ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือมือเก่า มืออาชีพหรือมือสมัครเล่น ร้อยทั้งร้อยต่างอาจเคยสงสัยในตนเองอยู่เสมอว่า ตลอดชีวิตเส้นทางการเป็นนักลงทุนของคุณนั้น ทั้งความสำเร็จ ความล้มเหลว ความสุขใจ และทุกข์ใจ หรือทุกก้าวย่างตลอดเส้นทางที่เดินผ่านมา สิ่งเหล่านั้นจะสามารถผลักดันและนำพาคุณไปสู่เป้าหมายที่วาดฝันไว้ได้จริงหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนมือใหม่ที่เมื่อแรกเริ่มได้มีโอกาสทำความรู้จักกับโลกแห่งการลงทุนอันแสนวุ่นวายและคลุมเครือ ความลังเลสงสัย ความเดียวดาย และความสับสนอาจทำให้การเริ่มต้นในเส้นทางการเป็นนักลงทุนของเหล่ามือใหม่ต้องพบเจอกับความยากเย็นเข็ญใจ
..................................................
บทความชิ้นนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นการสรุปรวมความคิดรวบยอด ข้อคิด และบทเรียนจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ของเหล่า “นักลงทุนมืออาชีพ” ที่กลั่นกรองจากประสบการณ์การลงทุนอันยาวนาน แก่นสารหรือสาระสำคัญที่แฝงเร้นอยู่ในทุกตัวอักษรจากนี้เป็นต้นไป อาจเป็นกำลังสำคัญเพื่อช่วยให้นักลงทุนมือใหม่สามารถก้าวข้ามผ่านจุดเริ่มต้นได้อย่างมั่นคงเสมือนมีเครื่องรางยึดเหนี่ยวสภาพจิตใจ ขณะเดียวกันสำหรับนักลงทุนมือเก่าก็ยังสามารถดูดซึมแก่นสารเหล่านี้ประหนึ่งเพื่อการตกตะกอนทบทวนชีวิตของตนเองอีกครั้ง และก้าวเดินต่อไปอย่างผู้ที่ “เข้าใจในชีวิต” มากขึ้นกว่าคุณคนเมื่อวาน ...............................................................................
“ชีวิตจริงไม่เหมือนในตำรา”
...................................................
เราไม่มีทางรู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแค่ไหน จะเจ็บป่วยหรือตายเมื่อไหร่ การมีสติอยู่กับปัจจุบันจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนหรือประกอบอาชีพอะไรก็ตาม ไม่ว่าคุณจะมีพอร์ตหุ้นเท่าไหร่ หรือมีเงินมากมายมหาศาลเพียงใด หากนำมาคูณกับศูนย์ ผลลัพธ์มันก็เท่ากับศูนย์ การมีเงินเป็นพันล้านหมื่นล้าน เมื่อนำมาคูณกับความตาย มันก็เท่ากับความว่างเปล่า
หากคุณหลงระเริงเล่นกับระบบทุนนิยมไปเรื่อยๆ เพียงไม่นาน คุณก็จะเคลื่อนย้ายกระบวนการหรือวิธีการเดินทางไปสู่เป้าหมาย ให้กลายไปเป็นเป้าหมายเสียเอง “การหาเงินกลายเป็นเป้าหมายหลักในชีวิตไปเสียแล้ว” เรื่องที่สัมพันธ์กันก็คือ อคติทางการลงทุนที่ร้ายแรงใดๆก็ไม่สร้างความเสียหายต่อชีวิตและสภาพจิตใจได้เท่ากับการ “คิดเข้าข้างตัวเอง ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างที่ใจเราต้องการ” ในตำราการลงทุนทุกแขนงจึงพร่ำบอกคุณเสมอว่า “คุณควรเรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่น” คุณไม่จำเป็นต้องเผชิญกับความผิดพลาดด้วยตนเองไปเสียทุกเรื่องหรอก เพราะเมื่อใดก็ตามที่ความผิดพลาดนั้นเผยตัวในชีวิตคุณขึ้นมาจริงๆแล้วล่ะก็ มันอาจสายเกินไปที่จะแก้ไขให้กลับคืนมาดังเดิม
ในชีวิตคุณนั้นต้องการเงินหรือความสุข “สำหรับผม เงินเป็นเพียงส่วนประกอบของความสุขเหล่านั้น” หากมีทัศนคติเช่นนี้ ก็อาจทำให้เราจัดการกับความโลภ ความกลัว และสภาวะความตึงเครียดจากการลงทุนหรือการทำงานหาเงินได้บ้าง การตัดสินใจในเรื่องสำคัญต่างๆจะมีเหตุมีผลมากขึ้น มันเป็นเรื่องของการบริหารสภาวะจิตใจ ซึ่งสามารถทำให้คุณลงทุนและอยู่ในตลาดหุ้นได้อย่างมีความสุข
........
มี่ : ทิวา ชินธาดาพงศ์ ......................................................................................
“การบริหารความเสี่ยงและความรู้ คือสิ่งสำคัญของการเป็นนักลงทุน” ใครที่เพิ่งเริ่มต้นเข้าสู่ตลาดหุ้น อยากให้ทุ่มเทพยายามค้นคว้า ศึกษาหาความรู้อย่างสม่ำเสมอก่อนเป็นลำดับแรก ในช่วงเริ่มต้นวิถีชีวิตนักลงทุน คุณไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจให้มากนักว่าผลตอบแทนจะแพ้หรือชนะตลาด จะลงทุนแล้วได้กำไรมากหรือน้อยกว่าคนอื่นอย่างไร ไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย ขอเพียงแค่คุณพยายามสร้างผลตอบแทนให้ได้อย่างสม่ำเสมอในทุกๆปีก็ดีมากแล้ว
“เมื่อใดก็ตามที่คุณมีความรู้มากขึ้น คุณจะเป็นนักพนันน้อยลง” หากไม่ขยันไขว่คว้าหาความรู้ คุณอาจจำเป็นต้องเปิดรับความเสี่ยงมากมายมหาศาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย
อาหารหน้าตาสวยพริ้งที่วางเกลื่อนกลาดมากมายอยู่บนโต๊ะนั้น มิใช่ว่าจะสามารถหยิบมากินได้อย่างสบายใจทุกจาน หากคุณยังไม่รู้จักว่ายาพิษหน้าตาเป็นอย่างไร สิ่งใดที่ไม่เข้าใจและไม่มั่นใจก็อย่าเข้าไปยุ่งหรือมีส่วนร่วมกับมัน หากคุณตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าชีวิตนี้ต้องการที่จะเป็นนักลงทุนหุ้นอย่างจริงจัง ก็ควรค่อยๆไป ค่อยๆเดินทีละก้าวอย่างมั่นคงจะดีกว่า
“นักลงทุนนั้นเฉือนกันที่รายละเอียด” ทุกสิ่งทุกอย่างมีรายละเอียดซ่อนอยู่เสมอ การ์ดจะตกไม่ได้ หากชะล่าใจเมื่อใดก็โดนเตะก้านคอเมื่อนั้น คุณอาจเคยได้ยินผู้มากประสบการณ์บอกเล่าย้ำเตือนกันมาบ้างว่า สร้างวิธีการ หรือกระบวนการลงทุนของคุณให้ง่ายเข้าไว้ แล้วจะดีเอง คำว่าง่ายกับไม่ใส่ใจนั้นมีเส้นบางๆขวางกั้นอยู่ “อันที่จริงแล้ว มันควรเป็นความง่ายที่โอบคลุมไปด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียดมากกว่า”
...
ชาย มโนภาส .....................................................................................
ในโลกแห่งการลงทุนนั้นสามารถเกิด “Black Swan” ได้เสมอ (เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะสามารถเกิดขึ้นได้จริง) จริงๆแล้วมิได้จำกัดเฉพาะอยู่ในโลกแห่งการเงินหรือการลงทุน วงการใดก็ตามที่ซึ่งสามารถ “Massively Scalable” (ความสามารถในการขยายตัวได้อย่างมหาศาล และอย่างรวดเร็ว) วงการนั้นมีแนวโน้มที่จะเกิดปรากฏการณ์ “Black Swan” อย่างต่อเนื่องและหลีกเลี่ยงได้ยาก
ยิ่งไปกว่านั้นก็คือเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นมาแล้ว สิ่งที่จะตามมาอย่างค่อนข้างแน่นอนก็คือเหตุการณ์ “Winner Take All” (การกินรวบ) ในสังคมนักลงทุนนั้นช่องว่างระหว่างผู้ที่ประสบความสำเร็จ และผู้ที่พบกับความล้มเหลว ขยายถ่างออกจากกันอย่างไม่มีวันบรรจบ สิ่งที่นักลงทุนจำเป็นต้องลงมือปฏิบัติอยู่เสมอคือ “การทบทวนตนเอง” มีสติรู้เท่าทันความคิดของตนเอง หากคุณตระหนักแล้วว่าโลกที่คุณอยู่นั้นเต็มไปด้วย “Black Swan” คุณจำเป็นที่จะต้องขยันให้มากเป็นพิเศษ พยายามให้มากเป็นพิเศษ และระวังตัวให้มากขึ้นเป็นพิเศษ คุณจึงจะมีสิทธิ์ยืนอยู่เหนือค่าเฉลี่ยในนามของผู้ชนะ
...
หลิน : วีระพงษ์ ธัม
....................................................................................
การที่คุณมีความเชื่อ และเบื้องหลังความเชื่อนั้นเต็มไปด้วย “ความฝัน เป้าหมาย การศึกษาหาความรู้ แผนการ วิธีการ เครื่องมือ และระเบียบวินัย” หากคุณหลงใหล มุ่งมั่น และทุ่มเทเตรียมความพร้อมขนาดนี้ คงเรียกได้ว่า “ความศรัทธา” แต่หากคุณไม่มีความรู้อะไรเลยเกี่ยวกับเป้าหมายและความฝันของตัวเอง ไม่รู้แม้กระทั่งวิธีการและเครื่องมือที่จะนำพาคุณไปพบกับความสำเร็จ แถมยังมีความเชื่ออย่างที่ไม่คิดตั้งคำถาม นี่คือ “ความงมงาย”
การที่คุณมีความเชื่อและความศรัทธามุ่งมั่นพร้อมแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าแผนการและวิธีการของคุณจะราบรื่น หลายครั้งก็ประสบพบเจออุปสรรคมากมาย อยู่ที่ว่าคุณจะอดทนอยู่กับมันได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ ? คำนึงถึงความล้มเหลว ความผิดพลาด และความสิ้นหวังไว้บ้าง
การศรัทธาในความฝัน และการศรัทธาในตนเอง ส่วนหนึ่งคงขึ้นอยู่กับอุปนิสัยส่วนบุคคล เช่นความวิตกกังวล ความไม่เชื่อมั่นในตนเอง สิ่งที่สามารถช่วยเป็นที่พักพิงในยามที่คุณหวั่นไหวและอ่อนแอเมื่อต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆคือ “การพาตนเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความศรัทธา”
ทั้งการอ่านหนังสือดีๆ หรือรับฟังเรื่องราวดีๆของคนรอบข้าง สิ่งสำคัญที่สุดคืออย่านำพาตนเองไปอยู่ใกล้ชิดกับกลุ่มคนที่ไม่มีความฝัน อีกทั้งยังชอบทำลายความฝันของชาวบ้านในทุกวิถีทาง สิ่งเหล่านี้อาจเอื้อประโยชน์ให้คุณศรัทธาในตนเองมากขึ้น
“ผมเชื่อเรื่องความพยายาม มุ่งมั่น ทุ่มเท และผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังจากนั้น สิ่งที่ผมเป็น สิ่งที่ผมได้รับในทุกวันนี้ มันเพียงพอและเหมาะสมแล้ว กับสิ่งที่ทุ่มเทพยายามมาโดยตลอด" แล้ววันนี้คุณได้ตั้งใจเดินตามความฝันอย่างสุดความสามารถแล้วหรือยัง? "
...
ฮง : สถาพร งามเรืองพงศ์ ....................................................................................
อย่าทำสิ่งใดที่เกินไปกว่าขอบเขตความรู้ของตนเอง นักลงทุนมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นศึกษาเรื่องการลงทุน อยากให้ลองเริ่มต้นด้วยวิธีการกลับไปคิดทบทวนตนเองดูสักครั้งว่า ณ ปัจจุบัน ด้วยสถานะทางการเงินส่วนบุคคล อายุ อาชีพ ความสามารถ และรายได้ คุณควรจัดสรรปันส่วนเงินที่มีอย่างไร บางคนทุ่มเทเวลาให้กับการลงทุนมาก ดูหุ้นตลอดเวลาจนเสียการเสียงาน ส่งผลให้ความรับผิดชอบในหน้าที่การงาน อาชีพหลักที่สร้างรายได้ สร้างกระแสเงินสดมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันทำได้อย่างไม่เต็มที่
อย่างไรก็ตาม คุณอาจจะเหมาะสมกับเส้นทางนี้ก็ได้ คงไม่มีใครรู้นอกจากตัวคุณเอง แต่ผมขอพูดตรงๆว่าคนส่วนใหญ่อาจไม่เหมาะ
“การเป็นนักลงทุนอาชีพ หรือนักลงทุนเต็มเวลา (Full time Investor) นั้นไม่ได้เหมาะสมกับทุกคน” มีคนเพียงไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ที่เหมาะสม ชีวิตมีความสมดุล มีความสุข และสามารถประสบความสำเร็จได้ในเส้นทางดังกล่าว นักลงทุนผู้มั่งคั่งหรือเหล่าเซียนหุ้นชื่อดังทั้งหลายที่เราพบเห็นผ่านสื่อต่างๆกันในทุกวันนี้คือ คนส่วนน้อยในกลุ่ม 5 เปอร์เซ็นต์นั้น ส่วนกลุ่มคนที่เหลืออีก 95 เปอร์เซ็นต์ซึ่งนำเงินทั้งส่วนตัวและเงินกู้มาลงทุน จากนั้นก็เจ๊ง ขาดทุน และล้มหายตายออกจากตลาดหุ้นไป ก้มหน้าก้มตาทำงานเก็บเงินเพื่อประกอบสร้างชีวิตขึ้นมาใหม่ พวกเขาไม่เคยมีโอกาสมานั่งเล่าเรื่องราวชีวิตอันสุดแสนขมขื่นให้คุณฟัง บางคนก็ไม่กล้าพอที่จะระลึกหรือกล่าวถึงความล้มเหลวของตนเอง
...
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ...................................................................................
การเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนชนชั้นทางสังคม จากชนชั้นล่างหรือกลาง ไปสู่การเป็นชนชั้นสูงที่ยืนอยู่เหนือค่าเฉลี่ย ผมคิดเห็นว่ามีเพียงไม่กี่วิธีที่สามารถทำได้จริง และผมเชื่อเสมอว่าการลงทุนในหุ้นเป็นอีกวิธีการหนึ่งซึ่งอาจลงมือปฏิบัติจริงได้ค่อนข้างง่ายที่สุดสำหรับคนธรรมดา หลักการลงทุนในหุ้นให้ประสบความสำเร็จนั้นคุณต้องการเพียงแค่สองสิ่งคือ “เงินตั้งต้น” จะมีมากหรือน้อยก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง สิ่งสำคัญอย่างที่สองคือ “แนวคิด” เพื่อเป็นโครงสร้างหลักเข้ามากำหนดแผนการ วิธีการ และกระบวนการลงทุน
หลายคนชอบพูดว่า “ฉันไม่มีเงิน หรือเงินต้นน้อย ชีวิตนี้ฉันไม่มีวันร่ำรวยหรอก” อยากจะบอกเพิ่มเติมว่าชีวิตส่วนตัวผมก็เริ่มต้นมาจากเงินหลักแสน และตลอดเส้นทางการลงทุนก็ไม่เคยนำเงินจากแหล่งรายได้อื่นใส่เข้าไปเพิ่มเลย มีแต่จะถอนออกมาทุกปีเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายและเลี้ยงลูก ผมเคยพูดเสมอว่าประเด็นสำคัญที่สุดสำหรับการลงทุนในหุ้นคือ “แนวคิด” เงินก้อนเล็กๆ หากใช้ควบคู่ไปกับวิธีการที่ถูกต้องก็สามารถเพิ่มพูนกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ได้ ส่วนเงินก้อนใหญ่หากใช้วิธีการที่ผิด มันก็มลายหายไป
ผมมีความเชื่อและความศรัทธา ว่าวิธีการดังกล่าวนี้สามารถปฏิบัติได้จริง มันเป็นไปได้จริงๆสำหรับชนชั้นกลาง ขอเพียงอย่างเดียวว่าคุณอย่ามีข้ออ้างเยอะ หลายคนพอได้ยินเรื่องความรวย หรือเรื่องอิสรภาพทางการเงิน ก็เกิดข้ออ้างเยอะแยะมากมายไปหมด ไม่มีเงินบ้าง มีเงินน้อยบ้าง มีรายจ่ายจุกจิก ภาระมากมาย ไม่มีมรดกตกทอดเหมือนใครๆเขา ไม่ได้เรียนจบเมืองนอกมานี่หน่า “สุดท้ายเพียงแค่ฝัน คุณยังไม่กล้าที่จะฝันเลย แค่ก้าวแรกคุณก็ล้มเหลวแล้ว คุณจะเดินทางไปต่อได้อย่างไร สิ่งหนึ่งที่ไม่ต้องใช้เงินซื้อเลยแม้สักบาทเดียวคือความฝัน คุณต้องมีความฝันก่อน จากนั้นให้ความฝันนำทางชีวิตคุณ คนที่มีความฝัน อุปสรรคใดๆก็มาฉุดรั้งพวกเขาไว้ไม่ได้หรอก”
...
โจ ลูกอีสาน : อนุรักษ์ บุญแสวง ....................................................................................
“เมื่อพระเจ้าให้สิ่งตอบแทนแก่มนุษย์ ท่านมักให้มาเกินกว่าที่ร้องขอเสมอ เมื่อท่านได้ข้อพิสูจน์แล้วว่าคุณคือมนุษย์ที่น่าไว้วางใจและพึ่งพาได้” จุดสูงสุดของการเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จอาจเป็นเพียง “การให้” บางสิ่งบางอย่าง กลับคืนสู่สังคม เท่านั้นเอง
...
พี : พีรนาถ โชควัฒนา
.....................................................................................
คุณอาจลองสังเกต “วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett)” ดูก็ได้ว่าในอดีตที่ผ่านมา แทบไม่เคยมีปีไหนเลยที่บัฟเฟตต์โด่งดังจากการทำผลตอบแทนได้แบบมหาศาลหลายเด้ง หลายเท่าตัว หรือทำผลตอบแทนสูงๆติดอันดับโลก แล้วมาลองคิดดูสิว่าในทุกวันนี้เขาเป็นอย่างไร? โดยส่วนตัวผมแล้วจะค่อยๆดูผลตอบแทนรวมจากพอร์ตการลงทุนเป็นรายปี ตรวจสอบว่าปีนี้ทำผลตอบแทนได้เท่าไหร่ ซึ่งถ้าผลตอบแทนยังเป็นบวก เพียงเท่านี้ผมมีความสุขแล้ว จากนั้นก็ปล่อยมันไป หุ้นในพอร์ตจะสลับกันขึ้นหรือลง ก็อย่าไปเสียดายหรือเสียใจอะไรทั้งสิ้น ตราบใดที่ทฤษฎีซึ่งอยู่เบื้องหลังหุ้นแต่ละบริษัทที่คุณถือครองอยู่ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากสิ่งที่คุณคาดการณ์ไว้ พยายามอยู่กับมันต่อไป
หากคุณอยากเป็นนักลงทุนมืออาชีพ อยากจะรวยจากหุ้นจริงๆ อย่างที่นักลงทุนวีไอไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาร่ำรวยเป็นร้อยเป็นพันล้าน คุณก็ต้องศึกษาหาความรู้อย่างหนัก ต้องทุ่มเทพัฒนาตนเอง แต่อย่างไรก็ตาม คุณไม่จำเป็นต้องลาออกจากงานประจำที่กำลังทำอยู่ หากคุณสามารถบริหารจัดการเวลาส่วนตัวได้ มันมีทางออก สามารถทำควบคู่กันไปได้ ยุคสมัยนี้การศึกษาหาข้อมูลนั้นง่ายดายกว่าสมัยก่อนเยอะ ส่วนตัวผมเองที่มีโอกาสร่ำรวยจากตลาดหุ้นไทย อันที่จริงแล้วก็ไม่ค่อยได้ออกไปพบเจอบริษัทหรือผู้บริหารสักเท่าไรนักหรอก เพียงหมั่นศึกษาเอาจากข้อมูลทั่วไปที่คุณและผมสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกันนี่แหล่ะ มันสามารถประสบความสำเร็จได้
สุดท้ายก็จงมีความรับผิดชอบ ทำงานประจำของคุณให้ดีที่สุด เพราะผลตอบแทนมันมีแต่บวก ทำงานไปเรื่อยๆ ลงทุนไปเรื่อยๆ เมื่อรายได้มากขึ้น คุณก็สามารถเก็บออมเงินได้มากขึ้น จากนั้นนำเงินรายได้จากการทำงานโยกย้ายมาเป็นรายได้จากการลงทุนให้มากขึ้นไปอีกต่อหนึ่ง “นี่คือพลังแห่งการทบต้นของผลตอบแทนอย่างแท้จริง”
...
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ....................................................................................
ผมเคยตั้งคำถามกับตัวเองอยู่บ้าง บางครั้งก็อยากกลับไปลุยเรื่องหุ้นอย่างหมกมุ่นหลงใหลเสมือนเมื่อแรกครั้งก้าวเท้าเข้าสู่ตลาดหุ้นใหม่ๆ เพราะเราเห็นโอกาสที่จะทำกำไรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ แต่ก็ถามตัวเองกลับไปว่า ถ้าอีกหนึ่งปี หนึ่งเดือน หนึ่งสัปดาห์ หรือว่าวันพรุ่งนี้ เราจะไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้ว เราจะทำอย่างไร เราจะอยากทำสิ่งนี้ต่อไปไหม นั่งถวายตัว ถวายชีวิตเพื่อการหาเงินในตลาดหุ้นเพียงอย่างเดียว ผมก็เกิดความกลัวขึ้นมา ขอให้เราอย่าเพิ่งตายเลยนะ ขอดูแลครอบครัวก่อน ยังไม่มีเวลาให้แม่เลย อยากจะปฏิบัติธรรมให้มากขึ้น อยากทำประโยชน์กับสังคมให้มากกว่านี้อีก ผมยังเอ้อระเหยอยู่เลย
การตั้งคำถามเช่นนี้อาจทำให้ได้รู้ว่าอะไรสำคัญกับชีวิตเราจริงๆ ผมยังมีชีวิตรอดอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ เพื่อทำในสิ่งที่ตั้งใจจะทำเหล่านี้ไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าวันไหนจะตายแล้วไม่ได้ทำมันต่อไปอีกแล้ว แต่วันนี้แค่ได้ทำก็พอแล้ว การหมั่นตั้งคำถามเพื่อสำรวจตรวจสอบตนเองอาจทำให้เราไม่มองข้ามสิ่งที่สำคัญจริงๆในชีวิตไป สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคือ “แม่” ผมไม่เคยพูดมาก่อนเลย แม่รักและให้กำลังใจผมมาตลอด ตั้งแต่เป็นเด็ก ไม่ว่าผมจะทำผิดพลาดเรื่องอะไรมา ล้มเหลวในตลาดหุ้น ถึงแม่จะเสียใจ แต่ก็ให้กำลังใจกันเสมอ “แค่รู้ว่าอะไรไม่ดีก็อย่าไปทำ ชอบการลงทุนก็ตั้งใจศึกษานะ ล้มเหลวไปแล้วก็อย่าผิดแบบเดิมอีก อย่าทำผิดพลาดอะไรซ้ำๆนะ” ถ้าไม่มีแม่ก็ไม่มีผมในทุกวันนี้
ที่เรามีอยู่ และที่เราเป็นอยู่ในทุกวันนี้ เพราะคนอื่นให้มาทั้งนั้น มันเหมือนเราเป็นศูนย์รวมของขวัญ มีแต่คนหวังดีมอบของขวัญให้เรา จะให้ดียิ่งขึ้นไปกว่านั้นเราก็ควรมอบของขวัญส่งต่อให้คนอื่นด้วย การที่ผมเป็นผมแบบทุกวันนี้ ทั้งความสำเร็จ ทัศนคติ ไม่ใช่เพราะว่าผมเก่งกว่าใครๆ แต่มีผู้คนมากมายอยู่เบี้องหลังความสำเร็จเสมอ มีอาจารย์ มีเพื่อน มีกัลยาณมิตร หรือแม้กระทั่งคนที่ทำไม่ดีต่อเรา แต่เราก็ได้เรียนรู้จากพวกเขามากมาย เป็นเหตุปัจจัยเกื้อหนุนให้เรามีชีวิตแบบนี้ ฉะนั้นแล้วอย่าคิดว่าตนเองเก่งอยู่คนเดียว
...
ไม้ฟืน : พะเนียง พงษธา
..................................................................................
หากปวารณาตนแล้วว่าเราคือ “นักลงทุนวีไอ (Value Investing)” ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างยึดโยงอยู่กับพื้นฐานกิจการของบริษัท และมีมุมมองการลงทุนในระยะยาว ต่อให้เราจะซื้อหุ้นมา แล้วขายได้กำไร เมื่อราคาวิ่งขึ้นไปจนแพงกว่ามูลค่าพื้นฐาน เหตุเพราะช่วงเวลานั้นผู้คนส่วนใหญ่ต่างคาดการณ์ไปในทิศทางเดียวกัน จนกระทั่งผลักดันให้ราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นไป แต่สุดท้ายแล้วในระยะยาวกิจการก็ไม่ได้วิเศษอย่างที่ใจคิด เราก็ควรจะต้องยอมรับว่า “ผลตอบแทนการลงทุนส่วนหนึ่งอาจเป็นผลลัพธ์จากโชคชะตา”
หากเราถูก ในเหตุผลที่ผิด อนาคตคงก้าวเดินต่อไปอย่างผิดทิศผิดทาง การยอมรับความจริงก็ไม่เสียหายอะไร คงไม่ถึงขนาดที่ว่าวิชาความรู้ซึ่งอุตส่าห์สั่งสม ทุ่มเทศึกษาด้านการลงทุนมันจะกลายเป็นสิ่งไร้ค่าหรอก มันมีประโยชน์เสมอ ต้นทุนซึ่งแพงที่สุดไม่ใช่เงินทอง หรือเวลา ที่คุณสูญเสียไปกับการศึกษาหาความรู้ หากแต่เป็นชุดความรู้ ความเชื่อ หรือทัศนคติแบบผิดๆ ที่ถูกถ่ายทอดมาจาก “คนที่ไม่ได้รู้จริง” ซึ่งนี่คือเรื่องใหญ่ มันจะทำให้คุณหลงทางอย่างกู่ไม่กลับ “การเปิดรับข้อมูลที่ผิดพลาดมาใส่สมอง คือความเสียหายอันใหญ่หลวงเกินกว่าเงินทองและเวลามากมายนัก”
จากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าคุณจะลงทุนในสินทรัพย์ใดก็ตาม คุณควรจะต้องมีกฎเกณฑ์ทางการลงทุนเป็นของตนเอง และมีวินัยให้มากพอที่จะไม่ก้าวข้ามเส้นนั้นออกไป “กฎเกณฑ์คือแผนการ” ซึ่งเราออกแบบไว้ล่วงหน้าในสถานการณ์ปกติ เพื่อหยิบฉวยมาใช้ในยามเหตุการณ์ไม่ปกติที่คุณมีอคติก่อเกิดขึ้นในจิตใจ และนึกเสมอว่าตนเองคิดอย่างมีเหตุผล แต่อันที่จริงแล้วความคิดนั้นไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
...
โยโย่ : สันติ สิงหวังชา ....................................................................................
ขอเพียงมีความสุขกับการลงทุน ในทุกๆวันนะครับ
......
ขอขอบคุณภาพประกอบและข้อมูลบางส่วนจาก
“BLACK SWAN วันมืดมิด ในชีวิตการลงทุน” EP.1 – 10 โดย ลงทุนแมน และสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย)
- ทิวา ชินธาดาพงศ์
ชาย มโนภาส
วีระพงษ์ ธัม
สถาพร งามเรืองพงศ์
ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา
อนุรักษ์ บุญแสวง
พีรนาถ โชควัฒนา
นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
พะเนียง พงษธา
สันติ สิงหวังชา
สุภัททกิต เจตทวีกิจ