value stock ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
value stock ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
โพสต์ที่ 1
ตามความเห็นของผมแล้วหุ้นในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม หากพิจารณาจากผลประกอบการย้อนหลัง10ปี ดูข้อมูลทางการเงินและตัวสินค้าแล้ว หุ้นที่ได้ชื้อว่าเป็น VALUE STOCK มีดังนี้
1)tf
2)tuf
3)tvo
4)sauce
พี่ๆน้องๆชาววีไอลองมาช่วยกันวิจารณ์สิครับว่า คิดเห็นอย่างไร
(หมายเหตุ...1..เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่ได้แนะนำให้ซื้อนะครับ เพียงแต่ตั้งประเด็นให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และความคิดเห็นกัน
2..เป็นหุ้นยอดเยี่ยมแต่ไม่ได้หมายความว่าซื้อแล้วได้ผลตอบแทนดี เพราะราคาอาจจะแพงไปแล้วจนทำให้คนซื้อขายขาดทุนก็ได้
3..ผมไม่รับผิดชอบใดๆนะครับหากเอาไปซื้อแล้วได้กำไรขาดทุน เพราะเป็นประเด็นแค่และเปลี่ยนความคิดเห็นกัน)
1)tf
2)tuf
3)tvo
4)sauce
พี่ๆน้องๆชาววีไอลองมาช่วยกันวิจารณ์สิครับว่า คิดเห็นอย่างไร
(หมายเหตุ...1..เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่ได้แนะนำให้ซื้อนะครับ เพียงแต่ตั้งประเด็นให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และความคิดเห็นกัน
2..เป็นหุ้นยอดเยี่ยมแต่ไม่ได้หมายความว่าซื้อแล้วได้ผลตอบแทนดี เพราะราคาอาจจะแพงไปแล้วจนทำให้คนซื้อขายขาดทุนก็ได้
3..ผมไม่รับผิดชอบใดๆนะครับหากเอาไปซื้อแล้วได้กำไรขาดทุน เพราะเป็นประเด็นแค่และเปลี่ยนความคิดเห็นกัน)
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
เกณฑ์การพิจารณา
โพสต์ที่ 2
ผมใช้เกณฑ์การพิจารณาจากการใช้บัญญัติ10ประการของบัฟเฟตต์ ที่ได้ศึกษาจากหนังสือ new buffetology ที่แปลโดยคุณพรชัย รัตนนนทชัยสุข
คือ
1) ROE มากกว่า12%
2)ROTC มากกว่า12%
3)การทำกำไรสุทธิสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง
4)หนี้สินระยะยาวต่อกำไรสุทธิน้อยกว่า5เท่า
5)สินค้ามีขายในตลาดต่อเนื่องและยาวนาน เป็นที่รู้จักของผู้ใช้และมีลักษณะใช้ซ้ำๆ
6)สามรถปรับราคาสินค้าได้ตามภาวะเงินเฟ้อ
7)การซื้อหุ้นคืน ***ข้อนี้เห็นไม่ชัดเจนครับ***
8)บริษัทเหล่านี้ไม่มีสหภาพแรงงานที่แข็งแกร่งจนเป็นปัญหาต่อบริษัท(ผมไม่เคยได้ยินข่าวกระประท้วงหยุดงาน หรือต่อรองเรื่องค่าจ้างจนเป็นข่าว)
9)ผู้บริหารนำเอากำไรสะสมไปลงทุนเพิ่มมีผลให้กำไรสุทธิเพิ่ม มากกว่าดอกเบี้ยจากการฝากแบงค์
10)การเพิ่มของมูลค่าทางบัญชีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นในตลาดในอัตราส่วนที่น่าพอใจ
คือ
1) ROE มากกว่า12%
2)ROTC มากกว่า12%
3)การทำกำไรสุทธิสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง
4)หนี้สินระยะยาวต่อกำไรสุทธิน้อยกว่า5เท่า
5)สินค้ามีขายในตลาดต่อเนื่องและยาวนาน เป็นที่รู้จักของผู้ใช้และมีลักษณะใช้ซ้ำๆ
6)สามรถปรับราคาสินค้าได้ตามภาวะเงินเฟ้อ
7)การซื้อหุ้นคืน ***ข้อนี้เห็นไม่ชัดเจนครับ***
8)บริษัทเหล่านี้ไม่มีสหภาพแรงงานที่แข็งแกร่งจนเป็นปัญหาต่อบริษัท(ผมไม่เคยได้ยินข่าวกระประท้วงหยุดงาน หรือต่อรองเรื่องค่าจ้างจนเป็นข่าว)
9)ผู้บริหารนำเอากำไรสะสมไปลงทุนเพิ่มมีผลให้กำไรสุทธิเพิ่ม มากกว่าดอกเบี้ยจากการฝากแบงค์
10)การเพิ่มของมูลค่าทางบัญชีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นในตลาดในอัตราส่วนที่น่าพอใจ
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
มีข้อด้อยนะครับ
โพสต์ที่ 3
หุ้นบางตัว เช่น tf , sauce มีสภาพคล่องน้อยครับ และ หุ้นเหล่านี้ นักวิเคราะห์หุ้นหลงลืมไปแล้ว ไม่มีค่ายไหนวิเคราะห์ราคาซื้อที่เหมาะสมเลยครับ
จึงต้องอาศัยความสามารถเฉพาะตัว เลยครับว่าราคาขนาดไหน น่าซื้อ น่าขาย
หมายเหตุ ;หุ้นยอดเยี่ยมแต่ราคาแพงเกินไป อาจทำให้ผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนได้รับต่ำ หรือขาดทุนได้
จึงต้องอาศัยความสามารถเฉพาะตัว เลยครับว่าราคาขนาดไหน น่าซื้อ น่าขาย
หมายเหตุ ;หุ้นยอดเยี่ยมแต่ราคาแพงเกินไป อาจทำให้ผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนได้รับต่ำ หรือขาดทุนได้
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
value stock ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
โพสต์ที่ 5
ขยันทำการบ้านดีจังเลยครับ ... :D
โอกาสขาดทุน เสียหายร้ายแรง
จากผลลัพธ์ของการวิเคราะห์ดังกล่าว ค่อนข้างน้อยครับ
Margin of Safety และ Dividend Yield จะทำให้
Downside risk ของหุ้นที่เราเลือกลงทุนน้อยลงครับ
โอกาสขาดทุน เสียหายร้ายแรง
จากผลลัพธ์ของการวิเคราะห์ดังกล่าว ค่อนข้างน้อยครับ
Margin of Safety และ Dividend Yield จะทำให้
Downside risk ของหุ้นที่เราเลือกลงทุนน้อยลงครับ
"Winners never quit, and quitters never win."
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
value stock ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
โพสต์ที่ 6
tf - มาม่าเป็นพระเอกเสมอเมื่อเศรษฐกิจถดถอย ผมชื่นชอบมาม่า index เหลือเกินแล้วก็เป็นลูกค้าที่ดีของเขามานาน แต่ในการลงทุนถ้าเริ่มคิดจากปี 43 ที่บริษัทเพิ่มทุนราคาพาร์ ตลอด 7 ปีมานี้ กำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นเพียง 0.55% ทบต้น และรายได้เพิ่มเพียง 2.24% ทบต้น บ่งบอกได้ชัดเจนถึงภาวะตลาดที่ใกล้อิ่มตัว หลังๆ มานี้มาม่าจึงต้องดิ้นเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าของตัวเองให้มี margin สูงขึ้น รวมถึงการขยายการลงทุนใหม่ๆ ที่ทำให้บริษัทน่าสนใจมากขึ้น
ปี 46 ที่เศรษฐกิจดีตลาดหุ้นฟื้น มาม่ากำไรตก แต่ปี 48-49 ที่ราคาน้ำมัน new high ไม่หยุดมาม่ากลับกำไรกระฉูดขึ้นไป จนราคาหุ้นกระฉูดตามเป็นเท่าตัวใน 2 ปี คุณนึกออกไหมว่าถ้าราคาน้ำมันลด เศรษฐกิจกลับมาสดใสปิ๊งปั๊งอีกครั้ง จะเกิดอะไรขึ้นกับหุ้น cash cow อย่างมาม่า
Q4 ที่ออกงบมากำไรนิ่งเชียว
sauce - ถ้านับตั้งแต่เข้าตลาดมาเมื่อปี 37 กำไรสุทธิบริษัทเติบโตทบต้นในอัตรา 6.7% ต่อปี
รายได้เติบโต 4.0% ต่อปี ส่วนต่างแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีการจัดการต้นทุนดีขึ้นมากกว่าการขยายตลาดเช่นเดียวกับ tf
ที่อัตรา 4% ต่อปี หากบริษัทขึ้นราคาสินค้าตามเงินเฟ้อ มันก็ไม่ได้น่าสนใจอะไร แต่ถ้าคิดแค่ 5 ปี จาก 44-48 จะน่าสนใจขึ้นเล็กน้อยเพราะกำไรเพิ่ม 5.4% ทบต้น รายได้เพิ่มใกล้เคียงกันที่ 5.5% ทบต้น ถ้าคิดที่ ROE 15% ผลตอบแทนที่น่าสนใจจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อได้เข้าซื้อในราคาที่ต่ำกว่า BV ลงมา โอกาสนั้นอยู่หลังปี 40 แต่ถ้าเทียบกัน ณ เวลานั้นมีหุ้นที่ดีกว่าและถูกกว่า SAUCE อยู่มากมาย
เป็นเรื่องที่จินตนาการได้ว่าการซื้อหุ้น SAUCE ที่ P/B 2 เท่า ด้วยอัตราการเติบโตสูงกว่าเงินเฟ้อเล็กน้อย เมื่อถิอไปนานๆ แล้วคุณจะได้อะไร คาดการณ์ที่ P/E 10 เท่า (โตแค่นี้ P/E 10 เท่าก็ดีแล้ว) อัตราผลตอบแทนระยะยาวรวมปันผลจะประมาณ 7% ต่อปีแบบทบต้น (ผมมองโลกในแง่ดีแล้วนะ)
tvo - ถึงจะชื่อนำมันพืชไทย แต่บริษัทขายผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองเป็นสรณะ กำไรของบริษัทจึงขึ้นๆ ลงๆ ผันผวนไปตามภาวะราคาถั่วเหลือง ซึ่งนักวิเคราะห์เองก็เดาราคาผิดกันประจำ หลังๆ มานี้บริษัทจะมีกำไรดีในครึ่งปีแรกแต่จะแย่ๆ ในอีกครึ่งปีที่เหลือ เมื่อต้นปี 49 บริษัทจึง surprice ตลาดด้วยการประกาศผลประกอบการตกต่ำน่าใจหาย ราคา slow motion จาก 11 บาท ลงมา 7 บาท หักปากกานักวิเคราะห์ถ้วนหน้า แต่ในที่สุดกำไรของบริษัทก็กลับมาในไตรมาสที่เหลือ
ถ้าอยาก exercise หัวใจก็น่าซื้ออยู่
tuf - บริษัทถึงขั้นเป็นพระเอก inter เมื่อลอยตัวค่าเงินบาท ผู้ประกอบการเจ้าอื่นเละตุ้มเป๊ะ แต่ tuf ได้ส้มหล่นไปเต็มๆ หลังจากนั้นยอดขายก็เพิ่มขึ้นมาตลอด
อย่างไรก็ตาม กำไรของธุรกิจที่พึ่งภาคเกษตรนั้นผันผวนเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ สังเกตได้จากกำไรที่ขึ้นๆ ลงๆ ผมอยากฟังคนอื่นเม้าท์มั่งแล้วล่ะ ขี้เกียจพิมพ์
ปี 46 ที่เศรษฐกิจดีตลาดหุ้นฟื้น มาม่ากำไรตก แต่ปี 48-49 ที่ราคาน้ำมัน new high ไม่หยุดมาม่ากลับกำไรกระฉูดขึ้นไป จนราคาหุ้นกระฉูดตามเป็นเท่าตัวใน 2 ปี คุณนึกออกไหมว่าถ้าราคาน้ำมันลด เศรษฐกิจกลับมาสดใสปิ๊งปั๊งอีกครั้ง จะเกิดอะไรขึ้นกับหุ้น cash cow อย่างมาม่า
Q4 ที่ออกงบมากำไรนิ่งเชียว
sauce - ถ้านับตั้งแต่เข้าตลาดมาเมื่อปี 37 กำไรสุทธิบริษัทเติบโตทบต้นในอัตรา 6.7% ต่อปี
รายได้เติบโต 4.0% ต่อปี ส่วนต่างแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีการจัดการต้นทุนดีขึ้นมากกว่าการขยายตลาดเช่นเดียวกับ tf
ที่อัตรา 4% ต่อปี หากบริษัทขึ้นราคาสินค้าตามเงินเฟ้อ มันก็ไม่ได้น่าสนใจอะไร แต่ถ้าคิดแค่ 5 ปี จาก 44-48 จะน่าสนใจขึ้นเล็กน้อยเพราะกำไรเพิ่ม 5.4% ทบต้น รายได้เพิ่มใกล้เคียงกันที่ 5.5% ทบต้น ถ้าคิดที่ ROE 15% ผลตอบแทนที่น่าสนใจจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อได้เข้าซื้อในราคาที่ต่ำกว่า BV ลงมา โอกาสนั้นอยู่หลังปี 40 แต่ถ้าเทียบกัน ณ เวลานั้นมีหุ้นที่ดีกว่าและถูกกว่า SAUCE อยู่มากมาย
เป็นเรื่องที่จินตนาการได้ว่าการซื้อหุ้น SAUCE ที่ P/B 2 เท่า ด้วยอัตราการเติบโตสูงกว่าเงินเฟ้อเล็กน้อย เมื่อถิอไปนานๆ แล้วคุณจะได้อะไร คาดการณ์ที่ P/E 10 เท่า (โตแค่นี้ P/E 10 เท่าก็ดีแล้ว) อัตราผลตอบแทนระยะยาวรวมปันผลจะประมาณ 7% ต่อปีแบบทบต้น (ผมมองโลกในแง่ดีแล้วนะ)
tvo - ถึงจะชื่อนำมันพืชไทย แต่บริษัทขายผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองเป็นสรณะ กำไรของบริษัทจึงขึ้นๆ ลงๆ ผันผวนไปตามภาวะราคาถั่วเหลือง ซึ่งนักวิเคราะห์เองก็เดาราคาผิดกันประจำ หลังๆ มานี้บริษัทจะมีกำไรดีในครึ่งปีแรกแต่จะแย่ๆ ในอีกครึ่งปีที่เหลือ เมื่อต้นปี 49 บริษัทจึง surprice ตลาดด้วยการประกาศผลประกอบการตกต่ำน่าใจหาย ราคา slow motion จาก 11 บาท ลงมา 7 บาท หักปากกานักวิเคราะห์ถ้วนหน้า แต่ในที่สุดกำไรของบริษัทก็กลับมาในไตรมาสที่เหลือ
ถ้าอยาก exercise หัวใจก็น่าซื้ออยู่
tuf - บริษัทถึงขั้นเป็นพระเอก inter เมื่อลอยตัวค่าเงินบาท ผู้ประกอบการเจ้าอื่นเละตุ้มเป๊ะ แต่ tuf ได้ส้มหล่นไปเต็มๆ หลังจากนั้นยอดขายก็เพิ่มขึ้นมาตลอด
อย่างไรก็ตาม กำไรของธุรกิจที่พึ่งภาคเกษตรนั้นผันผวนเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ สังเกตได้จากกำไรที่ขึ้นๆ ลงๆ ผมอยากฟังคนอื่นเม้าท์มั่งแล้วล่ะ ขี้เกียจพิมพ์
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
-
- Verified User
- โพสต์: 24
- ผู้ติดตาม: 0
value stock ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
โพสต์ที่ 7
TF. รายได้ กำไร EPS Price
2000 4427.20 628 34.89 200
2006 5907.33 795 44.18 500
%Change 33.43 26 26 150
มาม่า brand แข็งแกร่ง บริษัทดีจริงๆ เงินสดก็เหลือเยอะ แต่พอดูงบย้อนหลังแล้ว รู้สึกว่าราคาตอนนี้แพงไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ทิ้งนะ เพราะ ตั้งแต่ปี 2004 EPS growth ประมาณ 12% ทุกปี คุณพิพัฒน์ เพนียงเวทย์ เคยให้สัมภาษณ์ว่าจะทำให้รายได้ 10000 ล้านบาท ภายในปี 2010. ถ้าปีนี้ยังคง growth ได้มากกว่า 10 % ที่ PE 11 ก็ยังน่าสนใจอยู่
ตัวอื่นเคยดูผ่านๆ TVO ต้นทุนขึ้นกับน้ำมันถั่วเหลืองมากไปหน่อย เลยไม่ได้ศึกษาต่อ
2000 4427.20 628 34.89 200
2006 5907.33 795 44.18 500
%Change 33.43 26 26 150
มาม่า brand แข็งแกร่ง บริษัทดีจริงๆ เงินสดก็เหลือเยอะ แต่พอดูงบย้อนหลังแล้ว รู้สึกว่าราคาตอนนี้แพงไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ทิ้งนะ เพราะ ตั้งแต่ปี 2004 EPS growth ประมาณ 12% ทุกปี คุณพิพัฒน์ เพนียงเวทย์ เคยให้สัมภาษณ์ว่าจะทำให้รายได้ 10000 ล้านบาท ภายในปี 2010. ถ้าปีนี้ยังคง growth ได้มากกว่า 10 % ที่ PE 11 ก็ยังน่าสนใจอยู่
ตัวอื่นเคยดูผ่านๆ TVO ต้นทุนขึ้นกับน้ำมันถั่วเหลืองมากไปหน่อย เลยไม่ได้ศึกษาต่อ
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
value stock ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
โพสต์ที่ 8
ผมจะยกตัวอย่างง่ายๆ ว่า PB แตกต่างจาก 4 บริษัทข้างต้นอย่างไร
PB อยู่ในตลาดที่กำลังโต บริษัทมีนวัตกรรมใหม่ให้กับสินค้าอยู่เสมอ และกลายเป็นสินค้าที่ครองใจผู้บริโภคส่วนใหญ่เอาไว้ได้ ย้อนไปเมื่อปลายปี 45 PB ได้เข้าตลาดมาสร้างสีสัน ซึ่งจากนั้นบริษัทก็ประกาศผลประกอบการเพิ่มขึ้น 4 ไตรมาสตลอดปี 46 ชะงักไปเล็กน้อยใน Q1/47 (กำไรตกลงแค่ 2%) จากนั้นก็เดินหน้าเป็นกระทิงอย่างต่อเนื่องไม่ยอมหยุด จะดอกเบี้ย น้ำมัน หรือเงินเฟ้อ ก็ฉุดบริษัทไว้ไม่ได้ กำไรได้เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 11 ใน Q4/49 และมีแนวโน้มว่ามันยังไม่หยุด ถ้าเรายืนอยู่กับผู้ชนะในระยะยาวเราจะได้รับผลตอบแทนเช่นนี้
สำหรับผู้ที่กอดหุ้นเอาไว้ตั้งแต่ IPO คงหน้าบานเป็นกระด้งเพราะรวยไปแล้ว 5 เท่า สภาพคล่องในตลาดตอนนี้ต่ำมากเพราะพวก value เกาะหนึบไม่ยอมขาย (คนกันเองแถวๆ นี้แหละ)
ต่างกันกับ tf หรือ sauce ซึ่งอยู่ในตลาดที่โตช้าแม้จะมีฐานะแข็งแกร่งแต่ก็ไม่น่าสนใจนักถ้ามันไม่ถูกจริงๆ อัตราผลตอบแทนของ tf จะสูงกว่า sauce เพราะในอดีตเคยมีราคาที่ถูกมากๆ มาก่อน
ในขณะที่ tvo หรือ tuf นั้นมีความผันผวนมาก อย่าง tuf เมื่อปี 47 สามไตรมาสแรกกำไรตก ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นในสองไตรมาสถัดมา ตกลงอีกครั้งเมื่อ Q2/48 เด้งกลับใน Q3/48 แล้วตกลงติดต่อกันสามไตรมาสถึง Q2/49 (ฤทธิ์บาทแข็งมีส่วนร่วมด้วยเล็กน้อย) แล้วก็เด้งกลับอีกครั้งในไตรมาสสาม ถ้าเราถือหุ้นเหล่านี้ไปยาวๆ เราจะรู้สึกเหมือนการนั่งรถเข้าแม่ฮ่องสอนเมื่อ 30 ปีก่อน ถึงจุดหมายปลายทางจะเป็นยอดดอยค่อนข้างสูง แต่ระหว่างทางเราจะเจ็บก้นเป็นอย่างมาก :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
PB อยู่ในตลาดที่กำลังโต บริษัทมีนวัตกรรมใหม่ให้กับสินค้าอยู่เสมอ และกลายเป็นสินค้าที่ครองใจผู้บริโภคส่วนใหญ่เอาไว้ได้ ย้อนไปเมื่อปลายปี 45 PB ได้เข้าตลาดมาสร้างสีสัน ซึ่งจากนั้นบริษัทก็ประกาศผลประกอบการเพิ่มขึ้น 4 ไตรมาสตลอดปี 46 ชะงักไปเล็กน้อยใน Q1/47 (กำไรตกลงแค่ 2%) จากนั้นก็เดินหน้าเป็นกระทิงอย่างต่อเนื่องไม่ยอมหยุด จะดอกเบี้ย น้ำมัน หรือเงินเฟ้อ ก็ฉุดบริษัทไว้ไม่ได้ กำไรได้เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 11 ใน Q4/49 และมีแนวโน้มว่ามันยังไม่หยุด ถ้าเรายืนอยู่กับผู้ชนะในระยะยาวเราจะได้รับผลตอบแทนเช่นนี้
สำหรับผู้ที่กอดหุ้นเอาไว้ตั้งแต่ IPO คงหน้าบานเป็นกระด้งเพราะรวยไปแล้ว 5 เท่า สภาพคล่องในตลาดตอนนี้ต่ำมากเพราะพวก value เกาะหนึบไม่ยอมขาย (คนกันเองแถวๆ นี้แหละ)
ต่างกันกับ tf หรือ sauce ซึ่งอยู่ในตลาดที่โตช้าแม้จะมีฐานะแข็งแกร่งแต่ก็ไม่น่าสนใจนักถ้ามันไม่ถูกจริงๆ อัตราผลตอบแทนของ tf จะสูงกว่า sauce เพราะในอดีตเคยมีราคาที่ถูกมากๆ มาก่อน
ในขณะที่ tvo หรือ tuf นั้นมีความผันผวนมาก อย่าง tuf เมื่อปี 47 สามไตรมาสแรกกำไรตก ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นในสองไตรมาสถัดมา ตกลงอีกครั้งเมื่อ Q2/48 เด้งกลับใน Q3/48 แล้วตกลงติดต่อกันสามไตรมาสถึง Q2/49 (ฤทธิ์บาทแข็งมีส่วนร่วมด้วยเล็กน้อย) แล้วก็เด้งกลับอีกครั้งในไตรมาสสาม ถ้าเราถือหุ้นเหล่านี้ไปยาวๆ เราจะรู้สึกเหมือนการนั่งรถเข้าแม่ฮ่องสอนเมื่อ 30 ปีก่อน ถึงจุดหมายปลายทางจะเป็นยอดดอยค่อนข้างสูง แต่ระหว่างทางเราจะเจ็บก้นเป็นอย่างมาก :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
value stock ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
โพสต์ที่ 9
มีคนคิดเหมือนผมเยอะนะนี่ เปิดตลาดมาไม่นาน ติด top gainer เลย (PB) :cheers:
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ
โพสต์ที่ 10
ผมขอขอบคุณในทุกๆความเห็นที่เข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันครับ หลายความคิดเห็น หลายๆเหตุผลจะทำให้เรามองหุ้นได้ครบถ้วนทุกมุม ซึ่งผู้ที่เข้ามาอ่าน มาศึกษาจะได้นำเอาความคิดเห็นของพี่ๆน้องๆชาววีไอ ไปเป็นส่วนประกอบของการติดตาม การซื้อ ขาย หรือการไม่ซื้อ ไม่ขาย
หมายเหตุ; ความคิดเห็นทุกความคิดเห็น ท่านผู้อ่านต้องนำเอาไปประเมิน ด้วยวิจารณญาณของตนเองนะครับ เพราะเงินลงทุนเป็นของท่าน การได้กำไร หรือขาดทุนที่เกิดขึ้น พวกกระผม และทุกๆท่านที่แสดงความคิดเห็นไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับท่านด้วย
หมายเหตุ; ความคิดเห็นทุกความคิดเห็น ท่านผู้อ่านต้องนำเอาไปประเมิน ด้วยวิจารณญาณของตนเองนะครับ เพราะเงินลงทุนเป็นของท่าน การได้กำไร หรือขาดทุนที่เกิดขึ้น พวกกระผม และทุกๆท่านที่แสดงความคิดเห็นไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับท่านด้วย
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
value stock ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
โพสต์ที่ 11
รู้สึกไม่สบายใจที่เชียร์ 1 หุ้นแล้วมันขึ้นแบบติด top gainer ในขณะที่กระแนะกระแหนไป 4 หุ้น แล้วมันตกหมดพร้อมๆ กันในวันนี้ เดี๋ยวคนเขาจะครหาว่าผมมีผลประโยชน์ทับซ้อนรึเปล่า
อย่างไรก็ตาม ผมตั้งใจมองในแง่ร้ายไปอย่างงั้นเองอย่าถือสา (แกล้งผู้ถือหุ้นที่ทำการบ้านมาไม่ดีให้หวั่นไหวเล่น) คติประจำใจของผมคือ
"ไม่จำเป็นต้องไปกังวลใจกับข่าวดี" ผมจึงชื่นชอบเสมอกับการพูดเรื่องร้ายๆ ของบริษัทจดทะเบียน
ถ้ามองในระยะสั้น TF กำไรเพิ่ม 11.4% ปี 47, 26.3% ปี 48, 12.6% ปี 49 จึงไม่น้อยหน้า PB เท่าไหร่เพราะกำไรเพิ่มติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 10 แม้ไตรมาสสุดท้ายกำไรจะเพิ่มน้อยผิดสังเกต (อาจรับข่าวราคาน้ำมันลด)
ในสามไตรมาสหลังมานี้ TF มีรายจ่ายลงทุนสูงขึ้นมาก จนเริ่มมีกระแสเงินสดรับสุทธิติดลบให้เห็นแล้ว จึงมีแนวโน้มที่กำไรในอนาคตจะสูงขึ้นไปอีกจากฐานกำไรที่กว้างขึ้น มาเอาใจช่วยคุณพิพัฒน์กันเถอะครับ ในการทำให้ TF เป็น growth stock ให้ได้อย่างต่อเนื่อง นักลงทุนจะได้ชื่นใจ
อย่างไรก็ตาม ผมตั้งใจมองในแง่ร้ายไปอย่างงั้นเองอย่าถือสา (แกล้งผู้ถือหุ้นที่ทำการบ้านมาไม่ดีให้หวั่นไหวเล่น) คติประจำใจของผมคือ
"ไม่จำเป็นต้องไปกังวลใจกับข่าวดี" ผมจึงชื่นชอบเสมอกับการพูดเรื่องร้ายๆ ของบริษัทจดทะเบียน
ถ้ามองในระยะสั้น TF กำไรเพิ่ม 11.4% ปี 47, 26.3% ปี 48, 12.6% ปี 49 จึงไม่น้อยหน้า PB เท่าไหร่เพราะกำไรเพิ่มติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 10 แม้ไตรมาสสุดท้ายกำไรจะเพิ่มน้อยผิดสังเกต (อาจรับข่าวราคาน้ำมันลด)
ในสามไตรมาสหลังมานี้ TF มีรายจ่ายลงทุนสูงขึ้นมาก จนเริ่มมีกระแสเงินสดรับสุทธิติดลบให้เห็นแล้ว จึงมีแนวโน้มที่กำไรในอนาคตจะสูงขึ้นไปอีกจากฐานกำไรที่กว้างขึ้น มาเอาใจช่วยคุณพิพัฒน์กันเถอะครับ ในการทำให้ TF เป็น growth stock ให้ได้อย่างต่อเนื่อง นักลงทุนจะได้ชื่นใจ
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
value stock ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
โพสต์ที่ 12
เอาเป็นว่า ผมจะให้หุ้น value เด็ดๆ 4 บริษัทในกลุ่มอาหารของผมบ้างก็แล้วกัน
1. APURE - หุ้นข้าวโพดขยาด :vm:
2. DAIDO - หุ้นหมูกระทะสยิว :vm:
3. MALEE - หุ้นผลไม้สยอง :vm:
4. POMPUI - หุ้นปลาประป๋องสะยึ๋มกึ๋ย :vm:
ไม่สงวนสิทธิ์ถ้าใครจะเอาไปซื้อ ขาดทุนห้ามโวย กำไรอย่ามาแบ่ง ขอแค่มาเล่าสู่กันฟังว่าขณะที่ถือหุ้นอยู่ รู้สึกเสียวซ่านประการใดหรือไม่ สำหรับหุ้น value(อยู่ตรงไหน) เหล่านี้ นะคร้าบบบบ :drink: :drink: :drink:
1. APURE - หุ้นข้าวโพดขยาด :vm:
2. DAIDO - หุ้นหมูกระทะสยิว :vm:
3. MALEE - หุ้นผลไม้สยอง :vm:
4. POMPUI - หุ้นปลาประป๋องสะยึ๋มกึ๋ย :vm:
ไม่สงวนสิทธิ์ถ้าใครจะเอาไปซื้อ ขาดทุนห้ามโวย กำไรอย่ามาแบ่ง ขอแค่มาเล่าสู่กันฟังว่าขณะที่ถือหุ้นอยู่ รู้สึกเสียวซ่านประการใดหรือไม่ สำหรับหุ้น value(อยู่ตรงไหน) เหล่านี้ นะคร้าบบบบ :drink: :drink: :drink:
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
- Newbee
- Verified User
- โพสต์: 148
- ผู้ติดตาม: 0
value stock ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
โพสต์ที่ 13
แล้วคิดอย่างไร กับ PR เห็นว่าขยายการผลิตอยู่ เคยถืออยู่PB อยู่ในตลาดที่กำลังโต บริษัทมีนวัตกรรมใหม่ให้กับสินค้าอยู่เสมอ และกลายเป็นสินค้าที่ครองใจผู้บริโภคส่วนใหญ่เอาไว้ได้ ย้อนไปเมื่อปลายปี 45 PB ได้เข้าตลาดมาสร้างสีสัน ซึ่งจากนั้นบริษัทก็ประกาศผลประกอบการเพิ่มขึ้น 4 ไตรมาสตลอดปี 46 ชะงักไปเล็กน้อยใน Q1/47 (กำไรตกลงแค่ 2%) จากนั้นก็เดินหน้าเป็นกระทิงอย่างต่อเนื่องไม่ยอมหยุด จะดอกเบี้ย น้ำมัน หรือเงินเฟ้อ ก็ฉุดบริษัทไว้ไม่ได้ กำไรได้เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 11 ใน Q4/49 และมีแนวโน้มว่ามันยังไม่หยุด ถ้าเรายืนอยู่กับผู้ชนะในระยะยาวเราจะได้รับผลตอบแทนเช่นนี้
ส่วนตัวเริ่มชอบ น้ำมันพืช ที่มีอยู่ 2 ตัว คือ LST และ TVO แต่กำลังดูใจกันอยู่ LST มีปัญหาเรื่อง จำนวนเปอเซ็นต์ทีถือของลำสูง TVO กังวลเรื่องราคากากถั่วเหลือง
รักกันไว้เถิด เราเกิดร่วมแดนไทย
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
value stock ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
โพสต์ที่ 14
สนใจ LST นี่เพราะไปฟัง รวมพลคนทันหุ้น รึเปล่าครับ :D
ผมก็ยังยืนยันความเห็นของผมว่า ธุรกิจที่อิงกับภาคเกษตรนั้นมีความผันผวนมาก ซึ่งเป็นความเห็นที่คล้ายคลึงกันกับ อาจารย์นิเวศน์ มันไม่เหมาะกับการถือยาวเลย แต่เหมาะถือเล่นเก็งกันเป็นรอบๆ มากกว่า
LST - น้ำมันปาล์มเป็นโภคภัณฑ์ชนิดหนึ่ง ทุกวันนี้เราต้องอิงกับตลาดมาเลย์เพราะเขาเป็นเจ้าพ่ออยู่ (อินโดเป็นเจ้าแม่) กำไรของผู้ประกอบการธุรกิจนี้มักจะอิงกับดินฟ้าอากาศ สามารถแจกแจงได้ง่ายๆ ดังนี้ กล่าวคือ
ปีไหนฝนแล้ง - ต้นปาล์มแห้งเหี่ยว - ออกลูกออกหลานน้อย - แข่งขันรับซื้อผลปาล์มสดกันอย่างรุนแรง - ปรากฏว่ากำไรตกฮวบ บางทีขาดทุน
ปีไหนฝนเยอะ - ต้นปาล์ม Happy - ออกลูกออกหลานมาก - แข่งขันรับซื้อผลปาล์มสดไม่รุนแรง - ปรากฏว่ากำไรดี
กำไรของ UPOIC ตกจาก 139 ล้าน ปี 47 ลงมาเหลือ 37 ล้าน ในปี 48 และ LST ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ก็โดนเต็มๆ กำไร ตกจาก 134 ล้าน ปี 47 ลงมาเหลือ 53 ล้าน ในปี 48
ในปี 48 นั้น นอกจากเราจะต้องเจ็บช้ำจาก Tsunami แล้ว ยังตามมาด้วยภัยแล้งรุนแรงทั่วประเทศ เมื่อ El nino แผลงฤทธิ์ (ไม่เกี่ยวอะไรกับ ทาทายัง) น้ำมันปาล์มเลยโดนเล่นกันถ้วนหน้า UVAN กำไรตกฮวบ ส่วน CPI นั้นถึงขั้นขาดทุน สร้างความขนพองสยองเกล้าแก่ผู้ถือหุ้นเป็นอย่างยิ่งเพราะหากไม่นับปี 40 แล้ว นี่จะเป็นครั้งแรกที่ CPI ขาดทุนตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีที่อยู่ในตลาดมา
UPOIC หุ้นร่วงจากเกือบ 50 มา 30 LST ก็ไม่น้อยหน้ากัน หุ้นรูดจาก 2.60 มา 1.20 แต่นี่คืออะไร ถ้านักลงทุนทำการบ้านมาดีจะทราบว่า หลังจากอาเจ๊ El nino แล้ว มันจะตามมาด้วยอาเฮีย La nina เสมอ นั่นคือในขณะที่พวกนี้เจอข่าวร้ายที่สุด มันจะมีราคาที่น่าซื้อที่สุดเพราะกำไรจะกลับมาในปีหน้า โอกาสเกิดขึ้นในปลายปี 48 - ต้นปี 49
และแล้ว ปี 49 เราก็ต้องเจอกับน้ำท่วมหนัก คนรุ่นปู่รุ่นยายยังบอกว่าเกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเห็นน้ำท่วมรุนแรงขนาดนี้ น้ำมันปาล์มเลย return กัน (เว้น CPI) นักลงทุนที่ทำการบ้านมาดีได้ผลตอบแทนชื่นใจแล้ว
ปีนี้ว่ากันว่าจะมีภัยแล้ง ผมไม่เชียร์ซื้อไม่เชียร์ขาย แต่ลองไปทำการบ้านกันดูว่าจะซื้อดีรึเปล่า
อันที่จริงมันมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกเยอะ เช่น ในปี 47 LST ไป take เอา UFC ออกตลาดถ้ายังจำกันได้ UFC ไม่ใช่ธุรกิจที่ดีเด่นอะไรเลย บริษัทไม่ใช่ผู้นำ ผลประกอบการผันผวนมากกำไรบ้างขาดทุนบ้าง ในระยะยาวก็ไม่ได้อะไร ถ้าสังเกตจะพบว่ายอดขายปี 47 ของ LST เพิ่มขึ้น คือพ่วงเอายอดขายเขามาแต่พ่วงเอาหนี้กับขาดทุนมาด้วย กำไรเหมือนจะโดนฉุดซะด้วยซ้ำไป
ส่วนหุ้นอื่นๆ ลองฟังคนอื่นละกันครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นฝอยมากไป (ดูในร้อยคน ร้อยหุ้น) แต่คลับคล้ายคลับคลาว่า PR นั้น อาจารย์นิเวศน์ท่านเชียร์อยู่ จริง ไม่จริง ลองสืบดู 8) 8)
ผมก็ยังยืนยันความเห็นของผมว่า ธุรกิจที่อิงกับภาคเกษตรนั้นมีความผันผวนมาก ซึ่งเป็นความเห็นที่คล้ายคลึงกันกับ อาจารย์นิเวศน์ มันไม่เหมาะกับการถือยาวเลย แต่เหมาะถือเล่นเก็งกันเป็นรอบๆ มากกว่า
LST - น้ำมันปาล์มเป็นโภคภัณฑ์ชนิดหนึ่ง ทุกวันนี้เราต้องอิงกับตลาดมาเลย์เพราะเขาเป็นเจ้าพ่ออยู่ (อินโดเป็นเจ้าแม่) กำไรของผู้ประกอบการธุรกิจนี้มักจะอิงกับดินฟ้าอากาศ สามารถแจกแจงได้ง่ายๆ ดังนี้ กล่าวคือ
ปีไหนฝนแล้ง - ต้นปาล์มแห้งเหี่ยว - ออกลูกออกหลานน้อย - แข่งขันรับซื้อผลปาล์มสดกันอย่างรุนแรง - ปรากฏว่ากำไรตกฮวบ บางทีขาดทุน
ปีไหนฝนเยอะ - ต้นปาล์ม Happy - ออกลูกออกหลานมาก - แข่งขันรับซื้อผลปาล์มสดไม่รุนแรง - ปรากฏว่ากำไรดี
กำไรของ UPOIC ตกจาก 139 ล้าน ปี 47 ลงมาเหลือ 37 ล้าน ในปี 48 และ LST ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ก็โดนเต็มๆ กำไร ตกจาก 134 ล้าน ปี 47 ลงมาเหลือ 53 ล้าน ในปี 48
ในปี 48 นั้น นอกจากเราจะต้องเจ็บช้ำจาก Tsunami แล้ว ยังตามมาด้วยภัยแล้งรุนแรงทั่วประเทศ เมื่อ El nino แผลงฤทธิ์ (ไม่เกี่ยวอะไรกับ ทาทายัง) น้ำมันปาล์มเลยโดนเล่นกันถ้วนหน้า UVAN กำไรตกฮวบ ส่วน CPI นั้นถึงขั้นขาดทุน สร้างความขนพองสยองเกล้าแก่ผู้ถือหุ้นเป็นอย่างยิ่งเพราะหากไม่นับปี 40 แล้ว นี่จะเป็นครั้งแรกที่ CPI ขาดทุนตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีที่อยู่ในตลาดมา
UPOIC หุ้นร่วงจากเกือบ 50 มา 30 LST ก็ไม่น้อยหน้ากัน หุ้นรูดจาก 2.60 มา 1.20 แต่นี่คืออะไร ถ้านักลงทุนทำการบ้านมาดีจะทราบว่า หลังจากอาเจ๊ El nino แล้ว มันจะตามมาด้วยอาเฮีย La nina เสมอ นั่นคือในขณะที่พวกนี้เจอข่าวร้ายที่สุด มันจะมีราคาที่น่าซื้อที่สุดเพราะกำไรจะกลับมาในปีหน้า โอกาสเกิดขึ้นในปลายปี 48 - ต้นปี 49
และแล้ว ปี 49 เราก็ต้องเจอกับน้ำท่วมหนัก คนรุ่นปู่รุ่นยายยังบอกว่าเกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเห็นน้ำท่วมรุนแรงขนาดนี้ น้ำมันปาล์มเลย return กัน (เว้น CPI) นักลงทุนที่ทำการบ้านมาดีได้ผลตอบแทนชื่นใจแล้ว
ปีนี้ว่ากันว่าจะมีภัยแล้ง ผมไม่เชียร์ซื้อไม่เชียร์ขาย แต่ลองไปทำการบ้านกันดูว่าจะซื้อดีรึเปล่า
อันที่จริงมันมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกเยอะ เช่น ในปี 47 LST ไป take เอา UFC ออกตลาดถ้ายังจำกันได้ UFC ไม่ใช่ธุรกิจที่ดีเด่นอะไรเลย บริษัทไม่ใช่ผู้นำ ผลประกอบการผันผวนมากกำไรบ้างขาดทุนบ้าง ในระยะยาวก็ไม่ได้อะไร ถ้าสังเกตจะพบว่ายอดขายปี 47 ของ LST เพิ่มขึ้น คือพ่วงเอายอดขายเขามาแต่พ่วงเอาหนี้กับขาดทุนมาด้วย กำไรเหมือนจะโดนฉุดซะด้วยซ้ำไป
ส่วนหุ้นอื่นๆ ลองฟังคนอื่นละกันครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นฝอยมากไป (ดูในร้อยคน ร้อยหุ้น) แต่คลับคล้ายคลับคลาว่า PR นั้น อาจารย์นิเวศน์ท่านเชียร์อยู่ จริง ไม่จริง ลองสืบดู 8) 8)
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
value stock ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
โพสต์ที่ 15
ปล. ไม่มีใครสนใจ APURE - MALEE เลยเหยอ ฮือ......ฮือ....... :'O :'O
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
- gnomeller
- Verified User
- โพสต์: 425
- ผู้ติดตาม: 0
value stock ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
โพสต์ที่ 16
yes !
i have SSC.
i have SSC.
- OutOfMyMind
- Verified User
- โพสต์: 1242
- ผู้ติดตาม: 0
value stock ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
โพสต์ที่ 17
อย่างไรก็ตาม ขอเตือนว่า อย่าเข้าใกล้ Malee เชียวนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
คุณสมบัติไม่ครบถ้วน
โพสต์ที่ 19
ผมว่าคุณสมบัติไม่ครบถ้วนตามเกณฑ์ของบัฟเฟตต์ครับ
หากพิจารณาในแง่คุณสมบัติเรื่อง แบรยด์สินค้า น่ะใช่เลยครับ pepsi ถือว่าแข็งแก่งมาก
แต่การการดำเนินงานของบริษัทออกมาดูประหลาดครับ ได้กำไร สม่ำเสมอครับ แต่อัตราการเติบโตน้อย ,roe and rotc ต่ำ เลยมันทำให้ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นจะต่ำไปด้วย จนไม่แน่ใจว่าจะเป็นบริษัทที่ขายสินค้าที่มีแบรนด์ระดับโลก,ผมเลยคิดว่าสินค้าดีแต่ผู้บริหารไม่มีฝีมือเลยทำให้ผลออกมาเช่นนั้น
หรือพี่ๆน้องๆมีความเห็นเป็นอย่างอื่น มาแลกเปลี่ยนความเห็นกันครับ
หากพิจารณาในแง่คุณสมบัติเรื่อง แบรยด์สินค้า น่ะใช่เลยครับ pepsi ถือว่าแข็งแก่งมาก
แต่การการดำเนินงานของบริษัทออกมาดูประหลาดครับ ได้กำไร สม่ำเสมอครับ แต่อัตราการเติบโตน้อย ,roe and rotc ต่ำ เลยมันทำให้ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นจะต่ำไปด้วย จนไม่แน่ใจว่าจะเป็นบริษัทที่ขายสินค้าที่มีแบรนด์ระดับโลก,ผมเลยคิดว่าสินค้าดีแต่ผู้บริหารไม่มีฝีมือเลยทำให้ผลออกมาเช่นนั้น
หรือพี่ๆน้องๆมีความเห็นเป็นอย่างอื่น มาแลกเปลี่ยนความเห็นกันครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
Re: คุณสมบัติไม่ครบถ้วน
โพสต์ที่ 20
ยอดขายเป๊ปซี่มากกว่าโค้กในประเทศไทยนะครับ ซึ่งมีเพียงไม่กี่ประเทศในโลก ถ้าผู้บริหารของเสริมสุขไม่มีฝีมือคงไม่ชนะไทยน้ำทิพย์มาอย่างต่อเนื่องและยาวนานหรอกครับchartchai madman เขียน:ผมเลยคิดว่าสินค้าดีแต่ผู้บริหารไม่มีฝีมือเลย
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
เห็นด้วยครับ PB น่าจะอยู่ในกลุ่มหุ้น value stock ด้วย
โพสต์ที่ 21
จากที่พี่ๆ อ้างถึง pb วันนี้ผมเข้าไปนั่งดูข้อมูลแล้ว ถูกต้องเลยครับ คุณสมบัติครบด้วยประการทั้งปวงที่ได้ชื่อว่า value stock ครับ และน่าติดตามมากที่เดียว ขอบคุณพี่ๆน้องๆ ที่ช่วยกันแสดงความเห็น และผมเป็นอีกคนหนึ่งที่จะติดตามผลงานของบริษัทนี้ครับ
ขอให้พี่ๆน้องๆชาววีไอจงเจริญๆๆๆๆๆๆๆๆ
ขอให้พี่ๆน้องๆชาววีไอจงเจริญๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
สรุป value stock ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
โพสต์ที่ 22
สรุป value stock ที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ในความคิดเห็นของข้าน้อย มี 5 ตัวดังนี้
1)tf
2)tuf
3)pb
4)tvo
5)sauce
การที่บอกว่าเป็นหุ้น value stock ในที่นี้ ไม่ได้ความว่าขณะนี้มีราคาน่าเข้าไปซื้อไปลงทุนนะครับ เพียงแต่ว่า เข้ากฏเกณฑ์ ทั้ง10ประการ คือ
บทบัญญัติ10ประการของบัฟเฟตต์ ที่ได้ศึกษาจากหนังสือ new buffetology ที่แปลโดยคุณพรชัย รัตนนนทชัยสุข
คือ
1) ROE มากกว่า12%
2)ROTC มากกว่า12%
3)การทำกำไรสุทธิสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง
4)หนี้สินระยะยาวต่อกำไรสุทธิน้อยกว่า5เท่า
5)สินค้ามีขายในตลาดต่อเนื่องและยาวนาน เป็นที่รู้จักของผู้ใช้และมีลักษณะใช้ซ้ำๆ
6)สามรถปรับราคาสินค้าได้ตามภาวะเงินเฟ้อ
7)การซื้อหุ้นคืน ***ข้อนี้เห็นไม่ชัดเจนครับ***
8)บริษัทเหล่านี้ไม่มีสหภาพแรงงานที่แข็งแกร่งจนเป็นปัญหาต่อบริษัท(ผมไม่เคยได้ยินข่าวกระประท้วงหยุดงาน หรือต่อรองเรื่องค่าจ้างจนเป็นข่าว)
9)ผู้บริหารนำเอากำไรสะสมไปลงทุนเพิ่มมีผลให้กำไรสุทธิเพิ่ม มากกว่าดอกเบี้ยจากการฝากแบงค์
10)การเพิ่มของมูลค่าทางบัญชีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นในตลาดในอัตราส่วนที่น่าพอใจ
ส่วนเรื่องราคาของหุ้นในขณะนี้น่าซื้อลงทุนหรือไม่นั้น ไม่เกี่ยวกับกฏเกณฑ์ดังกล่าว
คำเตือน:
1)กระทู้ที่โพสท์นี้เป็นความเห็นส่วนตัว ที่ประสงค์เพื่อกระตุ้นให้พี่น้องชาววีไอได้แลกเปลี่ยนทัศนะคติกันเท่านั้น
2)การซื้อขายหุ้นขึ้นอยู่กับการใช้วิจารณญาณของแต่ละคน การได้กำไร หรือขาดทุนใดๆข้าพเจ้าไม่รับผิดชอบ
1)tf
2)tuf
3)pb
4)tvo
5)sauce
การที่บอกว่าเป็นหุ้น value stock ในที่นี้ ไม่ได้ความว่าขณะนี้มีราคาน่าเข้าไปซื้อไปลงทุนนะครับ เพียงแต่ว่า เข้ากฏเกณฑ์ ทั้ง10ประการ คือ
บทบัญญัติ10ประการของบัฟเฟตต์ ที่ได้ศึกษาจากหนังสือ new buffetology ที่แปลโดยคุณพรชัย รัตนนนทชัยสุข
คือ
1) ROE มากกว่า12%
2)ROTC มากกว่า12%
3)การทำกำไรสุทธิสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง
4)หนี้สินระยะยาวต่อกำไรสุทธิน้อยกว่า5เท่า
5)สินค้ามีขายในตลาดต่อเนื่องและยาวนาน เป็นที่รู้จักของผู้ใช้และมีลักษณะใช้ซ้ำๆ
6)สามรถปรับราคาสินค้าได้ตามภาวะเงินเฟ้อ
7)การซื้อหุ้นคืน ***ข้อนี้เห็นไม่ชัดเจนครับ***
8)บริษัทเหล่านี้ไม่มีสหภาพแรงงานที่แข็งแกร่งจนเป็นปัญหาต่อบริษัท(ผมไม่เคยได้ยินข่าวกระประท้วงหยุดงาน หรือต่อรองเรื่องค่าจ้างจนเป็นข่าว)
9)ผู้บริหารนำเอากำไรสะสมไปลงทุนเพิ่มมีผลให้กำไรสุทธิเพิ่ม มากกว่าดอกเบี้ยจากการฝากแบงค์
10)การเพิ่มของมูลค่าทางบัญชีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นในตลาดในอัตราส่วนที่น่าพอใจ
ส่วนเรื่องราคาของหุ้นในขณะนี้น่าซื้อลงทุนหรือไม่นั้น ไม่เกี่ยวกับกฏเกณฑ์ดังกล่าว
คำเตือน:
1)กระทู้ที่โพสท์นี้เป็นความเห็นส่วนตัว ที่ประสงค์เพื่อกระตุ้นให้พี่น้องชาววีไอได้แลกเปลี่ยนทัศนะคติกันเท่านั้น
2)การซื้อขายหุ้นขึ้นอยู่กับการใช้วิจารณญาณของแต่ละคน การได้กำไร หรือขาดทุนใดๆข้าพเจ้าไม่รับผิดชอบ
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
ใช่แฮะ
โพสต์ที่ 24
เอ่อ ใช่แฮะ เข้าไปดูข้อมูล s&p และ mint ก็เข้าข่ายตามเกณฑ์ครับ แต่ oishi ไม่เข้าเกณฑ์
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
ผลงานไม่ขี้เหร่ทีเดียว
โพสต์ที่ 25
ผลการดำเนินงานของหุ้นที่น่าสนใจกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม
ผลงานหุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม
บริษัท pb sauce ssc tf tvo tuf
รายได้ 2,557 2,116 18,799 6,174 15,345 55,444
กำไรสุทธิ 279 319 520 795 471 1,960
Roa 17.74 21.24 7.35 16.60 13.26 11.31
Roe 20.56 16.52 8.51 17.76 19.18 16.11
% net profit10.91 15.08 2.77 13.48 3.07 3.54
Div(b) ---- 8.50 1 ---- ---- -----
คำเตือน
1)อย่าเชื่อจนกว่าจะได้ตรวจสอบแล้วอย่างดี
2)หากเจอข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงกรุณาช่วยแสดงความคิดเห็นและให้ข้อมูลด้วยครับเพื่อนประโยชน์สำหรับเพื่อนๆวีไอ
3)กระทู้ที่โพสท์นี้เป็นความเห็นส่วนตัว ที่ประสงค์เพื่อกระตุ้นให้พี่น้องชาววีไอได้แลกเปลี่ยนทัศนะคติกันเท่านั้น
4)การซื้อขายหุ้นขึ้นอยู่กับการใช้วิจารณญาณของแต่ละคน การได้กำไร หรือขาดทุนใดๆข้าพเจ้าไม่รับผิดชอบ
ผลงานหุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม
บริษัท pb sauce ssc tf tvo tuf
รายได้ 2,557 2,116 18,799 6,174 15,345 55,444
กำไรสุทธิ 279 319 520 795 471 1,960
Roa 17.74 21.24 7.35 16.60 13.26 11.31
Roe 20.56 16.52 8.51 17.76 19.18 16.11
% net profit10.91 15.08 2.77 13.48 3.07 3.54
Div(b) ---- 8.50 1 ---- ---- -----
คำเตือน
1)อย่าเชื่อจนกว่าจะได้ตรวจสอบแล้วอย่างดี
2)หากเจอข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงกรุณาช่วยแสดงความคิดเห็นและให้ข้อมูลด้วยครับเพื่อนประโยชน์สำหรับเพื่อนๆวีไอ
3)กระทู้ที่โพสท์นี้เป็นความเห็นส่วนตัว ที่ประสงค์เพื่อกระตุ้นให้พี่น้องชาววีไอได้แลกเปลี่ยนทัศนะคติกันเท่านั้น
4)การซื้อขายหุ้นขึ้นอยู่กับการใช้วิจารณญาณของแต่ละคน การได้กำไร หรือขาดทุนใดๆข้าพเจ้าไม่รับผิดชอบ