เป็นบทความจาก settrade.com ผมอ่าแล้วรู้สึกดี (เเละเห็นด้วย) จึงอยากเเนะนำให้ชาว TVI ได้ลองอ่านดู
ตามรอยพ่อ...การลงทุนแบบพอเพียง โดย Settrade.com
คนเราถ้าพอในความต้องการ ก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อย ก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย ถ้าทุกประเทศมีความคิด-อันนี้ไม่ใช่เศรษฐกิจ-มีความคิดว่าทำอะไรต้องพอเพียง หมายความว่า พอประมาณ ไม่สุดโต่ง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2541 ที่แสดงถึงพระอัจฉริยภาพของพ่อหลวงของปวงชนชาวไทยในวิสัยทัศน์การมองภาพการลงทุนหรือการทำกิจการงานใด ๆ ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ว่าควรต้องดำเนินไปอย่างมีความพอดีและเป็นไปตามหลักของเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy) เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด เป็นการชี้แนะแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัวไปจนถึงระดับรัฐบาล ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลาง โดยคำนึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจนต้องตั้งมั่นบนเงื่อนไข การใช้ความรู้และคุณธรรม ประกอบการวางแผน การตัดสินใจ และการกระทำ
แนวทางการใช้ชีวิตภายใต้เศรษฐกิจพอเพียงตามแนวทางพระราชดำริต้องเริ่มจากตนเอง โดยเริ่มจากใจที่รู้จักพอ จุดมุ่งหมายเพื่อให้สามารถพึ่งตนเองได้ พ้นจากความยากจน พอมีพอกินและมีสัมมาอาชีพ มีชีวิตที่เรียบง่าย ประหยัด ไม่ฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย และยึดถือทางสายกลาง รู้จักพอ พอดี และพอใจ
ในระดับเศรษฐกิจของประเทศ ได้มีการประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนอยู่หลายโครงการอย่างต่อเนื่อง จากการพัฒนากรอบแนวคิดทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนแลกเปลี่ยนทรรศนะและสังเคราะห์องค์ความรู้ของความพออยู่พอกิน
สำหรับเรื่องการลงทุน ผู้ลงทุนสามารถที่จะใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ประยุกต์ให้เข้ากับการลงทุนได้อย่างไม่ยากเย็น และหากหมั่นปฏิบัติด้วยความเพียรพยายามด้วยแล้ว ผลตอบแทนที่ได้จะทำให้ผู้ลงทุนสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่างๆ
1. ความพอประมาณ หมายถึง ผู้ลงทุนจะต้องมีความพอดี ลงทุนเหมาะสมกับความเสี่ยงที่นักลงทุนรับได้ และมีความคาดหวังกับผลตอบแทนที่พอเพียง ซึ่งไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป รู้จักขายเมื่อได้กำไรถึงระดับที่ตั้งใจไว้ ไม่โลภ
2. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจในการลงทุนแต่ละครั้ง ต้องอยู่ในระดับของความพอเพียงและมีเหตุผล โดยควรพิจารณาจากเหตุปัจจัยในการวิเคราะห์หลักทรัพย์ ทั้งการดูพื้นฐานของหลักทรัพย์นั้นๆ ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการลงทุนอย่างรอบคอบ และมีการติดตามบริหารพอร์ตการลงทุนอยู่สม่ำเสมอ
3. การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การที่ผู้ลงทุนต้องเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อการลงทุน โดยเฉพาะปัจจัยที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เช่น การเมือง การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยและค่าเงิน อีกทั้ง นักลงทุนควรคำนึงถึงสถานการณ์ต่างๆ ทั้งปัจจัยทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และบริษัทหลักทรัพย์ที่ลงทุน และควรกระจายการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงโดยรวมลง
นอกจากนั้น การตัดสินใจลงทุนและดำเนินกิจกรรมการลงทุนต่างๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงนั้น
ต้องอาศัยเงื่อนไขทั้งความรู้และคุณธรรมประกอบควบคู่กันไปกับการใช้ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง กล่าวคือ
· เงื่อนไขความรู้ ผู้ลงทุนจะต้องมีความรอบรู้ในด้านการลงทุน มีความรอบคอบที่จะนำความรู้การลงทุนเหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนการลงทุน และความระมัดระวังในขั้นตอนการซื้อขาย
· เงื่อนไขคุณธรรม เป็นจริยธรรมการลงทุน ที่ต้องเสริมสร้างให้กับจิตสำนึกของผู้ลงทุน ด้วยความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต ลงทุนอย่างถูกต้องตามเงื่อนไข และใช้สติปัญญาในการลงทุนอยู่เสมอ
สุดท้ายนี้ การเดินตามรอยของพ่อ ด้วยการลงทุนแบบปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้น ต้องเริ่มจากตนเอง
โดยเริ่มจากใจที่รู้จักพอเสียก่อน แล้วความมั่งคั่งจะเป็นผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้อย่างยั่งยืน