ราคาเป้าหมาย=ราคาในใจ
-
- Verified User
- โพสต์: 21
- ผู้ติดตาม: 0
ราคาเป้าหมาย=ราคาในใจ
โพสต์ที่ 1
เห็นหุ้นขึ้นเอาขึ้นเอาวันแล้ววันเล่าครับ
ไม่รู้จะทำอะไรดีเลยหยิบหนังสือ "ตีแตก..."มาอ่านอีกรอบ
พบว่าช่วงเพลานี้เราก็สามารถลงทุนในหุ้นที่มีคุณค่าได้
ถ้าเรารู้ว่าราคาหุ้นที่ควรจะเป็นของตัวนั้นยังต่ำกว่าพื้นฐานที่ควรจะเป็น
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรละครับว่าราคาที่ควรจะเป็นหรือเหมาะสมมันราคาเท่าไหร่
นี่แหละคือปัณหา.........................................
ผมว่ามีหลายคนไม่กล้าลงทุนอยางในช่วงเวลาอย่างนี้
เพราะกลัวจะติดยอดดอย ผมเองก็คิดเช่นนั้น
แต่ อ.นิเวศน์ กลับไม่ได้คิดเช่นนั้น
อาจารย์ท่านเขียนไว้ ผมสรุปได้อย่างนี้ครับ
...เพราะเราไม่รู้ราคาที่เหมาะสมหรือราคาที่ควรจะเป็น
เราจึงไม่กล้าลงทุนในช่วงเวลาที่หุ้นขึ้นไปสูงอย่างนี้
ทั้งๆที่ราคานั้นยังต่ำกว่าพื้นฐานที่ควรจะเป็นอยู่มาก....
ดูเหมือนอาจารย์นิเวศน์จะไม่คิดให้มันยุ่งอยากซะด้วย
อาจารย์ชอบพูดเสมอว่าอาจารย์ไม่ชอบเดาอนาคตมากนัก
เพราะอนาคตมันเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรครับ ว่าราคาที่ว่านั้นเท่าไหร่
ผมรู้ว่าไม่มีใครกล้าฝันธงหลอกว่าหุ้นตัวนั้นราคาที่ควรจะเป็นเท่าไหร่
แต่ละคนก็มีราคาในใจไม่เหมือนกันซะด้วย เพราะด้วยวิธีคิดที่ต่างกัน
แล้วเราจะรู้ได้งัยว่าราคาที่ควรจะเป็นหรือราคาในใจนั้นมันควรเท่าไหร่
เหล่า value investor มือเซียนช่วยบอกทีครับ
ไม่รู้จะทำอะไรดีเลยหยิบหนังสือ "ตีแตก..."มาอ่านอีกรอบ
พบว่าช่วงเพลานี้เราก็สามารถลงทุนในหุ้นที่มีคุณค่าได้
ถ้าเรารู้ว่าราคาหุ้นที่ควรจะเป็นของตัวนั้นยังต่ำกว่าพื้นฐานที่ควรจะเป็น
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรละครับว่าราคาที่ควรจะเป็นหรือเหมาะสมมันราคาเท่าไหร่
นี่แหละคือปัณหา.........................................
ผมว่ามีหลายคนไม่กล้าลงทุนอยางในช่วงเวลาอย่างนี้
เพราะกลัวจะติดยอดดอย ผมเองก็คิดเช่นนั้น
แต่ อ.นิเวศน์ กลับไม่ได้คิดเช่นนั้น
อาจารย์ท่านเขียนไว้ ผมสรุปได้อย่างนี้ครับ
...เพราะเราไม่รู้ราคาที่เหมาะสมหรือราคาที่ควรจะเป็น
เราจึงไม่กล้าลงทุนในช่วงเวลาที่หุ้นขึ้นไปสูงอย่างนี้
ทั้งๆที่ราคานั้นยังต่ำกว่าพื้นฐานที่ควรจะเป็นอยู่มาก....
ดูเหมือนอาจารย์นิเวศน์จะไม่คิดให้มันยุ่งอยากซะด้วย
อาจารย์ชอบพูดเสมอว่าอาจารย์ไม่ชอบเดาอนาคตมากนัก
เพราะอนาคตมันเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรครับ ว่าราคาที่ว่านั้นเท่าไหร่
ผมรู้ว่าไม่มีใครกล้าฝันธงหลอกว่าหุ้นตัวนั้นราคาที่ควรจะเป็นเท่าไหร่
แต่ละคนก็มีราคาในใจไม่เหมือนกันซะด้วย เพราะด้วยวิธีคิดที่ต่างกัน
แล้วเราจะรู้ได้งัยว่าราคาที่ควรจะเป็นหรือราคาในใจนั้นมันควรเท่าไหร่
เหล่า value investor มือเซียนช่วยบอกทีครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
ราคาเป้าหมาย=ราคาในใจ
โพสต์ที่ 2
เล่นถาม value investor มือเซียนผมเลยไม่กล้าตอบครับ ก่อนจะถึงมือเซียน เอามือรองไปก่อนก็แล้วกัน
ผมซื้อหุ้นที่ทุกราคา ถ้ารู้ว่าจะมีราคาที่แพงกว่า
ผมเชื่อในนโยบายซื้อสม่ำเสมอที่ราคาตลาด มากกว่าซื้อที่ราคาต่ำสุดหรือเกือบต่ำสุด
วันนี้เพิ่งกลับมาเก็บหุ้นที่ตัวเองทิ้งไปเมื่อวาน 2 ตัว ซื้อแพงกว่าขาย
ผมซื้อหุ้นที่ทุกราคา ถ้ารู้ว่าจะมีราคาที่แพงกว่า
ผมเชื่อในนโยบายซื้อสม่ำเสมอที่ราคาตลาด มากกว่าซื้อที่ราคาต่ำสุดหรือเกือบต่ำสุด
วันนี้เพิ่งกลับมาเก็บหุ้นที่ตัวเองทิ้งไปเมื่อวาน 2 ตัว ซื้อแพงกว่าขาย
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1011
- ผู้ติดตาม: 0
ราคาเป้าหมาย=ราคาในใจ
โพสต์ที่ 3
เอ ไม่ทราบว่า คุณ CK ปรับโครงสร้างหนี้เสร็จแล้วหรือครับ
ดีใจด้วย
ผมก็ลูกศิษย์ ดร.นิเวศน์เหมือนกัน อ่านตีแตกมาไม่ต่ำกว่า 5 รอบ แนะนำให้เพื่อนๆ ซื้ออีกสัก 200 เล่มคงได้
เห็นด้วยกับคุณ CK ครับ ซื้อไปเรื่อยๆ เถอะครับในเมื่อพื้นฐานยังดีอยู่ และเรายังคิดว่ามันมี Margin of Safty อยู่บ้าง ไม่มีใครคาดเดาราคาได้หรอกครับ นักวิเคราะห์ทั้งหลายยังปรับเปลี่ยนราคาเป้าหมายอยู่เรื่อยๆ เลยครับ ทำไงได้ก็นั่นคือหน้าที่ของเขานี่ครับ
ดีใจด้วย
ผมก็ลูกศิษย์ ดร.นิเวศน์เหมือนกัน อ่านตีแตกมาไม่ต่ำกว่า 5 รอบ แนะนำให้เพื่อนๆ ซื้ออีกสัก 200 เล่มคงได้
เห็นด้วยกับคุณ CK ครับ ซื้อไปเรื่อยๆ เถอะครับในเมื่อพื้นฐานยังดีอยู่ และเรายังคิดว่ามันมี Margin of Safty อยู่บ้าง ไม่มีใครคาดเดาราคาได้หรอกครับ นักวิเคราะห์ทั้งหลายยังปรับเปลี่ยนราคาเป้าหมายอยู่เรื่อยๆ เลยครับ ทำไงได้ก็นั่นคือหน้าที่ของเขานี่ครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
ราคาเป้าหมาย=ราคาในใจ
โพสต์ที่ 4
คือผมไม่สันทัดเรื่อง margin of safety หรอกครับ
ผมใช้ Excel ทำกับข้อมูลราคาย้อนหลัง 3 ปีของ SUC ครับ (defensive stock ในสายตาผม) คือตั้ง budget ไว้ 10,000 บาทต่อเดือน ซื้อจาก 1 มกรา 2001 จนถึง 1 มิถุนา 2003 ปันผลที่ได้ก็เอามาซื้อตัวเดิม ได้ return เกิน 100% ครับที่ราคาปัจจุบัน
นี่คือซื้อแบบไม่ต้องคิดนะครับ เทียบ return on investment (ที่เป็นเวลา) แล้วสูงมากทีเดียว
ส่วนโครงสร้างหนี้ พอดีตอนนี้ได้ short-term loan มาครับ เลยสามารถปรับพอร์ตได้สบายๆ
นี่ก็เข้าซื้อบ้างแล้วครับ ตัวที่ผมดูมันส่งสัญญาณเทคนิกดีๆทั้งนั้น เลยอดใจบ่ไหว
ชาว VI อย่าโกรธนะครับ จนบัดนี้ผมก็ยังซื้อขายตามสัญญาณเทคนิกอยู่ เพียงแต่เลือกหุ้นตามพื้นฐานมากขึ้น แทนที่จะตามข่าวลืออย่างเดียว
ผมใช้ Excel ทำกับข้อมูลราคาย้อนหลัง 3 ปีของ SUC ครับ (defensive stock ในสายตาผม) คือตั้ง budget ไว้ 10,000 บาทต่อเดือน ซื้อจาก 1 มกรา 2001 จนถึง 1 มิถุนา 2003 ปันผลที่ได้ก็เอามาซื้อตัวเดิม ได้ return เกิน 100% ครับที่ราคาปัจจุบัน
นี่คือซื้อแบบไม่ต้องคิดนะครับ เทียบ return on investment (ที่เป็นเวลา) แล้วสูงมากทีเดียว
ส่วนโครงสร้างหนี้ พอดีตอนนี้ได้ short-term loan มาครับ เลยสามารถปรับพอร์ตได้สบายๆ
นี่ก็เข้าซื้อบ้างแล้วครับ ตัวที่ผมดูมันส่งสัญญาณเทคนิกดีๆทั้งนั้น เลยอดใจบ่ไหว
ชาว VI อย่าโกรธนะครับ จนบัดนี้ผมก็ยังซื้อขายตามสัญญาณเทคนิกอยู่ เพียงแต่เลือกหุ้นตามพื้นฐานมากขึ้น แทนที่จะตามข่าวลืออย่างเดียว
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
ราคาเป้าหมาย=ราคาในใจ
โพสต์ที่ 5
nuayza พูดไว้ได้น่าคิด ราคาเป้าหมายของนักวิเคราะห์มักให้เป็นปีๆไป ไม่ได้มองระยะยาว และเครื่องมือที่ใช้ประเมินมักเป็น relative analysis คือเทียบค่าP/Eในกลุ่มเดียวกันเป็นส่วนมาก หากคุณสละเวลาศึกษาเรื่องธุรกิจสักหน่อยคุณจะสามารถคาดมูลค่าในอนาคตได้ไม่ยากเลยครับ
- ch_army
- Verified User
- โพสต์: 1352
- ผู้ติดตาม: 0
ราคาเป้าหมาย=ราคาในใจ
โพสต์ที่ 6
ผมเองชอบวิธีแบบที่เขียนใน New buffetology นะครับ(อ่านจากของพี่เวปนั่นแหละ) ที่มองว่าราคาที่เราลงุทน work ไหมประมาณนั้น แล้วเรื่อง MOS ก็ไปทำ sensitivity analysis ของสูตรคำนวนแทนดีกว่า เพราะมูลค่าพื้นฐานผมเองว่ามันจะไม่แน่นอนไปและส่งผลต่อการตัดสอนใจมาก(สำหรับผม) เอาแบบเลือกแนวทางที่ได้ผลตอบแทนที่เราต้องการดีกว่า เพราะนี่เป็นอะไรที่ผมสบายใจกว่า