การลงทุนในบริษัทที่มี P/E สูงๆ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
การลงทุนในบริษัทที่มี P/E สูงๆ
โพสต์ที่ 1
บริษัท A มีราคาหุ้น 35 บาท มีกำไรสุทธิ 5 บาท P/E 7 เท่า อัตราการเติบโตของกำไรสุทธิปีละ 10%
บริษัท B มีราคาหุ้น 35 บาท มีกำไรสุทธิ 2.5 บาท P/E 14 เท่า อัตราการเติบโตของกำไรสุทธิปีละ 20%
บริษัทไหนน่าลงทุนมากกว่ากันครับ
บริษัท B มีราคาหุ้น 35 บาท มีกำไรสุทธิ 2.5 บาท P/E 14 เท่า อัตราการเติบโตของกำไรสุทธิปีละ 20%
บริษัทไหนน่าลงทุนมากกว่ากันครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 3763
- ผู้ติดตาม: 0
การลงทุนในบริษัทที่มี P/E สูงๆ
โพสต์ที่ 2
อืม คงต้องมีข้อมูลเพิ่มอีกหลายส่วนครับ
เช่นการเติบโตมั่นคงแค่ไหนในอุตสาหกรรมนี้ แล้วบริษัททั้งสองนี้จะสามารถได้รับประโยชน์จากการเติบโตหรือสู้กับภาวะที่ถดถอยได้มากแค่ไหน
และถ้าตอบพี่ Chatchai ก็ต้องดูด้วยว่ากำไรที่ได้มานั้นเป็นเป็นกำไรจากการดำเนินงานเท่าไหร่ เงินสดที่ได้มาในแต่ละปีมากไหมต้องนำกลับไปลงทุนต่อหรือเปล่า ถ้าใช่จะได้ ROI ซักเท่าไหร่
พร้อมทั้งข้อมูลคู่แข่งและอื่นๆ อีกมากมาย
เช่นการเติบโตมั่นคงแค่ไหนในอุตสาหกรรมนี้ แล้วบริษัททั้งสองนี้จะสามารถได้รับประโยชน์จากการเติบโตหรือสู้กับภาวะที่ถดถอยได้มากแค่ไหน
และถ้าตอบพี่ Chatchai ก็ต้องดูด้วยว่ากำไรที่ได้มานั้นเป็นเป็นกำไรจากการดำเนินงานเท่าไหร่ เงินสดที่ได้มาในแต่ละปีมากไหมต้องนำกลับไปลงทุนต่อหรือเปล่า ถ้าใช่จะได้ ROI ซักเท่าไหร่
พร้อมทั้งข้อมูลคู่แข่งและอื่นๆ อีกมากมาย
Impossible is Nothing
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
การลงทุนในบริษัทที่มี P/E สูงๆ
โพสต์ที่ 6
สมมติว่าเราเชื่อแล้วว่าอัตราการเติบโตในอนาคตจะเท่ากับปัจจุบันไปได้อีกสัก 5 ปี
อีก 5 ปี
กำไรของ A จะกลายเป็น 8.05 บาทต่อหุ้น
กำไรของ B จะกลายเป็น 6.22 บาทต่อหุ้น
อย่างนี้ A น่าสนใจกว่า
อีก 5 ปี
กำไรของ A จะกลายเป็น 8.05 บาทต่อหุ้น
กำไรของ B จะกลายเป็น 6.22 บาทต่อหุ้น
อย่างนี้ A น่าสนใจกว่า
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
การลงทุนในบริษัทที่มี P/E สูงๆ
โพสต์ที่ 8
บริษัท A ปีที่ 2 ปีที่ 3 ปีที่ 4 ปีที่ 5
EPS 5.00 5.50 6.05 6.66 7.32
PRICE 35.00 38.50 42.35 46.59 51.24
PE 7.00 7.00 7.00 7.00 7.00
บริษัท B
EPS 2.50 3.00 3.60 4.32 5.18
PRICE 35.00 42.00 50.40 60.48 72.58
PE 14.00 14.00 14.00 14.00 14.00
ถ้าซื้อเน้น capital gain ซื้อ บริษัท B
ถ้าซื้อเน้น กำไรจริง คือกำไรที่ผู้ถือหุ้นได้จริงๆ ไม่สนใจว่าตลาดจะว่าไง
ก็ซื้อ บริษํท A
EPS 5.00 5.50 6.05 6.66 7.32
PRICE 35.00 38.50 42.35 46.59 51.24
PE 7.00 7.00 7.00 7.00 7.00
บริษัท B
EPS 2.50 3.00 3.60 4.32 5.18
PRICE 35.00 42.00 50.40 60.48 72.58
PE 14.00 14.00 14.00 14.00 14.00
ถ้าซื้อเน้น capital gain ซื้อ บริษัท B
ถ้าซื้อเน้น กำไรจริง คือกำไรที่ผู้ถือหุ้นได้จริงๆ ไม่สนใจว่าตลาดจะว่าไง
ก็ซื้อ บริษํท A
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
การลงทุนในบริษัทที่มี P/E สูงๆ
โพสต์ที่ 11
น่าสนใจครับพี่เจ๋งJeng เขียน:บริษัท A ปีที่ 2 ปีที่ 3 ปีที่ 4 ปีที่ 5
EPS 5.00 5.50 6.05 6.66 7.32
PRICE 35.00 38.50 42.35 46.59 51.24
PE 7.00 7.00 7.00 7.00 7.00
บริษัท B
EPS 2.50 3.00 3.60 4.32 5.18
PRICE 35.00 42.00 50.40 60.48 72.58
PE 14.00 14.00 14.00 14.00 14.00
ถ้าซื้อเน้น capital gain ซื้อ บริษัท B
ถ้าซื้อเน้น กำไรจริง คือกำไรที่ผู้ถือหุ้นได้จริงๆ ไม่สนใจว่าตลาดจะว่าไง
ก็ซื้อ บริษํท A
B น่าสนใจตรง Capital Gain ซึ่งมากจาก P/E ที่สูง และการที่ตลาดจะให้ P/E ที่สูง ก็มาจากอัตราการเติบโตที่คาดว่าจะสูงต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
ถ้าลงทุนใน B จุดตายก็คืออัตราการเติบโต ถึงแม้จะรักษาได้นานถึง 5 ปี แต่ถ้าหลังจากนั้นไม่เติบโตละก็ ลำบากแน่ๆ
ถ้าหลังจากปีที่ 5 ตลาดคิดว่าบริษัทโตเต็มที่แล้ว จะลดโตเหลือเพียงแค่ 10% ให้ P/E เหลือแค่ 7 เท่า ราคาตลาดก็แทบจะไม่เพิ่มขึ้นเลยนะเนี่ย
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
Re: การลงทุนในบริษัทที่มี P/E สูงๆ
โพสต์ที่ 12
อุตสาหกรรมที่เราคุ้นเคย ที่นักวิเคราะห์ชมชอบ มีส่วนไหมครับที่เราจะมองในแง่ดีyield เขียน:อือ ถ้าอยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันก็น่าจะเลือก เอ ครับ เพราะว่ามีแนวโน้มว่าอาจจะเติบโตได้ในอนาคตสูงกว่า เพราะอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิเป็นผลประกอบการย้อนหลังใช่ไม๊ครับ แต่ถ้าดันอยู่คนละอุตสาหกรรมเช่น
เอ อยู่อุตสาหกรรมฟอกย้อม
บี เป็นหุ้นโรงพยาบาลชื่อดัง
ผมก็คงต้องเลือก บี ครับ สำหรับผมให้น้ำหนักอุตสาหกรรมมาก่อนการเลือกหุ้นครับ
ส่วนอุตสาหกรรมที่อยู่ในซอกหลืบ ก็ใช่จะไม่เติบโตนะครับ เพียงแต่ไม่มีคนเห็น
อุตสาหกรรมที่โด่งดัง ย่อมนำมาซึ่งคู่แข่งที่มากขึ้นในอนาคต
อุตสาหกรมที่ผู้คนมองข้าม อาจจะนำมาซึ่งการแข่งขันที่น้อยและกำไรที่มากกว่าปรกติ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
การลงทุนในบริษัทที่มี P/E สูงๆ
โพสต์ที่ 14
ถ้าตลาดเชื่อว่าโตได้ 20% ใน 5 ปีข้างหน้า (reflected in stock price) แล้วมันก็โตได้เท่านั้นจริงๆ ถ้าเราซื้อไว้เราก็จะได้แค่ market return เท่านั้น
ดังนั้นบริษัทจะโตเร็วโตช้าก็น่าสนใจได้ทั้งนั้น หน้าที่ของเราคือมองหุ้นที่เราเชื่อว่าในอนาคตจะเติบโตได้มากกว่าความคาดหวังของตลาด เราถึงจะได้ abnormal return
ดังนั้นบริษัทจะโตเร็วโตช้าก็น่าสนใจได้ทั้งนั้น หน้าที่ของเราคือมองหุ้นที่เราเชื่อว่าในอนาคตจะเติบโตได้มากกว่าความคาดหวังของตลาด เราถึงจะได้ abnormal return
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
การลงทุนในบริษัทที่มี P/E สูงๆ
โพสต์ที่ 15
โค้ด: เลือกทั้งหมด
Jeng wrote:
บริษัท A ปีที่ 2 ปีที่ 3 ปีที่ 4 ปีที่ 5
EPS 5.00 5.50 6.05 6.66 7.32
PRICE 35.00 38.50 42.35 46.59 51.24
PE 7.00 7.00 7.00 7.00 7.00
บริษัท B
EPS 2.50 3.00 3.60 4.32 5.18
PRICE 35.00 42.00 50.40 60.48 72.58
PE 14.00 14.00 14.00 14.00 14.00
ถ้าซื้อเน้น capital gain ซื้อ บริษัท B
ถ้าซื้อเน้น กำไรจริง คือกำไรที่ผู้ถือหุ้นได้จริงๆ ไม่สนใจว่าตลาดจะว่าไง
ก็ซื้อ บริษํท A
น่าสนใจครับพี่เจ๋ง
B น่าสนใจตรง Capital Gain ซึ่งมากจาก P/E ที่สูง และการที่ตลาดจะให้ P/E ที่สูง ก็มาจากอัตราการเติบโตที่คาดว่าจะสูงต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
ถ้าลงทุนใน B จุดตายก็คืออัตราการเติบโต ถึงแม้จะรักษาได้นานถึง 5 ปี แต่ถ้าหลังจากนั้นไม่เติบโตละก็ ลำบากแน่ๆ
ถ้าหลังจากปีที่ 5 ตลาดคิดว่าบริษัทโตเต็มที่แล้ว จะลดโตเหลือเพียงแค่ 10% ให้ P/E เหลือแค่ 7 เท่า ราคาตลาดก็แทบจะไม่เพิ่มขึ้นเลยนะเนี่ย
คือในปี ที่ 4 eps อยู่ที่ 4.32 ตอนนั้น pe ไปโน่นเลย คือ 18
ราคาก็จะไปที่ 18x4.32 = 77.76
ทำให้ capital gain สูงครับ สำหรับคนที่ลงทุนก่อนหน้า
ส่วนคนที่เข้ามาซื้อตอน pe 18 ก็ไม่ได้อะไรครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
การลงทุนในบริษัทที่มี P/E สูงๆ
โพสต์ที่ 16
ถ้าหลังจากปีที่ 5 บริษัทให้ P/E เหลือแค่ 10 เท่า
ราคาตลาดของ A และ B ก็จะใกล้เคียงกัน
การที่ราคา B ซื้อขายกันที่ P/E ที่สูงมาก ถือเป็นแต้มต่อหรือเปล่าครับ แบบนักกอล์ฟเรียกว่า Handy Cap. นะ
ราคาตลาดของ A และ B ก็จะใกล้เคียงกัน
การที่ราคา B ซื้อขายกันที่ P/E ที่สูงมาก ถือเป็นแต้มต่อหรือเปล่าครับ แบบนักกอล์ฟเรียกว่า Handy Cap. นะ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
การลงทุนในบริษัทที่มี P/E สูงๆ
โพสต์ที่ 18
ถ้าไม่คิดมาก ...เลือก A
แล้วแบบว่า ถ้าประมาณว่าอะไรๆของสองบริษัทนี้ พอๆกัน ปัจจัยอะไรๆพอๆกัน ...ยิ่งต้องเลือก A
แต่ถ้าคิดมากหน่อย
ต้องดูประชิด ระยะใกล้ๆ ว่าทำไม B นั้น ตลาดจึงให้ pe สูง
ไม่ใช่แค่ดูว่าG% ที่ผ่านมามันสูงกว่า A นะ
แต่จะดูว่า ใกล้ๆนี้ B จะทำ G% ได้สูงกว่าปกติ 20%ที่มันเคยทำได้หรือไม่
(สูงกว่าแบบมีความหมายเช่น 30%) (ดูBปกติที่เคยทำ เทียบ Bปัจจุบันที่กำลังจะทำ ,ไม่ดู B เทียบ A, อย่างนี้ก็เพื่อวัดความสามารถของ B ก่อน)
เพื่อให้ e วิ่งชาร์จขึ้นไปอย่างรวดเร็วก่อน
แล้วพิจารณาว่า หลังจากนี้แล้ว มันจะดอยมั้ย ถ้าเชื่อว่าดอย ก็ เผ่น.... :lol:
อิอิ
แต่โดยทั่วไป ...เลือก A ค่ะ
แล้วแบบว่า ถ้าประมาณว่าอะไรๆของสองบริษัทนี้ พอๆกัน ปัจจัยอะไรๆพอๆกัน ...ยิ่งต้องเลือก A
แต่ถ้าคิดมากหน่อย
ต้องดูประชิด ระยะใกล้ๆ ว่าทำไม B นั้น ตลาดจึงให้ pe สูง
ไม่ใช่แค่ดูว่าG% ที่ผ่านมามันสูงกว่า A นะ
แต่จะดูว่า ใกล้ๆนี้ B จะทำ G% ได้สูงกว่าปกติ 20%ที่มันเคยทำได้หรือไม่
(สูงกว่าแบบมีความหมายเช่น 30%) (ดูBปกติที่เคยทำ เทียบ Bปัจจุบันที่กำลังจะทำ ,ไม่ดู B เทียบ A, อย่างนี้ก็เพื่อวัดความสามารถของ B ก่อน)
เพื่อให้ e วิ่งชาร์จขึ้นไปอย่างรวดเร็วก่อน
แล้วพิจารณาว่า หลังจากนี้แล้ว มันจะดอยมั้ย ถ้าเชื่อว่าดอย ก็ เผ่น.... :lol:
อิอิ
แต่โดยทั่วไป ...เลือก A ค่ะ
- 2 dogs
- Verified User
- โพสต์: 726
- ผู้ติดตาม: 0
การลงทุนในบริษัทที่มี P/E สูงๆ
โพสต์ที่ 19
เรื่อง PE นี่ขึ้นกับความเชื่อของสังคมการเงินมั้งครับ
คนที่ซื้อก็เชื่อว่าซื้อที่ราคานี้ ในอนาคต นอกจาก growthแล้ว
สังคมการเงินจะยอมให้ PE ที่สูงขึ้น เพื่อเป็นการได้กำไร2ทอด
ในขณะที่คนที่ขายก็เชื่อว่า ในอนาคต สังคมการเงินจะมองในแง่ลบมากขึ้น
กับหุ้นตัวดังกล่าว ด้วย PE ที่ต่ำลง ราคาก็คิดกันไปเองว่าน่าจะน้อยลง
เห็นปู่ fisher แกว่าไว้ตอนหนึ่งว่า กำไรหุ้นตัวนึงโต 80% ราคาโต 170%
นี่มันเป็นความบิดเบือนจากสังคมทางการเงินหรือเปล่าที่มองภาพในอนาคต
ของหุ้นตัวดังกล่างเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมถึงยอมให้ PE ที่สูงขึ้น
เสริมเข้ากับการเติบโตทางกำไรเป็นการผสมผสาน
เกิดการลงทุนชั้นยอดที่ไม่ธรรมดา
ปล. เลี่ยนภาษาใน common stock uncommon profit จัง
ถ้าอ่านแล้วสับสนอย่าว่ากันนะ :P
คนที่ซื้อก็เชื่อว่าซื้อที่ราคานี้ ในอนาคต นอกจาก growthแล้ว
สังคมการเงินจะยอมให้ PE ที่สูงขึ้น เพื่อเป็นการได้กำไร2ทอด
ในขณะที่คนที่ขายก็เชื่อว่า ในอนาคต สังคมการเงินจะมองในแง่ลบมากขึ้น
กับหุ้นตัวดังกล่าว ด้วย PE ที่ต่ำลง ราคาก็คิดกันไปเองว่าน่าจะน้อยลง
เห็นปู่ fisher แกว่าไว้ตอนหนึ่งว่า กำไรหุ้นตัวนึงโต 80% ราคาโต 170%
นี่มันเป็นความบิดเบือนจากสังคมทางการเงินหรือเปล่าที่มองภาพในอนาคต
ของหุ้นตัวดังกล่างเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมถึงยอมให้ PE ที่สูงขึ้น
เสริมเข้ากับการเติบโตทางกำไรเป็นการผสมผสาน
เกิดการลงทุนชั้นยอดที่ไม่ธรรมดา
ปล. เลี่ยนภาษาใน common stock uncommon profit จัง
ถ้าอ่านแล้วสับสนอย่าว่ากันนะ :P
หุ้นเงียบๆในวันนี้จะโด่งดังในปีหน้า
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
การลงทุนในบริษัทที่มี P/E สูงๆ
โพสต์ที่ 20
เมื่อมีการโตต่อเนื่อง 20 % ซัก 3-4 ปี คนจะมั่นใจอะไรบางอย่างไม่ทราบเหมือนกัน
แต่ จะส่งผลให้ pe ขึ้นสูง เกิน 15
ทำราวกับว่า ต่อไป ก็จะโตอย่างต่อเนื่อง
โดยไม่มีการตรวจสอบนโยบายของบริษัทเลย
สิ่งที่น่าสังเกต คือ กำไร บริษัท B ในปี ที่ 5
เท่ากับ 5.18 เท่ากับ กำไรของบริษัท A ในปีที่ 1 ด้วยซ้ำ
แต่ จะส่งผลให้ pe ขึ้นสูง เกิน 15
ทำราวกับว่า ต่อไป ก็จะโตอย่างต่อเนื่อง
โดยไม่มีการตรวจสอบนโยบายของบริษัทเลย
สิ่งที่น่าสังเกต คือ กำไร บริษัท B ในปี ที่ 5
เท่ากับ 5.18 เท่ากับ กำไรของบริษัท A ในปีที่ 1 ด้วยซ้ำ
-
- Verified User
- โพสต์: 174
- ผู้ติดตาม: 0
การลงทุนในบริษัทที่มี P/E สูงๆ
โพสต์ที่ 21
สมมติว่าเราเชื่อแล้วว่าอัตราการเติบโตในอนาคตจะเท่ากับปัจจุบันไปได้
อีก 5 ปี
กำไรของ A จะกลายเป็น 8.05 บาทต่อหุ้น
กำไรของ B จะกลายเป็น 6.22 บาทต่อหุ้น
อีก 10 ปี
กำไรของ A จะกลายเป็น 12.97 บาทต่อหุ้น
กำไรของ B จะกลายเป็น 15.48บาทต่อหุ้น
ดังนั้นถ้าเชื่อว่าอัตราการเติบโตในอนาคตจะเท่ากับปัจจุบันไปได้(ตามโจทย์)ถ้าจะลงทุน 5 ปี เลือก A,ถ้าจะลงทุน 10 ปี เลือก B
อีก 5 ปี
กำไรของ A จะกลายเป็น 8.05 บาทต่อหุ้น
กำไรของ B จะกลายเป็น 6.22 บาทต่อหุ้น
อีก 10 ปี
กำไรของ A จะกลายเป็น 12.97 บาทต่อหุ้น
กำไรของ B จะกลายเป็น 15.48บาทต่อหุ้น
ดังนั้นถ้าเชื่อว่าอัตราการเติบโตในอนาคตจะเท่ากับปัจจุบันไปได้(ตามโจทย์)ถ้าจะลงทุน 5 ปี เลือก A,ถ้าจะลงทุน 10 ปี เลือก B
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
การลงทุนในบริษัทที่มี P/E สูงๆ
โพสต์ที่ 22
ตรงนี้แหละค่ะ ที่เป็นประเด็นสำคัญSaitthasak เขียน:
ดังนั้นถ้าเชื่อว่าอัตราการเติบโตในอนาคตจะเท่ากับปัจจุบันไปได้(ตามโจทย์)ถ้าจะลงทุน 5 ปี เลือก A,ถ้าจะลงทุน 10 ปี เลือก B
เพราะตามหลักง่ายๆ
การจะทำ G 20% ให้ได้ 5 ปี มีโอกาสทำได้ แต่ 10 ปี ยากขึ้นมาอีกเท่าตัว
รอบวงจรใหญ่ของระบบเศรษฐกิจ อยู่ราวๆ 13-15 ปี
ในช่วงหนึ่งของ 10-15 ปี จะมีพายุใหญ่พัดผ่าน ให้ต้องฝ่าฟันประมาณ หนึ่งส่วนสามของรอบนั้นๆ
ดังนั้น แทบทุกลำเรือ จะต้องผ่านมรสุมช่วงนี้ G% ไม่สะเทือนเลย เป็นเรื่องที่ยากมาก
ดังนั้น ถ้าปัจจัยเดียวกันเด๊ะๆ
ต้นสูงๆน่าจะเจอมรสุมได้เต็มลำมากกว่า ต้นเตี้ยๆ
สังเกตุง่ายๆ หุ้นโตเร็วเวลาเหวี่ยง(ทั้งลงและขึ้น)จะผันผวนกว่า หุ้นที่โตช้ากว่า
แต่ก็ไม่แน่ อันนี้แค่ความน่าจะเป็น
-
- Verified User
- โพสต์: 697
- ผู้ติดตาม: 0
การลงทุนในบริษัทที่มี P/E สูงๆ
โพสต์ที่ 24
ต้องเอามาคิดให้หมดทั้ง free cash flow, liquidity , inventory turnover , days sales outstanding , EBITDA coverage, ROA , ROE , profit margin on sales , basic earning power , total asset turn over
เห็นด้วยครับ บางทีคิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ :lol:
เห็นด้วยครับ บางทีคิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ :lol:
- Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 1
การลงทุนในบริษัทที่มี P/E สูงๆ
โพสต์ที่ 26
น้อง A เหมือนนางงามระดับกลางๆ พอเอาไปประดับบนเวทีประกวดได้
ส่วนน้อง B คงเหมือน นาตาลี นางงามจักรวาล ที่มีแต่คนหมายปอง
เลือกได้ ขอเลือกน้อง B ตอนก่อนเข้าประกวดแล้วกัน :lol:
ถ้าประกวดไปแล้วแบบนาตาลีตอนนี้ ดังเป็นพลุแตก รู้จักกันไปทั่วบ้านทั่วเมือง ทุกๆคนก็คาดหวังในตัวเธอทั้งนั้น ขอกลับไปเลือกน้อง A แทนละกัน 8)
ส่วนน้อง B คงเหมือน นาตาลี นางงามจักรวาล ที่มีแต่คนหมายปอง
เลือกได้ ขอเลือกน้อง B ตอนก่อนเข้าประกวดแล้วกัน :lol:
ถ้าประกวดไปแล้วแบบนาตาลีตอนนี้ ดังเป็นพลุแตก รู้จักกันไปทั่วบ้านทั่วเมือง ทุกๆคนก็คาดหวังในตัวเธอทั้งนั้น ขอกลับไปเลือกน้อง A แทนละกัน 8)
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
การลงทุนในบริษัทที่มี P/E สูงๆ
โพสต์ที่ 28
มองแบบนักธุรกิจ
บริษัท A โต 10 % ก็จริง แต่ start ด้วย กำไร 5 บาท ทำให้ ปีแรก ก็ได้มาแล้ว 5 บาท
ในขณะที่บริษัท B ถึงแม้ว่าจะโต 20 % แต่ ปี แรกได้มา 2.5 บาท
ใครเป็นนักธุรกิจก็รู้ว่า อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เมื่ออะไรๆ ไม่เป็นไปตามคาด กำไรสะสมก็สามารถประคองสถานการณ์ได้
ผ่านไป 3 ปี บริษัท A มีกำไร เข้ามา 5+5.5+6.05 = 16.55 เท่ากับ 47.29 % ของราคาที่ซื้อ
ในขณะที่ ผ่านไป 3 ปี บริษัท B มีกำไรเข้ามา 2.5+3.0+3.6 = 9.10 เท่ากับ 26 % ของราคาที่ซื้อ
ในระยะเวลา 3 ปี ที่เราลงทุนไปกับ A เราได้มาแล้ว 47.29 หากมีปัญหา อะไรที่ทำให้ ต้องใช้เงิน มาแก้ปัญหา บริษัท A จะมั่นคงกว่า
หมายเหตุ ทั้ง A และ B ก็อาจจะเจอปัญหาทางการเงิน เงินขาดเงินสดหมุนเวียนได้ทั้งคู่ จากยอดขายตก หรือ หนี้สูญ เป็นต้น
...........................................................
ถ้าไม่มีราคาในตลาด
ปีที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
equtity 50.00 55.00 60.50 66.55 73.21 80.53 88.58 97.44 107.18 117.90
roe 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00
eps 5.00 5.50 6.05 6.66 7.32 8.05 8.86 9.74 10.72 11.79
equity 12.50 15.00 18.00 21.60 25.92 31.10 37.32 44.79 53.75 64.50
roe 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00
eps 2.50 3.00 3.60 4.32 5.18 6.22 7.46 8.96 10.75 12.90
ดูๆแล้วก็น่าจะเลือกบริษัท A เพราะอะไรก็ดูเอาเอง
เช่น กำไร 10 ปี ของ A ได้ 79.69 ในขณะที่ B ได้ 64.90 เป็นต้น
........................................................................................
ในแง่คู่แข่ง บริษัท A กำไรโตปีละ 10 % แต่บริษัท B โตปีละ 20 % โอกาสที่คู่แข่ง จะเข้ามาแข่งขัน กับ บริษัท A จะน้อยกว่า บริษัท B เนื่องจาก บริษัท A ดูเหมือนกำไรน้อย
ธุรกิจไม่น่าสนใจ
.........................................................................................
ในแง่ การขยายงาน ของบริษัท B ต้องขยายงานอย่างก้าวกระโดด จำเป็นต้องอาศัย ทีมงาน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
ใครๆก็รู้ว่า การบริหารงานให้ eps โตต่อเนื่อง 20 % ทบต้นทุกปี ตลอด 10 ปี ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะทำได้ง่าย
ทีมงานก็ต้องเพิ่มขึ้นอย่างมาก ปัจจัยเรื่อง คน จะเป็นความเสียงของ บริษัท B มากกว่าบริษัท A
...........................................................................................
ในแง่ความเสียงที่ราคาหุ้นจะปรับตัวลงรุ่นแรง
เนื่องจากบริษัท A pe 7 บริษัท B pe 14 ถ้า ทั้งสองบริษัททำกำไรผิดพลาดจากเป้าหมาย ราคาหุ้นของ A จะลดลงได้ไม่มาก ในขณะที่ราคาหุ้นของ B จะลดลงได้อย่างมาก
...............................................................................................
สรุปคือตามโจทย์ ต้องเลือกบริษัท A ครับ
ส่วนเรื่อง PE ที่ให้ มา 7 กับ 14 นั้นเป็นภาพลวงตาแล้วแต่ว่า ตลาดช่วงนั้น จะตีราคาอย่างไร
บริษัท A โต 10 % ก็จริง แต่ start ด้วย กำไร 5 บาท ทำให้ ปีแรก ก็ได้มาแล้ว 5 บาท
ในขณะที่บริษัท B ถึงแม้ว่าจะโต 20 % แต่ ปี แรกได้มา 2.5 บาท
ใครเป็นนักธุรกิจก็รู้ว่า อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เมื่ออะไรๆ ไม่เป็นไปตามคาด กำไรสะสมก็สามารถประคองสถานการณ์ได้
ผ่านไป 3 ปี บริษัท A มีกำไร เข้ามา 5+5.5+6.05 = 16.55 เท่ากับ 47.29 % ของราคาที่ซื้อ
ในขณะที่ ผ่านไป 3 ปี บริษัท B มีกำไรเข้ามา 2.5+3.0+3.6 = 9.10 เท่ากับ 26 % ของราคาที่ซื้อ
ในระยะเวลา 3 ปี ที่เราลงทุนไปกับ A เราได้มาแล้ว 47.29 หากมีปัญหา อะไรที่ทำให้ ต้องใช้เงิน มาแก้ปัญหา บริษัท A จะมั่นคงกว่า
หมายเหตุ ทั้ง A และ B ก็อาจจะเจอปัญหาทางการเงิน เงินขาดเงินสดหมุนเวียนได้ทั้งคู่ จากยอดขายตก หรือ หนี้สูญ เป็นต้น
...........................................................
ถ้าไม่มีราคาในตลาด
ปีที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
equtity 50.00 55.00 60.50 66.55 73.21 80.53 88.58 97.44 107.18 117.90
roe 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00
eps 5.00 5.50 6.05 6.66 7.32 8.05 8.86 9.74 10.72 11.79
equity 12.50 15.00 18.00 21.60 25.92 31.10 37.32 44.79 53.75 64.50
roe 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00
eps 2.50 3.00 3.60 4.32 5.18 6.22 7.46 8.96 10.75 12.90
ดูๆแล้วก็น่าจะเลือกบริษัท A เพราะอะไรก็ดูเอาเอง
เช่น กำไร 10 ปี ของ A ได้ 79.69 ในขณะที่ B ได้ 64.90 เป็นต้น
........................................................................................
ในแง่คู่แข่ง บริษัท A กำไรโตปีละ 10 % แต่บริษัท B โตปีละ 20 % โอกาสที่คู่แข่ง จะเข้ามาแข่งขัน กับ บริษัท A จะน้อยกว่า บริษัท B เนื่องจาก บริษัท A ดูเหมือนกำไรน้อย
ธุรกิจไม่น่าสนใจ
.........................................................................................
ในแง่ การขยายงาน ของบริษัท B ต้องขยายงานอย่างก้าวกระโดด จำเป็นต้องอาศัย ทีมงาน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
ใครๆก็รู้ว่า การบริหารงานให้ eps โตต่อเนื่อง 20 % ทบต้นทุกปี ตลอด 10 ปี ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะทำได้ง่าย
ทีมงานก็ต้องเพิ่มขึ้นอย่างมาก ปัจจัยเรื่อง คน จะเป็นความเสียงของ บริษัท B มากกว่าบริษัท A
...........................................................................................
ในแง่ความเสียงที่ราคาหุ้นจะปรับตัวลงรุ่นแรง
เนื่องจากบริษัท A pe 7 บริษัท B pe 14 ถ้า ทั้งสองบริษัททำกำไรผิดพลาดจากเป้าหมาย ราคาหุ้นของ A จะลดลงได้ไม่มาก ในขณะที่ราคาหุ้นของ B จะลดลงได้อย่างมาก
...............................................................................................
สรุปคือตามโจทย์ ต้องเลือกบริษัท A ครับ
ส่วนเรื่อง PE ที่ให้ มา 7 กับ 14 นั้นเป็นภาพลวงตาแล้วแต่ว่า ตลาดช่วงนั้น จะตีราคาอย่างไร
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
การลงทุนในบริษัทที่มี P/E สูงๆ
โพสต์ที่ 29
มองแบบนักธุรกิจ
บริษัท A โต 10 % ก็จริง แต่ start ด้วย กำไร 5 บาท ทำให้ ปีแรก ก็ได้มาแล้ว 5 บาท
ในขณะที่บริษัท B ถึงแม้ว่าจะโต 20 % แต่ ปี แรกได้มา 2.5 บาท
ใครเป็นนักธุรกิจก็รู้ว่า อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เมื่ออะไรๆ ไม่เป็นไปตามคาด กำไรสะสมก็สามารถประคองสถานการณ์ได้
ผ่านไป 3 ปี บริษัท A มีกำไร เข้ามา 5+5.5+6.05 = 16.55 เท่ากับ 47.29 % ของราคาที่ซื้อ
ในขณะที่ ผ่านไป 3 ปี บริษัท B มีกำไรเข้ามา 2.5+3.0+3.6 = 9.10 เท่ากับ 26 % ของราคาที่ซื้อ
ในระยะเวลา 3 ปี ที่เราลงทุนไปกับ A เราได้มาแล้ว 47.29 หากมีปัญหา อะไรที่ทำให้ ต้องใช้เงิน มาแก้ปัญหา บริษัท A จะมั่นคงกว่า
หมายเหตุ ทั้ง A และ B ก็อาจจะเจอปัญหาทางการเงิน เงินขาดเงินสดหมุนเวียนได้ทั้งคู่ จากยอดขายตก หรือ หนี้สูญ เป็นต้น
...........................................................
ถ้าไม่มีราคาในตลาด
ปีที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
equtity 50.00 55.00 60.50 66.55 73.21 80.53 88.58 97.44 107.18 117.90
roe 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00
eps 5.00 5.50 6.05 6.66 7.32 8.05 8.86 9.74 10.72 11.79
equity 12.50 15.00 18.00 21.60 25.92 31.10 37.32 44.79 53.75 64.50
roe 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00
eps 2.50 3.00 3.60 4.32 5.18 6.22 7.46 8.96 10.75 12.90
ดูๆแล้วก็น่าจะเลือกบริษัท A เพราะอะไรก็ดูเอาเอง
เช่น กำไร 10 ปี ของ A ได้ 79.69 ในขณะที่ B ได้ 64.90 เป็นต้น
........................................................................................
ในแง่คู่แข่ง บริษัท A กำไรโตปีละ 10 % แต่บริษัท B โตปีละ 20 % โอกาสที่คู่แข่ง จะเข้ามาแข่งขัน กับ บริษัท A จะน้อยกว่า บริษัท B เนื่องจาก บริษัท A ดูเหมือนกำไรน้อย
ธุรกิจไม่น่าสนใจ
.........................................................................................
ในแง่ การขยายงาน ของบริษัท B ต้องขยายงานอย่างก้าวกระโดด จำเป็นต้องอาศัย ทีมงาน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
ใครๆก็รู้ว่า การบริหารงานให้ eps โตต่อเนื่อง 20 % ทบต้นทุกปี ตลอด 10 ปี ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะทำได้ง่าย
ทีมงานก็ต้องเพิ่มขึ้นอย่างมาก ปัจจัยเรื่อง คน จะเป็นความเสียงของ บริษัท B มากกว่าบริษัท A
...........................................................................................
ในแง่ความเสียงที่ราคาหุ้นจะปรับตัวลงรุ่นแรง
เนื่องจากบริษัท A pe 7 บริษัท B pe 14 ถ้า ทั้งสองบริษัททำกำไรผิดพลาดจากเป้าหมาย ราคาหุ้นของ A จะลดลงได้ไม่มาก ในขณะที่ราคาหุ้นของ B จะลดลงได้อย่างมาก
...............................................................................................
สรุปคือตามโจทย์ ต้องเลือกบริษัท A ครับ
ส่วนเรื่อง PE ที่ให้ มา 7 กับ 14 นั้นเป็นภาพลวงตาแล้วแต่ว่า ตลาดช่วงนั้น จะตีราคาอย่างไร
บริษัท A โต 10 % ก็จริง แต่ start ด้วย กำไร 5 บาท ทำให้ ปีแรก ก็ได้มาแล้ว 5 บาท
ในขณะที่บริษัท B ถึงแม้ว่าจะโต 20 % แต่ ปี แรกได้มา 2.5 บาท
ใครเป็นนักธุรกิจก็รู้ว่า อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เมื่ออะไรๆ ไม่เป็นไปตามคาด กำไรสะสมก็สามารถประคองสถานการณ์ได้
ผ่านไป 3 ปี บริษัท A มีกำไร เข้ามา 5+5.5+6.05 = 16.55 เท่ากับ 47.29 % ของราคาที่ซื้อ
ในขณะที่ ผ่านไป 3 ปี บริษัท B มีกำไรเข้ามา 2.5+3.0+3.6 = 9.10 เท่ากับ 26 % ของราคาที่ซื้อ
ในระยะเวลา 3 ปี ที่เราลงทุนไปกับ A เราได้มาแล้ว 47.29 หากมีปัญหา อะไรที่ทำให้ ต้องใช้เงิน มาแก้ปัญหา บริษัท A จะมั่นคงกว่า
หมายเหตุ ทั้ง A และ B ก็อาจจะเจอปัญหาทางการเงิน เงินขาดเงินสดหมุนเวียนได้ทั้งคู่ จากยอดขายตก หรือ หนี้สูญ เป็นต้น
...........................................................
ถ้าไม่มีราคาในตลาด
ปีที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
equtity 50.00 55.00 60.50 66.55 73.21 80.53 88.58 97.44 107.18 117.90
roe 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00
eps 5.00 5.50 6.05 6.66 7.32 8.05 8.86 9.74 10.72 11.79
equity 12.50 15.00 18.00 21.60 25.92 31.10 37.32 44.79 53.75 64.50
roe 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00
eps 2.50 3.00 3.60 4.32 5.18 6.22 7.46 8.96 10.75 12.90
ดูๆแล้วก็น่าจะเลือกบริษัท A เพราะอะไรก็ดูเอาเอง
เช่น กำไร 10 ปี ของ A ได้ 79.69 ในขณะที่ B ได้ 64.90 เป็นต้น
........................................................................................
ในแง่คู่แข่ง บริษัท A กำไรโตปีละ 10 % แต่บริษัท B โตปีละ 20 % โอกาสที่คู่แข่ง จะเข้ามาแข่งขัน กับ บริษัท A จะน้อยกว่า บริษัท B เนื่องจาก บริษัท A ดูเหมือนกำไรน้อย
ธุรกิจไม่น่าสนใจ
.........................................................................................
ในแง่ การขยายงาน ของบริษัท B ต้องขยายงานอย่างก้าวกระโดด จำเป็นต้องอาศัย ทีมงาน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
ใครๆก็รู้ว่า การบริหารงานให้ eps โตต่อเนื่อง 20 % ทบต้นทุกปี ตลอด 10 ปี ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะทำได้ง่าย
ทีมงานก็ต้องเพิ่มขึ้นอย่างมาก ปัจจัยเรื่อง คน จะเป็นความเสียงของ บริษัท B มากกว่าบริษัท A
...........................................................................................
ในแง่ความเสียงที่ราคาหุ้นจะปรับตัวลงรุ่นแรง
เนื่องจากบริษัท A pe 7 บริษัท B pe 14 ถ้า ทั้งสองบริษัททำกำไรผิดพลาดจากเป้าหมาย ราคาหุ้นของ A จะลดลงได้ไม่มาก ในขณะที่ราคาหุ้นของ B จะลดลงได้อย่างมาก
...............................................................................................
สรุปคือตามโจทย์ ต้องเลือกบริษัท A ครับ
ส่วนเรื่อง PE ที่ให้ มา 7 กับ 14 นั้นเป็นภาพลวงตาแล้วแต่ว่า ตลาดช่วงนั้น จะตีราคาอย่างไร
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
การลงทุนในบริษัทที่มี P/E สูงๆ
โพสต์ที่ 30
ปีที่ 1 2 3 4 5 6 7
equtity 50.00 55.00 60.50 66.55 73.21 80.53 88.58
roe 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00
eps 5.00 5.50 6.05 6.66 7.32 8.05 8.86
pe 7 7 7 7 7 7 7
price 35.00 38.50 42.35 46.59 51.24 56.37 62.00
equity 12.50 15.00 18.00 21.60 25.92 31.10 37.32
roe 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00
eps 2.50 3.00 3.60 4.32 5.18 6.22 7.46
pe 14 14 14 14 14 14 14
price 35.00 42.00 50.40 60.48 72.58 87.09 104.51
มีเรื่องแปลก แต่จริง คือ
ถ้าซื้อ pe เท่าไร แล้วขายได้ที่ pe เท่ากัน ผลตอบแทนการลงทุน จะเท่ากับ roe
ถ้าซื้อ บริษัท A ที่ 35 แล้วถือไป 9 ปี เราจะได้ผลตอบแทน 10 % capital gain
ในขณะที่ซื้อบริษัท B แล้วถือไป 9 ปี เราจะได้ผลตอบแทน 20 % ในแง่ capital gain
เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นในหนังสือ the new buffetology จึงให้เลือกบริษัท B ในกรณีที่กิจการนั้นๆ
เป็นกิจการ consumer monopoly และ มี roe สูง จะซื้อ ที่ pe สูงก็ไม่เป็นไร
equtity 50.00 55.00 60.50 66.55 73.21 80.53 88.58
roe 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00 10.00
eps 5.00 5.50 6.05 6.66 7.32 8.05 8.86
pe 7 7 7 7 7 7 7
price 35.00 38.50 42.35 46.59 51.24 56.37 62.00
equity 12.50 15.00 18.00 21.60 25.92 31.10 37.32
roe 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00 20.00
eps 2.50 3.00 3.60 4.32 5.18 6.22 7.46
pe 14 14 14 14 14 14 14
price 35.00 42.00 50.40 60.48 72.58 87.09 104.51
มีเรื่องแปลก แต่จริง คือ
ถ้าซื้อ pe เท่าไร แล้วขายได้ที่ pe เท่ากัน ผลตอบแทนการลงทุน จะเท่ากับ roe
ถ้าซื้อ บริษัท A ที่ 35 แล้วถือไป 9 ปี เราจะได้ผลตอบแทน 10 % capital gain
ในขณะที่ซื้อบริษัท B แล้วถือไป 9 ปี เราจะได้ผลตอบแทน 20 % ในแง่ capital gain
เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นในหนังสือ the new buffetology จึงให้เลือกบริษัท B ในกรณีที่กิจการนั้นๆ
เป็นกิจการ consumer monopoly และ มี roe สูง จะซื้อ ที่ pe สูงก็ไม่เป็นไร