ใครพอมีข้อมูล PYLON บ้างครับ
- น้ำครึ่งแก้ว
- Verified User
- โพสต์: 1098
- ผู้ติดตาม: 0
ใครพอมีข้อมูล PYLON บ้างครับ
โพสต์ที่ 33
มาดูกันครับ ว่าเหมือนแค่ไหน
ส่วนตัวผมว่า ไม่เหมือน ............................
แต่ว่า ใช่เลย คุณสุมาอี้ แน่ๆเลย
" ชีวิตไม่เคยขาดความหวาน "
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1063
- ผู้ติดตาม: 0
ใครพอมีข้อมูล PYLON บ้างครับ
โพสต์ที่ 34
บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) ("บริษัท" ประกอบธุรกิจเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างงานฐานราก
โดยแบ่งออกเป็น 3 สายงานหลัก ดังนี้
1. งานเสาเข็มเจาะ (Bored Pile)
เสาเข็มเจาะเป็นเสาเข็มที่นิยมใช้กับการก่อสร้างฐานรากของโครงสร้างขนาดใหญ่ และ
โครงสร้างอาคารในบริเวณที่มีพื้นที่จำกัด ซึ่งไม่สามารถใช้เสาเข็มตอกได้เนื่องจากปัญหาด้าน
การขนส่ง หรือเนื่องจากบริเวณก่อสร้างชิดอาคารข้างเคียงมากซึ่งความสั่นสะเทือนจากการตอก
เสาเข็มอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายกับอาคารข้างเคียงได้ นอกจากนี้เสาเข็มเจาะยังลดมลภาวะ
เรื่องเสียงและแรงสั่นสะเทือนเมื่อเทียบกับการใช้เสาเข็มตอก การก่อสร้างเสาเข็มเจาะนั้นสามารถ
ปรับเปลี่ยนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ และทำได้ถึงความลึกมากกว่า 60 เมตร ขึ้นอยู่กับการออกแบบ
กำลังรับน้ำหนักของเสาเข็มโดยวิศวกร และสภาพชั้นดินในแต่ละพื้นที่ โดยสามารถประยุกต์ใช้กับ
การก่อสร้างโรงงาน สะพานข้ามแยก ทางยกระดับ อาคารสูง เป็นต้น
2. งานปรับปรุงคุณภาพดินโดยวิธีอัดฉีดซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง
มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มเสถียรภาพให้กับโครงสร้างของดินเดิม ทำให้ดินมีกำลังรับน้ำหนัก
มากขึ้นและป้องกันการเคลื่อนตัวของดิน โดยบริษัทมีการให้บริการงานประเภทนี้โดยวิธีการอัดฉีด
ซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง (Jet Grouting) ที่ความดันประมาณ 200 ถึง 400 บาร์ โดยการแบ่งลักษณะ
ของงานเป็นดังนี้
- เสาเข็มดินซีเมนต์ ซึ่งมีความสามารถในการรับน้ำหนักตามที่ออกแบบและช่วยลดปัญหา
การทรุดตัวของโครงสร้าง โดยสามารถประยุกต์ใช้กับงานฐานรากงานถนน ลานจอดเครื่องบิน เขื่อน
ประตูระบายน้ำ รวมไปถึงการเพิ่มเสถียรภาพให้กับตลิ่งของคลอง
- การเพิ่มกำลังรับน้ำหนักและเสถียรภาพของดินเฉพาะจุด เช่น งานอัดฉีดรอยแตกของ
ชั้นหินหรือดินในงานก่อสร้างเขื่อน
3. งานกำแพงกันดินชนิดไดอะแฟรม
เป็นการก่อสร้างกำแพงโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นโครงสร้างรับน้ำหนักและป้องกัน
การเคลื่อนตัวของดินทางด้านข้าง โดยจะทำการก่อสร้างกำแพงในชั้นที่ต่ำกว่าผิวดินด้วยคอนกรีต
เสริมเหล็กคล้ายคลึงกับการทำเสาเข็มเจาะแบบเปียก ซึ่งการใช้เทคโนโลยีในการก่อสร้างกำแพง
กันดินชนิดนี้ทำให้ไม่ต้องใช้ Sheet Pile และสามารถสร้างกำแพงกันดินใต้ดินแบบถาวรที่มีหน้าตัด
เป็นสี่เหลี่ยมเหมือนกำแพงทั่วไป แต่มีความแข็งแรงและสามารถป้องกันการรั่วซึมของน้ำได้ ซึ่ง
ส่วนใหญ่จะใช้เพื่อเป็นโครงสร้างของชั้นจอดรถใต้ดิน กำแพงอาคารผู้โดยสารสำหรับระบบ
รถไฟฟ้าใต้ดิน และอุโมงค์ลอดทางแยก เป็นต้น โดยสามารถกำหนดความหนาของแผ่นกำแพง
ได้ตั้งแต่ 50 เซนติเมตร จนถึง 1.5 เมตร
บริษัททำงานให้กับทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชน ซึ่งลูกค้าของบริษัทมีทั้งที่เป็น
ผู้รับเหมาหลัก (Main Contractor) และเจ้าของโครงการโดยตรง
ตอบกลับโดย : invisible_hand
Posts : 83
Replies : 1686
« Reply #3 เมื่อ 01/05/2006 , 00:03:37 » Edit
--------------------------------------------------------------------------------
บริษัทเริ่มประกอบกิจการในปี 2545 แต่ยังไม่มีรายได้
1 รายได้จากการบริการอื่นๆ ได้แก่ รายได้จากการให้เช่าอุปกรณ์เครื่องจักร เช่น รถเครน ปลอกเหล็ก
และรวมถึงค่าความเสียหายของวัสดุและอุปกรณ์ที่เรียกเก็บจากผู้รับเหมาช่วง เป็นต้น
2 รายได้อื่นๆ ได้แก่ ดอกเบี้ยรับ กำไรจากการขายสินทรัพย์ เป็นต้น
3 บริษัทมีกำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้งานจำนวน 4.51 ล้านบาท โดยสินทรัพย์ดังกล่าว
เป็นสินทรัพย์ที่ได้มาจากการประมูลแบบเหมารวมในราคาต่ำ (ตามภาวะเศรษฐกิจขณะนั้น) ซึ่งไม่ได้
นำมาใช้ในงานฐานรากของบริษัท และได้ทำการขายให้บุคคลภายนอกที่เสนอราคาสูงสุด
รายได้ทั้งหมดของบริษัทมาจากการรับเหมาก่อสร้างงานฐานรากในประเทศ แบ่งประเภทงานที่
บริการรับจ้างได้เป็น 2 ประเภท คือ งานจากภาครัฐบาลและภาคเอกชน โดยงานจากภาครัฐบาลส่วนใหญ่
จะเป็นงานโครงสร้างและสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น งานทางรถไฟยกระดับ งานทางด่วน งานสะพาน
ข้ามแยก งานเขื่อน และงานโรงไฟฟ้า ในขณะที่งานภาคเอกชนจะเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย
อาคารสำนักงาน และโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น ซึ่งบริษัทมีการดำเนินการเพื่อรับงานใน 2 รูปแบบ
คือการเป็นผู้รับเหมาช่วงโดยรับงานจากผู้รับเหมาหลัก (Main Contractor) และการเป็นผู้รับเหมาโครงการ
โดยการรับงานจากเจ้าของโครงการโดยตรง โดยในปี 2546 ปี 2547 และ 9 เดือนแรกของปี 2548 บริษัท
มีสัดส่วนรายได้จากการเป็นผู้รับเหมาช่วงต่อการเป็นผู้รับเหมาโครงการโดยตรง 83:17 และ 87:13 และ
96:4 ตามลำดับ โดยสัดส่วนรายได้ที่มาจากการเป็นผู้รับเหมาช่วงที่สูงนั้นสะท้อนถึงประเภทงานที่เป็น
โครงการภาครัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ โดยที่ผ่านมาบริษัทมีฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งผู้รับเหมาหลักและเจ้าของ
โครงการทำให้ปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าทั้งหมด 19 ราย
ผู้ประกอบการเสาเข็มเจาะขนาดใหญ่นั้น ในปัจจุบันมีจำนวน 6 รายนอกเหนือจากบริษัท ได้แก่
บมจ. ซีฟโก้ บจ. ไทยบาวเออร์ บจ. อิตัลไทย เทรวี่ บจ. สยามโทเนะ บจ. พร้อมมิตร คอนกรีต และ
บจ. สแตนด์ไพล์ สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาดำเนินการนั้นจะต้องมีเงินลงทุนในการ
ดำเนินการสูง และคุณภาพของบุคลากรเป็นที่ยอมรับของผู้จ้างงาน ในขณะที่ผู้ประกอบการที่ทำเสาเข็ม
ขนาดเล็กมีเป็นจำนวนมาก และมีการใช้เงินลงทุนไม่มาก ทำให้การแข่งขันในกลุ่มผู้รับทำเสาเข็มเจาะ
ขนาดใหญ่มีการแข่งขันที่น้อยกว่าผู้รับทำเสาเข็มเจาะขนาดเล็ก หรือเสาเข็มตอก
สำหรับงานปรับปรุงคุณภาพดินนั้นบริษัทเน้นในการให้บริการด้านงานอัดฉีดซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง
เป็นหลัก โดยรวมไปถึงการทำงานเสาเข็มดินซีเมนต์ด้วยแรงดันสูงด้วยซึ่งจะให้ผลงานที่มีคุณภาพสูงกว่า
การทำเสาเข็มดินซีเมนต์ด้วยแรงดันต่ำ ในปัจจุบันจำนวนผู้ประกอบการงานเสาเข็มดินซีเมนต์ด้วยแรงดันต่ำ
มีอยู่หลายราย เนื่องจากเครื่องมือ อุปกรณ์และกระบวนขั้นตอนการทำงานนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี
สูงนัก และการลงทุนก็ค่อนข้างต่ำหากเทียบกับวิธีการอัดฉีดซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง ในส่วนงานอัดฉีด
ซีเมนต์ด้วยแรงดันสูงนั้นต้องใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ อีกทั้งขั้นตอนและเทคโนโลยีที่สูงและเป็นความ
เชี่ยวชาญเฉพาะทางซึ่งจะทำให้ได้งานที่มีคุณภาพและสามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลายกว่า ทั้งนี้มี
ผู้ประกอบการหลักเพียง 2 รายในสาขานี้ คือ บจ. ซอยล์กรีต เทคโนโลยี และบริษัท เท่านั้น
ในขณะที่ผู้ประกอบการหลักในการก่อสร้างกำแพงกันดินชนิดไดอะแฟรม นั้นมีอยู่เพียง 3 ราย
นอกเหนือจากบริษัท คือ บมจ. ซีฟโก้ บจ. ไทยบาวเออร์ และบจ. อิตัลไทย เทรวี่ ทั้งนี้ เนื่องจากต้อง
อาศัยเครื่องมือที่มีเทคโนโลยีสูงในการก่อสร้างกำแพงกันดิน และการก่อสร้างยังไม่เป็นที่แพร่หลาย
มากนัก
ตอบกลับโดย : invisible_hand
Posts : 83
Replies : 1687
« Reply #4 เมื่อ 01/05/2006 , 00:04:05 » Edit
--------------------------------------------------------------------------------
บริษัทเริ่มประกอบกิจการในปี 2545 แต่ยังไม่มีรายได้
1 รายได้จากการบริการอื่นๆ ได้แก่ รายได้จากการให้เช่าอุปกรณ์เครื่องจักร เช่น รถเครน ปลอกเหล็ก
และรวมถึงค่าความเสียหายของวัสดุและอุปกรณ์ที่เรียกเก็บจากผู้รับเหมาช่วง เป็นต้น
2 รายได้อื่นๆ ได้แก่ ดอกเบี้ยรับ กำไรจากการขายสินทรัพย์ เป็นต้น
3 บริษัทมีกำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้งานจำนวน 4.51 ล้านบาท โดยสินทรัพย์ดังกล่าว
เป็นสินทรัพย์ที่ได้มาจากการประมูลแบบเหมารวมในราคาต่ำ (ตามภาวะเศรษฐกิจขณะนั้น) ซึ่งไม่ได้
นำมาใช้ในงานฐานรากของบริษัท และได้ทำการขายให้บุคคลภายนอกที่เสนอราคาสูงสุด
รายได้ทั้งหมดของบริษัทมาจากการรับเหมาก่อสร้างงานฐานรากในประเทศ แบ่งประเภทงานที่
บริการรับจ้างได้เป็น 2 ประเภท คือ งานจากภาครัฐบาลและภาคเอกชน โดยงานจากภาครัฐบาลส่วนใหญ่
จะเป็นงานโครงสร้างและสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น งานทางรถไฟยกระดับ งานทางด่วน งานสะพาน
ข้ามแยก งานเขื่อน และงานโรงไฟฟ้า ในขณะที่งานภาคเอกชนจะเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย
อาคารสำนักงาน และโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น ซึ่งบริษัทมีการดำเนินการเพื่อรับงานใน 2 รูปแบบ
คือการเป็นผู้รับเหมาช่วงโดยรับงานจากผู้รับเหมาหลัก (Main Contractor) และการเป็นผู้รับเหมาโครงการ
โดยการรับงานจากเจ้าของโครงการโดยตรง โดยในปี 2546 ปี 2547 และ 9 เดือนแรกของปี 2548 บริษัท
มีสัดส่วนรายได้จากการเป็นผู้รับเหมาช่วงต่อการเป็นผู้รับเหมาโครงการโดยตรง 83:17 และ 87:13 และ
96:4 ตามลำดับ โดยสัดส่วนรายได้ที่มาจากการเป็นผู้รับเหมาช่วงที่สูงนั้นสะท้อนถึงประเภทงานที่เป็น
โครงการภาครัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ โดยที่ผ่านมาบริษัทมีฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งผู้รับเหมาหลักและเจ้าของ
โครงการทำให้ปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าทั้งหมด 19 ราย
ผู้ประกอบการเสาเข็มเจาะขนาดใหญ่นั้น ในปัจจุบันมีจำนวน 6 รายนอกเหนือจากบริษัท ได้แก่
บมจ. ซีฟโก้ บจ. ไทยบาวเออร์ บจ. อิตัลไทย เทรวี่ บจ. สยามโทเนะ บจ. พร้อมมิตร คอนกรีต และ
บจ. สแตนด์ไพล์ สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาดำเนินการนั้นจะต้องมีเงินลงทุนในการ
ดำเนินการสูง และคุณภาพของบุคลากรเป็นที่ยอมรับของผู้จ้างงาน ในขณะที่ผู้ประกอบการที่ทำเสาเข็ม
ขนาดเล็กมีเป็นจำนวนมาก และมีการใช้เงินลงทุนไม่มาก ทำให้การแข่งขันในกลุ่มผู้รับทำเสาเข็มเจาะ
ขนาดใหญ่มีการแข่งขันที่น้อยกว่าผู้รับทำเสาเข็มเจาะขนาดเล็ก หรือเสาเข็มตอก
สำหรับงานปรับปรุงคุณภาพดินนั้นบริษัทเน้นในการให้บริการด้านงานอัดฉีดซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง
เป็นหลัก โดยรวมไปถึงการทำงานเสาเข็มดินซีเมนต์ด้วยแรงดันสูงด้วยซึ่งจะให้ผลงานที่มีคุณภาพสูงกว่า
การทำเสาเข็มดินซีเมนต์ด้วยแรงดันต่ำ ในปัจจุบันจำนวนผู้ประกอบการงานเสาเข็มดินซีเมนต์ด้วยแรงดันต่ำ
มีอยู่หลายราย เนื่องจากเครื่องมือ อุปกรณ์และกระบวนขั้นตอนการทำงานนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี
สูงนัก และการลงทุนก็ค่อนข้างต่ำหากเทียบกับวิธีการอัดฉีดซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง ในส่วนงานอัดฉีด
ซีเมนต์ด้วยแรงดันสูงนั้นต้องใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ อีกทั้งขั้นตอนและเทคโนโลยีที่สูงและเป็นความ
เชี่ยวชาญเฉพาะทางซึ่งจะทำให้ได้งานที่มีคุณภาพและสามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลายกว่า ทั้งนี้มี
ผู้ประกอบการหลักเพียง 2 รายในสาขานี้ คือ บจ. ซอยล์กรีต เทคโนโลยี และบริษัท เท่านั้น
ในขณะที่ผู้ประกอบการหลักในการก่อสร้างกำแพงกันดินชนิดไดอะแฟรม นั้นมีอยู่เพียง 3 ราย
นอกเหนือจากบริษัท คือ บมจ. ซีฟโก้ บจ. ไทยบาวเออร์ และบจ. อิตัลไทย เทรวี่ ทั้งนี้ เนื่องจากต้อง
อาศัยเครื่องมือที่มีเทคโนโลยีสูงในการก่อสร้างกำแพงกันดิน และการก่อสร้างยังไม่เป็นที่แพร่หลาย
มากนัก
บริษัทเริ่มประกอบกิจการในปี 2545 แต่ยังไม่มีรายได้
1 รายได้จากการบริการอื่นๆ ได้แก่ รายได้จากการให้เช่าอุปกรณ์เครื่องจักร เช่น รถเครน ปลอกเหล็ก
และรวมถึงค่าความเสียหายของวัสดุและอุปกรณ์ที่เรียกเก็บจากผู้รับเหมาช่วง เป็นต้น
2 รายได้อื่นๆ ได้แก่ ดอกเบี้ยรับ กำไรจากการขายสินทรัพย์ เป็นต้น
3 บริษัทมีกำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้งานจำนวน 4.51 ล้านบาท โดยสินทรัพย์ดังกล่าว
เป็นสินทรัพย์ที่ได้มาจากการประมูลแบบเหมารวมในราคาต่ำ (ตามภาวะเศรษฐกิจขณะนั้น) ซึ่งไม่ได้
นำมาใช้ในงานฐานรากของบริษัท และได้ทำการขายให้บุคคลภายนอกที่เสนอราคาสูงสุด
รายได้ทั้งหมดของบริษัทมาจากการรับเหมาก่อสร้างงานฐานรากในประเทศ แบ่งประเภทงานที่
บริการรับจ้างได้เป็น 2 ประเภท คือ งานจากภาครัฐบาลและภาคเอกชน โดยงานจากภาครัฐบาลส่วนใหญ่
จะเป็นงานโครงสร้างและสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น งานทางรถไฟยกระดับ งานทางด่วน งานสะพาน
ข้ามแยก งานเขื่อน และงานโรงไฟฟ้า ในขณะที่งานภาคเอกชนจะเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย
อาคารสำนักงาน และโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น ซึ่งบริษัทมีการดำเนินการเพื่อรับงานใน 2 รูปแบบ
คือการเป็นผู้รับเหมาช่วงโดยรับงานจากผู้รับเหมาหลัก (Main Contractor) และการเป็นผู้รับเหมาโครงการ
โดยการรับงานจากเจ้าของโครงการโดยตรง โดยในปี 2546 ปี 2547 และ 9 เดือนแรกของปี 2548 บริษัท
มีสัดส่วนรายได้จากการเป็นผู้รับเหมาช่วงต่อการเป็นผู้รับเหมาโครงการโดยตรง 83:17 และ 87:13 และ
96:4 ตามลำดับ โดยสัดส่วนรายได้ที่มาจากการเป็นผู้รับเหมาช่วงที่สูงนั้นสะท้อนถึงประเภทงานที่เป็น
โครงการภาครัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ โดยที่ผ่านมาบริษัทมีฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งผู้รับเหมาหลักและเจ้าของ
โครงการทำให้ปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าทั้งหมด 19 ราย
ผู้ประกอบการเสาเข็มเจาะขนาดใหญ่นั้น ในปัจจุบันมีจำนวน 6 รายนอกเหนือจากบริษัท ได้แก่
บมจ. ซีฟโก้ บจ. ไทยบาวเออร์ บจ. อิตัลไทย เทรวี่ บจ. สยามโทเนะ บจ. พร้อมมิตร คอนกรีต และ
บจ. สแตนด์ไพล์ สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาดำเนินการนั้นจะต้องมีเงินลงทุนในการ
ดำเนินการสูง และคุณภาพของบุคลากรเป็นที่ยอมรับของผู้จ้างงาน ในขณะที่ผู้ประกอบการที่ทำเสาเข็ม
ขนาดเล็กมีเป็นจำนวนมาก และมีการใช้เงินลงทุนไม่มาก ทำให้การแข่งขันในกลุ่มผู้รับทำเสาเข็มเจาะ
ขนาดใหญ่มีการแข่งขันที่น้อยกว่าผู้รับทำเสาเข็มเจาะขนาดเล็ก หรือเสาเข็มตอก
สำหรับงานปรับปรุงคุณภาพดินนั้นบริษัทเน้นในการให้บริการด้านงานอัดฉีดซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง
เป็นหลัก โดยรวมไปถึงการทำงานเสาเข็มดินซีเมนต์ด้วยแรงดันสูงด้วยซึ่งจะให้ผลงานที่มีคุณภาพสูงกว่า
การทำเสาเข็มดินซีเมนต์ด้วยแรงดันต่ำ ในปัจจุบันจำนวนผู้ประกอบการงานเสาเข็มดินซีเมนต์ด้วยแรงดันต่ำ
มีอยู่หลายราย เนื่องจากเครื่องมือ อุปกรณ์และกระบวนขั้นตอนการทำงานนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี
สูงนัก และการลงทุนก็ค่อนข้างต่ำหากเทียบกับวิธีการอัดฉีดซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง ในส่วนงานอัดฉีด
ซีเมนต์ด้วยแรงดันสูงนั้นต้องใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ อีกทั้งขั้นตอนและเทคโนโลยีที่สูงและเป็นความ
เชี่ยวชาญเฉพาะทางซึ่งจะทำให้ได้งานที่มีคุณภาพและสามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลายกว่า ทั้งนี้มี
ผู้ประกอบการหลักเพียง 2 รายในสาขานี้ คือ บจ. ซอยล์กรีต เทคโนโลยี และบริษัท เท่านั้น
ในขณะที่ผู้ประกอบการหลักในการก่อสร้างกำแพงกันดินชนิดไดอะแฟรม นั้นมีอยู่เพียง 3 ราย
นอกเหนือจากบริษัท คือ บมจ. ซีฟโก้ บจ. ไทยบาวเออร์ และบจ. อิตัลไทย เทรวี่ ทั้งนี้ เนื่องจากต้อง
อาศัยเครื่องมือที่มีเทคโนโลยีสูงในการก่อสร้างกำแพงกันดิน และการก่อสร้างยังไม่เป็นที่แพร่หลาย
มากนัก
Pylon ทำงานรับเหมาฐานราก รับงานจากทั้งเจ้าของโครงการ หรือผู้รับเหมาขนาดใหญ่ ปกติเจ้าของโครงการอสังหาฯ จะมี gross margin 30-35% ส่วนผุ้รับเหมาขนาดใหญ่จะมี gross margin 10-20% ดังนั้นโอกาสที่ pylon จะได้ gross margin ดีๆ คงจะยากเพราะถ้า pylon ไม่ยอมรับราคาที่ค่อนข้างต่ำก็จะมีคู่แข่งอีก 5-6 เจ้ารออยู่ ดังนั้นธุรกิจนี้คงไม่น่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาวครับก็คงเหมือนเรือเล็กๆ ที่ลอยบนทะเลไปตามกระแสคลื่นลมครับ ถ้าลมดีก็แล่นได้ไกล ถ้าพายุมาก็อาจจะล่มได้ครับ
เจอที่ห้องกระทิงคุณค่าครับ เก็บไว้เป็นข้อมูล
โดยแบ่งออกเป็น 3 สายงานหลัก ดังนี้
1. งานเสาเข็มเจาะ (Bored Pile)
เสาเข็มเจาะเป็นเสาเข็มที่นิยมใช้กับการก่อสร้างฐานรากของโครงสร้างขนาดใหญ่ และ
โครงสร้างอาคารในบริเวณที่มีพื้นที่จำกัด ซึ่งไม่สามารถใช้เสาเข็มตอกได้เนื่องจากปัญหาด้าน
การขนส่ง หรือเนื่องจากบริเวณก่อสร้างชิดอาคารข้างเคียงมากซึ่งความสั่นสะเทือนจากการตอก
เสาเข็มอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายกับอาคารข้างเคียงได้ นอกจากนี้เสาเข็มเจาะยังลดมลภาวะ
เรื่องเสียงและแรงสั่นสะเทือนเมื่อเทียบกับการใช้เสาเข็มตอก การก่อสร้างเสาเข็มเจาะนั้นสามารถ
ปรับเปลี่ยนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ และทำได้ถึงความลึกมากกว่า 60 เมตร ขึ้นอยู่กับการออกแบบ
กำลังรับน้ำหนักของเสาเข็มโดยวิศวกร และสภาพชั้นดินในแต่ละพื้นที่ โดยสามารถประยุกต์ใช้กับ
การก่อสร้างโรงงาน สะพานข้ามแยก ทางยกระดับ อาคารสูง เป็นต้น
2. งานปรับปรุงคุณภาพดินโดยวิธีอัดฉีดซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง
มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มเสถียรภาพให้กับโครงสร้างของดินเดิม ทำให้ดินมีกำลังรับน้ำหนัก
มากขึ้นและป้องกันการเคลื่อนตัวของดิน โดยบริษัทมีการให้บริการงานประเภทนี้โดยวิธีการอัดฉีด
ซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง (Jet Grouting) ที่ความดันประมาณ 200 ถึง 400 บาร์ โดยการแบ่งลักษณะ
ของงานเป็นดังนี้
- เสาเข็มดินซีเมนต์ ซึ่งมีความสามารถในการรับน้ำหนักตามที่ออกแบบและช่วยลดปัญหา
การทรุดตัวของโครงสร้าง โดยสามารถประยุกต์ใช้กับงานฐานรากงานถนน ลานจอดเครื่องบิน เขื่อน
ประตูระบายน้ำ รวมไปถึงการเพิ่มเสถียรภาพให้กับตลิ่งของคลอง
- การเพิ่มกำลังรับน้ำหนักและเสถียรภาพของดินเฉพาะจุด เช่น งานอัดฉีดรอยแตกของ
ชั้นหินหรือดินในงานก่อสร้างเขื่อน
3. งานกำแพงกันดินชนิดไดอะแฟรม
เป็นการก่อสร้างกำแพงโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นโครงสร้างรับน้ำหนักและป้องกัน
การเคลื่อนตัวของดินทางด้านข้าง โดยจะทำการก่อสร้างกำแพงในชั้นที่ต่ำกว่าผิวดินด้วยคอนกรีต
เสริมเหล็กคล้ายคลึงกับการทำเสาเข็มเจาะแบบเปียก ซึ่งการใช้เทคโนโลยีในการก่อสร้างกำแพง
กันดินชนิดนี้ทำให้ไม่ต้องใช้ Sheet Pile และสามารถสร้างกำแพงกันดินใต้ดินแบบถาวรที่มีหน้าตัด
เป็นสี่เหลี่ยมเหมือนกำแพงทั่วไป แต่มีความแข็งแรงและสามารถป้องกันการรั่วซึมของน้ำได้ ซึ่ง
ส่วนใหญ่จะใช้เพื่อเป็นโครงสร้างของชั้นจอดรถใต้ดิน กำแพงอาคารผู้โดยสารสำหรับระบบ
รถไฟฟ้าใต้ดิน และอุโมงค์ลอดทางแยก เป็นต้น โดยสามารถกำหนดความหนาของแผ่นกำแพง
ได้ตั้งแต่ 50 เซนติเมตร จนถึง 1.5 เมตร
บริษัททำงานให้กับทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชน ซึ่งลูกค้าของบริษัทมีทั้งที่เป็น
ผู้รับเหมาหลัก (Main Contractor) และเจ้าของโครงการโดยตรง
ตอบกลับโดย : invisible_hand
Posts : 83
Replies : 1686
« Reply #3 เมื่อ 01/05/2006 , 00:03:37 » Edit
--------------------------------------------------------------------------------
บริษัทเริ่มประกอบกิจการในปี 2545 แต่ยังไม่มีรายได้
1 รายได้จากการบริการอื่นๆ ได้แก่ รายได้จากการให้เช่าอุปกรณ์เครื่องจักร เช่น รถเครน ปลอกเหล็ก
และรวมถึงค่าความเสียหายของวัสดุและอุปกรณ์ที่เรียกเก็บจากผู้รับเหมาช่วง เป็นต้น
2 รายได้อื่นๆ ได้แก่ ดอกเบี้ยรับ กำไรจากการขายสินทรัพย์ เป็นต้น
3 บริษัทมีกำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้งานจำนวน 4.51 ล้านบาท โดยสินทรัพย์ดังกล่าว
เป็นสินทรัพย์ที่ได้มาจากการประมูลแบบเหมารวมในราคาต่ำ (ตามภาวะเศรษฐกิจขณะนั้น) ซึ่งไม่ได้
นำมาใช้ในงานฐานรากของบริษัท และได้ทำการขายให้บุคคลภายนอกที่เสนอราคาสูงสุด
รายได้ทั้งหมดของบริษัทมาจากการรับเหมาก่อสร้างงานฐานรากในประเทศ แบ่งประเภทงานที่
บริการรับจ้างได้เป็น 2 ประเภท คือ งานจากภาครัฐบาลและภาคเอกชน โดยงานจากภาครัฐบาลส่วนใหญ่
จะเป็นงานโครงสร้างและสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น งานทางรถไฟยกระดับ งานทางด่วน งานสะพาน
ข้ามแยก งานเขื่อน และงานโรงไฟฟ้า ในขณะที่งานภาคเอกชนจะเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย
อาคารสำนักงาน และโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น ซึ่งบริษัทมีการดำเนินการเพื่อรับงานใน 2 รูปแบบ
คือการเป็นผู้รับเหมาช่วงโดยรับงานจากผู้รับเหมาหลัก (Main Contractor) และการเป็นผู้รับเหมาโครงการ
โดยการรับงานจากเจ้าของโครงการโดยตรง โดยในปี 2546 ปี 2547 และ 9 เดือนแรกของปี 2548 บริษัท
มีสัดส่วนรายได้จากการเป็นผู้รับเหมาช่วงต่อการเป็นผู้รับเหมาโครงการโดยตรง 83:17 และ 87:13 และ
96:4 ตามลำดับ โดยสัดส่วนรายได้ที่มาจากการเป็นผู้รับเหมาช่วงที่สูงนั้นสะท้อนถึงประเภทงานที่เป็น
โครงการภาครัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ โดยที่ผ่านมาบริษัทมีฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งผู้รับเหมาหลักและเจ้าของ
โครงการทำให้ปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าทั้งหมด 19 ราย
ผู้ประกอบการเสาเข็มเจาะขนาดใหญ่นั้น ในปัจจุบันมีจำนวน 6 รายนอกเหนือจากบริษัท ได้แก่
บมจ. ซีฟโก้ บจ. ไทยบาวเออร์ บจ. อิตัลไทย เทรวี่ บจ. สยามโทเนะ บจ. พร้อมมิตร คอนกรีต และ
บจ. สแตนด์ไพล์ สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาดำเนินการนั้นจะต้องมีเงินลงทุนในการ
ดำเนินการสูง และคุณภาพของบุคลากรเป็นที่ยอมรับของผู้จ้างงาน ในขณะที่ผู้ประกอบการที่ทำเสาเข็ม
ขนาดเล็กมีเป็นจำนวนมาก และมีการใช้เงินลงทุนไม่มาก ทำให้การแข่งขันในกลุ่มผู้รับทำเสาเข็มเจาะ
ขนาดใหญ่มีการแข่งขันที่น้อยกว่าผู้รับทำเสาเข็มเจาะขนาดเล็ก หรือเสาเข็มตอก
สำหรับงานปรับปรุงคุณภาพดินนั้นบริษัทเน้นในการให้บริการด้านงานอัดฉีดซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง
เป็นหลัก โดยรวมไปถึงการทำงานเสาเข็มดินซีเมนต์ด้วยแรงดันสูงด้วยซึ่งจะให้ผลงานที่มีคุณภาพสูงกว่า
การทำเสาเข็มดินซีเมนต์ด้วยแรงดันต่ำ ในปัจจุบันจำนวนผู้ประกอบการงานเสาเข็มดินซีเมนต์ด้วยแรงดันต่ำ
มีอยู่หลายราย เนื่องจากเครื่องมือ อุปกรณ์และกระบวนขั้นตอนการทำงานนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี
สูงนัก และการลงทุนก็ค่อนข้างต่ำหากเทียบกับวิธีการอัดฉีดซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง ในส่วนงานอัดฉีด
ซีเมนต์ด้วยแรงดันสูงนั้นต้องใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ อีกทั้งขั้นตอนและเทคโนโลยีที่สูงและเป็นความ
เชี่ยวชาญเฉพาะทางซึ่งจะทำให้ได้งานที่มีคุณภาพและสามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลายกว่า ทั้งนี้มี
ผู้ประกอบการหลักเพียง 2 รายในสาขานี้ คือ บจ. ซอยล์กรีต เทคโนโลยี และบริษัท เท่านั้น
ในขณะที่ผู้ประกอบการหลักในการก่อสร้างกำแพงกันดินชนิดไดอะแฟรม นั้นมีอยู่เพียง 3 ราย
นอกเหนือจากบริษัท คือ บมจ. ซีฟโก้ บจ. ไทยบาวเออร์ และบจ. อิตัลไทย เทรวี่ ทั้งนี้ เนื่องจากต้อง
อาศัยเครื่องมือที่มีเทคโนโลยีสูงในการก่อสร้างกำแพงกันดิน และการก่อสร้างยังไม่เป็นที่แพร่หลาย
มากนัก
ตอบกลับโดย : invisible_hand
Posts : 83
Replies : 1687
« Reply #4 เมื่อ 01/05/2006 , 00:04:05 » Edit
--------------------------------------------------------------------------------
บริษัทเริ่มประกอบกิจการในปี 2545 แต่ยังไม่มีรายได้
1 รายได้จากการบริการอื่นๆ ได้แก่ รายได้จากการให้เช่าอุปกรณ์เครื่องจักร เช่น รถเครน ปลอกเหล็ก
และรวมถึงค่าความเสียหายของวัสดุและอุปกรณ์ที่เรียกเก็บจากผู้รับเหมาช่วง เป็นต้น
2 รายได้อื่นๆ ได้แก่ ดอกเบี้ยรับ กำไรจากการขายสินทรัพย์ เป็นต้น
3 บริษัทมีกำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้งานจำนวน 4.51 ล้านบาท โดยสินทรัพย์ดังกล่าว
เป็นสินทรัพย์ที่ได้มาจากการประมูลแบบเหมารวมในราคาต่ำ (ตามภาวะเศรษฐกิจขณะนั้น) ซึ่งไม่ได้
นำมาใช้ในงานฐานรากของบริษัท และได้ทำการขายให้บุคคลภายนอกที่เสนอราคาสูงสุด
รายได้ทั้งหมดของบริษัทมาจากการรับเหมาก่อสร้างงานฐานรากในประเทศ แบ่งประเภทงานที่
บริการรับจ้างได้เป็น 2 ประเภท คือ งานจากภาครัฐบาลและภาคเอกชน โดยงานจากภาครัฐบาลส่วนใหญ่
จะเป็นงานโครงสร้างและสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น งานทางรถไฟยกระดับ งานทางด่วน งานสะพาน
ข้ามแยก งานเขื่อน และงานโรงไฟฟ้า ในขณะที่งานภาคเอกชนจะเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย
อาคารสำนักงาน และโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น ซึ่งบริษัทมีการดำเนินการเพื่อรับงานใน 2 รูปแบบ
คือการเป็นผู้รับเหมาช่วงโดยรับงานจากผู้รับเหมาหลัก (Main Contractor) และการเป็นผู้รับเหมาโครงการ
โดยการรับงานจากเจ้าของโครงการโดยตรง โดยในปี 2546 ปี 2547 และ 9 เดือนแรกของปี 2548 บริษัท
มีสัดส่วนรายได้จากการเป็นผู้รับเหมาช่วงต่อการเป็นผู้รับเหมาโครงการโดยตรง 83:17 และ 87:13 และ
96:4 ตามลำดับ โดยสัดส่วนรายได้ที่มาจากการเป็นผู้รับเหมาช่วงที่สูงนั้นสะท้อนถึงประเภทงานที่เป็น
โครงการภาครัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ โดยที่ผ่านมาบริษัทมีฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งผู้รับเหมาหลักและเจ้าของ
โครงการทำให้ปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าทั้งหมด 19 ราย
ผู้ประกอบการเสาเข็มเจาะขนาดใหญ่นั้น ในปัจจุบันมีจำนวน 6 รายนอกเหนือจากบริษัท ได้แก่
บมจ. ซีฟโก้ บจ. ไทยบาวเออร์ บจ. อิตัลไทย เทรวี่ บจ. สยามโทเนะ บจ. พร้อมมิตร คอนกรีต และ
บจ. สแตนด์ไพล์ สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาดำเนินการนั้นจะต้องมีเงินลงทุนในการ
ดำเนินการสูง และคุณภาพของบุคลากรเป็นที่ยอมรับของผู้จ้างงาน ในขณะที่ผู้ประกอบการที่ทำเสาเข็ม
ขนาดเล็กมีเป็นจำนวนมาก และมีการใช้เงินลงทุนไม่มาก ทำให้การแข่งขันในกลุ่มผู้รับทำเสาเข็มเจาะ
ขนาดใหญ่มีการแข่งขันที่น้อยกว่าผู้รับทำเสาเข็มเจาะขนาดเล็ก หรือเสาเข็มตอก
สำหรับงานปรับปรุงคุณภาพดินนั้นบริษัทเน้นในการให้บริการด้านงานอัดฉีดซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง
เป็นหลัก โดยรวมไปถึงการทำงานเสาเข็มดินซีเมนต์ด้วยแรงดันสูงด้วยซึ่งจะให้ผลงานที่มีคุณภาพสูงกว่า
การทำเสาเข็มดินซีเมนต์ด้วยแรงดันต่ำ ในปัจจุบันจำนวนผู้ประกอบการงานเสาเข็มดินซีเมนต์ด้วยแรงดันต่ำ
มีอยู่หลายราย เนื่องจากเครื่องมือ อุปกรณ์และกระบวนขั้นตอนการทำงานนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี
สูงนัก และการลงทุนก็ค่อนข้างต่ำหากเทียบกับวิธีการอัดฉีดซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง ในส่วนงานอัดฉีด
ซีเมนต์ด้วยแรงดันสูงนั้นต้องใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ อีกทั้งขั้นตอนและเทคโนโลยีที่สูงและเป็นความ
เชี่ยวชาญเฉพาะทางซึ่งจะทำให้ได้งานที่มีคุณภาพและสามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลายกว่า ทั้งนี้มี
ผู้ประกอบการหลักเพียง 2 รายในสาขานี้ คือ บจ. ซอยล์กรีต เทคโนโลยี และบริษัท เท่านั้น
ในขณะที่ผู้ประกอบการหลักในการก่อสร้างกำแพงกันดินชนิดไดอะแฟรม นั้นมีอยู่เพียง 3 ราย
นอกเหนือจากบริษัท คือ บมจ. ซีฟโก้ บจ. ไทยบาวเออร์ และบจ. อิตัลไทย เทรวี่ ทั้งนี้ เนื่องจากต้อง
อาศัยเครื่องมือที่มีเทคโนโลยีสูงในการก่อสร้างกำแพงกันดิน และการก่อสร้างยังไม่เป็นที่แพร่หลาย
มากนัก
บริษัทเริ่มประกอบกิจการในปี 2545 แต่ยังไม่มีรายได้
1 รายได้จากการบริการอื่นๆ ได้แก่ รายได้จากการให้เช่าอุปกรณ์เครื่องจักร เช่น รถเครน ปลอกเหล็ก
และรวมถึงค่าความเสียหายของวัสดุและอุปกรณ์ที่เรียกเก็บจากผู้รับเหมาช่วง เป็นต้น
2 รายได้อื่นๆ ได้แก่ ดอกเบี้ยรับ กำไรจากการขายสินทรัพย์ เป็นต้น
3 บริษัทมีกำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้งานจำนวน 4.51 ล้านบาท โดยสินทรัพย์ดังกล่าว
เป็นสินทรัพย์ที่ได้มาจากการประมูลแบบเหมารวมในราคาต่ำ (ตามภาวะเศรษฐกิจขณะนั้น) ซึ่งไม่ได้
นำมาใช้ในงานฐานรากของบริษัท และได้ทำการขายให้บุคคลภายนอกที่เสนอราคาสูงสุด
รายได้ทั้งหมดของบริษัทมาจากการรับเหมาก่อสร้างงานฐานรากในประเทศ แบ่งประเภทงานที่
บริการรับจ้างได้เป็น 2 ประเภท คือ งานจากภาครัฐบาลและภาคเอกชน โดยงานจากภาครัฐบาลส่วนใหญ่
จะเป็นงานโครงสร้างและสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น งานทางรถไฟยกระดับ งานทางด่วน งานสะพาน
ข้ามแยก งานเขื่อน และงานโรงไฟฟ้า ในขณะที่งานภาคเอกชนจะเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย
อาคารสำนักงาน และโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น ซึ่งบริษัทมีการดำเนินการเพื่อรับงานใน 2 รูปแบบ
คือการเป็นผู้รับเหมาช่วงโดยรับงานจากผู้รับเหมาหลัก (Main Contractor) และการเป็นผู้รับเหมาโครงการ
โดยการรับงานจากเจ้าของโครงการโดยตรง โดยในปี 2546 ปี 2547 และ 9 เดือนแรกของปี 2548 บริษัท
มีสัดส่วนรายได้จากการเป็นผู้รับเหมาช่วงต่อการเป็นผู้รับเหมาโครงการโดยตรง 83:17 และ 87:13 และ
96:4 ตามลำดับ โดยสัดส่วนรายได้ที่มาจากการเป็นผู้รับเหมาช่วงที่สูงนั้นสะท้อนถึงประเภทงานที่เป็น
โครงการภาครัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ โดยที่ผ่านมาบริษัทมีฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งผู้รับเหมาหลักและเจ้าของ
โครงการทำให้ปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าทั้งหมด 19 ราย
ผู้ประกอบการเสาเข็มเจาะขนาดใหญ่นั้น ในปัจจุบันมีจำนวน 6 รายนอกเหนือจากบริษัท ได้แก่
บมจ. ซีฟโก้ บจ. ไทยบาวเออร์ บจ. อิตัลไทย เทรวี่ บจ. สยามโทเนะ บจ. พร้อมมิตร คอนกรีต และ
บจ. สแตนด์ไพล์ สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาดำเนินการนั้นจะต้องมีเงินลงทุนในการ
ดำเนินการสูง และคุณภาพของบุคลากรเป็นที่ยอมรับของผู้จ้างงาน ในขณะที่ผู้ประกอบการที่ทำเสาเข็ม
ขนาดเล็กมีเป็นจำนวนมาก และมีการใช้เงินลงทุนไม่มาก ทำให้การแข่งขันในกลุ่มผู้รับทำเสาเข็มเจาะ
ขนาดใหญ่มีการแข่งขันที่น้อยกว่าผู้รับทำเสาเข็มเจาะขนาดเล็ก หรือเสาเข็มตอก
สำหรับงานปรับปรุงคุณภาพดินนั้นบริษัทเน้นในการให้บริการด้านงานอัดฉีดซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง
เป็นหลัก โดยรวมไปถึงการทำงานเสาเข็มดินซีเมนต์ด้วยแรงดันสูงด้วยซึ่งจะให้ผลงานที่มีคุณภาพสูงกว่า
การทำเสาเข็มดินซีเมนต์ด้วยแรงดันต่ำ ในปัจจุบันจำนวนผู้ประกอบการงานเสาเข็มดินซีเมนต์ด้วยแรงดันต่ำ
มีอยู่หลายราย เนื่องจากเครื่องมือ อุปกรณ์และกระบวนขั้นตอนการทำงานนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี
สูงนัก และการลงทุนก็ค่อนข้างต่ำหากเทียบกับวิธีการอัดฉีดซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง ในส่วนงานอัดฉีด
ซีเมนต์ด้วยแรงดันสูงนั้นต้องใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ อีกทั้งขั้นตอนและเทคโนโลยีที่สูงและเป็นความ
เชี่ยวชาญเฉพาะทางซึ่งจะทำให้ได้งานที่มีคุณภาพและสามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลายกว่า ทั้งนี้มี
ผู้ประกอบการหลักเพียง 2 รายในสาขานี้ คือ บจ. ซอยล์กรีต เทคโนโลยี และบริษัท เท่านั้น
ในขณะที่ผู้ประกอบการหลักในการก่อสร้างกำแพงกันดินชนิดไดอะแฟรม นั้นมีอยู่เพียง 3 ราย
นอกเหนือจากบริษัท คือ บมจ. ซีฟโก้ บจ. ไทยบาวเออร์ และบจ. อิตัลไทย เทรวี่ ทั้งนี้ เนื่องจากต้อง
อาศัยเครื่องมือที่มีเทคโนโลยีสูงในการก่อสร้างกำแพงกันดิน และการก่อสร้างยังไม่เป็นที่แพร่หลาย
มากนัก
Pylon ทำงานรับเหมาฐานราก รับงานจากทั้งเจ้าของโครงการ หรือผู้รับเหมาขนาดใหญ่ ปกติเจ้าของโครงการอสังหาฯ จะมี gross margin 30-35% ส่วนผุ้รับเหมาขนาดใหญ่จะมี gross margin 10-20% ดังนั้นโอกาสที่ pylon จะได้ gross margin ดีๆ คงจะยากเพราะถ้า pylon ไม่ยอมรับราคาที่ค่อนข้างต่ำก็จะมีคู่แข่งอีก 5-6 เจ้ารออยู่ ดังนั้นธุรกิจนี้คงไม่น่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาวครับก็คงเหมือนเรือเล็กๆ ที่ลอยบนทะเลไปตามกระแสคลื่นลมครับ ถ้าลมดีก็แล่นได้ไกล ถ้าพายุมาก็อาจจะล่มได้ครับ
เจอที่ห้องกระทิงคุณค่าครับ เก็บไว้เป็นข้อมูล
-
- Verified User
- โพสต์: 148
- ผู้ติดตาม: 0
ใครพอมีข้อมูล PYLON บ้างครับ
โพสต์ที่ 35
ก็เพื่อน โรงเรียน คุณสุมาอี้ไงมั้งครับ บริษัทเขาทำแบบครอบครัวครับ
ส่วนผู้ที่ถือหุ้นเยอะสุดก็ รุ่นพี่ที่ โรงเรียน กับรุ่นพี่ที่คณะของคุณสุมาอี้ไงครับ
ว่าแต่จะไป Prin ไปด้วยได้เปล่าครับ อยากคุยเล่นกันเฉยๆ ไปมาแล้วทีนึง 55
ส่วนผู้ที่ถือหุ้นเยอะสุดก็ รุ่นพี่ที่ โรงเรียน กับรุ่นพี่ที่คณะของคุณสุมาอี้ไงครับ
ว่าแต่จะไป Prin ไปด้วยได้เปล่าครับ อยากคุยเล่นกันเฉยๆ ไปมาแล้วทีนึง 55
กับบางเรื่อง ไม่รู้ก็เป็นปัญญา
- น้ำครึ่งแก้ว
- Verified User
- โพสต์: 1098
- ผู้ติดตาม: 0
ใครพอมีข้อมูล PYLON บ้างครับ
โพสต์ที่ 37
คุณ Invisible hand นี่ น่าทึ่งเหมือนเดิมครับ
ข้อมูลปึ๊ก เนื้อหาแน่นไม่เคยเปลี่ยน
ข้อมูลปึ๊ก เนื้อหาแน่นไม่เคยเปลี่ยน
" ชีวิตไม่เคยขาดความหวาน "
-
- Verified User
- โพสต์: 689
- ผู้ติดตาม: 0
ใครพอมีข้อมูล PYLON บ้างครับ
โพสต์ที่ 38
ผมดูอาการแร้วเหมือนกับดันขึ้นมาเพื่อออกของ หรือ เปลี่ยนเจ้ามือคนทำราคาหุ้นมากกว่าครับ
ส่วนหุ้นจะเป็นหุ้นเติบโตในอนาคต เหมือนพวก ilink หรืออื่นๆ นี่คงต้องดูกันยาวๆมั้งครับ เพราะ หุ้นอุตสาหกรรมแบบ นี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้นะครับที่จะ มีการเมืองมากระทบหรือเกี่ยวข้อง ที่จะทำให้ภาพรวมธุรกิจมันเขวได้
ส่วนตัวยังไม่คิดว่ามันจะดีเหมือนกับ ilink ppm bol หรืออื่นๆในตลาดเดวกัน
จะมีดีก็คงจะตัวพู่บริหารมั้งครับที่ดูพอน่าเชื่อถือแระไว้ใจได้...จากภาพภายนอกนะ... :shock: :shock:
ส่วนหุ้นจะเป็นหุ้นเติบโตในอนาคต เหมือนพวก ilink หรืออื่นๆ นี่คงต้องดูกันยาวๆมั้งครับ เพราะ หุ้นอุตสาหกรรมแบบ นี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้นะครับที่จะ มีการเมืองมากระทบหรือเกี่ยวข้อง ที่จะทำให้ภาพรวมธุรกิจมันเขวได้
ส่วนตัวยังไม่คิดว่ามันจะดีเหมือนกับ ilink ppm bol หรืออื่นๆในตลาดเดวกัน
จะมีดีก็คงจะตัวพู่บริหารมั้งครับที่ดูพอน่าเชื่อถือแระไว้ใจได้...จากภาพภายนอกนะ... :shock: :shock:
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
ใครพอมีข้อมูล PYLON บ้างครับ
โพสต์ที่ 39
โทษทีครับ เพิ่งอ่านเจอ นึกว่าใคร เหอๆP_1 เขียน:ก็เพื่อน โรงเรียน คุณสุมาอี้ไงมั้งครับ บริษัทเขาทำแบบครอบครัวครับ
ส่วนผู้ที่ถือหุ้นเยอะสุดก็ รุ่นพี่ที่ โรงเรียน กับรุ่นพี่ที่คณะของคุณสุมาอี้ไงครับ
ว่าแต่จะไป Prin ไปด้วยได้เปล่าครับ อยากคุยเล่นกันเฉยๆ ไปมาแล้วทีนึง 55
ไปครับไป จะได้ไปเจอกัน
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- tatandchin
- Verified User
- โพสต์: 775
- ผู้ติดตาม: 0
ใครพอมีข้อมูล PYLON บ้างครับ
โพสต์ที่ 40
เท่าที่ค้นดู ผู้บริหาร บ. นี้ก็ใช้ได้นะครับ จาก
http://www.thaihoon.com/modules.php?nam ... ote&p=8280 หรือ (ตัดมาบางส่วนครับ)
แก๊ง'ปั่นหุ้น'กลายพันธุ์ ก.ล.ต.มึนเอาผิดลำบาก
ตลาดหุ้นจะขึ้นหรือจะลง พฤติกรรมการเก็งกำไรและสร้างราคาหุ้นหรือ"ปั่นหุ้น"ก็จะมีอยู่ทุกภาวะ แตกต่างกันก็เพียงกลวิธีที่ใช้ และนับวันการปั่นหุ้นก็จะมีวิธีการที่แยบยลขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)และหนีให้ ห่างการกระทำที่ผิดพรบ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์พ.ศ.2535
5 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-พ.ค.)ตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะหมี หรือซบเซาจาก 4 ปัจจัยที่ซัดเข้าใส่ไม่ว่าจะเป็นการเมือง ค่าเงินบาทที่ผันผวน ราคาน้ำมัน และเงินเฟ้อ ภาวะแบบนี้เล่นเอาเซียนหุ้นที่ว่าเก๋าหรือช่ำช่องกับการเล่นหุ้นมานานยังหืด จับ เพราะอย่าว่าแต่การเก็งกำไรหุ้นเลย การเล่นหุ้นพื้นฐานดีก็ยังเหนื่อย
ยังไงเสีย เซียนก็ยังเป็นเซียน ย่อมปรับตัวหรือปรับกลยุทธการเล่นหุ้นเพื่อเอาชนะตลาดหุ้นให้ได้ หรือเลวร้ายที่สุดก็ต้องเสมอตัว
จากคาถาการลงทุนข้างต้นที่เชื่อว่าเซียนหุ้นทั้งขาใหญ่ ขาเล็ก ท่องจนขึ้นใจทุกวันก่อนตลาดหุ้นเปิดซื้อขายจึงทำให้นำมาซึ่งการคิดค้นหลากกล ยุทธการลงทุน
ส่วนเซียนหุ้นที่เป็นมืออาชีพด้านการทำราคาหุ้นหรือจะเรียกว่าปั้นหุ้นหรือ ปั่นหุ้นก็จะมีกลเม็ดการทำราคาที่แยบยลหรือเนียนขึ้น ครั้นจะหลับหูหลับตาทำราคาให้วิ่งร้อนแรงสวนภาวะตลาดโดยรวมที่ซบเซา มีหวังระบบตรวจสอบหุ้นของตลท.ก็ร้องลั่นปลุกฝ่ายตรวจสอบให้มาดูเพื่อแกะรอย ความผิดปกติของราคาหุ้น
สำหรับพฤติกรรมการทำราคาหุ้นของขาใหญ่ที่ทำอยู่ปัจจุบัน จากการที่"ฐานเศรษฐกิจ"ได้สำรวจจากเจ้าหน้าที่การตลาดหรือมาร์เก็ตติ้งค้า หุ้นของบริษัทหลักทรัพย์ และจากการสอบถามผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน พบว่าช่วงนี้นักลงทุนประเภทนี้จะอิงกระแสการเจรจาหาพันธมิตรและหาผู้ร่วมทุน ของบริษัทจดทะเบียนเป็นเครื่องมือในการทำราคาหุ้น
เรื่องนี้ได้รับการยืนยันจากบริษัทจดทะเบียนหลายรายที่ถูกนักลงทุนประเภทนี้ ติดต่อเข้ามาโดยมีวัตถุประสงค์หลักในการเข้ามาดูแลหรือทำราคาหุ้นแต่จะแฝง ตัวเข้ามาด้วยการเจรจาเข้าถือหุ้นในบริษัทที่สนใจ ซึ่งหากผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทนั้นๆก็จะมีการตกลงผลประโยชน์ที่เกิดจากผล กำไรจากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้น
ส่วนรูปแบบการเข้ามาถือหุ้นอาจจะตกลงกันโดยการให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ขายหุ้น รายการบิ๊กล็อต หรืออาจจะขายหุ้นเพิ่มให้แบบเฉพาะเจาะจง ขณะเดียวกันก็จะมีการปล่อยข่าวการหาพันธมิตรหรือผู้ร่วมทุนเพื่อสร้างเรื่อง ราวหรือ"สตอรี่" เพื่อทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น
ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนรายหนึ่งกล่าวว่า ขณะนี้มีนักลงทุนที่เป็นแก๊งปั่นหุ้นเงินหนาหลัก 500-1,000 ล้านบาท จะใช้วิธีการเดินสาย"น๊อคดอร์"หรือเคาะประตูบ้านบริษัทจดทะเบียนเป้าหมาย เพื่อรับจ้างทำราคาหุ้นให้โดยมาในรูปของการเจรจาขอถือหุ้น
ส่วนบริษัทจดทะเบียนกลุ่มเป้าหมายที่นักลงทุนกลุ่มดังกล่าวต้องการเข้า ไปถือหุ้นนั้น แหล่งข่าวกล่าวว่าจะเป็นธุรกิจขนาดกลางและเล็กที่มีแนวโน้มเติบโตดี แต่ราคาหุ้นกลับไม่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับการเติบโตของบริษัท หรือที่เรียกว่า "หุ้นอืด" ซ้ำร้ายบางบริษัทหุ้นยังต่ำกว่าราคาที่เสนอขายประชาชนทั่วไป(ราคาจอง)
นอกจากนี้กลยุทธการเล่นหุ้นของนักลงทุนกลุ่มนี้ถือว่าเป็นวิธีที่สอดคล้อง กับสถานการณ์ปัจจุบันที่เป็นการอิงกระแสการหาพันธมิตรและผู้ร่วมทุนของ บริษัทจดทะเบียน
สำหรับวิธีการเจรจาตกลงของนักลงทุนกลุ่มนี้ ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนและในฐานะนักลงทุนรายใหญ่ที่คร่ำหวอดกับการลงทุนใน ตลาดหุ้นมาร่วม 10 ปี ได้ยกตัวอย่างว่า เมื่อเร็วๆนี้มีแก๊งปั่นหุ้นได้ติดต่อบริษัทไพลอน จำกัด(มหาชน)(บมจ.)บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) ซึ่งถือเป็นบริษัทที่มีแนวโน้มเติบโตดี แต่ปัจจุบันราคาหุ้นยังต่ำกว่าจอง
โดยแก๊งปั่นหุ้นกลุ่มนี้ได้ติดต่อไปยังบมจ.ไพลอนเพื่อเจรจาขอร่วมเป็น พันธมิตรด้วยการขอเข้าไปถือหุ้น เช่นเดียวกับที่ปีนี้บริษัทดังกล่าวก็มีนโยบายหาพันธมิตรอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามเนื่องจากนักลงทุนที่เข้าไปเจรจากับไพลอน ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่เข้ามาลงทุนเพื่อหวังปั่นหุ้นมากกว่าการเข้ามาลงทุน จริง จึงทำให้บริษัทดังกล่าวไม่ได้ตอบตกลง
ชเนศวร์ แสงอารยะกุล กรรมการผู้จัดการบมจ.ไพลอน กล่าวว่า ปัจจุบันแม้ราคาหุ้นของบริษัทยังต่ำกว่าจองก็ตาม แต่จากแนวโน้มธุรกิจที่คาดว่าใน 3 ปีข้างหน้า จะเติบโตได้ในอัตรา 30 % ต่อปี
จากปัจจัยพื้นฐานที่ดีของไพลอน ทำให้ชเนศวร์เชื่อว่าราคาหุ้นไพลอนจะปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว
"ผมก็อยากให้หุ้นขึ้นมากที่สุด เพราะหุ้นปรับขึ้น 0.1 บาท ผมได้เงินเพิ่ม 5.7 ล้านบาท (ปัจจุบันถือหุ้น 5.7 ล้านหุ้น) และหากปรับขึ้น 1 บาท ผมจะได้เงิน 57 ล้านบาท "
ประโยคที่ชเนศวร์ กล่าวข้างต้น ชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาอยากให้หุ้นไพลอนเคลื่อนไหวไปตามธรรมชาติของมันโดยไม่มีการผลักดันราคา
ทั้งนี้บมจ.ไพลอน ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานฐานราก เข้าจดทะเบียนในตลาด mai ปลายเดือนธันวาคม 2548 ขณะที่ราคาหุ้นยังต่ำกว่าจอง โดยวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา ปิดที่ 2.08 บาท (ราคาจอง 2.86 บาท)
http://www.thaihoon.com/modules.php?nam ... ote&p=8280 หรือ (ตัดมาบางส่วนครับ)
แก๊ง'ปั่นหุ้น'กลายพันธุ์ ก.ล.ต.มึนเอาผิดลำบาก
ตลาดหุ้นจะขึ้นหรือจะลง พฤติกรรมการเก็งกำไรและสร้างราคาหุ้นหรือ"ปั่นหุ้น"ก็จะมีอยู่ทุกภาวะ แตกต่างกันก็เพียงกลวิธีที่ใช้ และนับวันการปั่นหุ้นก็จะมีวิธีการที่แยบยลขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)และหนีให้ ห่างการกระทำที่ผิดพรบ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์พ.ศ.2535
5 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-พ.ค.)ตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะหมี หรือซบเซาจาก 4 ปัจจัยที่ซัดเข้าใส่ไม่ว่าจะเป็นการเมือง ค่าเงินบาทที่ผันผวน ราคาน้ำมัน และเงินเฟ้อ ภาวะแบบนี้เล่นเอาเซียนหุ้นที่ว่าเก๋าหรือช่ำช่องกับการเล่นหุ้นมานานยังหืด จับ เพราะอย่าว่าแต่การเก็งกำไรหุ้นเลย การเล่นหุ้นพื้นฐานดีก็ยังเหนื่อย
ยังไงเสีย เซียนก็ยังเป็นเซียน ย่อมปรับตัวหรือปรับกลยุทธการเล่นหุ้นเพื่อเอาชนะตลาดหุ้นให้ได้ หรือเลวร้ายที่สุดก็ต้องเสมอตัว
จากคาถาการลงทุนข้างต้นที่เชื่อว่าเซียนหุ้นทั้งขาใหญ่ ขาเล็ก ท่องจนขึ้นใจทุกวันก่อนตลาดหุ้นเปิดซื้อขายจึงทำให้นำมาซึ่งการคิดค้นหลากกล ยุทธการลงทุน
ส่วนเซียนหุ้นที่เป็นมืออาชีพด้านการทำราคาหุ้นหรือจะเรียกว่าปั้นหุ้นหรือ ปั่นหุ้นก็จะมีกลเม็ดการทำราคาที่แยบยลหรือเนียนขึ้น ครั้นจะหลับหูหลับตาทำราคาให้วิ่งร้อนแรงสวนภาวะตลาดโดยรวมที่ซบเซา มีหวังระบบตรวจสอบหุ้นของตลท.ก็ร้องลั่นปลุกฝ่ายตรวจสอบให้มาดูเพื่อแกะรอย ความผิดปกติของราคาหุ้น
สำหรับพฤติกรรมการทำราคาหุ้นของขาใหญ่ที่ทำอยู่ปัจจุบัน จากการที่"ฐานเศรษฐกิจ"ได้สำรวจจากเจ้าหน้าที่การตลาดหรือมาร์เก็ตติ้งค้า หุ้นของบริษัทหลักทรัพย์ และจากการสอบถามผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน พบว่าช่วงนี้นักลงทุนประเภทนี้จะอิงกระแสการเจรจาหาพันธมิตรและหาผู้ร่วมทุน ของบริษัทจดทะเบียนเป็นเครื่องมือในการทำราคาหุ้น
เรื่องนี้ได้รับการยืนยันจากบริษัทจดทะเบียนหลายรายที่ถูกนักลงทุนประเภทนี้ ติดต่อเข้ามาโดยมีวัตถุประสงค์หลักในการเข้ามาดูแลหรือทำราคาหุ้นแต่จะแฝง ตัวเข้ามาด้วยการเจรจาเข้าถือหุ้นในบริษัทที่สนใจ ซึ่งหากผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทนั้นๆก็จะมีการตกลงผลประโยชน์ที่เกิดจากผล กำไรจากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้น
ส่วนรูปแบบการเข้ามาถือหุ้นอาจจะตกลงกันโดยการให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ขายหุ้น รายการบิ๊กล็อต หรืออาจจะขายหุ้นเพิ่มให้แบบเฉพาะเจาะจง ขณะเดียวกันก็จะมีการปล่อยข่าวการหาพันธมิตรหรือผู้ร่วมทุนเพื่อสร้างเรื่อง ราวหรือ"สตอรี่" เพื่อทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น
ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนรายหนึ่งกล่าวว่า ขณะนี้มีนักลงทุนที่เป็นแก๊งปั่นหุ้นเงินหนาหลัก 500-1,000 ล้านบาท จะใช้วิธีการเดินสาย"น๊อคดอร์"หรือเคาะประตูบ้านบริษัทจดทะเบียนเป้าหมาย เพื่อรับจ้างทำราคาหุ้นให้โดยมาในรูปของการเจรจาขอถือหุ้น
ส่วนบริษัทจดทะเบียนกลุ่มเป้าหมายที่นักลงทุนกลุ่มดังกล่าวต้องการเข้า ไปถือหุ้นนั้น แหล่งข่าวกล่าวว่าจะเป็นธุรกิจขนาดกลางและเล็กที่มีแนวโน้มเติบโตดี แต่ราคาหุ้นกลับไม่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับการเติบโตของบริษัท หรือที่เรียกว่า "หุ้นอืด" ซ้ำร้ายบางบริษัทหุ้นยังต่ำกว่าราคาที่เสนอขายประชาชนทั่วไป(ราคาจอง)
นอกจากนี้กลยุทธการเล่นหุ้นของนักลงทุนกลุ่มนี้ถือว่าเป็นวิธีที่สอดคล้อง กับสถานการณ์ปัจจุบันที่เป็นการอิงกระแสการหาพันธมิตรและผู้ร่วมทุนของ บริษัทจดทะเบียน
สำหรับวิธีการเจรจาตกลงของนักลงทุนกลุ่มนี้ ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนและในฐานะนักลงทุนรายใหญ่ที่คร่ำหวอดกับการลงทุนใน ตลาดหุ้นมาร่วม 10 ปี ได้ยกตัวอย่างว่า เมื่อเร็วๆนี้มีแก๊งปั่นหุ้นได้ติดต่อบริษัทไพลอน จำกัด(มหาชน)(บมจ.)บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) ซึ่งถือเป็นบริษัทที่มีแนวโน้มเติบโตดี แต่ปัจจุบันราคาหุ้นยังต่ำกว่าจอง
โดยแก๊งปั่นหุ้นกลุ่มนี้ได้ติดต่อไปยังบมจ.ไพลอนเพื่อเจรจาขอร่วมเป็น พันธมิตรด้วยการขอเข้าไปถือหุ้น เช่นเดียวกับที่ปีนี้บริษัทดังกล่าวก็มีนโยบายหาพันธมิตรอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามเนื่องจากนักลงทุนที่เข้าไปเจรจากับไพลอน ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่เข้ามาลงทุนเพื่อหวังปั่นหุ้นมากกว่าการเข้ามาลงทุน จริง จึงทำให้บริษัทดังกล่าวไม่ได้ตอบตกลง
ชเนศวร์ แสงอารยะกุล กรรมการผู้จัดการบมจ.ไพลอน กล่าวว่า ปัจจุบันแม้ราคาหุ้นของบริษัทยังต่ำกว่าจองก็ตาม แต่จากแนวโน้มธุรกิจที่คาดว่าใน 3 ปีข้างหน้า จะเติบโตได้ในอัตรา 30 % ต่อปี
จากปัจจัยพื้นฐานที่ดีของไพลอน ทำให้ชเนศวร์เชื่อว่าราคาหุ้นไพลอนจะปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว
"ผมก็อยากให้หุ้นขึ้นมากที่สุด เพราะหุ้นปรับขึ้น 0.1 บาท ผมได้เงินเพิ่ม 5.7 ล้านบาท (ปัจจุบันถือหุ้น 5.7 ล้านหุ้น) และหากปรับขึ้น 1 บาท ผมจะได้เงิน 57 ล้านบาท "
ประโยคที่ชเนศวร์ กล่าวข้างต้น ชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาอยากให้หุ้นไพลอนเคลื่อนไหวไปตามธรรมชาติของมันโดยไม่มีการผลักดันราคา
ทั้งนี้บมจ.ไพลอน ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานฐานราก เข้าจดทะเบียนในตลาด mai ปลายเดือนธันวาคม 2548 ขณะที่ราคาหุ้นยังต่ำกว่าจอง โดยวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา ปิดที่ 2.08 บาท (ราคาจอง 2.86 บาท)
-
- Verified User
- โพสต์: 148
- ผู้ติดตาม: 0
ใครพอมีข้อมูล PYLON บ้างครับ
โพสต์ที่ 41
พูดตรงๆ คือผมก็ไม่ค่อยเชื่อที่พี่เขาพูดสักเท่าไหร่
แต่ว่า การจะทำอะไรต้องจินตนาการถึงความสำเร็จไว้ก่อนครับ เหมือนตีกอล์ฟ ไงครับ
ปีนี้ถ้า Pylon ไปถึง 6 บาท ผมจะขาย Miata ไปซื้อ Boxster 555555
ฝันหวานรอเลยนะครับพี่ :oops: อย่าให้ผมซื้อได้แต่ กางเกงในนะครับ
แต่ว่า การจะทำอะไรต้องจินตนาการถึงความสำเร็จไว้ก่อนครับ เหมือนตีกอล์ฟ ไงครับ
ปีนี้ถ้า Pylon ไปถึง 6 บาท ผมจะขาย Miata ไปซื้อ Boxster 555555
ฝันหวานรอเลยนะครับพี่ :oops: อย่าให้ผมซื้อได้แต่ กางเกงในนะครับ
กับบางเรื่อง ไม่รู้ก็เป็นปัญญา