สัญญาณจากตลาด mai บอกอะไรไหมครับ

[เฟยหง]

ขอฝากเนื้อฝากตัวไว้ที่ web นี้ดีกว่า....

ไม่น่าเชื่อว่า  การเขียนเพื่อสร้างความสมานฉันท์ ระหว่าง คมช. กับ เพื่อนในราชดำเนิน  ถึงกับทำให้ผมถูกยึด "อมยิ้ม" สิ้นสุดการเป็นสมาชิกของ pantip ไปเลย......  ผมรู้สึกว่าทำเกินไปจริงๆ  ครับ

ปัจจุบันตลาด mai  ซึ่งมีหุ้นที่ถูกและดีจำนวนมาก  ได้ทำสถิติสูงสุดในรอบปีนี้ไปแล้ว... จะเป็นสัญญาณอะไรหรือไม่  ที่จะบอกว่า SET index ก็น่าจะทำได้เช่นเดียวกัน  แม้ว่าอาจต้องใช้เวลาอีกสักเดือนหนึ่ง....
นั่นหมายถึง  เราอาจจะเห็น SET แตะ 800 จุดได้ก่อนปลายปี  
หากเชื่อว่า mai index เป็น leading indicator  เราก็อาจหวังได้นะครับ

[yoyo]

หวังว่าคุณเฟยหงจะมาสิงอยู่ที่นี่อย่างเต็มตัวนะครับ  :welcome:  

[pongo]

ยินดีครับที่พี่เฟยหงจะมาเป็นสมาชิกประจำที่นี่
อ่านหนังสือหุ้นเงาของพี่ด้วยครับ เสียดายที่ตอนปี 40 ผมยังเรียนอยู่เลย ยังไม่ได้เป็นนักลงทุนเหมือนวันนี้

ผมเคยไปฟังสัมนาในงาน set in the city ครั้งหลังสุด นักวิเคราะห์บางคนก็บอกว่า ต่อไปตลาด mai จะเติบโตดีขึ้นเรื่อยๆ ดัชนีจะเป็น 2 เท่า ในอีก 2 - 3 ปี มาตอนนี้ก็เริ่มเห็นแววแล้วเพราะปริมาณและมูลค่าการซื้อขายก็สูงขึ้นมาก ขอให้มีบริษัทใหม่ๆ แนวโน้มกิจการเติบโตดีๆ เข้ามามากๆ ก็น่าจะเป็นไปได้นะครับ

[jaychou]

ยินดีต้อนรับครับท่านเฟยหง ได้ท่านมาประจำแถวนี้คงคึกคักขึ้นเป็นกอง
ถ้าจะออกหนังสือใหม่ก็อย่าลืมมาเปิดตัวที่เว็บนี้ด้วยนะครับ

ตอนนี้ thaivi ไม่มีห้องการเมืองแล้ว และอมยิ้มก็แจกได้ไม่อั้น คงไม่มีเหตุการซ้ำรอย  :)  :)  :)  :)  :)  :)

[Frankie]

 เช่นกันครับ

[Kaiser]

ดีครับ ผมก็ได้ใช้แนวคิดการลงทุนในหุ้นเงา - เล็ก ถูก โต - จากคุณเฟยหง ตอนแรกหุ้นอาจมีสภาพคล่องน้อย แต่พอนักลงทุนเห็นคุณค่าของมัน สภาพคล่องก็จะมาเองพร้อมกับการสะท้อนมูลค่าที่แท้จริง

[qingwen]

อ้าว ถูกยึดอมยิ้มไปแล้วเหรอครับ

ผมไม่ได้สนใจราชดำเนินเลยเดี๋ยวนี้ เลยไม่รู้ข่าวคราว

หุ้นตลาด mai ผมชอบครับ ถ้าคนหันมาสนใจเยอะๆ หุ้นผมจะได้ขึ้นเสียที

[prin]

มีความเป็นไปได้พอสมควรเลยครับ กับการที่ mai จะ lead set
เนื่องจากความเล็กของ mkt cap. และความได้เปรียบในเรื่องภาษี ส่งผลให้
1. มีบริษัทใหม่ๆเข้ามาในตลาด mai มากขึ้น
2. กำไรมากขึ้นจากส่วนต่างของภาษี
ทำให้ความน่าสนใจของนักลงทุนต่อบริษัทในตลาด mai มีมากขึ้น มูลค่าของตลาดก็ย่อมจะสูงขึ้นด้วย ทั้งจากราคาของหุ้น และจำนวนบริษัทใน mai ที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ mai index value สูงขึ้นด้วย

[2 dogs]

You call them friends but I inhesitantly call them mad dogs.
My 2 dogs couldn't even fight them in term of biting and barking. :lol:

[Frankie]

Sorry,what do u mean?

[2 dogs]

I means his so-called "friends" in rajdhamnern  :)

[nano]

so

[Raphin Phraiwal]

[beammy]

...

[apichai214]

หนังสือหุ้นเงา  หาไม่เจอเลยอ่ะครับ ไม่มีพิมพ์เพิ่มแล้วหรอ  :?:

[beammy]

ผมมี 2 เล่มครับ "ลงทุนหุ้นเงา พันเท่าแค่เอื้อม"

ใครจะซื้อต่อจากผม 1 เล่ม

PM มาเลย ครับ  :D  :D  :D  ...

[apichai214]

beammy wrote

ผมมี 2 เล่มครับ "ลงทุนหุ้นเงา พันเท่าแค่เอื้อม"

ใครจะซื้อต่อจากผม 1 เล่ม

PM มาเลย ครับ  

 

ผมอยากได้ครับเดี๋ยว PM ไปหาครับ

[Nawat]

 :B

[dude]

[ลุงทีม]

ยินดีมากครับ... :lol:  :lol:  :lol:

หนังสือหุ้นเงา...เป็นหนังสือหุ้นเล่มแรกในชีวิตของผมเรยส์...เดินทางไปไหนไกลๆก็ต้องมีเล่มนี้ติดตัวไปอ่านตลอด...  :shock:  :shock:

[Dech]

welcome

[nearly_vi]

งานนี้ผมได้อาจารย์เพิ่มอีก 1 คนล่ะละครับ  :D  

[โอ@]

เข้ามาแล้วแอบตลก ไม่มีใครสนใจตอบคำถามพี่เฟยหงเลย มีแต่มาต้อนรับ

งั้นผมต้อนรับพี่ด้วยคนละกัน  :roll:

[Raphin Phraiwal]

มาตอบครับ

ผมคิดว่า irrelevant ครับ

set index มีโอกาสขึ้นแรงจริง แต่คงไม่เกี่ยวกับว่า
mai index ขึ้นแรงก่อน

ผมมองว่า หุ้นตลาดใหม่นั้น มีทุนจดทะเบียนน้อย
ไล่ราคาง่ายกว่า คือใช้เงินน้อยกว่า

ที่ผ่านมา หุ้นตลาด MAI กองทุนใหญ่และต่างชาติ
ซื้อไม่ได้ เพราะถือว่าไม่มี liquidity สำหรับเขา

ทำให้ราคาไม่ค่อยสูง เมื่อเทียบกับหุ้นใน SET
แต่ในรอบสองปีที่ผ่านมา หุ้นใน MAI ส่วนใหญ่
ให้ผลตอบแทนเป็นเลิศ ทั้ง eps growth และ dividend
ทำให้เกิดเทรนด์ใหม่ คือกองทุน private funds ทั้งหลาย
เริ่มเข้ามาเล่นหุ้นตัวเล็กๆ เหล่านี้มากขึ้น

ทำให้ราคาขึ้นแรงและเร็ว ในช่วงที่ SET sideway

แค่นี้แหละครับ

ต้องให้เซียนมาตอบเซียนครับ  :D

[miracle]

MAIเป็นตลาดที่พวกกองทุนไม่มองกัน
ต่างชาติก็ไม่มามองด้วย
ซื้อขายหุ้นในจำนวนหุ้นที่ต่ำมากๆๆๆ
บ้างครั้งอยู่ในแบบนี้ไม่ค่อยมีปริมาณเท่าไร

มีระยะหลังๆๆๆที่ซื้อขายกันมาก
แสดงว่าต้องมีอะไรทำให้ตลาดใหม่คึกคักได้แบบนี้
คึกคักหลังจากเจ้ารอยกระทงเลือดออกจากตลาดนี้ไป

ตลาดนี้เป็นตลาดเล็กมากน่าครับ แต่ว่ามีหุ้นดีๆๆๆที่ให้ขุดกันได้หลายตัวซึ่งคนแถวนี้ก็ขุดเจอกันบ้างแล้ว

คุณภาพของหุ้นก็เท่าที่ดูดีกว่าSET
แต่ตอนนี้มีทำให้เสียประวัติไปหนึ่งตัวเอง
และยังไม่มีการเสียประวัติของตลาดนี้ในเรื่องtenderอีกต่างหาก

[Kaiser]

          ข่าวmai ฉบับที่ 13/2549
                                              15 พฤศจิกายน 2549

บจ. mai โชว์กำไรไตรมาส 3 โตเฉียด 100% พบ 12 บริษัทผลดำเนินงานพุ่งเกินเท่าตัว

บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 38 บริษัทประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2549  มี
กำไรสุทธิรวมกัน 668 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 98 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดขายรวมกันสูงถึง 8,000
ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เผยมี 12 บริษัทกำไรสุทธิโตเกินร้อยละ 100 นำโดย BROOK, BOL และ PPM

นายชนิตร ชาญชัยณรงค์  ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัท
จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ไตรมาสที่ 3/2549 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2549 ว่า บริษัท
จดทะเบียนจำนวน 38 แห่ง มีกำไรสุทธิรวมกัน 668 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 331 ล้านบาทหรือ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 98 โดยบริษัทที่สามารถทำกำไรสุทธิได้มีจำนวน 35 แห่งคิดเป็นร้อยละ 92  ในจำนวนนี้มีบริษัท
จดทะเบียน 12 แห่งที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิสูงกว่าร้อยละ 100 ขณะที่บริษัทที่ขาดทุนสุทธิมีเพียง 3 แห่งหรือ
คิดเป็นร้อยละ 8 เท่านั้น

สำหรับยอดขายของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสดังกล่าว รวมแล้วทั้งสิ้น 8,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20
เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งยอดขายรวมอยู่ที่ 6,662 ล้านบาท

ทางด้านผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนประจำปี 2549 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน บริษัทใน mai มียอด
ขายรวมทั้งสิ้น 21,402 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 18,779 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 14 โดยมีกำไรสุทธิ 1,335 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจาก 1,132 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18

ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ กล่าวด้วยว่า บริษัทที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3/2549
สูงสุด 3 บริษัท ได้แก่ บมจ.บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป (BROOK) บมจ.บิซิเนส ออนไลน์ (BOL) และ บมจ. พรพรหมเม็ททอล
(PPM)

โดย บมจ. บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป พลิกจากขาดทุนสุทธิ 1.55 ล้านบาทในปีก่อน เป็นกำไรสุทธิ 74 ล้านบาท คิดเป็นการ
เติบโตของกำไรสุทธิถึงร้อยละ 4,888 โดยบริษัทมียอดขาย 103 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมียอด
ขาย 12 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 753

ทั้งนี้ บริษัทชี้แจงผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นว่า เนื่องจากงานใหญ่ในการควบรวมกิจการของฝ่ายวาณิชธนกิจได้เสร็จ
สมบูรณ์บางส่วนในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ เช่นดียวกับที่รับรู้รายได้บางส่วนที่เสร็จแล้วในไตรมาสที่ 2

ขณะที่ บมจ.บิซิเนส ออนไลน์ (BOL) มีกำไรสุทธิ 7.8 ล้านบาท  เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ
0.6 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 1,174 โดยมียอดขาย 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมี
ยอดขาย 36 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 39  บริษัทระบุว่า รายได้จากการให้บริการด้านการบริหารข้อมูลและรายได้ค่าที่
ปรึกษา เพิ่มขึ้น 8.11 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1,580 นอกจากนี้ รายได้จากการให้บริการ Value Added
products และรายได้จากการให้บริการโครงการพิเศษ ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

ด้าน บมจ.พรพรหมเม็ททอล (PPM)  มีกำไรสุทธิ 45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 732 โดยมียอดขาย 743 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมียอดขาย 533 ล้าน
บาท คิดเป็นการเติบโตร้อยละ 39 โดยบริษัทชี้แจงว่า เนื่องจากราคาแร่มีการปรับตัวสูงขึ้นตามลำดับ จึงทำให้ราคา
ขายสินค้าทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์วัตถุดิบอุตสาหกรรม และกลุ่มวัสดุก่อสร้างมีการปรับเพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงมีการ
รักษาและขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

นายชนิตรตั้งข้อสังเกตด้วยว่า จากบริษัทที่มีกำไรสุทธิ 35 แห่งนั้น ในจำนวนนี้เป็นบริษัทที่มีกำไรเพิ่มขึ้น 24 แห่ง โดย
อัตราเติบโตเฉลี่ยประมาณร้อยละ 378 และมีอยู่ 12 บริษัทที่มีการเติบโตของกำไรสุทธิเกินร้อยละ 100  ประกอบด้วย
BROOK ขยายตัวร้อยละ 4,888  BOL เติบโตร้อยละ 1,174 PPM ร้อยละ 732  FOCUS ร้อยละ 684  PICO ร้อย
ละ 392  LVT ร้อยละ 192 TRT ร้อยละ 174 UEC ร้อยละ 170 TMW ร้อยละ 147 TNH ร้อยละ 143 L&E ร้อย
ละ 123 และ DM เติบโตร้อยละ 112

"ตัวเลขผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2549 โดยรวมถือว่าออกมาดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการใน mai
สามารถปรับตัวรับกับผลกระทบด้านต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้น อันเป็นผลจากการผันผวนของราคาวัตถุดิบในการผลิต สืบเนื่องมา
จากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยคาดว่า ปัจจัยกดดันการดำเนินงานของธุรกิจจะคลายตัวขึ้นเป็น
ลำดับ หลังจากสถานการณ์ราคาน้ำมันไม่ผันผวนรุนแรงเหมือนที่ผ่านมา" นายชนิตรกล่าว

สำหรับภาพรวมการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาด mai นั้น ปัจจุบันมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ 18,560 ล้านบาท
และภายในสิ้นปี 2549 นี้ คาดว่าจะมีบริษัทเข้าจดทะเบียนเพิ่มอีก 4 บริษัท ซึ่งผู้ลงทุนที่สนใจข้อมูลผลประกอบการบริษัท
จดทะเบียนสามารถศึกษาเข้าดูข้อมูลได้ ทาง www.mai.or.th หรือสมัครรับข้อมูล mai ฟรีทางอีเมล์ที่
[email protected] หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  S-E-T Call center โทร. 0-2229 -2222

บริษัทไหนบ้างที่จะรักษาการเติบโตได้ต่อเนื่องในอนาคต

[iambuffet]

[quote="เฟยหง"]ขอฝากเนื้อฝากตัวไว้ที่ web นี้ดีกว่า....

ไม่น่าเชื่อว่า