MoneyTalk Special ก้าวสู่โลกยุคใหม่ กับ ไทยวีไอ คุณ วีระพงษ์ ธัม

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2576
ผู้ติดตาม: 1

MoneyTalk Special ก้าวสู่โลกยุคใหม่ กับ ไทยวีไอ คุณ วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 1

โพสต์

MoneyTalk Special ก้าวสู่โลกยุคใหม่ กับ ไทยวีไอ
คุณ วีระพงษ์ ธัม นายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า(ประเทศไทย)

หลังจากคุณหลิน ได้พูดในรายการMoneyTalk เมื่อปีที่แล้วว่าได้ลงทุนในต่างประเทศ
วันนี้จะมาพูดต่อเกี่ยวกับมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนที่เปลี่ยนไปหลังCovidอย่างไรบ้าง

ช่วงต้นปีที่แล้ว วีไอไทยไปลงทุนในต่างประเทศคึกคักมาก เพราะว่าหุ้นเทค ขึ้นเยอะ ทั้งใน US,China,ลาตินอเมริกา
ญี่ปุ่นและยุโรป ถือเป็นช่วงฮันนีมูล ในช่วง2-3เดือนแรกของปีที่แล้ว หุ้นขึ้น 5-10%ทุกวัน โอนเงินไปซื้อหุ้นไม่ค่อยทัน
หุ้นต่างประเทศขึ้นได้ โดยเฉพาะหุ้นเทคที่ Price per sales จาก 10 เท่าไป 40 เท่าขึ้นไม่ยาก เปรียบกับ
หุ้นไทย ที่ PE 30 เท่าจะขยับไปที่ 100เท่า ค่อนข้างยากกว่า ดังนั้นช่วงนั้น ไปลงทุนในต่างประเทศ คิดเป็นสัดส่วน
30% ซึ่งรวมราคาที่ขึ้นไปแล้ว กับ เติมเงินมาตลอดทาง ตอนนี้ สัดส่วนในหุ้นต่างประเทศเหลือแค่ 10กว่า%
(มาจากหุ้นต่างประเทศลดลง และ หุ้นไทยเพิ่มขึ้น ) ทั้งที่ได้ปรับพอร์ตไปแล้วหลายตัวเพื่อประคองพอร์ต
โชคดีที่หุ้นไทยขึ้นมา ทำให้ภาพรวมของพอร์ตยังดี

ต้นปี2021 นักวิเคราะห์ต่างประเทศให้ความเห็นว่าหุ้นGrowthจะมาแรง พอปลายปี ภาพกลับกัน
หุ้นValueกลายเป็นหุ้นที่มาแรง แต่หุ้นGrowthลดลงแรง
พอต้นปี2022 นักวิเคราะห์ต่างประเทศให้ความเห็นว่า หุ้นvalue จะperformมาก
คุณหลินมีความคิดเห็นส่วนตัวว่า หุ้นgrowthหลายตัว ราคาลงมาจนหลายตัวราคาสมเหตุผลมากขึ้น
แต่ไม่ใช่ราคาถูกนะ ก็เลยซื้อเพิ่ม

กลยุทธ์ที่ปรับในปีนี้
1.หุ้นที่ลงทุนปรับจาก หุ้นที่Hypergrowth (อัตราการเติบโตมากกว่า60%ต่อปีซึ่งเสี่ยงสูง ถ้ากำไรไม่มา)
มาเป็นหุ้นGrowth (เติบโต30%ขึ้นไป) แทน
2.ต้องดูปัจจัยในแต่ละประเทศมากขึ้น
เพราะหลายปัจจัยที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ทำให้ตลาดหุ้นผันผวน ก็เลยลดน้ำหนักในการลงทุนใน
ลาตินอเมริกา รัสเซีย ลง

นโยบายของสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า(ประเทศไทย)
1.Missionของสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า หรือ Thaivi ยังเหมือนเดิม แต่เราจำเป็นต้องไปลงทุนในต่างประเทศ
จากข้อมูลของกองทุนรวม มีเม็ดเงินไหลเข้าในGlobal Equity เติบโตในปีที่แล้ว 92% ส่วนกองหุ้นจีนโต 52%
ทั้งที่ NAV ลดลงมามาก (แสดงว่าเม็ดเงินเข้ามาน่าจะเติบโตมากกว่า 70%)
สุดท้ายนักลงทุนต้องปรับตัวอยู่ดี ทางสมาคมThaivi ต้องหาแนวร่วมเพื่อไปลงทุนในต่างประเทศ
ไม่อยากให้นักลงทุนเป็น ไก่ (ลงทุนไม่เป็น) ในการลงทุนต่างประเทศ

ส่วนตัวยังfocus ลงทุนหุ้นไทย รายการopportunity day ซึ่งบริษัทที่มาออกรายการเพิ่มจากเดิม50เป็น100กว่าบริษัท
ในWebboard Thaivi ก็มีห้อง 100คน100หุ้นไทยและต่างประเทศ ซึ่งยังคึกคักอยู่ เราจะเป็นไก่ที่บินได้แล้ว

เหตุผลที่ไปลงทุนตลาดหุ้นรัสเซียและละตินอเมริกา เพราะ ปีที่แล้ว ชอบModel business : Fintech,E-commerce
แต่การหาหุ้นลงทุน ต้องไปหาหุ้นที่มีmarket cap เล็กๆเพื่อจะได้โต10เด้งได้ ก็ต้องไปหาในประเทศที่ล้าหลัง
ซึ่งหุ้นที่ไปลงทุน ถือเป็นหุ้นHypergrowth. ต่อมาก็หันมาถือหุ้นGrowthแทน ระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น
ส่วนตัว เชื่อในเทรนของDigital ซึ่งเป็นเทรนใหญ่ที่จะมา ดังนั้นเลยต้องศึกษา

2.พัฒนาPlatformของThaivi และเป็นพันธมิตรกับplatformที่อื่นด้วย
เราอยากให้นักลงทุนรุ่นใหม่ที่พึ่งเริ่มเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นรู้จักเรามากขึ้น

3.เราต้องการให้นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ คืนกำไรสู่สังคม ผ่านการบริจาคให้โครงการดีๆ
เช่น ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ทำให้เด็กเล็กเป็นทรัพยากรที่มีค่าในอนาคต

คนที่สมัครเป็นสมาชิกใหม่ในปีที่แล้ว ส่วนใหญ่อายุเฉลี่ย20กลางๆ เข้ามาหาข้อมูลในwebboard Thaivi
ส่วนคลิปโต ถ้ามีพื้นฐานมากขึ้นอีกระดับนึง อาจเปิดห้อง100คน100เหรียญก็เป็นไปได้
เพราะอยากให้นักลงทุนรุ่นใหม่ เข้าใจในการลงทุนแบบวีไอมากขึ้น

ส่วนหุ้นเทคโนโลยีหลายตัว ถ้าเราเข้าใจทฤษฏีมากขึ้น ก็อาจลงทุนได้ดีขึ้น เช่น
การตัดค่าใช้จ่ายของR&Dของหุ้นเทคจะตัดในปีเดียว แตกต่างจาก การลงทุนในหุ้นold economy
ซึ่งตัดค่าเสื่อมเครื่องจักรหลายปี เราต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆเพิ่มขึ้นตลอดเวลา

สุดท้ายขอขอบคุณ อาจารย์ไพบูลย์ อาจารย์นิเวศน์ และ คุณหลินมากๆครับที่มาให้ความรู้
แนบไฟล์

โพสต์โพสต์