สมาชิกใหม่เพิ่งมารายงานตัวค่ะ อาการเริ่มหนัก

[licca]

ขอเข้ามาคุย ปรึกษา หาความรู้ ที่เวปบอร์ดแห่งนี้ด้วยคนค่ะ
ได้เข้ามาอ่านกระทู้ต่างๆ ของพี่ๆ น้องๆทั้งหลายอยู่พักนึงแล้วค่ะ
ชอบแนวความคิดของพี่ๆหลายคนในห้องนี้มาก
ขอฝากตัวด้วยอีกคนค่ะ

เพิ่งเข้าเทรดเมื่อต้นเดือน ตอนนี้ลงทุนไปสองในสามแล้ว (งบแค่แสนห้า) แต่เนื่องจากทุนน้อย เลยไม่ค่อยเครียดเท่าไหร่ แต่ก็เครียดเหมือนกัน เนื่องจากเป็นเงินเก็บจากการทำงานก้อนแรก (แต่อาทิตย์แรกก็ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ) แต่ก็ดีค่ะ น้ำหนักลด

เวลาแค่สามอาทิตย์ หันมามองดูตัวเองพบว่า ใจร้อนไปหน่อย ศึกษาความรู้ยังไม่พอ แต่อยากลอง

ตอนนี้ ถือหุ้นอยู่ มีแต่หุ้น บันเทิง กับหนังสือ ซึ่งคิดว่าดี และมีปันผล
แต่วันนี้ เอาอีก ซื้อหุ้นสื่อสาร ทั้งที่คิดว่า มันคงลง แต่ก็อยากซื้อ
บางที ก็ซื้อแล้วก็ไม่มั่นใจก็ขาย (ช่วงอาทิตย์แรก)

ตัวเอง เรียนมาทางเครื่องกล แต่มีความรู้ทางด้านอุตสาหกรรมน้อย ชอบอ่านหนังสือ ดูทีวี ก็เลยเริ่มจากหุ้นบันเทิงก่อน ถึงแม้ พีอีจะค่อนข้างสูงไป

อยากทราบว่า เพื่อนๆห้องนี้ ช่วงลงทุนใหม่ๆ ตัดสินใจซื้อกันยังไงบ้างคะ

[Dr.T]

ยินดีต้อนรับครับ
ตัวแรก ๆ เลือกตามตำราเป๊ะ ๆ เลยครับ พีบีต่ำ พีอีต่ำ ปันผลงาม หลัง ๆ นี่เริ่มมีการพนันบ้าง
ตัวตามตำราไม่มีตัวไหนทำให้ผิดหวังสักตัว 8) ยกเว้น metco หุ้นดีแต่เข้าไม่ถูกจังหวะ เลยเจ็บตัวเล็กน้อย
สื่อสารยังแกว่ง ๆ ชอบกลครับ ผมคิดว่าจะลงไปอีก ถ้าเงินเย็นก็ทำใจสบาย ๆ ละกันครับ

[ayethebing]

ตอนผมเล่นหุ้นครั้งแรกประมาณเกือบสิบปีที่แล้วครับ หุ้นตัวแรกที่ซื้อคือ NAVA นวธนกิจครับ ตอนนี้เจ๊งไปแล้ว ตอนนั้นดัชนียังเฟื่องอยู่ครับแต่เป็นช่วงปลายๆ แล้ว

วิธีเลือกก็มั่วเช้ดดดดด เห็นว่าตัวไหนดีแบบ gut feeling ล้วนๆ temple boxing ของจริงเลย (แบบที่เรียกว่าเจ้าของสำนัก temple boxing ตัวจริงยังไม่ยอมรับเป็นศิษย์เลยทีเดียว) แต่ก็เรียกได้ว่าไม่ขาดทุนละครับ เพราะตอนนั้นมันยังขึ้นนี่ พอมันเริ่มมีท่านบรรหาร ผมก็เริ่มเลิกเล่นครับ แล้วช่วงนั้นก็ยุ่งหลายเรื่องก็เลยเลิกเล่น ขายล้างพอร์ทไปเลย ผมเคยมี SITCA (เดี้ยงไปแล้ว) TA (อยู่ก็เหมือนเดี้ยง) และก้อ SPL (หุ้นดีที่อยู่ยงคงกระพัน) ครับ

กลับมาเล่นไม่นานนี่เอง หลังจากที่ได้อ่านหนังสือของดร. นิเวศน์แล้วรู้สึกถูกใจ และรู้สึกว่าแนวนี่แหละเป็นแนวที่เราชอบก็เลยศึกษามาในแนวนี้ตลอดเลยครับ

เพิ่งเริ่มเล่นหุ้นพอเจอภาวะแบบนี้ก็หนาวเลยใช่มั้ยครับ อืม ตอนนี้ผมว่าเหมาะเล่นกลุ่ม defensive stock หรือไม่ก็ไม่เล่นเลยกระมัง ทิศทางยังไม่ชัดเจนครับ

แต่ถ้ามีซื้อไปแล้วก็ไม่เป็นไรครับ ผมว่าน่าจะไปได้นะปีนี้ แต่ต้องอดทนหน่อย หวังว่าคงเลือกหุ้นได้ถูกต้องนะครับ[/b]

[champ]

ผมกลับมาเริ่มเล่นเมื่อปีที่แล้วครับ
เรื่องของผมก็คล้ายๆ คุณ ayethebing แหละครับ
เพียงแต่ตอนนั้นผมถ้าจำไม่ผิดเรื่อง ไฟแน๊นซ์ล้มนะครับ
แล้วผมก็หยุดไปเลย
กลับมาปีที่แล้ว ผมเดินหน้าหาหุ้นปันผลอย่างเดียวเลยครับ
นอกจากบางตัวที่เพื่อนให้มาแบบ ซื้อด้วยกันก็เอาหน่อยนึง
แต่ส่วนมากปันผลอย่างเดียวเลย
แต่ต้องเทียบอัตราส่วนดีๆนะครับ ว่าซื้อที่ราคาไหนดีครับ
คราวที่แล้วผมบอกได้ว่าผมเจ๊งไปประมาณ 6 หลักเลข 2 นำนะครับ
เพราะเพิ่มเริ่มเข้าเอง ตลาดก็พังเลย
ตอนนี้ผมได้คืนแล้ว มีกำไรด้วยนิดหน่อยครับ
ลองหาดูครับ แต่ละคนมีแนวทางไม่เหมือนกันหรอกครับ
เดี๋ยวคุณก็จะหาเจอครับ เข้ามาที่นี่ดีแล้วครับ
พยายามซื้อหุ้นเป็นการลงทุนแล้วคุณจะสบายใจครับ
ไม่งั้นเดี๋ยวซื้อเดี๋ยวขาย ปวดหัวครับ

[licca]

ขอบคุณค่ะ ที่มาเล่าประสบการณ์เก่าๆ
ตอนนี้ก็นั่งดูหุ้นที่ซื้อตกลงเรื่อยๆค่ะ แต่ใจเริ่มนิ่งแล้ว
ที่ร่วงแล้วขาดทุนอยู่ก็คือ แกรมมี่ค่ะ แต่ก็คือซื้อไม่เยอะ ยังขาดทุนแค่สองสามเปอร์เซ็นต์ กะว่าถือรอปันผล ถ้ามันตกมากๆ อาจจะซื้อเฉลี่ย ไม่รู้คิดถูกรึเปล่า ยังไม่กล้าตัดสินใจอยู่ค่ะ

สนใจ metco stanly เหมือนกัน แต่เห็นว่า ถ้ารอ น่าจะดี ก็เก็บเงินไปเรื่อยๆ ตอนนี้ก็รอไปก่อน

ตอนนี้กำลังหัดอ่านงบอยู่ค่ะ กำลังรอยืมหนังสือของ warren buffett อยู่ (คาดว่าอาทิตย์นี่ คงได้อ่านจากห้องสมุดที่นี่)

อยากหาอ่านหนังสือของ ดรนิเวศน์ ด้วยค่ะ มีใครสนใจจะส่งมาแลกกับ as the future catches you (ภาษาอังกฤษ) ก็บอกนะคะ พอดีอ่านจบแล้ว เก็บไว้ก็คงไม่ได้อ่านอีกอยู่ดี

[harry]

ผมเริ่มจากมองกิจการหรือธุรกิจที่มีการเงินแข็งแกร่งก่อนเลยครับ หาที่หนี้น้อย ไม่มีหนี้ยาว หาที่ปันผลต่อเนื่อง และผมก็เจอเยอะนะ แต่เงินมันน้อย จะซื้อหลายตัวก็กระจายเยอะไป ตอนนี้ก็คัดมาเหลือดีๆไม่กี่ตัวได้แล้ว ก็ทยอยสะสมเงินมาเก็บเมื่อราคาถูกลงครับ

[Banchap]

เริ่มเล่นเมื่อหลายปีที่แล้ว ได้ IPO มาขายได้กำไร นึกว่า มันได้ง่าย ๆ
เลยเล่นแบบดูหนังสือพิมพ์ แต่ไม่มีหลักอะไร ผลคือขาดทุนไป 2-3 หมื่นบาท หยุดเล่นเลย เครียดครับ
เมื่อ 2 ปีที่แล้ว กลับมาเล่นใหม่ แบบเดิม โชคดีที่เท่าทุน เครียดเหมือนเดิม ลุ้นทุกชั่วโมง (แบบว่าโลภมาก) แล้ววันหนึ่ง(ครึ่งปีที่แล้ว)ก็ฉุกคิดได้ว่า มันน่าจะผิดทางแล้ว เลยค้นหาหนทางใหม่ ก็ได้ที่นี่ เป็นที่พึ่งหลักครับ
ตอนแรกก็ผิด ๆถูก ๆ ตอนนี้เริ่มเข้าใจมากขึ้น ตัวที่ทำตามแนวนี้ ยังไม่ขาดทุน แต่ก็กำไรไม่มาก ตัวที่ตามแห่ ขาดทุนครับ

พยายามทบทวนบ่อย ๆก็จะเข้าใจมากขึ้นครับ

[sirivajj]

สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับครับ
ปีนี้หุ้นทำท่าว่า จะเล่นได้ด้วยยากเพราะเรามาอยู่ในฐานที่สูงพอควรแล้ว
เรียกว่า ราคาหุ้นได้ไปรอผลการดำเนินงานแล้วในระดับหนึ่ง
ก็ขอให้คุณ (และผมด้วย) ทำการบ้านแล้วโชคดีมีกำไร และได้ประสพการณ์ที่ประทับใจครับ

[chatchai]

น้อง licca จบวิศวะเครื่องกลหรือครับ เห็นบอกว่าเรียนมาทางด้านนี้

[licca]

ใช่ค่ะ จบวิศวะเครื่องกล น่าจะสถาบันเดียวกันกับพี่ๆหลายคนในห้องนี้
ได้ไปทำงานเป็นวิศวะเครื่องกลอยู่ที่ญี่ปุ่นอยู่พักนึง ได้เป็นสาวโรงงานเลยค่ะ ได้ออกแบบเอง วาดเอง เดินเครื่องเอง ได้ประกอบเอง ซ่อมเครื่อง ทำมาหมดเหมือนกัน เครื่องเอ็นซี เครื่องกลึง (งง เหมือนกัน นึกว่า ญี่ปุ่นจะไฮเทคกว่านี้) แต่ยอมรับว่าช่างเค้าก็ฝีมือจริงๆ ส่วนใหญ่ ทำงานจนลูกโตหมด อายุเกินแล้วก็ยังมาทำ วิศวะภาคทฤษฎีอย่างเรา นี่กระอักเลือดเหมือนกันค่ะ ช่วงแรกๆเค้าใช้งานโหด ตัวเหม็นน้ำมันทั้งวัน ซักยังไงก็ซักไม่ออก

ตอนนี้เลย ทำงานเกี่ยวกับคอมพ์แทน งานสบาย แต่ปวดตา อยากกลับไปทำงานแบกหามเหมือนเดิมเหมือนกัน

[wpong]

ตอนต้นปี 46 ผมเตรียมตัวจะเล่นหุ้น แต่บังเอิญได้คุยกับพี่เจ้าของร้านข้าวแกงที่กำลังจะเจ๊ง เขาบอกว่าเขาเป็นผู้บริหารของบริษัทที่ทำด้านการเงินแห่งหนึ่งแต่ถูก Early Retry ได้เงินมาเกือบ 2 ล้านก็เลยซื้อหุ้นของ 56 Finance ที่ถูกปิดก็เลยเกือบหมดตัว
ตอนนี้ไม่เจอแกแล้วเพราะร้านข้าวแกงแกเจ๊งไปแล้ว น่าสงสารกว่าเราเยอะครับ

[Mon money]

ผมก็จบวิศวฯเครื่องกลครับ

ลงทุนใหม่ๆ ผมแนะให้คิดให้หลายๆตลบหน่อย Buffettบอกว่า คิดเสียว่าเรามีโอกาสในการเลือกลงทุนแค่ 20ครั้งในชีวิตเท่านั้น จงใช้ความคิดวิเคราะห์ให้ถี่ถ้วน และถ้วนถี่ กรองหลายๆขั้น อาจถามพวกๆในนี้ได้ครับ

[อวดรู้]

ข้อดีของแกรมมี่
1. มีศิลปินระดับแม่เหล็กอยู่หลายคน คงไม่ต้องบอกว่ามีใครบ้าง
2. มีเพลงเก่าๆที่ยังคงได้รับความนิยม ... นำมาหากินใหม่ได้
3. มี Resource ค่อนข้างเยอะเกี่ยวกับการแต่งเพลง
4. ความรู้สึกส่วนตัวนะครับ รู้สึกว่าเป็นมืออาชีพมากกว่า RS

ข้อเสีย
1. การละเมิดลิขสิทธิ์ เช่น MP3 ที่ทำอย่างไรก็ไม่ตาย อีกทั้งเพลงของแกรมมี่ส่วนใหญ่จะเพราะอยู่แค่เพลงเดียวในอัลบั้มซึ่งจะไม่ทำให้มีแรงจูงใจซื้อของลิขสิทธิ์เท่าไรนัก (ยืมความเห็นคุณ Invisible Hand มาครับ)

2. ธุรกิจบางอย่างลองผิดลองถูกนานไปหน่อย เช่น ภาพยนตร์ ซึ่งมีหนังคุณภาพแต่ไม่ได้กำไรออกมาเยอะมาก ยกเว้นช่วงหลังที่เหมือนจะรู้ตัว เลยเริ่มเอาใจตลาดมากขึ้น (ก็ความเห็นคุณ Invisible Hand อีกนั่นแหละ)

3. ผู้บริหาร (ความเห็นมั่วๆของผมเอง)
3.1 ผมไม่มั่นใจอากู๋เลย ชอบลองผิดลองถูกทำธุรกิจที่มีโอกาศเสี่ยงเยอะเช่น ทำบะหมี่ U-Me (ขออภัยหากเขียนผิดเนื่องจากไม่เคยกิน)
การลงทุนในไต้หวันซึ่งผมประหลาดใจมากว่าทำไมถึงกล้าลงทุน ขนาดเมืองไทยแท้ๆนักร้องมากกว่าครึ่งยังปั้นไม่ดังเลย ซึ่งทำให้เปลืองเวลา เปลืองเงิน เปลืองสมอง
3.2 แกรมมี่ยังคงใช้ลูกหม้อของตัวเองในการบริหารซะส่วนใหญ่ ซึ่งคนเหล่านี้อาจจะมีความเข้าใจในเรื่องเพลง แต่ผมไม่มั่นใจว่า จะเข้าใจธุรกิจแตกฉานเพียงใด

เอามาชั่งน้ำหนักดูครับ ว่าควรจะเป็นอย่างไร

[licca]

ขอบคุณค่ะ ลองชั่งน้ำหนักดูแล้ว ก็คิดว่าแกรมมี่คงไม่ใช่หุ้นบันเทิงที่คุ้มค่ากับเม็ดเงินเท่าไหร่นักค่ะ แต่ในข้อเสีย ก็คิดว่าไม่เลวร้ายนัก ได้ปันผลก็น่าจะดีกว่าฝากธนาคาร แล้วก็บริษัทมีแบรนด์ของตัวเอง มีเพลงเก่าๆที่คงนำมาขายได้เรื่อยๆ

1. การละเมิดลิขสิทธิ์ เช่น MP3

อันนี้มีมาหลายปีแล้ว เข้าใจว่าคงจะมีผลกระทบจากนี้ ต่อไปอีกไม่มากเท่าไหร่ ถ้าของแท้มีการผลิตที่ดี ราคาไม่แพง ส่วนตัวคิดว่า ในอนาคตอาจจะมีแนวโน้มในทางที่ดีเกิดขึ้นได้

2. ธุรกิจบางอย่างลองผิดลองถูกนานไปหน่อย
3. ผู้บริหาร (ความเห็นมั่วๆของผมเอง)

ถ้ามองในแง่ดี ก็จะเห็นว่า ผู้บริหารมีความคิด สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ถ้าออกมาดี ก็จะดีกับบริษัท ถ้าไม่ดีก็แย่ค่ะ

ตอนนี้คงต้องศึกษาให้มากขึ้น เพราะจริงๆแล้วคงมีข้อเสียอื่นๆอีกมาก

[143]

สวัสดีครับ มือใหม่เหมือนกัน

ขอให้โชคดีครับ

[shadow_attack]

ผมเน้นรอให้มีข่าวร้ายมากๆแล้วซื้อตัวที่เล็งไว้ให้เยอะๆ ได้กำไรสองต่อ(capital gain+ low P/E) แต่วิธีนี้ทำได้ปีละไม่กี่ครั้งครับ ว่าแต่บอร์ดนี้วิศวะเครื่องกลเยอะจริงๆนะ ผมก็ด้วย

[TOM98]

ผมเริ่มเข้าวงการหุ้นเมื่อ ปี 96 ด้วยหุ้น IPO ของ BEC ครับ กำไรเยอะมาก
ทุนหุ้นละ 142 ขายไป 255 บาท กำไร เก้าหมื่นกว่าบาท หลังเข้าเทรด 2-3 วัน

จากนั้นก็ซื้อหุ้นกลุ่ม finance , bank เช่น NAVA NFS KK BBL TFB SCB
โดยไม่ได้ศึกษาอะไรเพิ่มเลย และ ไม่มีความรู้เรื่องหุ้นเลย ผลหรือครับ กำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง
แต่รวมแล้วกำไรเพิ่มเป็น สองแสน โดยมี port ประมาณ ห้าแสน

จากนั้นกะถือยาวโดยไม่ได้ดูตลาดเลย โดยถือหุ้น TFB ปัจจุบันใช้ ชื่อเป็น KBANK
ผลหรือครับ ขาดทุนไปเก้าแสนครับ จากทุน 1.6 ล้านบาท และ เลิกดูตลาดไปพักนึง

ปีที่แล้วผมกลับมาศึกษาใหม่เริ่มจากอ่าน FORM56-1 โดย download ทุกบริษัทในตลาด
มาอ่านว่าทำธุรกิจอะไร รายได้มาจากใหน ปัจจัยเสี่ยงมีอะไร ทุนจดทะเบียนเท่าไร มี warrant เยอะไหม
ผู้ถือหุ้นเป็นใครบ้าง กำไรเติบโตดีหรือไม่ ใช้เวลาอ่านอยู่ 4 เดือนครับ

และปลายปีซื้อหนังสือ New buffetology , Value investing made easy ฉบับแปลมาอ่าน ดีมากๆ ครับ
และก็หนังสือบัญชีเกี่ยวกับการอ่านงบอีกหลายเล่ม

ปัจจุบันเริ่มลงทุนอีกครั้งเมื่อต้นปี 2004 มี PL PHA MBK โดยดูจากกำไรเติบโตตามเศรษจกิจ
PHA ได้กำไรจากลงทุนในหุ้นเยอะ ดูๆ แล้ว เหมือนลงทุนกับกองทุนรวมในหุ้นเลย ถ้าหุ้นตกกำไรก็ลดลง
ก็ต้องระวังหน่อย

ตอนนี้เวลาซื้อจะดูว่า
1 ธุรกิจจะไปรอดหรือเปล่า
2 มีอัตราการเติบโตของกำไรที่น่าพอใจ และ อยู่ในช่วงขาขึ้นของธุรกิจ
3 ปันผล 50 % ของกำไร สม่ำเสมอ Yield > 5 %
4 P/E < 10
5 P/BV < 2
6 ROE > 12 %
7 ไม่มี warrant, ESOP ถ้าจะให้ดี มีการซื้อหุ้นคืนจากตลาดด้วย

ข้อ 3 และ 4 จะปรับตามผลตอบแทนอื่นๆ ด้วย เช่น ผลตอบแทนจากพันธบัตร ถ้าผลตอบแทนพันธบัตรสูง
ก็จะใช้ P/E ที่ยิ่งน้อยลงไปอีก และ yiled มากขึ้น เพื่อให้ได้มากกว่าผลตอบแทนจากพันธบัตร

คอยหาจังหวะซื้อเวลาคนตกใจขายหุ้นออกมาราคาต่ำกว่าปรกติ


เท่าที่ผ่านมา คิดว่าคนส่วนใหญ่ ที่ซื้อๆ ขาย ๆ อยู่ทุกวัน เป็นเก็งกำไรซะเกือบทั้งหมด มีรายย่อยลงทุนถือยาวน้อยมาก
แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ทราบว่ามีอยู่กี่ %

ผมคงจะทดลองแนวถือยาวต่อไป (ถือจนกว่าความสามารถทำกำไรจะตกลง) แต่เป็นแบบมีหลักการ
และข้อมูลธุรกิจที่จะลงทุนมากขึ้น ดูแนวโน้มธุรกิจของบริษัท และเศรษฐกิจโดยรวมด้วย
โดยหวังว่าจะได้เงินปันผลปีละ > 6.5 % (รวมเครดิตภาษีด้วย) ส่วน capital gain หวังว่า
จะได้ปีละ 10 - 15 % ก็ พอใจแล้วละครับ

[CK]

GRAMMY น่าจะรองบออกก่อนค่อยซื้อนะครับ ปีที่แล้วไม่น่าจะดี

หรือไม่ก็ลองดู GMMM ดีกว่าครับภาษีดีกว่าเยอะ

[licca]

มีหุ้น bec อยู่ด้วยค่ะ กับ ซีเอ็ด หุ้นแกรมมี่ สามตัว ดูแล้วน่าจะรอ งบออกก่อนจริงๆ ไม่รู้จะรีบซื้อไปทำไม แต่ด้วยความอยากลอง อยากรู้อยากเห็น ทั้งๆที่มีความเข้าใจในธุรกิจน้อยอยู่ แต่ก็เตรียมรับมือกับความผิดพลาดของตัวเองอยู่แล้วค่ะ คาดว่าถ้าลงก็ลงไม่เยอะมาก เพราะมีปันผลสูงอยู่

ตอนนี้เลยหันมาค้นคว้าเพิ่มเติม เพิ่งสั่งหนังสือ New buffetology แต่คงอีกสองสามวันกว่าจะได้ แล้วก็สั่งหนังสือของดร นิเวศน์ด้วยค่ะ

เพิ่งอ่าน the intelligent investor guide กับ new market wizard (interview with top trader)จบไป พอจะเริ่มเข้าใจตลาด ปัจจัยต่างๆ และความเป็นมาในอดีตมากขึ้น แต่เล่มหลังดูจะไม่ค่อยเข้าเค้ากับนักลงทุนระยะยาว ส่วนใหญ่เป็นวิธีของผู้จัดการกองทุนต่างๆ

ทีนี้ก็เริ่มเห็นปัญหาของตัวเองคือ ไม่มีความรู้ในด้านธุรกิจและอุตสาหกรรม ความรู้อยู่ในวงแคบ การที่จะเฟ้นหาธุรกิจดีๆ ราคาไม่สูง ก็ยิ่งจำกัดเข้าไปอีก ทำให้ไม่สามารถวิเคราะห์บริษัทอย่างละเอียดได้ ดูพี่ๆในนี้ มีความรู้ในแต่ละธุรกิจเยอะดีค่ะ

ยังคิดอยู่ว่าการใช้วิธีมองภาพตลาด โดยรวม top down management อาจจะเป็นวิธีเลือกการลงทุนในช่วงนี้ไปก่อน อย่างน้อยก็เป็นการเรียนรู้ไปเรื่อยๆค่ะ

ตอนนี้กำลังหาหนังสือที่อธิบาย ตลาดตาม sector ต่างๆ แวดวงอุตสาหกรรม วงจรของตลาดน่ะค่ะ แต่ยังหาไม่เจอเลยค่ะ
พี่ๆห้องนี้น่าจะรวมตัวกันเขียนหนังสือนะคะ ขอสมัครเป็นลูกค้าไว้เลย

PL PHA MBK ก็น่าสนใจมากค่ะ แต่ตัวเองยังมีหุ้นติดพอร์ตอยู่ตั้งสามตัว ถ้าตัดใจขาย แล้วมาลงทุน สามตัวนี้คงดีกว่า

อยากถามพี่ๆ เพื่อนๆ มีคำแนะนำให้ขายออกไปก่อน ไปตั้งหลักก่อน หาความรู้เพิ่มเติม ก่อนดีมั๊ยคะ

ตอนนี้ขายออกไปหมด ถัวเฉลี่ยกันแล้ว ก็ยังไม่ขาดทุนค่ะ ได้เงินเพิ่มอีกนิดหน่อยด้วย