ที่มา : http://www.bangkokbizweek.com/กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ร่วมกับ บล.บีฟิท จัดเสวนา "เซียนชนเซียน" เปิดเทคนิคฝ่าวิบากตลาดหุ้นปี 2550 ด้วย "กึ๋น" ของ "เซียนหุ้นพันล้าน" ที่กำลังโด่งดังที่สุดในรอบทศวรรษ อ่าน "อุบาย" เพื่อทำกำไรจากตลาดหุ้น..ฉบับเซียนมือทอง
ตลาดหุ้นไทยแทบตกอยู่ในสภาพหลังชนกำแพง จากการปะทะกับแรงเสียดทานรอบด้านตั้งแต่ความปั่นป่วนในวงการเมือง ก่อนมาเจอพิษมาตรการกันสำรอง 30% จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่ทันไรก็มาพบกับการลอบ "วางบอมบ์" ไปทั่ว กทม.
ว่ากันว่า ช่วงเวลาเช่นนี้ เซียนหุ้นส่วนใหญ่เริ่ม "พอร์ตนิ่ง" ยุติความเคลื่อนไหว หรือเต็มที่ก็อาจเล่นเล็กๆ น้อยๆ เพื่อลับคมวิชาแค่นั้น
เสี่ยปู่..สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล อาจเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่รายของ "ขาใหญ่" ที่เข้ามาสะสมหุ้นพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์ซื้อในยามที่ตลาดเป็นขาลง
เสี่ยปู่เผยเทคนิคสั้นๆ ว่า "เมื่อมีวิกฤติทุกครั้ง ผมจะซื้อ"
ตอนนี้หุ้นหลายๆ ตัวลงมาต่ำมาก ก่อนเกิดวิกฤติ (มาตรการกันสำรอง 30%) ก็ถือว่าต่ำอยู่แล้ว และ "พี/อี เรโช" ถึงเวลานี้ยังถูกมาก จึงเชื่อว่าหลังจากนี้ราคาจะค่อยๆ รีบาวด์กลับขึ้นไป
เพราะฉะนั้น แนวโน้มการลงทุนปี 2550 จึงอยากขอให้ดูเฉพาะตัวหุ้นที่เราสนใจเป็นสำคัญ ซึ่งปีนี้ผมยังชอบ "กลุ่มอาหาร" เพราะยังเห็นการเติบโตที่ดี รวมถึง "กลุ่มอสังหาริมทรัพย์...บางตัว"
แต่ทั้งนี้ ปกติผมจะไม่มองกลุ่มหุ้นเท่าไร แต่จะดูแนวโน้มของกำไรมากกว่า เพราะกำไรที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้เรามั่นใจ แม้วิกฤติทางการเมืองจะทำให้กำไรลดลง...แต่ก็เพียงชั่วคราว เพราะแนวโน้มของหุ้นประเภทนี้ยังคงขึ้นต่อ "และผมจะซื้อถ้ามันลง"
เซียนพันล้านแนะเทคนิคเล่นหุ้นปีนี้ว่า "หุ้นที่ดี ในยามตลาดปกติมักจะไม่ลง หรือหากเกิดภาวะเลวร้ายหุ้นถึงจะลงมาแรงๆ ตอนนั้นผมจะเข้าไปซื้อเพิ่ม...ยิ่งลงยิ่งซื้อ แต่ทยอยซื้อ และถ้าลงฟลอร์ ผมเก็บเต็มพอร์ตเลย"
ตอนนี้หุ้นนิคมฯแห่งหนึ่ง (AMATA) รับผลกระทบจากสถานการณ์การเมือง จนขายพื้นที่ไม่ได้ ราคาหุ้นปรับลงมาเยอะ "ผมว่าน่าซื้อ" เพราะบริษัทแห่งนี้ไม่ใช่จะไม่ดีตลอดไป ไม่นานก็จะกลับมาดี
เสี่ยปู่ปิดท้ายด้วยความเชื่ออย่างแรงกล้าว่า "ระยะยาวของหุ้นทุกตัว ในที่สุดราคามันจะสะท้อนมูลค่าของหุ้นจริงๆ"
ทางด้าน น.พ.ยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม หรือ "หมอยง" กลับมองอีกมุมว่า วงจรการเล่นหุ้น วิกฤติจะเยอะมาก "หากเราเข้าไปในวิกฤติสัก 10 ครั้ง ถ้าโดนแค่ครั้งเดียวก็หมดตัวแล้ว"
และเชื่อว่าตลาดหุ้นปีนี้เทียบกับปี 2549 "ไม่แตกต่างกัน" (คือไม่ดีจนกว่าจะได้รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง)
หลายๆ ปัจจัยยังไม่คลี่คลาย โดยเฉพาะเรื่องการเมือง...จะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ ยังไม่รู้
แต่เมื่อ "ราคาน้ำมัน" เริ่มจะนิ่งและออกมาในทางต่ำ กับ "อัตราดอกเบี้ย" ที่มีโอกาสปรับลง เหล่านี้พอรับได้
ด้วยปัจจัยหลัก "หมอยง" ยังมองตลาดใน "เชิงขึ้น" มากกว่า "ขาลง" พร้อมคาดการณ์ดัชนีตลาดไว้ในกรอบ 620-720 จุด
นี่คือสัญญาณว่า วิธีการเล่นหุ้นปีหมูไฟ นักลงทุนควรใช้ "ทฤษฎีปิงปอง" ...นั่นก็คือ "ขึ้นขาย-ลงซื้อ" โดยมีเป้าหมายกำไรแค่ 5-7% ก็เต็มที่แล้ว
"ตอนนี้ดัชนีแถวๆ 650 จุด ถ้าขึ้นมาเต็มที่ก็คงซัก 10-20 จุด คุณต้องขายก่อน จากนั้นให้รอปรับตัวอีกรอบจึงค่อยเข้าไปอีกครั้ง ต้องเล่นในกรอบแคบๆ
และหุ้นส่วนใหญ่ที่มีกำไร จะโตเป็น 100% คงไม่มี เต็มที่ก็แค่ 10-20% เมื่อถึงจังหวะนั้นต้องขาย..แล้วไปรอรับ"
เซียนพันล้านมองว่า หุ้นในกลุ่มที่ยังพอจะเล่นได้คงไม่พ้นเซคเตอร์ "ธนาคารพาณิชย์" ที่จะยังมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศเป็นหลัก แม้ผลประกอบการปีนี้ อาจไม่ต่างจากปีก่อน
แต่ที่ฝรั่งยังเข้ามาซื้อ น่าจะเป็นประเด็นของ "สภาพคล่อง" เพราะเขาอาจเข้ามาเก็งกำไรค่าเงินบาท เมื่อถึงเวลาที่จะขาย "หุ้นแบงก์" จะมีสภาพคล่องรองรับที่เพียงพอกับแรงขาย
"หุ้นแบงก์ตอนนี้ ยังคงเป็นแบบ 50-50 ถ้าซื้อคงได้ไม่เท่าไหร่...จึงยังไม่น่าซื้อ รอให้ราคาปรับลงมาสัก 3% แล้วค่อยเข้าไป แต่คนที่มีของอยู่ก่อนยังถือต่อได้ แล้วรอให้ขึ้นไปสัก 5% ก็ขายได้แล้ว"
สุดท้ายนี้ "หมอยง" ยังแนะนำแมลงเม่าไว้ 2 อย่าง สำหรับการเล่นหุ้นในปี 2550 คือ "เลิกเล่น" (ชั่วคราว) หรือ "อยู่ต่อ" (แต่ห้ามโลภ)
หมอฝากไปยังนักลงทุนรายใหม่ว่า ปีนี้ถือเป็นปีที่ค่อนข้างโหด อย่าลืมว่าพวกผม (รายใหญ่) อยู่ในตลาดมานาน ตั้งแต่ดัชนีขึ้นไปเกือบๆ 1,800 จุด ก่อนร่วงลงไป 200 จุด ...แต่พอร์ตของคนกลุ่มนี้ก็ยังโตขึ้นเรื่อยๆ
แสดงว่า "คุณกำลังมาสู้กับพวกผม...คิดให้ดี เพราะคนที่เก่งน้อยกว่าได้ตาย (เลิก) ไปหมดแล้ว"
อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นนักลงทุนระยะยาว (อย่าง "เสี่ยปู่") ก็จะมองผลตอบแทนเป็น "เงินปันผล" กลุ่มนั้นจะมองที่มูลค่าหุ้น ส่วนผม (เก็งกำไร) มองผลตอบแทนเป็น "ราคาหุ้น"
เพราะฉะนั้น วิธีการจะตรงข้ามกันคือ "เสี่ยปู่...ยิ่งลงจะยิ่งซื้อ - แต่ผมยิ่งลง จะยิ่งขาย" วิธีการเล่นจะไม่เหมือนกัน
สำหรับ "เสี่ยแตงโม..สมเกียรติ วงศ์คุณทรัพย์" เลือกที่จะขอหลบไปพักร้อน (ชั่วคราว) "นิสัยผม ชอบเล่นหุ้นตอนการเมืองนิ่งๆ"
และตราบใดที่ยังไม่มีรัฐบาล (ที่มาจากการเลือกตั้ง) ตลาดหุ้นก็คงไม่มีทิศทางที่ดี แม้ถึงเวลานั้นก็คงต้องคอยดูศักยภาพของทีมเศรษฐกิจรัฐบาลใหม่ด้วยว่า สามารถมั่นใจได้แค่ไหน มีนโยบายเป็นอย่างไร
เพราะฉะนั้น "จำเป็นต้องรอ" แล้วไปลุ้นอีกทีปลายปี 2550 ตอนนี้แนะนำให้ "พักร้อน" เป็นส่วนใหญ่ คือยังลงทุนได้ แต่ต้องไม่ใช่เล่นหนักๆ
"ขาขึ้นผมแนะให้เพิ่มพอร์ต ขาลงลดพอร์ต..เอาแค่นี้ง่ายๆ"
แต่เมื่อใดที่มีสัญญาณสะท้อนว่าตลาดหุ้นจะกลับมาดีอีกครั้ง หุ้นใน "กลุ่มหลักทรัพย์" เราไม่ควรมองข้าม เพราะแม้จะมีการเปิดเสรีในอนาคต แต่หุ้นกลุ่มนี้จะยังมีกำไร ..และเชื่อเลยว่าคงเสรีได้ไม่นาน
ส่วนหุ้นอีกกลุ่มคือ "น้ำมัน" เพราะราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับลงมาค่อนข้างมาก เมื่อใดที่ปรับสูงขึ้นอีกครั้ง "หุ้นน้ำมัน" จะน่าสนใจ
เสี่ยแตงโมแนะให้พยายาม "เลี่ยง" หุ้นเก็งกำไรที่ราคาหวือหวาในช่วงนี้ และหันไปมองหุ้นพื้นฐาน "เพราะบทเรียนตลอด 14 ปีที่ผมคลุกคลีกับหุ้นเก็งกำไร...ผมสาหัส!! ใครที่มาบอกว่าอินไซด์ อย่าไปซี้ซั้วฟัง ไม่ดีหรอกครับ"
เซียนหุ้นเทคนิคอีกราย ธนกฤต เลิศผาติ หรือ "ไฮ้ส้มตำ" มองว่า "ปีนี้...ถ้าอยู่เฉยๆ ไว้ได้ ยิ่งดี"
เพราะจากการวิเคราะห์ดัชนี (SET) ปีนี้ คงไม่ไปไหนแน่ๆ ถ้าจะรอให้ดัชนีพุ่งขึ้นแรงๆ ต้องรอผ่านต้นปี 2551 ไปก่อน จากนั้นค่อยมาประเมินสถานการณ์กันอีกที
"ปีนี้การเมืองไม่แน่นอน หลีกเลี่ยงได้ควรหลีก แต่ถ้าเป็นหุ้นพื้นฐาน..ซื้อเก็บได้ โดยเฉพาะหุ้นแบงก์หลายตัว ราคาค่อนข้างถูก เพียงแต่คุณต้องกล้ารับกับความเสี่ยงจากการเมืองที่ยังไม่นิ่งให้ได้
ถ้าไตร่ตรองแล้วว่ารับแรงเสียดทานปีนี้ไหว..ก็ลงทุนประเภทนี้ได้"
ส่วน วัชระ แก้วสว่าง หรือ "เสี่ยป๋อง" ที่ลดน้ำหนักของพอร์ตลงมาเหลือน้อยกว่า 5% ยอมรับว่า งง!! กับตลาดหุ้นปีนี้ "ประเมินสถานการณ์แทบไม่ออก...อ่านไม่ขาด คือมีเซ้นส์ว่าเหมือนจะเล่นยาก"
เสี่ยป๋องเปรียบชีวิตคนเล่นหุ้นปีนี้ว่า "เหมือนคนกำลังยืนอยู่ริมถนนวิภาวดีฯ แล้วมีเหรียญสิบบาทอยู่ข้างหน้า รถก็วิ่ง!! ฟิ้วๆ แต่เราก็พยายามที่จะไปเก็บเหรียญสิบให้ได้ สิบบาทยังจะเอาอีกเหรอ มันเสี่ยงมากเกินไป"
และตลาดหุ้นบ้านเราคงจะทำนอง "ขึ้นน้อย ลงก็ไม่มาก" อย่างนี้ไม่ต้องเล่นดีกว่า
โดยที่เขายังคงมีมุมมองที่พอรับไหวกับหุ้น "กลุ่มแบงก์" เช่นเดียวกับเซียนรายอื่นๆ แม้จะหวังได้ยากกับกำไร แต่ถ้าราคามันลง...คนจะหนีตายได้ง่าย เพราะยังมีออฟเฟอร์ให้ขาย สภาพคล่องยังสูง
"พี่ยักษ์..วิชัย วชิรพงศ์" วิเคราะห์ตลาดหุ้นปีนี้ในฐานะนักลงทุนประเภทกึ่ง "เก็งกำไร" ว่า ตลาดหุ้นตอนนี้มันประมาณ "ตีสาม" (ยังมีผีอยู่) อย่าเพิ่งออกมาจ่ายตลาด ถ้าจะเล่นต้องเล่นน้อยๆ เดี๋ยวจะพลาด แล้วหัดหมั่นถามเพื่อนฝูงข้างๆ ว่าเริ่มมีกำไรบ้างหรือยัง เพราะตราบใดที่คนข้างๆ ที่เล่นหุ้นเริ่มมีกำไรเมื่อไหร่...นั่นคือสัญญาณว่าตลาดจะดี
แต่ปีนี้เงินมันหายไปจากระบบ เดิมทีลูกโป่งใบนี้ (ดัชนี) อยู่ที่ 740 จุด มันแฟบลงเหลือ 650 จุด เพราะวอลุ่มที่หายไป ถ้าเกิดกลุ่มเดิม (ต่างชาติ) ไม่กลับเข้ามา ตลาดหุ้นจะเอา "แรงลม" มาจากไหนเพื่อจะเบ่งให้ลูกโป่งกลับไปสู่ 700 จุดอีกครั้ง แทบจะเป็นไปไม่ได้
นี่คือวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ดวง ถ้าไม่มีแรงลมจากต่างชาติเข้ามา "หุ้นไม่มีทางขึ้น" บางคนมองว่าวิกฤติคือโอกาส แต่นั่นคือโอกาสระยะยาว...ไม่ใช่พรุ่งนี้!!
+"เซียนพันล้าน" ยังไม่กล้า..ฝ่าดงเซียน+
-
- Verified User
- โพสต์: 3345
- ผู้ติดตาม: 0
+"เซียนพันล้าน" ยังไม่กล้า..ฝ่าดงเซียน+
โพสต์ที่ 1
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
+"เซียนพันล้าน" ยังไม่กล้า..ฝ่าดงเซียน+
โพสต์ที่ 2
หมอยงบอกว่า
นี่คือสัญญาณว่า วิธีการเล่นหุ้นปีหมูไฟ นักลงทุนควรใช้ "ทฤษฎีปิงปอง" ...นั่นก็คือ "ขึ้นขาย-ลงซื้อ" โดยมีเป้าหมายกำไรแค่ 5-7% ก็เต็มที่แล้ว
งงดี.....เพราะฉะนั้น วิธีการจะตรงข้ามกันคือ "เสี่ยปู่...ยิ่งลงจะยิ่งซื้อ - แต่ผมยิ่งลง จะยิ่งขาย" วิธีการเล่นจะไม่เหมือนกัน
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 279
- ผู้ติดตาม: 0
+"เซียนพันล้าน" ยังไม่กล้า..ฝ่าดงเซียน+
โพสต์ที่ 4
พี่ Eto ครับประเด็นสำคัญเล็กๆ ที่ว่านี้คืออะไรหรอครับ :roll:Eto Demerzel เขียน: ผมว่าทั้งหมอยง และเสี่ยปู่พูดความจริงทั้งคู่
แต่ดูเหมือนจะจงใจไม่พูดประเด็นสำคัญ
เล็กๆ ที่เป็นเคล็ดลับเซียนจริงๆ
เคล็ดลับเล็กๆ นี่แหละครับ ที่แยกระหว่างเซียนกับแมงเม่า
ขออภัยมือใหม่พึ่งหัดลงทุนงับ ^_______^
- Muffin
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 874
- ผู้ติดตาม: 0
+"เซียนพันล้าน" ยังไม่กล้า..ฝ่าดงเซียน+
โพสต์ที่ 6
เพราะ mindset มันต่างกันมั้งครับ
จริงๆผมช่วยขยายความให้ในห้องชั่วคราว ห้องเทคนิค
จริงๆแล้ว เล่นหุ้นต้องมีสติ จะได้พอรู้ว่าทำอะไรอยู่ :lol:
สรุปแล้วเป็นแมงเม่าอยู่นั่นเอง....
...
แหม แสงไฟมันล่อตาล่อไฟ โอยยยยย
จริงๆผมช่วยขยายความให้ในห้องชั่วคราว ห้องเทคนิค
จริงๆแล้ว เล่นหุ้นต้องมีสติ จะได้พอรู้ว่าทำอะไรอยู่ :lol:
สรุปแล้วเป็นแมงเม่าอยู่นั่นเอง....
...
แหม แสงไฟมันล่อตาล่อไฟ โอยยยยย
-
- Verified User
- โพสต์: 558
- ผู้ติดตาม: 0
+"เซียนพันล้าน" ยังไม่กล้า..ฝ่าดงเซียน+
โพสต์ที่ 7
หมอยง ซื้อหุ้นแล้วถ้ามันขึ้นก็จะซื้อเพิ่ม แต่ถ้าซื้อแล้วมันลงก็จะขายทิ้ง
นั่นคือยิ่งขึ้นยิ่งซื้อ และยิ่งลงยิ่งต้องขาย หุ้นที่หมอยงซื้อกับหุ้นที่เสี่ยปู่ซื้อส่วนใหญ่ก็คนละแนว หลังๆเสี่ยปู่เน้นซื้อลงทุนระยะยาวมากขึ้น เวลาหุ้นลงจึงเป็นโอกาสในการเข้าไปซื้อ ในขณะที่หมอยงไม่ค่อยสนใจพื้นฐานหุ้นมากนัก การเข้าซื้อแต่ละครั้งจะจบการขายไม่ว่ากำไรหรือขาดทุนสั้นกว่าเสี่ยปู่ครับ
นั่นคือยิ่งขึ้นยิ่งซื้อ และยิ่งลงยิ่งต้องขาย หุ้นที่หมอยงซื้อกับหุ้นที่เสี่ยปู่ซื้อส่วนใหญ่ก็คนละแนว หลังๆเสี่ยปู่เน้นซื้อลงทุนระยะยาวมากขึ้น เวลาหุ้นลงจึงเป็นโอกาสในการเข้าไปซื้อ ในขณะที่หมอยงไม่ค่อยสนใจพื้นฐานหุ้นมากนัก การเข้าซื้อแต่ละครั้งจะจบการขายไม่ว่ากำไรหรือขาดทุนสั้นกว่าเสี่ยปู่ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 3763
- ผู้ติดตาม: 0
+"เซียนพันล้าน" ยังไม่กล้า..ฝ่าดงเซียน+
โพสต์ที่ 9
ผมว่าใส่ Timeframe เข้าไปด้วยจะสมบูรณ์มากขึ้นครับbeammy เขียน:ผมเคยอ่านบทความของหมอยง
แกบอกว่า เล่นหุ้นแล้วมีกำไร นั่นแหละวิธีที่ถูก
แต่ถ้าเล่นหุ้นแล้วขาดทุน คือวิธีที่ผิด
แต่ละท่านมีความเห็นอย่างไรบ้างครับ ???
Impossible is Nothing
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
+"เซียนพันล้าน" ยังไม่กล้า..ฝ่าดงเซียน+
โพสต์ที่ 10
หมอยงพูดถูกแล้ว ถ้าเราเล่นพื้นฐาน หุ้นยิ่งตก มันก็ยิ่ง undervalued ก็ยิ่งต้องซื้อ แต่ถ้าเราเล่นเก็งกำไร เรามุ่งหาหุ้นที่จะเป็นขาขึ้น ถ้ากระโดดขึ้นรถแล้วผิดคันดันลง ต้องรีบขายทิ้งทันที อย่าเสียดาย
ถูกต้องแล้ว จุดมุ่งหมายไม่เหมือนกัน วิธีจึงไม่เหมือนกันด้วย
ถูกต้องแล้ว จุดมุ่งหมายไม่เหมือนกัน วิธีจึงไม่เหมือนกันด้วย
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
+"เซียนพันล้าน" ยังไม่กล้า..ฝ่าดงเซียน+
โพสต์ที่ 11
เห็นด้วยเต็มๆครับผมว่าทั้งหมอยง และเสี่ยปู่พูดความจริงทั้งคู่
แต่ดูเหมือนจะจงใจไม่พูดประเด็นสำคัญ
เล็กๆ ที่เป็นเคล็ดลับเซียนจริงๆ
เคล็ดลับเล็กๆ นี่แหละครับ ที่แยกระหว่างเซียนกับแมงเม่า
คำพูดเขาดูเหมือนขัดแย้งกันเอง แต่จริงๆไม่ใช่ ถ้าดูลึกๆแล้วจะไม่ใช่ เพียงแต่เพราะเขาปิดบังประเด็นสำคัญบางอย่างไป และประเด็นนั้นแหละที่ทำให้เซียนกับแมงเม่ามีความแตกต่างกันอย่างที่ท่านอีโต้ว่า
ที่จริงผมว่าเป็นไปตามธรรมชาติของนักเทคนิค เพราะนักเทคนิคอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่คนมีเล่ห์เหลี่ยมจะอยู่รอด คนซื่อและจริงใจจะล้มหายตายจากไปเรื่อยๆ ดังนั้นเขาบอกไม่หมด บอกหมดเขาก็เจ๊ง เพราะถ้าคนรู้เท่าทันเขาหมด เขาก็ไม่มีช่องทำมาหากิน ก็เห็นใจเขาอยู่.......ต้องโทษเกมส์ครับ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 920
- ผู้ติดตาม: 0
+"เซียนพันล้าน" ยังไม่กล้า..ฝ่าดงเซียน+
โพสต์ที่ 12
พอเข้าใจได้ว่า
คนที่บอกว่าลงให้ขาย...คงหมายถึงเมื่อเริ่มลงให้เริ่มลงมือขายไม้แรกขายให้ได้มากที่สุด...ลงอีกก็ขายอีก...เริ่มซื้ออีกทีตอนหุ้นเริ่มขึ้น...ขึ้นอีกก็ซื้ออีกแต่ซื้อด้วยเงินน้อยลง
ส่วนอีกคนที่ว่าลงให้ซื้อ...คงหมายถึงลงเยอะๆติดฟลอร์ แล้วค่อยเริ่มซื้อ...ยิ่งลงก็ยิ่งซื้อด้วยเงินมากขึ้น...พอขึ้นเยอะเป็นที่น่าพอใจก็เริ่มขายยิ่งขึ้นขายหนัก
ไม่มีเซียนคนไหนซื้อได้ที่ตีนเขาหรือขายได้ที่ยอดเขา...แต่ทั้งสองเซียนทำกำไรได้จากคนละฝั่งเขา...ปล่อยให้แมงเม่าเฝ้าดอย
คนที่บอกว่าลงให้ขาย...คงหมายถึงเมื่อเริ่มลงให้เริ่มลงมือขายไม้แรกขายให้ได้มากที่สุด...ลงอีกก็ขายอีก...เริ่มซื้ออีกทีตอนหุ้นเริ่มขึ้น...ขึ้นอีกก็ซื้ออีกแต่ซื้อด้วยเงินน้อยลง
ส่วนอีกคนที่ว่าลงให้ซื้อ...คงหมายถึงลงเยอะๆติดฟลอร์ แล้วค่อยเริ่มซื้อ...ยิ่งลงก็ยิ่งซื้อด้วยเงินมากขึ้น...พอขึ้นเยอะเป็นที่น่าพอใจก็เริ่มขายยิ่งขึ้นขายหนัก
ไม่มีเซียนคนไหนซื้อได้ที่ตีนเขาหรือขายได้ที่ยอดเขา...แต่ทั้งสองเซียนทำกำไรได้จากคนละฝั่งเขา...ปล่อยให้แมงเม่าเฝ้าดอย