บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) (MCOT) เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2549
บริษัทฯ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2549 ได้มี
กลุ่มบุคคลที่ประกอบด้วย นายวีระ สมความคิด กับพวกรวม 3 คน (ผู้ฟ้องคดี) ได้ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และสำนักนายกรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดี) ต่อ
ศาลปกครองสูงสุด และขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกและเพิกถอนมติคณะรัฐมนตรีที่มีผลให้โอน
บรรดากิจการ สิทธิ หนี้ ความรับผิดชอบ และทรัพย์สินของ อ.ส.ม.ท. ไปเป็นของ บมจ.อสมท
รวมทั้งพระราชกฤษฎีกากำหนดเงื่อนเวลายกเลิกพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสื่อสารมวลชน
แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2520 พ.ศ. 2547 ซึ่งเกี่ยวกับการแปลงสภาพองค์การสื่อสารมวลชนแห่ง
ประเทศไทยเป็น บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ตามพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542
(พรบ.ทุนรัฐวิสาหกิจ) นั้น
บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้รับทราบว่า ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งลงวันที่ 28
ธันวาคม 2549 ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
แจ้งศาลปกครองสูงสุดไม่รับคำฟ้องที่เกี่ยวข้องกับริษัทฯ12/01/2550 08:36
MCOT : แจ้งศาลปกครองสูงสุดไม่รับคำฟ้องที่เกี่ยวข้องกับริษัทฯ
ที่ นร 6124 /61
12 มกราคม 2550
เรื่อง แจ้งกรณีศาลปกครองสูงสุดพิจารณาไม่รับคำฟ้องซึ่งเกี่ยวข้องกับบริษัทฯ
เรียน กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ตามที่ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2549 บริษัทฯ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2549
ได้มีกลุ่มบุคคลที่ประกอบด้วย นายวีระ สมความคิด กับพวกรวม 3 คน (ผู้ฟ้องคดี) ได้ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
คณะรัฐมนตรี และสำนักนายกรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดี) ต่อศาลปกครองสูงสุด และขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกและเพิกถอนมติคณะรัฐมนตรี
ที่มีผลให้โอนบรรดากิจการ สิทธิ หนี้ ความรับผิดชอบ และทรัพย์สินของ อ.ส.ม.ท. ไปเป็นของ บมจ.อสมท รวมทั้งพระราชกฤษฎีกา
กำหนดเงื่อนเวลายกเลิกพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2520 พ.ศ. 2547 ซึ่งเกี่ยวกับการแปลงสภาพ
องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทยเป็น บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ตามพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542
(พรบ.ทุนรัฐวิสาหกิจ) นั้น
บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้รับทราบว่า ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งลงวันที่ 28 ธันวาคม 2549 ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและ
ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถือ
(นางศุภวรรณ ธรรมวชิราพร)
รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายบัญชี
ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์
โทร 0 2201 6454, 0 2201 6388
โทรสาร 0 2245 1854
MCOT เผย ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของกลุ่มวีระ
-
- Verified User
- โพสต์: 74
- ผู้ติดตาม: 0
MCOT เผย ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของกลุ่มวีระ
โพสต์ที่ 1
-
- Verified User
- โพสต์: 74
- ผู้ติดตาม: 0
MCOT เผย ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของกลุ่มวีระ
โพสต์ที่ 3
น่าจะเป็นไปได้นะครับ เนื่องจาก รมว.พลังงาน ก็มีแนวๆว่าจะเข้าข้าง PTT และ พรบ.คนต่างด้าวที่ออกมาก็ค่อนข้างปกป้องด้วย
เปิดคลังสมบัติ "เซียนเศรษฐกิจ" -ปิยสวัสดิ์-
ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์" รมว.พลังงาน (และคู่สมรส) มีมูลค่ารายการทรัพย์สิน กว่า 466.61 ล้านบาท โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่กว่า 206 ล้านบาท หรือราวๆ 44% ของมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด ล้วนมาจากการสะสม "ที่ดิน"
โดยอีก 156 ล้านบาท เป็นทรัพย์สินประเภท "หน่วยลงทุน" ของกองทุนเปิดหลายๆ แห่ง และในรูปของ "หุ้น" โดยหุ้นส่วนใหญ่ที่ลงทุนไว้ในตลาด..ล้วนแล้วแต่เป็นหุ้นใน "กลุ่มพลังงาน" แทบทั้งหมด (อยู่ในชื่อของภรรยา) ตั้งแต่ "ปตท." (PTT) จำนวน 100,000 หุ้น "ปตท.สผ." (PTTEP) จำนวน 50,000 หุ้น "บ.ผลิตไฟฟ้า" (EGCOMP) 22,000 หุ้น "บ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรี" (RATCH) จำนวน 101,000 หุ้น และยังมี "แลนด์แอนด์เฮ้าส์" (LH) อีก 2,000 หุ้น
ขณะที่เงินอีกส่วนหนึ่งของ "ปิยสวัสดิ์" เป็นการลงทุนผ่าน "กองทุนส่วนบุคคล" ของบลจ.กสิกรไทย อยู่ประมาณ 60 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถานที่ตัวเขาเคยนั่งบริหารงานอยู่ที่นั่นมาก่อน
ภาพของ "ปิยสวัสดิ์" ค่อนข้างจะไม่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจส่วนตัว เนื่องจากตลอดอาชีพการทำงานของเขา มักเดินอยู่ในสายงานอาชีพราชการมาอย่างยาวนาน หรือกว่า 20 ปี
ตั้งแต่การทำงานที่ สนง.คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) จากนั้นจึงข้ามห้วยไปคุมงานที่กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อกินเงินเดือนตำแหน่ง "อธิบดี " แต่เพียงระยะเวลาสั้นๆ เขาก็ต้องหวนกลับคืนถิ่นที่ สพช. อีกครั้ง ก่อนมาจบตำแหน่งสุดท้ายเป็น รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ปี 2546) หลังจากไปมีความเห็นด้านนโยบายพลังงาน ที่ "ขัด" กับ รัฐบาลทักษิณ
แล้วจึงผันตัวเองมาทำงานอยู่ที่ บลจ.กสิกรไทย ด้วยคำชักชวนของ "บัณฑูร ล่ำซำ" ซึ่งมีสาแหรกเกี่ยวโยงเป็นญาติ(ห่างๆ)กัน
จึงถือได้ว่า ตลอดเส้นทางชีวิตของ "ปิยสวัสดิ์" เติบโตมาจากตระกูลที่มั่งคั่ง...แต่ด้วยตำแหน่งในทางการเมือง จึงเป็นครั้งแรกที่สมบัติส่วนตัวของเขาต้องถูกเปิดเผยออกมา
เปิดคลังสมบัติ "เซียนเศรษฐกิจ" -ปิยสวัสดิ์-
ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์" รมว.พลังงาน (และคู่สมรส) มีมูลค่ารายการทรัพย์สิน กว่า 466.61 ล้านบาท โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่กว่า 206 ล้านบาท หรือราวๆ 44% ของมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด ล้วนมาจากการสะสม "ที่ดิน"
โดยอีก 156 ล้านบาท เป็นทรัพย์สินประเภท "หน่วยลงทุน" ของกองทุนเปิดหลายๆ แห่ง และในรูปของ "หุ้น" โดยหุ้นส่วนใหญ่ที่ลงทุนไว้ในตลาด..ล้วนแล้วแต่เป็นหุ้นใน "กลุ่มพลังงาน" แทบทั้งหมด (อยู่ในชื่อของภรรยา) ตั้งแต่ "ปตท." (PTT) จำนวน 100,000 หุ้น "ปตท.สผ." (PTTEP) จำนวน 50,000 หุ้น "บ.ผลิตไฟฟ้า" (EGCOMP) 22,000 หุ้น "บ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรี" (RATCH) จำนวน 101,000 หุ้น และยังมี "แลนด์แอนด์เฮ้าส์" (LH) อีก 2,000 หุ้น
ขณะที่เงินอีกส่วนหนึ่งของ "ปิยสวัสดิ์" เป็นการลงทุนผ่าน "กองทุนส่วนบุคคล" ของบลจ.กสิกรไทย อยู่ประมาณ 60 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถานที่ตัวเขาเคยนั่งบริหารงานอยู่ที่นั่นมาก่อน
ภาพของ "ปิยสวัสดิ์" ค่อนข้างจะไม่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจส่วนตัว เนื่องจากตลอดอาชีพการทำงานของเขา มักเดินอยู่ในสายงานอาชีพราชการมาอย่างยาวนาน หรือกว่า 20 ปี
ตั้งแต่การทำงานที่ สนง.คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) จากนั้นจึงข้ามห้วยไปคุมงานที่กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อกินเงินเดือนตำแหน่ง "อธิบดี " แต่เพียงระยะเวลาสั้นๆ เขาก็ต้องหวนกลับคืนถิ่นที่ สพช. อีกครั้ง ก่อนมาจบตำแหน่งสุดท้ายเป็น รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ปี 2546) หลังจากไปมีความเห็นด้านนโยบายพลังงาน ที่ "ขัด" กับ รัฐบาลทักษิณ
แล้วจึงผันตัวเองมาทำงานอยู่ที่ บลจ.กสิกรไทย ด้วยคำชักชวนของ "บัณฑูร ล่ำซำ" ซึ่งมีสาแหรกเกี่ยวโยงเป็นญาติ(ห่างๆ)กัน
จึงถือได้ว่า ตลอดเส้นทางชีวิตของ "ปิยสวัสดิ์" เติบโตมาจากตระกูลที่มั่งคั่ง...แต่ด้วยตำแหน่งในทางการเมือง จึงเป็นครั้งแรกที่สมบัติส่วนตัวของเขาต้องถูกเปิดเผยออกมา