก็ VI ขายก็ VI เพียงแต่เราเห็นโอกาสในพื้นที่อื่นมากกว่าเราก็ปรับดีกว่าครับ
ส่วนตัวผมไม่ได้มองว่าแบบนี้คือการเล่นรอบด้วย เพราะตอนซื้อก็ VI ถือก็ VI ขายก็ VI เพียงแต่เราเห็นโอกาสในพื้นที่อื่นมากกว่าเราก็ปรับดีกว่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 133
- ผู้ติดตาม: 1
Re: วีไอพันธ์ุแท้ตายไปหรือยังกับตลาดหุ้นยุคปัจจุบัน
โพสต์ที่ 9
ส่วนตัวคิดว่า VI คือแนวคิดการลงทุนแบบกว้างๆครับ กว้างมากๆด้วย 555
ตราบใดที่ยังมีหุ้นที่สร้างโอกาส " ... acquiring more than you are paying for" VI ก็ไม่ตายหรอกครับ
ผมเข้าใจความรู้สึกเจ้าของกระทู้นะครับ ผมก็เคยคิดไปเองว่า VI = แนวทางของนักลงทุนที่ "ดี"
แต่เปล่าเลย ตลาดทุนมันก็คือแหล่งรวม อารมณ์ ความโลภของมนุษย์ ธรรมดาสามัญนั่นแหละ
ไปๆมาๆ ที่ผมรู้สึกตอนนั้น อาจเพราะ VI เป็นคำที่ฟังดูดี เหมือนที่อ. Damodaran สรุปไว้ครับ
" .... many investors, when asked to describe their investment philosophies, describe themselves as value investors, not just because of its winning track record, but also because of its intellectual and academic backing. "
http://aswathdamodaran.blogspot.com/202 ... story.html
ลองอ่านดูนะครับ ผมชอบมากๆ 55
ตราบใดที่ยังมีหุ้นที่สร้างโอกาส " ... acquiring more than you are paying for" VI ก็ไม่ตายหรอกครับ
ผมเข้าใจความรู้สึกเจ้าของกระทู้นะครับ ผมก็เคยคิดไปเองว่า VI = แนวทางของนักลงทุนที่ "ดี"
แต่เปล่าเลย ตลาดทุนมันก็คือแหล่งรวม อารมณ์ ความโลภของมนุษย์ ธรรมดาสามัญนั่นแหละ
ไปๆมาๆ ที่ผมรู้สึกตอนนั้น อาจเพราะ VI เป็นคำที่ฟังดูดี เหมือนที่อ. Damodaran สรุปไว้ครับ
" .... many investors, when asked to describe their investment philosophies, describe themselves as value investors, not just because of its winning track record, but also because of its intellectual and academic backing. "
http://aswathdamodaran.blogspot.com/202 ... story.html
ลองอ่านดูนะครับ ผมชอบมากๆ 55
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 71
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วีไอพันธ์ุแท้ตายไปหรือยังกับตลาดหุ้นยุคปัจจุบัน
โพสต์ที่ 10
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
Re: วีไอพันธ์ุแท้ตายไปหรือยังกับตลาดหุ้นยุคปัจจุบัน
โพสต์ที่ 11
จริงฮะMnNutcha เขียน: ↑เสาร์ ต.ค. 09, 2021 8:35 pmสงสัย อ.นิเวศน์ จะอ่านกระทู้นี้ครับ
viewtopic.php?p=1918353#p1918353
ผมมีวันนี้ได้
เพราะผมขายหมูได้เรื่อยๆ
"วิถีรักษ์โลก บ้าน 1 หลัง รถ 1 คัน สาว 1 คน กางเกงใน 1 ตัว" <( ̄︶ ̄)> ...
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2092
- ผู้ติดตาม: 1
Re: วีไอพันธ์ุแท้ตายไปหรือยังกับตลาดหุ้นยุคปัจจุบัน
โพสต์ที่ 12
VI เป็นแค่หลักการ
Valuation ด้วยสักวิธี แล้วถือไว้ตราบที่ยังมี upside
(และไม่มีตัวอื่นที่น่าสนใจกว่า)
จะหุ้น growth , หุ้น value cigarbutts หรือหุ้น cycle
ก็นับเป็น vi เช่นเดียวกัน
จริงๆ ระยะเวลาในการถือเองก็ไม่ได้เกี่ยวหากซื้อขาย ตามการพิจารณา upside ด้วยการ valuation
คนที่เขาหมุนหุ้นได้เร็ว และถูกต้องบ่อยๆ
อาจจะแปลได้ว่า valuation เขา ตรงใจตลาดกับที่ตลาดสนใจพอดึและน่าจะต้องขยันรู้จักหุ้นจำนวนมาก ถึงไปตัวอื่นต่อได้หรือเปล่าครับ
แม้แต่ WB เองก็ปรับรูปแบบตามสถานการณ์ ถือเงินสด เล่นหุ้น commo deep value ฯลฯ
ไม่มีแบบไหนเป็นพันธุ์แท้กว่ากันนะผมว่า
Valuation ด้วยสักวิธี แล้วถือไว้ตราบที่ยังมี upside
(และไม่มีตัวอื่นที่น่าสนใจกว่า)
จะหุ้น growth , หุ้น value cigarbutts หรือหุ้น cycle
ก็นับเป็น vi เช่นเดียวกัน
จริงๆ ระยะเวลาในการถือเองก็ไม่ได้เกี่ยวหากซื้อขาย ตามการพิจารณา upside ด้วยการ valuation
คนที่เขาหมุนหุ้นได้เร็ว และถูกต้องบ่อยๆ
อาจจะแปลได้ว่า valuation เขา ตรงใจตลาดกับที่ตลาดสนใจพอดึและน่าจะต้องขยันรู้จักหุ้นจำนวนมาก ถึงไปตัวอื่นต่อได้หรือเปล่าครับ
แม้แต่ WB เองก็ปรับรูปแบบตามสถานการณ์ ถือเงินสด เล่นหุ้น commo deep value ฯลฯ
ไม่มีแบบไหนเป็นพันธุ์แท้กว่ากันนะผมว่า
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2846
- ผู้ติดตาม: 1
Re: วีไอพันธ์ุแท้ตายไปหรือยังกับตลาดหุ้นยุคปัจจุบัน
โพสต์ที่ 13
เป็นข้อสังเกต ที่น่าสนใจมากเลยนะครับzirkanat เขียน: ↑ศุกร์ ต.ค. 08, 2021 8:01 pmพอดีได้มีโอกาสเข้าไปอยู่ในหลายๆกลุ่มหุ้น vi แล้วพบว่าร้อยละ80ในกลุ่มนั้นๆจะนิยมการลงทุนแนวเก็งกำไรผลประกอบการรายไตรมาส หรือโมเมนตัมของตลาด หมุนหุ้นไปเรื่อยๆ หุ้นที่ถือก็ถือไม่ได้ยาวนานอะไร (ไม่ใช่หุ้นปั่นนะครับ ) แล้วก็เหมือนทุกคนจะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำกันไปด้วย เลยทำให้เกิดข้อสงสัยในฐานะที่ผมคิดว่าตัวเองเป็น vi ที่ค่อนข้างมองระยะยาว ไม่ได้สนใจผลประกอบรายไตรมาสอะไรขนาดนั้น ถือหุ้นแต่ละตัวก็หวังเติบโตไปพร้อมๆกับบริษัท ถือไปเรื่อยๆตราบใดที่ปัจจัยพื้นฐานยังไม่เปลี่ยน หุ้นที่เลือกลงทุนก็เป็นหุ้นเติบโตที่มี dca ในตัวเอง หรือหากไม่มี dca ก็จะเลือกอุตสาหกรรมที่ยังใหญ่มาก ยังมีช่องให้เติบโต แต่พอหันไปมองคนที่เน้นหุ้นแบบเล่นหมุนไปตามธีมแต่ละช่วง แล้วหันมามองพอร์ทตัวเองก็มีความรู้สึกโหวงๆเล็กๆ 555 ไม่ใช่ว่าหวั่นใจหรืออยากเปลี่ยนแนวการลงทุนนะครับ เพียงแค่รู้สึกอิจฉาที่พวกเขาเก่งมากๆที่หาหุ้นเล่นได้เยอะขนาดนั้น และดูเหมือนหลายๆคนที่ลงทุนแบบนั้นก็กำไรเป็นกอบเป็นกำซะด้วย จึงเกิดคำถามที่ว่า หรือว่าการลงทุนแบบ vi พันธ์ึแท้ในไทยนั้นได้ตายไปแล้ว แต่กลายเป็นการลงทุนแบบจับจังหวะโมเมนตัมมาแทน คิดเห็นกันอย่างไรครับ
ผมมองว่า หลักการลงทุนมีหลากหลายครับ ไม่ว่าจะเป็น
1. ลงทุนแบบ วิเคราะห์พื้นฐาน
2. ลงทุนแบบ technical
3. ลงทุนแบบ momentum
ผมเชื่อว่า ในตลาดหุ้นเรา ก็มีคนยึดหลักพวกนี้ ปะปนกันไปครับ ขึ้นอยู่กับ นิสัย จริต ความเชื่อ ความรู้ และ ประสบการณ์ของเรา ในวิธีการลงทุนนั้นๆ
คงไม่ใช่ว่า อยู่ๆ กลุ่มคนที่ลงทุนแบบใดแบบหนึ่งจะหายไปเลย เพราะ สไตล์การลงทุนเหล่านี้ของคนเรา ไม่ได้เปลี่ยนแปลงกันง่ายๆ เท่าไหร่นัก (แต่ อาจจะมีน้อยลงได้ ถ้าคนกลุ่มนั้น ย้ายไปเล่นตลาดอื่นๆ)
การเล่นแบบ momentum play นี้ผมเข้าใจว่า น่าจะสไลต์การเล่นของกลุ่มคนส่วนใหญ่ในตลาดอยู่แล้ว ยิ่งสมัยนี้สื่อมันถึงกันง่าย รวดเร็ว ราคาหุ้นตอบสนองได้เร็วมากขึ้น คนที่ลงทุนแบบนี้ อาจจะเบ่งได้เป็น 2 กลุ่มย่อยคือ
1. คนที่เล่น momentum play แบบจริงๆ จังๆ ใช้ทั้งพื้นฐานและเทคนิค ในการกำหนดกลยุทธ์ เข้า-ออก ที่ชัดเจน (https://www.investopedia.com/trading/in ... um-trading)
2. กลุ่มคนที่ พอเห็นคนเข้าไปเล่นกันเยอะๆ ก็ตามเข้าไปเล่นด้วย ซึ่งกลุ่มนี้น่าจะเยอะมากๆ ถือว่าเป็น mass
ซึ่งกลุ่มแนวคิดแบบ momentum play กลุ่มแรก ผมว่าค่อนข้างน่าสนใจ อย่างที่คุณ เจ้าของกระทู้ บอกว่า เพื่อนๆในกลุ่มที่เล่นแนวนี้ เก่งสามารถหาหุ้นใหม่ๆ ได้ตลอด แล้วยังสามารถทำกำไรได้ดีมากด้วย ยิ่งถ้าพวกเค้าสามารถทำกำไรชนะตลาดได้หลายๆ ปีในระยะยาว อันนี้ยิ่งน่าสนใจมาก เพราะเค้าน่าจะมีหลักการความคิดบางอย่างที่ใช้ได้ผล
คำถามที่น่าคิดต่อ คือ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? เค้ามีวิธีการหาหุ้นใหม่ๆ อย่างไร? เค้ามีวิธีประเมิณมูลค่าอย่างไร? จังหวะไหนจะซื้อหรือขาย ? เค้าคิดต่างกับเราตรงไหน ?
ไม่ได้หมายความว่าเราควรจะเปลี่ยนแนว นะครับ แต่ เพื่อนคนนั้น อาจจะมี หลักการ มุมมองอะไรบางอย่างที่น่าสนใจ ที่เราอาจจะไม่เคยได้มองในมุมนั้นๆ ก็ได้
ลองถามดูครับ ยังไงเราจำเป็นต้อง พัฒนา ตกผลึก ความรู้การลงทุน ของเราต่อเนื่องไป ในทุกๆ วัน อยู่แล้ว
--เพิ่มเติม---
ผมลองไป search ดู เรื่อง momentum investing เห็นว่า ในตลาดหุ้นไทย มีคนลองทำ back test ดู ตั้งแต่ปี 2013-2019 โดยใช้ criteria ในการ Entry & Exit ที่ชัดเจน
อ้างอิงจาก Finnomena เค้านะครับ --> https://www.finnomena.com/wealthguru/mo ... investing/
จากผล back test จะเห็นได้ว่า ในตลาดหุ้นไทย ที่ผ่านมาปี 2013-2019 momentum investing ชนะตลาดหุ้นไทย ค่อนข้างมากเลยทีเดียว
(นี้คือ ผลจาก back test แต่ไม่รู้ว่าถ้าไปทำจริง forward test ดูจริงๆ ว่าจะเป็นอย่างไรนะครับ)
ก็เป็นอะไรที่น่าคิดดี
“Market prices are always wrong in the sense that they present a biased view of the future.”, Soros.
Blog about the investment playbook https://www.blockdit.com/alphainvesting
Blog about the investment playbook https://www.blockdit.com/alphainvesting
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Re: วีไอพันธ์ุแท้ตายไปหรือยังกับตลาดหุ้นยุคปัจจุบัน
โพสต์ที่ 14
ขอ Quote และแยกเป็นประเด็นๆ ไปละกันzirkanat เขียน: ↑ศุกร์ ต.ค. 08, 2021 8:01 pmพอดีได้มีโอกาสเข้าไปอยู่ในหลายๆกลุ่มหุ้น vi แล้วพบว่าร้อยละ80ในกลุ่มนั้นๆจะนิยมการลงทุนแนวเก็งกำไรผลประกอบการรายไตรมาส หรือโมเมนตัมของตลาด หมุนหุ้นไปเรื่อยๆ หุ้นที่ถือก็ถือไม่ได้ยาวนานอะไร (ไม่ใช่หุ้นปั่นนะครับ ) แล้วก็เหมือนทุกคนจะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำกันไปด้วย เลยทำให้เกิดข้อสงสัยในฐานะที่ผมคิดว่าตัวเองเป็น vi ที่ค่อนข้างมองระยะยาว ไม่ได้สนใจผลประกอบรายไตรมาสอะไรขนาดนั้น ถือหุ้นแต่ละตัวก็หวังเติบโตไปพร้อมๆกับบริษัท ถือไปเรื่อยๆตราบใดที่ปัจจัยพื้นฐานยังไม่เปลี่ยน หุ้นที่เลือกลงทุนก็เป็นหุ้นเติบโตที่มี dca ในตัวเอง หรือหากไม่มี dca ก็จะเลือกอุตสาหกรรมที่ยังใหญ่มาก ยังมีช่องให้เติบโต แต่พอหันไปมองคนที่เน้นหุ้นแบบเล่นหมุนไปตามธีมแต่ละช่วง แล้วหันมามองพอร์ทตัวเองก็มีความรู้สึกโหวงๆเล็กๆ 555 ไม่ใช่ว่าหวั่นใจหรืออยากเปลี่ยนแนวการลงทุนนะครับ เพียงแค่รู้สึกอิจฉาที่พวกเขาเก่งมากๆที่หาหุ้นเล่นได้เยอะขนาดนั้น และดูเหมือนหลายๆคนที่ลงทุนแบบนั้นก็กำไรเป็นกอบเป็นกำซะด้วย จึงเกิดคำถามที่ว่า หรือว่าการลงทุนแบบ vi พันธ์ึแท้ในไทยนั้นได้ตายไปแล้ว แต่กลายเป็นการลงทุนแบบจับจังหวะโมเมนตัมมาแทน คิดเห็นกันอย่างไรครับ
1. ประเด็นแรก คือ มนุษย์เป็นคนช่างเปรียบเทียบ อันนี้คือ ท่านที่ตั้งกระทู้ เอา Port ของตัวเองไปเทียบกับคนอื่น
แต่ถ้าหากเดินตามปุ่บัฟเฟต ปู่แสดงในรายงานประจำปีทุกปี ว่าปู่ลงทุนมายาวนานแค่ไหน ผลตอบแทนเทียบเคียงกับตัวชี้วัดเป็นเช่นไร มันคือการเปรียบเทียบตัวเองในอดีต กับ ตัวที่เป็นตัวชี้วัด ไม่ได้เทียบเคียงกับคนอื่นๆ
ซึ่งในอดีต ปู่บัฟเฟตก็เคยโดนเรื่องไม่ลงทุนในหุ้น Tech ที่ไม่ลงทุนเพราะปู่ไม่เข้าใจ เมื่อเข้าใจก็ลงทุน แค่นั้น
2. ประเด็นที่สอง คือ เรื่องของเวลาในการลงทุน เวลาของคนไม่เท่ากันในทุกคน บางคน 1 นาที ก็คือลงทุนนานแล้ว 5 นาทีก็ถือว่าเป็น VI หรือ เป็นระยะเวลา 10 ปีถือว่าเป็น VI แต่ทว่า ถ้าหากไปมองผู้ประสบความสำเร็จ ไม่เคยตั้งระยะเวลาการลงทุนไว้เลย มีแต่บอกว่า มันเต็มมูลค่าแล้วขาย คำว่าเต็มมูลค่าของเค้าคือ สิ่งที่เค้าสร้างขึ้นมา โดยยึดเหนี่ยวจากหลายอย่าง เช่น จากการคำนวณเรื่อง DCA /การเปลี่ยนแปลง Biz model /การเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจ เป็นต้น
ดังนั้นเวลาในการลงทุนไม่ใช่ประเด็นในเรื่องนี้
3.ประเด็นที่สาม คือ หลักการของคำว่าเต็มมูลค่า นั้น มันขึ้นกับตัวบุคคล
ซึ่งเซียนหลายๆต่อหลายท่านก็ขายหมู (หลายกันหลายเล้า กว่าจะเป็นที่ยกย่องได้) เพราะสิ่งที่เค้ายึดนั้น คือมันเกินมูลค่าที่เค้าคิดไว้แล้ว และมีบริษัทที่ดีกว่า เย้ายวนกว่า ก็เลยขายทิ้งไป ดังนั้น คำว่าเต็มมูลค่า มันแตกต่างกันในแต่ละคน
มันก็สอดคล้องกับว่า "รู้งี้" คือ ไม่สามารถขายได้ที่จุดสูงสุด หรือซื้อในจุดต่ำสุดได้ทุกครั้งที่ลงทุน นั้นเอง
4. ประเด็นที่สี่ คือ หลักการลงทุน VI นั้นยอมรับกันหรือยัง ในกระแสหลักนั้น VI เริ่มเป็นที่ยอมรับ แต่ทว่าไม่ใช่เป็นหลักการลงทุนหลักๆ ที่ใช้เรียนใช้สอนกันในหลักสูตรต่างๆที่เป็นทางการ เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของหลักการพื้นฐาน (Fundamental) นั้นเอง
มันเป็นเพียงหลักการที่แตกแขนงออกมาเท่านั้น ดังนั้น ต้องพิสูจน์ไปเรื่อยๆ แต่ก็มีคนที่กุยทางและสร้างทางไว้ให้เราเดินตามรอย เรียกได้ว่า วัดรอยเท้าได้ครับ
5.ประเด็นที่ห้า คือ ทุกคนที่เอาเงินมาลงทุนในตลาดหุ้นทุกตลาดนั้น ทุกคนก็หวังว่า ได้กำไรทุกครั้งในการลงทุน
แต่ต้องบอกว่า คนที่อยู่รอดมาเล่าให้ฟังนั้นมีแค่ไม่เกิน 20% เป็นไปตามกฏ 80/20 นั้นเอง
คือ 20% คือคนที่กำไร หรือ คนที่ลงทุนแล้วไม่กินทุน ส่วนอีก 80% คือคนที่ขาดทุนแล้ว ถอนตัวออกจากตลาดไปแล้ว ไม่มีโอกาสได้พูดนั้นเอง
ทั้งหมดนี้คือ อ่านแล้วจับประเด็นที่เจ้าของกระทู้ต้องการบอกอะไร และชี้แจงตามข้างบน เป็นประเด็นๆไป
ถ้าหากมองตามพฤติกรรม และ ตามสิ่งที่บอกมาแล้ว ทุกอย่างมันเป็นไปตามกรรมที่เราได้สร้างขึ้นนั้นเอง
- zirkanat
- Verified User
- โพสต์: 177
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วีไอพันธ์ุแท้ตายไปหรือยังกับตลาดหุ้นยุคปัจจุบัน
โพสต์ที่ 15
ขอบคุณสำหรับทุกมุมมองและทุกท่านที่ได้เข้ามาร่วมตอบในกระทู้นี้ ได้มุมมองหลากหลายไปคิดต่อยอดในอนาคต และบางเรื่องก็ได้กลับมาย้อนมองดูตัวเองด้วย ขอบคุณจริงๆครับ ส่วนคนที่ลังเลจะตอบเพราะกลัวว่าตอบแล้วผมจะเคืองใจหรืออะไร ไม่ต้องกลัวครับผมพร้อมรับฟัง ด่าได้ครับแต่อย่าแรง555 หยอกๆนะครับ
20 yrs game, stay focus, stay invest.
- mongkol
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 279
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วีไอพันธ์ุแท้ตายไปหรือยังกับตลาดหุ้นยุคปัจจุบัน
โพสต์ที่ 16
ผมว่าไม่ตาย แต่อยู่ยากขึ้น
ในปัจจุบันความโลภของคนสูงขึ้น ทำให้มีผลิตภัณฑ์ออกมาดึงดูดเม็ดเงินจากVI ไปลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกต่างๆ
พอมีทางเลือกมากขึ้นก็ทำให้สไตล์การเล่นเปลี่ยนไป ในแนวเทรดดิ้งจึงมากขึ้นเพื่อเพิ่มผลตอบแทน ทั้งใช้เทคนิค, โรบอท
คนรุ่นใหม่ๆส่วนมากที่โตมาแบบนิสัย รอไม่ได้ รอไม่เป็น น่าจะไปกับสไตล์ VI ได้ยาก เพราะขัดกับจริตเขา
ซ้ำร้ายตลาดไทยยังขาดธุรกิจโลกใหม่ ส่วนมากมีแต่ธุรกิจแบบเดิมๆ ที่เสี่ยงต่อการดิสรัปชั่น
การถือได้ยาวๆแบบ VIพันธ์ุแท้ เป็นดาบสองคมได้ สิ่งแวดล้อมทำให้ VI ลดจำนวนลง
ตามที่จขกท. ถามมา ผมเข้าใจว่า VIพันธ์ุแท้แบบนั้นมีแอคชั่นที่น้อยมากแค่ซื้อแล้วถือ และต้องถือให้ถูกตัวด้วย
แต่ถ้าจะพูดถึงนิยาม VI ผมว่ามันเป็น subjective >> ทุกการลงทุนก็สามารถเป็นวีไอได้ทั้งนั้นอยู่ที่ผู้นั้นจะกล่าวอ้างเอา
แม้แต่เกร็งกำไรระยะสั้นก็ด้วย เพราะเราก็ซื้อตอนต่ำ(under value) ขายตอนแพง รวมทั้งการชอร์ทก็เป็น VI เช่นกันเพราะมูลค่ามันโอเวอร์ในที่สุดต้องปรับลง (ตลาดมองเห็นว่าแพง)
ไม่เว้นแม้แต่คริปโต ถ้าเรามองว่ามัน under value มันก็จะเป็น VI ได้นั่นเอง
555 ไม่รู้ว่าตอบคำถามได้มั๊ย
เลือกแนวการลงทุนที่ผลตอบแทนดี และสบายใจครับ
ในปัจจุบันความโลภของคนสูงขึ้น ทำให้มีผลิตภัณฑ์ออกมาดึงดูดเม็ดเงินจากVI ไปลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกต่างๆ
พอมีทางเลือกมากขึ้นก็ทำให้สไตล์การเล่นเปลี่ยนไป ในแนวเทรดดิ้งจึงมากขึ้นเพื่อเพิ่มผลตอบแทน ทั้งใช้เทคนิค, โรบอท
คนรุ่นใหม่ๆส่วนมากที่โตมาแบบนิสัย รอไม่ได้ รอไม่เป็น น่าจะไปกับสไตล์ VI ได้ยาก เพราะขัดกับจริตเขา
ซ้ำร้ายตลาดไทยยังขาดธุรกิจโลกใหม่ ส่วนมากมีแต่ธุรกิจแบบเดิมๆ ที่เสี่ยงต่อการดิสรัปชั่น
การถือได้ยาวๆแบบ VIพันธ์ุแท้ เป็นดาบสองคมได้ สิ่งแวดล้อมทำให้ VI ลดจำนวนลง
ตามที่จขกท. ถามมา ผมเข้าใจว่า VIพันธ์ุแท้แบบนั้นมีแอคชั่นที่น้อยมากแค่ซื้อแล้วถือ และต้องถือให้ถูกตัวด้วย
แต่ถ้าจะพูดถึงนิยาม VI ผมว่ามันเป็น subjective >> ทุกการลงทุนก็สามารถเป็นวีไอได้ทั้งนั้นอยู่ที่ผู้นั้นจะกล่าวอ้างเอา
แม้แต่เกร็งกำไรระยะสั้นก็ด้วย เพราะเราก็ซื้อตอนต่ำ(under value) ขายตอนแพง รวมทั้งการชอร์ทก็เป็น VI เช่นกันเพราะมูลค่ามันโอเวอร์ในที่สุดต้องปรับลง (ตลาดมองเห็นว่าแพง)
ไม่เว้นแม้แต่คริปโต ถ้าเรามองว่ามัน under value มันก็จะเป็น VI ได้นั่นเอง
555 ไม่รู้ว่าตอบคำถามได้มั๊ย
เลือกแนวการลงทุนที่ผลตอบแทนดี และสบายใจครับ
แก่นแท้ คือ "ความว่าง" นี่เอง
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1044
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วีไอพันธ์ุแท้ตายไปหรือยังกับตลาดหุ้นยุคปัจจุบัน
โพสต์ที่ 18
ซื้อหุ้นต่ำกว่ามูลค่า
ผ่านการวิเคราะห์มาแล้ว
ไม่ได้ซื้อเพราะแค่คิดว่าหุ้นจะขึ้น
พอหุ้นขึ้น บางตัวแค่สัปดาห์เดียวขึ้นเกิน 100%
คำถามคือ ถ้าเป็นเราจะขายหรือเปล่าครับ ?
หรือเห็นใครทำกำไรได้ แต่ไม่ใช่เรา
ก็คิดว่าเขาทำผิด ไม่ใช่พันธุ์แท้ ?
ผ่านการวิเคราะห์มาแล้ว
ไม่ได้ซื้อเพราะแค่คิดว่าหุ้นจะขึ้น
พอหุ้นขึ้น บางตัวแค่สัปดาห์เดียวขึ้นเกิน 100%
คำถามคือ ถ้าเป็นเราจะขายหรือเปล่าครับ ?
หรือเห็นใครทำกำไรได้ แต่ไม่ใช่เรา
ก็คิดว่าเขาทำผิด ไม่ใช่พันธุ์แท้ ?
- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วีไอพันธ์ุแท้ตายไปหรือยังกับตลาดหุ้นยุคปัจจุบัน
โพสต์ที่ 19
VI มันคือวิธีการลงทุนแบบหนึ่งเท่านั้นละครับ
การลงทุนคือซื้อสินทรัพย์ที่คุ้มค่ากับผลตอบแทน
อย่าไปยึดติดมากกับคำว่า วีไอพันธุ์แท้
หน้าที่ของนักลงทุนคือสร้างพอร์ตการลงทุนให้เติบโต
ไม่ว่าจะใช้หลักการไหน จะช้าหรือเร็ว ทำได้หมด
การลงทุนคือซื้อสินทรัพย์ที่คุ้มค่ากับผลตอบแทน
อย่าไปยึดติดมากกับคำว่า วีไอพันธุ์แท้
หน้าที่ของนักลงทุนคือสร้างพอร์ตการลงทุนให้เติบโต
ไม่ว่าจะใช้หลักการไหน จะช้าหรือเร็ว ทำได้หมด
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1399
- ผู้ติดตาม: 1
Re: วีไอพันธ์ุแท้ตายไปหรือยังกับตลาดหุ้นยุคปัจจุบัน
โพสต์ที่ 21
หลักการของนักลงทุนด้านวิเคราะห์กิจการผมว่าคล้ายๆกัน
แต่สิ่งที่ทำให้ต่างกันได้คือเรื่องการภาวะจิตใจ มนุษย์มีจุดอ่อนตรงอารมณ์ครับ หากว่าดีใจหรือเสียใจสุดขีด สมองส่วนที่ทำงานด้าน logic จะถูกปิดตัวลงไปเหลือแต่ระบบตอบโต้ ทำให้ตัดสินใจผิดพลาดได้ เพราะบางจังหวะนั้นเราจะสะสมระดับอารมณ์ตัวเองไปเรื่อยๆ แล้วจะเริ่มมีอารมณ์มากขึ้นไปสมองมันก็เปลี่ยนโหมดการทำงาน ไร้เหตุผลต่อมีเหตผล 90:10 เราก็แพ้แล้วครับ ดังนั้นเราจำเป็นต้องฝึกเรื่องของสติ และการรับรู้ภาวะจิตของตนเองประกอบกับความรู้ด้านการลงทุน เพื่อให้การลงทุนมีผลตอบแทนได้ดีเสม่ำเสมอในระยะยาว
VI นั้นก็ยังมีหลักคิดแบบเดิมๆครับและมันก็เป็นหลักการแบบว่าพัฒนาตัวเองไปตามสภาวะของการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจจักรวาลได้ แต่หลักการอย่างเดียวไม่พอครับ ผมเห็นคนเก่งๆมากมายที่ลงทุนไม่ประสบผลสำเร็จ
แต่สิ่งที่ทำให้ต่างกันได้คือเรื่องการภาวะจิตใจ มนุษย์มีจุดอ่อนตรงอารมณ์ครับ หากว่าดีใจหรือเสียใจสุดขีด สมองส่วนที่ทำงานด้าน logic จะถูกปิดตัวลงไปเหลือแต่ระบบตอบโต้ ทำให้ตัดสินใจผิดพลาดได้ เพราะบางจังหวะนั้นเราจะสะสมระดับอารมณ์ตัวเองไปเรื่อยๆ แล้วจะเริ่มมีอารมณ์มากขึ้นไปสมองมันก็เปลี่ยนโหมดการทำงาน ไร้เหตุผลต่อมีเหตผล 90:10 เราก็แพ้แล้วครับ ดังนั้นเราจำเป็นต้องฝึกเรื่องของสติ และการรับรู้ภาวะจิตของตนเองประกอบกับความรู้ด้านการลงทุน เพื่อให้การลงทุนมีผลตอบแทนได้ดีเสม่ำเสมอในระยะยาว
VI นั้นก็ยังมีหลักคิดแบบเดิมๆครับและมันก็เป็นหลักการแบบว่าพัฒนาตัวเองไปตามสภาวะของการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจจักรวาลได้ แต่หลักการอย่างเดียวไม่พอครับ ผมเห็นคนเก่งๆมากมายที่ลงทุนไม่ประสบผลสำเร็จ
มาคุยกันได้ที่นี่ครับ https://www.facebook.com/value.investing.freedom