อุตสาหกรรมเยื่อกระดาษ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
อุตสาหกรรมเยื่อกระดาษ
โพสต์ที่ 2
เคยศึกษามาบ้าง ขอแบบคร่าวๆ นะครับ..
เยื่อกระดาษมี 2 ชนิดคือเยื่อใยสั้นและเยื่อใยยาว
แต่ประเทศไทยผลิตได้เฉพาะเยื่อใยสั้น
ส่วนเยื่อใยยาวต้องนำเข้าจากประเทศเมืองหนาว
และเยื่อใยสั้น ก็ยังผลิตได้จากวัตถุดิบหลายชนิด
แต่ที่นิยมคือ ไม้ยูคาร์ลิปตัส และไม้ป่าธรรมชาติ
สำหรับประเทศไทยผลิตจากไม้ยูคาร์ลิปตัส
โดยเป็นเพียงประเทศเดียวในเอเชีย ที่ผลิตได้
ส่วนอินโดนีเซีย (เอเชีย พัลล์ แอนด์ เพเพอร์) ผลิตจากไม้ธรรมชาติ
ซึ่งทำให้ได้คุณภาพกระดาษที่ด้อยกว่า เนื่องจากเป็นเยื่อที่ได้จากไม้หลายชนิด
ทำให้คุณภาพไม่สม่ำเสมอ และโดนต่อต้านจากกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย
เยื่อกระดาษยูคาร์ลิปตัส ที่ผลิตได้ จะนำไปทำเป็นกระดาษพิมพ์เขียน และกระดาษชำระ
คู่แข่งในตลาดโลกที่สำคัญคือกลุ่มผู้ผลิตจากลาตินอเมริกา โดยเฉพาะบราซิล
ซึ่งมีเนื้อที่ที่สามารถปลูกไม้ยูคาร์ได้มาก มีภูมิอากาศเหมาะสม ทำให้เป็นผู้ผลิตที่มีกำลังการผลิตมาก ต้นทุนต่ำที่สุดในโลก แต่เมื่อส่งเข้ามาขายในเอเชีย ต้องเสียค่าขนส่งค่อนข้างแพง ทำให้ต้นทุนที่ขายในเอเชีย ใกล้เคียงกับผู้ผลิตจากไทย
เนื่องจากมีการขยายกำลังการผลิตมาก จากผู้ผลิตจากลาติน ทำใ้ห้ในอนาคตมีแนวโน้มที่ราคาเยื่อใยสั้น จะปรับตัวสูงขึ้นค่อนข้างน้อย โดยราคาเยื่อปัจจุบันทรงตัวถึงมีแนวโน้มต่ำลงเล็กน้อย
สำหรับในประเทศไทย ผู้ผลิตที่ผลิตเยื่อเพื่อขายในประเทศและส่งออก มี 2 รายเท่านั้นคือ AA และ PPPC
AA มีกำลังการผลิตประมาณ 400,000 ตัน แต่มีต้นทุนการผลิต ต้นทุนทางการเงินสูงมาก ทำให้ต้นทุนการผลิตสูง มาร์จินต่ำ งบดุลมีความเสี่ยงค่อนข้างมาก เนื่องจากมีหนี้สูง และหนี้ระยะสั้น สูงกว่าสินทรัพย์ระยะสั้น
PPPC มีผลิตหลากหลายกว่าคือมีเยื่อที่ผลิตจากไผ่และปอด้วย ซึ่งมีราคาสูงกว่าเยื่อไม้ยูคาร์ลิปตัส ทำให้มีมาร์จินสูง งบดุล และผู้ถือหุ้นแข็งแกร่งมาก กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายกำลังการผลิต แต่มีข้อด้อยคืออยู่ห่างจากท่าเรือค่อนข้างมาก
แต่แนวโน้มในระยะสั้นกำไรของทั้ง 2 ราย จะุถูกกดดัน จากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทั้งจากวัตถุดิบไม้ยูคาร์ลิปตัส ที่มีแนวโน้มขาดแคลน และราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง
เยื่อกระดาษมี 2 ชนิดคือเยื่อใยสั้นและเยื่อใยยาว
แต่ประเทศไทยผลิตได้เฉพาะเยื่อใยสั้น
ส่วนเยื่อใยยาวต้องนำเข้าจากประเทศเมืองหนาว
และเยื่อใยสั้น ก็ยังผลิตได้จากวัตถุดิบหลายชนิด
แต่ที่นิยมคือ ไม้ยูคาร์ลิปตัส และไม้ป่าธรรมชาติ
สำหรับประเทศไทยผลิตจากไม้ยูคาร์ลิปตัส
โดยเป็นเพียงประเทศเดียวในเอเชีย ที่ผลิตได้
ส่วนอินโดนีเซีย (เอเชีย พัลล์ แอนด์ เพเพอร์) ผลิตจากไม้ธรรมชาติ
ซึ่งทำให้ได้คุณภาพกระดาษที่ด้อยกว่า เนื่องจากเป็นเยื่อที่ได้จากไม้หลายชนิด
ทำให้คุณภาพไม่สม่ำเสมอ และโดนต่อต้านจากกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย
เยื่อกระดาษยูคาร์ลิปตัส ที่ผลิตได้ จะนำไปทำเป็นกระดาษพิมพ์เขียน และกระดาษชำระ
คู่แข่งในตลาดโลกที่สำคัญคือกลุ่มผู้ผลิตจากลาตินอเมริกา โดยเฉพาะบราซิล
ซึ่งมีเนื้อที่ที่สามารถปลูกไม้ยูคาร์ได้มาก มีภูมิอากาศเหมาะสม ทำให้เป็นผู้ผลิตที่มีกำลังการผลิตมาก ต้นทุนต่ำที่สุดในโลก แต่เมื่อส่งเข้ามาขายในเอเชีย ต้องเสียค่าขนส่งค่อนข้างแพง ทำให้ต้นทุนที่ขายในเอเชีย ใกล้เคียงกับผู้ผลิตจากไทย
เนื่องจากมีการขยายกำลังการผลิตมาก จากผู้ผลิตจากลาติน ทำใ้ห้ในอนาคตมีแนวโน้มที่ราคาเยื่อใยสั้น จะปรับตัวสูงขึ้นค่อนข้างน้อย โดยราคาเยื่อปัจจุบันทรงตัวถึงมีแนวโน้มต่ำลงเล็กน้อย
สำหรับในประเทศไทย ผู้ผลิตที่ผลิตเยื่อเพื่อขายในประเทศและส่งออก มี 2 รายเท่านั้นคือ AA และ PPPC
AA มีกำลังการผลิตประมาณ 400,000 ตัน แต่มีต้นทุนการผลิต ต้นทุนทางการเงินสูงมาก ทำให้ต้นทุนการผลิตสูง มาร์จินต่ำ งบดุลมีความเสี่ยงค่อนข้างมาก เนื่องจากมีหนี้สูง และหนี้ระยะสั้น สูงกว่าสินทรัพย์ระยะสั้น
PPPC มีผลิตหลากหลายกว่าคือมีเยื่อที่ผลิตจากไผ่และปอด้วย ซึ่งมีราคาสูงกว่าเยื่อไม้ยูคาร์ลิปตัส ทำให้มีมาร์จินสูง งบดุล และผู้ถือหุ้นแข็งแกร่งมาก กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายกำลังการผลิต แต่มีข้อด้อยคืออยู่ห่างจากท่าเรือค่อนข้างมาก
แต่แนวโน้มในระยะสั้นกำไรของทั้ง 2 ราย จะุถูกกดดัน จากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทั้งจากวัตถุดิบไม้ยูคาร์ลิปตัส ที่มีแนวโน้มขาดแคลน และราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- ผู้ติดตาม: 0
อุตสาหกรรมเยื่อกระดาษ
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
แต่ที่ว่าต้นทุน ยูคา สูงเนี่ย
คุณพ่อผมมีสวนปลูกยูคาอายุ 5 ปี ที่เชียงใหม่ ตอนนี้ขายอยู่ต้นละสี่สิบยังไม่เห็นมีคนมาตัดไปเลยครับ เค้าบอกว่าถ้าฟรีถึงจะมาตัด
แต่ที่ว่าต้นทุน ยูคา สูงเนี่ย
คุณพ่อผมมีสวนปลูกยูคาอายุ 5 ปี ที่เชียงใหม่ ตอนนี้ขายอยู่ต้นละสี่สิบยังไม่เห็นมีคนมาตัดไปเลยครับ เค้าบอกว่าถ้าฟรีถึงจะมาตัด
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
อุตสาหกรรมเยื่อกระดาษ
โพสต์ที่ 4
ปกติพื้นที่ปลูกยูคาร์ จะต้องอยู่ำใกล้โรงงานไม่ควรเกิน 150 กม.ครับแต่ที่ว่าต้นทุน ยูคา สูงเนี่ย
คุณพ่อผมมีสวนปลูกยูคาอายุ 5 ปี ที่เชียงใหม่ ตอนนี้ขายอยู่ต้นละสี่สิบยังไม่เห็นมีคนมาตัดไปเลยครับ เค้าบอกว่าถ้าฟรีถึงจะมาตัด
เพราะหากไกลกว่านี้ ค่่าขนส่งกินหมดครับ ทั่วโลกก็เป็นอย่างนี้ครับ
ดังนั้นที่คนตัดไม้ บอกคุณ gone อย่างนั้นก็คงถูกต้องแล้วครับ
เพราะโรงงาน PPPC อยู่จังหวัดพี่ปรัชญา ส่วน AA อยู่ที่ปราจีน
หากตัดไปทำไม้เฟอร์นิเจอร์ก็คงไม่ได้ครับ เพราะไม้อายุแค่ 5 ปี
ต้นยังเล็ก ไม่เหมาะที่จะทำเฟอร์นิเจอร์ครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว