หุ้นเทคจีน ตอนนี้น่าสนใจไหม โดย Finnomina
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2576
- ผู้ติดตาม: 1
หุ้นเทคจีน ตอนนี้น่าสนใจไหม โดย Finnomina
โพสต์ที่ 1
Finnomina Live 4 Apr 2022 19.00 : Global REITs , SET Index , หุ้นเทคจีน กองไหนน่าสนใจ
จากperformance ตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นเดือน มีนาคม พบว่า มีน้ำมันเพิ่มสูงสุด 31%
ตามด้วยทองคำ 5% , UK eq 3.2%, $ 3%
ส่วนที่ลงหนักๆได้แก่ Emerging Bond -9% , EM Equity -6.7% , US IG Bonds 6.2%
สัปดาห์ที่แล้ว ที่เพิ่มมาได้แก่ Global REITs 2.5% , EM Equity 1.9% , EM Bond 1.5%
ที่ลงหนักได้แก่ น้ำมัน -6.9% , S&P500 -0.6%,$ -0.5%, Japan equity -0.3%
ถ้าลงลึกไปรายประเทศ และ ประเภทกองทุน
ตั้งแต่ต้นปี China A-share -13.4% , DAX -9.1% , Nasdaq -8.7%, MSCI Asia ex JP -7.8%,Korea -7.7%
ย้อนหลัง1สัปดาห์ China A 3.1% , NIFTY 2.6% , China H-share 2.5% , VN 2.3%
ถ้าเจาะไปที่รายอุตสาหกรรม ตั้งแต่ต้นปี
ตั้งต้นต้นปี ก็มีEnergy ที่performดีมาก +40.2%
ย้อนหลัง1สัปดาห์ Real Esatate +3.2% ,Utility +3.1%,Cons Staples +1.9%
เจาะลึกในส่วนของ REITS พบว่า
ตั้งต้นต้นปี ก็มี Hongkong & European ที่ไม่ติดลบ
ย้อนหลัง1สัปดาห์ US +3.1% , Global +2.5% , Australia +2.2% ที่บวกค่อนข้างดี
Global REITs บวกนี้ ไม่น่าแปลกใจ เพราะสัดส่วนของUS 71%
สถานการณ์โควิดที่US เริ่มดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
Occupancy rate กลุ่ม Industrial , Retail พ้นระดับ Pre-covidแล้ว (สงสารแต่ของไทย เมื่อไหร่จะฟื้นเสียที)
US คนออกนอกบ้านมากขึ้น แต่ก็ยังมีพฤติกรรมทำงานที่บ้าน
ดังนั้นค่าเช่าในUSโดยรวมปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่พักไกลบ้าน
FTSE Global REITs เทียบกับ MSCI ACWI พบว่า ราคาปรับขึ้นไปสูงมาก
แต่กำไรเทียบกับหุ้นโลกกลับไม่ได้ดีกว่า
Valuationของกลุ่มGlobal REITs ไม่น่าสนใจ ล่าสุด Dividend Yield spread ติดลบ เทียบกับฺBondยังเป็นบวก2%กว่า
และในแง่ของPEแพงกว่าหุ้นโลกในระดับ+2SD, RSI เริ่มอยู่ในช่วงซื้อมากเกินไปด้วย
สรุป ภาพแมคโครเริ่มดีขึ้น ยกเว้น office สะท้อนจาก occupancy rate ฟื้นตัวเหนือcovid-19 และค่าเช่าปรับขึ้นตามเงินเฟ้อได้
กำไรโดนปรับประมาณการลงตั้งแต่ต้นปี2022 แต่เทียบกับหุ้นโลกโดนปรับลงใกล้เคียงกัน แต่valuationอยู่ในระดับราคาแพง
เริ่มมีupsideจำกัด สรุป แนะนำลดสัดส่วนการลงทุนลง
ส่วนมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
M: ตัวเลขทางเศรษฐกิจยังไม่สัญญาณฟื้นตัว การปรับประมาณการภาพรวมGDPที่แย่ลง เป็นปัจจัยลบ กดดันตลาดทุน
E: Earning เปรียบเทียบกับ MSCI ACWI ยังทรงตัว สวนทางกับราคาที่ปรับขึ้นมาในระยะหลัง
V: Valuation เริ่มขยับมาอยู่ในระดับแพงอีกครั้ง +1.5SD หลายsectorแพงแต่selectiveได้
T: ได้รับแรงหนุนจากFlowต่างชาติ นับจากต้นปีซื้อสุทธิไปกว่า 112,00 MB
สรุปมีปัจจัยลบกดดัน แนะนำให้ลดน้ำหนักลงมา
ส่วนตลาดหุ้นเทคจีนนั้น
Hang Seng Tech Index มีEPS ที่underperform NASDAQ100
เดือนมีนาคมยังปรับลดประมาณการEPSกลุ่มเทคจีนต่อ และ PE เทียบหุ้นโลก -2SD
ทางFinnomina ได้สรุปประเด็นการถอดถอนหุ้นจีนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐดังนี้
1.สหรัฐมีกฏหมายที่ชื่อว่า HFCAA กำหนดให้บริษัทต้องเปิดให้ PCAOB ตรวจสอบบัญชี ซึ่งรวมไปถึงโครงสร้างของบริษัท
2.บริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ ไม่เปิดเผยข้อมูลโครงสร้างของบริษัท ทำให้บริษัทเหล่านี้ติดในรายชื่อ
ชั่วคราวของPCAOBที่ต้องเปิดเผยรายงาน
3.หากไม่เปิดเผย3ปีติดต่อกัน จะถูกถอดถอนจากตลาดหุ้นสหรัฐ ตอนนี้มี6บริษัท
4.ล่าสุด 1เมษายน ทางการจีนเตรียมอนุญาตให้หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐตรวจสอบบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ
กว่า 200 บริษัทในช่วงกลางปีนี้ ซึ่งรวมเทคจีนขนาดใหญ่ด้วย
KWEB เป็น ETF ที่รวมบริษัทเทคจีน ต้องทะลุแนวต้าน Fibo 61.8 ให้ได้ จะเป็นสัญญาณที่แกร่ง
ซึ่ง กอง BCAP CTECH ได้ลงทุนในKWEBส่วนนึง คุณแบงค์ บอกให้รอสัญญาณtechnicall เทคจีน
สรุปการเปลี่ยนregulationทำให้เทคจีนกลับฟื้นตัว เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ กำไรถูกปรับลงก่อนหน้า
Valuationถูกมากๆ หากยืนเหนือแนวต้านได้
สัญญาณจะแข็งแกร่ง แนะนำทยอยสะสมหุ้นเทคจีน
และเพิ่มน้ำหนักเมื่อผ่านแนวต้านสำคัญ
จากperformance ตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นเดือน มีนาคม พบว่า มีน้ำมันเพิ่มสูงสุด 31%
ตามด้วยทองคำ 5% , UK eq 3.2%, $ 3%
ส่วนที่ลงหนักๆได้แก่ Emerging Bond -9% , EM Equity -6.7% , US IG Bonds 6.2%
สัปดาห์ที่แล้ว ที่เพิ่มมาได้แก่ Global REITs 2.5% , EM Equity 1.9% , EM Bond 1.5%
ที่ลงหนักได้แก่ น้ำมัน -6.9% , S&P500 -0.6%,$ -0.5%, Japan equity -0.3%
ถ้าลงลึกไปรายประเทศ และ ประเภทกองทุน
ตั้งแต่ต้นปี China A-share -13.4% , DAX -9.1% , Nasdaq -8.7%, MSCI Asia ex JP -7.8%,Korea -7.7%
ย้อนหลัง1สัปดาห์ China A 3.1% , NIFTY 2.6% , China H-share 2.5% , VN 2.3%
ถ้าเจาะไปที่รายอุตสาหกรรม ตั้งแต่ต้นปี
ตั้งต้นต้นปี ก็มีEnergy ที่performดีมาก +40.2%
ย้อนหลัง1สัปดาห์ Real Esatate +3.2% ,Utility +3.1%,Cons Staples +1.9%
เจาะลึกในส่วนของ REITS พบว่า
ตั้งต้นต้นปี ก็มี Hongkong & European ที่ไม่ติดลบ
ย้อนหลัง1สัปดาห์ US +3.1% , Global +2.5% , Australia +2.2% ที่บวกค่อนข้างดี
Global REITs บวกนี้ ไม่น่าแปลกใจ เพราะสัดส่วนของUS 71%
สถานการณ์โควิดที่US เริ่มดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
Occupancy rate กลุ่ม Industrial , Retail พ้นระดับ Pre-covidแล้ว (สงสารแต่ของไทย เมื่อไหร่จะฟื้นเสียที)
US คนออกนอกบ้านมากขึ้น แต่ก็ยังมีพฤติกรรมทำงานที่บ้าน
ดังนั้นค่าเช่าในUSโดยรวมปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่พักไกลบ้าน
FTSE Global REITs เทียบกับ MSCI ACWI พบว่า ราคาปรับขึ้นไปสูงมาก
แต่กำไรเทียบกับหุ้นโลกกลับไม่ได้ดีกว่า
Valuationของกลุ่มGlobal REITs ไม่น่าสนใจ ล่าสุด Dividend Yield spread ติดลบ เทียบกับฺBondยังเป็นบวก2%กว่า
และในแง่ของPEแพงกว่าหุ้นโลกในระดับ+2SD, RSI เริ่มอยู่ในช่วงซื้อมากเกินไปด้วย
สรุป ภาพแมคโครเริ่มดีขึ้น ยกเว้น office สะท้อนจาก occupancy rate ฟื้นตัวเหนือcovid-19 และค่าเช่าปรับขึ้นตามเงินเฟ้อได้
กำไรโดนปรับประมาณการลงตั้งแต่ต้นปี2022 แต่เทียบกับหุ้นโลกโดนปรับลงใกล้เคียงกัน แต่valuationอยู่ในระดับราคาแพง
เริ่มมีupsideจำกัด สรุป แนะนำลดสัดส่วนการลงทุนลง
ส่วนมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
M: ตัวเลขทางเศรษฐกิจยังไม่สัญญาณฟื้นตัว การปรับประมาณการภาพรวมGDPที่แย่ลง เป็นปัจจัยลบ กดดันตลาดทุน
E: Earning เปรียบเทียบกับ MSCI ACWI ยังทรงตัว สวนทางกับราคาที่ปรับขึ้นมาในระยะหลัง
V: Valuation เริ่มขยับมาอยู่ในระดับแพงอีกครั้ง +1.5SD หลายsectorแพงแต่selectiveได้
T: ได้รับแรงหนุนจากFlowต่างชาติ นับจากต้นปีซื้อสุทธิไปกว่า 112,00 MB
สรุปมีปัจจัยลบกดดัน แนะนำให้ลดน้ำหนักลงมา
ส่วนตลาดหุ้นเทคจีนนั้น
Hang Seng Tech Index มีEPS ที่underperform NASDAQ100
เดือนมีนาคมยังปรับลดประมาณการEPSกลุ่มเทคจีนต่อ และ PE เทียบหุ้นโลก -2SD
ทางFinnomina ได้สรุปประเด็นการถอดถอนหุ้นจีนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐดังนี้
1.สหรัฐมีกฏหมายที่ชื่อว่า HFCAA กำหนดให้บริษัทต้องเปิดให้ PCAOB ตรวจสอบบัญชี ซึ่งรวมไปถึงโครงสร้างของบริษัท
2.บริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ ไม่เปิดเผยข้อมูลโครงสร้างของบริษัท ทำให้บริษัทเหล่านี้ติดในรายชื่อ
ชั่วคราวของPCAOBที่ต้องเปิดเผยรายงาน
3.หากไม่เปิดเผย3ปีติดต่อกัน จะถูกถอดถอนจากตลาดหุ้นสหรัฐ ตอนนี้มี6บริษัท
4.ล่าสุด 1เมษายน ทางการจีนเตรียมอนุญาตให้หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐตรวจสอบบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ
กว่า 200 บริษัทในช่วงกลางปีนี้ ซึ่งรวมเทคจีนขนาดใหญ่ด้วย
KWEB เป็น ETF ที่รวมบริษัทเทคจีน ต้องทะลุแนวต้าน Fibo 61.8 ให้ได้ จะเป็นสัญญาณที่แกร่ง
ซึ่ง กอง BCAP CTECH ได้ลงทุนในKWEBส่วนนึง คุณแบงค์ บอกให้รอสัญญาณtechnicall เทคจีน
สรุปการเปลี่ยนregulationทำให้เทคจีนกลับฟื้นตัว เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ กำไรถูกปรับลงก่อนหน้า
Valuationถูกมากๆ หากยืนเหนือแนวต้านได้
สัญญาณจะแข็งแกร่ง แนะนำทยอยสะสมหุ้นเทคจีน
และเพิ่มน้ำหนักเมื่อผ่านแนวต้านสำคัญ