โพสต์
อ้างอิงกระทู้ปี 2556
หากยังทำผลตอบแทนได้ดีเหมือนที่ผ่านๆมา
ขอบคุณอาจารย์ดร.นิเวศน์และอีกหลายท่าน ที่สินธรก็เฮียคลายเครียด
ศิษย์โชคดีที่ได้รับการชี้แนะให้เดินตามทางที่ถูกต้อง อย่างไม่ลังเล แม้ต้นทุนชีวิตจะต่ำ
คนธรรมดาๆคนนึง เดินดิน กินข้าวแกง นั่งรถเมล์ ไม่มีมรดกใดๆ ไม่มีเกีตรติ์นิยม มีวันนี้ได้
คนส่วนใหญ่ในห้องนี้ เป็นไปได้เช่นกัน แต่ไม่ใช่ทุกคน
วันนี้คนพอร์ตหมื่นล้านแบบนักลงทุนเจอแต่คุณ นิติ โอสภานุเคราะห์
หลักพันถึงหลายพัน นับนิ้วได้ 7 คน
ส่วนหลักร้อยล้าน เกิน 50 คน
ที่เค้าบอกกันว่า ถ้าเราเชื่อว่าเราทำได้ เราจะทำได้
คิดว่ามีส่วนจริงมาก ถ้าเราไม่เชื่อ เราจะไม่ทำ ไม่ทำจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร
ความเชื่ออย่างหลงไหล เป็นพลัง ที่ทลายทุกอย่างได้ทั้ง ความกลัว ความโง่ ความเขลา
คนที่แค่เริ่มคิด แล้วกลัวโน่นกลัวนี่ มีข้ออ้างเสมอ เป็นนักฆ่าความฝันของตัวเอง
431..
--------------------------------------------------------------------------------------------------
เป็นความจริงที่ผมทำผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีได้สูงกว่าดร.
แต่ไม่ใช่ผมเก่งกว่า ท่านเริ่มลงทุนเงินต้น 10 กว่าล้าน
ส่วนผมลงหลักหมื่น หลักแสน
การบริหารเงินน้อยๆ มีความคล่องตัวกว่ามาก
แน่นอนว่าเมื่อพอร์ตเริ่มใหญ่ ผลตอบแทนจะลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่เราจะมาดูกัน นี่เป็นปัญหาของคนที่พอร์ตเริ่มใหญ่
431..
-------------------------------------------------------------------------------------------
หลายคนอาจจะคิดว่ากระทู้นี้ล่อเป้า
คนโพสต์ไม่บ้า ก็เมา ขี้โม้ เหมือนหลายคนที่เราเคยเห็นในห้องนี้
ผมจะไม่แก้ตัว ยัดเยียดว่าให้มองผมเป็นอย่างไร
ให้อ่านสิ่งที่ผมโพสต์ละกัน
ว่ามันจริงหรือไม่
หรือใครจะเอาความรู้ไปใช้ประโยชน์ได้หรือเปล่า
431..
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หลายคนในห้องนี้เล่นหุ้นเพื่อหวังจะรวย บางคนจะรวยวันนี้ พรุ่งนี้ เหมือนเล่นหวยหุ้น
บางคนเพียรพยายามหา indicator วิเศษ ที่เรารู้คนเดียว ตูจะรวยแล้ว
บางคนเพียรเฝ้าดาวโจนส์ เฝ้านิเค
บางคนคืนนี้หัวเหน่งเบอนันเก้จะพูดอะไร ตัวเลขว่างงานแค่ไหน ยุโรปจะมีปัญหาอะไรอีก
บางคนดูฟันโพล ดูหรั่งซื้อขาย เช้า บ่าย
หลายคนอ่านข่าวหุ้น ทันหุ้น ว่าวันนี้เค้าจะเล่นอะไร
หลายคนฟังกระซิบจากมาร์ ดู most active
หลายคนต้องหุ้นปั่นเท่านั้น ที่จะทำให้รวย
สิ่งที่คนหลายคนทำข้างต้น ผมกลับไม่ได้ทำเลย....
431..
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
ผู้รู้เคยพูดไว้ว่า "ความอิจฉา คือคำยกย่องที่จริงใจที่สุด"
เราอิจฉาใคร ในลึกๆในใจ เราคิดว่าคนนั้นเก่ง
ผมยังไม่เก่งขนาดนั้น
อย่ามาอิจฉาผมเลยครับ
431..
------------------------------------------------------------------------------------------------------
แล้วผมทำอะไรล่ะ ที่พอร์ตโตเอา โตเอา
ผมอ่าน 56-1 ของบริษัทที่ผมสนใจ หรือแม้กระทั่งที่ไม่สนใจ
ผมดู opp day เกือบๆทุกบริษัท
ผมติดตามข่าวกิจการที่ลงทุน อ่านงานวิจัย
ผมติดตามข่าวกิจการที่ยังไม่ลงทุน แต่สนใจลงทุน
ผมซื้อตอนคนอื่นไม่ซื้อ
ผมซื้อตอนคนอื่นขาย
ผมซื้อตอนคนอื่นไม่สนใจ
ผมขายตอนที่คนอื่นกระตือรือล้น
ผมขายเมื่อราคาไม่ถูกแล้ว
ผมไม่เคยขายเพราะราคาหุ้นลดลง
ผมขายเพราะเหตุผลที่ตอนซื้อนั้นผิด
ในตลาดหุ้นเราต้องทำในสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ทำ
ทำในสิ่งที่คนอื่น ทำได้ยาก
ถ้าเราเอาชนะอารมย์ตัวเองได้ เราจะชนะคนอื่น
อย่าให้ใครมาครอบงำความผิดเราได้
คนที่จะอยู่รอดในตลาด ต้องเป็นตัวของตัวเอง
431..
------------------------------------------------------------------------------------------------------
จะได้ไม่คิดว่าเป็นเกรียนมาป่วนเวป
ข้างต้นเป็นพอร์ตที่เล็กที่สุดแล้ว ปัจจุบันขาดทุน 4 ล้าน คิดเป็น 16 เปอร์เซนต์
ถ้าพอร์ต 100 เปอร์เซนต์ก็ลองคิดดูเท่าไหร่
ทำไมเอาพอร์ตขาดทุนมาโชร์
อย่าห่วงประเด็นนี้ครับ หุ้นที่กำไร ขายไปหมดแล้ว จากต้นปีกำไรประมาณ 25% (ตลาดให้ผลตอบแทนประมาณ 5 เปอร์เซนต์)
รอหน่อยหุ้นดีๆ พวกนี้จะกลับมา ถ้าไม่กลับมายังได้ปันผล 2-8 %
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่ไม่อยากโชร์หุ้น
อย่างที่เป็นพูดกัน
ไม่อยากรับผิดชอบใครครับ เอาตัวเองให้รอดก็พอแล้ว
ที่พอเผื่อแผ่ได้ก็เป็นหลักการ
เป็นเรื่องจริงที่รายใหญ่รายคน เชียร์หุ้นตัวเองมากไป ตามสื่อ ตามเฟซบุค
เพื่อให้รายย่อยหรือรายใหญ่ด้วยกัน ซื้อตาม กำไรเร็วกว่ารอ
แต่อย่าไปเหมารวม หลายคนก็ซื้อเงียบๆ รวยเงียบๆคนเดียว
ยกเว้นติดรายชื่อผู้ถือหุุ้นใหญ่ ไม่รู้จะหลบอย่างไร
431..
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมยังใหม่สำหรับที่นี่
แต่ไม่ใช่มือใหม่เรื่องหุ้น
ทำไมต้องตั้งกระทู้อย่างนี้
เข้ามาอ่านที่นี้ แล้วตระหงิด ปนสังสัย
เห็นความเป็นไปของคนส่วนใหญ่
คัทแล้วคัทอีก ขาดทุนแล้ว ขาดทุนอีก
หุ้นตกก็ร้องระงม ทำอะไรไม่ถูก กินข้าวไม่ได้
อ่านเจอบางคน คัทรอบที่แล้ว วันรุ่งขึ้นหุ้นดีดกลับ 53 จุด
ความรู้สึกหวิวๆ กินข้าวไม่ได้ แทบเป็นลม
ตั้งแต่ปี 2518 ที่ต้้งตลาดหุ้น ถึงวันนี้
ความจริงที่คนส่วนใหญ่หรือน้อยมากที่รู้คือ
หุ้นให้ผลตอบแทน 38 ปี ประมาณ 88 เท่า
แต่มันช่างส่วนทางเหลือเกิน กับความจริงที่ว่า คนส่วนใหญ่ขาดทุนจากตลาดหุ้น
431..
------------------------------------------------------------------------------------------------------
เทคนิคความรู้อะไรหรือ ที่ผมให้ผมมาไกล
เขียนแล้วคงยาวมาก สรุปสั้นๆละกัน
1.หุ้นคือส่วนนึงของธุรกิจ ที่มีมูลค่า พอที่จะใช้ความรู้คำนวณมูลค่าได้ เมื่อไหร่ราคาในตลาดต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น นั่นคือเวลาซื้อ การหามูลค่า ทำอย่างไร หนังสือเยอะแยะมากมายบอกไว้ ถ้าลงทุนอ่านหนังสือไม่ได้ ก็จบแค่นี้ ใครที่เข้ามาในตลาดหุ้น รู้แต่ราคาหุ้น เก็งกำไรไปวันๆ หาค่ากับข้าว เห็นหุ้นเป็นตัวเลขวิ่งขึ้น วิ่งลง อย่างนี้เห็นหุ้นเป็นการพนันแล้ว ข้อแรกสำคัญที่สุด เปลี่ยนทัศนคติได้ ชีวิตก็เปลี่ยนแล้ว
2.อาจารย์ที่ผมเคารพมากท่านนึง เคยบอกผมว่า "เอ็งสังเกตไหว 431..ผู้คนเฝ้าติดตามจ้าวโน้น จ้าวนี้ หัวดำ หัวแดง รายใหญ่ พรายกระซิบ การเมืองเป็นอย่างไร ปูจะไหวไหม เส้นวาสนาจะตัดเส้นหัวไหร่ตูดหรือเปล่า จ้าวพวกนี้ drive ราคาหุ้นได้ก็เพียงสั้นๆ เป็นจ้าวกำมะลอ แต่ฟังซิมีเสียงหนึ่ง แม้ไม่ดัง แต่ทรงพลัง ยั่งยืน ถ้าจ้าวนี้มา แนวรับหรือแนวต้านไหนๆก็เอาไม่อยู่ เสียงนี้เป็นจ้าวตัวจริงนั่นคือผลกำไรของบริษัท (ผลกำไรต่อหุ้น ) บริษัทใดก็ตามที่กำไรต่อหุ้นโต ต่อเนื่อง ราคาหุ้นจะโตไปด้วยเสมอ ถ้ากำไรต่อหุ้นลด ราคาก็ลดตาม ระยะสั้นอาจไม่ไปตามกัน แต่ถ้านานพอ มันจะไปตามกัน เป็นสัจธรรมจริงแท้ของตลาดหุ้น ผู้คนเสียเวลาเฝ้าจ้องจ้าวกำมะลอ และเพิกเฉยต่อจ้าวตัวจริง ผลลัพธ์ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น ที่น่าสนใจคือจ้าวตัวจริง คาดการณ์ได้ง่ายกว่าที่คิด ข้อมูลมีเยอะเยอะที่ชี้นำเรา ไม่เหมือนจ้าวกำมะลอ ที่ต้องเดาเหมือนเกมส์เสี่ยงทาย
431..
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
3.ผมแสวงหาโอกาสจากความผันผวน เป็นเรื่องเข้าใจง่ายที่คนทั่วไปไม่ชอบความผันผวน โดยเฉพาะหุ้นลง ผมก็ไม่่ชอบ ยิ่งถ้าถือหุ้นเต็มพอร์ต แต่นี่เป็นช่องทางหาประโยชน์ได้ เมื่อไหรที่ความผันผวนทำให้"ราคาหุ้น" ต่างกับ"มูลค่าหุ้น" เยอะๆ นั่นคือโอกาสเลย ทั้งทางขึ้นและลง เช่นราคาหุ้นต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมากๆ ผมซื้อ ราคาหุ้นเกินพื้นฐานมากๆ ผมขาย ทำอย่างนี้ผมมักได้ซื้อหุ้นตอนถูก และไปขายตอนตลาดีแพงๆ ดังนั้นสำหรับผมความผันผวนคือเพื่อน ไม่ใช่ศัตรู แต่เราต้องควบคุมตัวเอง อย่าไปเต้นตามความผันผวนนั้น คนส่วนใหญ่ทำไม่ได้ มักไปขายตอนแดง ซื้อแพงตอนเขียว นี่คือทางเจ๊ง
431..
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ท่าน 7007731 อาจอ่านผ่านๆแล้วเข้าใจผิดนะครับ
ที่โชร์เป็นพอร์ตที่เล็กที่สุด ในหลายพอร์ตของผม แต่มีเท่าไหร่ ขออนุญาติละกัน
หุ้นตัวที่ผมขายไปเพราะมันเต็มมูลค่า ตัวที่ยังไม่เต็มมูลค่าผมก็ไม่ขาย ผมไม่ทำตามหลักวีไอยังไงครับ ขอคำชี้แนะ
ผมเป็นคนที่ถือหุ้นตลอดเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา เจอวิกฤตหลายครั้งก็ผ่านมาได้
แน่นอนว่าหุ้นตก ยังไงก็ขาดทุน แต่ถ้าหุ้นเราดีจริง มันก็กลับมา ใครเห็นหุ้นดีๆตัวไหน ราคาไม่กลับมา กระซิบบอกผมนะครับ
ที่ทนเห็นหุ้นแดงได้อย่างสบายใจ เพราะเรารู้มูลค่าของที่เรามี คนที่รู้แต่ราคา ไม่รู้มูลค่า ราคาลงเค้าก็คัท ลงมากๆก็ล้างพอร์ตเลิกกันไป
431..
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ถ้ามีใครสักคน มาบอกว่าจะมีพอร์ตหุ้นหมื่นล้าน
ผมคงหัวเราะฟันแทบหัก
ดังนั้น ใครจะว่าอะไร ผมพอเข้าใจท่าน
มันดูเกินจริง เกินจินตนการ ของคนส่วนใหญ่
อย่าว่าแต่หมื่นล้านเลย 1 ล้าน หลายคนยังแค่ฝัน
แต่...ทุกท่านฟังนะครับ
ผมมั่นใจว่า 10,000 ล้าน ไม่ไกลเกินไป
ดูจากผลตอบแทนที่ผมทำได้จริง 10 กว่าปีทีผ่านมา
อย่าให้ผมต้องพิสูจน์ ผมคงไม่ทำอย่างนั้น
ท่านอ่่านที่ผมโพสต์มา หลายคนคงรู้อะไรบ้าง
431..
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เงินที่ผมใส่ไปทั้งหมดในตลาดหุ้นแค่หลักหมื่น หลักแสนเท่านั้น
ดังนั้นอย่าบอกว่าผมจะมีพอร์ตหมื่นล้าน เพราะเริ่มจากเงินต้น 2 หมื่นล้าน
เงินหมื่น เงินแสน ทุกคนในสินธรมี
เงินต้นไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือต้องเข้ามาในตลาดหุ้นด้วยทัศนคติที่ถูกต้อง
ถ้าวิธีถูก เงินจะไหลมาเอง
ทำยังไงให้เงินโตเร็วๆ มากๆ เหมือนที่ผมทำได้
คนที่เคยอ่าน มหัศจรรย์การทบต้น จะรู้ดี
มีตัวแปรแค่ 3 ตัว
เงินต้น,ผลตอบแทนต่อปี,จำนวนปีที่ลงทุน
น่าดีใจว่าตัวแปรเงินต้นมีผลน้อยที่สุด ในขณะที่ 2 ตัวหลังเป็นการยกกำลัง ผลจะทวีคูณ เมื่อเวลาผ่านไปนาน
คนที่ไม่เคยรู้ว่าเงินที่เราทบต้นด้วยผลตอบแทนสูงๆเป็นเวลานานๆจะเกิดอะไร ลองเสร็จในอินเตอร์เน็ตและใส่ตัวเลขดูครับ
คุณจะเห็นว่าสิ่งที่ผมบอกว่าเงินหมื่น เงินแสน จะกลายเป็นเงินหมื่นล้านได้จริงหรือเปล่า
ท่่าน ดร. ทำผลตอบแทนทบต้นได้ 40 % ต่อปี ติดต่อกันสิบกว่าปี วอร์เรนทำให้ประมาณ 20 เกือบๆ 60 ปี
ปีเตอร์ลินทำได้ 29 ตลอด 13 ปีที่ฟิเดลลิตี้ วีไอหนุ่มบางคนทำได้เกิน 100 % หลายปีติดต่อกัน
431..
-------------------------------------------------------------------------------------------------
ดีใจที่มีคนที่เข้าใจจุดประสงค์บางท่านครับ
ที่จริง เขียนก็เปลืองตัว เปลืองเวลาด้วย
แต่บางครั้งก็อดไม่ได้จริง
ถ้าเรามีจิตสำนึกที่ดีอยู่บ้าง
ท้องอิ่ม เราก็นึกถึงคนอื่น
เห็นคนอื่นที่ลำบากเราก็เข้าใจและอยากช่วย
คนที่เข้าใจเพียง 1-2 คนก็คุ้มแล้ว
ที่จริงคงไม่ใช่ผมคนเดียวที่เป็นอย่างที่
พี่ aqua พี่ endophine คุณสาระขัน คุณทองเนื้อเก้า คุณซาตอนเต้ย คุณชิมิ ก็เห็นช่วยๆกันอยู่
คุณชิมิพูดถูกครับ เส้นทางนี้มันทางมาราธอนชัดๆ ถ้าใจไม่มุ่งมั่นพอ เจออุปสรรคนิดเดียวก็จอดแล้ว
ผมใช้เวลาหลายปี กว่าพอร์ตจะโตอย่างมีนัยยะ หลังจากนั้นนั่งกระดิกเท้า อย่างที่ว่าจริงๆ เงินมันทำงานเอง
แต่ใครจะรอได้หลายปีล่ะ มีน้อยคนที่ทำได้ ทุกคนอยากแด่กด่วนทั้งนั้น สุดท้ายก็โดนเผาหมด
อย่างที่เค้าว่า ศัตรูของเรา นั่นคืออารมย์ตัวเราเอง
431..
นี่เลยต้องย้ำ เรื่องหลักการ ทัศนคติ ก่อนเสมอ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เห็นด้วยเช่นกันกับคุณ unsign
ทุกข์ของคนพอร์ตใหญ่คือการสร้างผลตอบแทน
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือเบอคไช แพ้ s&p ติดต่อกันหลายปีแล้ว
ก็ด้วยเหตุผลเรื่องขนาด
ปู่บัฟเคยบอกว่า ถ้าเค้ามีพอร์ต 1 ล้านเหรียญ เค้าสามารถทำผลตอบแทนได้ 50 เปอร์เซนต์
ปีเตอร์ลิน ส่วนนึงที่ต้องเกษียณ เพราะขนาดกองทุนนี่ละ
แต่ระดับ 1 หมื่นล้าน ผมคิดว่าตลาดหุ้นเมืองไทยน่าจะรับได้
10 กว่าปีก่อน คุณนิติ พอร์ตก้ไม่เท่าไหร่ แต่ดูตอนนี้ซิ
ดร.จาก 10 กว่าล้าน ตอนนี้น่าจะ 4-5 พัน (มีบางตัวที่ไม่ติดรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ เพราะบริษัทใหญ่มาก)
แต่ระดับแสนล้าน คงต้องออกไปต่างประเทศแล้วครับ
ซึ่งคงไม่ง่ายนัก แค่เรื่องภาษี ภาษา นี่ก็เหนื่อยแล้ว
431..
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ท่านใดที่อ่านแล้วคิดว่ามีประโยชน์ เซฟเก็บไว้นะครับ
คงไม่ได้โพสต์เป็นเรื่องเป็นราวอย่างนี้บ่อยๆ
ลองอ่านดูซ้ำๆนะครับ อาจจะเข้าใจไม่ง่ายนัก สำหรับมือใหม่ๆ
สิ่งที่ผมอยากเน้นย้ำนะครับ..
1.เลือกอาจารย์ให้ถูกคน สำคัญที่สุด
2.รู้มูลค่าของหุ้น
3.หุ้นคือเจ้าของธุรกิจ
4.นายตลาด
5.Margin of safety
6.ทุกอย่างพ่ายแพ้ความมุ่งมั่น
431..
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
อย่างที่ผมบอกครับ คนส่วนใหญ่ไม่เคยรับรู้มหัศจรรย์การทบต้น
compounding is the most powerful force in the universe. ประโยคนี้ไอสไตร์พูด
และยังบอกด้วยว่านี่เป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับแปดของโลก
ผมลองใส่ตัวเลข 300,000 บาทเป็นเงินต้น ที่คิดว่าคนในห้องนี้มีปัญญาหาได้ (แทนที่จะไปซื้อรถ)
และสามารถทำผลตอบแทนได้ 80% ต่อปี เพียงแค่ 18 ปี คุณก็จะมีเงินหมื่นล้าน
เริ่มลงทุนหลังเรียนปอตรี อายุ 22 พออายุ 40 คุณก็มีหมื่น
ปัญหาคือ 80%ต่อปีไม่ใช่เรื่องง่าย แม้มีคนทำได้
และคนส่วนใหญ่พอได้กำไร มักเอาไปใช้จ่าย มากกว่าทบเป็นเงินต้น
เป็นเรื่องทฤษฎีหรือเปล่า ทำจริงไม่ได้
อันนี้ชัดเจนว่าไม่จริง เพราะผมและเป็นร้อยคนทำมาแล้ว
และอีกหลายร้อยกำลังจะทำได้ อย่าลืมว่าเราลงทุนมาได้ไม่กี่ปี ผลตอบแทนยังขนาดนี้
ถ้านานไป 10 20 ปี เวลายิ่งมากขึ้น ตอนนั้นเราจะเห็นชัดเจน
วอร์เรนเมื่อ 20 ปีที่แล้ว รวยติดอันดับเท่าไหร่ของโลกล่ะ
ผ่านมา 20 ปี รวยต้นๆของโลก
นี่คือผลของมหัศจรรย์การทบต้น
ลองเสริจรูป exponencial growht
ในอินเตอร์เน็ตดูครับ ดูว่าปีหลังๆการเติบโตของกราฟเป็นอย่างไร แล้วคุณจะทึ่ง
431..
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
เราเคยเจอกันครับ แต่เราไม่รู้จักกัน
คุณอาจจะเคยเห็นผม แต่คุณไม่รู้ว่าเป็นผมเท่านั้นเอง
431..
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
80 มีครับ ทำได้หลายปีแล้ว แต่ระยะยาวคงไม่ยั่งยืนเกิด regresstion to the mean
แต่ระดับ 40 นี้เห็นๆกันอยู่ เกินกว่านี้ก็หลายคน แต่เค้าไม่ได้มาเป่าประกาศครับ รู้กันเฉพาะกลุ่ม
แต่ที่พูดมา ไม่ได้ให้ทุกท่านหวังผลเลิศขนาดนั้น แค่บอกว่าทุกอย่างเป็นไปได้ แต่มีต้นทุน
คนทั่วไป หวังสัก 20-30% ก็รวยเละแล้ว
คิดว่าเป็นไปได้ เพราะผลตอบแทนตลาดก็ 10% ต่อปี นี่ขนาดไม่ทำอะไรเลยนะ ซื้อเวทตามน้ำหนักดัชนี
ถ้าเลือกหุ้นดีๆหน่อย ราคาไม่แพง คิดว่าทำได้ครับ
431..
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
เคยตกจากจุดสูงสุด 60% ครับ ตอนซับพลาม
แต่ยังถือหุ้นตลอด เพื่อเชื่อในพื้นฐานของหุ้นที่ถือ
สุดท้ายก็กลับมาหมด แถมกำไรให้อีกหลายเท่า
นี่เป็นเหตุผลที่ตระหงิด เวลาเห็นใครหุ้นลงแล้วชอบคัทลอท ทั้งที่ซื้อแบบพื้นฐาน
อย่าไปเชื่อถ้าใครบอกว่า ถือหุ้นนานเสี่ยง ไม่รู้จะลงวัน ไหน หุ้นตกถือเงินสดดีกว่า
การถือเงินสดเป็นการเสี่ยงเหมือนกัน หุ้นวิ่งเมื่อไหร่ก็ตกรถกันไป แต่ทำเป็นเงียบ คัทแล้วหุ้นลงเสียงดัง
ถ้ามีใครรู้ว่าหุ้นจะลงรีบคัท หุ้นจะขึ้นรีบซื้อ แบบเทคนิคคอลอ้างกัน
ป่านนี้พวกเทคนิค คงรวยจนติดผู้ถือหุ้นใหญ่ไปแล้ว ไม่ใช่พวกวีไอ
ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน อย่าดูแค่คำพูดที่สวนหรู
นักลงทุนหลงทางกันมาแล้วเท่าไหร่ วันนี้ก็เหมือนเดิม เดินผิดทางกันต่อไป
431..
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ข้างล่างเป็นเนื้อหาที่ผมแนะนำ วิธีการวิเคราะห์หุ้น
รอดูครับว่าตัวที่ว่า จะเป็นไปตามที่ผมคาดหรือเปล่า
แต่อย่างน้อย คนที่อ่าน น่าจะได้รับแง่คิดไปบ้าง ว่าเค้าวิเคราะห์หุ้นกันอย่างไร
คุณ 923138 ถามเรื่องหุ้นวีไอ
ให้ยกตัวอย่างชัดๆ ไม่ใช่พูดแต่อดีต เอาแต่ที่กำไรมาพูด
ผมถึงจะลงทุนแนววีไอ แต่ไม่ขอรับคำท้าครับ
เพราะสุ่มเสี่ยงเหลือเกิน ที่จะเปลืองตัว
และวีไอก็คิดผิดได้เช่นกัน
แต่จะยกตัวอย่างหุ้นตัวนึงนะครับ ไม่ระบุชื่อ
น่าจะเข้าข่ายหุ้นวีไอ แต่จะกำไรหรือเปล่า มันขึ้นกับปัจจัยหลายๆอย่างที่จะเล่า
หลักการวีไอคือ ซื้อหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น เช่นหุ้นตัวนี้ราคาควร 10 บาท แต่ราคาในตลาด 5 บาท
หุ้นตัวที่ว่าเป็นบริษัทเงินทุน หนึ่งในสองรายสุดท้ายในประเทศไทย
ถ้าจำไม่ผิด เป็นหุ้นตัวแรกๆที่เข้ามาในตลาดหุ้นไทยด้วย
หุ้นตัวนี้ รอวันเลิกกิจการ เป็นแนว Asset play แบบปีเตอร์ ลินซ์
ราคาหุ้นเทรดที่ 5.2 บาท มูลค่าทางบัญชี 10.75 บาท
แต่ใน 10.75 บาท อาจจะเกินกว่านี้พอสมควร
สาเหตเพราะก่อนหน้านี้ ขายบริษัทย่อยไป ได้กำไรหลายร้อยล้าน
แทนที่จะเอามาปันผล กลับเอาไปสำรองหนี้สูญก้อนใหญ่
ทั้งที่ความจริงหนี้เหล่านั้น คงไม่เสียทั้งหมดจริง
สินทรัพย์ที่มี เป็นสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดีคือเงินสดและลูกหนี้
สังเกตว่าลูกหนี้ลดลงตลอด เพราะบริษัทจะเลิกธุรกิจแล้ว สู้ธนาคารไม่ได้
ทุกวันนี้บริษัทยังมีกำไรดี คิดเป็นพีอี 10 เท่า ปันผล 6%
แนวทางการลงทุนคือคาดว่าบริษัทจะขายกิจการให้แบงค์
พอร์ตสินเชื่อ+เงินสด 2 พันล้าน
ธนาคารสามารถนำไปขยายสินเชื่อได้ 10 เท่าคือ 2 หมื่นล้าน
ถ้าคาดถูกนักลงทุนน่าจะได้กำไรประมาณ 100%
ถ้าไม่เกิดอะไรขึ้น ได้ปันผลปีละ 6%
ถ้าคาดผิด สาเหตุอาจเป็นอย่างนี้..
1.ผู้บริหารไม่เลิกกิจการ แต่ไซฟ่อนเงิน (ตอนนี้ส่งลูกชายมานั่งบอร์ด) แล้ว แต่เรื่องนี้เป็นไปได้ยาก เพราะกฎหมายควบคุมเข้ม โทษค่อนข้างแรง ตระกูลนี้มีหน้าตาในสังคม เป็นเจ้าของ EE และ คอมลิงค์ รวมถึงอีกหลายกิจการนอกตลาด
2.เลิกกิจการ แต่ตัดหนี้สูญก้อนโต รวมถึงจ่ายชดเชยพนักงานจำนวนมาก กำไรที่เหลือถึงรายย่อยจะไม่ถึง 100%
3.ไม่เลิกกิจการ ทู่ซี้อยู่ไปเรื่อยๆ นักลงทุนเสียโอกาส แต่ได้ปันผลปลอบใจ 6%
4.......
ทั้งหมดที่โพสต์ไป เป็นการยกตัวอย่างให้เห็นจริงๆว่าวีไอก่อนซื้อหุ้น เค้าดูอะไร คิดอย่างไร
แต่ถ้าคิดจะซื้อตาม ให้คิดใหม่ และอ่านความเสี่ยงก่อน..
431..
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ได้เลยครับคุณ "เพียงผ่านมา" ผมรับคำท้าครับ
เมื่อเราไปถึงจุดนั้น อย่าลืมทักทายกันนะครับ
ความฝันสวยงามเสมอ แต่เราต้องทำให้เป็นจริง
ด้วยศรัทธา ที่ไม่มีใครทำลายได้
หลักการ เสี่ยงน้อย ได้มาก เป็นหลักการทั่วไปของวีไออยู่แล้ว
อาจจะมีคนนำไปใช้ แตกแขนงออกไปอย่างดันโด
ที่จริง ตอนซัพพลาม บาไบร ทำได้แย่มากนะครับ
เพราะแคลรี่ ฟอมูร่า จะเป็นจริงเมื่อตัวเลขที่ใส่ไปถูกต้อง
แต่ความเป็นไปได้ที่ใส่ไป มาจากมนุษย์
เผอิญตัวที่ bet หนักๆ เสียหายมากครับ
ตอนนี้พาไบร limit position สูงสุดเหลือแค่ 5% แล้วครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คงไม่ทำครับ
ผมอยากให้ความคิดมีอิสระ
แต่ไม่นานจะเขียนหนังสือเป็นเรื่องเป็นราว
เขียนให้ดี เป็นวิทยาทาน
ไม่ใช่เขียนให้ดัง หวังให้รวย โชว์รูป แบบพิมพ์นิยมฮะ
บันทึกไม่สำเร็จ